ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
โพสต์ที่ 33
ผมว่า คุณ Plant เข้าสร้างการลงทุนที่มีเป้าหมายเหมือนในตำราทางด้านการเงินคือ เน้นกระจายความเสี่ยงหลายบริษัท
แต่ผมไม่แน่ใจว่ากระจายไปทุกอุตสาหกรรมหรือเปล่า
แต่แนวทางที่สำคัญคือ เน้นที่ลงทุนน้อยตัว และเราเข้าใจกิจการในตัวที่เราเลือกลงน้อยๆตัวเหล่านั้น
ไม่ว่าแนวทางการลงทุนแบบไหน ก็ย่อมตอบโจทย์คนที่สร้าง Port การลงทุนของเขาเอง ว่าต้องการอะไร
น้อยตัวก็ย่อมมีความเสี่ยงเพิ่มมากว่าลงทุนหลายตัว ในเรื่องกระจายความเสี่ยง ทั้งในด้านความผันผวนและขาดทุน
แต่ในเมื่อความเสี่ยงมันมากขึ้น แล้วไซร้ ผลตอบแทนมันก็มากตาม อันนี้ตามตำราที่ใช้งานกัน
ความผันผวนแทนด้วยตัว ซิกม่า
ส่วนผลตอบแทนแทนด้วยตัวผลตอบแทนเฉลี่ยที่ Port การลงทุนนั้นสามารถทำได้
ดังนั้นจึงไม่มีอะไรถูกหรือผิดในเรื่องของการนำเอาไปใช้ปฏิบัติครับ
มันคือ ศาสตร์และศิลปะในการลงทุน
ศาสตร์คือความรู้ความเข้าใจในการลงทุน
ศิลปะคือการปรุงรสการลงทุนให้เหมาะกับความรู้ของเราที่มี
แต่ผมไม่แน่ใจว่ากระจายไปทุกอุตสาหกรรมหรือเปล่า
แต่แนวทางที่สำคัญคือ เน้นที่ลงทุนน้อยตัว และเราเข้าใจกิจการในตัวที่เราเลือกลงน้อยๆตัวเหล่านั้น
ไม่ว่าแนวทางการลงทุนแบบไหน ก็ย่อมตอบโจทย์คนที่สร้าง Port การลงทุนของเขาเอง ว่าต้องการอะไร
น้อยตัวก็ย่อมมีความเสี่ยงเพิ่มมากว่าลงทุนหลายตัว ในเรื่องกระจายความเสี่ยง ทั้งในด้านความผันผวนและขาดทุน
แต่ในเมื่อความเสี่ยงมันมากขึ้น แล้วไซร้ ผลตอบแทนมันก็มากตาม อันนี้ตามตำราที่ใช้งานกัน
ความผันผวนแทนด้วยตัว ซิกม่า
ส่วนผลตอบแทนแทนด้วยตัวผลตอบแทนเฉลี่ยที่ Port การลงทุนนั้นสามารถทำได้
ดังนั้นจึงไม่มีอะไรถูกหรือผิดในเรื่องของการนำเอาไปใช้ปฏิบัติครับ
มันคือ ศาสตร์และศิลปะในการลงทุน
ศาสตร์คือความรู้ความเข้าใจในการลงทุน
ศิลปะคือการปรุงรสการลงทุนให้เหมาะกับความรู้ของเราที่มี
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
โพสต์ที่ 34
ขออนุญาติเตือนเบา ๆ ครับ
การนำพอร์ตมาโชว์ ในบอร์ดสาธารณะ มีทั้งข้อดีและข้อเสียครับ
การนำพอร์ตมาโชว์ ในบอร์ดสาธารณะ มีทั้งข้อดีและข้อเสียครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
โพสต์ที่ 35
ขอบคุณ คุณ "miracel" ที่เข้าใจผมครับ...T-T)miracle เขียน:ผมว่า คุณ Plant เข้าสร้างการลงทุนที่มีเป้าหมายเหมือนในตำราทางด้านการเงินคือ เน้นกระจายความเสี่ยงหลายบริษัท
แต่ผมไม่แน่ใจว่ากระจายไปทุกอุตสาหกรรมหรือเปล่า
แต่แนวทางที่สำคัญคือ เน้นที่ลงทุนน้อยตัว และเราเข้าใจกิจการในตัวที่เราเลือกลงน้อยๆตัวเหล่านั้น
ไม่ว่าแนวทางการลงทุนแบบไหน ก็ย่อมตอบโจทย์คนที่สร้าง Port การลงทุนของเขาเอง ว่าต้องการอะไร
น้อยตัวก็ย่อมมีความเสี่ยงเพิ่มมากว่าลงทุนหลายตัว ในเรื่องกระจายความเสี่ยง ทั้งในด้านความผันผวนและขาดทุน
แต่ในเมื่อความเสี่ยงมันมากขึ้น แล้วไซร้ ผลตอบแทนมันก็มากตาม อันนี้ตามตำราที่ใช้งานกัน
ความผันผวนแทนด้วยตัว ซิกม่า
ส่วนผลตอบแทนแทนด้วยตัวผลตอบแทนเฉลี่ยที่ Port การลงทุนนั้นสามารถทำได้
ดังนั้นจึงไม่มีอะไรถูกหรือผิดในเรื่องของการนำเอาไปใช้ปฏิบัติครับ
มันคือ ศาสตร์และศิลปะในการลงทุน
ศาสตร์คือความรู้ความเข้าใจในการลงทุน
