ร้อย8พัน9ความสุขในชีวิตการลงทุน
-
- Verified User
- โพสต์: 111
- ผู้ติดตาม: 0
ร้อย8พัน9ความสุขในชีวิตการลงทุน
โพสต์ที่ 1
นอกเหนือจากผลตอบแทนที่เป็นตัวเงินเช่น 1ล้าน, 10ล้าน, 100ล้าน แล้ว มีอะไรบ้างที่ทำให้เรามีความสุขในชีวิตการลงทุน ขอเชิญทุกท่านช่วยแชร์ประสบการณ์เพื่อเป็นกำลังใจและแรงบันดาลใจใหักันและกันครับ....
ส่วนผมเองเชื่อว่าพลังแห่งความรัก (เช่น รักครอบครัว, รักเรียนรู้..) และความพอเพียง จะนำพาให้เรามีความสุขในการลงทุนครับ
ตามที่ ดร. สมจินต์ ศรไพศาลได้กล่าวไว้ว่า...
"สำหรับผมเวลาที่สำคัญเวลาหนึ่ง คือ เวลาเล่นกับลูกๆ ผมมีความสุขเวลาเห็นพวกเขายิ้ม มีความสุขเวลาได้ยินพวกเขาหัวเราะ มีความสุขที่มีโอกาสสอนพวกเขาจากการเล่นนั้น และบ่อยครั้งก็มีความสุขจากการเรียนรู้ร่วมไปกับพวกเขา..."
"ผมเชื่อในพลังแห่งความรู้ในการจัดทัพลงทุน และผมก็เชื่อว่าพลังที่สำคัญที่สุดในการทำงานทุกสิ่งรวมทั้งการลงทุนให้ได้ดี คือ พลังแห่งความรัก (เช่น รักครอบครัว รักลูกค้า รักลูกความ รักคนไข้ รักผู้ถือหน่วยลงทุน) เป็นการทำงานที่มีความสุข..."
ส่วนผมเองเชื่อว่าพลังแห่งความรัก (เช่น รักครอบครัว, รักเรียนรู้..) และความพอเพียง จะนำพาให้เรามีความสุขในการลงทุนครับ
ตามที่ ดร. สมจินต์ ศรไพศาลได้กล่าวไว้ว่า...
"สำหรับผมเวลาที่สำคัญเวลาหนึ่ง คือ เวลาเล่นกับลูกๆ ผมมีความสุขเวลาเห็นพวกเขายิ้ม มีความสุขเวลาได้ยินพวกเขาหัวเราะ มีความสุขที่มีโอกาสสอนพวกเขาจากการเล่นนั้น และบ่อยครั้งก็มีความสุขจากการเรียนรู้ร่วมไปกับพวกเขา..."
"ผมเชื่อในพลังแห่งความรู้ในการจัดทัพลงทุน และผมก็เชื่อว่าพลังที่สำคัญที่สุดในการทำงานทุกสิ่งรวมทั้งการลงทุนให้ได้ดี คือ พลังแห่งความรัก (เช่น รักครอบครัว รักลูกค้า รักลูกความ รักคนไข้ รักผู้ถือหน่วยลงทุน) เป็นการทำงานที่มีความสุข..."
ปลูกหุ้นกินผล
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: ร้อย8พัน9ความสุขในชีวิตการลงทุน
โพสต์ที่ 3
ความสุขของการลงทุนของผม คือ ความรู้สึกอิ่มเอิบใจเวลาได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่เรารู้สึกว่ามันเจ๋งว่ะ มันเทพอ่ะ รู้สึกดีอ่ะที่เราได้เป็นส่วนหนึ่งในกิจการดีๆ เจ๋งๆ ที่ทำสิ่งดีๆ ที่ทำให้เรารู้สึกดี และทำให้ Stakeholder ของกิจการได้ประโยชน์ และรู้สึกดีๆ จากกิจการเหมือนกับเรา
จริงๆ เรื่องเงินเป็นเรื่องเล็กและก่อให้เกิดความสุขน้อยมากเลยนะ เมื่อเทียบกับความสุขที่เกิดขึ้นได้ทุกขณะ เมื่อเราได้เรียนรู้ ได้มีส่วนร่วมกับสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ทุกขณะ แถมเรื่องเงินโดยส่วนใหญ่แล้วมักเป็นเหตุที่นำมาซึ่งความทุกข์ซะมากกว่า เล่นหุ้นได้กำไรเยอะๆ มา ดีใจอยู่แป๊บนึง เดี๋ยวก็อยากได้มากกว่านี้แล้ว เราดีใจได้กำไรมาเยอะ พอไปเห็นคนอื่นได้มากกว่าเรามากๆ เดี๋ยวก็อิจฉาริษยา กลายเป็นทุกข์อีกแล้ว โดยรวมผมว่าเรื่องเงิน เรื่องกำไรนี่ ทุกข์มากกว่าสุข ยิ่งวางมันได้เท่าไหร่ การลงทุนก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น
ถ้าตัดเรื่องเงินออก และเราได้ลงทุนในกิจการที่เราชอบจริงๆ มี Passion กับมันจริงๆ ทุกครั้งที่เราได้ใช้บริการ ทุกครั้งที่เรารู้ข่าวคราวพัฒนาการของกิจการ ความรู้สึกดีใจ อิ่มเอิบมันเกิดขึ้นทุกครั้ง มันเป็นความรู้สึกที่สุขสุดๆ จากการได้ลงทุนในกิจการที่เราชอบ ที่เรามี Passion... (ซึ่งหลังๆ ผมพยายามหากิจการที่ดี ที่เรามี Passion ลงทุนในราคาที่สมเหตุสมผล ซึ่งถ้าหากิจการอย่างนี้ได้ มันจะเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดี ทั้งกำไรจากการลงทุนและความสุขในการติดตามกิจการ)
ความสุขอีกอย่างที่ผมรู้สึกดีมากๆ คือ ความสุขที่เรารู้สึกว่าเราได้พัฒนาตัวเอง เวลาเราลงทุนแล้วเราผิดพลาด แล้วเราเรียนรู้จากความผิดพลาด ผมว่ามันสนุกมากๆ เลยนะ การที่วันหนึ่งเรารู้ตัวว่า อ้อ... ตอนนั้นเรามี bias อย่างนี้นะ เราเลยพลาดโอกาสนี้ไป เออ... พอเราจัดการกับ bias ตรงนี้ได้ เราเห็นโอกาส เห็นความสว่าง ตรงนี้ก็สนุก... หรือบางทีเราได้เรียนรู้ว่า เออ... มันมีมุมมองอย่างนี้ในการมองธุรกิจนะ มันมีวิธีการประเมินมูลค่าแบบนี้นะ มันมีวิธีแบบใหม่ๆ ที่เราไม่เคยคิดถึงมาก่อน แล้วทำให้เรารู้สึกว่า เฮ้ย... เจ๋งว่ะ... คิดได้ไง... แล้วเราก็เรียนรู้มัน สนุกไปกับมัน อันนี้เป็นความสุขกับการที่ได้ค่อยๆ พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ... ความสุขแบบนี้จะเกิดไม่บ่อยเท่ากับความสุขจากการลงทุนในการกิจการที่เรามี Passion... ความสุขแบบนี้มันจะมาเป็นระยะๆ เมื่อผ่านช่วงเวลาไปช่วงหนึ่ง แล้วเราได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ที่เป็นองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่เรารู้สึกว่า "ก้าวกระโดด" รู้สึกเหมือนกับ Enlighten สว่างแวบ และตื่นเต้นดีใจจนต้องลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้น
ความสุขอีกอย่างหนึ่งของการลงทุนที่ผมรู้สึกดี คือ ความสุขที่เราสามารถแบ่งปันสิ่งดีๆ ที่เรามีให้กับคนอื่นได้ การลงทุนเป็นกิจกรรมของสัตว์สังคมระดับหนึ่ง นักลงทุนที่มุ่งมั่นโดยส่วนใหญ่จะชอบที่จะแลกเปลี่ยนแนวคิด มุมมอง ไอเดีย เพื่อที่จะช่วยกันหาโอกาสในการลงทุนที่ดี เป็นสังคมแห่งการแบ่งปัน ที่แบ่งปันแล้วได้ประโยชน์ทั้งกับตัวเองและผู้อื่น ถึงแม้ผมจะเป็นคนที่มีวิถีชีวิตที่ยุ่งกับคนอื่นน้อย แต่ก็ยังต้องข้องเกี่ยวเข้าสังคมบ้างระดับหนึ่ง การที่ได้มีโอกาสแบ่งปันสิ่งที่เราคิดว่า นี่แหละ สิ่งที่ดีที่สุดที่เราทำประโยชน์ให้กับคนอื่นได้ พยายามเตรียมสิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้ แล้วแบ่งปันมันออกไป เราก็รู้สึกดีกับตัวเองว่า ทุกครั้งที่เราทำ เราทำอย่างเต็มกำลัง เต็มความสามารถ ในการที่จะแชร์สิ่งดีๆ ให้กับคนอื่น
คนอื่นจะเห็นค่ามันหรือไม่ จะชอบหรือไม่ชอบผมก็ไม่รู้ จะชื่นชมหรือนินทาก็ไม่อาจทราบได้... ผมรู้แต่ว่า ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้แบ่งปันสิ่งที่ดีที่สุดอย่างเต็มความสามารถ และหวังว่าผู้ที่ได้รับสิ่งๆ นั้นจะได้ประโยชน์จากมัน... ความสุขประเภทนี้เป็นความสุขที่เกิดขึ้นได้จากการเสียสละประโยชน์ส่วนตัว ทั้งเวลา กำลัง ความสามารถ ทุ่มเทมันในการทำให้คนอื่นอย่างเต็มที่... และผลลัพธ์ของมันก็จะมีความสุขเย็นๆ อิ่มใจ ทุกครั้งที่เราย้อนคิดกลับไปว่าเราได้พยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว
เหล่านี้ คือ ความสุขหลักๆ ที่ผมได้จากการลงทุน เป็นความสุขที่มีค่ามากกว่ากำไรเล็กๆ น้อยๆ ที่หวังแค่จะเอามาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เพื่อใช้เลี้ยงตัวเองและครอบครัว
