ปกติบริจาคมูลนิธิอะไรกันบ้างครับ
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
ปกติบริจาคมูลนิธิอะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 1
1 โปร่งใสตรวจสอบได้
2 ไม่เน้นสร้างภาพอยากให้งบ เน้นไปทางด้านกิจกรรมช่วยเหลือไม่เน้นการตลาด
3 ไม่จำเป็นต้องเป็นองค์กรข้ามชาติ
4 เอาเงินมาใช้ในไทย
5 ลดหย่อนภาษีได้
ขอบคุณมากครับ
2 ไม่เน้นสร้างภาพอยากให้งบ เน้นไปทางด้านกิจกรรมช่วยเหลือไม่เน้นการตลาด
3 ไม่จำเป็นต้องเป็นองค์กรข้ามชาติ
4 เอาเงินมาใช้ในไทย
5 ลดหย่อนภาษีได้
ขอบคุณมากครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: ปกติบริจาคมูลนิธิอะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 2
ปกติถ้าเป็นเงินก้อนใหญ่ๆ ผมจะบริจาคโรงพยาบาลครับ ที่เคยบริจาคก้อนใหญ่ๆ จะบริจาคเพื่อไปซื้อพวกเครื่องล้างไต เครื่องช่วยหายใจ อะไรพวกนี้
เงินที่ไปช่วยเหลือผู้ป่วยที่ใช้สวัสดิการ 30 บาทนี่ ผมเคยคุยกับ ผอ. รพ. รัฐฯ ที่ต่างจังหวัด นี่ขาดแคลนเงินทุนมากๆ โดยเฉพาะต่างจังหวัด เพราะ เงินทุนส่วนใหญ่จะไปโรงพยาบาลรัฐฯ กรุงเทพชื่อดังเสียมากกว่า
ในบรรดาปัจจัย 4 ผมคิดว่า เรื่องการรักษาโรค นี่เป็นอะไรที่แพงที่สุด แตกต่างจากปัจจัยสี่อื่นๆ ที่ยิ่งวันยิ่งถูกลงจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แถมคนจ่ายก็ไม่มีทางเลือก หากมีเงินก็ต้องจ่าย หากไม่มีเงินก็พยายามหา พยายามกู้มาจ่าย เพราะ การไม่จ่ายหมายถึง ชีวิต และคนที่เงินน้อยเหล่านี้ วิบากกรรมที่จรมาให้ผลบางครั้งก็พรากชีวิต พรากโอกาสในการทำสิ่งต่างๆ ที่เป็นประโยชน์
หมอ บุคลากรทางการแพทย์ ที่ผมเจอ ที่ผมรู้จักที่เสียสละ ทุ่มเททำงานให้กับรพ. รัฐฯ เหล่านี้ เท่าที่ผมสัมผัส ก็ทำด้วยอุดมการณ์ ทำด้วยใจ แต่บางครั้งทรัพยากร อุปกรณ์ เงินทุนที่ขาดแคลน ก็ไม่อาจทำให้ท่านเหล่านี้ช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นเงินบริจาคโดยส่วนใหญ่ของผม จึงขอเป็นกำลังเล็กๆ ที่จะช่วยเหลือ สนับสนุน ให้ผู้ป่วยทั้งหลายได้มีโอกาสลุกขึ้นมายืนอีกครั้ง
นอกจากโรงพยาบาลที่ผมบริจาคเป็นหลัก (รพ. ศิริราช, รพ. รามา, รพ. จุฬา, รพ. สงฆ์, รพ. สวนดอก, สภากาชาด) ก็จะมีส่วนช่วยเหลือภัยพิบัติ เวลาเกิดภัยทางธรรมชาติ ตรงนี้จะเป็นหน่วยงานหนึ่งของทางสภากาชาด ชื่อ สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย
นอกนั้นก็จะเป็นการบริจาคตามโอกาสไม่ได้มีนัยสำคัญอะไรกับขนาดของสินทรัพย์ ส่วนการบริจาคองค์กรทางศาสนา ผมจะบริจาคน้อย เพราะ จริงๆ แล้ว หลักในทางพุทธฯ พระสงฆ์ที่เป็นพระสงฆ์โดยเนื้อแท้ เป็นผู้ขัดเกลากิเลส ไม่สะสมทรัพย์ ไม่ถือเงิน การบริจาคเงินของผมจึงเป็นแค่เพียงช่วยบำรุงค่าน้ำ ค่าไฟ เท่านั้น ถ้าจะทำทานก็จะเป็นการตักบาตร ถวายข้าวของอันจำเป็นเพื่อการขัดเกลากิเลส ลงแรง ช่วยเหลืองานสาธารณประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับการขัดเกลากิเลสเสียมากกว่า
ในเรื่องของการศึกษา ผมคิดว่าเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าที่เกิดขึ้นในโลกนี้ การศึกษาเป็นเรื่องของทัศนคติ และการพยายามในการศึกษาเสียมากกว่า เราสามารถที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในโลกนี้ได้ในเวลาที่ง่ายขึ้น และเร็วขึ้น ในการช่วยเหลือเรื่องการศึกษา ถ้าช่วยก็จะช่วยในเรื่องการให้ความรู้โดยตรงเสียมากกว่า ผมไม่มีความสนใจที่จะสนับสนุนเป็นตัวเงินสักเท่าไหร่
ขออนุญาตเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบริจาคที่ไม่ได้เป็นตัวเงิน แต่เป็นอะไรที่ทำได้ง่ายๆ และก็ไม่ได้เสียอะไรสักเท่าไหร่ นั่นคือการบริจาคร่างกาย และบริจาคอวัยวะ การบริจาคร่างกายจะมีการบริจาคเพื่อให้นักศึกษาแพทย์ได้เอาไปใช้ประโยชน์ในการศึกษาร่างกายของเราเวลาเราตายไปแล้ว ในขณะที่การบริจาคอวัยวะ คือ เมื่อเราตายแล้ว เราสามารถยกอวัยวะที่เราไม่ได้ใช้งานแล้ว ไปให้กับผู้ป่วยที่ร่างกายทำงานผิดปกติ ช่วยต่ออายุให้กับเขาได้ การบริจาคก็ง่ายแสนง่าย แค่เสียเวลาเซ็นชื่อเล็กน้อย พกบัตรติดตัว แล้วก็แจ้งกับครอบครัวเอาไว้ถึงเจตนาที่จะยกร่างกายและอวัยวะที่เราจะไม่ได้ใช้แล้ว ให้กับคนอื่น เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น
