ส่วนหนึ่งของจดหมายถึงผู้ถือหุ้นของ Warren Buffet

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
kjarrung
Verified User
โพสต์: 262
ผู้ติดตาม: 0

ส่วนหนึ่งของจดหมายถึงผู้ถือหุ้นของ Warren Buffet

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ข้อความนี้ ผมเอามาจากรายงานประจำปี 2013 ของ Berkshire Hataway ของ Warren Buffet ที่ถึงผู้ถือหุ้น น่าสนใจครับ

" When Charlie and I buy stocks – which we think of as small portions of businesses – our analysis is verysimilar to that which we use in buying entire businesses. We first have to decide whether we can sensibly estimatean earnings range for five years out, or more. If the answer is yes, we will buy the stock (or business) if it sells at areasonable price in relation to the bottom boundary of our estimate. If, however, we lack the ability to estimatefuture earnings – which is usually the case – we simply move on to other prospects. In the 54 years we have workedtogether, we have never foregone an attractive purchase because of the macro or political environment, or the viewsof other people. In fact, these subjects never come up when we make decisions."
ภาพประจำตัวสมาชิก
Tibular
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 522
ผู้ติดตาม: 0

Re: ส่วนหนึ่งของจดหมายถึงผู้ถือหุ้นของ Warren Buffet

โพสต์ที่ 2

โพสต์

เมื่อบัฟเฟตต์และชาลีจะซื้อหุ้น แม้จะซื้อหุ้นเพียงน้อยนิด แต่มันคือบางส่วนของกิจการ เราก็ต้องวิเคราะห์เหมือนกับจะซื้อทั้งกิจการ

"We first have to decide whether we can sensibly estimatean earnings range for five years out, or more."


อย่างแรกที่บัฟเฟตต์-ชาลี เน้น คือ ต้องสามารประมาณกำไรในช่วงห้าปี หรือ มากกว่านั้นได้

นั่นก็แสดงว่า บัฟเฟตต์และชาลีจะต้องรู้เกี่ยวกับกิจการมากทีเดียว และ ต้องเป็นกิจการที่ มีความสม่ำเสมอ ซึ่งความสม่ำเสมอของกำไรจะมากจากไหน
แน่นอนก็ต้องมาจาก กิจการนี้ มีสินค้าและบริการที่เป็นที่ยอมรับ ที่ผู้บริโภคต้องการอย่างสม่ำเสมอ ทำให้มียอดขายที่เติบโตอย่างสม่ำเสมอ
ซึ่งต้องเป็นกิจการที่มีประสิทธิภาพในการบริหารงาน มีบุคลากรที่มีคุณภาพทำงานอยู่ และต้องมีการพัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ

ถ้าพบกิจการแบบนี้ บัฟเฟตต์-ชาลี จะซื้อหุ้น ในราคาเหมาะสม คือ อยู่ในช่วงต่ำสุดของมูลค่าที่เค้าประเมินได้
และถ้าเขาไม่สามารถประเมินกำไรได้ จะข้ามกิจการนั้นไปเลย

"we have never foregone an attractive purchase because of the macro or political environment,
or the viewsof other people. In fact, these subjects never come up when we make decisions."


ข้อนี้สำคัญเลย บัฟเฟตต์-ชาลี บอกว่า ถ้ากิจการน่าสนใจ ถึงแม้ ภาวะเศรษฐกิจ การเมือง หรือ ความเห็นต่างๆจะบอกว่าไม่น่าสนใจ
สิ่งเหล่านี้เขาจะไม่นำมาคิดเมือต้องตัดสินใจซื้อหุ้น

อันนี้ไม่ได้หมายความเค้าเพิกเฉยต่อภาวะเศรษฐกิจ การเมือง หรือ ความเห็นต่างๆ อย่างที่เคยได้ยิน เซียนหุ้น VI บางท่านพูดนะคับ

ขอเน้นว่า

ถ้ากิจการน่าสนใจ และบัฟเฟตต์-ชาลีสามารถประเมินกำไรในช่วงห้าปี หรือมากกว่านั้นได้
และเขาสามารถซื้อได้ในช่วงราคาต่ำสุดของมูลค่าที่ประเมิน เขาจะไม่เอา ภาวะเศรษฐกิจ การเมือง หรือ ความเห็นต่างๆ
มามีส่วนในการตัดสินใจ

เพราะอะไร เพราะว่า ราคาที่น่าใจ มันไม่มีบ่อยๆน่ะคับ ถ้ามัวแต่พะวงหน้าพะวงหลัง บางทีก็อาจจะพลาดไปไม่ได้ซื้อ

และก็เพราะว่าทั้ง บัฟเฟตต์-ชาลี เป็นนักลงทุนระยะยาว-ยาวมาก เค้ารอได้คับ แน่นอน อย่างต่ำต้องมากกว่าห้าปีขึ้นไป
และถึงแม้ว่าเมื่อซื้อหุ้นแล้วราคายังร่วงเอาๆ เค้าก็ยังเฉยๆ เพราะมันถูกแล้วสำหรับเค้า ถ้ากิจการดี เดี๋ยวมันก็กลับมา(แต่เมื่อไหร่ไม่รู้)

ถามว่า เราจะทำได้อย่างนี้ไหม ก็คงขึ้นอยู่กับตัวเรา

แต่ วิธีของบัฟเฟตต์-ชาลี ก็มีสถิติยาวนานว่าสามารถทำผลตอบแทนได้ดีมาตลอดหลายสิบปี(ขอเน้นว่าหลายสิบปี)

มันยังจะใช้ได้ผลอีกไหม ผมก็ไม่รู้นะ
iceberg
Verified User
โพสต์: 258
ผู้ติดตาม: 0

Re: ส่วนหนึ่งของจดหมายถึงผู้ถือหุ้นของ Warren Buffet

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ผมไม่เชื่อที่เค้าเขียนมาทั้งหมดครับ
ที่จริงแล้ว
เค้าดูภาพรวม macro ด้วยครับ
เพียงแต่กิจการที่เค้าสนใจ
ได้รับผลกระทบไม่มากต่างหาก

บางทีการอ่านบทความที่ของคนที่เราชอบ
อาจเกิดอคติในการอ่านได้ครับ
โพสต์โพสต์