Moneytalk@SET11Oct14ลงทุนสบาย&บทเรียนจากบัฟเฟตต์
- i-salmon
- Verified User
- โพสต์: 293
- ผู้ติดตาม: 0
Moneytalk@SET11Oct14ลงทุนสบาย&บทเรียนจากบัฟเฟตต์
โพสต์ที่ 1
Moneytalk@SET11Oct14
หัวข้อ 1 “ลงทุนแบบสบายๆ สุขกายสุขใจ”
1.นพ.สมนึก ตปนียวรวงศ์ (หมอ JFK) - หมอนักลงทุน
2. คุณวีรณัฐ โรจน์ประภา - ประธานมูลนิธิบ้านอารีย์
3. คุณชาย มโนภาส - อุปนายกสมาคมไทยวีไอ
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ อ. ถาวร โชติชื่น ดำเนินรายการ
Intro
- อ.ไพบูลย์ วันนี้เปลี่ยนมาดใหม่ เนื่องจากแพ้ยาย้อมผม สีธรรมชาติสีขาวตั้งแต่อายุ 11-12 ก็ย้อมมาตลอด
- คุณใหม่ บ้านอารีย์ สถานที่ตั้งอยู่ที่ BTS อารีย์ สามารถเดินไปได้ มีกิจกรรม วันพุธ ช่วงบ่ายสอนเจริญสติเคลื่อนไหว สายหลวงพ่อเทียน, พฤหัสเย็น สวดมนต์ฟังธรรม, เสาร์ อภิธรรม, อาทิตย์เรียนภาษาบาลี
- หมอJFK ฝากเตือนช่วงนี้การลงทุนต่างประเทศเป็นที่น่าสนใจ ให้ระมัดระวังพวกการลงทุนในต่างประเทศแปลกๆที่กำลังแพร่ระบาด
- อ.ไพบูลย์ เสริมพวกการลงทุนที่ไม่น่าไว้ใจก็อย่าไปยุ่ง อบรมแพงผิดปกติให้หลีกเลี่ยง ถ้าเก่งจริงไม่ต้องมาอบรมหาเงินแพงๆก็ได้ การลงทุนต่างประเทศไม่ง่ายให้ศึกษาดีๆก่อน เซียนๆก็ขาดทุนกัน
- อ.ถาวร มีคนกล่าวว่า “เรื่องน่าเสียดายตายไปแล้วใช้เงินยังไม่หมด เรื่องน่าสลดใช้เงินไปหมดแล้วยังไม่ตาย เสริมให้ เรื่องที่น่าอับอายเงินมากมายใช้หนี้ไม่หมด
- อ.ไพบูลย์ ที่ทำรายการ money talk อยากให้มุมมองว่าการใช้ชีวิตไม่ควรไปผูกเรื่องเงินทางอย่างเดียว การลงทุนคือชีวิต ไม่เห็นด้วย ถ้าเราคิดแบบนั้นชีวิตก็ไม่ได้มีความหมายแล้ว ชีวิตคือการให้ คือการทำเพื่อผู้อื่นมันดูสมเหตุสมผลกว่า
- อ.ถาวร ถ้าไปยึดว่าชีวิตคือลูก วันหนึ่งหากไม่อยู่กับเรา จะทำอย่างไร
- หมอ JFK เปิดโรงพยาบาลอยู่ที่ตำบลในนครสวรรค์ ชื่อโรงพยาบาลแพทย์ช่องแค ขนาด 30 เตียง เป็นเหมือนคลีนิคขนาดใหญ่ ทำผ่าตัด ทำทุกอย่าง ใช้ตัวเองเป็นคนหลัก มี full time 2 คน part time 3-4 คน เป็น model ทำธุรกิจที่ไม่ได้คุ้มเท่าไร เราทำอยู่ตจว.จ้างหมอ จ้างพยาบาลสูงกว่า กลุ่มประชากรรายได้น้อยกว่า แต่โรงพยาบาลเลี้ยงตัวเองได้ก็ OK
ชีวิตก็มีลงทุนหุ้น มีไปทำกิจกรรมปีนเขา ผจญภัย ใช้เงินเก่ง เพิ่งกลับมาเริ่มออมหุ้นเมื่อ 2-3 ปีก่อน
การลงทุนก็ทำแบบสนุก ไม่ได้เฝ้าจอ
พอร์ตหุ้นของหมอเทียบสินทรัพย์ 20-30% ถ้าในส่วนที่อยู่ในหุ้นเป็น 0 ก็ไม่เดือดร้อน
- คุณใหม่ ที่ผ่านมาเราคุยกันเรื่อง VI วันนี้เราคุยกันใน Trend ใหม่ CI Comfort Investment ลงทุนอย่างไรให้สบาย โดย หลักทางพุทธเรียกว่า โภควิภาค 4
คือ แบ่งทรัพย์เป็น 4 ส่วน
ส่วนหนึ่งอย่าไปยุ่ง เก็บไว้ยามฉุกเฉิน ส่วนหนึ่งใช้สอยของตัวเอง หาความสุขตามอัธภาพ
อีก 2 ส่วน ไว้ใช้ลงทุน ไม่ใช่ให้อยู่เฉยๆ
- อ.ไพบูลย์ เสริมว่า 2 ท่านมี 20-30% ในหุ้น แต่ถ้าคนรุ่นใหม่ควรมี 30-40% ขึ้นไป สำหรับคนอายุน้อยจริงๆจะอยู่ในหุ้น 100% ก็ได้ ถ้าล้มแล้วก็ยังลุกขึ้นมาได้ แต่ต้องไม่เก็งกำไร ต้องไม่เกิน 100% ใช้ margin ไปยืมคนอื่นมาลงทุนต่อ
- หมอ JFK อธิบายว่าในการแบ่งสัดส่วน % สินทรัพย์ลงทุนในหุ้นของหมอ คือต้องมองว่าสินทรัพย์ที่มีอยู่แค่ไหนเลี้ยงตัวเองไม่เดือดร้อน เช่น ผมมองว่า 30 ล้านบาท เลี้ยงตัวเองพอแล้ว อีก 20 ล้านบาทลงได้หมด
ต่อไปมี 100 ล้าน ก็ลงหุ้นได้ 70 ล้านบาท
- คุณชาย พื้นฐานแต่ละคนไม่เท่ากัน รับความเสี่ยงได้แค่ไหน อายุ ความสามารถ ต้องพิจารณาให้เหมาะสม
แต่เรื่องการลงทุนให้มีความสุข มีหลายท่านที่เน้นดูราคารายวัน วันไหนหุ้นบวกมีความสุข หุ้นลบมีความทุกข์
ขอยกตัวอย่างหุ้น ADVANC ย้อนหลัง 5 เดือน มีวันที่ราคาขึ้นอยู่ 47 วัน ราคาไม่เปลี่ยนแปลง 15 วันที่ราคาลง 47 วัน ดังนั้นถ้าเราลงทุนใน ADVANC มา 5 เดือน สุดท้ายเสมอตัว ไม่ได้อะไร ใจเราก็ต้องไปแกว่งกับราคาตลาดไปมา แต่ถ้าเรารู้ว่ามูลค่าแท้จริง ADVANC เราจะมีความสุขมากกว่า ถ้ามันเกินมูลค่ามากๆก็ขายออกมา
VI ไม่สนใจราคาหุ้นรายวัน แต่สิ่งที่ทำให้หวั่นไหวมากคือพอร์ตของเพื่อน พอเห็นคนอื่นได้ดีกว่าก็อยากเก็งกำไรให้ได้มากกว่าเขา พอร์ตหุ้นเหมือนนิ้วหัวแม่มือ ไปรู้ว่าขนาดคนอื่นใหญ่แค่ไหน ไม่ทำให้ของเราใหญ่ขึ้น ดังนั้นอย่าไปรู้เลยดีกว่า ต้องฝึกยินดีกับเขา มีมุทิตาจิต
การลงทุนในหุ้นไม่ใช่กีฬา ไม่งั้นต้องมีจัดแข่งโอลิมปิค การปลูกต้นไม้จะโตเร็วโตช้า ขึ้นกับต้นไม้ด้วย บางทีจะไปเร่งให้โตก็ไม่ได้ ไม่ได้อยู่ในความควบคุมของเราอย่างเดียว
แนะนำลงทุนหุ้นให้สุขกายสบายใจ
หมอ JFK
- ต้องรู้ว่ามีความเสี่ยง ดูว่ารับความเสี่ยงได้ไหม ดู timing
ถ้าเราอยู่ในวัยเริ่มต้น มีโอกาสพลาด ล้มได้ จะลอง bet ก็ได้
แต่ในวันหนึ่งที่พอร์ตใหญ่ขึ้นมาคงต้องกันส่วนที่ปลอดภัยบ้าง
ให้เลือกหุ้นที่ปลอดภัย มีปันผล พื้นฐานมั่นคง ถ้าอยากจะตื่นเต้นบ้างก็กันบางส่วนมาเล่นได้
- คุณชายเสริม ช่วงตลาดหุ้นขึ้นจะเห็นหลายคนที่เป็นเซียนเป็นกูรู
คนเรายังไม่รู้เลยว่าจะป่วยวันไหน จะตายวันไหน จะคาดการณ์ตลาดได้แม่นยำได้อย่างไร
- อ.ไพบูลย์ ถ้าขาดทุนหุ้นเราทุกข์ ลองเจ็บป่วยดูจะลืมอย่างอื่นหมด
คุณใหม่
- สิ่งสำคัญมากกว่าหุ้นตัวไหนจะขึ้นจะลง คือจัดพอร์ตให้รองรับความเสี่ยงได้เหมาะสม
เช่น หุ้น 20% แล้วก็มีแบ่งไปซื้อประกันชีวิต พันธบัตร
- ส่วนตัวมีลงทุนในกองทุนส่วนบุคคล ซึ่งไม่รู้ว่าเขาจัดการอะไรกับพอร์ตบ้าง
ก็พะวงอีกแบบว่าเขาไปทำอะไร จึงต้องปรับวิธีคิดให้ทำใจว่าเราตัดสินใจเสี่ยงกับเงินก้อนนี้แล้ว
อ.ถาวร
- มีงานวิจัย การได้ยินเรื่องที่คนทำความดีจะทำให้เซลล์ในร่างกายสดชื่นขึ้น