จริงๆ เรื่องเงินเป็นเรื่องเล็กและก่อให้เกิดความสุขน้อยมากเลยนะ เมื่อเทียบกับความสุขที่เกิดขึ้นได้ทุกขณะ เมื่อเราได้เรียนรู้ ได้มีส่วนร่วมกับสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ทุกขณะ แถมเรื่องเงินโดยส่วนใหญ่แล้วมักเป็นเหตุที่นำมาซึ่งความทุกข์ซะมากกว่า เล่นหุ้นได้กำไรเยอะๆ มา ดีใจอยู่แป๊บนึง เดี๋ยวก็อยากได้มากกว่านี้แล้ว เราดีใจได้กำไรมาเยอะ พอไปเห็นคนอื่นได้มากกว่าเรามากๆ เดี๋ยวก็อิจฉาริษยา กลายเป็นทุกข์อีกแล้ว โดยรวมผมว่าเรื่องเงิน เรื่องกำไรนี่ ทุกข์มากกว่าสุข ยิ่งวางมันได้เท่าไหร่ การลงทุนก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น
ถ้าตัดเรื่องเงินออก และเราได้ลงทุนในกิจการที่เราชอบจริงๆ มี Passion กับมันจริงๆ ทุกครั้งที่เราได้ใช้บริการ ทุกครั้งที่เรารู้ข่าวคราวพัฒนาการของกิจการ ความรู้สึกดีใจ อิ่มเอิบมันเกิดขึ้นทุกครั้ง มันเป็นความรู้สึกที่สุขสุดๆ จากการได้ลงทุนในกิจการที่เราชอบ ที่เรามี Passion... (ซึ่งหลังๆ ผมพยายามหากิจการที่ดี ที่เรามี Passion ลงทุนในราคาที่สมเหตุสมผล ซึ่งถ้าหากิจการอย่างนี้ได้ มันจะเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดี ทั้งกำไรจากการลงทุนและความสุขในการติดตามกิจการ)
ความสุขอีกอย่างที่ผมรู้สึกดีมากๆ คือ ความสุขที่เรารู้สึกว่าเราได้พัฒนาตัวเอง เวลาเราลงทุนแล้วเราผิดพลาด แล้วเราเรียนรู้จากความผิดพลาด ผมว่ามันสนุกมากๆ เลยนะ การที่วันหนึ่งเรารู้ตัวว่า อ้อ... ตอนนั้นเรามี bias อย่างนี้นะ เราเลยพลาดโอกาสนี้ไป เออ... พอเราจัดการกับ bias ตรงนี้ได้ เราเห็นโอกาส เห็นความสว่าง ตรงนี้ก็สนุก... หรือบางทีเราได้เรียนรู้ว่า เออ... มันมีมุมมองอย่างนี้ในการมองธุรกิจนะ มันมีวิธีการประเมินมูลค่าแบบนี้นะ มันมีวิธีแบบใหม่ๆ ที่เราไม่เคยคิดถึงมาก่อน แล้วทำให้เรารู้สึกว่า เฮ้ย... เจ๋งว่ะ... คิดได้ไง... แล้วเราก็เรียนรู้มัน สนุกไปกับมัน อันนี้เป็นความสุขกับการที่ได้ค่อยๆ พัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ... ความสุขแบบนี้จะเกิดไม่บ่อยเท่ากับความสุขจากการลงทุนในการกิจการที่เรามี Passion... ความสุขแบบนี้มันจะมาเป็นระยะๆ เมื่อผ่านช่วงเวลาไปช่วงหนึ่ง แล้วเราได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ที่เป็นองค์ความรู้ใหม่ๆ ที่เรารู้สึกว่า "ก้าวกระโดด" รู้สึกเหมือนกับ Enlighten สว่างแวบ และตื่นเต้นดีใจจนต้องลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้น
ความสุขอีกอย่างหนึ่งของการลงทุนที่ผมรู้สึกดี คือ ความสุขที่เราสามารถแบ่งปันสิ่งดีๆ ที่เรามีให้กับคนอื่นได้ การลงทุนเป็นกิจกรรมของสัตว์สังคมระดับหนึ่ง นักลงทุนที่มุ่งมั่นโดยส่วนใหญ่จะชอบที่จะแลกเปลี่ยนแนวคิด มุมมอง ไอเดีย เพื่อที่จะช่วยกันหาโอกาสในการลงทุนที่ดี เป็นสังคมแห่งการแบ่งปัน ที่แบ่งปันแล้วได้ประโยชน์ทั้งกับตัวเองและผู้อื่น ถึงแม้ผมจะเป็นคนที่มีวิถีชีวิตที่ยุ่งกับคนอื่นน้อย แต่ก็ยังต้องข้องเกี่ยวเข้าสังคมบ้างระดับหนึ่ง การที่ได้มีโอกาสแบ่งปันสิ่งที่เราคิดว่า นี่แหละ สิ่งที่ดีที่สุดที่เราทำประโยชน์ให้กับคนอื่นได้ พยายามเตรียมสิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้ แล้วแบ่งปันมันออกไป เราก็รู้สึกดีกับตัวเองว่า ทุกครั้งที่เราทำ เราทำอย่างเต็มกำลัง เต็มความสามารถ ในการที่จะแชร์สิ่งดีๆ ให้กับคนอื่น
คนอื่นจะเห็นค่ามันหรือไม่ จะชอบหรือไม่ชอบผมก็ไม่รู้ จะชื่นชมหรือนินทาก็ไม่อาจทราบได้... ผมรู้แต่ว่า ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้แบ่งปันสิ่งที่ดีที่สุดอย่างเต็มความสามารถ และหวังว่าผู้ที่ได้รับสิ่งๆ นั้นจะได้ประโยชน์จากมัน... ความสุขประเภทนี้เป็นความสุขที่เกิดขึ้นได้จากการเสียสละประโยชน์ส่วนตัว ทั้งเวลา กำลัง ความสามารถ ทุ่มเทมันในการทำให้คนอื่นอย่างเต็มที่... และผลลัพธ์ของมันก็จะมีความสุขเย็นๆ อิ่มใจ ทุกครั้งที่เราย้อนคิดกลับไปว่าเราได้พยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว
เหล่านี้ คือ ความสุขหลักๆ ที่ผมได้จากการลงทุน เป็นความสุขที่มีค่ามากกว่ากำไรเล็กๆ น้อยๆ ที่หวังแค่จะเอามาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เพื่อใช้เลี้ยงตัวเองและครอบครัว
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- Verified User
- โพสต์: 111
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ร้อย8พัน9ความสุขในชีวิตการลงทุน
โพสต์ที่ 4
ขอชื่นชมคุณ picatos แนวคิดท่านดีมากๆ ขอบคุณที่มาแชร์แนวคิดดีๆ ครับ
ปลูกหุ้นกินผล
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
-
- Verified User
- โพสต์: 306
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ร้อย8พัน9ความสุขในชีวิตการลงทุน
โพสต์ที่ 5
บางทีเงินก็ไม่ทำให้ชีวิตมีความสุขได้นะครับ
หาเงินตัวเป็นเกลียว วันหาแต่เงิน เครียด ปวดหัว ใช้ชีวิตอยู่กับความเครียดและกองเงินกองทอง จะไปมีความสุขได้อย่างไร พระที่อยู่ในวัดมีจีวรกับบาตรเพียงใบเดียว ท่านยังบอกว่าท่านมีความสุขมาก
หาเงินตัวเป็นเกลียว วันหาแต่เงิน เครียด ปวดหัว ใช้ชีวิตอยู่กับความเครียดและกองเงินกองทอง จะไปมีความสุขได้อย่างไร พระที่อยู่ในวัดมีจีวรกับบาตรเพียงใบเดียว ท่านยังบอกว่าท่านมีความสุขมาก
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ร้อย8พัน9ความสุขในชีวิตการลงทุน
โพสต์ที่ 7
ความสุขในการลงทุนของผมตอบแบบดูดีหน่อยก็คือชอบที่เวลาเราไปประชุม
ผู้ถือหุ้น ไปเจอผู้บริหาร แล้วก็นั่งฟังและมองอย่างภาคภูมิใจว่า
" แหมะ!! เราเลือกไม่ผิดคนจริงๆ " หุหุ...^^)
ส่วนข้อที่เป็นความสุขส่วนตัว คือ เวลาไปคุยกับคนอื่นก็สามารถพูดได้เต็มปาก ว่า
" ผมลงทุนหุ้นแบบ VI " แล้วก็มีความสุขที่ได้คุยกับคนอื่นเรื่องหุ้นได้ครับ
หากผมไม่ได้ลงทุนหุ้น ก็คงจะคุยกับคนอื่นๆไม่ได้ในเรื่องนี้ คงได้แต่นั่งหงอย
และฟังแบบเงียบๆ...T-T)
อ้อ สุดท้าย คือ มีความสุขทุกครั้งที่ได้ไปเดินดูธุรกิจของหุ้นแต่ละตัว ทั้งที่เราสนใจ
หรือว่าถืออยู่ครับ ตัวที่สนใจก็จะได้ไปหาข้อมูล สอบถามพนักงาน สังเกตุลูกค้าที่ใช้บริการ
และไปส่องดูวิธีการทำงานของเขา ส่วนตัวที่ถืออยู่เวลาไปดูก็รู้สึกภูมิใจแบบเจ้าของ
เวลาเห็นของขายหมด แล้วก็มีของใหม่มาเติม รู้สึกปลื้ม ปิติ ยิ่งนัก (แต่เราไม่ยักจะหยิบ
ซักถุงแฮะ 555+...แป่ว...)
ประมาณนี้ครับ...^^)
ผู้ถือหุ้น ไปเจอผู้บริหาร แล้วก็นั่งฟังและมองอย่างภาคภูมิใจว่า
" แหมะ!! เราเลือกไม่ผิดคนจริงๆ " หุหุ...^^)
ส่วนข้อที่เป็นความสุขส่วนตัว คือ เวลาไปคุยกับคนอื่นก็สามารถพูดได้เต็มปาก ว่า
" ผมลงทุนหุ้นแบบ VI " แล้วก็มีความสุขที่ได้คุยกับคนอื่นเรื่องหุ้นได้ครับ
หากผมไม่ได้ลงทุนหุ้น ก็คงจะคุยกับคนอื่นๆไม่ได้ในเรื่องนี้ คงได้แต่นั่งหงอย
และฟังแบบเงียบๆ...T-T)
อ้อ สุดท้าย คือ มีความสุขทุกครั้งที่ได้ไปเดินดูธุรกิจของหุ้นแต่ละตัว ทั้งที่เราสนใจ
หรือว่าถืออยู่ครับ ตัวที่สนใจก็จะได้ไปหาข้อมูล สอบถามพนักงาน สังเกตุลูกค้าที่ใช้บริการ
และไปส่องดูวิธีการทำงานของเขา ส่วนตัวที่ถืออยู่เวลาไปดูก็รู้สึกภูมิใจแบบเจ้าของ
เวลาเห็นของขายหมด แล้วก็มีของใหม่มาเติม รู้สึกปลื้ม ปิติ ยิ่งนัก (แต่เราไม่ยักจะหยิบ
ซักถุงแฮะ 555+...แป่ว...)