ศิลปะคือการปรุงรสการลงทุนให้เหมาะกับความรู้ของเราที่มี
.....^^)
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
โพสต์ที่ 36
ดังที่คุณ "miracel" บอกไว้ครับ ผมมีเป้าหมายของ Port และตัว Benchmarkvim เขียน:แนะนำว่าลอง plot ผลตอบแทน เทียบกับดัชนี SET และ SET TRI ดูครับ จะได้เห้นว่าผลตอบแทนเราดีหรือไม่ดียังไงเมื่อเทียบกับตลาด
(ใช้ศัพท์ซะหน่อยจะได้ดูดี หุหุ) ที่เป็นของตัวเองไว้เปรียบเทียบครับ
ซึ่งผลจากการประเมินอยู่ในเกณฑ์ที่ผมพอใจเป็นอย่างมากครับ
แต่ในอนาคต ตัวเปรียบเทียบก็คงต้องเป็นดัชนีของตลาด ในแบบที่คุณ "Vim"
แนะนำมาแน่นอนครับ ขอบคุณมากๆครับ...^^)
- vim
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2748
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
โพสต์ที่ 38
ทำเบลอส่วน unrealized gain ที่เป็นตัวเงินด้วยก็ดีนะครับ เพราะไม่อย่างนั้นพอรู้ตัวเงินและพอรู้เป็น % แล้ว จะสามารถคำนวนกลับมาเป็นขนาดของพอร์ทได้Plant เขียน:ขอบคุณ คุณ "canuseeme" ครับ...^^)
ผมตั้งใจจะไม่ให้มองไปที่จำนวนเงินในพอร์ทของผมนะครับ
เอ๊ะ!...หรือว่ารู้กันหมดแล้วหว่า 555+...*0*!!)
Vi IMrovised
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
โพสต์ที่ 39
จริงด้วยครับ ตอนแรกผมลืมคิดไป ขอบคุณ คุณ "Vim" มากๆครับ...^^)vim เขียน:ทำเบลอส่วน unrealized gain ที่เป็นตัวเงินด้วยก็ดีนะครับ เพราะไม่อย่างนั้นพอรู้ตัวเงินและพอรู้เป็น % แล้ว จะสามารถคำนวนกลับมาเป็นขนาดของพอร์ทได้
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
โพสต์ที่ 40
หลังจากกลับไปคิด ทบทวน วิเคราะห์ เกาหัว เกาหู เกาคาง(จะเกาทำไมเนี่ย!!)
ดูแล้ว เห็นว่าผมน่าจะสรุปประเด็นที่ต้องการจะเสนอได้ไม่ตรงเท่าไร ผมจึงขอสรุปแบบ
รวบยอดทั้งหมดใหม่อีกครั้งนะครับ
รูปที่ 1,2,3,4,5
SET 1,565 / 1,468 / 1,553 / 1,606 / 1,545
แสดงให้เห็นถึงตลาดที่วิ่งขึ้น อนาคตที่สดใส แล้วทำให้เราเกิดความโลภ วาดฝัน
ถึงกระทิงที่จะวิ่งขึ้นไปอย่างไม่หยุดยั้ง 55 GO!! (เอ๊ะ! ซาวคุ้นๆ) ทำให้เราเริ่มที่จะ
เสี่ยงมากขึ้น ยอมซื้อหุ้นในราคาที่มี Mos น้อยลง เพราะคิดว่าตลาดยังวิ่งไปได้อีกไกล
สังเกตุได้จากหุ้นที่ผมซื้อมา 300 หุ้น ในรูปที่ 2 ซื้อเข้ามาโดยประเมินราคาหุ้น
ไว้ที่ 26 บาท ซึ่ง Mos บางเฉียบ และในรูปที่ 4 กับ 5 ที่กล้าซื้อหุ้นในลำดับที่ 3
ของพอร์ท โดย Mos แทบไม่มีเหลือแล้ว (ประเมินราคาไว้ที่ 11 บาท) ทำให้เข้าใจ
ตัวเองว่าพอตลาดดูดี ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆตัวมีแต่ข่าวดี ความคาดหวังที่ดีเกินไป
ทำให้ตัวเราเองขาดความระมัดระวังและกล้าที่จะเสี่ยงซื้อหุ้นโดยที่ไม่เผื่อ Mos ไว้เลย
ดูแล้ว เห็นว่าผมน่าจะสรุปประเด็นที่ต้องการจะเสนอได้ไม่ตรงเท่าไร ผมจึงขอสรุปแบบ
รวบยอดทั้งหมดใหม่อีกครั้งนะครับ
รูปที่ 1,2,3,4,5
SET 1,565 / 1,468 / 1,553 / 1,606 / 1,545
แสดงให้เห็นถึงตลาดที่วิ่งขึ้น อนาคตที่สดใส แล้วทำให้เราเกิดความโลภ วาดฝัน
ถึงกระทิงที่จะวิ่งขึ้นไปอย่างไม่หยุดยั้ง 55 GO!! (เอ๊ะ! ซาวคุ้นๆ) ทำให้เราเริ่มที่จะ
เสี่ยงมากขึ้น ยอมซื้อหุ้นในราคาที่มี Mos น้อยลง เพราะคิดว่าตลาดยังวิ่งไปได้อีกไกล
สังเกตุได้จากหุ้นที่ผมซื้อมา 300 หุ้น ในรูปที่ 2 ซื้อเข้ามาโดยประเมินราคาหุ้น