- อ.ไพบูลย์เสริม เคยมีการทดลองให้คนนั่งเฉยๆดู หนังของแม่ชี เทเรซ่า พบว่าคนที่ดูมีเอนโดรฟีนหลั่งทุกคน ทำให้ร่างกายสดชื่นมีความสุขและอายุยืน ยาว ถ้าเห็นคนอื่นทำคนดีหรือไปทำเองเราก็จะมีความสุข
เมื่อหุ้นตกแล้วจะทำอย่างไรให้ไม่เสียดาย
คุณชาย
- ก่อนซื้อควรรู้ว่ามูลค่าแท้จริงของกิจการคือเท่าไร เช่น market cap 5 พันล้านบาท
แค่คนที่มีเงิน 20 ล้านบาทก็ทำให้หุ้นตกลงไปได้ เพราะเอาเงินมา short หุ้นทำให้คนตกใจกลัวได้
เหมือนหนังเรื่องสปาตัน หรือในขาขึ้นก็สามารถเอาเงิน 20 ล้านบาท ลากขยะขึ้นไปเป็นทองคำได้
ของที่ไม่มีราคาก็จะมีคนไปซื้อกัน บัฟเฟตต์ถึงบอกว่าถ้าตลาดมีประสิทธิภาพเขาคงต้องไปขอทานตามข้างถนน เราจึงต้องรู้มูลค่าแท้จริงของกิจการเพื่อไม่ให้หลงกับราคารายวันมากเกินไป
หมอJFK
- เห็นด้วยกับคุณชาย แต่ก็เป็นสิ่งที่ยาก ปัญหาคือรู้ผิด รู้ไม่จริง ต้องศึกษาให้แม่น
บางคนได้ยินว่าเขาบอกให้นิ่ง ก็นิ่งกอดหุ้นไว้จนขาดทุนมาก
- ส่วนตัวคือต้องแบ่งเงินลงทุนในหุ้นในส่วนที่เสียหายแล้วไม่เดือดร้อนและไม่ลงทุนเกินตัว
ก่อนฟองสบู่แตกมี margin ก็ทำให้เสียหายมาก
คนที่คิดจะออกจากงานประจำแล้วลาออกมาเล่นหุ้น น่าจะเป็นคนที่ไม่ต้องใช้เงินจากพอร์ตก็อยู่ได้
คุณใหม่
- เลือกหุ้นให้แน่ใจก่อน แต่ก็ต้องเตรียมใจว่ามันผิดพลาดได้
ส่วนตัวจะตั้งเป้าหมายไว้เลยว่าซื้อ 10 ตัว จะผิด 7 ตัว ถูก 3 ตัว
ตัวไหนที่ผิดก็จะ cut loss ต้องมีวินัย ตัวที่ขึ้นก็ต้องปล่อยให้มันขึ้นอย่ารีบขาย
อ.ไพบูลย์
- มีคาถาให้ท่อง “เงินลงทุนในหุ้นสูญหายไปหมดแล้ว ถ้าได้กลับคืนมาเป็นบุญวาสนาแต่ชาติก่อน”
แต่จริงๆไม่มีคนท่องได้ ให้ทำไฟล์ excel สรุปว่าหุ้นที่มีตอนนี้ราคาตลาดเป็นเท่าไร
รวมจำนวนเงินทุกตัวออกมา แล้วไปรวมเงินฝาก เงินต่างๆให้ครบ
พอหุ้นตก ก็ไปคีย์ราคาตลาดที่ลดลงไป พอรวมบรรทัดล่างแล้วดูเหลือเท่าไร
ถ้ามันเลวร้ายที่สุดแล้วคีย์ราคาหุ้นจะเหลือเท่าไร ถ้าเงินที่เหลือไม่เดือดร้อนก็จะสบายใจ
อ.ถาวร
- ถ้ามองเปรียบเทียบ พวกเราที่ลงทุนถ้าดูเทียบรายได้ค่าเฉลี่ยของประเทศอย่างไรเราก็สูงกว่ามาก
ความสุขในชีวิตคืออะไร
คุณใหม่
- คนส่วนใหญ่มักจะโยงความสุขกับหุ้นขึ้น ความทุกข์กับหุ้นตก ซึ่งมันไม่ได้เป็นเหตุผลซึ่งกันและกัน
สุขหรือทุกข์เป็นเรื่องของใจเรา ต้องเริ่มต้นที่ใจ พร้อม รับได้ว่าหุ้นมีขึ้นมีลง พร้อมรับความเสี่ยง
ถ้าพอร์ตหมดไปเดือดร้อนกับชีวิตไหม ถ้าผลต้องการคือความสุขในชีวิต
ต้องสร้างเหตุคือจัดพอร์ตให้เหมาะสมกับเรา
อ.ถาวรถามว่าทำบ้านอารีย์มีกำไรไหม?
- คุณใหม่ เป็นองค์กรไม่แสวงกำไร นอกจากนี้มีทำสมาคมผู้สูงอายุ มีสอนใช้ ipad ฟรี มีผู้สูงอายุเล่าให้ฟังว่ากินยาแก้เครียดมาตลอดลูกหลานไม่ดูแล พอมาสมาคมแล้วชีวิตมีคุณค่ามากขึ้น เพราะมีคนสอนใช้มือถือ พอไปซื้อมือถือ ได้โทรคุยลูกหลาน ชีวิตอยู่ได้ในสังคม เขาก็ขอบคุณเราขอบคุณไปถึงพ่อแม่เราที่ทำให้มีเราขึ้นมา ก็เป็นความสุขใจรูปแบบหนึ่ง
- คุณใหม่ เสริม ผลดีการมีความสุขที่ได้ให้คนอื่นมีงานวิจัย neuroscience ความสุขจะเชื่อมโยงข้อมูลในสมองเข้าด้วยกันทำให้วิเคราะห์ข้อมมูลได้ดีขึ้นด้วย
หมอ JFK
- เคยมีคำว่า คลายเครียดเรโช วิธีที่จะลดความตรึงเครียดคือใช้เทคนิคการแบ่งขาย
กำไรมาเยอะแล้วก็แบ่งออกไปบ้างเวลาที่ลงมาจะได้ไม่รู้สึกกดดัน ก็เป็นเทคนิคหนึ่ง
(เป็นเทคนิคของคุณธานินทร์ หรือฉายา Endrophine ใน Pantip
ซึ่งเคยมาออกรายการMoney talk http://www.youtube.com/watch?v=8XQxNlhiJUs)
คุณชาย
- ความสุขมี 2 อย่าง ซึ่งทุกคนเคยผ่านมาแล้ว คือความสุขธรรมดา กับความสงบสุข
มันดูเหมือนคล้ายๆกัน สงบสุข ถ้าตอบง่ายๆเช่น เอาพวกมาลัยมากราบแม่ในวันแม่ ยิ้มอิ่มเอิบใจทั้งคู่
แต่ลงทุนในหุ้น หุ้นขึ้นมีความสุข แต่หุ้นขึ้นก็บีบคั้นหัวใจ
เวลามีพอร์ต 1 ล้าน มี 10 ล้านคิดว่าพอแล้ว พอไปคบกับพวกที่มีพอร์ตโตๆ ก็ไม่สงบสุข อยากมีพอร์ตใหญ่ขึ้นอีก
-องค์ประกอบ คือ มีสุขภาพดี คนอยู่ใน icu มีหมื่นล้านก็เท่านั้น และอีกอย่างคือต้องมีคนรัก มีเงินพันล้าน
นั่งดินเนอร์ในโรงแรม 6 ดาวคนเดียวก็ไม่มีความสุขเท่ากับนั่งกินข้างทางกับคนรัก
- ดูแลสุขภาพและดูแลคนรอบข้างเรา เมื่อพอร์ตใหญ่ขึ้นจะมีความสุขอย่างแท้จริง
สรุปปิดท้าย
อ.ถาวร มีคนเคยสัมภาษณ์ 5 เรื่องที่คนตายเสียดายไม่ได้ทำ
1) ปราถนาที่จะกล้าใช้ชีวิตในแบบที่อยากเป็น ไม่ใช่ใช้ชีวิตตามความคาดหวังคนอื่น
2) ปราถนาจะไม่ทำงานหนัก จนกระทั่งลืมให้ความสำคัญกับคนรอบข้าง
3) ปราถนาที่จะกล้าแสดงความรู้สึกของตัวเองอย่างที่คิด
4) ปราถนาจะใช้เวลากับเพื่อนฝูงมากขึ้น
5) ปราถนาจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น
เราห่วงตัวเลข ทรัพย์สมบัติจนลืมให้ความสุขตัวเอง ควรเอาเงินไปทำสิ่งที่ให้คุณค่าทางจิตใจ เอาไปสร้างอะไรหลายๆอย่างกับคนอื่น และเราก็มีความสุขด้วย
หัวข้อ2 “บทเรียนหุ้นจาก Warren Buffett”
1. ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เชี่ยวชาญการลงทุน
2. คุณวิบูลย์ พึงประเสริฐ นักเขียนนักลงทุนแนวคุณค่า
3. คุณพรชัย รัตนนนทชัยสุข นักเขียนนักลงทุนแนวคุณค่า
4. ดร.กุศยา ลีฬหาวงศ์ นักเขียนนักวิชาการด้านการลงทุน
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ ดำเนินรายการ
Intro
- คุณเวบและทีมงานเพิ่งจัดงานสัมมนาการกุศลเพื่อบริจาคให้กับองค์กรช่วยเหลือสัตว์ อนุโมทนาบุญด้วย
- คุณวิบูลย์แนะนำหนังสือ เคล็ดลับเซียนหุ้น 2 เนื้อหาเกี่ยวกับบทความวอรเรนน บัฟเฟตต์สอนลงทุน
- เดือน ธ.ค. สมาคม Thaivi จะนิมนต์พระอาจารย์ อลงกต วัดพระบาทน้ำพุทธมารับบริจาคเพื่อช่วยเหลือคนเป็นโรคเอดส์ ในวันอาทิตย์ที่ 14 ธ.ค.
