รบกวนถามถึงแนวทางการลงทุน
-
- Verified User
- โพสต์: 19
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามถึงแนวทางการลงทุน
โพสต์ที่ 1
สวัสดีครับ ก่อนอื่นแนะนำตัวก่อนผมชื่อเกมครับ อายุ 24 ปีพึ่งจบและทำงานได้ประมาณ 2ปีกว่าครับ ตามชื่อ topic นะครับ คือผมจะอธิบายให้ฟัง ผมศึกษาเรื่องการลงทุนมาประมาณ 2 ปีครับ และก็ได้ลงทุนจริงๆแล้ว ซึ่งระหว่างนั้นผมสับสนเกี่ยวกับแนวทางการลงทุนของผม แนวทางที่เหมาะกับชีวิตประจำวันของผม (ตัดแนวทางการเป็นเดย์เทรดไปได้เลย เพราะผมเป็นพนักงานประจำอยู่ครับ) ซึ่งระหว่างที่ผมศึกษาเรื่องการลงทุน ผมก็หาหนังสืออ่านเกี่ยวกับการลงทุนเน้นคุณค่าค่อนข้างเยอะ จนจับต้นชนปลายไม่ถูก เลยอยากจะถามว่ามีใครเป็นแบบผมบ้าง แล้วถ้าเป็นแบบนี้ผมต้องลงคอร์สเรียนหรือเปล่าครับ หรือต้องห่หนังสืออ่านเพิ่มเติมเอง ออกตัวไว้ก่อนคือพอร์ตผมยังเล็กอยู่ครับ 50,000 ซึ่งผมก็เอาเงินผมไปใส่ในพอร์ตทุกเดือน เดือนละพันครับ เป้าหมายของผมคืออยากให้พอร์ตโต อย่างน้อย เท่าตลาดก็ยังดี ในระยะแรกนะครับ รบกวนพี่ๆช่วยชี้ทางสว่างให้ผมด้วยครับ ขอบคุณครับ
วิธีคิดผ่าน วิธีการมาเอง
-
- Verified User
- โพสต์: 667
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รบกวนถามถึงแนวทางการลงทุน
โพสต์ที่ 2
ผมออกตัวก่อนว่าตัวเองก็ยังไม่เก่งนะครับ จึงไม่รู้ว่าที่ผมจะแนะนำนี่จะช่วย
อะไรคุณ "cc_gardener"ได้บ้างหรือเปล่า สิ่งที่ผมจะเสนอแนะเป็นดังนี้ ครับ
จากที่อ่านรายละเอียดเบื้องต้น ผมแยกเป็น 2 ประเด็น คือ
1)อ่านหนังสือแนว vi มามากแล้ว แต่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ยังไม่รู้ว่าอะไรคือแก่น
อะไรคือกระพี้หรือเปลือก
2)อยากทำให้พอร์ตโตได้ตามเป้าหมาย
จากประเด็นที่ 1 ที่คุณถามว่าควรจะหาหนังสือมาอ่านเพิ่ม หรือลงคอร์สอบรมดี
ผมแนะนำให้ "หาคอร์สเรียน" ดูครับ เพราะสิ่งที่คุณจะได้รับจากคอร์สที่เรียน คือ
(1) คุณจะมีอาจารย์ที่สามารถ ถามคำถามทุกประเด็นที่คุณสงสัยได้ ไม่ว่าจะเป็นคำถาม
จากคอร์สที่เรียน หรือคำถามที่คุณเคยสงสัยจากหนังสือที่เคยอ่าน
(2) คุณจะได้เจอกับเพื่อนร่วมชั้นเดียวที่มีแนวทางการลงทุนแบบ vi เหมือนกัน
แต่อาจจะมีกลยุทธ์ วิธีการ และประสบการณ์ที่ต่างจากที่คุณเคยรู้หรือสัมผัสมา
ซึ่งตรงนี้จะเป็นจุดดีที่เราจะได้เรียนรู้การลงทุนของคนอื่นที่เป็น vi เหมือนกันครับ
แต่!!! ข้อสำคัญที่สุด คือ คุณต้องเลือกว่าจะเรียนกับใคร!!!