ไว้ที่ 26 บาท ซึ่ง Mos บางเฉียบ และในรูปที่ 4 กับ 5 ที่กล้าซื้อหุ้นในลำดับที่ 3
ของพอร์ท โดย Mos แทบไม่มีเหลือแล้ว (ประเมินราคาไว้ที่ 11 บาท) ทำให้เข้าใจ
ตัวเองว่าพอตลาดดูดี ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆตัวมีแต่ข่าวดี ความคาดหวังที่ดีเกินไป
ทำให้ตัวเราเองขาดความระมัดระวังและกล้าที่จะเสี่ยงซื้อหุ้นโดยที่ไม่เผื่อ Mos ไว้เลย
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
โพสต์ที่ 41
รูปที่ 6,7,8
set 1,452 / 1,354 / 1,266
แสดงให้เห็นถึงการตกลงอย่างรวดเร็วของตลาดที่วิ่งขึ้นมาทีละ 10-20 จุดที่ต้องใช้เวลา
สะสมอยู่หลายๆเดือน แต่บทจะลงๆทีละ 60-70 จุด ใช้เวลาไม่ถึง 1 อาทิตย์ก็สามารถ
ลงมาต่ำเท่ากับตอนที่ก่อนจะวิ่งขึ้นไปได้แล้ว ซึ่งทำให้ผมเห็นความสำคัญของการเลือก
หุ้นที่ดี แข็งแกร่งและมี Mos ที่มากพอที่จะถือผ่านวิกฤตต่างๆไปให้ได้ ซึ่งบทเรียนใน
ช่วงนี้ผมต้องยอมตัด Cut Loss หุ้นออกไปในตัวที่ประเมินมาไม่ดีพอ และคิดว่าไม่สามารถ
จะผ่านวิกฤตไปได้(ซึ่งในปัจจุบันกลายเป็นธุรกิจตะวันตกดินอยู่ครับ เฮ้อ! โล่งอก รอดไปเรา)
และเลือกถือและซื้อเพิ่มในหุ้นที่วิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนแล้ว ว่าสามารถถือต่อไปได้ แต่ต้อง
ปรับลดCost ของตัวเองลงมาโดยการซื้อถัวเฉลี่ยหุ้นตัวเดิมครับ
set 1,452 / 1,354 / 1,266
แสดงให้เห็นถึงการตกลงอย่างรวดเร็วของตลาดที่วิ่งขึ้นมาทีละ 10-20 จุดที่ต้องใช้เวลา
สะสมอยู่หลายๆเดือน แต่บทจะลงๆทีละ 60-70 จุด ใช้เวลาไม่ถึง 1 อาทิตย์ก็สามารถ
ลงมาต่ำเท่ากับตอนที่ก่อนจะวิ่งขึ้นไปได้แล้ว ซึ่งทำให้ผมเห็นความสำคัญของการเลือก
หุ้นที่ดี แข็งแกร่งและมี Mos ที่มากพอที่จะถือผ่านวิกฤตต่างๆไปให้ได้ ซึ่งบทเรียนใน
ช่วงนี้ผมต้องยอมตัด Cut Loss หุ้นออกไปในตัวที่ประเมินมาไม่ดีพอ และคิดว่าไม่สามารถ
จะผ่านวิกฤตไปได้(ซึ่งในปัจจุบันกลายเป็นธุรกิจตะวันตกดินอยู่ครับ เฮ้อ! โล่งอก รอดไปเรา)
และเลือกถือและซื้อเพิ่มในหุ้นที่วิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนแล้ว ว่าสามารถถือต่อไปได้ แต่ต้อง
ปรับลดCost ของตัวเองลงมาโดยการซื้อถัวเฉลี่ยหุ้นตัวเดิมครับ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
โพสต์ที่ 42
รูปที่ 9,10,11,12
set 1,349 / 1,230 / 1,469 / 1,533
ช่วงนี้ผมอยากแสดงให้เห็นถึงหลักการของ VI ที่เราควรจะกล้าซื้อหุ้นที่เราประเมิน
มาว่าดีแล้ว มีความมั่นใจที่จะถือและมี Mos ที่มากพอ เมื่อราคามันตกลงมา เมื่อเรา
ถือมันผ่านวิกฤตไปได้ ราคาจะกลับมา ดังเช่นในรูป หุ้นในลำดับที่ 2 กับ 3 ของพอร์ท
ผมกล้าที่จะซื้อถัวเฉลี่ยเพิ่มเข้าไปถึงแม้จะติดลบอยู่ถึง 20-30% และถือมาจนสามารถ
จะกลับมาเป็นบวกได้ในที่สุด ซึ่งทุกๆอย่างต้องมีแผนการและเหตุผลรองรับในการเข้าซื้อ
ในราคาและจำนวนต่างๆนะครับ ไม่ใช่นึกจะซื้อเฉลี่ยก็ซื้อเลยโดยไม่ดูว่าซื้อแล้วได้ผลยังไง
แบบนั้นก็จะยิ่งเสี่ยงและพอร์ทจะยิ่งแดงสวยงามมากขึ้นไปอีก 555+....^^)
set 1,349 / 1,230 / 1,469 / 1,533
ช่วงนี้ผมอยากแสดงให้เห็นถึงหลักการของ VI ที่เราควรจะกล้าซื้อหุ้นที่เราประเมิน
มาว่าดีแล้ว มีความมั่นใจที่จะถือและมี Mos ที่มากพอ เมื่อราคามันตกลงมา เมื่อเรา