- อ.เสน่ห์ เกริ่นนำด้วยมุข "วอรเรน บัฟเฟตต์" เป็นชื่อที่มีปริศนาธรรม
วอรเรน คือ "เว้นรอ" ลงทุนต้องรู้จักการรอ อดทน
บัฟเฟตต์ คือ "Bet ฟั่บ" bet เป็นการพนันก็จะฟั่บๆตลอดเวลา
ดังนั้น วอรเรน บัฟเฟตต์ จะบอก 2 ลักษณะการลงทุน ว่าจะลงทุนแบบ "วอรเรน" หรือ "บัฟเฟต"
ซึ่งทางแขกรับเชิญจะเป็นผู้ให้รายละเอียด
ประวัติวอรเรน บัฟเฟต
คุณเวบ
- เกิดปี 30 สิงหาคม 1930 บ่าย 3 โมง ราศีสิงห์ ธาตุไฟ
ธาตุไฟเป็นธาตุสติปัญญา ความมั่นคงอารมณ์ และเป็นธาตุแห่งการให้ความรู้
ในเมืองไทยก็มีราศีสิงห์หลายคนที่เป็นธาตุไฟ
ถ้าแมงเม่าก็เป็นธาตุฟาย ชอบเข้าหุ้นเน่า สอยหุ้นดอย คอยเท่าทุน (อ.เสน่ห์ เสริมหมุนเงินเล่น)
- วอรเรน ชอบค้าขายตั้งแต่เด็ก 6 ขวบซื้อโค้กแพ็คมาขาย อายุ 13 ส่งหนังสือพิมพ์ อายุ 16 เอาตู้เกมไปตั้งตามร้านตัดผม ซื้อหุ้นตัวแรกอายุ 11 เสียภาษี อายุ 14
- วอรเรน ได้ลองศึกษาการลงทุนหลายๆแนว จนอายุ 19 ได้อ่านหนังสือ intelligence investor (ในไทยแปลโดยคุณพรชัย) แล้วคิดว่าแนวทางนี้น่าจะใช้ประสบความสำเร็จในการลงทุนได้
จึงไปสมัครเรียนที่ม. Harvard ไม่ได้ ก็ไปสมัครเรียนที่ม. Columbia กับ เกรแฮม
พอเรียนจบมาก็ทำงานกับเกรแฮมสักพัก ก็ออกไปตั้งกองทุนบัฟเฟต์พาร์ทเนอร์ชิพ
จนปัจจุบันมูลค่ากองทุนคือ 58.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ
- ตอนนี้อายุ 84 ปี ยังแข็งแรงดี
- อ.เสน่ห์เสริมตอน อายุ 55 วอรเรนเคยเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก แต่รักษาได้แล้ว
- ชีวิตเรื่องแต่งงานบัฟเฟต์จะซับซ้อนนิดหน่อย
อายุ 37 แยกกับภรรยา แล้วมีคนใหม่ย้ายเข้ามาอยู่แทน
แต่ในเชิงนิตินัยยังอยู่กับคนเดิม ไปออกงานด้วยกัน จนกระทั่งคนเดิมเสียชีวิตจริงแต่งงานกับคนใหม่
- ดร.นิเวศน์เสริม คนใหม่เป็นนอมินี ซึ่งภรรยาบัฟเฟตต์เป็นคนแนะนำให้เอง ซึ่งสนิทสนมกับดี มีบทบาทชัดเจน เวลาออกงานใหญ่ๆก็ไปกับภรรยาที่จดทะเบียน แต่อยู่ในบ้านภรรยาที่เป็นนอมินีก็จัดการงานบ้านให้
- วอรเรนมี ลูกชาย 2 คน ลูกผู้หญิง 1 คน ลูกชาย เป็นเกษตรกร กับอีกคนเป็นนักดนตรี ลูกสาวทำมูลนิธิ
- วอรเรนใช้รถไม่ได้เก่ามากแต่ราคาไม่แพง อยู่อาศัยที่โอมาฮา ในรัฐเนบราสกามาตลอด
- อ.ไพบูลย์เสริมว่าโอมาอาเมื่อก่อนเจริญมากเป็นเมืองที่คนอพยพจากบอสตัน ปัจจุบันเป็นเมืองเล็กๆ
- คุณเวบต่อ โอมาฮามีคน 3 แสนคน มีคนมาประชุมผู้ถือหุ้น 4 หมื่นคน ก็จะคึกคักมาก
- เวลาคนจะลงการเมืองก็มาขอการสนับสนุนจากบัฟเฟต์ เช่น อาโนล์ด ลงแข่งการเมือง
หลักการลงทุนของบัฟเฟตต์
ดร.กุฬยา
- แนะนำหนังสือ มั่งคั่งอย่างวอเร็น บัฟเฟตต์ พูดถึงประวัติ การลงทุน ความผิดพลาด
ต้องรอพิมพ์ใหม่น่าจะออกเร็วๆนี้
- หลักการลงทุนเน้นว่า ต้องรู้ว่ากำลังลงทุนในอะไร ต้องรู้จักดีและเข้าใจ
ดูผลประกอบการในอดีต จะไม่ดูบริษัทใหม่ๆ ชอบบริษัทที่ตั้งมานาน ผลประกอบการในอดีตดีหรือดีขึ้นเรื่อยๆ
ดู ROE ดู Profit margin อยู่ในระดับสูง และเพิ่มขึ้นในแต่ละปี
ดูว่าบริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขัน สินค้าเลียนแบบได้ยาก
ไม่ได้อิงกับ commodity มากนัก มีความผันผวนในราคาและควบคุมไม่ได้
ดูมูลค่าเปรียบเทียบราคา ถ้าหากคำนวณแล้วต่ำกว่ามูลค่าไม่ถึง 25% หุ้นตัวนั้นจะไม่น่าสนใจ
ชอบซื้อหุ้นมูลค่า 1 เหรียญซื้อที่ 50 เซ็นต์
ดูรายได้ ดูกำไร ดูกระแสเงินสด ด้วยวิธีที่คำนวณออกมาได้ง่ายๆด้วยการบวกลบคูณหา
ไม่ลงทุนในบริษัทที่ hitech ประเมินราคาไม่ได้ มักจะลงทุนในพวกที่เป็นของกินของใช้ พวกค้าปลีก สินค้าอุปโภคบริโภค พวกอิฐพวกรองเท้า มีดโกนหนวด เดลีควีน sea candy
วอรเร็นไม่ชอบหุ้น technology จริงไหม?
คุณวิบูลย์
- เดิมทีก็จริง หลักการคือถ้าไม่สามารถประเมินใน 5 ปี 10 ปีข้างหน้าก็ไม่เข้าไปลงทุน
- ในช่วงที่ Nasdaq ขึ้นสูงมากๆ เป็นปีที่วอรเร็นแพ้ตลาดอย่างมาก คนก็มองว่าหลักการวอรเร็นใช้ไม่ได้
แต่หลังจากนั้นตลาดก็ตกหนัก บางตัวขึ้นเป็น 100 เหรียญลงมา 1 เหรียญ หรือล้มละลายก็มี
คนจึงกลับมาเชื่อว่าหลักการของวอรเร็นใช้ได้
- ในปีที่ผ่านมา บัฟเฟตต์ซื้อ IBM เป็นครั้งแรกที่ซื้อหุ้น technology
เพราะ business model เปลี่ยนจากขาย hardware มาขาย service ดู server
มี contract กับลูกค้า 5,10 ปี มีความสามารถแข่งขันสูง บริษัทระดับรองๆก็สู้ IBM ไม่ได้
หุ้นที่บัฟเฟตต์ชอบเป็นพิเศษ?
คุณวิบูลย์
- ชอบหุ้นที่มองไปข้างหน้า 10,20 ปี ก็ยังคงอยู่ ปี 2008 ซื้อหุ้นรถไฟในอเมริกา BNFF
เพราะช่วง subprime หุ้นราคาตกหมด ซึ่ง business model ของรถไฟเปลี่ยนไปสมัยก่อนมีบริษัทรถไฟ 20-30 บริษัท ล้มละลายบ้าง ควบรวมบ้างเหลือ 3 บริษัท ซึ่ง BNFF เป็นบ.รถไฟที่ใหญ่สุดและเป็นมูลค่าลงทุนที่ใหญ่สุด
ของบัฟเฟตต์ คือ 2 หมื่นล้านเหรียญ จากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นทำให้การขนส่งทางรถไฟต้นทุนถูกและคนนิยมใช้รถไฟมากขึ้นในอเมริกา
ผลตอบแทนเบิร์กไชส์?
คุณเวบ
- ผลตอบแทนเฉลี่ย 20% ในเวลาประมาณ 40 ปี น่าจะเริ่มเป็นเบิร์กไชส์ที่ 1977-2014
ดร.นิเวศน์
- ถือว่าเป็นผลตอบแทนที่สูงมากเพราะระยะเวลายาวนาน เป็นการทบต้นไปเรื่อยๆจึงขยายได้ใหญ่มาก
- จุดเด่นของบัฟเฟตต์คือลงทุนด้วยความแน่นอนมาก ถ้าคนลงทุนนานขนาดนี้ต้องมีปีที่ลงทุนได้สุดยอด
ซึ่งตาม record ไม่มี ไม่ได้ลงทุนได้เสีย หุ้นขึ้นเยอะๆ แต่จะซื้อหุ้นที่ติดดิน ดูธรรมดาไม่น่าสนใจ
- ไม่นานมานี้ซื้อหุ้น Heinze ซึ่งทำกิจการมา 100 กว่าปีแล้ว หรืออย่าง Coke ก็ซื้อตอนที่ทำกิจการมา 50 กว่าปีแล้ว เป็นหุ้นที่พิสูจน์มานานแล้วว่าไม่พลาด เป็นอันดับ 1 โดดเด่นในอุตสาหกรรม มีความสุดยอดในการแข่งขัน
รอในช่วงที่ราคาหุ้นคุ้มที่จะลงทุนปีละ 10-15% ซึ่งในช่วงที่ซื้อก็จะซื้อเยอะ
- เบิร์กไชส์มีเงินสดค่อนข้างเยอะ เพราะมีธุรกิจทำเงิน เช่นประกันภัย รับเบี้ยประกันเข้ามาก็จะมีเงินท่วมในมือ
- บัฟเฟตต์มักจะซื้อหุ้นที่สร้างเงินสดได้เยอะๆ ได้เงินสดเข้าเร็วจ่ายเงินสดออกช้า