การบริจาคเลือด และส่วนประกอบของเลือดก็เป็นการบริจาคที่เสียเวลานิดหน่อย แต่ได้ประโยชน์ต่อผู้ป่วยมาก ผมมักจะไปบริจาคเกล็ดเลือดเป็นประจำ และได้เห็นรายชื่อของผู้ป่วยที่รอเกล็ดเลือดเพื่อเอาไปใช้ในการรักษาเป็นจำนวนมาก มีผู้ป่วยจำนวนมากที่ต้องเสียชีวิตจากการที่มีปริมาณเลือดและส่วนประกอบของเลือดไม่เพียงพอ การเสียเวลาเล็กๆ น้อยๆ ของเราอาจจะช่วยต่อชีวิตให้กับเขาเหล่านั้นได้ ซึ่งก็อยากใช้โอกาสนี้เชิญชวนเพื่อนๆ แวะเวียนกันไปบริจาคเลือด และถ้าสภาพร่างกายของเราไม่สามารถบริจาคเลือดได้ ทางสภากาชาดก็มีรับบริจาคเงินเพื่อเอาไว้ใช้สำหรับเครื่องมือ รวมไปถึงอุปกรณ์ในการจัดหาเลือด
ขออนุโมทนากับเพื่อนๆ ที่ได้บริจาคไปแล้ว และจะได้บริจาคในอนาคตด้วยนะครับ หวังว่าไอเดียในการบริจาคของผมจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ นะครับ
เงินที่ไปช่วยเหลือผู้ป่วยที่ใช้สวัสดิการ 30 บาทนี่ ผมเคยคุยกับ ผอ. รพ. รัฐฯ ที่ต่างจังหวัด นี่ขาดแคลนเงินทุนมากๆ โดยเฉพาะต่างจังหวัด เพราะ เงินทุนส่วนใหญ่จะไปโรงพยาบาลรัฐฯ กรุงเทพชื่อดังเสียมากกว่า
ในบรรดาปัจจัย 4 ผมคิดว่า เรื่องการรักษาโรค นี่เป็นอะไรที่แพงที่สุด แตกต่างจากปัจจัยสี่อื่นๆ ที่ยิ่งวันยิ่งถูกลงจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แถมคนจ่ายก็ไม่มีทางเลือก หากมีเงินก็ต้องจ่าย หากไม่มีเงินก็พยายามหา พยายามกู้มาจ่าย เพราะ การไม่จ่ายหมายถึง ชีวิต และคนที่เงินน้อยเหล่านี้ วิบากกรรมที่จรมาให้ผลบางครั้งก็พรากชีวิต พรากโอกาสในการทำสิ่งต่างๆ ที่เป็นประโยชน์
หมอ บุคลากรทางการแพทย์ ที่ผมเจอ ที่ผมรู้จักที่เสียสละ ทุ่มเททำงานให้กับรพ. รัฐฯ เหล่านี้ เท่าที่ผมสัมผัส ก็ทำด้วยอุดมการณ์ ทำด้วยใจ แต่บางครั้งทรัพยากร อุปกรณ์ เงินทุนที่ขาดแคลน ก็ไม่อาจทำให้ท่านเหล่านี้ช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นเงินบริจาคโดยส่วนใหญ่ของผม จึงขอเป็นกำลังเล็กๆ ที่จะช่วยเหลือ สนับสนุน ให้ผู้ป่วยทั้งหลายได้มีโอกาสลุกขึ้นมายืนอีกครั้ง
นอกจากโรงพยาบาลที่ผมบริจาคเป็นหลัก (รพ. ศิริราช, รพ. รามา, รพ. จุฬา, รพ. สงฆ์, รพ. สวนดอก, สภากาชาด) ก็จะมีส่วนช่วยเหลือภัยพิบัติ เวลาเกิดภัยทางธรรมชาติ ตรงนี้จะเป็นหน่วยงานหนึ่งของทางสภากาชาด ชื่อ สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ สภากาชาดไทย
นอกนั้นก็จะเป็นการบริจาคตามโอกาสไม่ได้มีนัยสำคัญอะไรกับขนาดของสินทรัพย์ ส่วนการบริจาคองค์กรทางศาสนา ผมจะบริจาคน้อย เพราะ จริงๆ แล้ว หลักในทางพุทธฯ พระสงฆ์ที่เป็นพระสงฆ์โดยเนื้อแท้ เป็นผู้ขัดเกลากิเลส ไม่สะสมทรัพย์ ไม่ถือเงิน การบริจาคเงินของผมจึงเป็นแค่เพียงช่วยบำรุงค่าน้ำ ค่าไฟ เท่านั้น ถ้าจะทำทานก็จะเป็นการตักบาตร ถวายข้าวของอันจำเป็นเพื่อการขัดเกลากิเลส ลงแรง ช่วยเหลืองานสาธารณประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับการขัดเกลากิเลสเสียมากกว่า
ในเรื่องของการศึกษา ผมคิดว่าเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าที่เกิดขึ้นในโลกนี้ การศึกษาเป็นเรื่องของทัศนคติ และการพยายามในการศึกษาเสียมากกว่า เราสามารถที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในโลกนี้ได้ในเวลาที่ง่ายขึ้น และเร็วขึ้น ในการช่วยเหลือเรื่องการศึกษา ถ้าช่วยก็จะช่วยในเรื่องการให้ความรู้โดยตรงเสียมากกว่า ผมไม่มีความสนใจที่จะสนับสนุนเป็นตัวเงินสักเท่าไหร่
ขออนุญาตเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบริจาคที่ไม่ได้เป็นตัวเงิน แต่เป็นอะไรที่ทำได้ง่ายๆ และก็ไม่ได้เสียอะไรสักเท่าไหร่ นั่นคือการบริจาคร่างกาย และบริจาคอวัยวะ การบริจาคร่างกายจะมีการบริจาคเพื่อให้นักศึกษาแพทย์ได้เอาไปใช้ประโยชน์ในการศึกษาร่างกายของเราเวลาเราตายไปแล้ว ในขณะที่การบริจาคอวัยวะ คือ เมื่อเราตายแล้ว เราสามารถยกอวัยวะที่เราไม่ได้ใช้งานแล้ว ไปให้กับผู้ป่วยที่ร่างกายทำงานผิดปกติ ช่วยต่ออายุให้กับเขาได้ การบริจาคก็ง่ายแสนง่าย แค่เสียเวลาเซ็นชื่อเล็กน้อย พกบัตรติดตัว แล้วก็แจ้งกับครอบครัวเอาไว้ถึงเจตนาที่จะยกร่างกายและอวัยวะที่เราจะไม่ได้ใช้แล้ว ให้กับคนอื่น เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น
การบริจาคเลือด และส่วนประกอบของเลือดก็เป็นการบริจาคที่เสียเวลานิดหน่อย แต่ได้ประโยชน์ต่อผู้ป่วยมาก ผมมักจะไปบริจาคเกล็ดเลือดเป็นประจำ และได้เห็นรายชื่อของผู้ป่วยที่รอเกล็ดเลือดเพื่อเอาไปใช้ในการรักษาเป็นจำนวนมาก มีผู้ป่วยจำนวนมากที่ต้องเสียชีวิตจากการที่มีปริมาณเลือดและส่วนประกอบของเลือดไม่เพียงพอ การเสียเวลาเล็กๆ น้อยๆ ของเราอาจจะช่วยต่อชีวิตให้กับเขาเหล่านั้นได้ ซึ่งก็อยากใช้โอกาสนี้เชิญชวนเพื่อนๆ แวะเวียนกันไปบริจาคเลือด และถ้าสภาพร่างกายของเราไม่สามารถบริจาคเลือดได้ ทางสภากาชาดก็มีรับบริจาคเงินเพื่อเอาไว้ใช้สำหรับเครื่องมือ รวมไปถึงอุปกรณ์ในการจัดหาเลือด
ขออนุโมทนากับเพื่อนๆ ที่ได้บริจาคไปแล้ว และจะได้บริจาคในอนาคตด้วยนะครับ หวังว่าไอเดียในการบริจาคของผมจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ นะครับ
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- Verified User
- โพสต์: 2595
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปกติบริจาคมูลนิธิอะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 4
ผมบริจาค"มูลนิธิรามาธิบดี"ทุกปีครับ มากน้อยขึ้นกับผลตอบเเทนการลงทุน เหมือนเป็นการตอบเเทนบุญคุณที่สร้างเรามาครับ
"Unicef" ชอบที่นี่เพราะมีโปร่งใสชัดเจน มีProgressโครงการว่าทำอะไรบ้าง จะให้หักบัตรรายเดือนครับ เพิ่มปริมาณเงินได้ ลดได้ สะดวกมากๆ ถ้าเค้าต้องการบริจาคเพิ่ม เค้าจัโทรมาบอกว่าจะต้องการเงินไปทำอะไร ทำไมต้องขอเพิ่ม ซึ่งตรงนี้ถ้าเราไม่ให้เค้าก้อไม่ว่าอะไรครับ
ที่อยากทำอีกที่คือ รพ. ที่ผมทำงานเองเเต่ระบบบริจาคเเละบริหารเงินบริจาคมันไม่ชัด เค้าจะเอาเจ้าเงินบำรุง ผมเลยรู้สึกยังไม่โอเค
กำลังลุ้นๆให้ในอนาคตมีนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากๆทำVenture capitalที่คล้ายมูลนิธิ เเล้วเอาเงินไปลงทุนนำดอกผลมาสร้างบุญในรูปเเบบต่างๆ ไปพัฒนาให้คนด้อยโอกาสเท่าที่คุยกับ นลท. รุ่นใหม่ๆหลายคนคิดจะทำเเบบนี้ในอนาคต ส่วนผมเรื่องการลงทุนยังจัดการจิตใจได้ไม่ดีพอ จึงได้เเค่เเอบฝัน ตอนนี้ก้อคงต้องบริจาคไปเรื่อยๆ ตามศรัทธาก่อนครับ^^
"Unicef" ชอบที่นี่เพราะมีโปร่งใสชัดเจน มีProgressโครงการว่าทำอะไรบ้าง จะให้หักบัตรรายเดือนครับ เพิ่มปริมาณเงินได้ ลดได้ สะดวกมากๆ ถ้าเค้าต้องการบริจาคเพิ่ม เค้าจัโทรมาบอกว่าจะต้องการเงินไปทำอะไร ทำไมต้องขอเพิ่ม ซึ่งตรงนี้ถ้าเราไม่ให้เค้าก้อไม่ว่าอะไรครับ
ที่อยากทำอีกที่คือ รพ. ที่ผมทำงานเองเเต่ระบบบริจาคเเละบริหารเงินบริจาคมันไม่ชัด เค้าจะเอาเจ้าเงินบำรุง ผมเลยรู้สึกยังไม่โอเค
กำลังลุ้นๆให้ในอนาคตมีนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมากๆทำVenture capitalที่คล้ายมูลนิธิ เเล้วเอาเงินไปลงทุนนำดอกผลมาสร้างบุญในรูปเเบบต่างๆ ไปพัฒนาให้คนด้อยโอกาสเท่าที่คุยกับ นลท. รุ่นใหม่ๆหลายคนคิดจะทำเเบบนี้ในอนาคต ส่วนผมเรื่องการลงทุนยังจัดการจิตใจได้ไม่ดีพอ จึงได้เเค่เเอบฝัน ตอนนี้ก้อคงต้องบริจาคไปเรื่อยๆ ตามศรัทธาก่อนครับ^^
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
-
- Verified User
- โพสต์: 91
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปกติบริจาคมูลนิธิอะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 5
ส่วนตัวบริจาคเงินเพื่ออุปการะเด็กยากไร้แบบต่อเนื่องมา10กว่าปีแล้ว และบริจาคให้มูลนิธิข้างล่างนี้เป็นครั้งคราวค่ะ
มูลนิธิขาเทียม
มูลนิธิแพทย์อาสา
สภากาชาด
ศิริราชมูลนิธิ
มูลนิธิรามาธิบดี
มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก เชียงใหม่
มูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์
มูลนิธิธรรมิกชนเพื่อคนตาบอดในประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
สหทัยมูลนิธิ
มูลนิธิกลุ่มแสงเทียน วัดบางใส้ไก่
มูลนิธิเด็ก
มูลนิธิขาเทียม
มูลนิธิแพทย์อาสา
สภากาชาด
ศิริราชมูลนิธิ
มูลนิธิรามาธิบดี
มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก เชียงใหม่
มูลนิธิโรงพยาบาลสงฆ์
มูลนิธิธรรมิกชนเพื่อคนตาบอดในประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
สหทัยมูลนิธิ
มูลนิธิกลุ่มแสงเทียน วัดบางใส้ไก่
มูลนิธิเด็ก
- BeSmile
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1178
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปกติบริจาคมูลนิธิอะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 8
ทำบุญ ทำทาน สบายใจ ใจเป็นกุศล ก็ให้ไปครับ
รู้สึกไม่ดี ใจเสียดาย ใจเกิดอกุศล คิดว่าไม่ดี ก็ให้ไปครับ ให้แล้วตามรู้ไป
ให้ตามกำลังที่ตัวเองมีให้ได้ ครับ ให้แล้วเราไม่เดือดร้อน
ผมให้ทุก ๆ เดือน สม่ำเสมอ มากบ้างน้อยบ้าง ตามกำลังครับ
รู้สึกไม่ดี ใจเสียดาย ใจเกิดอกุศล คิดว่าไม่ดี ก็ให้ไปครับ ให้แล้วตามรู้ไป
ให้ตามกำลังที่ตัวเองมีให้ได้ ครับ ให้แล้วเราไม่เดือดร้อน
ผมให้ทุก ๆ เดือน สม่ำเสมอ มากบ้างน้อยบ้าง ตามกำลังครับ
มีสติ - อย่าประมาทในการใช้ชีวิต
-
- Verified User
- โพสต์: 86
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปกติบริจาคมูลนิธิอะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 10
บริจาคให้กับโรงพยาบาลทุกปีครับ ทั้ง รพฺ.ศิริราช รพ.ราชวิถี สภากาชาด เพราะคิดว่าผู้ป่วยที่ไม่เงินรักษาน่าจะลำบากมาก ถ้าเราป่วยแล้วไม่มีเงินรักษาคงแย่มาก ถ้าเลือกอันดับแรกก็จะบริจาคกับโรงพยาบาล นอกนั้นก็บริจาคโลงศพ และบริจาคให้กับโรงเรียนที่เคยเรียนมาครับ เพราะโรงเรียนก็ยังขาดอุปกรณ์การเรียนการสอนอีกเยอะครับ แถมนักเรียนที่ยังขอรับทุนการศึกษายังมีอีกเยอะครับ อาศัยงบประมาณจากรัฐคงไม่พอพวกนักเรียนเก่าแต่ละรุ่นก็เลยต้องช่วยกันครับ
- คืนนี้ดาวสวย
- Verified User
- โพสต์: 69
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปกติบริจาคมูลนิธิอะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 13
ผมบริจาคทุนการศึกษา กองทุน EDF ทุกปีครับ พึ่งทำได้ประมาณ 2-3 ปีแล้ว
โดยส่วนตัวเชื่อว่าการศึกษาสร้างชีวิตคนให้ดีขึ้นได้จริงและยังสร้างคนที่จะช่วยคนอื่นได้อีกด้วย
ตัวเลือกแรกๆในใจเวลาจะบริจาคจึงมักจะเกี่ยวกับทุนการศึกษาครับ
โดยส่วนตัวเชื่อว่าการศึกษาสร้างชีวิตคนให้ดีขึ้นได้จริงและยังสร้างคนที่จะช่วยคนอื่นได้อีกด้วย
ตัวเลือกแรกๆในใจเวลาจะบริจาคจึงมักจะเกี่ยวกับทุนการศึกษาครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 152
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปกติบริจาคมูลนิธิอะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 14
ไม่ได้บริจาคมูลนิธิ เงินแทบจะ 100% ที่จัดสรรไว้สำหรับการทำบุญจะทำบุญให้วัด เป็นค่าน้ำค่าไฟ ค่าอาหาร และทุกๆตู้ที่มีในวัด
จำนวนที่บริจาค ก็ตามกำลัง ไม่ให้ตัวเอง ครอบครัวลำบาก
ส่วนตัวเคยมีประสบการณ์ต้องเผชิญปัญหาชีวิตขั้นหนักหน่วง (ในตอนนั้น)
จิตใจอ่อนล้า สุดท้ายต้องไปเข้าวัด ทำให้ได้ความจริง ทำให้เห็นคุณค่าของธรรมะ
ความเย่อหยิ่ง อวดดี อวดรู้ ถือตัว ดูถูกคนอื่น ลดลงไปอย่างมากมาย (แต่ทุกวันนี้ก็ยังคงมีอยู่ในจิตใจ)
พอวิกฤตครั้งนั้นผ่านไป ก็ทำให้ระลึกถึงคุณค่าของการมีอยู่ของวัด
จากที่เคยค่อนแคะ ไม่เห็นประโยชน์ของศาลาการเปรียญ ไม่เห็นว่าจะสร้างเจดีย์ไปทำไม
ไม่เคยเข้าใจว่า ทำไมบางวัดต้องทำเป็นที่ปฏิบัติธรรม ให้คนไปแออัด เบียดกันนั่งสมาธิ
หนังสือธรรมมะที่เคยดูแคลน ว่าไม่เห็นจะเข้าใจ ทำไมต้องพิมพ์แจก ใครซักกี่คนจะอ่าน
ทุกวันนี้เข้าใจแล้ว ว่าทั้งหมดนี้ เกิดประโยชน์อะไรบ้าง
หลายๆท่านในที่นี้อาจเกิดมาพร้อมครอบครัวที่ดี มีสุขภาพกำลังใจที่สมบูรณ์
