ประสบการณ์ชีวิต ของพี่ WEB พรชัย รัตนนนทชัยสุข ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 101
- ผู้ติดตาม: 0
ประสบการณ์ชีวิต ของพี่ WEB พรชัย รัตนนนทชัยสุข ครับ
โพสต์ที่ 1
อายุจะครบ 29 ในอีกไม่กี่วัน เลยมานึกๆ ว่า ชีวิตที่ผ่านมาได้เรียนรู้อะไรบ้าง ทั้งเรียนรู้จากประสบการณ์ตัวเอง จากคนอื่น และจากการอ่าน เขียนเท่าที่นึกออกเร็วๆ นะครับ
1. เราเลือกหลายๆ อย่างในชีวิตไม่ได้ เช่น เราเลือกเกิดไม่ได้ เลือกหน้าตาไม่ได้ การมานั่งคิดเรื่องที่เราแก้ไขไม่ได้เป็นเรื่องเสียเวลา ทำให้ดีที่สุดกับสิ่งที่เรามีและสิ่งที่เราเป็นจะเป็นการใช้เวลาที่คุ้มค่ากว่า
2. อย่าเรียกร้องจากชีวิตมากเกินไป แต่ก็อย่าโอ๋ตัวเองมากจนสำออย ควรพยายามตั้งใจเข้าให้ถึงเส้นชัย แต่มันไม่ใช่เรื่องจำเป็นเลยที่เราจะต้องเข้าถึงเส้นชัยก่อนใคร ไม่จำเป็นด้วยว่าต้องติดอันดับใดๆ
3. เรื่องไม่ดี เรื่องผิดหวัง ปัญหาที่ผ่านไปแล้ว เรียนรู้จากมันแล้วก็จบๆ ไป เลิกคิด อย่าคิดวนไปวนมา การเอาปัญหาที่ผ่านไปแล้วมาคิดซ้ำๆ ก็เหมือนเราเป็นแผล แล้วเราเอามือบี้แผลเล่นซ้ำๆ อยู่ยังงั้น
4. เรื่องที่ยังไม่เกิด เราก็ไม่ควรทุกข์ การทุกข์ไปล่วงหน้าไม่ได้ช่วยอะไรเลย คนเรามักทุกข์ไปก่อนเกินเหตุ แล้วต่อให้มันเกิดปัญหาขึ้นจริงๆ เราไปทุกข์ตอนนั้นก็ยังทัน ตั๋วทุกข์ไม่มีหมด มีแจกตลอดเวลา ไม่ต้องรีบไปแย่งมา
5. เราไม่ได้ monopoly ความทุกข์ มันไม่ใช่เรื่อง personal เราไม่ได้มีความทุกข์อยู่คนเดียว ใครๆ ก็มีความทุกข์กันทั้งนั้น เรื่องนั้นบ้าง เรื่องนี้บ้าง ฝนไม่ได้ตกอยู่บนหัวเราคนเดียว แบบสติ๊กเกอร์ใน line ปัญหามีไว้ให้แก้ ไม่ได้มีไว้ให้กลุ้ม
6. การอ่านเป็นการเปิดโลกกว้าง ทำให้เรารู้ในสิ่งที่เราไม่รู้ ทำให้เราสามารถเรียนรู้จากชีวิตคนอื่น โดยที่เราไม่ต้องไปเจอกับเรื่องนั้นๆ เอง หนังสือคือแหล่งความรู้ที่มีราคาถูกที่สุด คุ้มค่าที่สุด นั่งทำไรอยู่ หาหนังสือมาอ่านจิ
7. มี inner scorecard เป็นมาตรวัดตัวเอง คนที่วัดตัวเองด้วย outer scorecard หรือวัดจากความคิดของคนอื่น อยากได้รับความชื่นชมจากคนอื่น นอกจากจะต้องสร้างความสำเร็จแล้ว ยังต้องป่าวประกาศด้วย มันน่าเหนื่อย!!!
8. เวลามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เรารู้ชัดๆ ตอนนั้นไม่ได้หรอกว่า มันคือโชคดีหรือโชคร้าย เรื่องที่ดูเหมือนเป็นโชคร้าย จริงๆ แล้วอาจจะเป็นโชคดี เรื่องที่ดูเป็นโชคดี จริงๆ แล้วอาจจะเป็นโชคร้ายก็ได้ ถ้าเราดูกันยาวๆ หน่อย
9. อย่าหมกมุ่นกับเชิงปริมาณมากเกินไป เชิงคุณภาพสำคัญกว่าเยอะ มีเพื่อนกินข้าวกี่คนไม่สำคัญเท่ากับว่าเวลาเรามีปัญหา มีเพื่อนกี่คนที่ยินดีรับฟังและช่วยเหลือเรา อ่านหนังสือกี่เล่มไม่สำคัญเท่ากับว่าเราอ่านหนังสือดีๆ ไปกี่เล่ม
10. เราใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเดินทางไขว่คว้า ตอนที่เราถึงจุดหมายเป็นแค่ฉากสั้นๆ ฉากหนึ่งของเรื่องราวทั้งหมด ถ้าเราไม่มีความสุขระหว่างทาง เราจะเสียเวลาส่วนใหญ่ของเราไป
11. อย่าใช้เงินเป็นตัวตั้งมากเกินไป เพราะจริงๆ เราไม่ได้อยากได้เงิน เพราะอยากได้เงิน แต่เราอยากได้เงิน เพราะคิดว่า มันจะทำให้เรามีความสุข
12. ความฝัน ไม่ได้มีไว้ให้ฝัน แต่มีไว้ให้เราทำให้มันเป็นจริง นั่งฝันแล้วไม่ลงมือทำ มันก็คงเป็นได้แค่ฝันลมๆ แล้งๆ
13. อยากทำอะไร ทยอยทำ อย่าบอกตัวเองว่าเดี๋ยวจะทำตอนอายุเท่านั้นเท่านี้ ชีวิตคนเราไม่แน่นอน เราไม่มีทางแน่ใจได้เลยว่า นาทีต่อไป เราจะยังหายใจอยู่หรือเปล่า
14. กราฟชีวิตคนเรามีหลายแบบ พุ่งจากล่างขึ้นบน ดิ่งจากบนลงล่าง ราบเรียบไปเรื่อย พุ่งแล้วราบเรียบ พุ่งแล้วดิ่ง สารพัด ฉะนั้น ตอนอยู่สูง อย่าผยอง ตอนตกต่ำ อย่าท้อ
15. ความรักที่แท้จริงคือการให้ที่ไม่ได้หวังอะไรตอบแทน การให้ที่หวังสิ่งตอบแทนไม่ใช่ความรัก แต่เป็นการแลกเปลี่ยน
16. การปฏิบัติกับคนอื่นแตกต่างกันตามฐานะหรือสถานะทางสังคม เป็นสิ่งไม่ควรทำ ลูกเศรษฐีที่งอมืองอเท้าไปวันๆ จะมีค่ามากกว่าคนกวาดขยะที่ตั้งใจทำงานได้ยังไง ไม่เข้าใจ
17. การปฏิบัติกับคนอื่นเป็น butterfly effect เราโมโหใส่คนอื่นแบบไม่มีเหตุผล คนที่ถูกโมโหก็อาจจะไปโมโหคนอื่นต่อ ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเรายิ้มแย้มกับคนอื่น เค้าก็อาจทำแบบเดียวกันกับคนอื่นต่อ ต่อไปเรื่อยๆ
18. อย่าเชื่อใครเพียงเพราะเค้ามีสถานะเหนือกว่าหรืออายุมากกว่า เช่น ครูจะพูดถูกก็เพราะสิ่งที่ครูพูดมันถูก ไม่ใช่ถูกเพราะครูเป็นครู
19. การเลือกที่จะมีความสุขเป็นการตัดสินใจอย่างหนึ่ง เราสามารถเลือกที่จะมีความสุขได้ในนาทีนี้เลย โดยที่ชีวิตเราไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลยด้วยซ้ำ
20. อย่ายอมให้ใครมาทำลายความฝันหรือบั่นทอนเรา เค้าไม่รู้จักเรา เค้าไม่มีสิทธิ์มาพิพากษาชีวิตเรา แต่ยังไงก็ตาม เราก็ต้องไม่หลอกตัวเองด้วย
21. การต่อสู้เพื่อความถูกต้องไม่ใช่เรื่องง่าย
22. ก่อนจะนับถือชื่นชมใคร ดูละเอียดๆ ซักนิด อย่าดูแต่เปลือก คนเรามักจะให้เราเห็นเฉพาะสิ่งที่เค้าอยากให้เราเห็นเท่านั้น
23. ควรสนับสนุนชื่นชมคนทำดี เค้าคงทำดีของเค้าแหละ แต่อย่างน้อย เค้าจะได้มีกำลังใจมากขึ้น