ถือมันผ่านวิกฤตไปได้ ราคาจะกลับมา ดังเช่นในรูป หุ้นในลำดับที่ 2 กับ 3 ของพอร์ท
ผมกล้าที่จะซื้อถัวเฉลี่ยเพิ่มเข้าไปถึงแม้จะติดลบอยู่ถึง 20-30% และถือมาจนสามารถ
จะกลับมาเป็นบวกได้ในที่สุด ซึ่งทุกๆอย่างต้องมีแผนการและเหตุผลรองรับในการเข้าซื้อ
ในราคาและจำนวนต่างๆนะครับ ไม่ใช่นึกจะซื้อเฉลี่ยก็ซื้อเลยโดยไม่ดูว่าซื้อแล้วได้ผลยังไง
แบบนั้นก็จะยิ่งเสี่ยงและพอร์ทจะยิ่งแดงสวยงามมากขึ้นไปอีก 555+....^^)
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
- canuseeme
- Verified User
- โพสต์: 302
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
โพสต์ที่ 43
ยังงี้นะครับ ผมขอเสนอ
คือ ท่านต้องการบันทึก แบบสาธารณะ
เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดนะครับ
ไม่ต้องเบลอชื่อหุ้น ที่เหลือเบลอให้หมด ยกเว้น บรรทัดสุดท้าย ว่า กำไรหรือขาดทุนกี่เปอร์เซนต์
น่าจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อตัวท่านเอง และ ท่านผู้ชม มากสุด
คือ ท่านต้องการบันทึก แบบสาธารณะ
เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดนะครับ
ไม่ต้องเบลอชื่อหุ้น ที่เหลือเบลอให้หมด ยกเว้น บรรทัดสุดท้าย ว่า กำไรหรือขาดทุนกี่เปอร์เซนต์
น่าจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อตัวท่านเอง และ ท่านผู้ชม มากสุด
ปัญญาไม่มีในผู้ไม่พิจารณา
There is no fate but what we make
https://www.facebook.com/pages/คัดหุ้นซวย
There is no fate but what we make
https://www.facebook.com/pages/คัดหุ้นซวย
- canuseeme
- Verified User
- โพสต์: 302
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
โพสต์ที่ 44
และก็ แสดงสัดส่วน ของการถือหุ้นในพอร์ท ด้วย ยิ่งดีครับcanuseeme เขียน:ยังงี้นะครับ ผมขอเสนอ
คือ ท่านต้องการบันทึก แบบสาธารณะ
เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดนะครับ
ไม่ต้องเบลอชื่อหุ้น ที่เหลือเบลอให้หมด ยกเว้น บรรทัดสุดท้าย ว่า กำไรหรือขาดทุนกี่เปอร์เซนต์
น่าจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อตัวท่านเอง และ ท่านผู้ชม มากสุด
ปัญญาไม่มีในผู้ไม่พิจารณา
There is no fate but what we make
https://www.facebook.com/pages/คัดหุ้นซวย
There is no fate but what we make
https://www.facebook.com/pages/คัดหุ้นซวย
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
โพสต์ที่ 45
ที่ผมต้องโพสพอร์ตให้เห็น เพื่อจะได้ให้เห็นผลกระทบจริงๆที่ตลาดส่งผล
ต่อหุ้นในพอร์ทครับ โดยเฉพาะตอนที่ set ลงหนักๆเวลาที่เราบอกว่ามันลง
ได้เป็น 100 จุดในวันเดียวเลยนะ!!! คนเรามักจะนึกไม่ออกและไม่รู้สึกถึง
ความน่ากลัวนั้นเลยครับ ผมจึงเอาพอร์ตที่แดงจริงๆ ติดลบจริงๆมาให้เห็น
เพื่อให้รู้สึกได้เลยว่าการซื้อหุ้นในช่วงที่ตลาดกำลังบูม แล้วอยู่ดีๆมันล่วง
ลงมา มันมีความน่ากลัวขนาดไหน(หรือผมคิดไปเองคนเดียวหว่า...T-T)
และผมต้องขอบคุณ พี่ๆ เพื่อนๆ ที่ให้ความห่วงใย เป็นห่วง และความหวังดี
ที่แนะนำผมในเรื่องของการปรับพอร์ตโดยเน้นโฟกัสในหุ้นที่ไม่มากตัว
พอที่เราจะติดตามได้ และไม่ซื้อขายบ่อยๆ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีขึ้นครับ
ต้องขอ อธิบายว่า ผมลองมองย้อนกลับไป เหมือนมันเป็นการที่ตนเองค่อยๆ