ทำให้การใช้ชีวิตเพื่อต่อสู้กับปัญหา เป็นไปอย่างไม่ลำบากมากนัก
แต่อีกหลายๆคน ครอบครัวไม่ได้สมบูรณ์พร้อม ลำพังแค่เรื่องเงินๆทองๆอย่างเดียวบางคนก็ลำบากมากแล้ว
พอบวกกับการขาดการเลี้ยงดู ให้จิตใจเข้มแข็ง มีสติ ยิ่งทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการใช้สติปัญญาแก้ปัญหาชีวิต
สัจจะธรรมที่ผมค้นพบระหว่างที่ตัวเองมีปัญหา คือ สติปัญาในการที่จะชนะอารมณ์ เพื่อแก้ปัญหาชีวิตนั้น
เราสามารถขัดเกลาได้ แม้จะเกิดมา จากครอบครัวที่หล่อหลอมให้เราเป็นแบบที่เราไม่อยากจะได้มัน
การขัดเกลาต้องเริ่มจากตัวเรา โดยมีผู้ที่มีธรรมะในจิตใจอยู่แล้ว เป็นผู้คอยชี้แนะแนวทาง
ซึ่งผู้ชี้แนะเหล่านี้ ก็คือพระสงฆ์ หรือฆาราวาส ที่ไม่ได้ดิ้นรน ขวนขวาย อยากมีอยากได้ เพิ่มพูนความมั่งคั่ง หรือแก่งแย่งชิงดี
การสนทนา หรือ ไปคลุกคลีกับบุคคลเหล่านี้ ทำให้การมองโลก และการเข้าใจกิเลสตัวเอง เป็นไปอย่างมีระบบแบบแผน ไม่หลงทาง
จำนวนที่บริจาค ก็ตามกำลัง ไม่ให้ตัวเอง ครอบครัวลำบาก
ส่วนตัวเคยมีประสบการณ์ต้องเผชิญปัญหาชีวิตขั้นหนักหน่วง (ในตอนนั้น)
จิตใจอ่อนล้า สุดท้ายต้องไปเข้าวัด ทำให้ได้ความจริง ทำให้เห็นคุณค่าของธรรมะ
ความเย่อหยิ่ง อวดดี อวดรู้ ถือตัว ดูถูกคนอื่น ลดลงไปอย่างมากมาย (แต่ทุกวันนี้ก็ยังคงมีอยู่ในจิตใจ)
พอวิกฤตครั้งนั้นผ่านไป ก็ทำให้ระลึกถึงคุณค่าของการมีอยู่ของวัด
จากที่เคยค่อนแคะ ไม่เห็นประโยชน์ของศาลาการเปรียญ ไม่เห็นว่าจะสร้างเจดีย์ไปทำไม
ไม่เคยเข้าใจว่า ทำไมบางวัดต้องทำเป็นที่ปฏิบัติธรรม ให้คนไปแออัด เบียดกันนั่งสมาธิ
หนังสือธรรมมะที่เคยดูแคลน ว่าไม่เห็นจะเข้าใจ ทำไมต้องพิมพ์แจก ใครซักกี่คนจะอ่าน
ทุกวันนี้เข้าใจแล้ว ว่าทั้งหมดนี้ เกิดประโยชน์อะไรบ้าง
หลายๆท่านในที่นี้อาจเกิดมาพร้อมครอบครัวที่ดี มีสุขภาพกำลังใจที่สมบูรณ์
ทำให้การใช้ชีวิตเพื่อต่อสู้กับปัญหา เป็นไปอย่างไม่ลำบากมากนัก
แต่อีกหลายๆคน ครอบครัวไม่ได้สมบูรณ์พร้อม ลำพังแค่เรื่องเงินๆทองๆอย่างเดียวบางคนก็ลำบากมากแล้ว
พอบวกกับการขาดการเลี้ยงดู ให้จิตใจเข้มแข็ง มีสติ ยิ่งทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการใช้สติปัญญาแก้ปัญหาชีวิต
สัจจะธรรมที่ผมค้นพบระหว่างที่ตัวเองมีปัญหา คือ สติปัญาในการที่จะชนะอารมณ์ เพื่อแก้ปัญหาชีวิตนั้น
เราสามารถขัดเกลาได้ แม้จะเกิดมา จากครอบครัวที่หล่อหลอมให้เราเป็นแบบที่เราไม่อยากจะได้มัน
การขัดเกลาต้องเริ่มจากตัวเรา โดยมีผู้ที่มีธรรมะในจิตใจอยู่แล้ว เป็นผู้คอยชี้แนะแนวทาง
ซึ่งผู้ชี้แนะเหล่านี้ ก็คือพระสงฆ์ หรือฆาราวาส ที่ไม่ได้ดิ้นรน ขวนขวาย อยากมีอยากได้ เพิ่มพูนความมั่งคั่ง หรือแก่งแย่งชิงดี
การสนทนา หรือ ไปคลุกคลีกับบุคคลเหล่านี้ ทำให้การมองโลก และการเข้าใจกิเลสตัวเอง เป็นไปอย่างมีระบบแบบแผน ไม่หลงทาง
เราจะรวยแร้วววววววววว
- sorawut
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2455
- ผู้ติดตาม: 1
Re: ปกติบริจาคมูลนิธิอะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 17
ตัดสินใจว่า ธุรกิจไหนที่คุณต้องการจะเป็นเจ้าของ
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
-
- Verified User
- โพสต์: 131
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปกติบริจาคมูลนิธิอะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 18
ปกติบริจาคเงินเป็น 2 ส่วนครับ
1. บริจาคให้รายเดือน เน้นองค์กรการกุศล พวก UNESCO/ UNHCR เพราะส่วนตัวไม่ชอบแบบที่มีรูป มีประวัติเด็กมาให้
2. บริจาครายปี Theme ตามแต่ละปีครับ เช่น
Theme "ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์"
ชาติ = มูลนิธิทหารฝ่านศึก
ศาสนา = โรงพยาบาลสงฆ์
พระมหากษัตริย์ = มูลนิธิราชประชานุเคราะห์
Theme "เด็ก สตรี คนชรา"
เด็ก = โรงพยาบาลเด็ก
สตรี = มูลนิธิสตรี
คนชรา = สถานสงเคราะห์คนชรา
Theme = "โรงพยาบาลรัฐ"
โรงพยาบาลรัฐ = ศิริราช รามา จุฬา ราชวิถี
Theme = "เพื่อการศึกษา"
ให้ทุนการศึกษาในโรงเรียนในต่างจังหวัด
Theme = " ธรรมมะค้ำจุนโลก"