คุณต้องหาคอร์สที่ผู้สอนเป็นคนที่รู้จริง ลงทุนจริง และประสบความสำเร็จในการลงทุน
แบบ vi เพราะคุณจะได้ข้อมูลที่แท้จริง ไม่ใช่ลงเรียนกับผู้สอนที่รู้แต่ทฤษฎี ไม่เคยลงทุนจริง
หรือลงทุนแต่ตัวเองยังไม่สำเร็จแล้วมาสอนคนอื่น พวกนี้มันมั่ว!! ครับ...^^)
ส่วนประเด็นที่ 2 เรื่องของพอร์ทโตผมคิดว่าคุณต้องลงลึกในรายละเอียดของวิธีการครับ
เพราะ "การลงทุน คือ แผนการ" เมื่อคุณมีเป้าหมาย แล้วคุณก็มาสร้างวิธีการที่จะไปสู่เป้าหมาย
ของคุณครับ ซึ่งผมคิดว่าหลังจากที่คุณเข้าใจแก่นของ vi แล้ว(ย้ำ!!นะครับ ว่าเข้าใจแก่น ไม่ใช่แค่รู้)
คุณจะพัฒนาแผนการที่คุณวางไว้ได้ดีมากขึ้นครับ...^^)
อะไรคุณ "cc_gardener"ได้บ้างหรือเปล่า สิ่งที่ผมจะเสนอแนะเป็นดังนี้ ครับ
จากที่อ่านรายละเอียดเบื้องต้น ผมแยกเป็น 2 ประเด็น คือ
1)อ่านหนังสือแนว vi มามากแล้ว แต่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ยังไม่รู้ว่าอะไรคือแก่น
อะไรคือกระพี้หรือเปลือก
2)อยากทำให้พอร์ตโตได้ตามเป้าหมาย
จากประเด็นที่ 1 ที่คุณถามว่าควรจะหาหนังสือมาอ่านเพิ่ม หรือลงคอร์สอบรมดี
ผมแนะนำให้ "หาคอร์สเรียน" ดูครับ เพราะสิ่งที่คุณจะได้รับจากคอร์สที่เรียน คือ
(1) คุณจะมีอาจารย์ที่สามารถ ถามคำถามทุกประเด็นที่คุณสงสัยได้ ไม่ว่าจะเป็นคำถาม
จากคอร์สที่เรียน หรือคำถามที่คุณเคยสงสัยจากหนังสือที่เคยอ่าน
(2) คุณจะได้เจอกับเพื่อนร่วมชั้นเดียวที่มีแนวทางการลงทุนแบบ vi เหมือนกัน
แต่อาจจะมีกลยุทธ์ วิธีการ และประสบการณ์ที่ต่างจากที่คุณเคยรู้หรือสัมผัสมา
ซึ่งตรงนี้จะเป็นจุดดีที่เราจะได้เรียนรู้การลงทุนของคนอื่นที่เป็น vi เหมือนกันครับ
แต่!!! ข้อสำคัญที่สุด คือ คุณต้องเลือกว่าจะเรียนกับใคร!!!