พัฒนาในการเลือกซื้อหุ้นครับ เริ่มแรกผมเลือกหุ้นที่ให้ปันผลที่ดี เป็นธุรกิจที่
แข็งแกร่ง ก่อตั้งมาอย่างยาวนาน แต่ทำให้พลาดเรื่องการเติบโตของยอดขาย
และกำไร และเรื่องการมองไปที่คุณสมบัติของผู้บริหาร แต่ ณ ตอนนี้ผมกำลัง
ศึกษาเรื่องพวกนี้เพิ่มเติมอยู่ครับ และคิดว่าในอนาคตจะเน้นโฟกัสในหุ้นที่ดี
และเรามั่นใจ บวกกับสร้างผลตอบแทนได้ดีขึ้นแน่นอนครับ(ต้องขอโทษที่มา
เขียนสรุปช้า เพราะกำลังเดินทางจากโรงงานกลับมาบ้านครับ)
อ้อ และเพื่อตอบแทนและขอบคุณ คุณ "miracle" ครับ ผมถือหุ้นอยู่ 9 ตัวครับ
อีกตัวเป็นวอแรนท์ที่ได้ปันผลมาครับ ผมถือหุ้นอสังหา 1 ตัว โรงพยาบาล 1 ตัว
อาหารและของกิน 2 ตัว และกลุ่มอุตสาหกรรม โรงงาน 5 ตัว ครับ
ผมไม่ได้กระจายไปทุกกลุ่มนะครับ แค่นี้ก็ตามข่าวเหนื่อยแล้วครับ 555+....^^)
ต่อหุ้นในพอร์ทครับ โดยเฉพาะตอนที่ set ลงหนักๆเวลาที่เราบอกว่ามันลง
ได้เป็น 100 จุดในวันเดียวเลยนะ!!! คนเรามักจะนึกไม่ออกและไม่รู้สึกถึง
ความน่ากลัวนั้นเลยครับ ผมจึงเอาพอร์ตที่แดงจริงๆ ติดลบจริงๆมาให้เห็น
เพื่อให้รู้สึกได้เลยว่าการซื้อหุ้นในช่วงที่ตลาดกำลังบูม แล้วอยู่ดีๆมันล่วง
ลงมา มันมีความน่ากลัวขนาดไหน(หรือผมคิดไปเองคนเดียวหว่า...T-T)
และผมต้องขอบคุณ พี่ๆ เพื่อนๆ ที่ให้ความห่วงใย เป็นห่วง และความหวังดี
ที่แนะนำผมในเรื่องของการปรับพอร์ตโดยเน้นโฟกัสในหุ้นที่ไม่มากตัว
พอที่เราจะติดตามได้ และไม่ซื้อขายบ่อยๆ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีขึ้นครับ
ต้องขอ อธิบายว่า ผมลองมองย้อนกลับไป เหมือนมันเป็นการที่ตนเองค่อยๆ
พัฒนาในการเลือกซื้อหุ้นครับ เริ่มแรกผมเลือกหุ้นที่ให้ปันผลที่ดี เป็นธุรกิจที่
แข็งแกร่ง ก่อตั้งมาอย่างยาวนาน แต่ทำให้พลาดเรื่องการเติบโตของยอดขาย
และกำไร และเรื่องการมองไปที่คุณสมบัติของผู้บริหาร แต่ ณ ตอนนี้ผมกำลัง
ศึกษาเรื่องพวกนี้เพิ่มเติมอยู่ครับ และคิดว่าในอนาคตจะเน้นโฟกัสในหุ้นที่ดี
และเรามั่นใจ บวกกับสร้างผลตอบแทนได้ดีขึ้นแน่นอนครับ(ต้องขอโทษที่มา
เขียนสรุปช้า เพราะกำลังเดินทางจากโรงงานกลับมาบ้านครับ)
อ้อ และเพื่อตอบแทนและขอบคุณ คุณ "miracle" ครับ ผมถือหุ้นอยู่ 9 ตัวครับ
อีกตัวเป็นวอแรนท์ที่ได้ปันผลมาครับ ผมถือหุ้นอสังหา 1 ตัว โรงพยาบาล 1 ตัว
อาหารและของกิน 2 ตัว และกลุ่มอุตสาหกรรม โรงงาน 5 ตัว ครับ
ผมไม่ได้กระจายไปทุกกลุ่มนะครับ แค่นี้ก็ตามข่าวเหนื่อยแล้วครับ 555+....^^)
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
โพสต์ที่ 46
เอาแบบนั้นเลยเหรอครับ แบบนั้นนี่มันผิดกฎของ TVI เต็มๆเลยหละครับcanuseeme เขียน:และก็ แสดงสัดส่วน ของการถือหุ้นในพอร์ท ด้วย ยิ่งดีครับcanuseeme เขียน:ยังงี้นะครับ ผมขอเสนอ
คือ ท่านต้องการบันทึก แบบสาธารณะ
เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดนะครับ
ไม่ต้องเบลอชื่อหุ้น ที่เหลือเบลอให้หมด ยกเว้น บรรทัดสุดท้าย ว่า กำไรหรือขาดทุนกี่เปอร์เซนต์
น่าจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อตัวท่านเอง และ ท่านผู้ชม มากสุด
แค่นี้นี่ผมก็คิดว่าผมยืนอยู่บนขอบเหวลึกแล้วนะครับนี่ 555+...^^)
ปล. pm มาคุยกันนี่อีกเรื่องนึงนะครับ เพราะถือว่ารู้กันแค่ 2 คน อุ๊บ!!!....