ให้ทุนทำศาลาปฎิบัติธรรม เมรุเผาศพ ห้องน้ำ ในวัดและสถานปฎิบัติธรรม
Theme = "พระมหากรุณาธิคุณ"
ทำบุญกับมูลนิธิที่เป็น มูลนิธิในพระบรมราชูปถัมภ์
ทุกปีก็จะสนุกสนานกับการกำหนด Theme ให้ไม่ซ้ำเดิม และเลือกที่ๆ จะไปทำบุญ แม้จะเป็นเงินไม่มากมายนัก แต่ก็มีความสุขครับ
1. บริจาคให้รายเดือน เน้นองค์กรการกุศล พวก UNESCO/ UNHCR เพราะส่วนตัวไม่ชอบแบบที่มีรูป มีประวัติเด็กมาให้
2. บริจาครายปี Theme ตามแต่ละปีครับ เช่น
Theme "ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์"
ชาติ = มูลนิธิทหารฝ่านศึก
ศาสนา = โรงพยาบาลสงฆ์
พระมหากษัตริย์ = มูลนิธิราชประชานุเคราะห์
Theme "เด็ก สตรี คนชรา"
เด็ก = โรงพยาบาลเด็ก
สตรี = มูลนิธิสตรี
คนชรา = สถานสงเคราะห์คนชรา
Theme = "โรงพยาบาลรัฐ"
โรงพยาบาลรัฐ = ศิริราช รามา จุฬา ราชวิถี
Theme = "เพื่อการศึกษา"
ให้ทุนการศึกษาในโรงเรียนในต่างจังหวัด
Theme = " ธรรมมะค้ำจุนโลก"
ให้ทุนทำศาลาปฎิบัติธรรม เมรุเผาศพ ห้องน้ำ ในวัดและสถานปฎิบัติธรรม
Theme = "พระมหากรุณาธิคุณ"
ทำบุญกับมูลนิธิที่เป็น มูลนิธิในพระบรมราชูปถัมภ์
ทุกปีก็จะสนุกสนานกับการกำหนด Theme ให้ไม่ซ้ำเดิม และเลือกที่ๆ จะไปทำบุญ แม้จะเป็นเงินไม่มากมายนัก แต่ก็มีความสุขครับ
"Good judgment comes from experience, and experience comes from bad judgment" - Unknown -
-
- Verified User
- โพสต์: 48
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปกติบริจาคมูลนิธิอะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 20
ผมคิดว่าบางที เงินของเราแค่ไม่ได้มากมาย แค่พอกินไปมื้อๆ ความเป็นอยู่สบาย
แต่สำหรับบางคนที่ลำบากกว่าเรา เงินจำนวนเดียวอาจมีความหมายสำหรับชีวิตเขามาก
อาจจะเปลี่ยนชีวิตเข้าได้ ผมเลือกให้กับคนที่ลำบากกว่า
ยิ่งให้(แม้บางเดือนจะติดลบ) แต่ก็รู้สึกว่าชีวิตมีค่าขึ้นครับ
http://news.ch7.com/news_all/69/1/สกู๊ปชีวิต.html
แต่สำหรับบางคนที่ลำบากกว่าเรา เงินจำนวนเดียวอาจมีความหมายสำหรับชีวิตเขามาก
อาจจะเปลี่ยนชีวิตเข้าได้ ผมเลือกให้กับคนที่ลำบากกว่า
ยิ่งให้(แม้บางเดือนจะติดลบ) แต่ก็รู้สึกว่าชีวิตมีค่าขึ้นครับ
http://news.ch7.com/news_all/69/1/สกู๊ปชีวิต.html
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1284
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปกติบริจาคมูลนิธิอะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 21
แนวทางการให้ของผมคล้ายกับคุณ picatos มากอย่างไม่น่าเชื่อ
1 บริจาคร่างกายที่ รพ ศิริราช
หลายคนอาจจะกลัวว่าร่างกายเราจะถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ เลยไม่กล้าบริจาค ถ้าคิดอย่างนี้แสดงว่าเรายังยึดติด และไม่สามารถปล่อยวางได้ แต่ถ้าเข้าใจธรรมะ จริง ๆ แล้ว ตัวกูไม่ใช่ของกู อย่างที่ท่านพุทธทาสกล่าวไว้เนี่ย ถูกต้องที่สุดแล้วครับ
2 บริจาคเลือดทุกไตรมาส
อันนี้เป็นอีกอันที่ไม่ต้องเสียตังค์ แต่ต้องคอยดูแลร่างกายไม่ให้แย่ ไม่มีไขมัน ไม่มีความเสี่ยงจากการติดโรคต่าง ๆ การให้เลือด นอกจากช่วยผู้อื่นได้มากแล้ว ยังเป็นแนวทางที่กึ่งบังคับให้ผู้ให้รู้จักดูแลตัวเอง และรับผิดชอบต่อสังคมด้วย
3 บริจาคเงินที่ศิริราชมูลนิธิ
พอดีเคยมีประสบการณ์เฝ้าอยู่แถวห้อง ICU อยู่เป็นเดือน รู้สึกประทับใจที่หมอและพยาบาลที่นี่ ช่วยเหลือคนไข้ยากจน ประมาณว่าโรงพยาบาลต่างจังหวัดทำไม่ได้ ส่งเข้าที่นี่ เป็นกรณีผ่าหัวใจยาก ๆ เป็นต้น เคยพูดคุยกับญาตผู้ป่วยด้วยกันจนรู้ดี หมอที่นี่เก่งสามารถทำเงินได้มากหากย้ายไปโรงพยาบาลเอกชน แต่หลายคนไม่ได้เลือกเงินเป็นที่ตั้ง พอผมมีเงิน ก็อยากให้ที่นี่ ปกติจะบริจาคประมาณไตรมาสละครั้ง แนวโน้มการให้ตั้งใจว่าจะเพิ่มมากขึ้นตามขนาดเงินปันผลที่ได้จากการลงทุน
