ปัจจัยอะไรที่จะทำให้หุ้นโรงกลั่นกลับไปรุ่งเหมือนในอดีต
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
ปัจจัยอะไรที่จะทำให้หุ้นโรงกลั่นกลับไปรุ่งเหมือนในอดีต
โพสต์ที่ 1
TOP - ไทยออย
เป็นหุ้นโรงกลั่นที่ผมมองว่าทำกำไรได้ค่อนข้างสม่ำเสมอมากในสามสี่ปีที่ผ่านมา กำไรวิ่งอยู่ระหว่าง 4.5 - 7 บาทตลอด
โดยที่ราคาหุ้นอยู่ระหว่าง 50-60-70
ไม่เคยขาดทุนเลย และมีปันผลเฉลี่ย 4 ปี ปีละ 4% ไม่เลวเลย
แต่หุ้นไทยออย ไม่สามารถสร้างบรรทัดฐานใหม่ ๆ ในการลงทุนได้เลย วีไอเมิน เทคนิกก็ไม่สน
เป็นเพราะปัจจัยอะไรครับ
ปล. ผมเคยเจ๊งหุ้นตัวนี้จนเกือบหมดตัว ซื้อไว้ 70-80 บาท มาขาย แถว ๆ 18 บาท
เป็นหุ้นโรงกลั่นที่ผมมองว่าทำกำไรได้ค่อนข้างสม่ำเสมอมากในสามสี่ปีที่ผ่านมา กำไรวิ่งอยู่ระหว่าง 4.5 - 7 บาทตลอด
โดยที่ราคาหุ้นอยู่ระหว่าง 50-60-70
ไม่เคยขาดทุนเลย และมีปันผลเฉลี่ย 4 ปี ปีละ 4% ไม่เลวเลย
แต่หุ้นไทยออย ไม่สามารถสร้างบรรทัดฐานใหม่ ๆ ในการลงทุนได้เลย วีไอเมิน เทคนิกก็ไม่สน
เป็นเพราะปัจจัยอะไรครับ
ปล. ผมเคยเจ๊งหุ้นตัวนี้จนเกือบหมดตัว ซื้อไว้ 70-80 บาท มาขาย แถว ๆ 18 บาท
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 2686
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปัจจัยอะไรที่จะทำให้หุ้นโรงกลั่นกลับไปรุ่งเหมือนในอดีต
โพสต์ที่ 2
จาก link ข้างล่าง rank 5y performance
Oil & Gas Refining & Marketing : Total Returns ( % )
ดีสุด 49 WNR, top 6.9
http://news.morningstar.com/stockReturn ... y=30950105
~~~~
ลอง
compare
3บ. WNR,VLO,TOP
1. http://financials.morningstar.com/ratio ... ture=en-US
2. http://financials.morningstar.com/ratio ... ture=en-US
3. http://financials.morningstar.com/ratio ... ture=en-US
เห็นว่าทั้ง 3 บ. ปี ที่ Gross Margin ดีสุด คือ 2005
WNR=11.9
VLO=9.2
XBKK:TOP=9.4
........
WNR ในปี 2005 เคยมี ROIC สูงถึง 84.76% ล่าสุด 2013=30.61 แย่สุด ปี2009=-46
...
ทั้งหมด รายได้โต WNR=5x; VLO=1.5x(มีปี2009รายได้ลดหนัก)
แต่กำไร ขึ้นๆลงตามปี..ไม่โต
ปี2009 WNR VLO ขาดทุน
TOP 2008 แค่ record low 559
.........
VLO ถ้า performance แค่ 1y
ก็หล่อเอาการที่ 42%+
....แต่นั้นเขากำลัง cap on shale boom
..ไปหน้านี้
http://www.valero.com/investorrelations ... tions.aspx
จะได้ presentation นี้
ข้อมูล
update ดี
http://valero.investorroom.com/download ... y+2014.pdf
....
(ไม่ตรง คำถามขออภัย)
Oil & Gas Refining & Marketing : Total Returns ( % )
ดีสุด 49 WNR, top 6.9
http://news.morningstar.com/stockReturn ... y=30950105
~~~~
ลอง
compare
3บ. WNR,VLO,TOP
1. http://financials.morningstar.com/ratio ... ture=en-US
2. http://financials.morningstar.com/ratio ... ture=en-US
3. http://financials.morningstar.com/ratio ... ture=en-US
เห็นว่าทั้ง 3 บ. ปี ที่ Gross Margin ดีสุด คือ 2005
WNR=11.9
VLO=9.2
XBKK:TOP=9.4
........