24. คุณลักษณะอย่างหนึ่งของคนที่ประสบความสำเร็จคือการ focus อย่าทำอะไรสะเปะสะปะ เยอะแยะไปหมด แต่ไม่เชี่ยวชาญอะไรเลย ชีวิตคนเราต้องมีวิชาเอก
25. ความสำเร็จที่เกิดจากทักษะเท่านั้นที่จะเกิดซ้ำแล้วซ้ำอีกได้อย่างต่อเนื่อง ความสำเร็จที่เกิดจากโชคมันไม่ยั่งยืน เปลืองธูปด้วย เพราะเราต้องไหว้เจ้าเยอะ
26. การซื้อของ เราได้ของมาก็จริง แต่พอนานๆ ไป ค่าของมันก็จะน้อยลง เรามักเห่อแค่ตอนแรกๆ ในทางตรงกันข้าม การซื้อประสบการณ์ มันจะตราตรึงในความทรงจำของเราตลอดไป
27. โลกเราไม่มีอะไรที่เราจะได้มาฟรีๆ ทุกอย่าง เราต้องเอาอะไรบางอย่างไปแลกมาทั้งนั้น คิดดูดีๆ ก่อนว่า มันคุ้มมั๊ย
28. ความฝันของเราไม่จำเป็นต้องไปเหมือนความฝันของใคร คนอื่นมองไม่เห็น ช่างเค้า เราเห็นของเราก็พอ มีฝันแล้วก็ต้องพยายาม ทุ่มเททุกสิ่งให้แก่ความฝันซึ่งมีแต่เราเท่านั้นที่มองเห็น
29. การพยายามอย่างหนักดูเหมือนเป็นเรื่องดี แต่ทิศทางสำคัญที่สุด ถ้าเราวิ่งผิดทาง ยิ่งเราวิ่งเร็วเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งห่างไกลจากเป้าหมายของเรามากขึ้นเท่านั้น
30. ชีวิตคนเราแต่ละคนเป็นเหมือนเสื้อผ้าสั่งตัด ไม่ใช่เสื้อผ้าสำเร็จรูป ไม่มีชุดไหนที่เหมือนกันเป๊ะๆ เราไม่ควรไปเปรียบเทียบชีวิตของเรากับใคร คนอื่นจะดีหรือแย่ยังไง ไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้นหรือแย่ลง เราจะดีขึ้นหรือแย่ลงก็เพราะน้ำมือตัวเองทั้งนั้น จะเปรียบเทียบ ก็เทียบตัวเองในวันนี้กับตัวเองเมื่อวาน ว่าเราได้พัฒนาตัวเองหรือเปล่า
31. ทำดีได้ดี ทำไม่ดีได้ไม่ดีหรือเปล่า ไม่แน่ใจ ทำดีสบายใจ ทำไม่ดีไม่สบายใจจริงม๊ย เค้าไม่รู้ เพราะคนทำไม่ดีก็สามารถหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองให้สบายใจได้ เอาเป็นว่า ทำดีได้ทำดี -จบ-
32. การทำดีของคนคนนึง อาจไปกระตุ้นให้คนอื่นๆ อีกหลายคนอยากทำดีด้วย เหมือนการโยนก้อนหินลงไปในบ่อน้ำ น้ำจะกระเพื่อมขยายวงออกไป
33. การใช้ชีวิตเป็นศิลปะ ไม่ได้มีสูตรสำเร็จเป๊ะๆ ในทุกสถานการณ์ มีความคิดที่ยืดหยุ่น ประเมินสถานการณ์ แล้วเลือกกลยุทธ์ให้เหมาะสม บางครั้ง น้ำขึ้นให้รีบตัก แต่อีกหลายครั้ง ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม หลายครั้ง ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น แต่บางครั้ง เราก็ต้องรู้จักถอย
34. คนชอบคิดไปว่า เป็นจอมยุทธ์แต่งตัวดีๆ มีวรยุทธ เป็นประมุขยุทธภพ ดีกว่าเป็นเสี่ยวเอ้อ ที่ต้องคอยเอาผ้าขี้ริ้วปัดโต๊ะ ใครจะรู้ เผลอๆ เสี่ยวเอ้ออาจมีความสุขมากกว่าประมุขยุทธภพซะอีก ไม่งั้น ทำไม ตอนจบ พระเอกชอบชวนนางเอกถอนตัวออกจากยุทธภพแล้วไปเลี้ยงเป็ดปลูกผักตาหลอดด
35. ความคิดเราเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ สิ่งที่เราคิดในวันนี้ วันหน้า เราอาจจะไม่คิดแบบนี้แล้ว อย่าไปคิดว่า แต่ละข้อข้างบนมันถูก พอใช้ชีวิตไปอีกซักพัก อาจจะคิดใหม่ว่ามันไม่ใช่แล้ว
36. คนชอบสอนให้เรา plan แต่บางเรื่อง chance ก็มีบทบาทมาก วางแผนก็วางไป แต่มีสมองที่ยืดหยุ่นไว้หน่อย เราไม่รู้ว่า เราจะเจอเหตุการณ์สำคัญ โอกาสพิเศษ คนที่ใช่ เมื่อไหร่ตอนไหน การมีความยืดหยุ่นจะช่วยให้เราตื่นตัวกับโอกาสในเวลาที่มันเกิดขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถใช้มันให้เกิดประโยชน์ได้ ถ้าเราอ่านประวัติของคนประสบความสำเร็จหลายๆ คน ความสำเร็จมักไม่ได้เกิดจากความสามารถและความพยายามเพียงอย่างเดียว แต่เป็นส่วนผสมของความสามารถ ความพยายาม โอกาส การตระหนักถึงโอกาส และการใช้โอกาสนั้นๆ ให้เกิดประโยชน์
37. ความมีวินัยเป็น DNA ของความสำเร็จ มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยว่า เราจะชอบทำทุกเรื่องที่สำคัญต่อการประสบความสำเร็จในชีวิต ชีวิตที่ดีมีองค์ประกอบเยอะ การมีวินัยจะช่วยเราให้ทำสิ่งจำเป็นที่เราไม่อยากทำ
38. ทักษะในการสื่อความ ทั้งการเขียนและการพูด การโน้มน้าวใจ การเจรจาต่อรอง เป็นทักษะที่มีประโยชน์มากๆ สามารถใช้ได้ในทุกแง่มุมของชีวิต
39. หลายๆ ครั้ง เราระมัดระวังในการพูดกับคนอื่น แต่ไม่ระวังเวลาพูดกับตัวเอง การพูดกับตัวเองด้วยคำที่ไม่เหมาะสมมีผลร้ายมากกว่าที่คิด เช่น การพูดกับตัวเองว่า ตัวเองเป็นคนล้มเหลว จิตใต้สำนึกจะรู้สึกว่ามันเปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว ก็เราเป็นคนประเภทนี้ ประเภทล้มเหลว แต่ถ้าเราบอกตัวเองว่า เรื่องนี้มีความขลุกขลักไม่เป็นไปตามคาด จิตใต้สำนึกเราจะรับรู้อีกแบบ อันหลัง เราใช้คำนิ่มนวลกว่า และสื่อว่า มันเป็นเฉพาะเรื่องนี้ ไม่ได้เหมารวม
40. ถึงแม้เดี่ยวนี้จะมี technology ในการสื่อสารหลายอย่าง มีทั้ง Facebook Messenger มีทั้ง Line แต่ถ้าไม่อยากให้ผู้หญิงบ่น อย่าไปจีบเค้าทาง Line เพราะมันปวดตามากมายอ่ะ
41. การอ่านภาษาอังกฤษได้ เป็นทักษะที่คุ้มค่ามากที่สุดทักษะหนึ่ง ความรู้ข้อมูลจำนวนมหาศาลเป็นภาษาอังกฤษ ถ้าเราอ่านได้ โลกเราจะเปิดกว้างขึ้นอย่างมว้ากก
42. เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับเรา ไม่สำคัญเท่ากับว่า เราตอบสนองต่อเหตุการณ์นั้นๆ อย่างไร การตอบสนองต่อความสำเร็จด้วยความหยิ่งผยองจะนำเราไปสู่ความล้มเหลว การตอบสนองต่อความล้มเหลวด้วยการเรียนรู้และปรับเปลี่ยนวิธีการจะพาเราไปสู่ความสำเร็จ
43. อะไร เรื่องไหน ที่ไม่ควรค่าแก่การทำ จะไม่ควรค่าแก่การทำให้ดี เวลาเรามีจำกัด เราทำทุกเรื่องไม่ได้ จัดลำดับความสำคัญ ตอบตัวเองให้ได้ว่า แก่นของชีวิตเราคืออะไร คำตอบของเราไม่จำเป็นต้องเหมือนคำตอบของใคร คำตอบที่เราได้จะเป็นเหมือนไฟส่องนำทางชีวิตให้เรา
44. ถ้าเราอยากทำอะไรมากพอ มีแรงกระตุ้นมากพอ เรามักจะทำเรื่องนั้นได้ หลายๆครั้ง การที่เราทำอะไรไม่สำเร็จเป็นเพราะเราไม่ได้อยากทำเรื่องนั้นมากพอ คือเราไม่มี burning desire
45. ชีวิตคือการวิ่งมาราธอน ไม่ใช่การวิ่ง 100 เมตร การวิ่งให้เร็วที่สุดคงทำให้เราไปไม่ถึงเส้นชัยในการวิ่งมาราธอนฉันใด การพยายามทุ่มเทเกินกำลังแบบเร่งร้อนก็จะทำให้เราไปไม่ถึงเส้นชัยของชีวิตฉันนั้น การใช้ความพยายามในระดับที่เราทำได้อย่างต่อเนื่องยั่งยืนมีอานุภาพมากกว่าการพยายามหามรุ่งหามค่ำเกินมนุษย์ในช่วงเวลาสั้นๆ
46. คนส่วนใหญ่ชอบคิดว่า ความสำเร็จจะนำมาซึ่งความสุข แต่งานวิจัยบอกว่า ความสุขต่างหากที่เป็นตัวตั้งต้น ที่จะพาเราไปสู่ความสำเร็จ ความสุขจะทำให้เรามองโลกไปอีกแบบ ทำให้เรามีความกระตือรือร้น มีพลังต่อสู้อุปสรรค มองปัญหาเป็นความท้าทาย มองเห็นทางออก ไม่ใช่เห็นแต่ทางตัน ความสุขจะทำให้เราเป็นตุ๊กตาล้มลุก ไม่ยอมจำนน ล้มเมื่อไหร่เป็นลุก ไม่ใช่ล้มแล้วห่มผ้าห่มนอนเลย
47. ความสุขและความกระตือรือร้นเป็นโรคติดต่อ เวลาเราอยู่ใกล้ชิดคนที่มีความสุขมีความกระตือรือร้น มันมักจะแพร่เชื้อมาติดเรา ทำให้เราพลอยมีความสุขความกระตือรือร้นไปด้วย ดังนั้นถ้าเราทำอะไรด้วยความสุขและความกระตือรือร้น นอกจากงานและชีวิตของเราจะดีขึ้นแล้ว มันยังจะทำให้งานและชีวิตของคนรอบข้างดีขึ้นไปด้วย ผมเคยล่องเรือออกไปดูปลาวาฬที่บอสตัน ตอนนั้นรู้สึกมีความสุขมาก ไม่ใช่เพราะได้เห็นปลาวาฬ แต่เป็นเพราะคนบรรยายที่เป็นนักอนุรักษ์ปลาวาฬพูดไปหัวเราะคิกคักไปอย่างมีความสุข เราเลยพลอยมีความสุขไปด้วย สุดท้ายเลยต้อง adopt ปลาวาฬเป็นของตัวเอง คิคิ
48. Attitude is everything. ทัศนคติและการมองโลกของเรามีความสำคัญอย่างมาก ทัศนคติเชิงบวก ทัศนคติที่มองว่าชีวิตคือการเรียนรู้ คือความท้าทาย จะทำให้เราไม่ขังตัวเองอยู่แต่ใน comfort zone แต่จะทำให้เรากล้าอ้าแขนรับสิ่งใหม่ๆ ทดลองสิ่งใหม่ๆ ตัวอย่างขำๆ ผมเคยต้องนั่งเครื่องบินขนาดไม่ถึง 10 ที่นั่งไปเกาะ Martha's Vineyard เค้าจะดูน้ำหนักคนและกระเป๋าเพื่อให้น้ำหนักสมดุล เจ้าหน้าที่ถามผมว่านั่งหน้าสุดคู่คนขับได้หรือเปล่า กลัวมั๊ย คือผมคิดว่า ตอนเครื่องขึ้นลงมันคงจะเหวอๆ หน่อย ตอนนั้นคิดกับตัวเองว่า จะมีโอกาสนั่งเครื่องบินเล็กๆ แบบนี้ซักกี่ครั้งกัน แล้วจะมีโอกาสนั่งข้างคนขับอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ เอาก็เอา แปลกใหม่ดีจะได้รู้ว่าเป็นยังไง
49. ชีวิตคนเรามันไม่ได้ยืนยาวมากมายนัก อยากทำอะไรให้ตัวเอง อยากทำอะไรให้ใคร ก็ทำไป (ถ้ามันไม่ได้ทำให้ตัวเองต้องเดือดร้อนในอนาคต) อยากบอกรักใคร อย่าประหยัดถ้อยคำ จะทำอะไรก็ทำ ได้ทำยังดีกว่าไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำคือมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ แต่การลงมือทำ ถึงสุดท้าย ผลลัพธ์อาจจะเป็นแค่เรื่องขำๆ เป็นเรื่องชอกช้ำ ไม่ได้เป็นตำนาน ไม่ใช่อะไรที่เราอยากจำ แต่ถ้าเราทำ เราจะไม่ต้องมานั่งอมพะนําหรือบ่นพรึมพรำตอนหลังว่า กรรม ทำไมตอนนั้นเราไม่ทำ
50. Moisturizer สำคัญต่อผิวพรรณอันอ่อนเยาว์ Oprah Winfrey เคยสัมภาษณ์ผู้หญิงวัย 70 ในนิวยอร์ก ที่หน้ายังดูเหมือน 50 กว่า ว่ามีเคล็ดลับอะไร เธอตอบว่า Moisturizer, Moisturizer, Moisturizer ใครมาเม้นต์ประเภท นี่ขนาดใช้ Moisturizer แล้วหรา ผมขอ unfriend นะครับ อิอิ
51. เมือวาน ผมพาพ่อกับแม่ไปตรวจตาที่โรงพยาบาล ตรวจขั้นตอนแรกเสร็จมานั่งรอ พ่อก็เล่าว่า ตะกี้ เจ้าหน้าที่หงุดหงิดใส่ที่อ่านเลขช้า และที่พ่ออ่านช้าเพราะมันมีคนบัง พ่อเล่าซ้ำๆ ด้วยความหงุดหงิด ผมก็เลยถามพ่อว่า นี่อ่ะที่เล่า ใครโมโห พ่อบอกว่าก็เจ้าหน้าที่ไง ผมถามใหม่ว่า หมายถึงตอนที่กำลังเล่าอ่ะ ใครโมโห พ่อนึกได้ก็หัวเราะ ผมก็บรรยายความต่อว่า เราอ่ะแหละที่โมโห เรื่องมันจบไปหมดแล้ว เราเอามาฉายซ้ำ ฉายวน เหมือนหนังในโรงหนังชั้นสอง ป่านนี้ เจ้าหน้าที่เค้าไปนั่งกินฝรั่งดองนั่งเม้าส์แล้ว หลายๆ ครั้ง เราชอบรู้สึกว่า เวลามีใครมาทำอะไรลบๆ กับเรา เราต้องโมโหให้สาสม ถ้าไม่โมโห มันเหมือนปล่อยให้เค้าลอยนวลไปเฉยๆ แต่จริงๆ แล้ว ไฟมันเผาผลาญใจคนที่โมโหต่างหาก ไม่ใช่ใจคนที่ถูกโมโห การให้อภัยคนอื่นไม่ใช่การแพ้ ไม่ใช่การปล่อยให้คนอื่นลอยนวล แต่คือการปลดปล่อยตัวเองให้หลุดพ้นจากความรุ่มร้อนต่างหาก พ่อฟังเสร็จคงนึกในใจว่า เอ่อ...ไม่น่าปล่อยให้ผมโตมาเล้ยยย ส่วนผมก็ตอบไปทันทีในใจว่า ไม่ทันแระ อิอิ
เนื้อหาทั้งหมดผมรวบรวมมาจาก facebook ของพี่ web พรชัย (เจมส์จิ ของไทยวีไอ) นะครับ
https://www.facebook.com/pornchai.rattananontachaisook