คุณต้องหาคอร์สที่ผู้สอนเป็นคนที่รู้จริง ลงทุนจริง และประสบความสำเร็จในการลงทุน
แบบ vi เพราะคุณจะได้ข้อมูลที่แท้จริง ไม่ใช่ลงเรียนกับผู้สอนที่รู้แต่ทฤษฎี ไม่เคยลงทุนจริง
หรือลงทุนแต่ตัวเองยังไม่สำเร็จแล้วมาสอนคนอื่น พวกนี้มันมั่ว!! ครับ...^^)
ส่วนประเด็นที่ 2 เรื่องของพอร์ทโตผมคิดว่าคุณต้องลงลึกในรายละเอียดของวิธีการครับ
เพราะ "การลงทุน คือ แผนการ" เมื่อคุณมีเป้าหมาย แล้วคุณก็มาสร้างวิธีการที่จะไปสู่เป้าหมาย
ของคุณครับ ซึ่งผมคิดว่าหลังจากที่คุณเข้าใจแก่นของ vi แล้ว(ย้ำ!!นะครับ ว่าเข้าใจแก่น ไม่ใช่แค่รู้)
คุณจะพัฒนาแผนการที่คุณวางไว้ได้ดีมากขึ้นครับ...^^)
-
- Verified User
- โพสต์: 19
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รบกวนถามถึงแนวทางการลงทุน
โพสต์ที่ 3
ขอบคุณมากครับคุณ plant ได้แนวคิดดีๆ มากเลยครับ
วิธีคิดผ่าน วิธีการมาเอง
- kissme
- Verified User
- โพสต์: 1237
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รบกวนถามถึงแนวทางการลงทุน
โพสต์ที่ 4
ก่อนอื่นต้องบอกว่าคุณโชคดีมากครับ เริ่มเล่นหุ้นก็จะลงทุนแบบ vi
ตอนอายุเท่าคุณ ผมยังมัวแต่เล่นหุ้นปั่น หลงทางไปหลายปี เสียเวลาชะมัด
มีข้อแนะนำดังนี้ครับ
1. ดูคลิป money talk สัมมนาเซียนๆ vi โดยเฉพาะคลิปอาจารย์นิเวศน์
ดูให้ครบ ผมว่ามีหลาย 100 คลิป ต้องใช้เวลาดูหน่อย เอาให้แก่นมันซึมเข้าหัว
จริงๆ ดีกว่าอ่านหนังสือมากครับ ไม่เบื่อ ตลก ฮาทุกตอน อ.สเน่ห์ฮาจริง
เซียนๆ เค้าย่อมาพูดให้เข้าใจง่ายแต่ลึกซึ้ง
2. อ่านห้องคลังกระทู้คุณค่าให้จบ
อันนี้ทรงคุณค่ายิ่งกว่าหนังสือทุกเล่ม แต่กว่าจะอ่านจบกี่ปีไม่รู้
3. ถ้าอยากรวยอัตโนมัตไม่มีเวลาศึกษาจริงๆ อยากมุ่งมั่นทำงานที่ตัวเองรัก แต่ได้ผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อ
ลงทุนกองทุนอิงดัชนี set50 ครับ แบ่งเงินมาซื้อเฉลี่ยได้ครับ
รูปจาก facebook moneytalk นะครับ เห็นว่ามีประโยชน์เลยขออนุญาติแชร์ครับ
ตอนอายุเท่าคุณ ผมยังมัวแต่เล่นหุ้นปั่น หลงทางไปหลายปี เสียเวลาชะมัด
มีข้อแนะนำดังนี้ครับ
1. ดูคลิป money talk สัมมนาเซียนๆ vi โดยเฉพาะคลิปอาจารย์นิเวศน์
ดูให้ครบ ผมว่ามีหลาย 100 คลิป ต้องใช้เวลาดูหน่อย เอาให้แก่นมันซึมเข้าหัว
จริงๆ ดีกว่าอ่านหนังสือมากครับ ไม่เบื่อ ตลก ฮาทุกตอน อ.สเน่ห์ฮาจริง
เซียนๆ เค้าย่อมาพูดให้เข้าใจง่ายแต่ลึกซึ้ง
2. อ่านห้องคลังกระทู้คุณค่าให้จบ
อันนี้ทรงคุณค่ายิ่งกว่าหนังสือทุกเล่ม แต่กว่าจะอ่านจบกี่ปีไม่รู้
3. ถ้าอยากรวยอัตโนมัตไม่มีเวลาศึกษาจริงๆ อยากมุ่งมั่นทำงานที่ตัวเองรัก แต่ได้ผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อ
ลงทุนกองทุนอิงดัชนี set50 ครับ แบ่งเงินมาซื้อเฉลี่ยได้ครับ