พอซื้อมากที่เข้าไป control บริษัทก็จะเน้นเรื่องการใช้เงิน ลงทุนให้ได้ผลตอบแทนดี
เขาซื้อหุ้นเหมือนซื้อธุรกิจและเก็บไปนานๆไม่ค่อยขาย
- ถึงแม้บัฟเฟตต์ไม่ค่อยขายหุ้นแต่ก็มี ถือพันธบัตรเยอะมาก
ถ้าจำเป็นก็สามารถขายออกไปได้ รวมทั้งเงินปันผลก็เอามาใช้ซื้อหุ้นได้
ถ้าหากพอร์ตราวแสนล้าน ได้ปันผล 4-5% ก็เป็นเงิน 4-5 พันล้านแล้ว
- บัฟเฟตต์เคยมีหุ้น pepsi ก่อนซื้อหุ้น coke แต่พอพิจารณาสักพักก็เลือกซื้อ coke แทน
- มีที่บัฟเฟตต์ขายหุ้นบ้าง เช่น ที่เคยซื้อหุ้นน้ำมันของจีน คนก็ซื้อตาม พอขึ้นมากเกินปกติก็ขายทิ้ง
- ปกติแล้วบัฟเฟตต์ซื้อไม่บ่อย ซื้อแค่ 1-2 ตัวในปี หรือบางปีก็ไม่ซื้อ
แต่ในปีวิกฤติเช่น แฮมเบอร์เกอร์ก็เข้าไปซื้อหลายตัวเลย
- เบิร์กไชร์ไม่จ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้น แต่มีรับเงินปันผลจากบริษัทนอกตลาดหลายแห่ง
แต่ถ้าในช่วงที่ไม่สามารถหาหุ้นลงทุนได้ก็จะจ่ายปันผลออก
- คุณเวบ ถ้าไปดูงบดุลเบิร์กไชส์ในอดีตจะเป็นหุ้นหมดเลย แต่ทุกวันนี้ หุ้นอาจเป็นสัดส่วนแค่ 20% ของทั้งหมด แต่ตอนหลังไปซื้อบริษัททั้งหมดบริษัทเลย จะเป็นรถไฟ อิฐ สีทาบ้าน ซึ่งบริษัทพวกนี้ก็จะส่งปันผลกลับมาให้บริษัทแม่ลงทุนต่อด้วย เมื่อ 10 ปีก่อน ก็ได้อาทิตย์ละ 150 ล้านเหรียญแล้ว พวกเงินที่รับจากบริษัทประกันภัยก็เอาไปลงทุนก่อนได้ ถ้ามีเคลมเข้ามาค่อยขายเงินทุนเอาไปจ่ายค่าความเสียหายได้
- ดร.นิเวศน์ ทีมงานของเบิร์กไชส์เล็กมาก
- คุณวิบูลย์ เบิร์กไชส์ที่ HQ มีทีมงานทั้งหมดรวมบัฟเฟตต์ 19.5 คน มี 0.5 คนทำงานพาร์ทไทม์ เป็น 1 ใน 10 ของ fortune 50 แต่ถ้านับรวมพวกพนักงานในบริษัทลูก 3 แสนกว่าคน
ความผิดพลาดในการซื้อหุ้น
ดร.กุฬยา
- ซื้อเบิร์กไชส์ แฮทอเวย์ เป็นบริษัทสิ่งทอ เปิดกิจการได้ 20 ปีก็ปิดตัวลง เพราะโรงงานทอผ้าต้องเลิก
แต่อยากเก็บไว้เป็นอนุสรณ์ ซึ่งทีแรกเป็นบริษัทที่ดูดี แต่สุดท้ายสู้บ.สิ่งทอในเอเชียไม่ได้ จึงใช้บริษัทนี้ในการลงทุน เป็น holding company
- ซื้อหุ้นสายการบิน US Airways ซึ่งเป็นธุรกิจที่ดีแต่ไม่เหมาะกับการลงทุน
- มีตัวที่ซื้อแล้วกิจการเจ๊ง ชื่อ Dextor shoe ผลิตรองเท้าคาวบอย
เป็นอุตสากรรมที่ไม่ดี ไม่มีความสามารถในการแข่งขัน ต้นทุน ค่าแรงในเอเชียก็ถูกกว่า
แต่ธุรกิจแบบนี้ที่ยังอยู่ได้ก็มีคือบริษัท Justin boots ผลิตรองเท้าคาวบอยเหมือนกัน
- อีกตัวหนึ่งที่ผิดพลาดคือ Tesco ไม่สามารถรักษาต้นทุนที่ต่ำเอาไว้ได้
ความผิดพลาดเจอของดีไม่ได้เข้าไปซื้อ
- ดร.กุฬยา ตอนช่วงแรกสนใจ Walmart แต่ไม่ได้ซื้อเท่าไร
ซึ่งตอนหลังต้องกลับมาซื้อโดยใช้เงินลงทุนที่สูงขึ้นมาก
- คุณวิบูลย์ เสริม เขาไม่ได้ทำอะไรก็ถูกหมด ทำพลาดได้
เขาก็จะเขียนลงในรายงานประจำปี ว่าทำอะไรพลาดบ้าง ลงทุนอะไรได้กำไรบ้าง เพื่อรายงานผู้ถือหุ้น
อย่าตีบอลทุกครั้งที่ขว้างมาหาเรา หมายความว่า?
- ดร.นิเวศน์ เขาชอบเบสบอล จะเลือกจังหวะที่สวย ตีง่ายที่สุด เบสบอลรอได้แค่ 3 ครั้ง
แต่หุ้นรอได้ตลอดไม่จำเป็นต้องรีบตี ในชีวิตหนึ่งลงทุนแค่ 20 ครั้งก็รวยแล้ว ขอให้ซื้อแต่ละครั้งอย่างดี
บัฟเฟตต์บอกแต่ด้านที่ดี แต่ด้านทำผิดพลาดแล้วไม่ได้บอกหรือเปล่า?
- ดร.นิเวศน์ ก็มีบอกอยู่ Tesco มีเรื่องไม่คาดคิด มีการรายงานข้อมูลไม่ตรงจริง กำลังจะออกบทความเรื่องนี้
- ดร.กุฬยา เวลาที่ซื้อหุ้นผิดจะบอกในรายงานประจำปีว่าทำอะไรพลาด พลาดเรื่องอะไรบ้าง
อย่างการลงทุน dextor พลาดแล้วต้อง write off ออกไป
ในบรรดานักลงทุนชอบบัฟเฟต์ที่สุดไหม?
- คุณวิบูลย์ ชอบหลายคนแต่ใช้หลักการของบัฟเฟต์มากที่สุด
ชอบที่สุดคือเรื่องความมีวินัย รอได้ เขาสามารถรอได้สูง บัฟเฟตต์นั่งรอเป็นปีก็ได้
- คุณเวบ ชอบเรื่องความมีวินัย คนมีหลักการก็มีเยอะ แต่เวลาจริงแล้วควบคุมตัวเองไม่ได้
เขามีวินัยและมีอิสระทางความคิด ตอนอายุ 20 ปี ทั้งเบนเกรแฮม และพ่อบัฟเฟตต์ก็บอกว่าไม่น่าลงทุน
เขาเอาข้อมูลมูดี้ส์หมื่นกว่าหน้ามาเปิดดู 2 รอบ แล้วเขาก็ลงทุน ซึ่งปีนั้นได้ผลตอบแทน 75%
ต่อให้คนที่เขานับถือบอกเขาก็ยืนยันในความคิดตัวเองได้
- คุณเวบ มีครั้งหนึ่ง แคทเธอรีน เกรแฮม ประธานหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ ชวนไปกินข้าวกับอาคิโอะ โมริตะ ประธานโซนี่ ที่คอนโดหรูหรา มีเชฟอาหารญี่ปุ่นมาทำอาหารเสิร์ฟ ปรากฏว่าเป็นอาหารที่เขาไม่ชอบทาน เสิรฟ์มาจานที่ 1,2,3, จนถึง 15 จาน เขาไม่กินเลยแม้แต่จานเดียว เขานึกถึงแต่แฮมเบอเกอร์, ข้าวโพดคั่ว, ถั่วลิสง
แสดงให้เห็นว่าเป็นคนที่ยืนหยัดในความคิดตัวเองมาก
- คุณเวบ วอรเรน กินโค้กน่าจะวันละ 5 กระป๋อง โดยที่เขาก็มีการออกกำลังกายด้วย
Never suck your thumb หมายถึง?
- คุณเวบ นั่งอมหัวแม่มือ เขายกตัวอย่างปี 1990 เศรษฐกิจถดถอย
ซึ่ง Citibank จะล้ม แต่เขาวิเคราะห์ว่าไม่ล้มหรอกน่าจะซื้อลงทุน
สุดท้ายเขาพลาดโอกาสครั้งใหญ่ไป เพราะนั่งอมหัวแม่มืออยู่ ไม่ยอมเคาะซื้อ
ตอนนั้นมีจอห์นเนฟฟ กับเจ้าชายซาอุ ที่เข้าไปซื้อ
ซึ่งธุรกิจการเงินเป็นสิ่งหนึ่งที่เขาเชี่ยวชาญ อย่างที่เคยซื้อ amex, welfarco, bank of America
ถ้าบัฟเฟตต์อยู่ในเมืองไทยจะซื้อหุ้นไหน และหุ้นไหนไม่ซื้อแน่?
- ดร.นิเวศน์ ipo ทุกตัวบัฟเฟตต์ไม่ซื้อ
- ดร.กุฬยา เกณฑ์เขาดูว่าบริษัทนั้นจดทะเบียนมานานแค่ไหนแล้ว
สรุปปิดท้าย
อ.เสน่ห์
- ฝากค่านิยม 12 ประการ คสนท : คืนความสุขให้นักลงทุน
(จดไม่ทันรอดูใน facebook money talk)
Money talk at SET ครั้งต่อไป วันอาทิตย์ ที่ 16 พฤศจิกายน 57
เปิดจองเสาร์ 8 พฤศจิกายน 7 โมงเช้า ผ่าน facebook
หัวข้อ 1 จับตาหุ้นเด่นปี 58 มี 4 บริษัท intuch, aira,sricha, amata
หัวข้อ 2 เลือกหุ้นปรับพอร์ตแบบ VI ดร.นิเวศน์, คุณโจลูกอีสาน อนุรักษ์, นพ.พงษ์ศักดิ์
อ.เสน่ห์, ดร.ไพบูลย์ ดำเนินรายการ
ปี 58 Money talk จะจัดวันเสาร์อย่างเดียว
เริ่มลงทะเบียน 12.30 Walk in 12.45-12.50 น. เริ่มรายการ 13.00-13.10 น.
รุมหลังงานก็จะเลิกราว 18.45 น.