-
- Verified User
- โพสต์: 2545
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
โพสต์ที่ 48
comment ผม
1. หากกระจาย Port ลงทุนมากตัว เราสามารถหา benchmark กับ ดัชนีหุ้นต่าง ๆ ได้ ว่า Port ของเราทำได้ดีกว่าดัชนีหรือไม่ เหมือนที่ ดร.VIM ให้ข้อเสนอแนะไว้ ผมเห็นด้วย
2. การดูความเสี่ยงของ Port การลงทุน ผมชอบดูว่า เมื่อเกิด worse case ขึ้น หุ้นใน Port ลงไปกี่ % และเมื่อตลาด Recover กลับมา upside มันขึ้นไปกี่ %
สิ่งที่ผมอยากเห็นก็คือ เวลาเจอ Downside risk ให้มันลงได้ต่ำ ๆ แต่เวลามันกลับขึ้นไปเป็น Upside ให้มันขึ้นไปสูงกว่าตอนมัน Downside เป็นต้น เช่น ลงไป ขาดทุน 17000 บาทตอนต่ำสุด แต่หากขึ้นไปได้เพียง 17000 บาทสูงสุด คุณภาพของ Port ค่อนข้างต้องระวัง เพราะ downside กับ upside มันใกล้กัน แต่หากลงไป ขาดทุน 17000 บาท แต่พอมันขยับขึ้นไป มันขึ้นไปสูงได้ 68000 บาท หรือ 4 เท่าของขาลงเป็นต้น อันนี้ผมใช้ทฤษฎี convexity ของการลงทุนตราสารหนี้มาช่วยครับ ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ อัตราผลตอบแทนทบต้นจะขึ้นไปได้มากไม่ว่าจะเราจะอยู่ในภาวะตลาดแบบใด เพราะลง จะเสียน้อย แต่เวลาขึ้นจะได้มากเป็นต้น อันนี้ผมได้จาก ดันโด 555 มาเป็นแนวทางครับ การประเมินอาจไม่จำเป็นต้องประเมินเป็นรายวัน อาจประเมินทีละไตรมาส 6 เดือน หรือ 1 ปี ก็ได้ เพราะหากเราไม่ลงทุนอะไรในระยะเวลาที่สั้นเกินไปครับ
3. ไม่มีทฤษฎีใดที่บอกว่ากระจายการลงทุนมากผลตอบแทนจะต่ำการลงทุนน้อยตัว ยกตัวอย่าง Port อาจารย์ปีเตอร์ลินซ์ มีการกระจายหุ้นใน Port จำนวนมาก แต่ก็มีอัตราผลตอบแทนทบต้นที่สูง ๆ มาก พอกับ Port ของ ปู่บัฟเฟท ที่มีการกระจายหุ้นน้อยตัว เพราะเน้น Focus หุ้นแต่ละตัวที่สำคัญในสัดส่วนการลงทุนที่ค่อนข้างมากเป็นส่วนใหญ่ และถือครองหุ้นค่อนข้างนาน
ประเด็นสำคัญผมคิดว่า อยู่ที่ Circle of competence มากกว่า เนื้อหาการลงทุน เหนือกว่า แบบแผนที่จำกัดการลงทุน ความยืดหยุ่นการลงทุนของเราจะอยู่ว่าเราเข้าใจธุรกิจที่เราลงทุนมากน้อยเพียงใด
ไม่ว่ารูปแบบใด ๆ ก็ตาม เราควรมีการวางแผนการหาผลตอบแทนของหุ้นตามประเภทของหุ้นต่าง ๆ ว่าควรซื้อเมื่อใด ควรถือยาวเท่าไรด้วยเหตุผลอะไร เพื่อให้ผลตอบแทนเป็นไปตามคาดหวัง และหากไม่เป็นไปตามที่คาด เรามีแผน Exit อย่างไรครับ เป็นต้น
จะลงทุนแบบใด ก็ให้เข้าใจว่าเราลงทุนมาถูกทางหรือไม่ รู้ได้อย่างไร ประเมินได้อย่างไรว่าถูกทางแล้วโดยไม่ Bias และสุดท้ายลงทุนแต่ละครั้งเรามีความสุขในการลงทุนแบบนั้น ๆ ที่ได้เห็นธูรกิจที่เราลงทุนเติบโต จ่ายปันผลให้กับเรา และ Port ของเราเติบโตตามความคาดหวังมากน้อยเพียงใดครับ พยายามวัดความก้าวหน้ากับตัวเราเองว่าเราได้พัฒนาการลงทุนมากน้อยเพียงใดครับ และเรามีความสุขยิ่ง ๆ จากการลงทุนทุกปีหรือไม่ ต้องสร้างความสมดุลย์ของเป้าหมายการลงทุน กับ ความสุขทุก ๆ การลงทุนที่เราได้รับครับ
1. หากกระจาย Port ลงทุนมากตัว เราสามารถหา benchmark กับ ดัชนีหุ้นต่าง ๆ ได้ ว่า Port ของเราทำได้ดีกว่าดัชนีหรือไม่ เหมือนที่ ดร.VIM ให้ข้อเสนอแนะไว้ ผมเห็นด้วย
2. การดูความเสี่ยงของ Port การลงทุน ผมชอบดูว่า เมื่อเกิด worse case ขึ้น หุ้นใน Port ลงไปกี่ % และเมื่อตลาด Recover กลับมา upside มันขึ้นไปกี่ %
สิ่งที่ผมอยากเห็นก็คือ เวลาเจอ Downside risk ให้มันลงได้ต่ำ ๆ แต่เวลามันกลับขึ้นไปเป็น Upside ให้มันขึ้นไปสูงกว่าตอนมัน Downside เป็นต้น เช่น ลงไป ขาดทุน 17000 บาทตอนต่ำสุด แต่หากขึ้นไปได้เพียง 17000 บาทสูงสุด คุณภาพของ Port ค่อนข้างต้องระวัง เพราะ downside กับ upside มันใกล้กัน แต่หากลงไป ขาดทุน 17000 บาท แต่พอมันขยับขึ้นไป มันขึ้นไปสูงได้ 68000 บาท หรือ 4 เท่าของขาลงเป็นต้น อันนี้ผมใช้ทฤษฎี convexity ของการลงทุนตราสารหนี้มาช่วยครับ ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ อัตราผลตอบแทนทบต้นจะขึ้นไปได้มากไม่ว่าจะเราจะอยู่ในภาวะตลาดแบบใด เพราะลง จะเสียน้อย แต่เวลาขึ้นจะได้มากเป็นต้น อันนี้ผมได้จาก ดันโด 555 มาเป็นแนวทางครับ การประเมินอาจไม่จำเป็นต้องประเมินเป็นรายวัน อาจประเมินทีละไตรมาส 6 เดือน หรือ 1 ปี ก็ได้ เพราะหากเราไม่ลงทุนอะไรในระยะเวลาที่สั้นเกินไปครับ
3. ไม่มีทฤษฎีใดที่บอกว่ากระจายการลงทุนมากผลตอบแทนจะต่ำการลงทุนน้อยตัว ยกตัวอย่าง Port อาจารย์ปีเตอร์ลินซ์ มีการกระจายหุ้นใน Port จำนวนมาก แต่ก็มีอัตราผลตอบแทนทบต้นที่สูง ๆ มาก พอกับ Port ของ ปู่บัฟเฟท ที่มีการกระจายหุ้นน้อยตัว เพราะเน้น Focus หุ้นแต่ละตัวที่สำคัญในสัดส่วนการลงทุนที่ค่อนข้างมากเป็นส่วนใหญ่ และถือครองหุ้นค่อนข้างนาน
ประเด็นสำคัญผมคิดว่า อยู่ที่ Circle of competence มากกว่า เนื้อหาการลงทุน เหนือกว่า แบบแผนที่จำกัดการลงทุน ความยืดหยุ่นการลงทุนของเราจะอยู่ว่าเราเข้าใจธุรกิจที่เราลงทุนมากน้อยเพียงใด
ไม่ว่ารูปแบบใด ๆ ก็ตาม เราควรมีการวางแผนการหาผลตอบแทนของหุ้นตามประเภทของหุ้นต่าง ๆ ว่าควรซื้อเมื่อใด ควรถือยาวเท่าไรด้วยเหตุผลอะไร เพื่อให้ผลตอบแทนเป็นไปตามคาดหวัง และหากไม่เป็นไปตามที่คาด เรามีแผน Exit อย่างไรครับ เป็นต้น
จะลงทุนแบบใด ก็ให้เข้าใจว่าเราลงทุนมาถูกทางหรือไม่ รู้ได้อย่างไร ประเมินได้อย่างไรว่าถูกทางแล้วโดยไม่ Bias และสุดท้ายลงทุนแต่ละครั้งเรามีความสุขในการลงทุนแบบนั้น ๆ ที่ได้เห็นธูรกิจที่เราลงทุนเติบโต จ่ายปันผลให้กับเรา และ Port ของเราเติบโตตามความคาดหวังมากน้อยเพียงใดครับ พยายามวัดความก้าวหน้ากับตัวเราเองว่าเราได้พัฒนาการลงทุนมากน้อยเพียงใดครับ และเรามีความสุขยิ่ง ๆ จากการลงทุนทุกปีหรือไม่ ต้องสร้างความสมดุลย์ของเป้าหมายการลงทุน กับ ความสุขทุก ๆ การลงทุนที่เราได้รับครับ
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
โพสต์ที่ 49
ขอบคุณครับ คุณ "Saran" จริงๆแล้วมันค่อยๆเพิ่มความรู้ในธุรกิจอื่นๆเพิ่มขึ้นหนะครับSaran เขียน:คุณ Plant ขยันมากครับ
ผมลงทุนแนว VI ขนาดถือแค่ 5 ตัว วิเคราะห์ธุรกิจเหนื่อยเลย ><
แต่ตอนนี้ก็เหนื่อยเหมือนกันครับเวลางบออกแล้วต้องมานั่งใส่งบใน Excel
เพื่อวิเคราะห์ในแต่ละไตรมาส...T-T)
.....^^)
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
โพสต์ที่ 50
ขอบคุณ คุณ "chaitorn" มากๆเลยครับ ได้แนวทางเพิ่มขึ้นอีกมากเลยครับ...^^)chaitorn เขียน:comment ผม
1. หากกระจาย Port ลงทุนมากตัว เราสามารถหา benchmark กับ ดัชนีหุ้นต่าง ๆ ได้ ว่า Port ของเราทำได้ดีกว่าดัชนีหรือไม่ เหมือนที่ ดร.VIM ให้ข้อเสนอแนะไว้ ผมเห็นด้วย