4 ให้ทุนการศึกษาเด็กยากจน ตอนนี้ให้ที่ ม แม่ฟ้าหลวงอยู่ 3 ทุน ปีนี้ตั้งใจว่าจะเพิ่มเป็น 5 ทุน และหวังว่าจะสามารถเพิ่มได้เรื่อย ๆ เหมือน snowball เป็นทุนศึกษาปริญญาตรี จนกว่าเด็กจะเรียนจบ เป็นนักศึกษาพยาบาลทั้งหมด ผมคิดว่าเป็นอาชีพที่สามารถช่วยคนอื่นได้มากและยังมีไม่พอ พอดีบังเอิญรู้จักบุคคลากรที่นี่ รู้สึกว่าระบบติดตามดูแลดี เป็นมหาลัยที่บริหารจัดการได้ดีมาก ๆ เงินหลักแสน สำหรับนักลงทุนอาจดูไม่มาก แต่สำหรับหลายคน อาจเปลี่ยนชีวิตได้เลยครับ
5 บริจาคพวกองค์กรต่าง ๆ อย่าง Unicef CCF World Vision Sosa อยู่ในช่วงทดลอง ผมรู้สึกว่าออกแนว Commercial ไปหน่อย
6 บริจาคให้มหาลัยที่เราจบมา รู้สึกว่าแค่อยากให้ทดแทนบุญคุณ แต่มหาลัยพวกนี้รวยอยู่แล้ว ไม่ได้อยู่ในอันดับต้น ๆ
สุดท้าย ผมไม่ชอบบริจาคสร้างวัด สร้างเจดีย์ สร้างอะไรที่แสดงอีโก้ ตามหลักแล้วต้องเหมือนกับสวนโมกข์ หากใครผ่านไปแถวสุราษณ์ น่าจะลองเวะไปดู ไม่มีสิ่งก่อสร้างอะไรใหญ่โตเลย แต่ดูสงบ ต้นไม้เยอะ ควรเน้นที่หลักคำสอน การปล่อยวาง หากเน้นที่สร้างวัดใหญ่ ๆ เพื่อให้ได้บุญเยอะ อย่างนี้ผมว่ายิ่งให้กิเลสยิ่งมากนะ
1 บริจาคร่างกายที่ รพ ศิริราช
หลายคนอาจจะกลัวว่าร่างกายเราจะถูกหั่นเป็นชิ้น ๆ เลยไม่กล้าบริจาค ถ้าคิดอย่างนี้แสดงว่าเรายังยึดติด และไม่สามารถปล่อยวางได้ แต่ถ้าเข้าใจธรรมะ จริง ๆ แล้ว ตัวกูไม่ใช่ของกู อย่างที่ท่านพุทธทาสกล่าวไว้เนี่ย ถูกต้องที่สุดแล้วครับ
2 บริจาคเลือดทุกไตรมาส
อันนี้เป็นอีกอันที่ไม่ต้องเสียตังค์ แต่ต้องคอยดูแลร่างกายไม่ให้แย่ ไม่มีไขมัน ไม่มีความเสี่ยงจากการติดโรคต่าง ๆ การให้เลือด นอกจากช่วยผู้อื่นได้มากแล้ว ยังเป็นแนวทางที่กึ่งบังคับให้ผู้ให้รู้จักดูแลตัวเอง และรับผิดชอบต่อสังคมด้วย
3 บริจาคเงินที่ศิริราชมูลนิธิ
พอดีเคยมีประสบการณ์เฝ้าอยู่แถวห้อง ICU อยู่เป็นเดือน รู้สึกประทับใจที่หมอและพยาบาลที่นี่ ช่วยเหลือคนไข้ยากจน ประมาณว่าโรงพยาบาลต่างจังหวัดทำไม่ได้ ส่งเข้าที่นี่ เป็นกรณีผ่าหัวใจยาก ๆ เป็นต้น เคยพูดคุยกับญาตผู้ป่วยด้วยกันจนรู้ดี หมอที่นี่เก่งสามารถทำเงินได้มากหากย้ายไปโรงพยาบาลเอกชน แต่หลายคนไม่ได้เลือกเงินเป็นที่ตั้ง พอผมมีเงิน ก็อยากให้ที่นี่ ปกติจะบริจาคประมาณไตรมาสละครั้ง แนวโน้มการให้ตั้งใจว่าจะเพิ่มมากขึ้นตามขนาดเงินปันผลที่ได้จากการลงทุน
4 ให้ทุนการศึกษาเด็กยากจน ตอนนี้ให้ที่ ม แม่ฟ้าหลวงอยู่ 3 ทุน ปีนี้ตั้งใจว่าจะเพิ่มเป็น 5 ทุน และหวังว่าจะสามารถเพิ่มได้เรื่อย ๆ เหมือน snowball เป็นทุนศึกษาปริญญาตรี จนกว่าเด็กจะเรียนจบ เป็นนักศึกษาพยาบาลทั้งหมด ผมคิดว่าเป็นอาชีพที่สามารถช่วยคนอื่นได้มากและยังมีไม่พอ พอดีบังเอิญรู้จักบุคคลากรที่นี่ รู้สึกว่าระบบติดตามดูแลดี เป็นมหาลัยที่บริหารจัดการได้ดีมาก ๆ เงินหลักแสน สำหรับนักลงทุนอาจดูไม่มาก แต่สำหรับหลายคน อาจเปลี่ยนชีวิตได้เลยครับ
5 บริจาคพวกองค์กรต่าง ๆ อย่าง Unicef CCF World Vision Sosa อยู่ในช่วงทดลอง ผมรู้สึกว่าออกแนว Commercial ไปหน่อย
6 บริจาคให้มหาลัยที่เราจบมา รู้สึกว่าแค่อยากให้ทดแทนบุญคุณ แต่มหาลัยพวกนี้รวยอยู่แล้ว ไม่ได้อยู่ในอันดับต้น ๆ
สุดท้าย ผมไม่ชอบบริจาคสร้างวัด สร้างเจดีย์ สร้างอะไรที่แสดงอีโก้ ตามหลักแล้วต้องเหมือนกับสวนโมกข์ หากใครผ่านไปแถวสุราษณ์ น่าจะลองเวะไปดู ไม่มีสิ่งก่อสร้างอะไรใหญ่โตเลย แต่ดูสงบ ต้นไม้เยอะ ควรเน้นที่หลักคำสอน การปล่อยวาง หากเน้นที่สร้างวัดใหญ่ ๆ เพื่อให้ได้บุญเยอะ อย่างนี้ผมว่ายิ่งให้กิเลสยิ่งมากนะ
In search of super stocks
-
- Verified User
- โพสต์: 1061
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปกติบริจาคมูลนิธิอะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 24
มูลนิธิศุภนิมิตให้ทุนการศึกษาเด็กยากไร้ครับ
กับที่ทำประจำอีกที่คือ ตามที่คุณบิน บรรลือฤทธิ์ ไปช่วยน่ะครับ
เรื่องความโปร่งใส ไม่แน่ใจครับ ทำตามสบายใจคิดว่ามากน้อยก้คือได้ช่วยครับ
https://www.facebook.com/Bhin.fanclub
กับที่ทำประจำอีกที่คือ ตามที่คุณบิน บรรลือฤทธิ์ ไปช่วยน่ะครับ
เรื่องความโปร่งใส ไม่แน่ใจครับ ทำตามสบายใจคิดว่ามากน้อยก้คือได้ช่วยครับ
https://www.facebook.com/Bhin.fanclub