ประมาณนี้ครับ...^^)
-
- Verified User
- โพสต์: 111
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ร้อย8พัน9ความสุขในชีวิตการลงทุน
โพสต์ที่ 8
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับที่ว่า "บางทีเงินก็ไม่ทำให้ชีวิตมีความสุขได้"ทศพร29 เขียน:บางทีเงินก็ไม่ทำให้ชีวิตมีความสุขได้นะครับ
หาเงินตัวเป็นเกลียว วันหาแต่เงิน เครียด ปวดหัว ใช้ชีวิตอยู่กับความเครียดและกองเงินกองทอง จะไปมีความสุขได้อย่างไร พระที่อยู่ในวัดมีจีวรกับบาตรเพียงใบเดียว ท่านยังบอกว่าท่านมีความสุขมาก
ดังคำกล่าวของ Warren Buffett ที่ว่า "เงินไม่อาจซื้อสุขภาพกับความรักได้"
ปลูกหุ้นกินผล
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
-
- Verified User
- โพสต์: 111
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ร้อย8พัน9ความสุขในชีวิตการลงทุน
โพสต์ที่ 9
สั้นๆ แต่ให้นิยามความสุขได้ดีมากๆ เลยครับpakakal เขียน:สุขกาย สุขใจ คือความสุขครับ
ดังที่อาจารย์ดร. นิเวศน์ท่านได้กล่าวไว้ในบทความตอนหนึ่งว่า...
การ “ลงทุน” นั้น ไม่จำเป็นจะต้องเป็นเรื่องของเงินทองแต่เพียงอย่างเดียว เรื่องอื่น ๆ ที่เราสามารถอดหรือเลื่อนออกไปในตอนนี้เพื่อที่จะได้สามารถใช้ได้มากขึ้นหรือดีขึ้นในวันข้างหน้าก็เป็นการลงทุนเหมือนกัน ว่าที่จริงมีเรื่องอื่น ๆ อีกไม่น้อยที่การลงทุนมีความสำคัญไม่แพ้เรื่องของเงินทอง หนึ่งในนั้นก็คือการลงทุนกับ “สุขภาพ” นี่คือการลงทุนในเรื่องของการ “ใช้” ร่างกายและจิตใจในวันนี้อย่าง “ถนอมรักษา” เพื่อที่จะได้สามารถใช้มันได้มากขึ้นและ/หรือดีขึ้นในวันข้างหน้า—เมื่อร่างกายของเราเข้าสู่โหมดเสื่อมโทรมตามอายุของเรา
ปลูกหุ้นกินผล
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
-
- Verified User
- โพสต์: 111
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ร้อย8พัน9ความสุขในชีวิตการลงทุน
โพสต์ที่ 10
ใช่เลยครับ มีความสุขที่ได้ลงทุนแบบ VI ครับPlant เขียน:ความสุขในการลงทุนของผมตอบแบบดูดีหน่อยก็คือชอบที่เวลาเราไปประชุม
ผู้ถือหุ้น ไปเจอผู้บริหาร แล้วก็นั่งฟังและมองอย่างภาคภูมิใจว่า
" แหมะ!! เราเลือกไม่ผิดคนจริงๆ " หุหุ...^^)
ส่วนข้อที่เป็นความสุขส่วนตัว คือ เวลาไปคุยกับคนอื่นก็สามารถพูดได้เต็มปาก ว่า
" ผมลงทุนหุ้นแบบ VI " แล้วก็มีความสุขที่ได้คุยกับคนอื่นเรื่องหุ้นได้ครับ
หากผมไม่ได้ลงทุนหุ้น ก็คงจะคุยกับคนอื่นๆไม่ได้ในเรื่องนี้ คงได้แต่นั่งหงอย
และฟังแบบเงียบๆ...T-T)
อ้อ สุดท้าย คือ มีความสุขทุกครั้งที่ได้ไปเดินดูธุรกิจของหุ้นแต่ละตัว ทั้งที่เราสนใจ
หรือว่าถืออยู่ครับ ตัวที่สนใจก็จะได้ไปหาข้อมูล สอบถามพนักงาน สังเกตุลูกค้าที่ใช้บริการ
และไปส่องดูวิธีการทำงานของเขา ส่วนตัวที่ถืออยู่เวลาไปดูก็รู้สึกภูมิใจแบบเจ้าของ
เวลาเห็นของขายหมด แล้วก็มีของใหม่มาเติม รู้สึกปลื้ม ปิติ ยิ่งนัก (แต่เราไม่ยักจะหยิบ
ซักถุงแฮะ 555+...แป่ว...)
ประมาณนี้ครับ...^^)
ปลูกหุ้นกินผล
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
-
- Verified User
- โพสต์: 111
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ร้อย8พัน9ความสุขในชีวิตการลงทุน
โพสต์ที่ 11
ผมคิดว่าเมื่อเราลงทุนอย่างสบายใจ เราก็จะมีความสุขในชีวิตการลงทุนครับ
ขอนำบทความของอาจารย์ ดร. นิเวศน์ ได้มาฝากเพื่อนๆ ครับ
ขอบพระคุณท่านอาจรย์ครับ
...............................................................................................
ลงทุนอย่างสบายใจ
กุมภาพันธ์ 25, 2012 Posted by ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
การลงทุนในหุ้นนั้น หลาย ๆ คนมักจะรู้สึกเครียดและมีกังวลอยู่ตลอดเวลา เขากลัวว่าจะมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นไม่ว่าจะเกิดในประเทศไทยหรือในโลกนี้ซึ่งจะทำให้หุ้นตกทั้งตลาดและทำให้หุ้นเขาตกลงไปด้วย เขากังวลว่าหุ้นตัวที่เขาถืออยู่อาจจะมีปัญหาหรือมีเหตุการณ์ไม่ดีซึ่งทำให้หุ้นตกลงมาอย่างหนักและทำให้เขาขาดทุนมากมายอย่าง “ไม่คาดฝัน” การลงทุนในหุ้นดูเหมือนว่าจะมี “ต้นทุน” ที่ไม่ใช่ตัวเงินแฝงอยู่นั่นก็คือ ความกังวลและความไม่สบายใจ และนั่นอาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราซื้อ ๆ ขาย ๆ หุ้นบ่อยเพื่อ “ลดความไม่สบายใจ” ในสถานการณ์ที่ “ไม่แน่นอน” แต่นี่มักจะทำให้ผลตอบแทนการลงทุนของเราลดลงในระยะยาว คำถามก็คือ จะทำอย่างไรถึงจะทำให้เราสามารถลงทุนอย่างสบายใจได้?
สูตรการลงทุนอย่างสบายใจของผมก็คือ ข้อแรก จงตั้งความหวังผลตอบแทนระยะยาวจากการลงทุนในหุ้นให้เหมาะสมนั่นก็คือ ผลตอบแทนทบต้นต่อปีเฉลี่ยประมาณ 10% ถ้าเราคิดว่าเรามีความสามารถสูงมาก ก็อาจจะตั้งความหวังได้สูงขึ้น แต่สูงสุดไม่ควรเกิน 15% ต่อปี โดยคำว่าระยะยาวของผมนั้นจะต้องยาวไม่ต่ำกว่า 10 ปีขึ้นไป การตั้งความหวังที่เหมาะสมนั้นจะทำให้เรามีโอกาสบรรลุผลได้ไม่ยากเกินไปซึ่งจะทำให้เราไม่ต้อง “เร่ง” ผลตอบแทนโดยวิธีการต่าง ๆ ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ไม่ต้องเล่น “หุ้นร้อน” หรือ ไม่ต้องใช้มาร์จินในการซื้อขายหุ้น เป็นต้น ซึ่งทำให้เราสามารถลงทุนหุ้นได้แบบ “ชิว ๆ”
ข้อสอง เลือกซื้อหุ้นที่เน้นความปลอดภัยของตัวกิจการเป็นหลัก นี่คือหุ้นที่มีการเปลี่ยนแปลงช้าในด้านของธุรกิจ เป็นกิจการที่ไม่ล้ำสมัยแต่ไม่ล้าสมัย เป็นกิจการที่เป็น “ผู้นำ” มีฐานะทางการเงินดี และถ้าจะให้ดีขึ้นไปอีกก็คือ เป็นกิจการที่เราเองมีโอกาสได้พบเห็นหรือได้ใช้บริการเป็นประจำ
ข้อสาม ต้องมีการกระจายความเสี่ยงในการถือหุ้นอย่างเหมาะสม นั่นก็คือ ถ้ามีเงินตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป ก็ควรต้องมีหุ้นอย่างน้อยประมาณ 5 ตัวโดยที่ตัวใหญ่สุดไม่ควรจะเกิน 30% ของพอร์ต นอกจากนั้น ควรจะถือหุ้นในหลาย ๆ อุตสาหกรรม แต่ถ้ามีเงินลงทุนค่อนข้างมากเช่นเป็น 10 ล้านบาทขึ้นไป หุ้นที่ลงก็อาจจะมากขึ้นไปได้ แต่ก็ต้องไม่มากจนเกินไป เพราะมิฉะนั้นเราก็อาจจะมีหุ้นที่เป็น “เบี้ยหัวแตก” ที่ทำให้เราขาดการเอาใจใส่และทำให้ผลตอบแทนการลงทุนของเราด้อยลงไปได้ โดยทั่วไปแล้ว ผมคิดว่าถ้ามีเงินไม่เกิน 100 ล้านบาท ก็ไม่ควรถือหุ้นเกิน 10-15 ตัว
ข้อสี่ เราควรพยายามตั้งเป็นกฎคร่าว ๆ ว่าในแต่ละปีเราจะมีการซื้อขายหุ้นไม่เกินกี่เปอร์เซ็นต์ของพอร์ตการลงทุน กฎง่าย ๆ ของผมก็คือ ปริมาณการซื้อขายหุ้นของเราในแต่ละปีไม่ควรจะเกิน 2 เท่าของขนาดของพอร์ตของเรา เช่น ถ้าพอร์ตของเราเท่ากับ 1 ล้านบาทในตอนต้นปี เราควรซื้อขายหุ้นในปีนั้นไม่เกิน 2 ล้านบาท นั่นแปลว่า เราจะถือหุ้นแต่ละตัวเป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 1 ปี โดยเฉลี่ย ถ้าเราซื้อขายหุ้นมากกว่านั้นก็แสดงว่าเราอาจจะถือหุ้นสั้นเกินไปและอาจจะหมายความว่าเราเป็น “นักเก็งกำไร” แทนที่จะเป็น “นักลงทุน” และประเด็นของผมก็คือ การเป็นนักเก็งกำไรนั้น ก่อให้เกิดความตึงเครียดสูงกว่านักลงทุนมาก
ข้อห้า อย่าสนใจการขึ้นหรือลงของหุ้นแต่ละตัวมากนัก พยายามมองภาพรวมของพอร์ตหุ้นว่าเติบโตขึ้นหรือลดลง การไปเน้นดูหุ้นแต่ละตัวก่อให้เกิดความเครียดเพราะเราจะพบหุ้นที่มีราคาตกลงไปมากและอาจจะพยายามไปทำอะไรกับมันที่อาจจะไม่ก่อให้เกิดผลดี ที่สำคัญก็คือ อย่าไปดูราคาหุ้นทุกตัวทุกวัน วิธีที่ผมแนะนำก็คือ ทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน เราก็คำนวณดูว่าพอร์ตการลงทุนของเราเป็นเท่าไรโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ซึ่งมีอยู่มากมาย โดยการดูเป็นพอร์ตนี้ เราก็จะเห็นว่าความผันผวนมันน้อยลงเมื่อเทียบกับหุ้นแต่ละตัว และนี่ทำให้เราเครียดน้อยลง และถ้าเราลงทุนเลือกหุ้นได้ถูกต้องโดยเฉลี่ย เราก็ควรจะเห็นพอร์ตของเราโตขึ้นอย่างช้า ๆ และมั่นคงเมื่อเวลาผ่านไป