WNR ในปี 2005 เคยมี ROIC สูงถึง 84.76% ล่าสุด 2013=30.61 แย่สุด ปี2009=-46
...
ทั้งหมด รายได้โต WNR=5x; VLO=1.5x(มีปี2009รายได้ลดหนัก)
แต่กำไร ขึ้นๆลงตามปี..ไม่โต
ปี2009 WNR VLO ขาดทุน
TOP 2008 แค่ record low 559
.........
VLO ถ้า performance แค่ 1y
ก็หล่อเอาการที่ 42%+
....แต่นั้นเขากำลัง cap on shale boom
..ไปหน้านี้
http://www.valero.com/investorrelations ... tions.aspx
จะได้ presentation นี้
ข้อมูล
update ดี
http://valero.investorroom.com/download ... y+2014.pdf
....
(ไม่ตรง คำถามขออภัย)
-
- Verified User
- โพสต์: 2686
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปัจจัยอะไรที่จะทำให้หุ้นโรงกลั่นกลับไปรุ่งเหมือนในอดีต
โพสต์ที่ 4
http://www.gurufocus.com/compare.php?ti ... it=Compare
.....
source:
http://www.gurufocus.com/chart/VLO#&ser ... og=0&per=0
...
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
-
- Verified User
- โพสต์: 1217
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปัจจัยอะไรที่จะทำให้หุ้นโรงกลั่นกลับไปรุ่งเหมือนในอดีต
โพสต์ที่ 6
ผมว่าถ้าอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกตํ่าบวกกับเงินฝืดในภาวะปัจจุบัน ซึ่งเป็นประเทศส่วนใหญ่ในโลก ผมว่าดูการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและอัตราเงินเฟ้อโลกเป็นหลักครับ ถ้ายังเป็นแบบกระท่อนกระแท่นแบบนี้อีกนาน ผมว่าโภคภัณฑ์ทั่วโลกน่าจะลงไปซึมอีกยาวเลยครับ ผมสังเกตุจากโภคภัณฑ์หลายๆตัวลงไปเรื่อยๆเลยครับ นํ้ามัน ทองคำ เหล็ก ข้าว ยาง และอื่นๆอีกเกือบทุกอย่างครับ ผมก็เคยขาดทุนกลุ่มนี้เหมือนกันครับ ซื้อ 45 ขาย 10 บาทครับ ตอนนี้คงรอดูไปเรื่อยๆ ให้ราคาโภคภัณฑ์ทั่วโลกซึมลงไปนิ่งๆนานๆ พอเศรษฐกิจโลกเริ่มเติบโตพร้อมๆกันสักระยะ ผมว่าเดี๋ยวกองทุนต่างชาติก็คงเข้ามาลากราคานํ้ามันตามด้วยอื่นๆอีกมากมายครับ แต่คงอีกหลายปีเลยนะครับ ผมว่าน่าจะไม่ตํ่ากว่า 5 ปีนะครับ ไม่แน่ใจว่าถูกหรือเปล่านะครับ เพราะเวลาผมอ่านข่าว ผมมักจะวิเคราะห์ถึงสาเหตุ และพยายามหาเหตุผลและสิ่งที่จะเป็นไปได้ในทุกเคสครับ ซึ่งระยะยาวที่ผมวิเคราะห์ได้ ไม่ค่อยตรงกับข่าวที่อ่านสักเท่าไรครับ รอเข้ากลุ่มนี้อยู่ครับ ตอนนี้ขอสะกดรอยตามไปเรื่อยๆก่อนครับ
- Sumotin
- Verified User
- โพสต์: 1131
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปัจจัยอะไรที่จะทำให้หุ้นโรงกลั่นกลับไปรุ่งเหมือนในอดีต
โพสต์ที่ 7
มีตัวอื่นๆอีกที่สูงเหมือนกันครับ เช่นพวก Holly Frontier สังเกตว่าในช่วงที่ผ่านมา Refinery ใน US ทำกำไรได้ค่อนข้างดี อาจมาจาก crude price ที่ต่างกันใน US กับตลาดโลก เนื่องจากสภาพ ศก. และ ปริมาณ Shale Oil ที่สูงขึ้นด้วยครับ
ส่วนตัวผมมองธุรกิจโรงกลั่น คงไม่รุ่งเหมือนในอดีตตอนนั้นน้ำมัน peak มากจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของจีนทำให้ Stock gain กันเยอะ ส่วนต่อจากนี้ราคาน้ำมันขึ้นมาถึงจุดที่มีพลังงานทดแทน เข้ามาแข่งได้ จึงทำให้มีเสถียรภาพ ส่วนต่อขยายก็เป็นการเพิ่มมูลค่าเป็นหลัก อย่างไรก็ตามทั้งหมดเป็น commodity products ยกเว้นแต่ petrochemical ที่ลงไปถึง end products or niche จะทำให้มี margin สูงอย่างไรก็ตาม พวกนี้ volume ไม่สูงมาก จะทำให้พวกค่า fixed cost กิน margin ไปเหมือนกัน ครับ
ส่วนตัวผมมองธุรกิจโรงกลั่น คงไม่รุ่งเหมือนในอดีตตอนนั้นน้ำมัน peak มากจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของจีนทำให้ Stock gain กันเยอะ ส่วนต่อจากนี้ราคาน้ำมันขึ้นมาถึงจุดที่มีพลังงานทดแทน เข้ามาแข่งได้ จึงทำให้มีเสถียรภาพ ส่วนต่อขยายก็เป็นการเพิ่มมูลค่าเป็นหลัก อย่างไรก็ตามทั้งหมดเป็น commodity products ยกเว้นแต่ petrochemical ที่ลงไปถึง end products or niche จะทำให้มี margin สูงอย่างไรก็ตาม พวกนี้ volume ไม่สูงมาก จะทำให้พวกค่า fixed cost กิน margin ไปเหมือนกัน ครับ
Timing is everything, no matter what you do.
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
-
- Verified User
- โพสต์: 39
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปัจจัยอะไรที่จะทำให้หุ้นโรงกลั่นกลับไปรุ่งเหมือนในอดีต
โพสต์ที่ 8
ธุรกิจโรงกลั่น ตัวกำไรน่าจะขึ้นอยู่กับราคาน้ำมัน, inventoryน้ำมัน และ forex
ตอนนี้เศรษฐกิจโลกก็ไม่ได้เติบโตหวือหวา ซึ่งส่งผลให้กำลังการบริโภคยังไม่สูงมาก ก็ย่อมส่งผลต่อกำลังการผลิตที่น้อยลง ความต้องการใช้น้ำมันก็เลยน้อยลง ธุรกิจโรงกลั่นก็เลยนิ่งๆไป แต่ส่วนตัวยังชอบที่ปันผลสม่ำเสมอ ข้อดีของความไม่หวือหวาคือ เราก็อาจไม่เจ็บตัวมาก ถ้าตลาดลงแรงๆหรือผันผวน
อีกส่วนหนึ่งก็เดาว่า พอเป็นเช่นนี้ ธุรกิจอื่นๆดูน่าตื่นเต้นกว่า นักลงทุนส่วนใหญ่จึงหันไปลงทุนในหุ้นกลุ่มอื่นที่ดูหวือหวามากกว่า เกร็งกำไรได้ดีกว่า
ตอนนี้เศรษฐกิจโลกก็ไม่ได้เติบโตหวือหวา ซึ่งส่งผลให้กำลังการบริโภคยังไม่สูงมาก ก็ย่อมส่งผลต่อกำลังการผลิตที่น้อยลง ความต้องการใช้น้ำมันก็เลยน้อยลง ธุรกิจโรงกลั่นก็เลยนิ่งๆไป แต่ส่วนตัวยังชอบที่ปันผลสม่ำเสมอ ข้อดีของความไม่หวือหวาคือ เราก็อาจไม่เจ็บตัวมาก ถ้าตลาดลงแรงๆหรือผันผวน
อีกส่วนหนึ่งก็เดาว่า พอเป็นเช่นนี้ ธุรกิจอื่นๆดูน่าตื่นเต้นกว่า นักลงทุนส่วนใหญ่จึงหันไปลงทุนในหุ้นกลุ่มอื่นที่ดูหวือหวามากกว่า เกร็งกำไรได้ดีกว่า
- SawScofield
- Verified User
- โพสต์: 236
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปัจจัยอะไรที่จะทำให้หุ้นโรงกลั่นกลับไปรุ่งเหมือนในอดีต
โพสต์ที่ 9
ได้แต่รอกลุ่มประเทศที่พี่ๆ เรียก New Frontier รึปล่าวครับ เพราะการบริโภคปัจจุบันกับผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องมันก็เต็มมือตึงมือกันทั้งโลกแล้ว ไม่รู้จะเกิดเหตุอันใดให้สวาปามเพิ่มขึ้นอีก
จนกว่ากิจกรรมใหม่ๆจะเกิดขึ้น จนกว่ากำลังซื้อจะยกระดับขึ้นทั้งภูมิภาค หรือ พลิกโฉมจนต้องยกเครื่องกันใหม่ หรือ ... เกิดเหตุให้ขาดแคลนครับ
เอาซะยืดยาว สุดท้ายก็ demand/supply นั่นแหละครับที่พยายามสื่อ แค่ลองย่อยออกมาเพื่อหาตัว drive จากความจริงดูครับ ขอบคุณสำหรับความรู้ข้างบนด้วยครับพี่ๆ
จนกว่ากิจกรรมใหม่ๆจะเกิดขึ้น จนกว่ากำลังซื้อจะยกระดับขึ้นทั้งภูมิภาค หรือ พลิกโฉมจนต้องยกเครื่องกันใหม่ หรือ ... เกิดเหตุให้ขาดแคลนครับ
เอาซะยืดยาว สุดท้ายก็ demand/supply นั่นแหละครับที่พยายามสื่อ แค่ลองย่อยออกมาเพื่อหาตัว drive จากความจริงดูครับ ขอบคุณสำหรับความรู้ข้างบนด้วยครับพี่ๆ
Respect, Persistence then Deserve
-
- Verified User
- โพสต์: 423
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปัจจัยอะไรที่จะทำให้หุ้นโรงกลั่นกลับไปรุ่งเหมือนในอดีต
โพสต์ที่ 11
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับโรงกลั่นน้ำมัน คือ รถยนต์ไฟฟ้า
วันก่อนดูหนังสารคดี รถไฟฟ้าของมิตซูบิชิ
เป็นรถขนาด ซิตี้คาร์ วิ่งได้ 150 กม ต่อการชารต์ไฟหนึ่งครั้ง
นั่งได้ 4 คน ถ้า เบียดๆแบบคนไทยก็ 5 คน
คนใช้รถในสหรัฐอเมริกา ขับไปทำงาน สามารถขับ 3วันต่อการชารต์ไฟ หนึ่งครั้ง
ความเร็วสูงสุด มากกว่า 100km/hour (จำตัวเลขแน่ๆไม่ได้)
ถ้ามีการใช้รถไฟฟ้า ผมเชื่อว่าภายในเร็วๆนี้ (3-5ปี)
การเติบโตของรถประเภทนี้จะเร็วมาก
รถใชเครื่องยนต์ จะมีชตากรรมแบบเดียวกับ กล้องที่ใช้ Film
รถยนต์ไฟฟ้าคือเมกกาเทรนด์ จะมีผลไปอีกหลายเรื่อง
น้ำมัน ถ่านหิน แก๊ซ (น้ำมันส่วนมากจะเอาไปผลิตไฟฟ้าซึ่งจะกระทบ ต่อ ถ่านหิน และแก๊ซ)
พืชน้ำมันก็มีผลกระทบด้วย
โรงกลั่น ปิโตเคมี ปั้มน้ำมัน จะมีการเปลี่ยนแปลง
วันก่อนดูหนังสารคดี รถไฟฟ้าของมิตซูบิชิ
เป็นรถขนาด ซิตี้คาร์ วิ่งได้ 150 กม ต่อการชารต์ไฟหนึ่งครั้ง
นั่งได้ 4 คน ถ้า เบียดๆแบบคนไทยก็ 5 คน
คนใช้รถในสหรัฐอเมริกา ขับไปทำงาน สามารถขับ 3วันต่อการชารต์ไฟ หนึ่งครั้ง
ความเร็วสูงสุด มากกว่า 100km/hour (จำตัวเลขแน่ๆไม่ได้)
ถ้ามีการใช้รถไฟฟ้า ผมเชื่อว่าภายในเร็วๆนี้ (3-5ปี)
การเติบโตของรถประเภทนี้จะเร็วมาก
รถใชเครื่องยนต์ จะมีชตากรรมแบบเดียวกับ กล้องที่ใช้ Film
รถยนต์ไฟฟ้าคือเมกกาเทรนด์ จะมีผลไปอีกหลายเรื่อง
น้ำมัน ถ่านหิน แก๊ซ (น้ำมันส่วนมากจะเอาไปผลิตไฟฟ้าซึ่งจะกระทบ ต่อ ถ่านหิน และแก๊ซ)
พืชน้ำมันก็มีผลกระทบด้วย
โรงกลั่น ปิโตเคมี ปั้มน้ำมัน จะมีการเปลี่ยนแปลง
- Sumotin
- Verified User
- โพสต์: 1131
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปัจจัยอะไรที่จะทำให้หุ้นโรงกลั่นกลับไปรุ่งเหมือนในอดีต
โพสต์ที่ 12
สำหรับรถพลังงานไฟฟ้าตอนนี้ผมชอบ Tesla motor มากกว่าครับดูจับต้องได้ 4 ที่นั่งเหมือนกัน และวิ่งได้ 265 miles (424 กม.) ต่อ 1 การชาร์จ ลองปรับดูได้ตาม link ครับ http://www.teslamotors.com/goelectric#rangeCARPENTER เขียน:สิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับโรงกลั่นน้ำมัน คือ รถยนต์ไฟฟ้า
วันก่อนดูหนังสารคดี รถไฟฟ้าของมิตซูบิชิ
เป็นรถขนาด ซิตี้คาร์ วิ่งได้ 150 กม ต่อการชารต์ไฟหนึ่งครั้ง
นั่งได้ 4 คน ถ้า เบียดๆแบบคนไทยก็ 5 คน
คนใช้รถในสหรัฐอเมริกา ขับไปทำงาน สามารถขับ 3วันต่อการชารต์ไฟ หนึ่งครั้ง
ความเร็วสูงสุด มากกว่า 100km/hour (จำตัวเลขแน่ๆไม่ได้)
ถ้ามีการใช้รถไฟฟ้า ผมเชื่อว่าภายในเร็วๆนี้ (3-5ปี)
การเติบโตของรถประเภทนี้จะเร็วมาก
รถใชเครื่องยนต์ จะมีชตากรรมแบบเดียวกับ กล้องที่ใช้ Film
รถยนต์ไฟฟ้าคือเมกกาเทรนด์ จะมีผลไปอีกหลายเรื่อง
น้ำมัน ถ่านหิน แก๊ซ (น้ำมันส่วนมากจะเอาไปผลิตไฟฟ้าซึ่งจะกระทบ ต่อ ถ่านหิน และแก๊ซ)
พืชน้ำมันก็มีผลกระทบด้วย
โรงกลั่น ปิโตเคมี ปั้มน้ำมัน จะมีการเปลี่ยนแปลง
http://www.teslamotors.com/models/features#/performance
Timing is everything, no matter what you do.
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
CAGR of 34% in the past 15 years of investment
- vim
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2748
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปัจจัยอะไรที่จะทำให้หุ้นโรงกลั่นกลับไปรุ่งเหมือนในอดีต
โพสต์ที่ 13
จุดอ่อนของรถยนต์ไฟฟ้าปัจจุบันคือใช้เวลาการชาร์จแบตเตอร์รี่ค่อนข้างนานครับ สมัยนี้ทำได้เร็วขึ้นแต่ก็ต้องจอดรถทิ้งไว้เป็นชั่วโมงเหมือนกัน
บริษัทรถหลายแห่งเลยเสนอโมเดลว่า เมื่อเข้าสถานีบริการ สถานีก็จะทำการเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ที่ชาร์จเต็มแล้วให้เลย คิดราคาค่าเปลี่ยนจากส่วนต่างของประจุในแบตเตอร์รี่ ตัวอย่างของธุรกิจสถานีพวกนี้ได้แก่ Better Place และ Tesla Supercharger network
ปัญหาที่ตามมาคือ การเปลี่ยนแบ็ตนั้นจะมีความเสียงมากขึ้น เพราะแบตเตอร์รี่แต่ละก้อนที่มีอายุใช้งานต่างกัน จะเก็บประจุได้ไม่เท่ากัน
ดังนั้นสุดท้ายเลยไปเกิดผลดีต่อบริษัทประกันภัยรถยนต์ ที่จะเข้ามาบริหารความเสี่ยงตรงนี้
บริษัทรถหลายแห่งเลยเสนอโมเดลว่า เมื่อเข้าสถานีบริการ สถานีก็จะทำการเปลี่ยนแบตเตอร์รี่ที่ชาร์จเต็มแล้วให้เลย คิดราคาค่าเปลี่ยนจากส่วนต่างของประจุในแบตเตอร์รี่ ตัวอย่างของธุรกิจสถานีพวกนี้ได้แก่ Better Place และ Tesla Supercharger network
ปัญหาที่ตามมาคือ การเปลี่ยนแบ็ตนั้นจะมีความเสียงมากขึ้น เพราะแบตเตอร์รี่แต่ละก้อนที่มีอายุใช้งานต่างกัน จะเก็บประจุได้ไม่เท่ากัน
ดังนั้นสุดท้ายเลยไปเกิดผลดีต่อบริษัทประกันภัยรถยนต์ ที่จะเข้ามาบริหารความเสี่ยงตรงนี้
Vi IMrovised
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปัจจัยอะไรที่จะทำให้หุ้นโรงกลั่นกลับไปรุ่งเหมือนในอดีต
โพสต์ที่ 14
ลองอ่านรายงานตัวนี้ดูครับ
Small Refineries and Oil Field Processors:Opportunities and Challenges
http://fas.org/sgp/crs/misc/R43682.pdf
"...Since 2008, the United States has moved from being a net importer of 1.36 Mb/d of petroleum products to being a net exporter of 1.39 Mb/d in 2013. This shift from net importer to net exporter in less than five years suggests that the United States does not suffer from a shortage of refining capacity. While domestic demand was met, capacity existed to supply foreign markets."
Small Refineries and Oil Field Processors:Opportunities and Challenges
http://fas.org/sgp/crs/misc/R43682.pdf
"...Since 2008, the United States has moved from being a net importer of 1.36 Mb/d of petroleum products to being a net exporter of 1.39 Mb/d in 2013. This shift from net importer to net exporter in less than five years suggests that the United States does not suffer from a shortage of refining capacity. While domestic demand was met, capacity existed to supply foreign markets."
-
- Verified User
- โพสต์: 2686
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปัจจัยอะไรที่จะทำให้หุ้นโรงกลั่นกลับไปรุ่งเหมือนในอดีต
โพสต์ที่ 15
เห็นพูดถึงTesla
เลยเอารูปมาฝาก
เรื่อง new capacity to watch นี้
เป็นเรื่องสำคัญในการวิเคราะห์อุตสาหกรรม
source:
http://green.autoblog.com/2014/09/04/te ... incentive/
เลยเอารูปมาฝาก
เรื่อง new capacity to watch นี้
เป็นเรื่องสำคัญในการวิเคราะห์อุตสาหกรรม
source:
http://green.autoblog.com/2014/09/04/te ... incentive/
The Gigafactory is Tesla's answer to the question of how it will be able to make a $35,000 EV that will be able to over 200 miles on a charge. Tesla CEO Elon Musk has said that a 30-percent decrease in cost for the batteries is "probably conservative at this point."
-
- Verified User
- โพสต์: 423
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปัจจัยอะไรที่จะทำให้หุ้นโรงกลั่นกลับไปรุ่งเหมือนในอดีต
โพสต์ที่ 17
หลังจากดูหนังสารคดีเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าจบ ความเชื่อเดิมผมก็เปลี่ยนไป
เดิมผมก็คิดว่า ระยะเวลาการชารต์ และ ความจุของแบตเตอรี่ จะเป็นอุปสรรค
ทำให้รถยนต์ไฟฟ้า ไม่สามารถแข่งกับรถยนต์เครื่องยนต์ได้
ความจุของแบตเตอรี่ ที่สามารถวิ่งได้ระยะทาง 150-200กม มากพอในการใช้งานจริงในเมือง
ส่วนการชารต์แบต ที่ต้องใช้เวลา 1-4 ชม ก็ไม่น่าเป็นอุปสรรค
เพราะ แบตเตอรี่สมัยนี้ ไม่มี ปัญหาเรื่อง memory effect เหมือนสมัยก่อนที่ต้องใช้ไฟให้หมดก่อน
จึงสามารถชารต์แบตใหม่ได้ ไม่งั้น ความจุของแบตเตอรี่จะลดลงไปเรื่อยๆ
แบตสมัยนี้สามารถชารต์แบตได้ตลอดเวลาที่เรามีปลั๊กไฟ และสามารถชารต์แบตที่บ้านได้ทั้งคืน
ความรู้ใหม่ที่ผมพึ่งรู้คือ อันตรายของแบตเตอรี่ แบตเตอรี่ที่จุไฟมากๆ และต้องการชารต์เร็วๆ
คือต้องเพิ่ม volt ไม่ใช่ 12volt แบบในปัจจุบัน คือสูงพอดูดคนตายได้ ในสารคดีไม่ได้บอกว่า กี่volt
รถยนต์ต้องวิ่ง ชน ถูกชน ลุยน้ำ ตกหลุม กระแทก โอกาสที่ แบตเตอรี่เสียหายสูงมาก
และโอกาสที่คนจะได้รับอันตรายจากกระแสไฟ ก็สูงเช่นกัน
ทั้งๆที่ประสิทธิภาพในการใช้พลังงานของมอเตอร์ไฟฟ้า ดีกว่าเครื่องยนต์สันดาปภายในมาก
และยังสะอาดกว่าด้วย
เดิมผมก็คิดว่า ระยะเวลาการชารต์ และ ความจุของแบตเตอรี่ จะเป็นอุปสรรค
ทำให้รถยนต์ไฟฟ้า ไม่สามารถแข่งกับรถยนต์เครื่องยนต์ได้
ความจุของแบตเตอรี่ ที่สามารถวิ่งได้ระยะทาง 150-200กม มากพอในการใช้งานจริงในเมือง
ส่วนการชารต์แบต ที่ต้องใช้เวลา 1-4 ชม ก็ไม่น่าเป็นอุปสรรค
เพราะ แบตเตอรี่สมัยนี้ ไม่มี ปัญหาเรื่อง memory effect เหมือนสมัยก่อนที่ต้องใช้ไฟให้หมดก่อน
จึงสามารถชารต์แบตใหม่ได้ ไม่งั้น ความจุของแบตเตอรี่จะลดลงไปเรื่อยๆ
แบตสมัยนี้สามารถชารต์แบตได้ตลอดเวลาที่เรามีปลั๊กไฟ และสามารถชารต์แบตที่บ้านได้ทั้งคืน
ความรู้ใหม่ที่ผมพึ่งรู้คือ อันตรายของแบตเตอรี่ แบตเตอรี่ที่จุไฟมากๆ และต้องการชารต์เร็วๆ
คือต้องเพิ่ม volt ไม่ใช่ 12volt แบบในปัจจุบัน คือสูงพอดูดคนตายได้ ในสารคดีไม่ได้บอกว่า กี่volt
รถยนต์ต้องวิ่ง ชน ถูกชน ลุยน้ำ ตกหลุม กระแทก โอกาสที่ แบตเตอรี่เสียหายสูงมาก
และโอกาสที่คนจะได้รับอันตรายจากกระแสไฟ ก็สูงเช่นกัน
ทั้งๆที่ประสิทธิภาพในการใช้พลังงานของมอเตอร์ไฟฟ้า ดีกว่าเครื่องยนต์สันดาปภายในมาก
และยังสะอาดกว่าด้วย
- vim
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2748
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปัจจัยอะไรที่จะทำให้หุ้นโรงกลั่นกลับไปรุ่งเหมือนในอดีต
โพสต์ที่ 18
ต้องใช้ไฟขนาดโรงงานย่อมๆต่อรถหนึ่งคันเลยครับCARPENTER เขียน: ความรู้ใหม่ที่ผมพึ่งรู้คือ อันตรายของแบตเตอรี่ แบตเตอรี่ที่จุไฟมากๆ และต้องการชารต์เร็วๆ
คือต้องเพิ่ม volt ไม่ใช่ 12volt แบบในปัจจุบัน คือสูงพอดูดคนตายได้ ในสารคดีไม่ได้บอกว่า กี่volt
http://en.wikipedia.org/wiki/Charging_station
Charging time for 100 km of BEV range Power supply Voltage Max current
6–8 hours Single phase - 3.3 kW 230 VAC 16 A
2–3 hours Three phase - 10 kW 400 VAC 16 A
3–4 hours Single phase - 7 kW 230 VAC 32 A
1–2 hours Three phase - 22 kW 400 VAC 32 A
20–30 minutes Three phase - 43 kW 400 VAC 63 A
20–30 minutes Direct current - 50 kW 400 - 500 VDC 100 - 125 A
10 minutes Direct current - 120 kW 300 - 500 VDC 300 - 350 A
Vi IMrovised