รูปจาก facebook moneytalk นะครับ เห็นว่ามีประโยชน์เลยขออนุญาติแชร์ครับ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
-
- Verified User
- โพสต์: 158
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รบกวนถามถึงแนวทางการลงทุน
โพสต์ที่ 5
สวัสดีคับคุณ cc_gardener อายุใกล้ๆ กับผมเลย(ผมอายุ 25 ปี )
ออกตัวก่อนว่าผมก็เป็นมือใหม่ที่กำลังศึกษาเหมือนกันนะคับ ของผมหลังจากอ่านหนังสือเกี่ยวกับแนวคิดด้าน vi แล้ว สิ่งที่ทำต่อคือ
1. ศึกษาวิธิอ่านงบการเงินเพื่อที่จะได้เข้าใจภาพของบริษัทอย่างถูกต้องแบบที่ควรจะเป็น หนังสือที่แนะนำก็ อ่านงบการเงินเบี้ยงต้น ของ ดร.ภาพร และก็ติดตามบทความความรู้ทางงบการเงิน ของ อ.สรรพงศ์ ลองไปตามอ่านดูครับ อาจารย์โพสให้อ่านแบบไม่มีกั๊กเลย https://www.facebook.com/sanpong.limthamrongkul?fref=ts
2. ศึกษาเกี่ยวกับวิธีในการประเมินมูลค่าหุ้น
ส่วนนี้ผมก็ลงเรียนในคอร์สของอ.สรรพงศ์ (ผมไม่ใช่หน้าม้าของอาจารย์นะ )
ตอนนี้ก็นั่งอ่านรายงานประจำปีของบริษัทที่สนใจไปเรื่อยๆ ตั้งเป้าว่าจะทำความเกี่ยวกับธุรกิจประกันให้ได้คับ
ออกตัวก่อนว่าผมก็เป็นมือใหม่ที่กำลังศึกษาเหมือนกันนะคับ ของผมหลังจากอ่านหนังสือเกี่ยวกับแนวคิดด้าน vi แล้ว สิ่งที่ทำต่อคือ
1. ศึกษาวิธิอ่านงบการเงินเพื่อที่จะได้เข้าใจภาพของบริษัทอย่างถูกต้องแบบที่ควรจะเป็น หนังสือที่แนะนำก็ อ่านงบการเงินเบี้ยงต้น ของ ดร.ภาพร และก็ติดตามบทความความรู้ทางงบการเงิน ของ อ.สรรพงศ์ ลองไปตามอ่านดูครับ อาจารย์โพสให้อ่านแบบไม่มีกั๊กเลย https://www.facebook.com/sanpong.limthamrongkul?fref=ts
2. ศึกษาเกี่ยวกับวิธีในการประเมินมูลค่าหุ้น
ส่วนนี้ผมก็ลงเรียนในคอร์สของอ.สรรพงศ์ (ผมไม่ใช่หน้าม้าของอาจารย์นะ )
ตอนนี้ก็นั่งอ่านรายงานประจำปีของบริษัทที่สนใจไปเรื่อยๆ ตั้งเป้าว่าจะทำความเกี่ยวกับธุรกิจประกันให้ได้คับ
-
- Verified User
- โพสต์: 19
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รบกวนถามถึงแนวทางการลงทุน
โพสต์ที่ 6
ขอบคุณทุกๆคนครับ อย่างน้อยๆตอนนี้ผมก็มีเว็บไซต์ ThaiVI เป็นไกด์ชี้ทางแล้วหละครับ ขอบคุณครับ
วิธีคิดผ่าน วิธีการมาเอง
-
- Verified User
- โพสต์: 68
- ผู้ติดตาม: 0
-
- Verified User
- โพสต์: 184
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รบกวนถามถึงแนวทางการลงทุน
โพสต์ที่ 8
ให้ลองซื้อหุ้น ไม่กี่ตัวดูครับ ไม่ต้องกระจายความเสี่ยง
ให้ซื้อบริษัทที่เราคิดว่า ดีที่สุด สัก 2-3 บริษัท หลังจากนั้นติดตามผล
เมื่อเราซื้อ มันจะได้สัมผัสถึงอารมณ์ และความรู้สึกจริง ความผันผวนในเรื่องของราคาหุ้น
ความรู้สึกที่เป็นเจ้าของในตัวหุ้นนั้นๆ
เมื่อเรารู้สึก ว่าราคาหุ้นเปลี่ยนแปลง มันจะกลับมาคำถามที่ว่า เราเลือกหุ้นที่ดีที่สุดจริงๆหรือ ?