ข้อหก การที่เราจะทำอะไรกับหุ้นแต่ละตัวนั้น ไม่ควรจะเน้นไปที่ด้านของราคาหุ้นรายวัน สิ่งที่เราควรทำก็คือ ทุกไตรมาศ เราต้องติดตามดูว่าผลประกอบการของบริษัทเป็นอย่างไร มันเป็นไปอย่างที่เราคาดไว้ไหม? เช่น ดีขึ้น ดีขึ้นมาก แย่ลง แย่ลงมาก เพราะอะไร? จากนั้นก็สามารถนำมาตัดสินได้ว่าเราจะทำอะไรกับหุ้น โดยปกติถ้าเราลงทุนหุ้นถูกตัวแล้ว ส่วนใหญ่เราก็มักจะไม่ต้องทำอะไร แต่ในบางกรณีที่เราคาดการณ์ผิด เราก็อาจจะขายทิ้งได้ เช่นเดียวกัน บางครั้งเราก็อาจจะซื้อเพิ่ม โดยวิธีนี้ เราก็ไม่ต้องกังวลเป็นรายวันกับราคาของหุ้นมากนัก
ข้อเจ็ด เมื่อเราได้รับปันผลมา อย่านำเงินไปใช้หรือเอาออกจากพอร์ตถ้าไม่จำเป็น นำปันผลนั้นกลับไปซื้อหุ้นกลับเข้าพอร์ตเพื่อทำพอร์ตให้เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และเป็นหลักการลงทุนแบบทบต้นซึ่งจะทำให้พอร์ตโตเร็วขึ้นแบบทวีคูณ เป้าหมายของเราควรจะตั้งไว้ว่าเราต้องการสร้างพอร์ตนี้เพื่อเป็นเงินเพื่อการเกษียณหรือเป็นเงินมรดกเพื่อลูกหลาน เงินที่เราจะนำไปใช้จ่ายนั้นควรเป็นเงินที่เราทำมาหาได้จากน้ำพักน้ำแรงมากกว่า ถ้าคิดได้แบบนี้ เราก็จะสบายใจว่านี่เป็น “เงินเย็น” ที่จะอยู่กับเราต่อไปอีกนานเราจะเครียดน้อยลง
ข้อแปด ทุกปี เราต้องคำนวณหาผลตอบแทนประจำปีดูว่าเราทำได้เท่าไรเทียบกับผลตอบแทนของตลาดและเทียบกับเป้าหมายระยะยาวของเราซึ่งก็คือ 10-15% ที่เราตั้งไว้ ถ้าเราทำได้ดีกว่าตลาดและดีกว่าเป้า เราก็ควรจะดีใจโดยไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ถ้าเราทำได้แพ้ตลาดแต่ยังทำได้ตามเป้าเราก็ยังควรจะดีใจเพราะในไม่ช้าเป้าหมายระยะยาวของเราก็ไปได้ถึง แต่ถ้าเราแพ้ทั้งตลาดและก็ไม่ได้ตามเป้าส่วนตัวของเรา เราก็อาจจะเสียใจบ้างแต่ก็ควรจะดูต่อไปว่าปันผลที่ได้รับในปีนั้นของเราเพิ่มขึ้นหรือไม่ ถ้ามันยังเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน นั่นก็อาจจะเป็นเครื่องปลอบเราว่าที่จริงการลงทุนของเรานั้นไม่ได้ผิดพลาด มันยังก้าวหน้าไป เพียงแต่ในระยะสั้น ๆ ตลาดหุ้นอาจจะไม่เป็นใจทำให้ราคามันลดลง แต่ในอนาคต มันก็คงจะปรับตัวขึ้นไปได้ไม่ยาก ว่าที่จริง ในระยะยาวจริง ๆ แล้ว ปันผลนั้นถือว่าเป็นเครื่องวัดที่สำคัญที่สุดตัวหนึ่งว่า เราลงทุนได้ถูกต้องหรือเปล่า ถ้าปันผลเพิ่มขึ้นทุกปีในอัตราที่น่าประทับใจ เราก็ไม่มีอะไรต้องวิตกเลย
ทั้งหมดนั้นก็เป็นกลวิธีการลงทุนที่จะทำให้เรามีความสบายใจ ใช้เวลาไม่มาก ไม่เครียด และได้ผลดี โดยเฉพาะสำหรับคนที่มีงานประจำเต็มเวลา การลงทุนแบบนี้เปรียบไปก็จะคล้าย ๆ กับการปลูกต้นไม้ใหญ่ยืนต้นที่เราเฝ้าดูแลมันเติบโตขึ้นช้า ๆ แต่มั่นคง โดยที่เราไม่ต้องเร่งมัน แต่เมื่อถึงวันหนึ่ง เราก็จะได้อาศัยร่มเงาและผลของมันมากินได้ต่อเนื่องยาวนานและเป็นที่พึ่งของเราได้
http://www.thaivi.org/%e0%b8%a5%e0%b8%8 ... %e0%b8%88/
ขอนำบทความของอาจารย์ ดร. นิเวศน์ ได้มาฝากเพื่อนๆ ครับ
ขอบพระคุณท่านอาจรย์ครับ
...............................................................................................
ลงทุนอย่างสบายใจ
กุมภาพันธ์ 25, 2012 Posted by ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
การลงทุนในหุ้นนั้น หลาย ๆ คนมักจะรู้สึกเครียดและมีกังวลอยู่ตลอดเวลา เขากลัวว่าจะมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นไม่ว่าจะเกิดในประเทศไทยหรือในโลกนี้ซึ่งจะทำให้หุ้นตกทั้งตลาดและทำให้หุ้นเขาตกลงไปด้วย เขากังวลว่าหุ้นตัวที่เขาถืออยู่อาจจะมีปัญหาหรือมีเหตุการณ์ไม่ดีซึ่งทำให้หุ้นตกลงมาอย่างหนักและทำให้เขาขาดทุนมากมายอย่าง “ไม่คาดฝัน” การลงทุนในหุ้นดูเหมือนว่าจะมี “ต้นทุน” ที่ไม่ใช่ตัวเงินแฝงอยู่นั่นก็คือ ความกังวลและความไม่สบายใจ และนั่นอาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราซื้อ ๆ ขาย ๆ หุ้นบ่อยเพื่อ “ลดความไม่สบายใจ” ในสถานการณ์ที่ “ไม่แน่นอน” แต่นี่มักจะทำให้ผลตอบแทนการลงทุนของเราลดลงในระยะยาว คำถามก็คือ จะทำอย่างไรถึงจะทำให้เราสามารถลงทุนอย่างสบายใจได้?
สูตรการลงทุนอย่างสบายใจของผมก็คือ ข้อแรก จงตั้งความหวังผลตอบแทนระยะยาวจากการลงทุนในหุ้นให้เหมาะสมนั่นก็คือ ผลตอบแทนทบต้นต่อปีเฉลี่ยประมาณ 10% ถ้าเราคิดว่าเรามีความสามารถสูงมาก ก็อาจจะตั้งความหวังได้สูงขึ้น แต่สูงสุดไม่ควรเกิน 15% ต่อปี โดยคำว่าระยะยาวของผมนั้นจะต้องยาวไม่ต่ำกว่า 10 ปีขึ้นไป การตั้งความหวังที่เหมาะสมนั้นจะทำให้เรามีโอกาสบรรลุผลได้ไม่ยากเกินไปซึ่งจะทำให้เราไม่ต้อง “เร่ง” ผลตอบแทนโดยวิธีการต่าง ๆ ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ไม่ต้องเล่น “หุ้นร้อน” หรือ ไม่ต้องใช้มาร์จินในการซื้อขายหุ้น เป็นต้น ซึ่งทำให้เราสามารถลงทุนหุ้นได้แบบ “ชิว ๆ”
ข้อสอง เลือกซื้อหุ้นที่เน้นความปลอดภัยของตัวกิจการเป็นหลัก นี่คือหุ้นที่มีการเปลี่ยนแปลงช้าในด้านของธุรกิจ เป็นกิจการที่ไม่ล้ำสมัยแต่ไม่ล้าสมัย เป็นกิจการที่เป็น “ผู้นำ” มีฐานะทางการเงินดี และถ้าจะให้ดีขึ้นไปอีกก็คือ เป็นกิจการที่เราเองมีโอกาสได้พบเห็นหรือได้ใช้บริการเป็นประจำ
ข้อสาม ต้องมีการกระจายความเสี่ยงในการถือหุ้นอย่างเหมาะสม นั่นก็คือ ถ้ามีเงินตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป ก็ควรต้องมีหุ้นอย่างน้อยประมาณ 5 ตัวโดยที่ตัวใหญ่สุดไม่ควรจะเกิน 30% ของพอร์ต นอกจากนั้น ควรจะถือหุ้นในหลาย ๆ อุตสาหกรรม แต่ถ้ามีเงินลงทุนค่อนข้างมากเช่นเป็น 10 ล้านบาทขึ้นไป หุ้นที่ลงก็อาจจะมากขึ้นไปได้ แต่ก็ต้องไม่มากจนเกินไป เพราะมิฉะนั้นเราก็อาจจะมีหุ้นที่เป็น “เบี้ยหัวแตก” ที่ทำให้เราขาดการเอาใจใส่และทำให้ผลตอบแทนการลงทุนของเราด้อยลงไปได้ โดยทั่วไปแล้ว ผมคิดว่าถ้ามีเงินไม่เกิน 100 ล้านบาท ก็ไม่ควรถือหุ้นเกิน 10-15 ตัว
ข้อสี่ เราควรพยายามตั้งเป็นกฎคร่าว ๆ ว่าในแต่ละปีเราจะมีการซื้อขายหุ้นไม่เกินกี่เปอร์เซ็นต์ของพอร์ตการลงทุน กฎง่าย ๆ ของผมก็คือ ปริมาณการซื้อขายหุ้นของเราในแต่ละปีไม่ควรจะเกิน 2 เท่าของขนาดของพอร์ตของเรา เช่น ถ้าพอร์ตของเราเท่ากับ 1 ล้านบาทในตอนต้นปี เราควรซื้อขายหุ้นในปีนั้นไม่เกิน 2 ล้านบาท นั่นแปลว่า เราจะถือหุ้นแต่ละตัวเป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 1 ปี โดยเฉลี่ย ถ้าเราซื้อขายหุ้นมากกว่านั้นก็แสดงว่าเราอาจจะถือหุ้นสั้นเกินไปและอาจจะหมายความว่าเราเป็น “นักเก็งกำไร” แทนที่จะเป็น “นักลงทุน” และประเด็นของผมก็คือ การเป็นนักเก็งกำไรนั้น ก่อให้เกิดความตึงเครียดสูงกว่านักลงทุนมาก
ข้อห้า อย่าสนใจการขึ้นหรือลงของหุ้นแต่ละตัวมากนัก พยายามมองภาพรวมของพอร์ตหุ้นว่าเติบโตขึ้นหรือลดลง การไปเน้นดูหุ้นแต่ละตัวก่อให้เกิดความเครียดเพราะเราจะพบหุ้นที่มีราคาตกลงไปมากและอาจจะพยายามไปทำอะไรกับมันที่อาจจะไม่ก่อให้เกิดผลดี ที่สำคัญก็คือ อย่าไปดูราคาหุ้นทุกตัวทุกวัน วิธีที่ผมแนะนำก็คือ ทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน เราก็คำนวณดูว่าพอร์ตการลงทุนของเราเป็นเท่าไรโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ซึ่งมีอยู่มากมาย โดยการดูเป็นพอร์ตนี้ เราก็จะเห็นว่าความผันผวนมันน้อยลงเมื่อเทียบกับหุ้นแต่ละตัว และนี่ทำให้เราเครียดน้อยลง และถ้าเราลงทุนเลือกหุ้นได้ถูกต้องโดยเฉลี่ย เราก็ควรจะเห็นพอร์ตของเราโตขึ้นอย่างช้า ๆ และมั่นคงเมื่อเวลาผ่านไป
ข้อหก การที่เราจะทำอะไรกับหุ้นแต่ละตัวนั้น ไม่ควรจะเน้นไปที่ด้านของราคาหุ้นรายวัน สิ่งที่เราควรทำก็คือ ทุกไตรมาศ เราต้องติดตามดูว่าผลประกอบการของบริษัทเป็นอย่างไร มันเป็นไปอย่างที่เราคาดไว้ไหม? เช่น ดีขึ้น ดีขึ้นมาก แย่ลง แย่ลงมาก เพราะอะไร? จากนั้นก็สามารถนำมาตัดสินได้ว่าเราจะทำอะไรกับหุ้น โดยปกติถ้าเราลงทุนหุ้นถูกตัวแล้ว ส่วนใหญ่เราก็มักจะไม่ต้องทำอะไร แต่ในบางกรณีที่เราคาดการณ์ผิด เราก็อาจจะขายทิ้งได้ เช่นเดียวกัน บางครั้งเราก็อาจจะซื้อเพิ่ม โดยวิธีนี้ เราก็ไม่ต้องกังวลเป็นรายวันกับราคาของหุ้นมากนัก