2. การดูความเสี่ยงของ Port การลงทุน ผมชอบดูว่า เมื่อเกิด worse case ขึ้น หุ้นใน Port ลงไปกี่ % และเมื่อตลาด Recover กลับมา upside มันขึ้นไปกี่ %
สิ่งที่ผมอยากเห็นก็คือ เวลาเจอ Downside risk ให้มันลงได้ต่ำ ๆ แต่เวลามันกลับขึ้นไปเป็น Upside ให้มันขึ้นไปสูงกว่าตอนมัน Downside เป็นต้น เช่น ลงไป ขาดทุน 17000 บาทตอนต่ำสุด แต่หากขึ้นไปได้เพียง 17000 บาทสูงสุด คุณภาพของ Port ค่อนข้างต้องระวัง เพราะ downside กับ upside มันใกล้กัน แต่หากลงไป ขาดทุน 17000 บาท แต่พอมันขยับขึ้นไป มันขึ้นไปสูงได้ 68000 บาท หรือ 4 เท่าของขาลงเป็นต้น อันนี้ผมใช้ทฤษฎี convexity ของการลงทุนตราสารหนี้มาช่วยครับ ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ อัตราผลตอบแทนทบต้นจะขึ้นไปได้มากไม่ว่าจะเราจะอยู่ในภาวะตลาดแบบใด เพราะลง จะเสียน้อย แต่เวลาขึ้นจะได้มากเป็นต้น อันนี้ผมได้จาก ดันโด 555 มาเป็นแนวทางครับ การประเมินอาจไม่จำเป็นต้องประเมินเป็นรายวัน อาจประเมินทีละไตรมาส 6 เดือน หรือ 1 ปี ก็ได้ เพราะหากเราไม่ลงทุนอะไรในระยะเวลาที่สั้นเกินไปครับ
3. ไม่มีทฤษฎีใดที่บอกว่ากระจายการลงทุนมากผลตอบแทนจะต่ำการลงทุนน้อยตัว ยกตัวอย่าง Port อาจารย์ปีเตอร์ลินซ์ มีการกระจายหุ้นใน Port จำนวนมาก แต่ก็มีอัตราผลตอบแทนทบต้นที่สูง ๆ มาก พอกับ Port ของ ปู่บัฟเฟท ที่มีการกระจายหุ้นน้อยตัว เพราะเน้น Focus หุ้นแต่ละตัวที่สำคัญในสัดส่วนการลงทุนที่ค่อนข้างมากเป็นส่วนใหญ่ และถือครองหุ้นค่อนข้างนาน
ประเด็นสำคัญผมคิดว่า อยู่ที่ Circle of competence มากกว่า เนื้อหาการลงทุน เหนือกว่า แบบแผนที่จำกัดการลงทุน ความยืดหยุ่นการลงทุนของเราจะอยู่ว่าเราเข้าใจธุรกิจที่เราลงทุนมากน้อยเพียงใด
ไม่ว่ารูปแบบใด ๆ ก็ตาม เราควรมีการวางแผนการหาผลตอบแทนของหุ้นตามประเภทของหุ้นต่าง ๆ ว่าควรซื้อเมื่อใด ควรถือยาวเท่าไรด้วยเหตุผลอะไร เพื่อให้ผลตอบแทนเป็นไปตามคาดหวัง และหากไม่เป็นไปตามที่คาด เรามีแผน Exit อย่างไรครับ เป็นต้น
จะลงทุนแบบใด ก็ให้เข้าใจว่าเราลงทุนมาถูกทางหรือไม่ รู้ได้อย่างไร ประเมินได้อย่างไรว่าถูกทางแล้วโดยไม่ Bias และสุดท้ายลงทุนแต่ละครั้งเรามีความสุขในการลงทุนแบบนั้น ๆ ที่ได้เห็นธูรกิจที่เราลงทุนเติบโต จ่ายปันผลให้กับเรา และ Port ของเราเติบโตตามความคาดหวังมากน้อยเพียงใดครับ พยายามวัดความก้าวหน้ากับตัวเราเองว่าเราได้พัฒนาการลงทุนมากน้อยเพียงใดครับ และเรามีความสุขยิ่ง ๆ จากการลงทุนทุกปีหรือไม่ ต้องสร้างความสมดุลย์ของเป้าหมายการลงทุน กับ ความสุขทุก ๆ การลงทุนที่เราได้รับครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 337
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ขออนุญาติสรุปผลการลงทุนในปีที่ผ่านมานะครับ...^^)
โพสต์ที่ 51
ไม่แน่ใจว่า คุณ plant เป็นลูกค้าของ บล.บัวหลวง รึเปล่าครับ อยากขอดูผลตอบแทนเทียบกับตลาด ตรง bualuang itracker
และประวัติการซื้อขายครับ ไม่ต้องเปิดเผยชื่อหุ้น กำไรขาดทุนที่เป็นตัวเงิน volume นะครับ 555
ไม่ทราบว่าเป็นการรบกวนมากไปรึเปล่าครับ
และประวัติการซื้อขายครับ ไม่ต้องเปิดเผยชื่อหุ้น กำไรขาดทุนที่เป็นตัวเงิน volume นะครับ 555
ไม่ทราบว่าเป็นการรบกวนมากไปรึเปล่าครับ