หลักการที่ได้มา ไม่เหมือน และไม่ง่าย เหมือนในหนังสือเลย
บริษัทเราดีในด้านไหน บริษัทจะเป็นอย่างไรในอีก 1 ปี ข้างหน้า 3 ปี ข้างหน้า 5 ปี ข้างหน้า
บริษัทที่เลือก มีปัญหาอะไรหรือป่าว ทำไมกำไรลดลง บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือป่าว
บริษัทมีกำไร แต่มีหนี้เยอะ เพราะบริษัท ขายสินค้าไม่ได้ เงินสดที่มีจมไปกับลูกหนี้การค้า สินค้าคงคลัง
เจอคู่แข่งรายใหม่ บริษัทไม่ได้เป็นผู้นำการตลาดอย่างแท้จริง บริษัทสูญเสียตลาดทั้งหมด หรือบริษัทเราจริงๆแล้ว เป็นบริษัทขายสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งไม่มีบริษัทไหนดีกว่าบริษัทไหนเลย อย่างแท้จริง
กระบวนการ ในการลงทุนนั้น ต้องใช้ ความรู้ และประสบการณ์ ควบคู่กันไป
ระยะเวลา ในการเรียนรู้ ทั้งถูกบ้าง ผิดบ้าง จะผนวกรวมเป็นแนวทางที่ถูกต้อง
จงเริ่มต้นลงทุนจริง เรียนรู้จากความผิดพลาด
ตลาดหุ้น ไม่เคยให้อะไร จากคนที่คิดเพียงอย่างเดียว แต่ตลาดหุ้นจะให้ทุกอย่าง สำหรับคนที่ลงมือทำอย่างจริงจัง
ให้ซื้อบริษัทที่เราคิดว่า ดีที่สุด สัก 2-3 บริษัท หลังจากนั้นติดตามผล
เมื่อเราซื้อ มันจะได้สัมผัสถึงอารมณ์ และความรู้สึกจริง ความผันผวนในเรื่องของราคาหุ้น
ความรู้สึกที่เป็นเจ้าของในตัวหุ้นนั้นๆ
เมื่อเรารู้สึก ว่าราคาหุ้นเปลี่ยนแปลง มันจะกลับมาคำถามที่ว่า เราเลือกหุ้นที่ดีที่สุดจริงๆหรือ ?
หลักการที่ได้มา ไม่เหมือน และไม่ง่าย เหมือนในหนังสือเลย
บริษัทเราดีในด้านไหน บริษัทจะเป็นอย่างไรในอีก 1 ปี ข้างหน้า 3 ปี ข้างหน้า 5 ปี ข้างหน้า
บริษัทที่เลือก มีปัญหาอะไรหรือป่าว ทำไมกำไรลดลง บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือป่าว
บริษัทมีกำไร แต่มีหนี้เยอะ เพราะบริษัท ขายสินค้าไม่ได้ เงินสดที่มีจมไปกับลูกหนี้การค้า สินค้าคงคลัง
เจอคู่แข่งรายใหม่ บริษัทไม่ได้เป็นผู้นำการตลาดอย่างแท้จริง บริษัทสูญเสียตลาดทั้งหมด หรือบริษัทเราจริงๆแล้ว เป็นบริษัทขายสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งไม่มีบริษัทไหนดีกว่าบริษัทไหนเลย อย่างแท้จริง
กระบวนการ ในการลงทุนนั้น ต้องใช้ ความรู้ และประสบการณ์ ควบคู่กันไป
ระยะเวลา ในการเรียนรู้ ทั้งถูกบ้าง ผิดบ้าง จะผนวกรวมเป็นแนวทางที่ถูกต้อง
จงเริ่มต้นลงทุนจริง เรียนรู้จากความผิดพลาด
ตลาดหุ้น ไม่เคยให้อะไร จากคนที่คิดเพียงอย่างเดียว แต่ตลาดหุ้นจะให้ทุกอย่าง สำหรับคนที่ลงมือทำอย่างจริงจัง
“ กำไรเมื่อซื้อ ไม่ใช่เมื่อขาย ”
Cr.Richdad
Cr.Richdad
-
- Verified User
- โพสต์: 86
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รบกวนถามถึงแนวทางการลงทุน
โพสต์ที่ 9
1. ผมศึกษาด้วยการ อัด Youtube เป็น MP3 แล้วฟังในรถครับ ฟังไปเรื่อยๆ บางทีก็มีประเด็นที่หลุดเข้ามาให้เราคิดต่อ
2. ทุกไตรมาส ผมจะสรุป ผลตอบแทนโดยมองว่าหุ้นที่ผมลงทั้งหมดเป็น Holding แล้วดูว่า วันนี้เราลงทุนไปเท่าไร ได้ยอดขายเท่าไร กำไร เท่าไร (ดูแล้วก็มีความสุข ว่าบริษัทเราเติบโตต่อเนื่อง)
3. พยายามอ่านเยอะๆ กับหนังสือหลายๆ ประเภท (แบบที่ Charles Munger ทำ ซึ่งผมได้ยินว่าเขาอ่านเยอะมากๆๆๆ อ่านทุกที่ ที่มีเวลา)
4. ทุกคืนอ่านบทวิเคราะห์ เพื่อดูว่าเขาคิดกันอย่างไร (แต่ไม่ดูราคาเป้าหมายนะครับ เดียวติด ^^)
2. ทุกไตรมาส ผมจะสรุป ผลตอบแทนโดยมองว่าหุ้นที่ผมลงทั้งหมดเป็น Holding แล้วดูว่า วันนี้เราลงทุนไปเท่าไร ได้ยอดขายเท่าไร กำไร เท่าไร (ดูแล้วก็มีความสุข ว่าบริษัทเราเติบโตต่อเนื่อง)
3. พยายามอ่านเยอะๆ กับหนังสือหลายๆ ประเภท (แบบที่ Charles Munger ทำ ซึ่งผมได้ยินว่าเขาอ่านเยอะมากๆๆๆ อ่านทุกที่ ที่มีเวลา)
4. ทุกคืนอ่านบทวิเคราะห์ เพื่อดูว่าเขาคิดกันอย่างไร (แต่ไม่ดูราคาเป้าหมายนะครับ เดียวติด ^^)
everything happen for a reason ^^
"The game of life is the game of everlasting Learning. At least it it if you want to win" Charlie Munger
Facebook https://www.facebook.com/Thevaluehunters
"The game of life is the game of everlasting Learning. At least it it if you want to win" Charlie Munger
Facebook https://www.facebook.com/Thevaluehunters
- marcus147
- Verified User
- โพสต์: 615
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รบกวนถามถึงแนวทางการลงทุน
โพสต์ที่ 10
ทำตามแนวทางแบบที่เพื่อนๆว่ามานี่หละครับ
ช้าๆ แต่ชัวร์
ช้าๆ แต่ชัวร์
การลงทุนในตลาดหุ้น ไม่มีทางลัด อยากเก่ง ต้องหมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม
My Blog : http://marcus147.wordpress.com/
My Blog : http://marcus147.wordpress.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 19
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รบกวนถามถึงแนวทางการลงทุน
โพสต์ที่ 11
ผมว่าผมเดินมาค่อนข้างถูกทางแล้วครับ สิ่งหนึ่งที่ยังไม่พอเห็นจะเป็นวินัยและความขยันส่วนตัว คงเติมส่วนนี้เข้าไปเยอะๆแล้วหละครับ
ขอบคุณทุกคนทุกกำลังใจและคำแนะนำที่ดี ผมจะทำให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ ขอบคุณมากๆเลยครับ
ขอบคุณทุกคนทุกกำลังใจและคำแนะนำที่ดี ผมจะทำให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ ขอบคุณมากๆเลยครับ
วิธีคิดผ่าน วิธีการมาเอง
-
- Verified User
- โพสต์: 52
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รบกวนถามถึงแนวทางการลงทุน
โพสต์ที่ 12
ผมว่า VI เองก็มีหลายสไตล์นะครับ ซึ่งจะเหมาะกับคนไม่เหมือนกัน อย่างแนวบัฟเฟตเค้าซื้อคิดว่าซื้อเพราะอยากเป็นเจ้าของ ทั้งบริษัท แล้วเติบโตไปกับบริษัท อย่างที่บัฟเฟตบอกให้ซื้อกิจการที่ดี มีผู้บริหารที่ซื่อสัตย์ ในราคาเหมาะสม แล้วก็ถือไปตราบที่มันเป็นกิจการที่ดี ระยะเวลาในการถือคือตลอดกาล บัฟเฟตถือโค้ก 30ปี อย่างนี้เป็นต้นครับ นั่นคือถ้าเราคิดแบบบัฟเฟต ถ้ากิจการยังดีอยู่ เติบโตไปเรื่อยๆ เราจะไม่มีวันขาย บัฟเฟตจึงเน้นคุณภาพกิจการมาก เพราะว่าเค้าต้องถือยาวมาก
ในขณะที่แนวปีเตอร์ลินซ์ไม่ได้คิดว่าเป็นเจ้าของกิจการครับ เค้าจะหาหุ้นที่ Under Value ดังนั้นเค้าไม่สนว่าจะเป็นกิจการอะไร ปีเตอร์ลินถือหุ้นพร้อมกัน 1400 ตัวครับ ทุกตัวมีโอกาสหมด เมื่อซื้อแล้วราคาเกินเป้าหมาย หรือ Over Value เค้าก็ขายแล้วไปซื้อ ตัวอื่นที่ยัง Under Value อยู่ ทำแบบนี้ไปเรื่อย
ขณะที่แนวเกรแฮมจะเน้นหุ้นราคาถูก PE ต่ำๆ ทรัพย์สินย์เยอะๆ ซื้อเมื่อราคาถูกมากๆ เมื่อราคาขึ้นก็ขาย เน้นดูงบการเงิน
ความรู้สึกผม ผมว่าเรามีแนวโน้มที่จะเข้าใจหรือถนัดแนวการลงทุน ไม่เหมือนกันเพราะว่า Backgroud เราไม่เหมือนกัน อย่างผมไม่ได้จบด้านธุรกิจการเงิน ผมชอบที่จะดูเทรนด์ หรือแนวโน้ม เราอ่านงบการเงินไม่เก่ง แต่ว่าเราพอมองออกว่าใครคือคนชนะ ในอุตสาหกรรมนั้นๆ แล้วเราเข้าใจธุรกิจนั้นได้ง่ายๆ สำรวจธุรกิจเราได้ง่ายๆ แถมเรายังทำงานประจำ ไม่มีเวลาแกะงบการเงินหรือตามตลาดหุ้นมาก ผมก็เลยชอบแนวการลงทุนแบบบัฟเฟต หาสองสามบริษัทที่เราคิดว่าดีที่สุด ซื้อแล้วก็ถือไปเรื่อยๆ สิ้นสุดไตรมาส เราก็มานั่งดูว่ากิจการเราดีขึ้นมั้ย ถ้าดีขึ้นก็ถือต่อไปเรื่อยๆ มีเงินก็ซื้อซื้อเพิ่มไปเรื่อยๆ ประมาณนี้ครับ
ดังนั้นความรู้สึกผมถ้าเราเลือกสไตล์ก่อน ว่า แนว บัฟเฟต หรือ ปีเตอร์ลินท์ หรือเกรแฮม ทุกอย่างน่าจะง่ายขึ้นนะครับ เพราะวิธีคิดของบัฟเฟต กับ ปีเตอร์ ลินท์บางอย่างก็ไม่เหมือนกัน ปีเตอร์ ลินท์ ถ้าราคาขึ้นถึงเป้าหมายขาย แต่บัฟเฟตไม่ยอมขาย ถ้ากิจการยังดีอยู่แบบนี้เป็นต้น แนะนำให้เลือกสไตล์ก่อนครับ น่าจะง่ายขึ้น
ในขณะที่แนวปีเตอร์ลินซ์ไม่ได้คิดว่าเป็นเจ้าของกิจการครับ เค้าจะหาหุ้นที่ Under Value ดังนั้นเค้าไม่สนว่าจะเป็นกิจการอะไร ปีเตอร์ลินถือหุ้นพร้อมกัน 1400 ตัวครับ ทุกตัวมีโอกาสหมด เมื่อซื้อแล้วราคาเกินเป้าหมาย หรือ Over Value เค้าก็ขายแล้วไปซื้อ ตัวอื่นที่ยัง Under Value อยู่ ทำแบบนี้ไปเรื่อย
ขณะที่แนวเกรแฮมจะเน้นหุ้นราคาถูก PE ต่ำๆ ทรัพย์สินย์เยอะๆ ซื้อเมื่อราคาถูกมากๆ เมื่อราคาขึ้นก็ขาย เน้นดูงบการเงิน
ความรู้สึกผม ผมว่าเรามีแนวโน้มที่จะเข้าใจหรือถนัดแนวการลงทุน ไม่เหมือนกันเพราะว่า Backgroud เราไม่เหมือนกัน อย่างผมไม่ได้จบด้านธุรกิจการเงิน ผมชอบที่จะดูเทรนด์ หรือแนวโน้ม เราอ่านงบการเงินไม่เก่ง แต่ว่าเราพอมองออกว่าใครคือคนชนะ ในอุตสาหกรรมนั้นๆ แล้วเราเข้าใจธุรกิจนั้นได้ง่ายๆ สำรวจธุรกิจเราได้ง่ายๆ แถมเรายังทำงานประจำ ไม่มีเวลาแกะงบการเงินหรือตามตลาดหุ้นมาก ผมก็เลยชอบแนวการลงทุนแบบบัฟเฟต หาสองสามบริษัทที่เราคิดว่าดีที่สุด ซื้อแล้วก็ถือไปเรื่อยๆ สิ้นสุดไตรมาส เราก็มานั่งดูว่ากิจการเราดีขึ้นมั้ย ถ้าดีขึ้นก็ถือต่อไปเรื่อยๆ มีเงินก็ซื้อซื้อเพิ่มไปเรื่อยๆ ประมาณนี้ครับ
ดังนั้นความรู้สึกผมถ้าเราเลือกสไตล์ก่อน ว่า แนว บัฟเฟต หรือ ปีเตอร์ลินท์ หรือเกรแฮม ทุกอย่างน่าจะง่ายขึ้นนะครับ เพราะวิธีคิดของบัฟเฟต กับ ปีเตอร์ ลินท์บางอย่างก็ไม่เหมือนกัน ปีเตอร์ ลินท์ ถ้าราคาขึ้นถึงเป้าหมายขาย แต่บัฟเฟตไม่ยอมขาย ถ้ากิจการยังดีอยู่แบบนี้เป็นต้น แนะนำให้เลือกสไตล์ก่อนครับ น่าจะง่ายขึ้น
- marcus147
- Verified User
- โพสต์: 615
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รบกวนถามถึงแนวทางการลงทุน
โพสต์ที่ 13
เห็นด้วยกับคุณ valued ครับ
ต้องหาแนวทางก่อน แต่แรกๆอาจจะงงๆหน่อย
อาจจะต้องลองอ่านมากๆ และลองจับนิสัยตัวเองดูว่าเรานิสัยแบบไหน
ต้องหาแนวทางก่อน แต่แรกๆอาจจะงงๆหน่อย
อาจจะต้องลองอ่านมากๆ และลองจับนิสัยตัวเองดูว่าเรานิสัยแบบไหน
การลงทุนในตลาดหุ้น ไม่มีทางลัด อยากเก่ง ต้องหมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม
My Blog : http://marcus147.wordpress.com/
My Blog : http://marcus147.wordpress.com/