ข้อเจ็ด เมื่อเราได้รับปันผลมา อย่านำเงินไปใช้หรือเอาออกจากพอร์ตถ้าไม่จำเป็น นำปันผลนั้นกลับไปซื้อหุ้นกลับเข้าพอร์ตเพื่อทำพอร์ตให้เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ และเป็นหลักการลงทุนแบบทบต้นซึ่งจะทำให้พอร์ตโตเร็วขึ้นแบบทวีคูณ เป้าหมายของเราควรจะตั้งไว้ว่าเราต้องการสร้างพอร์ตนี้เพื่อเป็นเงินเพื่อการเกษียณหรือเป็นเงินมรดกเพื่อลูกหลาน เงินที่เราจะนำไปใช้จ่ายนั้นควรเป็นเงินที่เราทำมาหาได้จากน้ำพักน้ำแรงมากกว่า ถ้าคิดได้แบบนี้ เราก็จะสบายใจว่านี่เป็น “เงินเย็น” ที่จะอยู่กับเราต่อไปอีกนานเราจะเครียดน้อยลง
ข้อแปด ทุกปี เราต้องคำนวณหาผลตอบแทนประจำปีดูว่าเราทำได้เท่าไรเทียบกับผลตอบแทนของตลาดและเทียบกับเป้าหมายระยะยาวของเราซึ่งก็คือ 10-15% ที่เราตั้งไว้ ถ้าเราทำได้ดีกว่าตลาดและดีกว่าเป้า เราก็ควรจะดีใจโดยไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับคนอื่น ถ้าเราทำได้แพ้ตลาดแต่ยังทำได้ตามเป้าเราก็ยังควรจะดีใจเพราะในไม่ช้าเป้าหมายระยะยาวของเราก็ไปได้ถึง แต่ถ้าเราแพ้ทั้งตลาดและก็ไม่ได้ตามเป้าส่วนตัวของเรา เราก็อาจจะเสียใจบ้างแต่ก็ควรจะดูต่อไปว่าปันผลที่ได้รับในปีนั้นของเราเพิ่มขึ้นหรือไม่ ถ้ามันยังเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน นั่นก็อาจจะเป็นเครื่องปลอบเราว่าที่จริงการลงทุนของเรานั้นไม่ได้ผิดพลาด มันยังก้าวหน้าไป เพียงแต่ในระยะสั้น ๆ ตลาดหุ้นอาจจะไม่เป็นใจทำให้ราคามันลดลง แต่ในอนาคต มันก็คงจะปรับตัวขึ้นไปได้ไม่ยาก ว่าที่จริง ในระยะยาวจริง ๆ แล้ว ปันผลนั้นถือว่าเป็นเครื่องวัดที่สำคัญที่สุดตัวหนึ่งว่า เราลงทุนได้ถูกต้องหรือเปล่า ถ้าปันผลเพิ่มขึ้นทุกปีในอัตราที่น่าประทับใจ เราก็ไม่มีอะไรต้องวิตกเลย
ทั้งหมดนั้นก็เป็นกลวิธีการลงทุนที่จะทำให้เรามีความสบายใจ ใช้เวลาไม่มาก ไม่เครียด และได้ผลดี โดยเฉพาะสำหรับคนที่มีงานประจำเต็มเวลา การลงทุนแบบนี้เปรียบไปก็จะคล้าย ๆ กับการปลูกต้นไม้ใหญ่ยืนต้นที่เราเฝ้าดูแลมันเติบโตขึ้นช้า ๆ แต่มั่นคง โดยที่เราไม่ต้องเร่งมัน แต่เมื่อถึงวันหนึ่ง เราก็จะได้อาศัยร่มเงาและผลของมันมากินได้ต่อเนื่องยาวนานและเป็นที่พึ่งของเราได้
http://www.thaivi.org/%e0%b8%a5%e0%b8%8 ... %e0%b8%88/
ปลูกหุ้นกินผล
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
- Tibular
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 522
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ร้อย8พัน9ความสุขในชีวิตการลงทุน
โพสต์ที่ 12
การลงทุน นอกจากจะทำให้ผมมีอาชีพในการดำรงชีวิต เลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้แล้ว
ยังทำให้เกิดความรู้สึกอิ่มเอมใจ และภูมิใจเล็กๆ กับการที่เราสามารถยืนหยัดด้วยลำแข้งของตัวเองได้
นอกเหนือจากนั้น
การลงทุน ยังทำให้ผมได้เรียนรู้ ศึกษา ค้นคว้า ศาสตร์แขนงต่างๆ ทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้อง
ทั้งทางตรงและทางอ้อม อย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ทำมาก่อน
การลงทุน ทำให้ผมกระตือรือร้นทุกวันจริงๆครับ เยี่ยม!
ยังทำให้เกิดความรู้สึกอิ่มเอมใจ และภูมิใจเล็กๆ กับการที่เราสามารถยืนหยัดด้วยลำแข้งของตัวเองได้
นอกเหนือจากนั้น
การลงทุน ยังทำให้ผมได้เรียนรู้ ศึกษา ค้นคว้า ศาสตร์แขนงต่างๆ ทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้อง
ทั้งทางตรงและทางอ้อม อย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ทำมาก่อน
การลงทุน ทำให้ผมกระตือรือร้นทุกวันจริงๆครับ เยี่ยม!
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ร้อย8พัน9ความสุขในชีวิตการลงทุน
โพสต์ที่ 13
เมื่อก่อนผมก็เคยคิดว่าการมีเงินเยอะๆมันจะช่วยให้ชีวิตที่เป็นอยู่ในปัจจุบันของผมมีความสุขมากยิ่งขึ้นแต่เอาเข้าจริงผมกลับพบว่า การลงทุนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างพอประมาณกับความต้องการของตน กล่าวคือการลงทุน เป็นการช่วยให้เรามีรายได้เพียงพอที่จะสามารถมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้เป็นปรกติ ไม่ขัดสน และไม่ต้องไปเบียดเบียนใคร ซึ่งก็คือคำที่เราคุ้นหูกันนั่นคือ ให้เงินทำงานแทน
แน่นอน ทางพันไมล์ย่อมเริ่มมาจากก้าวเดียว หากไม่มีการเริ่มต้นก็ยากที่จะพบกับความสำเร็จ ซึ่งก็เท่ากับว่าเรายังคงพอใจในการทำงานกินเดือนกับบริษัทต่อไปตราบเท่าที่เรายังไม่สามารถหาอิสรภาพทางการเงินเจอ การทำงานย่อมนำมาซึ่งความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าชีวิตในการทำงานของเราต้องเป็นทุกข์ตามไปด้วย เพราะเมื่อมีหน้าที่ความรับผิดชอบ เราเองก็ต้องทำมันให้ดีที่สุด ตามภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย หากงานปัจจุบันเราสามารถทำมันได้อย่างดีเยี่ยมเต็มกำลังความสามารถ งานในอนาคตที่เราวางแผนไว้ก็ไม่มีทางที่จะไม่สำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้
สำหรับผมความสุขของการลงทุนถูกหลอมรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันกับการทำงาน ทำให้แม้เหนื่อยหรือหนักแค่ไหน ก็ยังทำให้เราไม่ละความมุ่งมั่นที่จะไปให้ถึงเป้าหมายสุดท้ายที่วางไว้ให้ได้ครับ
ทุกวันนี้ความคิดของผมเปลี่ยน เปลี่ยนจากที่อยากมีเยอะๆ เป็นเพียงแค่อยากมีพอประมาณ พอใช้สำหรับครอบครัว จนสุดท้าย อาจไม่ต้องลงทุนอีกต่อไปครับ และที่สำคัญที่สุดก็คือทุกช่วงเวลาที่เหลืออยู่นี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้า ก็จะไม่มีคำว่าเสียใจครับ…
แน่นอน ทางพันไมล์ย่อมเริ่มมาจากก้าวเดียว หากไม่มีการเริ่มต้นก็ยากที่จะพบกับความสำเร็จ ซึ่งก็เท่ากับว่าเรายังคงพอใจในการทำงานกินเดือนกับบริษัทต่อไปตราบเท่าที่เรายังไม่สามารถหาอิสรภาพทางการเงินเจอ การทำงานย่อมนำมาซึ่งความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าชีวิตในการทำงานของเราต้องเป็นทุกข์ตามไปด้วย เพราะเมื่อมีหน้าที่ความรับผิดชอบ เราเองก็ต้องทำมันให้ดีที่สุด ตามภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย หากงานปัจจุบันเราสามารถทำมันได้อย่างดีเยี่ยมเต็มกำลังความสามารถ งานในอนาคตที่เราวางแผนไว้ก็ไม่มีทางที่จะไม่สำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้
สำหรับผมความสุขของการลงทุนถูกหลอมรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันกับการทำงาน ทำให้แม้เหนื่อยหรือหนักแค่ไหน ก็ยังทำให้เราไม่ละความมุ่งมั่นที่จะไปให้ถึงเป้าหมายสุดท้ายที่วางไว้ให้ได้ครับ
ทุกวันนี้ความคิดของผมเปลี่ยน เปลี่ยนจากที่อยากมีเยอะๆ เป็นเพียงแค่อยากมีพอประมาณ พอใช้สำหรับครอบครัว จนสุดท้าย อาจไม่ต้องลงทุนอีกต่อไปครับ และที่สำคัญที่สุดก็คือทุกช่วงเวลาที่เหลืออยู่นี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้า ก็จะไม่มีคำว่าเสียใจครับ…
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
-
- Verified User
- โพสต์: 111
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ร้อย8พัน9ความสุขในชีวิตการลงทุน
โพสต์ที่ 14
เห็นด้วยครับคุณ Tibular, นอกจากความสุขที่ได้ใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาในการทำงานประจำแล้ว การลงทุนทำให้ผมเองมีความสุขที่ได้มีโอกาสเปิดหู เปิดตา เปิดใจ และเปิดโลกทัศน์ด้านอื่นๆ ของตัวเองจริงๆ ครับTibular เขียน:การลงทุน นอกจากจะทำให้ผมมีอาชีพในการดำรงชีวิต เลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้แล้ว
ยังทำให้เกิดความรู้สึกอิ่มเอมใจ และภูมิใจเล็กๆ กับการที่เราสามารถยืนหยัดด้วยลำแข้งของตัวเองได้
นอกเหนือจากนั้น
การลงทุน ยังทำให้ผมได้เรียนรู้ ศึกษา ค้นคว้า ศาสตร์แขนงต่างๆ ทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้อง
ทั้งทางตรงและทางอ้อม อย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ทำมาก่อน
การลงทุน ทำให้ผมกระตือรือร้นทุกวันจริงๆครับ เยี่ยม!