ขอบคุณพี่ web มากๆครับ ที่ให้ความรู้ และอนุญาตให้นำมาแบ่งปันกับเพื่อนๆนักลงทุนครับ
1. เราเลือกหลายๆ อย่างในชีวิตไม่ได้ เช่น เราเลือกเกิดไม่ได้ เลือกหน้าตาไม่ได้ การมานั่งคิดเรื่องที่เราแก้ไขไม่ได้เป็นเรื่องเสียเวลา ทำให้ดีที่สุดกับสิ่งที่เรามีและสิ่งที่เราเป็นจะเป็นการใช้เวลาที่คุ้มค่ากว่า
2. อย่าเรียกร้องจากชีวิตมากเกินไป แต่ก็อย่าโอ๋ตัวเองมากจนสำออย ควรพยายามตั้งใจเข้าให้ถึงเส้นชัย แต่มันไม่ใช่เรื่องจำเป็นเลยที่เราจะต้องเข้าถึงเส้นชัยก่อนใคร ไม่จำเป็นด้วยว่าต้องติดอันดับใดๆ
3. เรื่องไม่ดี เรื่องผิดหวัง ปัญหาที่ผ่านไปแล้ว เรียนรู้จากมันแล้วก็จบๆ ไป เลิกคิด อย่าคิดวนไปวนมา การเอาปัญหาที่ผ่านไปแล้วมาคิดซ้ำๆ ก็เหมือนเราเป็นแผล แล้วเราเอามือบี้แผลเล่นซ้ำๆ อยู่ยังงั้น
4. เรื่องที่ยังไม่เกิด เราก็ไม่ควรทุกข์ การทุกข์ไปล่วงหน้าไม่ได้ช่วยอะไรเลย คนเรามักทุกข์ไปก่อนเกินเหตุ แล้วต่อให้มันเกิดปัญหาขึ้นจริงๆ เราไปทุกข์ตอนนั้นก็ยังทัน ตั๋วทุกข์ไม่มีหมด มีแจกตลอดเวลา ไม่ต้องรีบไปแย่งมา
5. เราไม่ได้ monopoly ความทุกข์ มันไม่ใช่เรื่อง personal เราไม่ได้มีความทุกข์อยู่คนเดียว ใครๆ ก็มีความทุกข์กันทั้งนั้น เรื่องนั้นบ้าง เรื่องนี้บ้าง ฝนไม่ได้ตกอยู่บนหัวเราคนเดียว แบบสติ๊กเกอร์ใน line ปัญหามีไว้ให้แก้ ไม่ได้มีไว้ให้กลุ้ม
6. การอ่านเป็นการเปิดโลกกว้าง ทำให้เรารู้ในสิ่งที่เราไม่รู้ ทำให้เราสามารถเรียนรู้จากชีวิตคนอื่น โดยที่เราไม่ต้องไปเจอกับเรื่องนั้นๆ เอง หนังสือคือแหล่งความรู้ที่มีราคาถูกที่สุด คุ้มค่าที่สุด นั่งทำไรอยู่ หาหนังสือมาอ่านจิ
7. มี inner scorecard เป็นมาตรวัดตัวเอง คนที่วัดตัวเองด้วย outer scorecard หรือวัดจากความคิดของคนอื่น อยากได้รับความชื่นชมจากคนอื่น นอกจากจะต้องสร้างความสำเร็จแล้ว ยังต้องป่าวประกาศด้วย มันน่าเหนื่อย!!!
8. เวลามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เรารู้ชัดๆ ตอนนั้นไม่ได้หรอกว่า มันคือโชคดีหรือโชคร้าย เรื่องที่ดูเหมือนเป็นโชคร้าย จริงๆ แล้วอาจจะเป็นโชคดี เรื่องที่ดูเป็นโชคดี จริงๆ แล้วอาจจะเป็นโชคร้ายก็ได้ ถ้าเราดูกันยาวๆ หน่อย
9. อย่าหมกมุ่นกับเชิงปริมาณมากเกินไป เชิงคุณภาพสำคัญกว่าเยอะ มีเพื่อนกินข้าวกี่คนไม่สำคัญเท่ากับว่าเวลาเรามีปัญหา มีเพื่อนกี่คนที่ยินดีรับฟังและช่วยเหลือเรา อ่านหนังสือกี่เล่มไม่สำคัญเท่ากับว่าเราอ่านหนังสือดีๆ ไปกี่เล่ม
10. เราใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเดินทางไขว่คว้า ตอนที่เราถึงจุดหมายเป็นแค่ฉากสั้นๆ ฉากหนึ่งของเรื่องราวทั้งหมด ถ้าเราไม่มีความสุขระหว่างทาง เราจะเสียเวลาส่วนใหญ่ของเราไป
11. อย่าใช้เงินเป็นตัวตั้งมากเกินไป เพราะจริงๆ เราไม่ได้อยากได้เงิน เพราะอยากได้เงิน แต่เราอยากได้เงิน เพราะคิดว่า มันจะทำให้เรามีความสุข
12. ความฝัน ไม่ได้มีไว้ให้ฝัน แต่มีไว้ให้เราทำให้มันเป็นจริง นั่งฝันแล้วไม่ลงมือทำ มันก็คงเป็นได้แค่ฝันลมๆ แล้งๆ
13. อยากทำอะไร ทยอยทำ อย่าบอกตัวเองว่าเดี๋ยวจะทำตอนอายุเท่านั้นเท่านี้ ชีวิตคนเราไม่แน่นอน เราไม่มีทางแน่ใจได้เลยว่า นาทีต่อไป เราจะยังหายใจอยู่หรือเปล่า
14. กราฟชีวิตคนเรามีหลายแบบ พุ่งจากล่างขึ้นบน ดิ่งจากบนลงล่าง ราบเรียบไปเรื่อย พุ่งแล้วราบเรียบ พุ่งแล้วดิ่ง สารพัด ฉะนั้น ตอนอยู่สูง อย่าผยอง ตอนตกต่ำ อย่าท้อ
15. ความรักที่แท้จริงคือการให้ที่ไม่ได้หวังอะไรตอบแทน การให้ที่หวังสิ่งตอบแทนไม่ใช่ความรัก แต่เป็นการแลกเปลี่ยน
16. การปฏิบัติกับคนอื่นแตกต่างกันตามฐานะหรือสถานะทางสังคม เป็นสิ่งไม่ควรทำ ลูกเศรษฐีที่งอมืองอเท้าไปวันๆ จะมีค่ามากกว่าคนกวาดขยะที่ตั้งใจทำงานได้ยังไง ไม่เข้าใจ
17. การปฏิบัติกับคนอื่นเป็น butterfly effect เราโมโหใส่คนอื่นแบบไม่มีเหตุผล คนที่ถูกโมโหก็อาจจะไปโมโหคนอื่นต่อ ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเรายิ้มแย้มกับคนอื่น เค้าก็อาจทำแบบเดียวกันกับคนอื่นต่อ ต่อไปเรื่อยๆ
18. อย่าเชื่อใครเพียงเพราะเค้ามีสถานะเหนือกว่าหรืออายุมากกว่า เช่น ครูจะพูดถูกก็เพราะสิ่งที่ครูพูดมันถูก ไม่ใช่ถูกเพราะครูเป็นครู
19. การเลือกที่จะมีความสุขเป็นการตัดสินใจอย่างหนึ่ง เราสามารถเลือกที่จะมีความสุขได้ในนาทีนี้เลย โดยที่ชีวิตเราไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลยด้วยซ้ำ
20. อย่ายอมให้ใครมาทำลายความฝันหรือบั่นทอนเรา เค้าไม่รู้จักเรา เค้าไม่มีสิทธิ์มาพิพากษาชีวิตเรา แต่ยังไงก็ตาม เราก็ต้องไม่หลอกตัวเองด้วย
21. การต่อสู้เพื่อความถูกต้องไม่ใช่เรื่องง่าย
22. ก่อนจะนับถือชื่นชมใคร ดูละเอียดๆ ซักนิด อย่าดูแต่เปลือก คนเรามักจะให้เราเห็นเฉพาะสิ่งที่เค้าอยากให้เราเห็นเท่านั้น
23. ควรสนับสนุนชื่นชมคนทำดี เค้าคงทำดีของเค้าแหละ แต่อย่างน้อย เค้าจะได้มีกำลังใจมากขึ้น
24. คุณลักษณะอย่างหนึ่งของคนที่ประสบความสำเร็จคือการ focus อย่าทำอะไรสะเปะสะปะ เยอะแยะไปหมด แต่ไม่เชี่ยวชาญอะไรเลย ชีวิตคนเราต้องมีวิชาเอก
25. ความสำเร็จที่เกิดจากทักษะเท่านั้นที่จะเกิดซ้ำแล้วซ้ำอีกได้อย่างต่อเนื่อง ความสำเร็จที่เกิดจากโชคมันไม่ยั่งยืน เปลืองธูปด้วย เพราะเราต้องไหว้เจ้าเยอะ