สุดท้ายขอบพระคุณอ.ไพบูลย์,พิธีกร,วิทยากร และทีมงาน money talk และผู้สนับสนุนทุกท่านที่จัดงานขึ้นครับ
หัวข้อ 1 “ลงทุนแบบสบายๆ สุขกายสุขใจ”
1.นพ.สมนึก ตปนียวรวงศ์ (หมอ JFK) - หมอนักลงทุน
2. คุณวีรณัฐ โรจน์ประภา - ประธานมูลนิธิบ้านอารีย์
3. คุณชาย มโนภาส - อุปนายกสมาคมไทยวีไอ
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ อ. ถาวร โชติชื่น ดำเนินรายการ
Intro
- อ.ไพบูลย์ วันนี้เปลี่ยนมาดใหม่ เนื่องจากแพ้ยาย้อมผม สีธรรมชาติสีขาวตั้งแต่อายุ 11-12 ก็ย้อมมาตลอด
- คุณใหม่ บ้านอารีย์ สถานที่ตั้งอยู่ที่ BTS อารีย์ สามารถเดินไปได้ มีกิจกรรม วันพุธ ช่วงบ่ายสอนเจริญสติเคลื่อนไหว สายหลวงพ่อเทียน, พฤหัสเย็น สวดมนต์ฟังธรรม, เสาร์ อภิธรรม, อาทิตย์เรียนภาษาบาลี
- หมอJFK ฝากเตือนช่วงนี้การลงทุนต่างประเทศเป็นที่น่าสนใจ ให้ระมัดระวังพวกการลงทุนในต่างประเทศแปลกๆที่กำลังแพร่ระบาด
- อ.ไพบูลย์ เสริมพวกการลงทุนที่ไม่น่าไว้ใจก็อย่าไปยุ่ง อบรมแพงผิดปกติให้หลีกเลี่ยง ถ้าเก่งจริงไม่ต้องมาอบรมหาเงินแพงๆก็ได้ การลงทุนต่างประเทศไม่ง่ายให้ศึกษาดีๆก่อน เซียนๆก็ขาดทุนกัน
- อ.ถาวร มีคนกล่าวว่า “เรื่องน่าเสียดายตายไปแล้วใช้เงินยังไม่หมด เรื่องน่าสลดใช้เงินไปหมดแล้วยังไม่ตาย เสริมให้ เรื่องที่น่าอับอายเงินมากมายใช้หนี้ไม่หมด
- อ.ไพบูลย์ ที่ทำรายการ money talk อยากให้มุมมองว่าการใช้ชีวิตไม่ควรไปผูกเรื่องเงินทางอย่างเดียว การลงทุนคือชีวิต ไม่เห็นด้วย ถ้าเราคิดแบบนั้นชีวิตก็ไม่ได้มีความหมายแล้ว ชีวิตคือการให้ คือการทำเพื่อผู้อื่นมันดูสมเหตุสมผลกว่า
- อ.ถาวร ถ้าไปยึดว่าชีวิตคือลูก วันหนึ่งหากไม่อยู่กับเรา จะทำอย่างไร
- หมอ JFK เปิดโรงพยาบาลอยู่ที่ตำบลในนครสวรรค์ ชื่อโรงพยาบาลแพทย์ช่องแค ขนาด 30 เตียง เป็นเหมือนคลีนิคขนาดใหญ่ ทำผ่าตัด ทำทุกอย่าง ใช้ตัวเองเป็นคนหลัก มี full time 2 คน part time 3-4 คน เป็น model ทำธุรกิจที่ไม่ได้คุ้มเท่าไร เราทำอยู่ตจว.จ้างหมอ จ้างพยาบาลสูงกว่า กลุ่มประชากรรายได้น้อยกว่า แต่โรงพยาบาลเลี้ยงตัวเองได้ก็ OK
ชีวิตก็มีลงทุนหุ้น มีไปทำกิจกรรมปีนเขา ผจญภัย ใช้เงินเก่ง เพิ่งกลับมาเริ่มออมหุ้นเมื่อ 2-3 ปีก่อน
การลงทุนก็ทำแบบสนุก ไม่ได้เฝ้าจอ
พอร์ตหุ้นของหมอเทียบสินทรัพย์ 20-30% ถ้าในส่วนที่อยู่ในหุ้นเป็น 0 ก็ไม่เดือดร้อน
- คุณใหม่ ที่ผ่านมาเราคุยกันเรื่อง VI วันนี้เราคุยกันใน Trend ใหม่ CI Comfort Investment ลงทุนอย่างไรให้สบาย โดย หลักทางพุทธเรียกว่า โภควิภาค 4
คือ แบ่งทรัพย์เป็น 4 ส่วน
ส่วนหนึ่งอย่าไปยุ่ง เก็บไว้ยามฉุกเฉิน ส่วนหนึ่งใช้สอยของตัวเอง หาความสุขตามอัธภาพ
อีก 2 ส่วน ไว้ใช้ลงทุน ไม่ใช่ให้อยู่เฉยๆ
- อ.ไพบูลย์ เสริมว่า 2 ท่านมี 20-30% ในหุ้น แต่ถ้าคนรุ่นใหม่ควรมี 30-40% ขึ้นไป สำหรับคนอายุน้อยจริงๆจะอยู่ในหุ้น 100% ก็ได้ ถ้าล้มแล้วก็ยังลุกขึ้นมาได้ แต่ต้องไม่เก็งกำไร ต้องไม่เกิน 100% ใช้ margin ไปยืมคนอื่นมาลงทุนต่อ
- หมอ JFK อธิบายว่าในการแบ่งสัดส่วน % สินทรัพย์ลงทุนในหุ้นของหมอ คือต้องมองว่าสินทรัพย์ที่มีอยู่แค่ไหนเลี้ยงตัวเองไม่เดือดร้อน เช่น ผมมองว่า 30 ล้านบาท เลี้ยงตัวเองพอแล้ว อีก 20 ล้านบาทลงได้หมด
ต่อไปมี 100 ล้าน ก็ลงหุ้นได้ 70 ล้านบาท
- คุณชาย พื้นฐานแต่ละคนไม่เท่ากัน รับความเสี่ยงได้แค่ไหน อายุ ความสามารถ ต้องพิจารณาให้เหมาะสม
แต่เรื่องการลงทุนให้มีความสุข มีหลายท่านที่เน้นดูราคารายวัน วันไหนหุ้นบวกมีความสุข หุ้นลบมีความทุกข์
ขอยกตัวอย่างหุ้น ADVANC ย้อนหลัง 5 เดือน มีวันที่ราคาขึ้นอยู่ 47 วัน ราคาไม่เปลี่ยนแปลง 15 วันที่ราคาลง 47 วัน ดังนั้นถ้าเราลงทุนใน ADVANC มา 5 เดือน สุดท้ายเสมอตัว ไม่ได้อะไร ใจเราก็ต้องไปแกว่งกับราคาตลาดไปมา แต่ถ้าเรารู้ว่ามูลค่าแท้จริง ADVANC เราจะมีความสุขมากกว่า ถ้ามันเกินมูลค่ามากๆก็ขายออกมา
VI ไม่สนใจราคาหุ้นรายวัน แต่สิ่งที่ทำให้หวั่นไหวมากคือพอร์ตของเพื่อน พอเห็นคนอื่นได้ดีกว่าก็อยากเก็งกำไรให้ได้มากกว่าเขา พอร์ตหุ้นเหมือนนิ้วหัวแม่มือ ไปรู้ว่าขนาดคนอื่นใหญ่แค่ไหน ไม่ทำให้ของเราใหญ่ขึ้น ดังนั้นอย่าไปรู้เลยดีกว่า ต้องฝึกยินดีกับเขา มีมุทิตาจิต
การลงทุนในหุ้นไม่ใช่กีฬา ไม่งั้นต้องมีจัดแข่งโอลิมปิค การปลูกต้นไม้จะโตเร็วโตช้า ขึ้นกับต้นไม้ด้วย บางทีจะไปเร่งให้โตก็ไม่ได้ ไม่ได้อยู่ในความควบคุมของเราอย่างเดียว
แนะนำลงทุนหุ้นให้สุขกายสบายใจ
หมอ JFK
- ต้องรู้ว่ามีความเสี่ยง ดูว่ารับความเสี่ยงได้ไหม ดู timing
ถ้าเราอยู่ในวัยเริ่มต้น มีโอกาสพลาด ล้มได้ จะลอง bet ก็ได้
แต่ในวันหนึ่งที่พอร์ตใหญ่ขึ้นมาคงต้องกันส่วนที่ปลอดภัยบ้าง
ให้เลือกหุ้นที่ปลอดภัย มีปันผล พื้นฐานมั่นคง ถ้าอยากจะตื่นเต้นบ้างก็กันบางส่วนมาเล่นได้
- คุณชายเสริม ช่วงตลาดหุ้นขึ้นจะเห็นหลายคนที่เป็นเซียนเป็นกูรู
คนเรายังไม่รู้เลยว่าจะป่วยวันไหน จะตายวันไหน จะคาดการณ์ตลาดได้แม่นยำได้อย่างไร
- อ.ไพบูลย์ ถ้าขาดทุนหุ้นเราทุกข์ ลองเจ็บป่วยดูจะลืมอย่างอื่นหมด
คุณใหม่
- สิ่งสำคัญมากกว่าหุ้นตัวไหนจะขึ้นจะลง คือจัดพอร์ตให้รองรับความเสี่ยงได้เหมาะสม
เช่น หุ้น 20% แล้วก็มีแบ่งไปซื้อประกันชีวิต พันธบัตร
- ส่วนตัวมีลงทุนในกองทุนส่วนบุคคล ซึ่งไม่รู้ว่าเขาจัดการอะไรกับพอร์ตบ้าง
ก็พะวงอีกแบบว่าเขาไปทำอะไร จึงต้องปรับวิธีคิดให้ทำใจว่าเราตัดสินใจเสี่ยงกับเงินก้อนนี้แล้ว
อ.ถาวร
- มีงานวิจัย การได้ยินเรื่องที่คนทำความดีจะทำให้เซลล์ในร่างกายสดชื่นขึ้น
- อ.ไพบูลย์เสริม เคยมีการทดลองให้คนนั่งเฉยๆดู หนังของแม่ชี เทเรซ่า พบว่าคนที่ดูมีเอนโดรฟีนหลั่งทุกคน ทำให้ร่างกายสดชื่นมีความสุขและอายุยืน ยาว ถ้าเห็นคนอื่นทำคนดีหรือไปทำเองเราก็จะมีความสุข
เมื่อหุ้นตกแล้วจะทำอย่างไรให้ไม่เสียดาย
คุณชาย
- ก่อนซื้อควรรู้ว่ามูลค่าแท้จริงของกิจการคือเท่าไร เช่น market cap 5 พันล้านบาท
แค่คนที่มีเงิน 20 ล้านบาทก็ทำให้หุ้นตกลงไปได้ เพราะเอาเงินมา short หุ้นทำให้คนตกใจกลัวได้
เหมือนหนังเรื่องสปาตัน หรือในขาขึ้นก็สามารถเอาเงิน 20 ล้านบาท ลากขยะขึ้นไปเป็นทองคำได้
ของที่ไม่มีราคาก็จะมีคนไปซื้อกัน บัฟเฟตต์ถึงบอกว่าถ้าตลาดมีประสิทธิภาพเขาคงต้องไปขอทานตามข้างถนน เราจึงต้องรู้มูลค่าแท้จริงของกิจการเพื่อไม่ให้หลงกับราคารายวันมากเกินไป
หมอJFK
- เห็นด้วยกับคุณชาย แต่ก็เป็นสิ่งที่ยาก ปัญหาคือรู้ผิด รู้ไม่จริง ต้องศึกษาให้แม่น
บางคนได้ยินว่าเขาบอกให้นิ่ง ก็นิ่งกอดหุ้นไว้จนขาดทุนมาก
- ส่วนตัวคือต้องแบ่งเงินลงทุนในหุ้นในส่วนที่เสียหายแล้วไม่เดือดร้อนและไม่ลงทุนเกินตัว
ก่อนฟองสบู่แตกมี margin ก็ทำให้เสียหายมาก
คนที่คิดจะออกจากงานประจำแล้วลาออกมาเล่นหุ้น น่าจะเป็นคนที่ไม่ต้องใช้เงินจากพอร์ตก็อยู่ได้
คุณใหม่
- เลือกหุ้นให้แน่ใจก่อน แต่ก็ต้องเตรียมใจว่ามันผิดพลาดได้
ส่วนตัวจะตั้งเป้าหมายไว้เลยว่าซื้อ 10 ตัว จะผิด 7 ตัว ถูก 3 ตัว
ตัวไหนที่ผิดก็จะ cut loss ต้องมีวินัย ตัวที่ขึ้นก็ต้องปล่อยให้มันขึ้นอย่ารีบขาย
อ.ไพบูลย์
- มีคาถาให้ท่อง “เงินลงทุนในหุ้นสูญหายไปหมดแล้ว ถ้าได้กลับคืนมาเป็นบุญวาสนาแต่ชาติก่อน”
แต่จริงๆไม่มีคนท่องได้ ให้ทำไฟล์ excel สรุปว่าหุ้นที่มีตอนนี้ราคาตลาดเป็นเท่าไร
รวมจำนวนเงินทุกตัวออกมา แล้วไปรวมเงินฝาก เงินต่างๆให้ครบ
พอหุ้นตก ก็ไปคีย์ราคาตลาดที่ลดลงไป พอรวมบรรทัดล่างแล้วดูเหลือเท่าไร
ถ้ามันเลวร้ายที่สุดแล้วคีย์ราคาหุ้นจะเหลือเท่าไร ถ้าเงินที่เหลือไม่เดือดร้อนก็จะสบายใจ
อ.ถาวร
- ถ้ามองเปรียบเทียบ พวกเราที่ลงทุนถ้าดูเทียบรายได้ค่าเฉลี่ยของประเทศอย่างไรเราก็สูงกว่ามาก
ความสุขในชีวิตคืออะไร
คุณใหม่
- คนส่วนใหญ่มักจะโยงความสุขกับหุ้นขึ้น ความทุกข์กับหุ้นตก ซึ่งมันไม่ได้เป็นเหตุผลซึ่งกันและกัน
สุขหรือทุกข์เป็นเรื่องของใจเรา ต้องเริ่มต้นที่ใจ พร้อม รับได้ว่าหุ้นมีขึ้นมีลง พร้อมรับความเสี่ยง
ถ้าพอร์ตหมดไปเดือดร้อนกับชีวิตไหม ถ้าผลต้องการคือความสุขในชีวิต
ต้องสร้างเหตุคือจัดพอร์ตให้เหมาะสมกับเรา
อ.ถาวรถามว่าทำบ้านอารีย์มีกำไรไหม?
- คุณใหม่ เป็นองค์กรไม่แสวงกำไร นอกจากนี้มีทำสมาคมผู้สูงอายุ มีสอนใช้ ipad ฟรี มีผู้สูงอายุเล่าให้ฟังว่ากินยาแก้เครียดมาตลอดลูกหลานไม่ดูแล พอมาสมาคมแล้วชีวิตมีคุณค่ามากขึ้น เพราะมีคนสอนใช้มือถือ พอไปซื้อมือถือ ได้โทรคุยลูกหลาน ชีวิตอยู่ได้ในสังคม เขาก็ขอบคุณเราขอบคุณไปถึงพ่อแม่เราที่ทำให้มีเราขึ้นมา ก็เป็นความสุขใจรูปแบบหนึ่ง
- คุณใหม่ เสริม ผลดีการมีความสุขที่ได้ให้คนอื่นมีงานวิจัย neuroscience ความสุขจะเชื่อมโยงข้อมูลในสมองเข้าด้วยกันทำให้วิเคราะห์ข้อมมูลได้ดีขึ้นด้วย
หมอ JFK
- เคยมีคำว่า คลายเครียดเรโช วิธีที่จะลดความตรึงเครียดคือใช้เทคนิคการแบ่งขาย
กำไรมาเยอะแล้วก็แบ่งออกไปบ้างเวลาที่ลงมาจะได้ไม่รู้สึกกดดัน ก็เป็นเทคนิคหนึ่ง
(เป็นเทคนิคของคุณธานินทร์ หรือฉายา Endrophine ใน Pantip
ซึ่งเคยมาออกรายการMoney talk http://www.youtube.com/watch?v=8XQxNlhiJUs)
คุณชาย
- ความสุขมี 2 อย่าง ซึ่งทุกคนเคยผ่านมาแล้ว คือความสุขธรรมดา กับความสงบสุข
มันดูเหมือนคล้ายๆกัน สงบสุข ถ้าตอบง่ายๆเช่น เอาพวกมาลัยมากราบแม่ในวันแม่ ยิ้มอิ่มเอิบใจทั้งคู่
แต่ลงทุนในหุ้น หุ้นขึ้นมีความสุข แต่หุ้นขึ้นก็บีบคั้นหัวใจ
เวลามีพอร์ต 1 ล้าน มี 10 ล้านคิดว่าพอแล้ว พอไปคบกับพวกที่มีพอร์ตโตๆ ก็ไม่สงบสุข อยากมีพอร์ตใหญ่ขึ้นอีก
-องค์ประกอบ คือ มีสุขภาพดี คนอยู่ใน icu มีหมื่นล้านก็เท่านั้น และอีกอย่างคือต้องมีคนรัก มีเงินพันล้าน
นั่งดินเนอร์ในโรงแรม 6 ดาวคนเดียวก็ไม่มีความสุขเท่ากับนั่งกินข้างทางกับคนรัก
- ดูแลสุขภาพและดูแลคนรอบข้างเรา เมื่อพอร์ตใหญ่ขึ้นจะมีความสุขอย่างแท้จริง
สรุปปิดท้าย
อ.ถาวร มีคนเคยสัมภาษณ์ 5 เรื่องที่คนตายเสียดายไม่ได้ทำ
1) ปราถนาที่จะกล้าใช้ชีวิตในแบบที่อยากเป็น ไม่ใช่ใช้ชีวิตตามความคาดหวังคนอื่น
2) ปราถนาจะไม่ทำงานหนัก จนกระทั่งลืมให้ความสำคัญกับคนรอบข้าง
3) ปราถนาที่จะกล้าแสดงความรู้สึกของตัวเองอย่างที่คิด
4) ปราถนาจะใช้เวลากับเพื่อนฝูงมากขึ้น
5) ปราถนาจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น
เราห่วงตัวเลข ทรัพย์สมบัติจนลืมให้ความสุขตัวเอง ควรเอาเงินไปทำสิ่งที่ให้คุณค่าทางจิตใจ เอาไปสร้างอะไรหลายๆอย่างกับคนอื่น และเราก็มีความสุขด้วย
หัวข้อ2 “บทเรียนหุ้นจาก Warren Buffett”
1. ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ผู้เชี่ยวชาญการลงทุน
2. คุณวิบูลย์ พึงประเสริฐ นักเขียนนักลงทุนแนวคุณค่า
3. คุณพรชัย รัตนนนทชัยสุข นักเขียนนักลงทุนแนวคุณค่า
4. ดร.กุศยา ลีฬหาวงศ์ นักเขียนนักวิชาการด้านการลงทุน
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ ดำเนินรายการ
Intro
- คุณเวบและทีมงานเพิ่งจัดงานสัมมนาการกุศลเพื่อบริจาคให้กับองค์กรช่วยเหลือสัตว์ อนุโมทนาบุญด้วย
- คุณวิบูลย์แนะนำหนังสือ เคล็ดลับเซียนหุ้น 2 เนื้อหาเกี่ยวกับบทความวอรเรนน บัฟเฟตต์สอนลงทุน
- เดือน ธ.ค. สมาคม Thaivi จะนิมนต์พระอาจารย์ อลงกต วัดพระบาทน้ำพุทธมารับบริจาคเพื่อช่วยเหลือคนเป็นโรคเอดส์ ในวันอาทิตย์ที่ 14 ธ.ค.
- อ.เสน่ห์ เกริ่นนำด้วยมุข "วอรเรน บัฟเฟตต์" เป็นชื่อที่มีปริศนาธรรม
วอรเรน คือ "เว้นรอ" ลงทุนต้องรู้จักการรอ อดทน
บัฟเฟตต์ คือ "Bet ฟั่บ" bet เป็นการพนันก็จะฟั่บๆตลอดเวลา
ดังนั้น วอรเรน บัฟเฟตต์ จะบอก 2 ลักษณะการลงทุน ว่าจะลงทุนแบบ "วอรเรน" หรือ "บัฟเฟต"
ซึ่งทางแขกรับเชิญจะเป็นผู้ให้รายละเอียด
ประวัติวอรเรน บัฟเฟต
คุณเวบ
- เกิดปี 30 สิงหาคม 1930 บ่าย 3 โมง ราศีสิงห์ ธาตุไฟ
ธาตุไฟเป็นธาตุสติปัญญา ความมั่นคงอารมณ์ และเป็นธาตุแห่งการให้ความรู้
ในเมืองไทยก็มีราศีสิงห์หลายคนที่เป็นธาตุไฟ
ถ้าแมงเม่าก็เป็นธาตุฟาย ชอบเข้าหุ้นเน่า สอยหุ้นดอย คอยเท่าทุน (อ.เสน่ห์ เสริมหมุนเงินเล่น)
- วอรเรน ชอบค้าขายตั้งแต่เด็ก 6 ขวบซื้อโค้กแพ็คมาขาย อายุ 13 ส่งหนังสือพิมพ์ อายุ 16 เอาตู้เกมไปตั้งตามร้านตัดผม ซื้อหุ้นตัวแรกอายุ 11 เสียภาษี อายุ 14
- วอรเรน ได้ลองศึกษาการลงทุนหลายๆแนว จนอายุ 19 ได้อ่านหนังสือ intelligence investor (ในไทยแปลโดยคุณพรชัย) แล้วคิดว่าแนวทางนี้น่าจะใช้ประสบความสำเร็จในการลงทุนได้
จึงไปสมัครเรียนที่ม. Harvard ไม่ได้ ก็ไปสมัครเรียนที่ม. Columbia กับ เกรแฮม
พอเรียนจบมาก็ทำงานกับเกรแฮมสักพัก ก็ออกไปตั้งกองทุนบัฟเฟต์พาร์ทเนอร์ชิพ
จนปัจจุบันมูลค่ากองทุนคือ 58.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ
- ตอนนี้อายุ 84 ปี ยังแข็งแรงดี
- อ.เสน่ห์เสริมตอน อายุ 55 วอรเรนเคยเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก แต่รักษาได้แล้ว
- ชีวิตเรื่องแต่งงานบัฟเฟต์จะซับซ้อนนิดหน่อย
อายุ 37 แยกกับภรรยา แล้วมีคนใหม่ย้ายเข้ามาอยู่แทน
แต่ในเชิงนิตินัยยังอยู่กับคนเดิม ไปออกงานด้วยกัน จนกระทั่งคนเดิมเสียชีวิตจริงแต่งงานกับคนใหม่
- ดร.นิเวศน์เสริม คนใหม่เป็นนอมินี ซึ่งภรรยาบัฟเฟตต์เป็นคนแนะนำให้เอง ซึ่งสนิทสนมกับดี มีบทบาทชัดเจน เวลาออกงานใหญ่ๆก็ไปกับภรรยาที่จดทะเบียน แต่อยู่ในบ้านภรรยาที่เป็นนอมินีก็จัดการงานบ้านให้
- วอรเรนมี ลูกชาย 2 คน ลูกผู้หญิง 1 คน ลูกชาย เป็นเกษตรกร กับอีกคนเป็นนักดนตรี ลูกสาวทำมูลนิธิ
- วอรเรนใช้รถไม่ได้เก่ามากแต่ราคาไม่แพง อยู่อาศัยที่โอมาฮา ในรัฐเนบราสกามาตลอด
- อ.ไพบูลย์เสริมว่าโอมาอาเมื่อก่อนเจริญมากเป็นเมืองที่คนอพยพจากบอสตัน ปัจจุบันเป็นเมืองเล็กๆ
- คุณเวบต่อ โอมาฮามีคน 3 แสนคน มีคนมาประชุมผู้ถือหุ้น 4 หมื่นคน ก็จะคึกคักมาก
- เวลาคนจะลงการเมืองก็มาขอการสนับสนุนจากบัฟเฟต์ เช่น อาโนล์ด ลงแข่งการเมือง
หลักการลงทุนของบัฟเฟตต์
ดร.กุฬยา
- แนะนำหนังสือ มั่งคั่งอย่างวอเร็น บัฟเฟตต์ พูดถึงประวัติ การลงทุน ความผิดพลาด
ต้องรอพิมพ์ใหม่น่าจะออกเร็วๆนี้
- หลักการลงทุนเน้นว่า ต้องรู้ว่ากำลังลงทุนในอะไร ต้องรู้จักดีและเข้าใจ
ดูผลประกอบการในอดีต จะไม่ดูบริษัทใหม่ๆ ชอบบริษัทที่ตั้งมานาน ผลประกอบการในอดีตดีหรือดีขึ้นเรื่อยๆ
ดู ROE ดู Profit margin อยู่ในระดับสูง และเพิ่มขึ้นในแต่ละปี
ดูว่าบริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขัน สินค้าเลียนแบบได้ยาก
ไม่ได้อิงกับ commodity มากนัก มีความผันผวนในราคาและควบคุมไม่ได้
ดูมูลค่าเปรียบเทียบราคา ถ้าหากคำนวณแล้วต่ำกว่ามูลค่าไม่ถึง 25% หุ้นตัวนั้นจะไม่น่าสนใจ
ชอบซื้อหุ้นมูลค่า 1 เหรียญซื้อที่ 50 เซ็นต์
ดูรายได้ ดูกำไร ดูกระแสเงินสด ด้วยวิธีที่คำนวณออกมาได้ง่ายๆด้วยการบวกลบคูณหา
ไม่ลงทุนในบริษัทที่ hitech ประเมินราคาไม่ได้ มักจะลงทุนในพวกที่เป็นของกินของใช้ พวกค้าปลีก สินค้าอุปโภคบริโภค พวกอิฐพวกรองเท้า มีดโกนหนวด เดลีควีน sea candy
วอรเร็นไม่ชอบหุ้น technology จริงไหม?
คุณวิบูลย์
- เดิมทีก็จริง หลักการคือถ้าไม่สามารถประเมินใน 5 ปี 10 ปีข้างหน้าก็ไม่เข้าไปลงทุน
- ในช่วงที่ Nasdaq ขึ้นสูงมากๆ เป็นปีที่วอรเร็นแพ้ตลาดอย่างมาก คนก็มองว่าหลักการวอรเร็นใช้ไม่ได้
แต่หลังจากนั้นตลาดก็ตกหนัก บางตัวขึ้นเป็น 100 เหรียญลงมา 1 เหรียญ หรือล้มละลายก็มี
คนจึงกลับมาเชื่อว่าหลักการของวอรเร็นใช้ได้
- ในปีที่ผ่านมา บัฟเฟตต์ซื้อ IBM เป็นครั้งแรกที่ซื้อหุ้น technology
เพราะ business model เปลี่ยนจากขาย hardware มาขาย service ดู server
มี contract กับลูกค้า 5,10 ปี มีความสามารถแข่งขันสูง บริษัทระดับรองๆก็สู้ IBM ไม่ได้
หุ้นที่บัฟเฟตต์ชอบเป็นพิเศษ?
คุณวิบูลย์
- ชอบหุ้นที่มองไปข้างหน้า 10,20 ปี ก็ยังคงอยู่ ปี 2008 ซื้อหุ้นรถไฟในอเมริกา BNFF
เพราะช่วง subprime หุ้นราคาตกหมด ซึ่ง business model ของรถไฟเปลี่ยนไปสมัยก่อนมีบริษัทรถไฟ 20-30 บริษัท ล้มละลายบ้าง ควบรวมบ้างเหลือ 3 บริษัท ซึ่ง BNFF เป็นบ.รถไฟที่ใหญ่สุดและเป็นมูลค่าลงทุนที่ใหญ่สุด
ของบัฟเฟตต์ คือ 2 หมื่นล้านเหรียญ จากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นทำให้การขนส่งทางรถไฟต้นทุนถูกและคนนิยมใช้รถไฟมากขึ้นในอเมริกา
ผลตอบแทนเบิร์กไชส์?
คุณเวบ
- ผลตอบแทนเฉลี่ย 20% ในเวลาประมาณ 40 ปี น่าจะเริ่มเป็นเบิร์กไชส์ที่ 1977-2014
ดร.นิเวศน์
- ถือว่าเป็นผลตอบแทนที่สูงมากเพราะระยะเวลายาวนาน เป็นการทบต้นไปเรื่อยๆจึงขยายได้ใหญ่มาก
- จุดเด่นของบัฟเฟตต์คือลงทุนด้วยความแน่นอนมาก ถ้าคนลงทุนนานขนาดนี้ต้องมีปีที่ลงทุนได้สุดยอด
ซึ่งตาม record ไม่มี ไม่ได้ลงทุนได้เสีย หุ้นขึ้นเยอะๆ แต่จะซื้อหุ้นที่ติดดิน ดูธรรมดาไม่น่าสนใจ
- ไม่นานมานี้ซื้อหุ้น Heinze ซึ่งทำกิจการมา 100 กว่าปีแล้ว หรืออย่าง Coke ก็ซื้อตอนที่ทำกิจการมา 50 กว่าปีแล้ว เป็นหุ้นที่พิสูจน์มานานแล้วว่าไม่พลาด เป็นอันดับ 1 โดดเด่นในอุตสาหกรรม มีความสุดยอดในการแข่งขัน
รอในช่วงที่ราคาหุ้นคุ้มที่จะลงทุนปีละ 10-15% ซึ่งในช่วงที่ซื้อก็จะซื้อเยอะ
- เบิร์กไชส์มีเงินสดค่อนข้างเยอะ เพราะมีธุรกิจทำเงิน เช่นประกันภัย รับเบี้ยประกันเข้ามาก็จะมีเงินท่วมในมือ
- บัฟเฟตต์มักจะซื้อหุ้นที่สร้างเงินสดได้เยอะๆ ได้เงินสดเข้าเร็วจ่ายเงินสดออกช้า
พอซื้อมากที่เข้าไป control บริษัทก็จะเน้นเรื่องการใช้เงิน ลงทุนให้ได้ผลตอบแทนดี
เขาซื้อหุ้นเหมือนซื้อธุรกิจและเก็บไปนานๆไม่ค่อยขาย
- ถึงแม้บัฟเฟตต์ไม่ค่อยขายหุ้นแต่ก็มี ถือพันธบัตรเยอะมาก
ถ้าจำเป็นก็สามารถขายออกไปได้ รวมทั้งเงินปันผลก็เอามาใช้ซื้อหุ้นได้
ถ้าหากพอร์ตราวแสนล้าน ได้ปันผล 4-5% ก็เป็นเงิน 4-5 พันล้านแล้ว
- บัฟเฟตต์เคยมีหุ้น pepsi ก่อนซื้อหุ้น coke แต่พอพิจารณาสักพักก็เลือกซื้อ coke แทน
- มีที่บัฟเฟตต์ขายหุ้นบ้าง เช่น ที่เคยซื้อหุ้นน้ำมันของจีน คนก็ซื้อตาม พอขึ้นมากเกินปกติก็ขายทิ้ง
- ปกติแล้วบัฟเฟตต์ซื้อไม่บ่อย ซื้อแค่ 1-2 ตัวในปี หรือบางปีก็ไม่ซื้อ
แต่ในปีวิกฤติเช่น แฮมเบอร์เกอร์ก็เข้าไปซื้อหลายตัวเลย
- เบิร์กไชร์ไม่จ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้น แต่มีรับเงินปันผลจากบริษัทนอกตลาดหลายแห่ง
แต่ถ้าในช่วงที่ไม่สามารถหาหุ้นลงทุนได้ก็จะจ่ายปันผลออก
- คุณเวบ ถ้าไปดูงบดุลเบิร์กไชส์ในอดีตจะเป็นหุ้นหมดเลย แต่ทุกวันนี้ หุ้นอาจเป็นสัดส่วนแค่ 20% ของทั้งหมด แต่ตอนหลังไปซื้อบริษัททั้งหมดบริษัทเลย จะเป็นรถไฟ อิฐ สีทาบ้าน ซึ่งบริษัทพวกนี้ก็จะส่งปันผลกลับมาให้บริษัทแม่ลงทุนต่อด้วย เมื่อ 10 ปีก่อน ก็ได้อาทิตย์ละ 150 ล้านเหรียญแล้ว พวกเงินที่รับจากบริษัทประกันภัยก็เอาไปลงทุนก่อนได้ ถ้ามีเคลมเข้ามาค่อยขายเงินทุนเอาไปจ่ายค่าความเสียหายได้
- ดร.นิเวศน์ ทีมงานของเบิร์กไชส์เล็กมาก
- คุณวิบูลย์ เบิร์กไชส์ที่ HQ มีทีมงานทั้งหมดรวมบัฟเฟตต์ 19.5 คน มี 0.5 คนทำงานพาร์ทไทม์ เป็น 1 ใน 10 ของ fortune 50 แต่ถ้านับรวมพวกพนักงานในบริษัทลูก 3 แสนกว่าคน
ความผิดพลาดในการซื้อหุ้น
ดร.กุฬยา
- ซื้อเบิร์กไชส์ แฮทอเวย์ เป็นบริษัทสิ่งทอ เปิดกิจการได้ 20 ปีก็ปิดตัวลง เพราะโรงงานทอผ้าต้องเลิก
แต่อยากเก็บไว้เป็นอนุสรณ์ ซึ่งทีแรกเป็นบริษัทที่ดูดี แต่สุดท้ายสู้บ.สิ่งทอในเอเชียไม่ได้ จึงใช้บริษัทนี้ในการลงทุน เป็น holding company
- ซื้อหุ้นสายการบิน US Airways ซึ่งเป็นธุรกิจที่ดีแต่ไม่เหมาะกับการลงทุน
- มีตัวที่ซื้อแล้วกิจการเจ๊ง ชื่อ Dextor shoe ผลิตรองเท้าคาวบอย
เป็นอุตสากรรมที่ไม่ดี ไม่มีความสามารถในการแข่งขัน ต้นทุน ค่าแรงในเอเชียก็ถูกกว่า
แต่ธุรกิจแบบนี้ที่ยังอยู่ได้ก็มีคือบริษัท Justin boots ผลิตรองเท้าคาวบอยเหมือนกัน
- อีกตัวหนึ่งที่ผิดพลาดคือ Tesco ไม่สามารถรักษาต้นทุนที่ต่ำเอาไว้ได้
ความผิดพลาดเจอของดีไม่ได้เข้าไปซื้อ
- ดร.กุฬยา ตอนช่วงแรกสนใจ Walmart แต่ไม่ได้ซื้อเท่าไร
ซึ่งตอนหลังต้องกลับมาซื้อโดยใช้เงินลงทุนที่สูงขึ้นมาก
- คุณวิบูลย์ เสริม เขาไม่ได้ทำอะไรก็ถูกหมด ทำพลาดได้
เขาก็จะเขียนลงในรายงานประจำปี ว่าทำอะไรพลาดบ้าง ลงทุนอะไรได้กำไรบ้าง เพื่อรายงานผู้ถือหุ้น
อย่าตีบอลทุกครั้งที่ขว้างมาหาเรา หมายความว่า?
- ดร.นิเวศน์ เขาชอบเบสบอล จะเลือกจังหวะที่สวย ตีง่ายที่สุด เบสบอลรอได้แค่ 3 ครั้ง
แต่หุ้นรอได้ตลอดไม่จำเป็นต้องรีบตี ในชีวิตหนึ่งลงทุนแค่ 20 ครั้งก็รวยแล้ว ขอให้ซื้อแต่ละครั้งอย่างดี
บัฟเฟตต์บอกแต่ด้านที่ดี แต่ด้านทำผิดพลาดแล้วไม่ได้บอกหรือเปล่า?
- ดร.นิเวศน์ ก็มีบอกอยู่ Tesco มีเรื่องไม่คาดคิด มีการรายงานข้อมูลไม่ตรงจริง กำลังจะออกบทความเรื่องนี้
- ดร.กุฬยา เวลาที่ซื้อหุ้นผิดจะบอกในรายงานประจำปีว่าทำอะไรพลาด พลาดเรื่องอะไรบ้าง
อย่างการลงทุน dextor พลาดแล้วต้อง write off ออกไป
ในบรรดานักลงทุนชอบบัฟเฟต์ที่สุดไหม?
- คุณวิบูลย์ ชอบหลายคนแต่ใช้หลักการของบัฟเฟต์มากที่สุด
ชอบที่สุดคือเรื่องความมีวินัย รอได้ เขาสามารถรอได้สูง บัฟเฟตต์นั่งรอเป็นปีก็ได้
- คุณเวบ ชอบเรื่องความมีวินัย คนมีหลักการก็มีเยอะ แต่เวลาจริงแล้วควบคุมตัวเองไม่ได้
เขามีวินัยและมีอิสระทางความคิด ตอนอายุ 20 ปี ทั้งเบนเกรแฮม และพ่อบัฟเฟตต์ก็บอกว่าไม่น่าลงทุน
เขาเอาข้อมูลมูดี้ส์หมื่นกว่าหน้ามาเปิดดู 2 รอบ แล้วเขาก็ลงทุน ซึ่งปีนั้นได้ผลตอบแทน 75%
ต่อให้คนที่เขานับถือบอกเขาก็ยืนยันในความคิดตัวเองได้
- คุณเวบ มีครั้งหนึ่ง แคทเธอรีน เกรแฮม ประธานหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ ชวนไปกินข้าวกับอาคิโอะ โมริตะ ประธานโซนี่ ที่คอนโดหรูหรา มีเชฟอาหารญี่ปุ่นมาทำอาหารเสิร์ฟ ปรากฏว่าเป็นอาหารที่เขาไม่ชอบทาน เสิรฟ์มาจานที่ 1,2,3, จนถึง 15 จาน เขาไม่กินเลยแม้แต่จานเดียว เขานึกถึงแต่แฮมเบอเกอร์, ข้าวโพดคั่ว, ถั่วลิสง
แสดงให้เห็นว่าเป็นคนที่ยืนหยัดในความคิดตัวเองมาก
- คุณเวบ วอรเรน กินโค้กน่าจะวันละ 5 กระป๋อง โดยที่เขาก็มีการออกกำลังกายด้วย
Never suck your thumb หมายถึง?
- คุณเวบ นั่งอมหัวแม่มือ เขายกตัวอย่างปี 1990 เศรษฐกิจถดถอย
ซึ่ง Citibank จะล้ม แต่เขาวิเคราะห์ว่าไม่ล้มหรอกน่าจะซื้อลงทุน
สุดท้ายเขาพลาดโอกาสครั้งใหญ่ไป เพราะนั่งอมหัวแม่มืออยู่ ไม่ยอมเคาะซื้อ
ตอนนั้นมีจอห์นเนฟฟ กับเจ้าชายซาอุ ที่เข้าไปซื้อ
ซึ่งธุรกิจการเงินเป็นสิ่งหนึ่งที่เขาเชี่ยวชาญ อย่างที่เคยซื้อ amex, welfarco, bank of America
ถ้าบัฟเฟตต์อยู่ในเมืองไทยจะซื้อหุ้นไหน และหุ้นไหนไม่ซื้อแน่?
- ดร.นิเวศน์ ipo ทุกตัวบัฟเฟตต์ไม่ซื้อ
- ดร.กุฬยา เกณฑ์เขาดูว่าบริษัทนั้นจดทะเบียนมานานแค่ไหนแล้ว
สรุปปิดท้าย
อ.เสน่ห์
- ฝากค่านิยม 12 ประการ คสนท : คืนความสุขให้นักลงทุน
(จดไม่ทันรอดูใน facebook money talk)
Money talk at SET ครั้งต่อไป วันอาทิตย์ ที่ 16 พฤศจิกายน 57
เปิดจองเสาร์ 8 พฤศจิกายน 7 โมงเช้า ผ่าน facebook
หัวข้อ 1 จับตาหุ้นเด่นปี 58 มี 4 บริษัท intuch, aira,sricha, amata
หัวข้อ 2 เลือกหุ้นปรับพอร์ตแบบ VI ดร.นิเวศน์, คุณโจลูกอีสาน อนุรักษ์, นพ.พงษ์ศักดิ์
อ.เสน่ห์, ดร.ไพบูลย์ ดำเนินรายการ
ปี 58 Money talk จะจัดวันเสาร์อย่างเดียว
เริ่มลงทะเบียน 12.30 Walk in 12.45-12.50 น. เริ่มรายการ 13.00-13.10 น.
รุมหลังงานก็จะเลิกราว 18.45 น.
สุดท้ายขอบพระคุณอ.ไพบูลย์,พิธีกร,วิทยากร และทีมงาน money talk และผู้สนับสนุนทุกท่านที่จัดงานขึ้นครับ
Go against and stay alive.
-
- Verified User
- โพสต์: 71
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Moneytalk@SET11Oct14ลงทุนสบาย&บทเรียนจากบัฟเฟตต์
โพสต์ที่ 5
ขอบคุณครับ
รวดเร็วมาก ๆ 55
ขอเสริมนิดครับ
---------------------------------------------------------------------
ค่านิยม 12 ประการ คสนท : คืนความสุขให้นักลงทุน
1. ใจนิ่งคิดดี ๆ มีสติ
2. อย่าริความซับซ้อน ก่อนเรียบง่าย
3. ฝึกคิดอิสระ อภิปราย
4. ขนขวายหาความรู้ คู่ลงทุน
5. อย่าพลาด พร้อมเรียนรู้จากผู้อื่น
6. ตกคลืน คือโอกาสตลาดหุ้น
7. อย่ามองแต่ราคา ดูค่าคุณ
8. อย่าลุ้นหุ้นหลายตัว ไม่ชัวร์จริง
9. ซื้อธุรกิจ คิดให้แน่ใช่แค่หุ้น
10. ลงทุนเน้นปลอดภัย ในทุกสิ่ง
11. ใช้สุดแรงม้า อย่าประวิน
12. นิ่งให้เป็น เห็นทางรวย
โดย อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
11 ตุลาคม 2557
---------------------------------------------------------------------
อ.สรุปได้เฉียบคมมากครับ สุดยอด ๆ
รวดเร็วมาก ๆ 55
ขอเสริมนิดครับ
---------------------------------------------------------------------
ค่านิยม 12 ประการ คสนท : คืนความสุขให้นักลงทุน
1. ใจนิ่งคิดดี ๆ มีสติ
2. อย่าริความซับซ้อน ก่อนเรียบง่าย
3. ฝึกคิดอิสระ อภิปราย
4. ขนขวายหาความรู้ คู่ลงทุน
5. อย่าพลาด พร้อมเรียนรู้จากผู้อื่น
6. ตกคลืน คือโอกาสตลาดหุ้น
7. อย่ามองแต่ราคา ดูค่าคุณ
8. อย่าลุ้นหุ้นหลายตัว ไม่ชัวร์จริง
9. ซื้อธุรกิจ คิดให้แน่ใช่แค่หุ้น
10. ลงทุนเน้นปลอดภัย ในทุกสิ่ง
11. ใช้สุดแรงม้า อย่าประวิน
12. นิ่งให้เป็น เห็นทางรวย
โดย อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ
11 ตุลาคม 2557
---------------------------------------------------------------------
อ.สรุปได้เฉียบคมมากครับ สุดยอด ๆ
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 2
Re: Moneytalk@SET11Oct14ลงทุนสบาย&บทเรียนจากบัฟเฟตต์
โพสต์ที่ 9
ขอบคุณคับ
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
-
- Verified User
- โพสต์: 65
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Moneytalk@SET11Oct14ลงทุนสบาย&บทเรียนจากบัฟเฟตต์
โพสต์ที่ 10
ขอบคุณครับพี่
นักลงทุนที่ดี คือ นักลงทุนที่รู้จักควบคุมอารมณ์ของตนเอง
-
- Verified User
- โพสต์: 86
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Moneytalk@SET11Oct14ลงทุนสบาย&บทเรียนจากบัฟเฟตต์
โพสต์ที่ 13
ขอบคุณมากค่ะ
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
- 1154
- Verified User
- โพสต์: 894
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Moneytalk@SET11Oct14ลงทุนสบาย&บทเรียนจากบัฟเฟตต์
โพสต์ที่ 15
ขอบคุณที่แบ่งปันครับ