ปลูกหุ้นกินผล
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
-
- Verified User
- โพสต์: 111
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ร้อย8พัน9ความสุขในชีวิตการลงทุน
โพสต์ที่ 15
ครับคุณ tum_H มีความสุขกับทุกช่วงเวลาของชีวิต จำได้ว่าตอนที่เรียน MBA ท่านอาจารย์เคยสอนไว้ว่าลูกศิษย์ทั้งหลายเอ๋ย ใยเจ้าก้มหน้าก้มตาเที่ยววิ่งหาความสุขกันนักหนา แท้จริงแล้วความสุขอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือเจ้านี้เอง ท่านสอนว่า "ความสุขอยู่ตรงนี้ เวลานี้" เจ้าจงมีความสุขกับทุกช่วงจังหวะชีวิตของเจ้าเถิดลูกศิษย์เอ๋ย....tum_H เขียน:เมื่อก่อนผมก็เคยคิดว่าการมีเงินเยอะๆมันจะช่วยให้ชีวิตที่เป็นอยู่ในปัจจุบันของผมมีความสุขมากยิ่งขึ้นแต่เอาเข้าจริงผมกลับพบว่า การลงทุนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างพอประมาณกับความต้องการของตน กล่าวคือการลงทุน เป็นการช่วยให้เรามีรายได้เพียงพอที่จะสามารถมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้เป็นปรกติ ไม่ขัดสน และไม่ต้องไปเบียดเบียนใคร ซึ่งก็คือคำที่เราคุ้นหูกันนั่นคือ ให้เงินทำงานแทน
แน่นอน ทางพันไมล์ย่อมเริ่มมาจากก้าวเดียว หากไม่มีการเริ่มต้นก็ยากที่จะพบกับความสำเร็จ ซึ่งก็เท่ากับว่าเรายังคงพอใจในการทำงานกินเดือนกับบริษัทต่อไปตราบเท่าที่เรายังไม่สามารถหาอิสรภาพทางการเงินเจอ การทำงานย่อมนำมาซึ่งความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าชีวิตในการทำงานของเราต้องเป็นทุกข์ตามไปด้วย เพราะเมื่อมีหน้าที่ความรับผิดชอบ เราเองก็ต้องทำมันให้ดีที่สุด ตามภาระหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย หากงานปัจจุบันเราสามารถทำมันได้อย่างดีเยี่ยมเต็มกำลังความสามารถ งานในอนาคตที่เราวางแผนไว้ก็ไม่มีทางที่จะไม่สำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้
สำหรับผมความสุขของการลงทุนถูกหลอมรวมเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันกับการทำงาน ทำให้แม้เหนื่อยหรือหนักแค่ไหน ก็ยังทำให้เราไม่ละความมุ่งมั่นที่จะไปให้ถึงเป้าหมายสุดท้ายที่วางไว้ให้ได้ครับ
ทุกวันนี้ความคิดของผมเปลี่ยน เปลี่ยนจากที่อยากมีเยอะๆ เป็นเพียงแค่อยากมีพอประมาณ พอใช้สำหรับครอบครัว จนสุดท้าย อาจไม่ต้องลงทุนอีกต่อไปครับ และที่สำคัญที่สุดก็คือทุกช่วงเวลาที่เหลืออยู่นี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันข้างหน้า ก็จะไม่มีคำว่าเสียใจครับ…
ปลูกหุ้นกินผล
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
-
- Verified User
- โพสต์: 111
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ร้อย8พัน9ความสุขในชีวิตการลงทุน
โพสต์ที่ 16
ลงทุนอย่างมีความสุข
by ธันวา เลาหศิริวงศ์
เป้าหมายในการลงทุนของนักลงทุนแต่ละคนอาจแตกต่างกันไปบ้าง เช่น เพื่อผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากประจำหรืออัตราเงินเฟ้อ เพื่อเป็นแหล่งรายได้สำรองเพิ่มเติมจากรายได้ประจำ เพื่อวางแผนทางการเงินสู่ความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น เพื่ออิสรภาพทางการเงิน หรือเพื่อเหตุผลอื่น แต่โดยรวมนั้น นอกเหนือจากการนำเงินที่หามาได้เพื่อใช้จ่ายกับสิ่งจำเป็นในการดำเนินชีวิตประจำวันและสิ่งอำนวยความสะดวกสบายของตนและครอบครัวอย่างเหมาะสมแล้ว เป้าหมายสูงสุดของทุกคนก็คือ การมี “ความสุข” และได้ทำ “สิ่งที่ตนชอบและรัก” ในการใช้ชีวิตทุกๆ วันจนถึงบั้นปลายชีวิตวัยเกษียณ....
....เพื่อ “การลงทุนอย่างมีความสุข” คำแนะนำของผมก็คือนักลงทุนจำเป็นต้อง “รู้จักและเข้าใจ” ตัวตนของตนเองให้มากที่สุด และเริ่มปฏิบัติตาม 3 ขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้ หนึ่ง จัดสรรเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงที่ตนยอมรับได้อย่างเหมาะสมโดยไม่จำเป็นต้องนำเงินมาลงทุนในตลาดหุ้นทั้งหมด สอง สำหรับการลงทุนในหุ้น ต้องเลือกแนวทาง วิธีการ กลยุทธ์และขบวนการตัดสินใจลงทุนให้เหมาะและสอดคล้องกับแนวทางการใช้ชีวิตโดยไม่ฝืนธรรมชาติของตน และสาม นักลงทุนควรตั้งเป้าหมายที่ท้าทายแต่ไม่สูงและเป็นไปได้ยากเกินไปในการปฏิบัติ และต้องมีความสุขและพอใจเมื่อผลตอบแทนเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้และเห็นพอร์ตการลงทุนของตนเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงนั่นเอง ขอให้ทุกท่านมีความสุขในการลงทุนตลอดไปครับ....
ขอขอบพระคุณ คุณธันวา ครับ
ติดตามฉบับเต็มได้ตามลิงค์
http://www.thaivi.org/%e0%b8%a5%e0%b8%8 ... %e0%b8%82/
by ธันวา เลาหศิริวงศ์
เป้าหมายในการลงทุนของนักลงทุนแต่ละคนอาจแตกต่างกันไปบ้าง เช่น เพื่อผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากประจำหรืออัตราเงินเฟ้อ เพื่อเป็นแหล่งรายได้สำรองเพิ่มเติมจากรายได้ประจำ เพื่อวางแผนทางการเงินสู่ความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น เพื่ออิสรภาพทางการเงิน หรือเพื่อเหตุผลอื่น แต่โดยรวมนั้น นอกเหนือจากการนำเงินที่หามาได้เพื่อใช้จ่ายกับสิ่งจำเป็นในการดำเนินชีวิตประจำวันและสิ่งอำนวยความสะดวกสบายของตนและครอบครัวอย่างเหมาะสมแล้ว เป้าหมายสูงสุดของทุกคนก็คือ การมี “ความสุข” และได้ทำ “สิ่งที่ตนชอบและรัก” ในการใช้ชีวิตทุกๆ วันจนถึงบั้นปลายชีวิตวัยเกษียณ....
....เพื่อ “การลงทุนอย่างมีความสุข” คำแนะนำของผมก็คือนักลงทุนจำเป็นต้อง “รู้จักและเข้าใจ” ตัวตนของตนเองให้มากที่สุด และเริ่มปฏิบัติตาม 3 ขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้ หนึ่ง จัดสรรเงินลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงที่ตนยอมรับได้อย่างเหมาะสมโดยไม่จำเป็นต้องนำเงินมาลงทุนในตลาดหุ้นทั้งหมด สอง สำหรับการลงทุนในหุ้น ต้องเลือกแนวทาง วิธีการ กลยุทธ์และขบวนการตัดสินใจลงทุนให้เหมาะและสอดคล้องกับแนวทางการใช้ชีวิตโดยไม่ฝืนธรรมชาติของตน และสาม นักลงทุนควรตั้งเป้าหมายที่ท้าทายแต่ไม่สูงและเป็นไปได้ยากเกินไปในการปฏิบัติ และต้องมีความสุขและพอใจเมื่อผลตอบแทนเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้และเห็นพอร์ตการลงทุนของตนเพิ่มขึ้นอย่างมั่นคงนั่นเอง ขอให้ทุกท่านมีความสุขในการลงทุนตลอดไปครับ....