26. การซื้อของ เราได้ของมาก็จริง แต่พอนานๆ ไป ค่าของมันก็จะน้อยลง เรามักเห่อแค่ตอนแรกๆ ในทางตรงกันข้าม การซื้อประสบการณ์ มันจะตราตรึงในความทรงจำของเราตลอดไป
27. โลกเราไม่มีอะไรที่เราจะได้มาฟรีๆ ทุกอย่าง เราต้องเอาอะไรบางอย่างไปแลกมาทั้งนั้น คิดดูดีๆ ก่อนว่า มันคุ้มมั๊ย
28. ความฝันของเราไม่จำเป็นต้องไปเหมือนความฝันของใคร คนอื่นมองไม่เห็น ช่างเค้า เราเห็นของเราก็พอ มีฝันแล้วก็ต้องพยายาม ทุ่มเททุกสิ่งให้แก่ความฝันซึ่งมีแต่เราเท่านั้นที่มองเห็น
29. การพยายามอย่างหนักดูเหมือนเป็นเรื่องดี แต่ทิศทางสำคัญที่สุด ถ้าเราวิ่งผิดทาง ยิ่งเราวิ่งเร็วเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งห่างไกลจากเป้าหมายของเรามากขึ้นเท่านั้น
30. ชีวิตคนเราแต่ละคนเป็นเหมือนเสื้อผ้าสั่งตัด ไม่ใช่เสื้อผ้าสำเร็จรูป ไม่มีชุดไหนที่เหมือนกันเป๊ะๆ เราไม่ควรไปเปรียบเทียบชีวิตของเรากับใคร คนอื่นจะดีหรือแย่ยังไง ไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้นหรือแย่ลง เราจะดีขึ้นหรือแย่ลงก็เพราะน้ำมือตัวเองทั้งนั้น จะเปรียบเทียบ ก็เทียบตัวเองในวันนี้กับตัวเองเมื่อวาน ว่าเราได้พัฒนาตัวเองหรือเปล่า
31. ทำดีได้ดี ทำไม่ดีได้ไม่ดีหรือเปล่า ไม่แน่ใจ ทำดีสบายใจ ทำไม่ดีไม่สบายใจจริงม๊ย เค้าไม่รู้ เพราะคนทำไม่ดีก็สามารถหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองให้สบายใจได้ เอาเป็นว่า ทำดีได้ทำดี -จบ-
32. การทำดีของคนคนนึง อาจไปกระตุ้นให้คนอื่นๆ อีกหลายคนอยากทำดีด้วย เหมือนการโยนก้อนหินลงไปในบ่อน้ำ น้ำจะกระเพื่อมขยายวงออกไป
33. การใช้ชีวิตเป็นศิลปะ ไม่ได้มีสูตรสำเร็จเป๊ะๆ ในทุกสถานการณ์ มีความคิดที่ยืดหยุ่น ประเมินสถานการณ์ แล้วเลือกกลยุทธ์ให้เหมาะสม บางครั้ง น้ำขึ้นให้รีบตัก แต่อีกหลายครั้ง ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม หลายครั้ง ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น แต่บางครั้ง เราก็ต้องรู้จักถอย
34. คนชอบคิดไปว่า เป็นจอมยุทธ์แต่งตัวดีๆ มีวรยุทธ เป็นประมุขยุทธภพ ดีกว่าเป็นเสี่ยวเอ้อ ที่ต้องคอยเอาผ้าขี้ริ้วปัดโต๊ะ ใครจะรู้ เผลอๆ เสี่ยวเอ้ออาจมีความสุขมากกว่าประมุขยุทธภพซะอีก ไม่งั้น ทำไม ตอนจบ พระเอกชอบชวนนางเอกถอนตัวออกจากยุทธภพแล้วไปเลี้ยงเป็ดปลูกผักตาหลอดด
35. ความคิดเราเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ สิ่งที่เราคิดในวันนี้ วันหน้า เราอาจจะไม่คิดแบบนี้แล้ว อย่าไปคิดว่า แต่ละข้อข้างบนมันถูก พอใช้ชีวิตไปอีกซักพัก อาจจะคิดใหม่ว่ามันไม่ใช่แล้ว
36. คนชอบสอนให้เรา plan แต่บางเรื่อง chance ก็มีบทบาทมาก วางแผนก็วางไป แต่มีสมองที่ยืดหยุ่นไว้หน่อย เราไม่รู้ว่า เราจะเจอเหตุการณ์สำคัญ โอกาสพิเศษ คนที่ใช่ เมื่อไหร่ตอนไหน การมีความยืดหยุ่นจะช่วยให้เราตื่นตัวกับโอกาสในเวลาที่มันเกิดขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถใช้มันให้เกิดประโยชน์ได้ ถ้าเราอ่านประวัติของคนประสบความสำเร็จหลายๆ คน ความสำเร็จมักไม่ได้เกิดจากความสามารถและความพยายามเพียงอย่างเดียว แต่เป็นส่วนผสมของความสามารถ ความพยายาม โอกาส การตระหนักถึงโอกาส และการใช้โอกาสนั้นๆ ให้เกิดประโยชน์
37. ความมีวินัยเป็น DNA ของความสำเร็จ มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยว่า เราจะชอบทำทุกเรื่องที่สำคัญต่อการประสบความสำเร็จในชีวิต ชีวิตที่ดีมีองค์ประกอบเยอะ การมีวินัยจะช่วยเราให้ทำสิ่งจำเป็นที่เราไม่อยากทำ
38. ทักษะในการสื่อความ ทั้งการเขียนและการพูด การโน้มน้าวใจ การเจรจาต่อรอง เป็นทักษะที่มีประโยชน์มากๆ สามารถใช้ได้ในทุกแง่มุมของชีวิต
39. หลายๆ ครั้ง เราระมัดระวังในการพูดกับคนอื่น แต่ไม่ระวังเวลาพูดกับตัวเอง การพูดกับตัวเองด้วยคำที่ไม่เหมาะสมมีผลร้ายมากกว่าที่คิด เช่น การพูดกับตัวเองว่า ตัวเองเป็นคนล้มเหลว จิตใต้สำนึกจะรู้สึกว่ามันเปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว ก็เราเป็นคนประเภทนี้ ประเภทล้มเหลว แต่ถ้าเราบอกตัวเองว่า เรื่องนี้มีความขลุกขลักไม่เป็นไปตามคาด จิตใต้สำนึกเราจะรับรู้อีกแบบ อันหลัง เราใช้คำนิ่มนวลกว่า และสื่อว่า มันเป็นเฉพาะเรื่องนี้ ไม่ได้เหมารวม
40. ถึงแม้เดี่ยวนี้จะมี technology ในการสื่อสารหลายอย่าง มีทั้ง Facebook Messenger มีทั้ง Line แต่ถ้าไม่อยากให้ผู้หญิงบ่น อย่าไปจีบเค้าทาง Line เพราะมันปวดตามากมายอ่ะ
41. การอ่านภาษาอังกฤษได้ เป็นทักษะที่คุ้มค่ามากที่สุดทักษะหนึ่ง ความรู้ข้อมูลจำนวนมหาศาลเป็นภาษาอังกฤษ ถ้าเราอ่านได้ โลกเราจะเปิดกว้างขึ้นอย่างมว้ากก
42. เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับเรา ไม่สำคัญเท่ากับว่า เราตอบสนองต่อเหตุการณ์นั้นๆ อย่างไร การตอบสนองต่อความสำเร็จด้วยความหยิ่งผยองจะนำเราไปสู่ความล้มเหลว การตอบสนองต่อความล้มเหลวด้วยการเรียนรู้และปรับเปลี่ยนวิธีการจะพาเราไปสู่ความสำเร็จ
43. อะไร เรื่องไหน ที่ไม่ควรค่าแก่การทำ จะไม่ควรค่าแก่การทำให้ดี เวลาเรามีจำกัด เราทำทุกเรื่องไม่ได้ จัดลำดับความสำคัญ ตอบตัวเองให้ได้ว่า แก่นของชีวิตเราคืออะไร คำตอบของเราไม่จำเป็นต้องเหมือนคำตอบของใคร คำตอบที่เราได้จะเป็นเหมือนไฟส่องนำทางชีวิตให้เรา
44. ถ้าเราอยากทำอะไรมากพอ มีแรงกระตุ้นมากพอ เรามักจะทำเรื่องนั้นได้ หลายๆครั้ง การที่เราทำอะไรไม่สำเร็จเป็นเพราะเราไม่ได้อยากทำเรื่องนั้นมากพอ คือเราไม่มี burning desire
45. ชีวิตคือการวิ่งมาราธอน ไม่ใช่การวิ่ง 100 เมตร การวิ่งให้เร็วที่สุดคงทำให้เราไปไม่ถึงเส้นชัยในการวิ่งมาราธอนฉันใด การพยายามทุ่มเทเกินกำลังแบบเร่งร้อนก็จะทำให้เราไปไม่ถึงเส้นชัยของชีวิตฉันนั้น การใช้ความพยายามในระดับที่เราทำได้อย่างต่อเนื่องยั่งยืนมีอานุภาพมากกว่าการพยายามหามรุ่งหามค่ำเกินมนุษย์ในช่วงเวลาสั้นๆ
46. คนส่วนใหญ่ชอบคิดว่า ความสำเร็จจะนำมาซึ่งความสุข แต่งานวิจัยบอกว่า ความสุขต่างหากที่เป็นตัวตั้งต้น ที่จะพาเราไปสู่ความสำเร็จ ความสุขจะทำให้เรามองโลกไปอีกแบบ ทำให้เรามีความกระตือรือร้น มีพลังต่อสู้อุปสรรค มองปัญหาเป็นความท้าทาย มองเห็นทางออก ไม่ใช่เห็นแต่ทางตัน ความสุขจะทำให้เราเป็นตุ๊กตาล้มลุก ไม่ยอมจำนน ล้มเมื่อไหร่เป็นลุก ไม่ใช่ล้มแล้วห่มผ้าห่มนอนเลย
47. ความสุขและความกระตือรือร้นเป็นโรคติดต่อ เวลาเราอยู่ใกล้ชิดคนที่มีความสุขมีความกระตือรือร้น มันมักจะแพร่เชื้อมาติดเรา ทำให้เราพลอยมีความสุขความกระตือรือร้นไปด้วย ดังนั้นถ้าเราทำอะไรด้วยความสุขและความกระตือรือร้น นอกจากงานและชีวิตของเราจะดีขึ้นแล้ว มันยังจะทำให้งานและชีวิตของคนรอบข้างดีขึ้นไปด้วย ผมเคยล่องเรือออกไปดูปลาวาฬที่บอสตัน ตอนนั้นรู้สึกมีความสุขมาก ไม่ใช่เพราะได้เห็นปลาวาฬ แต่เป็นเพราะคนบรรยายที่เป็นนักอนุรักษ์ปลาวาฬพูดไปหัวเราะคิกคักไปอย่างมีความสุข เราเลยพลอยมีความสุขไปด้วย สุดท้ายเลยต้อง adopt ปลาวาฬเป็นของตัวเอง คิคิ
48. Attitude is everything. ทัศนคติและการมองโลกของเรามีความสำคัญอย่างมาก ทัศนคติเชิงบวก ทัศนคติที่มองว่าชีวิตคือการเรียนรู้ คือความท้าทาย จะทำให้เราไม่ขังตัวเองอยู่แต่ใน comfort zone แต่จะทำให้เรากล้าอ้าแขนรับสิ่งใหม่ๆ ทดลองสิ่งใหม่ๆ ตัวอย่างขำๆ ผมเคยต้องนั่งเครื่องบินขนาดไม่ถึง 10 ที่นั่งไปเกาะ Martha's Vineyard เค้าจะดูน้ำหนักคนและกระเป๋าเพื่อให้น้ำหนักสมดุล เจ้าหน้าที่ถามผมว่านั่งหน้าสุดคู่คนขับได้หรือเปล่า กลัวมั๊ย คือผมคิดว่า ตอนเครื่องขึ้นลงมันคงจะเหวอๆ หน่อย ตอนนั้นคิดกับตัวเองว่า จะมีโอกาสนั่งเครื่องบินเล็กๆ แบบนี้ซักกี่ครั้งกัน แล้วจะมีโอกาสนั่งข้างคนขับอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ เอาก็เอา แปลกใหม่ดีจะได้รู้ว่าเป็นยังไง
49. ชีวิตคนเรามันไม่ได้ยืนยาวมากมายนัก อยากทำอะไรให้ตัวเอง อยากทำอะไรให้ใคร ก็ทำไป (ถ้ามันไม่ได้ทำให้ตัวเองต้องเดือดร้อนในอนาคต) อยากบอกรักใคร อย่าประหยัดถ้อยคำ จะทำอะไรก็ทำ ได้ทำยังดีกว่าไม่ได้ทำ ไม่ได้ทำคือมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ แต่การลงมือทำ ถึงสุดท้าย ผลลัพธ์อาจจะเป็นแค่เรื่องขำๆ เป็นเรื่องชอกช้ำ ไม่ได้เป็นตำนาน ไม่ใช่อะไรที่เราอยากจำ แต่ถ้าเราทำ เราจะไม่ต้องมานั่งอมพะนําหรือบ่นพรึมพรำตอนหลังว่า กรรม ทำไมตอนนั้นเราไม่ทำ
50. Moisturizer สำคัญต่อผิวพรรณอันอ่อนเยาว์ Oprah Winfrey เคยสัมภาษณ์ผู้หญิงวัย 70 ในนิวยอร์ก ที่หน้ายังดูเหมือน 50 กว่า ว่ามีเคล็ดลับอะไร เธอตอบว่า Moisturizer, Moisturizer, Moisturizer ใครมาเม้นต์ประเภท นี่ขนาดใช้ Moisturizer แล้วหรา ผมขอ unfriend นะครับ อิอิ
51. เมือวาน ผมพาพ่อกับแม่ไปตรวจตาที่โรงพยาบาล ตรวจขั้นตอนแรกเสร็จมานั่งรอ พ่อก็เล่าว่า ตะกี้ เจ้าหน้าที่หงุดหงิดใส่ที่อ่านเลขช้า และที่พ่ออ่านช้าเพราะมันมีคนบัง พ่อเล่าซ้ำๆ ด้วยความหงุดหงิด ผมก็เลยถามพ่อว่า นี่อ่ะที่เล่า ใครโมโห พ่อบอกว่าก็เจ้าหน้าที่ไง ผมถามใหม่ว่า หมายถึงตอนที่กำลังเล่าอ่ะ ใครโมโห พ่อนึกได้ก็หัวเราะ ผมก็บรรยายความต่อว่า เราอ่ะแหละที่โมโห เรื่องมันจบไปหมดแล้ว เราเอามาฉายซ้ำ ฉายวน เหมือนหนังในโรงหนังชั้นสอง ป่านนี้ เจ้าหน้าที่เค้าไปนั่งกินฝรั่งดองนั่งเม้าส์แล้ว หลายๆ ครั้ง เราชอบรู้สึกว่า เวลามีใครมาทำอะไรลบๆ กับเรา เราต้องโมโหให้สาสม ถ้าไม่โมโห มันเหมือนปล่อยให้เค้าลอยนวลไปเฉยๆ แต่จริงๆ แล้ว ไฟมันเผาผลาญใจคนที่โมโหต่างหาก ไม่ใช่ใจคนที่ถูกโมโห การให้อภัยคนอื่นไม่ใช่การแพ้ ไม่ใช่การปล่อยให้คนอื่นลอยนวล แต่คือการปลดปล่อยตัวเองให้หลุดพ้นจากความรุ่มร้อนต่างหาก พ่อฟังเสร็จคงนึกในใจว่า เอ่อ...ไม่น่าปล่อยให้ผมโตมาเล้ยยย ส่วนผมก็ตอบไปทันทีในใจว่า ไม่ทันแระ อิอิ
เนื้อหาทั้งหมดผมรวบรวมมาจาก facebook ของพี่ web พรชัย (เจมส์จิ ของไทยวีไอ) นะครับ
https://www.facebook.com/pornchai.rattananontachaisook
ขอบคุณพี่ web มากๆครับ ที่ให้ความรู้ และอนุญาตให้นำมาแบ่งปันกับเพื่อนๆนักลงทุนครับ
"วันคืนล่วงเลยไปๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่"
"สิ่งทั้งหลายทั้งปวง อันใครๆ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น"
........ พุทธวจน ........
"สิ่งทั้งหลายทั้งปวง อันใครๆ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น"
........ พุทธวจน ........
-
- Verified User
- โพสต์: 101
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ประสบการณ์ชีวิต ของพี่ WEB พรชัย รัตนนนทชัยสุข ครับ
โพสต์ที่ 2
เพิ่มเติมที่ผมได้ฟังพี่เวป พูดวันนี้ในงานครบรอบ 10 ปี ห้องสมุดมารวยครับ
(ตกหล่นอย่างไรขออภัยพี่เวปและทุกๆท่านด้วยนะครับ)
การอ่าน คือ รากฐานของชีวิต
-การลงทุนไม่ใช่ง่าย ที่คุณจะอ่าน5 เล่มแล้วจะได้
การอ่านไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็แล้วแต่ มันมีขั้นต่ำที่เราต้องอ่าน
อย่างน้อยคุณต้องอ่านแค่นี้ คุณถึงจะไปได้
แต่ถ้าคุณจะเอาดีๆ คุณอาจจะต้องอ่านเยอะกว่านั้น
แต่ถ้าคุณอ่านน้อยกว่านี้ กับไม่อ่าน มันอาจจะใกล้เคียงกัน
การลงทุนคุณอย่ามารู้ครึ่งๆกลางๆ การรู้เพียงครึ่งๆกลางๆ ไม่รู้เลยก็ได้ มันอาจจะผิดทางมากกว่า
-ต้นทุนในการอ่าน ไม่ใช่เงินที่เราจ่ายไป เช่น ซื้อไป 250 บาท และเราคิดว่านี่เป็นต้นทุนในการอ่าน
เราคิดผิดแล้ว เพราะราคานี้ยังไม่ได้ค่าแรงขั้นต่ำเลย
ต้นทุนในการอ่านคือเวลาที่เราเสียไป ที่เราไม่ได้อ่านเล่มอื่นๆ
ถ้าเราอ่านไปสัก 50 หน้า แล้วไม่ได้ความรู้อะไร ก็ไม่ต้องอ่านต่อให้เสียเวลาแล้ว
เพราะต้นทุนที่แท้จริงไม่ใช่ราคาหนังสือ แต่เป็นเวลาของเราต่างหาก
-เมืองไทยเราติดอันดับหนังสือขายดี แต่เป็นหนังสือที่ไม่ดีเยอะมาก
แต่ถ้าเป็นที่อเมริกา หนังสือขายดี มักจะเป็นหนังสือที่ดี
-ความรู้ที่เรามี เราใช้ได้ตลอด ค่าเสื่อมราคาของมันตัดไม่หมด
ไม่เหมือนของต่างๆที่เสื่อมไป ความรู้เราใช้ได้ตลอด คุ้มค่า
- หนังสือผมขายไม่ดีในระดับ mass แต่ถ้าไปถามนักลงทุนเก่งๆ แต่ละคน
เค้าจะบอกว่าเล่มนี้ดี เล่มนี้ดีมากเลย
แต่เดือนนึงขายได้แค่ 50 เล่มเอง แต่คนมี port ร้อยล้านพันล้าน บอกว่าหนังสือดีมากเลย
คุณอ่านแบบนึงชีวิตคุณๆเป็นแบบนึง คุณอ่านอีกแบบนึงชีวิตคุณไปอีกแบบนึง
คนส่วนน่อยเท่านั้น ที่ไปในแบบที่ดี คนส่วนใหญ่ก็จะเป็นไปแบบที่เป็นธรรมดา
มันต่างกันตั้งแต่เราเลือกหนังสืออ่านแล้ว คุณอ่านแบบ mass ชีวิตคุณก็เป็นแบบ mass
คุณอ่านแบบที่น้อยคนอ่าน คุณก็เป็นแบบนั้นครับ
- น้องๆบางคน มาคิดเรื่องเงินมากเกินไป จนเราลืมว่า เราไม่ได้อยากได้เงินเพราะอยากได้เงินนะ
เราอยากได้เงินเพราะเราคิดว่าเงิน มันจะเป็นอะไรบางอย่าง ที่นำพาให้เรามีความสุข ..มันเป็นเครื่องมือ
แต่บางทีเราหลง เราตามตัวเลขจนมากเกินไป ตั้งเป้าจนมากเกินไป
จนลืมไปว่าเงินมันเป็นแค่ เครื่องมือในการพาเราไปสู่สิ่งที่ต้องการ ไม่ใช่จุดหมายในตัวของมันเอง
ชีวิตที่เราอยากเป็น ชีวิตที่เราอยากใช้ นั่นคือเป้าหมายจริงๆของเรา
(ตกหล่นอย่างไรขออภัยพี่เวปและทุกๆท่านด้วยนะครับ)
การอ่าน คือ รากฐานของชีวิต
-การลงทุนไม่ใช่ง่าย ที่คุณจะอ่าน5 เล่มแล้วจะได้
การอ่านไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็แล้วแต่ มันมีขั้นต่ำที่เราต้องอ่าน
อย่างน้อยคุณต้องอ่านแค่นี้ คุณถึงจะไปได้
แต่ถ้าคุณจะเอาดีๆ คุณอาจจะต้องอ่านเยอะกว่านั้น
แต่ถ้าคุณอ่านน้อยกว่านี้ กับไม่อ่าน มันอาจจะใกล้เคียงกัน
การลงทุนคุณอย่ามารู้ครึ่งๆกลางๆ การรู้เพียงครึ่งๆกลางๆ ไม่รู้เลยก็ได้ มันอาจจะผิดทางมากกว่า
-ต้นทุนในการอ่าน ไม่ใช่เงินที่เราจ่ายไป เช่น ซื้อไป 250 บาท และเราคิดว่านี่เป็นต้นทุนในการอ่าน
เราคิดผิดแล้ว เพราะราคานี้ยังไม่ได้ค่าแรงขั้นต่ำเลย
ต้นทุนในการอ่านคือเวลาที่เราเสียไป ที่เราไม่ได้อ่านเล่มอื่นๆ
ถ้าเราอ่านไปสัก 50 หน้า แล้วไม่ได้ความรู้อะไร ก็ไม่ต้องอ่านต่อให้เสียเวลาแล้ว
เพราะต้นทุนที่แท้จริงไม่ใช่ราคาหนังสือ แต่เป็นเวลาของเราต่างหาก
-เมืองไทยเราติดอันดับหนังสือขายดี แต่เป็นหนังสือที่ไม่ดีเยอะมาก
แต่ถ้าเป็นที่อเมริกา หนังสือขายดี มักจะเป็นหนังสือที่ดี
-ความรู้ที่เรามี เราใช้ได้ตลอด ค่าเสื่อมราคาของมันตัดไม่หมด
ไม่เหมือนของต่างๆที่เสื่อมไป ความรู้เราใช้ได้ตลอด คุ้มค่า
- หนังสือผมขายไม่ดีในระดับ mass แต่ถ้าไปถามนักลงทุนเก่งๆ แต่ละคน
เค้าจะบอกว่าเล่มนี้ดี เล่มนี้ดีมากเลย
แต่เดือนนึงขายได้แค่ 50 เล่มเอง แต่คนมี port ร้อยล้านพันล้าน บอกว่าหนังสือดีมากเลย
คุณอ่านแบบนึงชีวิตคุณๆเป็นแบบนึง คุณอ่านอีกแบบนึงชีวิตคุณไปอีกแบบนึง
คนส่วนน่อยเท่านั้น ที่ไปในแบบที่ดี คนส่วนใหญ่ก็จะเป็นไปแบบที่เป็นธรรมดา
มันต่างกันตั้งแต่เราเลือกหนังสืออ่านแล้ว คุณอ่านแบบ mass ชีวิตคุณก็เป็นแบบ mass
คุณอ่านแบบที่น้อยคนอ่าน คุณก็เป็นแบบนั้นครับ
- น้องๆบางคน มาคิดเรื่องเงินมากเกินไป จนเราลืมว่า เราไม่ได้อยากได้เงินเพราะอยากได้เงินนะ
เราอยากได้เงินเพราะเราคิดว่าเงิน มันจะเป็นอะไรบางอย่าง ที่นำพาให้เรามีความสุข ..มันเป็นเครื่องมือ
แต่บางทีเราหลง เราตามตัวเลขจนมากเกินไป ตั้งเป้าจนมากเกินไป
จนลืมไปว่าเงินมันเป็นแค่ เครื่องมือในการพาเราไปสู่สิ่งที่ต้องการ ไม่ใช่จุดหมายในตัวของมันเอง
ชีวิตที่เราอยากเป็น ชีวิตที่เราอยากใช้ นั่นคือเป้าหมายจริงๆของเรา
"วันคืนล่วงเลยไปๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่"
"สิ่งทั้งหลายทั้งปวง อันใครๆ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น"
........ พุทธวจน ........
"สิ่งทั้งหลายทั้งปวง อันใครๆ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น"
........ พุทธวจน ........
-
- Verified User
- โพสต์: 31
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ประสบการณ์ชีวิต ของพี่ WEB พรชัย รัตนนนทชัยสุข ครับ
โพสต์ที่ 3
สุดยอดดดดด มากครับ
ขอบคุณพี่ seksan999 กับ พี่ web มากๆ นะครับ
ขอบคุณพี่ seksan999 กับ พี่ web มากๆ นะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 154
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ประสบการณ์ชีวิต ของพี่ WEB พรชัย รัตนนนทชัยสุข ครับ
โพสต์ที่ 4
ขอบคุณมากครับ
- kotaro
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1495
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ประสบการณ์ชีวิต ของพี่ WEB พรชัย รัตนนนทชัยสุข ครับ
โพสต์ที่ 10
ขอบคุณพี่ เว็บ เจมส์จิ มากครับ
ยินดีครบรอบวันเกิด 29 ปีย้อนหลังด้วยครับ
อ่านแล้วได้ข้อคิดดีๆ ทุกข้อเลย
มีไม่เห็นด้วยข้อเดียว คือข้อ40 อิอิ
ยินดีครบรอบวันเกิด 29 ปีย้อนหลังด้วยครับ
อ่านแล้วได้ข้อคิดดีๆ ทุกข้อเลย
มีไม่เห็นด้วยข้อเดียว คือข้อ40 อิอิ
“Laughter is timeless. Imagination has no age. And dreams are forever.” ― Walt Disney Company
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 87
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ประสบการณ์ชีวิต ของพี่ WEB พรชัย รัตนนนทชัยสุข ครับ
โพสต์ที่ 13
ขอบคุณมากนะคะ นี่อ่านแล้วชอบมากๆ เลยค่ะ
- theerasak24
- Verified User
- โพสต์: 614
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ประสบการณ์ชีวิต ของพี่ WEB พรชัย รัตนนนทชัยสุข ครับ
โพสต์ที่ 14
ขอบคุณมากครับ อ่านแล้วนำไปใช้ได้ทุกข้อเลย ครับ
"เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะยังคงทำสิ่งต่างๆ ต่อไปตราบใดที่มันยังให้ความรื่นรมย์และคุณก็ทำมันได้ดี"
- พ่อน้องเพชร
- Verified User
- โพสต์: 294
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ประสบการณ์ชีวิต ของพี่ WEB พรชัย รัตนนนทชัยสุข ครับ
โพสต์ที่ 17
ตอนนี้คุณwebน่าจะอายุ46-47ครับ เพราะรุ่นเดียวกัน ความคิดดีมากๆ เข้าใจธรรมมะ เข้าใจชีวิตลึกซึ้ง เก่งทั้งการลงทุน เก่งทั้งการดำเนินชีวิต สุดยอดจริงๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 15
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ประสบการณ์ชีวิต ของพี่ WEB พรชัย รัตนนนทชัยสุข ครับ
โพสต์ที่ 18
ขอบคุณมากครับ. ได้ข้อคิดในการดำรงชีวิตเพิ่มขึ้นเยอะเลย
- 1154
- Verified User
- โพสต์: 894
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ประสบการณ์ชีวิต ของพี่ WEB พรชัย รัตนนนทชัยสุข ครับ
โพสต์ที่ 20
ขอบคุณครับ-/\-
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 2
Re: ประสบการณ์ชีวิต ของพี่ WEB พรชัย รัตนนนทชัยสุข ครับ
โพสต์ที่ 21
ขอบคุณครับ
ต้อง bookmark ไว้อ่านซ้ำๆ ซักสิบรอบ
ต้อง bookmark ไว้อ่านซ้ำๆ ซักสิบรอบ
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
- Ii'8N
- Verified User
- โพสต์: 3682
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ประสบการณ์ชีวิต ของพี่ WEB พรชัย รัตนนนทชัยสุข ครับ
โพสต์ที่ 26
echelon เขียน:แอบสงสัยเรื่องอายุเล็กน้อย เคยอ่านประวัติพี่เว็บว่าจบเภสัชปี 2537 อายุ 29 น่าจะปี 2545 บทความนีเขียนตั้งแต่เมื่อ 12 ปีก่อนเลยหรอครับ
40. ถึงแม้เดี่ยวนี้จะมี technology ในการสื่อสารหลายอย่าง มีทั้ง Facebook Messenger มีทั้ง Line แต่ถ้าไม่อยากให้ผู้หญิงบ่น อย่าไปจีบเค้าทาง Line เพราะมันปวดตามากมายอ่ะ
-
- Verified User
- โพสต์: 842
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ประสบการณ์ชีวิต ของพี่ WEB พรชัย รัตนนนทชัยสุข ครับ
โพสต์ที่ 28
ขอบคุณฮะ
คมความคิดส่วนตัวอ.web เนี่ยหาอ่านยากจริงๆ
เรื่องอายุ29เนี่ย ไม่รุอ.เอาแบบ รงค์ วงศ์สวรรค์(หนุ่ม)มั้ย
ท่านหยุดอายุตัวเองไว้ที่28(เข้าใจว่า28เนี่ยกำลังpeakวัยฉะกัน) โดยใส่วงเล็บว่าหนุ่มไว้
พอหกสิบถึงจะเอาวงเล็บออก
คมความคิดส่วนตัวอ.web เนี่ยหาอ่านยากจริงๆ
เรื่องอายุ29เนี่ย ไม่รุอ.เอาแบบ รงค์ วงศ์สวรรค์(หนุ่ม)มั้ย
ท่านหยุดอายุตัวเองไว้ที่28(เข้าใจว่า28เนี่ยกำลังpeakวัยฉะกัน) โดยใส่วงเล็บว่าหนุ่มไว้
พอหกสิบถึงจะเอาวงเล็บออก
samatah