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปกติบริจาคมูลนิธิอะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 25
ข้อนี้ผมเห็นด้วย หากวัดนั้นสร้างเพื่อเป็นการระดมคนเข้าวัด สร้างเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินบริจาค สร้างเพื่อหวังในลาภสักการะinvestment biker เขียน: สุดท้าย ผมไม่ชอบบริจาคสร้างวัด สร้างเจดีย์ สร้างอะไรที่แสดงอีโก้
แต่จะแตกต่างกันอย่างมาก หากสร้างเพื่อเป็นการระลึกถึงคุณ ขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทิตาและสืบต่ออายุพระศาสนา
ดังมีในพระบาลีเกี่ยวกับอานิสงค์ของทานประเภทนี้ว่า
" การถวายสังฆทานที่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายวิหารทาน"
ยิ่งเจตนานั้นสำคัญมาก หากเจตนาบริสุทธิ์ ย่อมส่งผลให้ ร่ำรวยตั้งแต่วัยต้น เพราะผลของทานที่ได้ตั้งเจตนาไว้บริสุทธิ์ดีตั้งแต่ก่อนจะทำทาน คือก่อนที่จะลงมือทำทานก็มีจิตเมตตาโสมนัสร่าเริงเบิกบานยินดีในทานที่ตนจะได้ทำเพื่อสงเคราะห์ผู้อื่น แล้วก็ได้ลงมือทำทานไปตามเจตนานั้น เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ย่อมโชคดี โดยเกิดในตระกูลที่ร่ำรวย ชีวิตในวัยต้นอุดมสมบูรณ์พูดสุขไปด้วยทรัพย์ ไม่ยากจนแร้นแค้น ไม่ต้องขวนขวายหาเลี้ยงตนเองมาก
ขออนุโมทนาบุญครับ
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
-
- Verified User
- โพสต์: 365
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปกติบริจาคมูลนิธิอะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 26
ขอแสดงความคิดเห็นครับ ในฐานะที่เป็นแพทย์ที่ทำงานในรพ.รัฐ เป็น รพ.ประจำจังหวัด เห็นด้วยกับหลายๆท่านที่จะบริจาคให้กับ รพ. เพื่อจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วย แต่ในความเป็นจริงแล้ว รพ. ที่มีความขาดแคลนมากจริงๆและน่าเป็นห่วงคือ รพ. ขนาดใหญ่ที่อยู่ตามต่างจังหวัด เนื่องจากงบประมาณจากรัฐไม่เพียงพอ และ มีโอกาสได้รับเงินบริจาคต่างๆน้อยกว่ามาก เวลาคนมีเงินและมีความประสงค์จะบริจาคซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนในกรุงเทพ ก็มักจะไปบริจาคให้กับ รพ. ใหญ่ๆทั้งหลายในกรุงเทพ ทำให้ในแต่ละปีได้รับเงินในส่วนนี้หลายร้อยล้านบาทต่อรพ. ท่านจะเห็นได้ว่าขณะนี้ รพ.ใหญ่หลายๆแห่งในกรุงเทพได้มีการตกแต่งอย่างหรูหราใกล้เคียงกับ รพ.เอกชนในขณะที่รพ.รัฐ ตามต่างจังหวัดกับดูคับแคบ แออัด ขาดอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ถ้าท่านผู้ประสบความสำเร็จในการลงทุนและมีความประสงค์จะบริจาคผมอยากจะให้ท่านลองพิจารณาดูครับ เงินของท่านจะได้ใช้ประโยชน์สูงสุดครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 423
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปกติบริจาคมูลนิธิอะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 28
คำแนะนำของ คุณchamnan028 เป็นคำแนะนำที่มีประโยชน์มาก ไม่เคยคิดมาก่อนเหมือนกัน
เงินจะมีค่ามากขึ้นในที่ที่มีเงินน้อย Law of Diminishing Marginal Utility
ใช้ความพยายามอีกนิด หาความรู้ให้มากอีกหน่อย เพื่อจะทำให้เงินที่ท่านบริจาคมีค่าเพิ่มชึ้น
เงินจะมีค่ามากขึ้นในที่ที่มีเงินน้อย Law of Diminishing Marginal Utility
ใช้ความพยายามอีกนิด หาความรู้ให้มากอีกหน่อย เพื่อจะทำให้เงินที่ท่านบริจาคมีค่าเพิ่มชึ้น
-
- Verified User
- โพสต์: 4337
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ปกติบริจาคมูลนิธิอะไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 30
ดังมีในพระบาลีเกี่ยวกับอานิสงค์ของทานประเภทนี้ว่า
" การถวายสังฆทานที่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายวิหารทาน"
ผมไม่เคยได้อ่าน ผมไม่ทราบว่าคำสอนนี้อยู่ในพระไตรปิฎกเล่มใด
" การถวายสังฆทานที่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประธาน แม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการถวายวิหารทาน"
ผมไม่เคยได้อ่าน ผมไม่ทราบว่าคำสอนนี้อยู่ในพระไตรปิฎกเล่มใด