ขอขอบพระคุณ คุณธันวา ครับ
ติดตามฉบับเต็มได้ตามลิงค์
http://www.thaivi.org/%e0%b8%a5%e0%b8%8 ... %e0%b8%82/
ปลูกหุ้นกินผล
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
-
- Verified User
- โพสต์: 1219
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ร้อย8พัน9ความสุขในชีวิตการลงทุน
โพสต์ที่ 17
ของผมน่าจะเพราะผมชอบเลยมีความสุขที่ได้ลงทุน
นอกจากเรื่องผลตอบแทน ที่ทำให้เรามีโอกาสได้ใช้ชีวิตอย่างมีทางเลือกแล้ว
ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับการลงทุน ไม่ว่าจะเป็น การอ่านหนังสือ การติดตามธุรกิจที่เราลงทุน
การได้คุยกับเพื่อนๆที่เป็นนักลงทุน การได้เรียนรู้ธุรกิจใหม่ๆที่เราไม่รู้จัก การได้นั่งจินตนาการถึงอนาคตของธุรกิจ
หรือการฝันถึงมูลค่าของพอร์ตและเงินปันผลในอนาคต
คือสิ่งที่เราชอบ มีความสุขและหลงไหลเมื่อได้ทำหรือได้นึกถึงมัน
ตั้งแต่ผมรู้จักการลงทุน ผมรู้สึกว่าชีวิตมีความหมายขึ้น,
รู้สึกดีที่ได้ตื่นขึ้นมาตอนเช้า เพื่อจะได้มาติดตามข่าวสารการลงทุน
ผมว่าการลงทุนคือส่วนหนึ่งของชีวิตผมแล้วแหละครับ
นอกจากเรื่องผลตอบแทน ที่ทำให้เรามีโอกาสได้ใช้ชีวิตอย่างมีทางเลือกแล้ว
ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับการลงทุน ไม่ว่าจะเป็น การอ่านหนังสือ การติดตามธุรกิจที่เราลงทุน
การได้คุยกับเพื่อนๆที่เป็นนักลงทุน การได้เรียนรู้ธุรกิจใหม่ๆที่เราไม่รู้จัก การได้นั่งจินตนาการถึงอนาคตของธุรกิจ
หรือการฝันถึงมูลค่าของพอร์ตและเงินปันผลในอนาคต
คือสิ่งที่เราชอบ มีความสุขและหลงไหลเมื่อได้ทำหรือได้นึกถึงมัน
ตั้งแต่ผมรู้จักการลงทุน ผมรู้สึกว่าชีวิตมีความหมายขึ้น,
รู้สึกดีที่ได้ตื่นขึ้นมาตอนเช้า เพื่อจะได้มาติดตามข่าวสารการลงทุน
ผมว่าการลงทุนคือส่วนหนึ่งของชีวิตผมแล้วแหละครับ
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 2545
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ร้อย8พัน9ความสุขในชีวิตการลงทุน
โพสต์ที่ 18
ผมอ่านเล่มนี้ที่เขาแชร์ประสบการณ์ลงทุนของนักลงทุนที่หลากหลาย อ่านไปก็มีความสุขไปกับเขาปลูกหุ้นกินผล เขียน:นอกเหนือจากผลตอบแทนที่เป็นตัวเงินเช่น 1ล้าน, 10ล้าน, 100ล้าน แล้ว มีอะไรบ้างที่ทำให้เรามีความสุขในชีวิตการลงทุน ขอเชิญทุกท่านช่วยแชร์ประสบการณ์เพื่อเป็นกำลังใจและแรงบันดาลใจใหักันและกันครับ....
ส่วนผมเองเชื่อว่าพลังแห่งความรัก (เช่น รักครอบครัว, รักเรียนรู้..) และความพอเพียง จะนำพาให้เรามีความสุขในการลงทุนครับ
ตามที่ ดร. สมจินต์ ศรไพศาลได้กล่าวไว้ว่า...
"สำหรับผมเวลาที่สำคัญเวลาหนึ่ง คือ เวลาเล่นกับลูกๆ ผมมีความสุขเวลาเห็นพวกเขายิ้ม มีความสุขเวลาได้ยินพวกเขาหัวเราะ มีความสุขที่มีโอกาสสอนพวกเขาจากการเล่นนั้น และบ่อยครั้งก็มีความสุขจากการเรียนรู้ร่วมไปกับพวกเขา..."
"ผมเชื่อในพลังแห่งความรู้ในการจัดทัพลงทุน และผมก็เชื่อว่าพลังที่สำคัญที่สุดในการทำงานทุกสิ่งรวมทั้งการลงทุนให้ได้ดี คือ พลังแห่งความรัก (เช่น รักครอบครัว รักลูกค้า รักลูกความ รักคนไข้ รักผู้ถือหน่วยลงทุน) เป็นการทำงานที่มีความสุข..."
เพราะชีวิตของพวกเขาเปลี่ยนเพราะการลงทุนจริง ๆ และยังสะท้อนไปที่การปรับพฤติกรรมให้รู้จักคุณค่าของค่าเงิน ทำให้พฤติกรรมและทัศนคติการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น ตั้งแต่รู้จักออมเงิน หาความรู้ในการลงทุน เข้าใจธุรกิจที่จะลงทุนแทนการเก็งกำไร ลงทุนมีเหตุผลมากขึ้น ทำการบ้านมากขึ้น และรู้จักความเสี่ยงและบริหารความเสี่ยงเป็นด้วยตัวเองครับ ลองอ่านดูครับ
http://www.set.or.th/yourfirststock/new ... vestor.pdf
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
-
- Verified User
- โพสต์: 111
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ร้อย8พัน9ความสุขในชีวิตการลงทุน
โพสต์ที่ 19
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับคุณ saichon ที่ว่า ทำในสิ่งที่ชอบนั้นทำให้เรามีความสุข และการลงทุนนั้นทำให้เรามีโอกาสได้ใช้ชีวิตอย่างมีทางเลือกมากขึ้นครับsaichon เขียน:ของผมน่าจะเพราะผมชอบเลยมีความสุขที่ได้ลงทุน
นอกจากเรื่องผลตอบแทน ที่ทำให้เรามีโอกาสได้ใช้ชีวิตอย่างมีทางเลือกแล้ว
ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับการลงทุน ไม่ว่าจะเป็น การอ่านหนังสือ การติดตามธุรกิจที่เราลงทุน
การได้คุยกับเพื่อนๆที่เป็นนักลงทุน การได้เรียนรู้ธุรกิจใหม่ๆที่เราไม่รู้จัก การได้นั่งจินตนาการถึงอนาคตของธุรกิจ
หรือการฝันถึงมูลค่าของพอร์ตและเงินปันผลในอนาคต คือสิ่งที่เราชอบ มีความสุขและหลงไหลเมื่อได้ทำหรือได้นึกถึงมัน
ตั้งแต่ผมรู้จักการลงทุน ผมรู้สึกว่าชีวิตมีความหมายขึ้น,รู้สึกดีที่ได้ตื่นขึ้นมาตอนเช้า เพื่อจะได้มาติดตามข่าวสารการลงทุนผมว่าการลงทุนคือส่วนหนึ่งของชีวิตผมแล้วแหละครับ
ปลูกหุ้นกินผล
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
-
- Verified User
- โพสต์: 111
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ร้อย8พัน9ความสุขในชีวิตการลงทุน
โพสต์ที่ 20
ขอบคุณมากครับคุณ chaitorn หลังจากอ่านแล้วดีมากๆ เลยครับchaitorn เขียน:
ผมอ่านเล่มนี้ที่เขาแชร์ประสบการณ์ลงทุนของนักลงทุนที่หลากหลาย อ่านไปก็มีความสุขไปกับเขา
เพราะชีวิตของพวกเขาเปลี่ยนเพราะการลงทุนจริง ๆ และยังสะท้อนไปที่การปรับพฤติกรรมให้รู้จักคุณค่าของค่าเงิน ทำให้พฤติกรรมและทัศนคติการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น มีความสุขมากขึ้น ตั้งแต่รู้จักออมเงิน หาความรู้ในการลงทุน เข้าใจธุรกิจที่จะลงทุนแทนการเก็งกำไร ลงทุนมีเหตุผลมากขึ้น ทำการบ้านมากขึ้น และรู้จักความเสี่ยงและบริหารความเสี่ยงเป็นด้วยตัวเองครับ ลองอ่านดูครับ
http://www.set.or.th/yourfirststock/new ... vestor.pdf
ขอนำแนวคิดแต่ละท่านมาแชร์เพื่อนๆ ครับ
...............................................................
พูนศรี การเจริญกุลวงศ์
“การลงทุนทำให้โลกกว้างขึ้น มีมุมมองกว้างมากขึ้น”
“แนวคิดของเราคือลงทุนไม่ได้หวังรวย แต่การลงทุนเหมือนกับออมเงินส่วนหนึ่ง ทำให้มีเงินใช้ในหลายช่วงชีวิตอย่างมีความสุข”
พฤทธิพงศ์ ลิมาภรณ์วณิชย์
“พอได้รู้จักการลงทุนในทองคำและหุ้น ทำให้รู้เลยว่าทางเลือกการออมเงิน การลงทุนไม่ได้มีแค่ฝากเงินไว้กับแบงก์เท่านั้น”
“ชีวิตของผมมีทางเลือกมากขึ้น ทำให้มีความสุขกับการใช้ชีวิตมากขึ้น”
“สิ่งที่ทำได้นั่นคือ การช่วยเหลือตัวเอง เราหาเงินมาแทบตาย ก็ควรทำให้งอกเงย และอย่าลืมลงทุนให้กับตัวเองด้วยการศึกษาหาความรู้ตลอดเวลา อ่านหนังสือ ฟังสัมมนา ยิ่งไปกว่านั้นการลงทุนไม่จำเป็นต้องรอให้มีเงินมาก มีเงินน้อยก็เริ่มต้นลงทุนได้ เพียงแต่ขอให้มีความรู้และความใส่ใจเท่านั้น
“การลงทุนเป็นเรื่องของคนที่ใส่ใจ และอยากให้เงินงอกเงย”
ชุมพล พิพัฒน์เมฆินทร์
“อย่าโลภเกินความรู้ที่ตัวเองมี หมายความว่า ถ้ายังไม่รู้อะไร ก็อย่าคาดหวังสูงเกินไป
ผมอยากให้คิดคล้ายๆ ว่าเรากำลังจะทำธุรกิจ แต่ไม่รู้ว่าจะทำอะไร แต่กลับทุ่มเงินลงไปหมดหน้าตัก
ถ้าโชคดีก็ประสบความสำเร็จ แต่ถ้าผิดพลาดขึ้นมาคงเจ๊ง”
“เมื่อเป็นเงินที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรง และต้องการลงทุน ต้องศึกษาหาความรู้กระจ่างแจ้ง เหมือนกับก่อนที่จะทำงานต้องเรียนให้จบปริญญาตรีก่อน เช่นเดียวกันถ้าคิดจะลงทุนในตลาดหุ้น แต่ไม่ยอมศึกษาหาความรู้ คุณคิดว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร”
“เป้าหมายของผมคือลงทุนเพื่อชีวิต ไม่ได้ลงทุนเพื่อความมั่งคั่ง”
“ดังนั้นเมื่อคุณมีเป้าหมายแล้วต้องทำตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ อย่างเปลี่ยนใจเด็ดขาด”
มนัสวี พรหมสถาวงศ์
“การจะทำอะไร รวมถึงการลงทุนจะต้องศึกษา หาความรู้ให้ถ่องแท้เสียก่อน”
การดูหุ้น “ไม่ยาก” ถ้ามีหลักการและจุดเริ่มต้นที่ถูกต้อง นั่นคือการศึกษา หาความรู้ หาสไตล์การลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเอง และค่อยๆ เรียนรู้จะทำให้การลงทุนประสบความสำเร็จในระยะยาว
นพ.บันดาล ซื่อตรง
“สไตล์ผมเป็นนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์ ดังนั้นทุกอย่างต้องอธิบายได้ จึงวิเคราะห์หุ้นจากปัจจัยพื้นฐาน
ไม่ดูเทคนิคกราฟที่เน้นการลงทุนเก็งกำไรระยะสั้น แต่ผมจะลงทุนเหมือนเราตั้งบริษัท วิเคราะห์ธุรกิจ อนาคต
ผลตอบแทนใน 5 ปีข้างหน้า”
“การลงทุนทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนค่อนข้างเยอะเหมือนกัน ผมว่าชีวิตผมผมว่าเหมือนถอดแบบจาก Warren Buffet
และ อาจารย์นิเวศน์ หมายถึงการที่มีเงินมากไม่ได้ทำให้เราใช้เงินเพิ่มขึ้น ผมยังใช้จ่ายเหมือนเดิม การมีเงินไม่ได้ทำให้เรา
ใช้ไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไป มีบ้านหลังใหญ่หรือรถคันใหญ่ขึ้น”
“ผมมีอิสรภาพทางการเงิน แต่หน้าที่การงานก็ยังเต็มที่ จะพูดได้ว่าผมสามารถทำงานในสิ่งที่รัก คือ เป็นทั้งหมอและครู”
“คำแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจลงทุนไว้อย่างน่าสนใจว่า ให้เริ่มลงทุนกับตัวเองเป็นสิ่งแรก โดยศึกษาหาความรู้อ่านหนังสือ ฟังสัมมนา สมัครใช้โปรแกรมทดลองลงทุน ซึ่งการลงทุนเหล่านี้จะลงทุนเพียงหลักหมื่นบาทเท่านั้น เมื่อเทียบการลงทุนหลักล้านบาทที่ไม่มีความรู้ใดๆ เพราะเมื่อมีความรู้ถูกต้อง การลงทุนกับการศึกษาให้ผลตอบแทนสูงสุด เมื่อเทียบกับอย่างอื่นแล้ว”
“การลงทุนต้องมีทัศนคติที่ดีและลงทุนระยะยาว ลงทุนผูกพันไปกับบริษัท จะทำให้สุขภาพจิตดี ถ้าลงทุนเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นซื้อขายบ่อยๆ เหมือนที่พูดล้อเล่นกันว่า ซื้อขายหุ้นเพื่อเอาไปซื้อกับข้าว 2-3 พันบาทผมว่าใช้พลังงานชีวิตมากไป ใช้เวลา 3-6ชั่วโมงกับการอยู่หน้าจอ ถ้าเป็นหุ้นเขียวมีความสุข ถ้าเป็นหุ้นแดง ตอนเที่ยงอาจกินข้าวไม่ลง อาจทำให้อายุสั้น ดังนั้นควรสร้างความสมดุลให้ชีวิตมีความสุข”
จุลทรรศน์ จิรานนท์
“การลงทุนทำให้เราคิดเยอะขึ้นอย่างในเวลาที่จะใช้เงิน คือหากเราเอาเงินไปใช้ในสิ่งของฟุ่มเฟือย สมมติจะใช้ซื้อโทรศัพท์ มูลค่าของสิ่งของที่เราซื้อมันมีค่าลดลงทุกวัน แต่หากเอาเงินที่จะไปซื้อโทรศัพท์มาซื้อหุ้นมันก็มีโอกาสที่จะเติบโต นอกจากนี้การลงทุนยังทำให้ต้องดูข่าวเศรษฐกิจมากขึ้น รู้เรื่องรอบตัวมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องที่มีผลกระทบต่อตลาด”
“เรื่องการลงทุนสอนให้เราได้มีความรู้ และยังทำให้จิตใจเราเข้มแข็งในการตัดสินใจ”
ปลูกหุ้นกินผล
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
-
- Verified User
- โพสต์: 15
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ร้อย8พัน9ความสุขในชีวิตการลงทุน
โพสต์ที่ 21
มันยากที่จะอธิบายความสุขออกมาเป็นคำพูดครับ มันเป็นเรื่องที่หัวใจเราบอกว่ามันใช่ ยิ่งทำมันยิ่งหลงรัก ตั้งแต่กระบวนการค้นหา วิเคราะห์ เข้าเป็นหุ้นส่วน ติดตาม ประเมินผล ทุกกิจกรรมมันเป็นความสุข ความท้าทาย มันไม่ใช่เพื่อตัวเงิน เพราะถึงตัวเงินจะเป็น infinity แต่เราก็ไม่ได้ใช้มันอยู่ดี ความเติบโตของพอร์ตเหมือนคะแนนบอกความสำเร็จมากกว่า ความสุขของการลงทุนจึงเป็นความสุขจากการได้ทำในกิจกรรมที่เรารัก และจะยิ่งมีความสุขมากขึ้นเมื่อกิจกรรมลงทุนที่เราทำนั้นมันประสบความสำเร็จด้วยมือของเรา
-
- Verified User
- โพสต์: 332
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ร้อย8พัน9ความสุขในชีวิตการลงทุน
โพสต์ที่ 22
ความสุขจากการได้ทำสิ่งที่อยากทำครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 111
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ร้อย8พัน9ความสุขในชีวิตการลงทุน
โพสต์ที่ 23
ใช่เลยครับ รู้สึกมีความสุขกับวางแผนการเงิน การลงทุน ที่เหมาะสมกับความรู้ความสามารถของตัวเอง ไม่เกินกำลังเกินไปmiracle57 เขียน:มันยากที่จะอธิบายความสุขออกมาเป็นคำพูดครับ มันเป็นเรื่องที่หัวใจเราบอกว่ามันใช่ ยิ่งทำมันยิ่งหลงรัก ตั้งแต่กระบวนการค้นหา วิเคราะห์ เข้าเป็นหุ้นส่วน ติดตาม ประเมินผล ทุกกิจกรรมมันเป็นความสุข ความท้าทาย มันไม่ใช่เพื่อตัวเงิน เพราะถึงตัวเงินจะเป็น infinity แต่เราก็ไม่ได้ใช้มันอยู่ดี ความเติบโตของพอร์ตเหมือนคะแนนบอกความสำเร็จมากกว่า ความสุขของการลงทุนจึงเป็นความสุขจากการได้ทำในกิจกรรมที่เรารัก และจะยิ่งมีความสุขมากขึ้นเมื่อกิจกรรมลงทุนที่เราทำนั้นมันประสบความสำเร็จด้วยมือของเรา
ทำให้เรารู้สึกว่าเป้าหมายที่วางไว้มีความชัดเจน สามารถทำได้ และไม่ไกลเกินเอื้อม ซึ่งเมื่อสามารถทำได้ตามแผนและเป้าหมายที่วางไว้แต่ละช่วงเวลาแล้ว ยิ่งทำให้เรารู้สึกมีความสุขและมีกำลังใจตลอดการเดินทาง และเริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ^_^
ปลูกหุ้นกินผล
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
-
- Verified User
- โพสต์: 111
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ร้อย8พัน9ความสุขในชีวิตการลงทุน
โพสต์ที่ 24
นอกจากมีความสุขกับการทำงานประจำแล้ว ยังมีความสุขที่ได้ลงทุนตามแนวทางของนักลงทุนเน้นคุณค่าครับpullmeunder เขียน:ความสุขจากการได้ทำสิ่งที่อยากทำครับ
ปลูกหุ้นกินผล
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
-
- Verified User
- โพสต์: 111
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ร้อย8พัน9ความสุขในชีวิตการลงทุน
โพสต์ที่ 25
วันนี้ได้มีโอกาสได้อ่านหนังสือ หุ้นเปลี่ยนชีวิตบนเส้นทาง VI ของคุณวีระพงษ์ ธัม
ในบทที่เกี่ยวกับ ความสุขและความทุกข์กับจิตที่ปล่อยวาง คุณวีระพงษ์ได้ให้แง่คิดเอาไว้ว่า...
จิตที่ไม่ยึดมั่นถือมั่น จะดำรงไว้ด้วยสติที่แข็งแรง เราจะทุกข์กับหุ้นน้อยลง ไม่ว่าเราจะขายหมู ซื้อน้อยเกินไป ซื้อเร็ว ซื้อช้า ขายเร็ว ขายช้าเกินไป ดังนั้น
"สุดยอดการลงทุนที่ทำให้เรามีความสุขทุกย่างก้าวนั้นอยู่ที่ จิตที่ปล่อยวาง"
ในบทที่เกี่ยวกับ ความสุขและความทุกข์กับจิตที่ปล่อยวาง คุณวีระพงษ์ได้ให้แง่คิดเอาไว้ว่า...
จิตที่ไม่ยึดมั่นถือมั่น จะดำรงไว้ด้วยสติที่แข็งแรง เราจะทุกข์กับหุ้นน้อยลง ไม่ว่าเราจะขายหมู ซื้อน้อยเกินไป ซื้อเร็ว ซื้อช้า ขายเร็ว ขายช้าเกินไป ดังนั้น
"สุดยอดการลงทุนที่ทำให้เรามีความสุขทุกย่างก้าวนั้นอยู่ที่ จิตที่ปล่อยวาง"
ปลูกหุ้นกินผล
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
-
- Verified User
- โพสต์: 111
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ร้อย8พัน9ความสุขในชีวิตการลงทุน
โพสต์ที่ 27
เป้าหมายการลงทุนของแต่ละคนคงไม่ใช่เพียงเพื่อ "ความมั่งคั่ง" จากพอร์ตการลงทุนที่เติบโตขึ้นอย่างช้าๆ แต่รวมถึงการ "มีเวลา" ที่มีคุณภาพมากขึ้นและได้ "ใช้เวลา" เพื่อทำกิจกรรมที่ตนชอบและมีความสุข คำถามก็คือ เราได้ทำในสิ่งที่ "อยากทำ" ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมามากน้อยเพียงใด หาก "ไม่ได้ทำ" แสดงว่าเรายังไม่ได้จัดสรรเวลาเพื่อ "สุขสันต์วันหยุด" ดีเท่าที่ควร
ขอบคุณหนังสือ สูตร(ไม่)ลับการลงทุน, คุณธันวา เลาหศิริวงศ์
ขอบคุณหนังสือ สูตร(ไม่)ลับการลงทุน, คุณธันวา เลาหศิริวงศ์
ปลูกหุ้นกินผล
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol