Money talk@SET15Mar14เจาะหุ้นเด่นConsumer,เศรษฐกิจ-หุ้นไทย57
- i-salmon
- Verified User
- โพสต์: 293
- ผู้ติดตาม: 0
Money talk@SET15Mar14เจาะหุ้นเด่นConsumer,เศรษฐกิจ-หุ้นไทย57
โพสต์ที่ 1
Money talk@SET15Mar14
ขอขอบพระคุณอ.ไพบูลย์ ผู้ดำเนินรายการ แขกรับเชิญ ผู้สนับสนุนรายการ ทีมงานและผู้ช่วยเหลือการจัดงาน Money talk ทุกท่านครับ ถ้าหากสิ่งที่บันทึกมาผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปอย่างไรขออภัยและรบกวนช่วยเสริมให้จะเป็นพระคุณยิ่งครับ ในการสัมมนารอบนี้ฝากเน้นย้ำเรื่องของการมาเข้าที่นั่งให้ตรงเวลานะครับ เพื่อให้ไม่ต้องรอกันนานมีที่ว่างก่อนเริ่มรายการครับ
ช่วงที่ 0 ประธานตลท. ดร.สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ กล่าวเปิด
• แสดงความมั่นใจในเศรษฐกิจและตลาดทุนไทย
• ทุนสำรองไทยสูงมากเทียบกับประเทศอื่น ขาดดุลการค้าอยู่ในระดับจัดการได้
• ระดับเงินเฟ้อ ระดับว่างงาน ต่ำเทียบกับประเทศอื่นๆ
• การก่อหนี้สาธารณะ ประเทศที่กำลังเติบโตอยู่ ร้อยละ 60 ของ GDP แต่ของไทยยังไม่ถึงร้อยละ 50 ยังห่างจากเพดานที่กำหนดไว้
• ถ้ามีความสามารถชำระหนี้มากก็สามารถก่อหนี้ได้มาก ex.ญี่ปุ่น มีหนี้เกิน 100% ของ GDP
• ปี 56 เศรษฐกิจขยายตัวไม่มาก แต่ยังเป็นบวก ส่วนปี 57 ประเมินว่าน่าจะดีกว่าปีก่อน
• ตัวที่มีผลมาก GDP คือการส่งออก คิดเป็น ร้อยละ 70 มีการประเมินว่าส่งออกโต 5-7% ส่วนหนึ่งจากการฟื้นตัวของสหรัฐหรือญี่ปุ่น รวมถึงการขยายตัวของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น การค้ากับกัมพูชา ลาว พม่า
• โดยรวม GDP น่าจะโต 3-4%
• ตลาดหุ้นไทย มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดใน ASEAN โดยบริษัทที่เข้าจดทะเบียน หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆมาจดทะเบียน ex. กองทุนโครงสร้างพื้นฐานของ true และ bts ก็มีเป็น infra fund ที่มีมูลค่าสูงสุดใน ASEAN
• การลงทุนของต่างชาติในตลาดหุ้นไทยยังติด 1 ใน 3 มาตลอด และปี 56 ยังซื้อสุทธิอยู่ โดยกำลังซื้อเพิ่มขึ้นตามลำดับแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนลท.ต่างชาติ และนลท.ในประเทศ จะเห็นว่า SET ยังไม่ลดไปต่ำกว่า 1300 เกิดจากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ
• ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนเติบโต 7.2% โดยเฉพาะกลุ่มอุปโภคบริโภคซึ่งเติบโตดีกว่าค่าเฉลี่ย
• หวังว่าการสัมมนาวันนี้จะได้เจาะลึกการลงทุนและเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจของนักลงทุน
• ขอขอบคุณอ.ไพบูลย์และเปิดการเสวนา
Money talk@SETครั้งถัดไป เสาร์ 26 เม.ย.57
• มี 2 ช่วง ช่วงที่ 1 จากอดีตสู่ความมั่งคั่ง และ ช่วงที่ 2 กระแสโลกกับกลยุทธ์ VI ไทย
• ผู้สนใจทั่วไปจองทาง Facebook 19 เม.ย.57
• ผู้อาวุโส ไม่ต้องจอง แสดงบัตรประชาชนแล้วเข้าได้เลย
ช่วงที่ 1
13.00 -14.45 น."เจาะหุ้นเด่นอุปโภคบริโภค"
1. คุณฤทธิ์ ธีระโกเมน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป
2. คุณไตรทิพย์ ศิวะกฤษณ์กุล
ประธานเจ้าหน้าที่การเงินส่วนกลาง บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล
3. คุณบุญยง ตันสกุล
กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ซิงเกอร์ประเทศไทย
4. คุณวิรัช ประจักษ์ธรรม
กรรมการผู้จัดการ บมจ. ไทยออพติคอล กรุ๊ป
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ นพ. ศุภศักดิ์ หล่อธนวนิช ดำเนินรายการ
ภาพรวมธุรกิจที่ดำเนินการ?
Singer
o เป็นธุรกิจค้าปลีก แต่ผ่อนได้ทำให้เราเข้าถึงสินค้าได้ทุกครัวเรือน
o มีสินค้าใหม่ทำพวงหรีดพัดลม ส่งถึงวัด ในอีก 2-3 เดือนจะเปิดตัว
o สินค้าหลักเป็นเชิงพาณิชย์สามารถทำรายได้ให้กับลูกค้า
o ตู้หยอดเหรียญเติมเงินมือถือ ปัจจุบันมี 40,000 ตู้ มีเงินเติมเฉลี่ยเดือนละ 1,000 ล้านบาท จะขยายปีนี้อีก 10,000 ตู้
และเพิ่มขายเวลาให้กับลูกค้าซื้อตู้เงินผ่อน จากเดิมที่มีรายได้จากขายตู้ และดอกเบี้ย
o ตู้เติมน้ำมัน มี 5,000 ตู้ ลูกค้าส่วนใหญ่รถมอเตอร์ไซค์ 5 ปีจะเป็นแสนปั๊ม เดือนหนึ่งใช้ 5 ล้านลิตร
o สินค้าหลักอีกตัวคือตู้แช่ (แช่เบียร์แช่อาหาร)
o สินค้าเน้นความจำเป็น ไม่ได้เน้นความสะดวก
o เคยขายมือถือแต่ไม่สำเร็จ เทคโนโลยีเปลี่ยนคนเลิกผ่อน เลยขายตู้เติมเงินมือถือแทน
เคยขายมอเตอร์ไซค์ไม่สำเร็จ ตอนนี้เราขายตู้ขายน้ำมันให้มอเตอร์ไซค์แทน
M
o เป็น ร้านสุกี้ เปิด 28 ปีแล้ว มีจำนวนเกือบ 400 สาขา ลูกค้าทานเฉลี่ยหัวละ 270 บาท
o ตอนนี้เป็น Multi-brand company เปิดแบรนด์ที่สอง ยาโยอิ 120 สาขา ทำมา 5-6 ปี
o มีร้าน ณ สยาม กับเลอสยามเป็นของคุณแม่ก็กำลังขยาย เป็นต้นตำรับที่เอาเป็ดมาขายในร้าน
ช่วงเทศกาลขายเป็ดวันละ 20,000 กว่าตัว
o มีลองเปิดร้านใหม่ทำรูปแบบต่างๆที่ต่างประเทศ
o สาขาของ MK กรุงเทพราว 200 ต่างจังหวัดราว 200 มีการเปิดใหม่เกือบทุกสัปดาห์ โดยเฉพาะต่างจังหวัด
เช่นล่าสุด นครพนม หนองคาย กำแพงเพชร บางจังหวัดก็เปิดไปตามอำเภอ
o สาขาย MK ในต่างประเทศ มี 36 สาขาที่ญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นทานบอกอร่อยมาก โตเกียวมีสาขาที่ชินจุกุ ติดกับ uniqlo
มีที่คิวชู นางาซากิ ฟูกุโอกะ ทยอยเปิด 5-10 สาขาต่อปี
o แบรนสด์ ยาโยอิ สาขา 80% อยู่กรุงเทพ 20% อยู่ต่างจังหวัด
o อ.ไพบูลย์เสริม รพ.ศิริราชปิยมหาการุณย์ ทางคุณฤทธิ์ได้ให้การสนับสนุนบุคลากรพาไปดูงานที่ต่างประเทศ
ในการบริหารจัดการ รวมทั้งชั้นล่างก็จะมี MK,ยาโยอิ รายได้หักค่าใช้จ่ายทั้งหมดเข้าโรงพยาบาล ใครทานก็ได้บุญด้วย
MINT
• มีธุรกิจหลักโรงแรมกับอาหาร และมี retail บางส่วน
• ธุรกิจโรงแรม แบรนด์ เช่น อนันตรา, โฟร์ซีซั่นส์, แมริออท, โอ๊คส์,
o โรงแรงมี 100 กว่าโรงแรมทั่วโลก เช่น แอฟริกา มัลดีฟ ออสเตรเลีย
o รับบริหาร 60% โรงแรมของ mint เอง 30%
• ธุรกิจอาหาร
o เบอร์ Delivery 1112 แบรนด์ เช่น pizza company, swensen, sizzler, burger king, daiy queen
มี coffee club 10 สาขา ร่วมกับ partner ออสเตรเลีย, thai express เป็นต้€น
o รวมจำนวน 1500 สาขาทั่วโลก ต่างประเทศเช่น ที่ออสเตรเลีย มัลดีฟฟ์ สิงคโปร์
• สัดส่วนรายได้ โรงแรม:อาหาร 50:50 กำไร 60:40
o โรงแรมมีทำ mix use เหมือนคอนโด ex. St.regis เป็น lease hold
• นอกจากนี้มีธุรกิจ Retail รายได้ 10% คิดเป็นกำไรราว 5% ของทั้งหมด ขายเสื้อผ้าแฟซั่น แบรนด์ espirit, gap,
red earth, กระเป๋าทูนนี่ เครื่องครัวแฮงเคิล, Charles&keith เป็นต้น
• มีถือหุ้นใน SNP 31%
TOG
• ผลิตและหล่อเลนส์ แบบ uncut OEM เป็นหลัก มีแบรนด์ตัวเอง Excelite ขายใน SEA,ตุรกี
ส่วนใหญ่ทำเลนส์ให้แว่นพวกแบรนด์ยี่ห้อกล้อง,นาฬิกา
• ร้านหอแว่นไม่ได้เกี่ยวโดยตรง แต่เป็นธุรกิจในกลุ่มที่ผถห.ใหญ่กลุ่มหนึ่งของ TOG ถือหุ้นหลัก (ตระกูลประจักษ์ธรรม)
• SPECSAVERS ถือหุ้นใน TOG 25% จึงเป็นแหล่งที่เราเอาสินค้าไปลงได้ มีสาขาในยุโรป ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์
รวมแล้วกว่า 1800 สาขา
• เลนส์ส่วนมากเป็นสายตา หล่อเลนส์ standard เลนส์พรีเมียม(เปลี่ยนสีได้) เลนส์ทนแรงกระแทกสูง Trivex เลนส์ Tribid
• การเปลี่ยนเลนส์ปกติ 2.5 ปี/ครั้ง จากข้อมูลประชากรโลก 7000 กว่าล้านคน 60% ต้องการใช้เลนส์ 4300 ล้านคน
ใช้จริง 1800 ล้าน ต้องการแต่ไม่รู้ตัวว่าต้องใช้ยังมีโอกาสเติบโต
• อ.ไพบูลย์เสริม มีโครงการสมเด็จพระเทพฯ รับบริจาคแว่นตาหากใครไม่ได้ใช้ประโยชน์
https://www.facebook.com/CareYourEye
ผลประกอบการ?ผลกระทบทางการเมือง?
SINGER
o ไตรมาส 4 เป็นฤดูกาลที่ปกติยอดขายต่ำกว่าไตรมาสอื่น และเราต้องการเปลี่ยนกลยุทธ์ที่ aggressive มา 8 เดือนได้
เป้าหมายปีแล้ว
o รายได้เติบโต 20% กำไรโต 40% มา 5 ปีติดต่อกัน ปีนี้ไม่ค่อยห่วง ผ่านวิกฤติมาตลอด การเมือง น้ำท่วม
แต่ธุรกิจเรามีความยืดหยุ่นสูง เป็นค้าปลีกมีหน้าร้าน 120 สาขา แต่เป็นสัดส่วนขาย 5% เท่านั้น มี 95% 3 วิธี
- 1) ขายผ่านรถ mobile แล้วบอกให้กองทัพรถไปเจาะกลุ่มที่ไหนอย่างไร เป็น internal promotion
- 2) ขายพนักงาน 4,000 คนไปตามหมู่บ้าน อำเภอ จังหวัด
- 3) ขายผ่าน call center เป็นสื่อ above the line มีการขายประสานงานกันไป
o ที่ไหนมีกำลังซื้อไปที่นั่นก่อน ที่ไหนมีปัญหาเราก็ไปในที่ที่ยังขายได้ ไม่ได้รอคนมา walk in
o อีกความยืดหยุ่นคือเราบริหารเงินผ่อน ทำให้เราขยายตัวในการขาย สินค้าเชิงพาณิชย์คนซื้อไปแล้วมีรายได้มีอาชีพ
พอยืดค่างวดออกไปเงินผ่อนจะต่ำลง รายได้ที่ได้จากเครื่องหยอดเหรียญ ตู้แช่ ก็เอามาผ่อนอาจมีเงินเหลือมาลงทุนเพิ่ม
o สินค้าเราให้บริษัทอื่นผลิตให้ ตัวไหนไม่เน้นก็สั่งให้น้อยลง ตัวไหนเน้นก็สั่งเพิ่มขึ้น
o ปีนี้ผ่านมาแล้ว 3 เดือนยังเห็นการเติบโต ปีนี้โตเกือบ 50% สำหรับสินค้ากลุ่มพาณิชย์ ช่วงที่เป็นวิกฤติ model นี้จะทำให้
คนกล้าซื้อสินค้าเราเพราะสินค้าที่ทำให้มีรายได้
o และมีสินค้าตัวขับเคลื่อนในฤดูกาล 3 ตัว
- 1) เครื่องปรับอากาศ ผ่อ่นวันละ 30 บาท นอนแอร์ singer ได้เลย
- 2) ตู้แช่ ตู้เย็น หน้าร้อนมาขายเพิ่ม 3-4 เท่าตัว
- 3) ตู้หยอดเหรียญเติบโตตลอดไม่มีฤดูกาล ถ้าไปปรับเปลี่ยนโครงสร้างเงินผ่อนก็ยิ่งโต
o สิ่งที่เราได้คือ รายได้ตัวสินค้า ดอกเบี้ย เวลาที่ขายให้ลูกค้า
o ขายสินค้าแล้วเกือบ 40,000 หมู่บ้าน ขายสินค้า 1 ตัว 1 หมู่บ้าน พอไปเก็บเงินทุกเดือนๆก็จะมีคนเห็น
เป็นเครือข่ายผู้ ใช้สินค้าผู้ช่วยขายเหมือน mlm ใช้สินค้าเราทุกวันๆอาจเก่งกว่าพนักงานขายด้วยซ้ำ
ประหยัดของที่ต้องแสดงดูในบ้านลูกค้าเลย
o ลูกค้ารากหญ้าเมื่อ 4 ปีก่อนเป็นตัวหลัก ตอนนี้ 40% กลุ่มเชิงพาณิชย์ ที่เหลือ factory worker, พนักงาน office
o เราอยู่กับชาวนามานาน ปัญหาชาวนา น้ำแล้ง กับ น้ำท่วม การขายจูงใจจ่ายล่วงหน้า แล้วซอยรับรู้เป็นเดือนๆ
o มีสัดส่วนจ่ายเงินมาล่วงหน้า 60% ถ้าเกิดปัญหาน้ำท่วม 3 เดือน ก็จะไม่มีปัญหา ประวัติลูกค้าจะไม่เสีย
ยกเว้นถ้าท่วมนานกว่าตรงนั้นก็เป็น npl ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นลูกค้าก็จะเอาสินค้ามาคืนได้ แต่มีน้อยเพราะสินค้าทำเงินได้
ที่จะเอามาคืนจะมีคือเมื่อปิดกิจการ พวกที่จะคืนมากกว่าคือ ตู้เย็น ทีวี คืนมาเราก็รับ NPL จึงขึ้นจาก 5 เป็น 6%
o สินค้าที่รับคืนจะมา reprocess ขายให้กับผู้ที่ต้องการสินค้าราคาถูก
o ปัญหาโครงการรับจำนำข้าวเป็นปัญหาชั่วคราว แต่ลูกหนี้กลุ่มนี้มีจำนวนไม่มาก
เราก็บอกให้ทีมขายพยายามไปเลือกกลุ่มเป้าหมายใหม่
o ปี 57 คาดเติบโตได้ 15-20% ถ้าไม่ได้ตามคาดจะปรับสินค้า ปรับพอร์ตลูกหนี้ วางไว้ 2 ช่วง
ถ้าผลกระทบในประเทศจบได้เร็วช่วงครึ่งปีแรก ครึ่งปีหลังจะสบาย แต่ถ้ายืดเยื้อเราคงต้องเปลี่ยนแผน โตได้ซัก 10%
มาเน้นเรื่องคุณภาพ หารายได้อื่นๆด้วย 2 บริษัทลูก งานบริการหลังการขาย ซ่อมสินค้า
และทำพวกเงินผ่อน ของลูกค้า dealer ที่ขายสินค้าเชิงพาณิชย์
o ตอนนี้เข้าจับมือ makro มิตรแท้โชว์ห่วย เราก็กัลยานมิตร โชว์ห่วย เป็นกลุ่มเป้าหมายเดียวกัน
เปิดไปแล้ว 4 สาขา ส่วน makro มี 60 กว่าสาขา เอยากเปิดตามให้ครบ น่าจะช่วยเติมเต็มในการเติบโตได้
o มีการปรับปรุงภายในความสูญเสียต่างๆในการดำเนินการ เชื่อว่ากำไรยังวิ่งไปได้อีก แม้รายได้จะไม่เติบโตมากเหมือนเดิม
o ปันผล 0.45 บาท ราว 40% กำไรสุทธิ
M
o ปี 56 รายได้กลุ่มค้าปลีกคงตัว ที่จริงควรโตสัก 10% คนเดินห้างน้อยลง กินน้อยลง ตัวเรายังดีที่ยอดขายโต และกำไรก็โตพอๆกัน
o ปี 57 ถ้าสถานการณ์ดีคงโต 10-15% และคาดว่า 6-7 ปีข้างหน้าคงโตได้เท่าตัว
o การมีสาขามากทำให้ได้ประโยชน์ที่ค่าใช้จ่ายกองกลางคงที่ แต่มีตัวหาร ทำให้ค่าใช้จ่ายต่อสาขาลดลง
เพิ่มสาขาไปเรื่อยๆ ซื้อของมากขึ้นเรื่อยๆ ex.ผักซื้อ 5-10 ตันต่อวัน วันหนึ่งลูกค้าไม่ต่ำกว่าแสนคน
ทั่วไปทาน 3-5 ขีดต่อมื้อ แสนคนก็ทานเป็น 30-50 ตัน รวมทั้งค่าโช้จ่ายโฆษณาก็ได้ประโยชน์ด้วยจากสาขามาก
o ร้านอาหารยังไปต่อได้ ต้องมีลดต้นทุน มีความสูญเสีย ถ้ามีระบบที่ดีจะป้องกันได้ เก็บได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย
• Q.MKโตขึ้นเรื่อยๆอิ่มตัวเป็นไปได้ไหม?
A. ลูกค้ามีมากขึ้นเรื่อยๆ อาหารบางอย่างอายุมากแล้วคนทานไม่ได้ แต่ของเราอายุ 45 ปีขึ้นไปแทบจะเป็นลูกค้าเราหมด
รวมทั้งคนรุ่นใหม่ก็เข้ามาสมทบ ในแง่กำลังซื้อ เมื่อก่อนขายแต่กรุงเทพตอนนี้ก็ขายหัวเมืองต่างจังหวัดอำเภอ
คนที่มีกำลังซื้อขึ้นมาก็ทานได้ เคยถามเพื่อนบอกว่าแคดดี้ก็ทานกันทุกคน
สมัยก่อน middle income ทานสมัยนี้เป็น middle-low income ก็ทานได้
o การทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น มี 3 วิธี ให้ทานมากขึ้น, ทานถี่ขึ้น, พาเพื่อนมาทาน รวมทั้งเพิ่มสาขาด้วยก็ทำให้โต
o Deliver เบอร์โทร 022485555
MINT
• ได้รับผลกระทบการเมืองแต่ไม่มาก ธุรกิจเรา คือ กิน เที่ยว ช็อป ปีที่แล้วช่วงต้นปีดูดี แต่ปลายปีก็มีปัญหาอีกแล้ว
แต่กำไรก็ยังโต 20% ทุกปี
o โรงแรม กระจายธุรกิจทั้งต่างจังหวัด-หัวเมืองจุดท่องเที่ยว มีในต่างประเทศ ก็ขยายให้มากขึ้น
จากสัดส่วน 35%->50% รายได้ในอนาคต ตัวที่ได้ผลกระทบคือในกรุงเทพ
มี season ไตรมาส 1,4 ที่สูง
o อาหาร รายได้ค่อนข้างคงที่ ยังไงคนก็ต้องทาน ไม่ค่ยอมี season
รายได้ปีก่อน 36,000 ล้านบาท มีแฟรนไชส์และรับบริหาร
กำไร 4,000 ล้าน โต 25% yoy
o มีแผนธุรกิจโตเท่าตัวใน 5 ปีข้างหน้าทุกธุรกิจ
อาหาร 1500 สาขา -> 2600 สาขา โรงแรม 103 แห่ง -> 200
• Q.ปีที่แล้วกำไรเพิ่มมากจากอะไร?
A. ควบคุมต้นทุนส่วนหนึ่ง และ operation จริงๆ มีขยายธุรกิจ ซื้อกิจการใหม่
มีทั้งซื้อกิจการที่ทำอยู่แล้วและสร้างใหม่ ทำให้รายได้เข้ามาโตเร็ว
• Q. กำไรจากการขายอสังหาฯ แบบ st.regisค่อนข้างมาก จะมีโครงการแบบนี้อีกไหม?
A . มี ทำที่ภูเก็ต สมุย ก็มีแผนจะทำต่อไปอีก
TOG
• ผลประกอบการ 56 มีจากประกันน้ำท่วมส่วนหนึ่งและ operation ฟื้นดีกว่าที่คาด
รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยน เราเป็นเลนส์ส่งออกเป็นหลัก
• หมอเค เสริม รายได้ปี 55 1600 ล้าน ปี 56 1600 กว่าล้าน กำไรปี 55 160 กว่าล้าน 56 154 ล้าน
o ปี 55 เงินประกันน้ำท่วม 120 กว่าล้าน เราไม่มี stock build ให้ลูกค้าช่วงน้ำท่วม ก็เกิดลูกค้า switch ไป
และ operation ก็ลุ่มๆดอนๆตอนเริ่มเดินใหม่ ปี 56 เริ่มฟื้นตั้งแต่ Q2 เป็นต้นไปและเปลี่ยน product เป็น mix
พวกที่มี value added ปี 57 2 เดือนนี้ดีมาก ผลิตไม่ทัน เป็นเหมือนกันในกลุ่มธุรกิจ
ประเทศไทยเป็นฐานเลนส์แว่นตาใหญ๋มาก ต่างชาติเอาเป็นฐานการผลิต
ค่าแรงจีนไม่ได้ถูกกว่า แต่ consumable หลายๆอย่างที่ใช้ใน industry ถูกกว่า
ที่ผลิตในไทยจะเป็นพวกที่ขายของแพง คุณภาพสูง เลนส์เป็น medical device ต้องควบคุม std
วางเป้าปี 57 1800 ล้านบาท โต 10% ตอนทำแผนค่าเงินที่วางไว้ US 30 บาท ตอนนี้ 32 บาทกว่า
รายได้เป็น 80% ดอลลาร์ ยูโร 10กว่า %
ในแง่ order ที่เข้ามาค่อนข้าง secure และเราเป็น 1 ใน supply chain ของ chain แว่นตาใหญ๋ของโลก
การบ้านคือต้องทำ cost down
o ในระยะยาวต้องพิจารณา chain อื่นเพราะเราจะไม่มีอำนาจต่อรอง ถ้าเพิ่ม volume ก็จะโดนต่อรองราคา
• มีพัฒนาสินค้าที่ได้ margin สูง เช่น trivex ทนแรงกระแทกสูง ขายในยุโรป เบา ทำกรอบเปลือยได้เจาะได้ และใช้กับเด็กได้ดี เราก็เป็น 1 ในไม่กี่โรงที่ทำสินค้าพวกนี้
• Q.ทำของให้ดี และทนคนจะไม่ค่อยเปลี่ยน?
A. เปลี่ยนเพราะเป็นรอย จากการดูแลรักษา พวก ipad/iphone blue light ตอนนี้จะมีทำเลนส์กันสะท้อนของ blue light
แสงที่ออกมาจะเป้นกราฟที่เป็นความถี่ UV สูง มันจะสะสมข้างในใกล้ๆ retina
ถ้าอายุ 50 ขึ้นจะมีปัญหาจอแก้วตาเสื่อมสภาพ ไม่สามารถรับแสงได้ตามปกติ คนอายุ 60 ปี มีอกาสเป็น 20%
โครงการในอนาคต ใน 5 ปีข้างหน้า
• Singer
o ตั้งแต่ปี 52 โต 1800 ล้านเป็น 3600 ล้าน ขับเคลื่อน รายได้ และ กำไร
รายได้ – สินค้าที่นำมาขยายในกลุ่มมีอาชีพ มีมูลค่าสูง ตู้เติมเงินมือถือ 1 ชิ้น 4-5 หมื่นบาท ดีกว่าขายตู้เย็น
เห็นภาพชัดว่าโตขึ้นเลย
กำไร – ลูกหนี้ส่วนใหญ่เป็นร้านค้า เอาสินค้าสร้างอาชีพ จะคืนสินค้าถ้าทำไม่ได้ปิดกิจการ ซึ่งมีน้อย
รวมทั้งสินค้าที่มองว่าต่อยอดได้ ตู้หยอดเหรียญ คู่แข่งน้อย เราบริหาร gross margin บริหารราคาได้
มีบางบ้านที่มีแต่สินค้าของ singer ในบ้าน เรามีสินค้าครบ line สามารถสร้างร้านค้าให้มีแต่สินค้าเรายี่ห้อเดียวก็ได้เหมือนกัน
ถ้าทำแบบนั้นมูลค่าต่อร้านค้าก็เป็นล้านกว่าบาท
o ธุรกิจที่ทำอยู่ก็ยังไม่เจอคู่แข่ง ที่กล้าทำเงินแข่งยาวๆ 2-3 ปีเราสายป่านยาวพอ ปกติเค้าขายสดหรือผ่อนไม่เกิน 3 เดือน
• Q.มีแผนออกไปประเทศเพื่อนบ้านไหม?
A. ไม่ได้ singer เป็นแบรนด์ตปท. เรามีร้าน 44 สาขาอยู่ชายแดนประเทศ เราปรับปรุงร้านเหล่านี้ให้ขายได้ 2 ภาษา
(อรัญประเทศ,แม่สอด) จะมีศักยภาพในการเติบโตสูง แต่หลังปี 58 เมื่อไม่มีพรมแดนเราน่าจะเดินเข้าไปต่างประเทศได้
ในประเทศที่บริษัทแม่ยังไม่ดำเนินการ
• Q.ประเทศที่ singer เติบโตดี ?
A.ศรีลังกา ส่วนไทยตอนปี 1997 ขายเป็นหมื่นล้านเคยเป็นแชมป์โลกก่อนเกิดวิกฤติ ตอนนี้ก็กลับมาเป็นยอดขายลำดับ 2 แล้ว
M
• ยังมีช่องทางขยายในประเทศ และต่างประเทศ เวียดนาม อินโด มาเล สิงคโปร์ ในระยะแรกยังไม่เห็นผล แต่ใน 5 ปีข้างหน้าจะเห็นการเติบโต แต่ประเทศเหล่านี้ค้าปลีกยังล้าหลังกว่า ต้องอาศัยเรา ex. ไปเปิดร้านที่โฮจิมินส์เราก็เป็นร้านที่บริการดี สะอาด
• อีกกลยุทธ์คือเอาแบรนด์อื่นเข้ามา กำลังเติบโตอย่างแช็งแรง เรากำลังเพิ่มแบรนด์ที่ 3,4 ต่อไป เอามาปลูกตั้งแต่ยังเล็กเลี้ยงจนโตจะแข็งแรง เรามองว่าความแข็งแรงสำคัญ อย่างเรา Debt free มา 10 กว่าปีแล้ว
• กลยุทธ์ถัดมาคือ acquisition ก็ค่อยๆดูว่าเขาแข็งแรงไหม ดูทั้งในประเทศและต่างประเทศ
o เราก็มองจุดแข็งว่าชำนาญด้านอาหาร ธุรกิจต้องหาแก่นตัวเองให้เจอ เป็นโลกแห่งความสามารถเฉพาะ เมื่อก่อน apple เก่งคอมพิวเตอร์ ตอนนี้ apple เก่งโทรศัพท์มือถือ โชคดีอย่างของเราคือมันไม่ digital ถ้าส่งตามสายไปได้คงเลิกกิจการไปแล้ว คนก็ยังต้องออกมากินเหมือนเดิมๆ เราก็เลยรักษาการสร้างบรรยากาศ สิ่งแวดล้อมให้คนมาทานมีความสุข
• Q.กำไรขั้นต้นสูงมาก ถ้าจะไปซื้อกิจการมาเพิ่มจะมีเกณฑ์ไหม?
A. บริษัทอาหารทั่วโลก กำไรสูงทั้งนั้น Food cost 30-33% ถ้าเทียบกับโรงแรม ต้นทุนหลัก 25% เท่านั้น
ตัวที่มีกำไร ค่าแรง 20% ถ้าเป็น fast food ไม่ถึง 20% (หลัก 10% กว่าๆ) อื่นๆเช่นค่าเช่า ค่าโฆษณา
ส่วนที่เรามีคือความมีประสิทธิภาพ ถ้าจะซื้อ ต้องดูโครงสร้างตรงนี้ก่อน แล้วดูว่าเค้าเก่งตรงไหน
ที่จะต่างกันคือค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ ถ้าโครงสร้างตรงนั้นเขาไม่ดี แต่เราดี
เราไปช่วยขยายสาขา มี logistics หรือพวก infrastructure ไปได้
MINT
• แผนจะเน้นการขยายสาขา ใน 5 ปีข้างหน้า 1500 -> 2600 สาขา ไม่ใช่บนแบรนด์ปัจจุบันที่มีอยู่ มีทั้งการร่วมทุนและเข้าซื้อแบรนด์อื่นๆ ด้วย เป็น pipeline ก็มีอยุ่
o เช่น ในจีนมีเข้าซื้อหุ้นเพิ่มในธุรกิจร้านขายอาหารประเภทปลา ซึ่งคนจีนชอบทานมาก
• กลยุทธ์เข้าลงทุน Asset right จะดูว่าธุรกิจนั้น ให้ผลตอบแทนดีจริง ไม่งั้นก็เข้าไปรับบริหารดีกว่า
TOG
• แผน 5 ปี ลดต้นทุน ทำ cost down production และ improve efficiency
o ส่วน supply เรามีรายได้ที่ secure ผูกกันไว้แล้วในระยะสั้นและกลาง แต่ระยะยาวจะขยายไปกับ product ที่เป็นขาขึ้น 1-2 ตัว คือ trivex กับ tribid (แต่ยังเป็น stage ที่เริ่มต้นมาก เป็นผู้ผลิตรายเดียวของโลก และผูกกับรายใหญ่แล้ว)
• ลงทุนห้อง lab ในสิงคโปร์ เวียดนามลงทุน distribution กับ ห้อง lab จะเป็นห้อง lab ที่เป้นแว่นตา prescription จะเป็นสินค้าคุณภาพสูง เลนส์ progressive ถ้าไปตัดคู่หนึ่งหลายพันหรือเป็นหมื่น ตรงนี้จะเป็น lab แรกของเวียดนาม
o ใน SEA เราก็จะใช้เป็นแบรนด์ของเราเอง ในอนาคตจะสร้างยอดขาย นอกจากที่จับกับ chain ใหญ่ ตลาด high impact ใน อเมริกาไปได้ดี และตลาดในยุโรปก็มีทางขยายได้โดยทำ distribution channel
• ธุรกิจ Supply chain สำคัญ ต้องมีค้าปลีก backup อยู่ อนาคตข้างหน้าที่จะผนวกค้าปลีกมีโอกาส เราอยู่ในธุรกิจนี้มา 60 ปี เราทำได้หมด เพียงแต่ยังไม่ได้เข้าไปตรงนั้น
ช่วงที่ 2-1
15.15 - 16.15 น. "เศรษฐกิจโลกเศรษฐกิจไทยในปี 57”
- ดร.กอบศักด์ ภูตระกูล (ผช.กรรมการผู้จัดการ บมจ. ธนาคารกรุงเทพ)
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร และ อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ ดำเนินรายการ
เศรษฐกิจโลกปีนี้จะเป็นอย่างไร?
o ที่ผ่านมาเคยขึ้นเวทีพูดก็บอกว่าแย่มาตลอด ปีนี้มาพูดด้วยความสบายใจว่า ดี
o สิ่งที่ได้ยินจากต่างประเทศเขามั่นใจว่าไปได้ ตัวเลขจ้างงานที่ออกมาไม่ดีเพราะหนาวมาก
ที่อเมริกา น้ำตก Niagara ยังเป็นน้ำแข็ง คนอยากซื้อรถก็ซื้อไม่ได้ ไม่มีคนออกจากบ้าน
คนจะไปซื้อบ้านก็ไม่ได้เพราะหนาวเกินไป แม้แต่คนไปทำงานที่โรงงานก็ต้องชะลอ
จึงทำให้ตัวเลข Jan-Feb ของ US แย่กว่าปกติ พอถึงเดือน Mar ก็จะเริ่มดีขึ้น 179,000
อีกไม่นานก็น่าจะกลับไป 200,000 เหมือนเดิม และคิดว่าจะกลับมาได้ US คาดเติบโต 3% ปีนี้
คล้ายกับไทยในปี 1997 ที่พักฟื้นแล้วกำลังกลับมา
o 4-5 เดือนก่อนไป New York ก็เห็นป้ายต้องการคนอยู่หลายร้านค้า ในฝั่งยุโรปก็ดี
ประเทศที่เคยมีปัญหาก็เริ่มพลิกฟื้นแล้ว ex.สเปนเริ่มกลับมาเป็นบวกไตรมาสแรก เยอรมัน,ฝรั่งเศสก็ยังเป็นบวก
o ญี่ปุ่นอาจแผ่วลงไป แต่โดยรวมยังขับเคลื่อนได้ ทฤษฎี 3 ลูกศร
ลูกศรที่ 1 พิมพ์เงินให้เยอะ ได้ไอเดียจากอเมริกา ญี่ปุ่นเลยทำบ้าง ตั้งใจอัดฉีดเงินให้เต็มที่ ทำให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าเยอะ
จาก 78 เยน/ดอลลาร์ เป็น 100 กว่า เยน/ดอลลาร์ เป็นผลดี พวก Nissan,Sony ขาดทุนตลอด กลายเป็นกำไร
เพราะทำธุรกิจอยู่ต่างประเทศเยอะ ก็ได้กำไรค่าเงินกลับมา หุ้นญี่ปุ่น 6 เดือนที่ผ่านมาขึ้นราว 80%
ส่งออกได้ด้วยทำให้เศรษฐกิจเริ่มคึกคัก เป็นครังแรกนับตั้งแต่ 1990 เริ่มมีความเชื่อมั่นกลับมา
ลูกศรที่ 2 เหยียบคันเร่ง ให้รัฐบาลจับจ่ายใช้สอยให้เต็มที่ กระตุ้นเศรษฐกิจ
ลูกศรที่ 3 กระบวนการปฏิรูป เป็นสิ่งที่ตามมาช้าไปนิด จะไปต่อได้นานแค่ไหน
o จีน ณ ขณะนี้มีปัญหาจากการที่เศรษฐกิจดีมานาน เหมือนสมัยก่อนไทยเติบโต 10% ต่อเนื่องหลายปี หมกปัญหาไว้เขาพยายามไปแก้ไข ปัญหาอสังหาฯ โรงงานกำลังผลิตส่วนเกิน ประเทศจีนเด็ดขาด ถ้าอสังหาฯดีเกินไปสั่งห้ามซื้อ สั่งห้ามเอาเงินต่างประเทศมาลงทุน สั่งไม่ให้แบงค์ปล่อยสินเชื่อหรือดึงเงินคืนก็ทำได้ ปีที่แล้วมีการทำตารางออกมาว่าอุตสาหกรรมใดมีกำลังผลิตส่วนเกิน ซึ่งโรงงานเหล่านั้นต้องถอดออกมา จะได้ไม่เกินกำลังผลิต ที่ได้ยินปีนี้เรื่องคอร์รัปชั่นก็ติดคุกได้ทันที
ดังนั้นช่วงที่แก้ปัญหาอยู่จะไปได้ไม่ค่อยดี แต่คงไม่เจ๊ง น่าจะโตได้ 6-7%
เศรษฐกิจอาเซียนจะเป็นอย่างไร ?
o ปีนี้คิดว่าภาพรวมยังดี โดยเฉพาะ CLMV ดีมากกว่าไทยอีก ex. ลาวโตปี 8% ไทยโตแค่ 3%
อย่างลาวเขาได้เปลี่ยนตัวไปแล้ว เรามักคิดว่าไม่มีทางออกสู่ทะเล เงียบเหงาในการทำธุรกิจ
แต่ตอนนี้เป็นเส้นผ่านสำคัญในการเชื่อมกับประเทศอื่น
เช่น คุนหมิง ทำถนนเส้น R3A เชื่อมกับไทยที่เชียงขอม ไทยมิตรภาพไทยลาว 4 เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าได้เยอะมาก 250 ล้านคน หรือเส้นมิตรภาพไทยลาว 3 มุกดาหาร หนานหนิง 60 ล้านคน เวียดนาม 90 ล้านคน
และลาวมีเชื่อนหลายแห่ง ขายกำลังไฟฟ้า เป็นรายได้
o จังหวัดเช่นเชียงราย เมื่อก่อนเราไปเงียบๆพักผ่อน ต่อไปจะไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว จะเชื่อมกับประเทศจีน ผ่านเส้นทางนี้
o จังหวัดเหงาๆประเทศที่เหงาๆต่อไปจะไม่เหงา
o เวียดนามที่เคยมีปัญหา 2 ปีจากค่าเงินตอนนี้ปกติแล้ว
ปีที่แล้ว Samsung โรงงานเดียวทำให้เวียดนามกลับจากขาดทุนเป็นกำไร
o สุดเขตชายแดนประเทศไทย ตอนนี้เป็นหน้าด่านประเทศไทย
เศรษฐกิจไทยจะเป็นอย่างไร?
o เมืองไทยทะเลาะกันก็มีข้อดีที่ไม่ได้กู้ไม่ได้มีต่างลงทุนไว้เยอะ อย่างเช่น อินโดกู้เยอะ ลงทุนเยอะพอคนไหลออกก็เลยแย่ ตลาดพันธบัตรต่างชาติถือ 30% ไทยต่างชาติถือ 12% การออกแล้วหนักหน่วง ดอกเบี้ย 5% กลายเป็น 9%
o ฮ่องกง,สิงคโปร์มีปัญหาอสังหาฯย่ำแย่เพราะฟองสบู่ แต่เมืองไทยไม่มีเพราะต่างชาติไม่แน่ใจ
o ถ้าไม่ทะเลาะกันปีนี้อย่างน้อยโตได้ 4% ขึ้นไป
o ถ้าเกิดมีคนมาบอกว่าปีนี้เมืองไทยแย่แน่ เป็นเชิงการเมือง คิดว่าต่ำๆคือโต 2-3% การทะเลาะกันแบบนี้กำลังซื้อหาย เดินห้าง ซื้อรถ ซื้อบ้าน ก็หดหายไป เพราะเราไม่มั่นใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น เอกชนก็ไม่มั่นใจ รัฐบาลก็ไม่ลงทุน
o ภาคส่งออกจะดีปีนี้ ที่พูดไว้ 5-7% เป็นไปได้ ถ้าอเมริกายุโรปดีอาเซียนก็ต้องไปได้ อย่างสิ่งที่ขายเมืองไทยไม่ได้ก็ไปขายต่างประเทศ เช่นปูนก็ขายในอาเซียน
o งบประมาณปีนี้ 2.5 ล้านล้าน 80% เป็นงบประจำคือพวกเงินเดือน อีก 4.4 แสนล้านบาท คิดว่าเบิกจ่ายได้ มีงบปีนี้ถึงสิ้นกันยายน
o ตัวที่เป็นโครงการลงทุนใหญ่ๆ เตรียมงบไว้ 9.8 หมื่นล้าน คิดว่าเบิกจ่ายได้ 4 หมื่นกว่าล้านบาท ถือว่าน้อยมาก การใช้จ่ายรัฐบาลจะหายไปบางส่วน
o ถ้าเป็นโครงการที่มีงบแล้อนุมัติแล้ว ก็เบิกได้ ดำเนินไปได้ งบที่จะหายไปคือที่เป็นโครงการ 2 ล้านล้าน
Q.ถ้าถึงกันยายนไม่มีคนอนุมัติงบจะทำอย่างไร?
A. ตัวที่เป็นงบเงินเดือนจะเอาของเก่าเป็นเกณฑ์ ปกติต้องมีพรบ.งบประมาณ แล้วพยายามเบิกจ่ายจากงบเก่าก่อน
อาจจะมีบวกเงินเดือนที่เพิ่มบางส่วน แต่ตัวที่มีปัญหาคืองบลงทุน ซึ่งเป็นรายโครงการ จะมีปัญหาในไตรมาสที่ 1
ของปีงบประมาณ
เรื่องของ BOI ก็เป็นสิ่งที่กังวลใจ กรรมการก็หมดอายุไป ผู้ที่อยากลงทุนใหม่ก็ไม่แน่ใจว่าจะได้รับสนับสนุนทางภาษี
ปกติระยะเวลาที่อนุมัติไปจะมีผล 1-2 ปีให้หลัง ในช่วงสั้นยังไม่เป็นไร แต่ถ้ายาวนานผู้ที่จะลงทุนก็ไม่รอ คงไปลงทุนที่อื่น
o ถ้าการเมืองมีคำตอบในครึ่งปีแรก 2-3% เป็นไปได้และอาจดีกว่านั้น ช่วงราชประสงค์ปิด พอเหตุการณ์จบลงไปปัดกวาดเช็ดถู big cleaning day และรีบไปจับจ่ายใช้สอย
o ไปพารากอนช่วงที่ประท้วงค่อนข้างเงียบ ที่จอดรถว่าง รอบหลังที่กลับไปเริ่มหาที่จอดรถยาก เริ่มมีคนเดินคึกคัก
o ถ้าการเมืองกลับมาโครงการลงทุนภาครัฐทั้งหลายทำได้หมด ยกเว้นรถไฟฟ้าความเร็วสูง สามารถของบประมาณตามปกติ
มองโดยรวมดีไหม?
o ครึ่งแรกจะดีครึ่งหลังจะแผ่ว ถ้ายืดเยื้อทั้งปีถ้าตีกันไม่ดี
o ถ้ามองไกลๆมีกระแสพูดถึงการปฏิรูป ไปประชุมปฏิรูปคอร์รัปชั่น ถ้าเกิดเราช่วยกันเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ex.คอร์รัพชั่น การใช้จ่ายรัฐบาล ใน 5 ปีถัดมาอาจจะดีอย่างจำไม่ได้
ธปท.สามารถพิมพ์แบงค์เหมือน US,Japan ได้ไหม?
o ถ้าอยากทำก็ทำได้ แต่ที่ไม่ทำเพราะเราไม่ได้ป่วย
อย่างตอนปี 40 ทำอะไรไปเยอะเพราะตอนนั้นป่วยจริง
ปี 56 ครึ่งปีแรกเราคึกคัก หลังจากนั้นก็แผ่ว แต่ไม่ตาย
ดอกเบี้ยจะต่ำอย่างนี้อีกนานไหม?
o ถ้าการเมืองไม่คลี่คลายไม่น่ามีทางขึ้น มีแต่ทางลง ถ้าลุกลามอาจจะลงก็ได้อีก
ช่วง 2-2
16.15 - 17.30 น. “โอกาสหุ้นไทยในปี 57”
- คุณไพบูลย์ นลินทรางกูร (ประธานสภาธุรกิจตลาดทุน กรรมการผู้จัดการ บล.ทิสโก้)
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร และ อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ ดำเนินรายการ
ต่างประเทศมองหุ้นไทยอย่างไร?
o ในภาพ macro ลดการลงทุนในหุ้นไทย อนาคตยังไม่ชัดเจน เวลาเลือกซื้อเกณฑ์เขาต้องมี % ความแม่นยำระดับหนึ่ง
แต่ถ้าเป็นบริษัทก็ดูเป็นตัวไป
ช่วงที่ผ่านมาสถานการณ์ดูดีขึ้น นักวิเคราะห์ปรับประมาณการณ์ลงมารับแล้ว บ.จดทะเบียนโต 8% GDP โต 2-3% การเมืองก็เริ่มมีทางออกบ้าง สภาพคล่องในโลกก็มี 7 ล้านล้าน มีแค่ US ที่ประกาศจะอัดฉีดลดลง แต่ญี่ปุ่น,ยุโรปยังเพิ่มสภาพคล่อง ทุกวันยังมีเม็ดเงินใหม่ๆไหลเข้า ดอกเบี้ยลดลง ตราสารหนี้ก็มูลค่าเพิ่มขึ้น แต่ปี 56 ดอกเบี้ยเริ่มกลับทิศทางเป็นขึ้น จึงเห็นเม็ดเงินจากตราสารหนี้ไปที่หุ้น ทำให้ตลาดหุ้น US,ญี่ปุ่น,ยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้น
o สำหรับตลาดหุ้นไทยถ้าใคร identify profit opportunity ได้เม็ดเงินก็จะวิ่งไปหา แต่สถานการณ์ตอนนี้ยังไม่ปกติ เม็ดเงินก็พร้อมเข้าออกได้เสมอ เช่น สถานการณ์ที่ยูเครน จะเห็นว่า western europe fund เงินไหลออกทันทีทั้งที่ปัจจัยยุโรปยังดีเท่าเดิม ไปเข้าที่ US หรือ emerging market
o จีนแย่มา 3 ปีแล้ว เราจะเห็นการชะลอตัวขึ้นกับรัฐบาล เงินหยวนก็อ่อนค่ากว่าที่ควรจะเป็น
o อาเซียน อินโดขาดดุลสูง เงินเฟ้อ 7-8% ดอกเบี้ยสูง ขาดทุนลดลงนิดเดียวเงินก็ไหลกลับ
o market cap ไทย 12 ล้านล้านบาท 30% คือ 4 ล้านล้านบาทเป็นเงินต่างชาติ(คิดทั้งที่เป็น portfolio และเป็นการเข้ามาถือกิจการแบบ ING/TMB เป็นต้น ประมาณคร่าวๆสัดส่วน 50:50) ที่เหลือ 8 ล้านล้านบาท เป้นของสถาบันและรายย่อย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเงินรายย่อย
ต่างชาติขายหุ้นเยอะแต่หุ้นไม่ลง แสดงว่ารายย่อยสู้ได้?
o มี proptrade ซึ่งมีบทบาทเพิ่มขึ้น มีสัดส่วนรวมสถาบันเป็น 25% ของการซื้อขายต่อวัน อีก 25% เป็นต่างชาติ และ 50% ที่เหลือเป็นรายย่อย
หุ้นไทยปีนี้จะเป็นอย่างไร?
o upside ไม่เยอะ ผลประกอบการเป็น driver หลัก ปีนี้โตแค่ digit เดียว 8%
นักวิเคราะห์มองปีก่อนโต 25% โตจริงแค่ 7-8% ก็มีปรับประมาณการณ์ลงต้องคอยสังเกตดูการปรับและดูว่าสะท้อนหรือยัง
10 ปีที่ผ่านมากำไรบ.จดทะเบียนเป็นตัวหลักในการผลักดันราคาหุ้นไปด้วยกันปีต่อปี ซึ่ง 2-3 ปีหลังเติบโตลดลงหุ้นก็จะไม่ค่อยวิ่งหรือแกว่งตัวแคบๆ
o มองปีนี้ไม่ค่อยดีเพราะผิดปกติอยู่ แต่ปีหน้าสวยถ้าทุกอย่างลงตัว ต้องมองข้าม shot
o หลายบริษัทโตได้เองไม่ต้องพึ่งนโยบายรัฐบาล
เมื่อไรตลาดหุ้นไทยจะทะลุ high เดิม? ปีนี้จะทะลุไหม?
o ถ้ามองรวมปันผลก็ทะลุไปแล้ว ตอนนี้แตะราว 2000 กว่าจุด แต่ถ้ามองดัชนีอย่างเดียวคิดว่าปีนี้ไม่มีโอกาส
คนบอกว่า PE 12 เท่าถูกแล้ว แต่ถัาตัด sector ที่ควรมี pe ต่ำ เช่น energy, bank, commo ก็คิดเป็น pe เกือบ 20 เท่า
ซึ่งหุ้นที่ดีๆในตลาด pe ก็ยังสูง 20 กว่าเท่า ข้อดีของปีนี้คือเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว
หุ้นกลุ่มไหนจะใช้ได้?
o กลุ่มส่งออก กลุ่ม cycle ปิโตร เดินเรือ ได้ benefit เศรษฐกิจโลก รับรู้แล้ว ยังดีอยู่แต่ราคาไม่ได้ถูกมากแล้ว
o ถ้าการเมืองจบ sector ไหนน่าจะกลับมาดี เช่น อสังหาฯคนร้องยี้ ยอดขายแน่ order ไม่มี คิดว่าเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่น่าสนใจ ต้องดูว่าตัวไหนราคาลงมากกว่าศักยภาพบริษัท
ถ้าหากเป็นคนต่างชาติมองมาในอาเซียน ตลาดไทยน่าสนใจไหม?
o น่าสนใจมากขึ้น เพราะราคาเรา underperform เทียบใน region ถือว่า ดัชนี laggard กว่าคนอื่น
o เริ่มมองข้ามการเมืองแล้ว และถึงจะจบไม่จบก็โต 2% กว่า
นักลงทุนไทยเริ่มแนะนำให้ไปซื้อต่างประเทศไหม?
o เริ่มมี แต่ยังไม่เยอะ และต้องมีความเชี่ยวชาญว่าซื้ออะไรอยู่ ต้องศึกษาพอสมควร
ทีวีดิจิตอลจะส่งผลกับตลาดหุ้นไหม?
o เทียบกับขนาดเศรษฐกิจไม่เยอะมาก คงเฉพาะ sector นั้น
o ขนาดโฆษณาก็ไม่ได้ใหญ่มาก
มองรวมทุกอย่าง ตาดหุ้นไทย ปี 2557,2558 ให้คะแนนเท่าไร?
o ปี 57 4/10
o ปี 58 7/10
• ถามคำถามนี้กับ ดร.นิเวศน์ - ให้เท่ากัน
ขอขอบพระคุณอ.ไพบูลย์ ผู้ดำเนินรายการ แขกรับเชิญ ผู้สนับสนุนรายการ ทีมงานและผู้ช่วยเหลือการจัดงาน Money talk ทุกท่านครับ ถ้าหากสิ่งที่บันทึกมาผิดพลาดคลาดเคลื่อนไปอย่างไรขออภัยและรบกวนช่วยเสริมให้จะเป็นพระคุณยิ่งครับ ในการสัมมนารอบนี้ฝากเน้นย้ำเรื่องของการมาเข้าที่นั่งให้ตรงเวลานะครับ เพื่อให้ไม่ต้องรอกันนานมีที่ว่างก่อนเริ่มรายการครับ
ช่วงที่ 0 ประธานตลท. ดร.สถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ กล่าวเปิด
• แสดงความมั่นใจในเศรษฐกิจและตลาดทุนไทย
• ทุนสำรองไทยสูงมากเทียบกับประเทศอื่น ขาดดุลการค้าอยู่ในระดับจัดการได้
• ระดับเงินเฟ้อ ระดับว่างงาน ต่ำเทียบกับประเทศอื่นๆ
• การก่อหนี้สาธารณะ ประเทศที่กำลังเติบโตอยู่ ร้อยละ 60 ของ GDP แต่ของไทยยังไม่ถึงร้อยละ 50 ยังห่างจากเพดานที่กำหนดไว้
• ถ้ามีความสามารถชำระหนี้มากก็สามารถก่อหนี้ได้มาก ex.ญี่ปุ่น มีหนี้เกิน 100% ของ GDP
• ปี 56 เศรษฐกิจขยายตัวไม่มาก แต่ยังเป็นบวก ส่วนปี 57 ประเมินว่าน่าจะดีกว่าปีก่อน
• ตัวที่มีผลมาก GDP คือการส่งออก คิดเป็น ร้อยละ 70 มีการประเมินว่าส่งออกโต 5-7% ส่วนหนึ่งจากการฟื้นตัวของสหรัฐหรือญี่ปุ่น รวมถึงการขยายตัวของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น การค้ากับกัมพูชา ลาว พม่า
• โดยรวม GDP น่าจะโต 3-4%
• ตลาดหุ้นไทย มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดใน ASEAN โดยบริษัทที่เข้าจดทะเบียน หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆมาจดทะเบียน ex. กองทุนโครงสร้างพื้นฐานของ true และ bts ก็มีเป็น infra fund ที่มีมูลค่าสูงสุดใน ASEAN
• การลงทุนของต่างชาติในตลาดหุ้นไทยยังติด 1 ใน 3 มาตลอด และปี 56 ยังซื้อสุทธิอยู่ โดยกำลังซื้อเพิ่มขึ้นตามลำดับแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนลท.ต่างชาติ และนลท.ในประเทศ จะเห็นว่า SET ยังไม่ลดไปต่ำกว่า 1300 เกิดจากความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ
• ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนเติบโต 7.2% โดยเฉพาะกลุ่มอุปโภคบริโภคซึ่งเติบโตดีกว่าค่าเฉลี่ย
• หวังว่าการสัมมนาวันนี้จะได้เจาะลึกการลงทุนและเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจของนักลงทุน
• ขอขอบคุณอ.ไพบูลย์และเปิดการเสวนา
Money talk@SETครั้งถัดไป เสาร์ 26 เม.ย.57
• มี 2 ช่วง ช่วงที่ 1 จากอดีตสู่ความมั่งคั่ง และ ช่วงที่ 2 กระแสโลกกับกลยุทธ์ VI ไทย
• ผู้สนใจทั่วไปจองทาง Facebook 19 เม.ย.57
• ผู้อาวุโส ไม่ต้องจอง แสดงบัตรประชาชนแล้วเข้าได้เลย
ช่วงที่ 1
13.00 -14.45 น."เจาะหุ้นเด่นอุปโภคบริโภค"
1. คุณฤทธิ์ ธีระโกเมน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป
2. คุณไตรทิพย์ ศิวะกฤษณ์กุล
ประธานเจ้าหน้าที่การเงินส่วนกลาง บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล
3. คุณบุญยง ตันสกุล
กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ซิงเกอร์ประเทศไทย
4. คุณวิรัช ประจักษ์ธรรม
กรรมการผู้จัดการ บมจ. ไทยออพติคอล กรุ๊ป
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา และ นพ. ศุภศักดิ์ หล่อธนวนิช ดำเนินรายการ
ภาพรวมธุรกิจที่ดำเนินการ?
Singer
o เป็นธุรกิจค้าปลีก แต่ผ่อนได้ทำให้เราเข้าถึงสินค้าได้ทุกครัวเรือน
o มีสินค้าใหม่ทำพวงหรีดพัดลม ส่งถึงวัด ในอีก 2-3 เดือนจะเปิดตัว
o สินค้าหลักเป็นเชิงพาณิชย์สามารถทำรายได้ให้กับลูกค้า
o ตู้หยอดเหรียญเติมเงินมือถือ ปัจจุบันมี 40,000 ตู้ มีเงินเติมเฉลี่ยเดือนละ 1,000 ล้านบาท จะขยายปีนี้อีก 10,000 ตู้
และเพิ่มขายเวลาให้กับลูกค้าซื้อตู้เงินผ่อน จากเดิมที่มีรายได้จากขายตู้ และดอกเบี้ย
o ตู้เติมน้ำมัน มี 5,000 ตู้ ลูกค้าส่วนใหญ่รถมอเตอร์ไซค์ 5 ปีจะเป็นแสนปั๊ม เดือนหนึ่งใช้ 5 ล้านลิตร
o สินค้าหลักอีกตัวคือตู้แช่ (แช่เบียร์แช่อาหาร)
o สินค้าเน้นความจำเป็น ไม่ได้เน้นความสะดวก
o เคยขายมือถือแต่ไม่สำเร็จ เทคโนโลยีเปลี่ยนคนเลิกผ่อน เลยขายตู้เติมเงินมือถือแทน
เคยขายมอเตอร์ไซค์ไม่สำเร็จ ตอนนี้เราขายตู้ขายน้ำมันให้มอเตอร์ไซค์แทน
M
o เป็น ร้านสุกี้ เปิด 28 ปีแล้ว มีจำนวนเกือบ 400 สาขา ลูกค้าทานเฉลี่ยหัวละ 270 บาท
o ตอนนี้เป็น Multi-brand company เปิดแบรนด์ที่สอง ยาโยอิ 120 สาขา ทำมา 5-6 ปี
o มีร้าน ณ สยาม กับเลอสยามเป็นของคุณแม่ก็กำลังขยาย เป็นต้นตำรับที่เอาเป็ดมาขายในร้าน
ช่วงเทศกาลขายเป็ดวันละ 20,000 กว่าตัว
o มีลองเปิดร้านใหม่ทำรูปแบบต่างๆที่ต่างประเทศ
o สาขาของ MK กรุงเทพราว 200 ต่างจังหวัดราว 200 มีการเปิดใหม่เกือบทุกสัปดาห์ โดยเฉพาะต่างจังหวัด
เช่นล่าสุด นครพนม หนองคาย กำแพงเพชร บางจังหวัดก็เปิดไปตามอำเภอ
o สาขาย MK ในต่างประเทศ มี 36 สาขาที่ญี่ปุ่น คนญี่ปุ่นทานบอกอร่อยมาก โตเกียวมีสาขาที่ชินจุกุ ติดกับ uniqlo
มีที่คิวชู นางาซากิ ฟูกุโอกะ ทยอยเปิด 5-10 สาขาต่อปี
o แบรนสด์ ยาโยอิ สาขา 80% อยู่กรุงเทพ 20% อยู่ต่างจังหวัด
o อ.ไพบูลย์เสริม รพ.ศิริราชปิยมหาการุณย์ ทางคุณฤทธิ์ได้ให้การสนับสนุนบุคลากรพาไปดูงานที่ต่างประเทศ
ในการบริหารจัดการ รวมทั้งชั้นล่างก็จะมี MK,ยาโยอิ รายได้หักค่าใช้จ่ายทั้งหมดเข้าโรงพยาบาล ใครทานก็ได้บุญด้วย
MINT
• มีธุรกิจหลักโรงแรมกับอาหาร และมี retail บางส่วน
• ธุรกิจโรงแรม แบรนด์ เช่น อนันตรา, โฟร์ซีซั่นส์, แมริออท, โอ๊คส์,
o โรงแรงมี 100 กว่าโรงแรมทั่วโลก เช่น แอฟริกา มัลดีฟ ออสเตรเลีย
o รับบริหาร 60% โรงแรมของ mint เอง 30%
• ธุรกิจอาหาร
o เบอร์ Delivery 1112 แบรนด์ เช่น pizza company, swensen, sizzler, burger king, daiy queen
มี coffee club 10 สาขา ร่วมกับ partner ออสเตรเลีย, thai express เป็นต้€น
o รวมจำนวน 1500 สาขาทั่วโลก ต่างประเทศเช่น ที่ออสเตรเลีย มัลดีฟฟ์ สิงคโปร์
• สัดส่วนรายได้ โรงแรม:อาหาร 50:50 กำไร 60:40
o โรงแรมมีทำ mix use เหมือนคอนโด ex. St.regis เป็น lease hold
• นอกจากนี้มีธุรกิจ Retail รายได้ 10% คิดเป็นกำไรราว 5% ของทั้งหมด ขายเสื้อผ้าแฟซั่น แบรนด์ espirit, gap,
red earth, กระเป๋าทูนนี่ เครื่องครัวแฮงเคิล, Charles&keith เป็นต้น
• มีถือหุ้นใน SNP 31%
TOG
• ผลิตและหล่อเลนส์ แบบ uncut OEM เป็นหลัก มีแบรนด์ตัวเอง Excelite ขายใน SEA,ตุรกี
ส่วนใหญ่ทำเลนส์ให้แว่นพวกแบรนด์ยี่ห้อกล้อง,นาฬิกา
• ร้านหอแว่นไม่ได้เกี่ยวโดยตรง แต่เป็นธุรกิจในกลุ่มที่ผถห.ใหญ่กลุ่มหนึ่งของ TOG ถือหุ้นหลัก (ตระกูลประจักษ์ธรรม)
• SPECSAVERS ถือหุ้นใน TOG 25% จึงเป็นแหล่งที่เราเอาสินค้าไปลงได้ มีสาขาในยุโรป ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์
รวมแล้วกว่า 1800 สาขา
• เลนส์ส่วนมากเป็นสายตา หล่อเลนส์ standard เลนส์พรีเมียม(เปลี่ยนสีได้) เลนส์ทนแรงกระแทกสูง Trivex เลนส์ Tribid
• การเปลี่ยนเลนส์ปกติ 2.5 ปี/ครั้ง จากข้อมูลประชากรโลก 7000 กว่าล้านคน 60% ต้องการใช้เลนส์ 4300 ล้านคน
ใช้จริง 1800 ล้าน ต้องการแต่ไม่รู้ตัวว่าต้องใช้ยังมีโอกาสเติบโต
• อ.ไพบูลย์เสริม มีโครงการสมเด็จพระเทพฯ รับบริจาคแว่นตาหากใครไม่ได้ใช้ประโยชน์
https://www.facebook.com/CareYourEye
ผลประกอบการ?ผลกระทบทางการเมือง?
SINGER
o ไตรมาส 4 เป็นฤดูกาลที่ปกติยอดขายต่ำกว่าไตรมาสอื่น และเราต้องการเปลี่ยนกลยุทธ์ที่ aggressive มา 8 เดือนได้
เป้าหมายปีแล้ว
o รายได้เติบโต 20% กำไรโต 40% มา 5 ปีติดต่อกัน ปีนี้ไม่ค่อยห่วง ผ่านวิกฤติมาตลอด การเมือง น้ำท่วม
แต่ธุรกิจเรามีความยืดหยุ่นสูง เป็นค้าปลีกมีหน้าร้าน 120 สาขา แต่เป็นสัดส่วนขาย 5% เท่านั้น มี 95% 3 วิธี
- 1) ขายผ่านรถ mobile แล้วบอกให้กองทัพรถไปเจาะกลุ่มที่ไหนอย่างไร เป็น internal promotion
- 2) ขายพนักงาน 4,000 คนไปตามหมู่บ้าน อำเภอ จังหวัด
- 3) ขายผ่าน call center เป็นสื่อ above the line มีการขายประสานงานกันไป
o ที่ไหนมีกำลังซื้อไปที่นั่นก่อน ที่ไหนมีปัญหาเราก็ไปในที่ที่ยังขายได้ ไม่ได้รอคนมา walk in
o อีกความยืดหยุ่นคือเราบริหารเงินผ่อน ทำให้เราขยายตัวในการขาย สินค้าเชิงพาณิชย์คนซื้อไปแล้วมีรายได้มีอาชีพ
พอยืดค่างวดออกไปเงินผ่อนจะต่ำลง รายได้ที่ได้จากเครื่องหยอดเหรียญ ตู้แช่ ก็เอามาผ่อนอาจมีเงินเหลือมาลงทุนเพิ่ม
o สินค้าเราให้บริษัทอื่นผลิตให้ ตัวไหนไม่เน้นก็สั่งให้น้อยลง ตัวไหนเน้นก็สั่งเพิ่มขึ้น
o ปีนี้ผ่านมาแล้ว 3 เดือนยังเห็นการเติบโต ปีนี้โตเกือบ 50% สำหรับสินค้ากลุ่มพาณิชย์ ช่วงที่เป็นวิกฤติ model นี้จะทำให้
คนกล้าซื้อสินค้าเราเพราะสินค้าที่ทำให้มีรายได้
o และมีสินค้าตัวขับเคลื่อนในฤดูกาล 3 ตัว
- 1) เครื่องปรับอากาศ ผ่อ่นวันละ 30 บาท นอนแอร์ singer ได้เลย
- 2) ตู้แช่ ตู้เย็น หน้าร้อนมาขายเพิ่ม 3-4 เท่าตัว
- 3) ตู้หยอดเหรียญเติบโตตลอดไม่มีฤดูกาล ถ้าไปปรับเปลี่ยนโครงสร้างเงินผ่อนก็ยิ่งโต
o สิ่งที่เราได้คือ รายได้ตัวสินค้า ดอกเบี้ย เวลาที่ขายให้ลูกค้า
o ขายสินค้าแล้วเกือบ 40,000 หมู่บ้าน ขายสินค้า 1 ตัว 1 หมู่บ้าน พอไปเก็บเงินทุกเดือนๆก็จะมีคนเห็น
เป็นเครือข่ายผู้ ใช้สินค้าผู้ช่วยขายเหมือน mlm ใช้สินค้าเราทุกวันๆอาจเก่งกว่าพนักงานขายด้วยซ้ำ
ประหยัดของที่ต้องแสดงดูในบ้านลูกค้าเลย
o ลูกค้ารากหญ้าเมื่อ 4 ปีก่อนเป็นตัวหลัก ตอนนี้ 40% กลุ่มเชิงพาณิชย์ ที่เหลือ factory worker, พนักงาน office
o เราอยู่กับชาวนามานาน ปัญหาชาวนา น้ำแล้ง กับ น้ำท่วม การขายจูงใจจ่ายล่วงหน้า แล้วซอยรับรู้เป็นเดือนๆ
o มีสัดส่วนจ่ายเงินมาล่วงหน้า 60% ถ้าเกิดปัญหาน้ำท่วม 3 เดือน ก็จะไม่มีปัญหา ประวัติลูกค้าจะไม่เสีย
ยกเว้นถ้าท่วมนานกว่าตรงนั้นก็เป็น npl ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นลูกค้าก็จะเอาสินค้ามาคืนได้ แต่มีน้อยเพราะสินค้าทำเงินได้
ที่จะเอามาคืนจะมีคือเมื่อปิดกิจการ พวกที่จะคืนมากกว่าคือ ตู้เย็น ทีวี คืนมาเราก็รับ NPL จึงขึ้นจาก 5 เป็น 6%
o สินค้าที่รับคืนจะมา reprocess ขายให้กับผู้ที่ต้องการสินค้าราคาถูก
o ปัญหาโครงการรับจำนำข้าวเป็นปัญหาชั่วคราว แต่ลูกหนี้กลุ่มนี้มีจำนวนไม่มาก
เราก็บอกให้ทีมขายพยายามไปเลือกกลุ่มเป้าหมายใหม่
o ปี 57 คาดเติบโตได้ 15-20% ถ้าไม่ได้ตามคาดจะปรับสินค้า ปรับพอร์ตลูกหนี้ วางไว้ 2 ช่วง
ถ้าผลกระทบในประเทศจบได้เร็วช่วงครึ่งปีแรก ครึ่งปีหลังจะสบาย แต่ถ้ายืดเยื้อเราคงต้องเปลี่ยนแผน โตได้ซัก 10%
มาเน้นเรื่องคุณภาพ หารายได้อื่นๆด้วย 2 บริษัทลูก งานบริการหลังการขาย ซ่อมสินค้า
และทำพวกเงินผ่อน ของลูกค้า dealer ที่ขายสินค้าเชิงพาณิชย์
o ตอนนี้เข้าจับมือ makro มิตรแท้โชว์ห่วย เราก็กัลยานมิตร โชว์ห่วย เป็นกลุ่มเป้าหมายเดียวกัน
เปิดไปแล้ว 4 สาขา ส่วน makro มี 60 กว่าสาขา เอยากเปิดตามให้ครบ น่าจะช่วยเติมเต็มในการเติบโตได้
o มีการปรับปรุงภายในความสูญเสียต่างๆในการดำเนินการ เชื่อว่ากำไรยังวิ่งไปได้อีก แม้รายได้จะไม่เติบโตมากเหมือนเดิม
o ปันผล 0.45 บาท ราว 40% กำไรสุทธิ
M
o ปี 56 รายได้กลุ่มค้าปลีกคงตัว ที่จริงควรโตสัก 10% คนเดินห้างน้อยลง กินน้อยลง ตัวเรายังดีที่ยอดขายโต และกำไรก็โตพอๆกัน
o ปี 57 ถ้าสถานการณ์ดีคงโต 10-15% และคาดว่า 6-7 ปีข้างหน้าคงโตได้เท่าตัว
o การมีสาขามากทำให้ได้ประโยชน์ที่ค่าใช้จ่ายกองกลางคงที่ แต่มีตัวหาร ทำให้ค่าใช้จ่ายต่อสาขาลดลง
เพิ่มสาขาไปเรื่อยๆ ซื้อของมากขึ้นเรื่อยๆ ex.ผักซื้อ 5-10 ตันต่อวัน วันหนึ่งลูกค้าไม่ต่ำกว่าแสนคน
ทั่วไปทาน 3-5 ขีดต่อมื้อ แสนคนก็ทานเป็น 30-50 ตัน รวมทั้งค่าโช้จ่ายโฆษณาก็ได้ประโยชน์ด้วยจากสาขามาก
o ร้านอาหารยังไปต่อได้ ต้องมีลดต้นทุน มีความสูญเสีย ถ้ามีระบบที่ดีจะป้องกันได้ เก็บได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย
• Q.MKโตขึ้นเรื่อยๆอิ่มตัวเป็นไปได้ไหม?
A. ลูกค้ามีมากขึ้นเรื่อยๆ อาหารบางอย่างอายุมากแล้วคนทานไม่ได้ แต่ของเราอายุ 45 ปีขึ้นไปแทบจะเป็นลูกค้าเราหมด
รวมทั้งคนรุ่นใหม่ก็เข้ามาสมทบ ในแง่กำลังซื้อ เมื่อก่อนขายแต่กรุงเทพตอนนี้ก็ขายหัวเมืองต่างจังหวัดอำเภอ
คนที่มีกำลังซื้อขึ้นมาก็ทานได้ เคยถามเพื่อนบอกว่าแคดดี้ก็ทานกันทุกคน
สมัยก่อน middle income ทานสมัยนี้เป็น middle-low income ก็ทานได้
o การทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น มี 3 วิธี ให้ทานมากขึ้น, ทานถี่ขึ้น, พาเพื่อนมาทาน รวมทั้งเพิ่มสาขาด้วยก็ทำให้โต
o Deliver เบอร์โทร 022485555
MINT
• ได้รับผลกระทบการเมืองแต่ไม่มาก ธุรกิจเรา คือ กิน เที่ยว ช็อป ปีที่แล้วช่วงต้นปีดูดี แต่ปลายปีก็มีปัญหาอีกแล้ว
แต่กำไรก็ยังโต 20% ทุกปี
o โรงแรม กระจายธุรกิจทั้งต่างจังหวัด-หัวเมืองจุดท่องเที่ยว มีในต่างประเทศ ก็ขยายให้มากขึ้น
จากสัดส่วน 35%->50% รายได้ในอนาคต ตัวที่ได้ผลกระทบคือในกรุงเทพ
มี season ไตรมาส 1,4 ที่สูง
o อาหาร รายได้ค่อนข้างคงที่ ยังไงคนก็ต้องทาน ไม่ค่ยอมี season
รายได้ปีก่อน 36,000 ล้านบาท มีแฟรนไชส์และรับบริหาร
กำไร 4,000 ล้าน โต 25% yoy
o มีแผนธุรกิจโตเท่าตัวใน 5 ปีข้างหน้าทุกธุรกิจ
อาหาร 1500 สาขา -> 2600 สาขา โรงแรม 103 แห่ง -> 200
• Q.ปีที่แล้วกำไรเพิ่มมากจากอะไร?
A. ควบคุมต้นทุนส่วนหนึ่ง และ operation จริงๆ มีขยายธุรกิจ ซื้อกิจการใหม่
มีทั้งซื้อกิจการที่ทำอยู่แล้วและสร้างใหม่ ทำให้รายได้เข้ามาโตเร็ว
• Q. กำไรจากการขายอสังหาฯ แบบ st.regisค่อนข้างมาก จะมีโครงการแบบนี้อีกไหม?
A . มี ทำที่ภูเก็ต สมุย ก็มีแผนจะทำต่อไปอีก
TOG
• ผลประกอบการ 56 มีจากประกันน้ำท่วมส่วนหนึ่งและ operation ฟื้นดีกว่าที่คาด
รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยน เราเป็นเลนส์ส่งออกเป็นหลัก
• หมอเค เสริม รายได้ปี 55 1600 ล้าน ปี 56 1600 กว่าล้าน กำไรปี 55 160 กว่าล้าน 56 154 ล้าน
o ปี 55 เงินประกันน้ำท่วม 120 กว่าล้าน เราไม่มี stock build ให้ลูกค้าช่วงน้ำท่วม ก็เกิดลูกค้า switch ไป
และ operation ก็ลุ่มๆดอนๆตอนเริ่มเดินใหม่ ปี 56 เริ่มฟื้นตั้งแต่ Q2 เป็นต้นไปและเปลี่ยน product เป็น mix
พวกที่มี value added ปี 57 2 เดือนนี้ดีมาก ผลิตไม่ทัน เป็นเหมือนกันในกลุ่มธุรกิจ
ประเทศไทยเป็นฐานเลนส์แว่นตาใหญ๋มาก ต่างชาติเอาเป็นฐานการผลิต
ค่าแรงจีนไม่ได้ถูกกว่า แต่ consumable หลายๆอย่างที่ใช้ใน industry ถูกกว่า
ที่ผลิตในไทยจะเป็นพวกที่ขายของแพง คุณภาพสูง เลนส์เป็น medical device ต้องควบคุม std
วางเป้าปี 57 1800 ล้านบาท โต 10% ตอนทำแผนค่าเงินที่วางไว้ US 30 บาท ตอนนี้ 32 บาทกว่า
รายได้เป็น 80% ดอลลาร์ ยูโร 10กว่า %
ในแง่ order ที่เข้ามาค่อนข้าง secure และเราเป็น 1 ใน supply chain ของ chain แว่นตาใหญ๋ของโลก
การบ้านคือต้องทำ cost down
o ในระยะยาวต้องพิจารณา chain อื่นเพราะเราจะไม่มีอำนาจต่อรอง ถ้าเพิ่ม volume ก็จะโดนต่อรองราคา
• มีพัฒนาสินค้าที่ได้ margin สูง เช่น trivex ทนแรงกระแทกสูง ขายในยุโรป เบา ทำกรอบเปลือยได้เจาะได้ และใช้กับเด็กได้ดี เราก็เป็น 1 ในไม่กี่โรงที่ทำสินค้าพวกนี้
• Q.ทำของให้ดี และทนคนจะไม่ค่อยเปลี่ยน?
A. เปลี่ยนเพราะเป็นรอย จากการดูแลรักษา พวก ipad/iphone blue light ตอนนี้จะมีทำเลนส์กันสะท้อนของ blue light
แสงที่ออกมาจะเป้นกราฟที่เป็นความถี่ UV สูง มันจะสะสมข้างในใกล้ๆ retina
ถ้าอายุ 50 ขึ้นจะมีปัญหาจอแก้วตาเสื่อมสภาพ ไม่สามารถรับแสงได้ตามปกติ คนอายุ 60 ปี มีอกาสเป็น 20%
โครงการในอนาคต ใน 5 ปีข้างหน้า
• Singer
o ตั้งแต่ปี 52 โต 1800 ล้านเป็น 3600 ล้าน ขับเคลื่อน รายได้ และ กำไร
รายได้ – สินค้าที่นำมาขยายในกลุ่มมีอาชีพ มีมูลค่าสูง ตู้เติมเงินมือถือ 1 ชิ้น 4-5 หมื่นบาท ดีกว่าขายตู้เย็น
เห็นภาพชัดว่าโตขึ้นเลย
กำไร – ลูกหนี้ส่วนใหญ่เป็นร้านค้า เอาสินค้าสร้างอาชีพ จะคืนสินค้าถ้าทำไม่ได้ปิดกิจการ ซึ่งมีน้อย
รวมทั้งสินค้าที่มองว่าต่อยอดได้ ตู้หยอดเหรียญ คู่แข่งน้อย เราบริหาร gross margin บริหารราคาได้
มีบางบ้านที่มีแต่สินค้าของ singer ในบ้าน เรามีสินค้าครบ line สามารถสร้างร้านค้าให้มีแต่สินค้าเรายี่ห้อเดียวก็ได้เหมือนกัน
ถ้าทำแบบนั้นมูลค่าต่อร้านค้าก็เป็นล้านกว่าบาท
o ธุรกิจที่ทำอยู่ก็ยังไม่เจอคู่แข่ง ที่กล้าทำเงินแข่งยาวๆ 2-3 ปีเราสายป่านยาวพอ ปกติเค้าขายสดหรือผ่อนไม่เกิน 3 เดือน
• Q.มีแผนออกไปประเทศเพื่อนบ้านไหม?
A. ไม่ได้ singer เป็นแบรนด์ตปท. เรามีร้าน 44 สาขาอยู่ชายแดนประเทศ เราปรับปรุงร้านเหล่านี้ให้ขายได้ 2 ภาษา
(อรัญประเทศ,แม่สอด) จะมีศักยภาพในการเติบโตสูง แต่หลังปี 58 เมื่อไม่มีพรมแดนเราน่าจะเดินเข้าไปต่างประเทศได้
ในประเทศที่บริษัทแม่ยังไม่ดำเนินการ
• Q.ประเทศที่ singer เติบโตดี ?
A.ศรีลังกา ส่วนไทยตอนปี 1997 ขายเป็นหมื่นล้านเคยเป็นแชมป์โลกก่อนเกิดวิกฤติ ตอนนี้ก็กลับมาเป็นยอดขายลำดับ 2 แล้ว
M
• ยังมีช่องทางขยายในประเทศ และต่างประเทศ เวียดนาม อินโด มาเล สิงคโปร์ ในระยะแรกยังไม่เห็นผล แต่ใน 5 ปีข้างหน้าจะเห็นการเติบโต แต่ประเทศเหล่านี้ค้าปลีกยังล้าหลังกว่า ต้องอาศัยเรา ex. ไปเปิดร้านที่โฮจิมินส์เราก็เป็นร้านที่บริการดี สะอาด
• อีกกลยุทธ์คือเอาแบรนด์อื่นเข้ามา กำลังเติบโตอย่างแช็งแรง เรากำลังเพิ่มแบรนด์ที่ 3,4 ต่อไป เอามาปลูกตั้งแต่ยังเล็กเลี้ยงจนโตจะแข็งแรง เรามองว่าความแข็งแรงสำคัญ อย่างเรา Debt free มา 10 กว่าปีแล้ว
• กลยุทธ์ถัดมาคือ acquisition ก็ค่อยๆดูว่าเขาแข็งแรงไหม ดูทั้งในประเทศและต่างประเทศ
o เราก็มองจุดแข็งว่าชำนาญด้านอาหาร ธุรกิจต้องหาแก่นตัวเองให้เจอ เป็นโลกแห่งความสามารถเฉพาะ เมื่อก่อน apple เก่งคอมพิวเตอร์ ตอนนี้ apple เก่งโทรศัพท์มือถือ โชคดีอย่างของเราคือมันไม่ digital ถ้าส่งตามสายไปได้คงเลิกกิจการไปแล้ว คนก็ยังต้องออกมากินเหมือนเดิมๆ เราก็เลยรักษาการสร้างบรรยากาศ สิ่งแวดล้อมให้คนมาทานมีความสุข
• Q.กำไรขั้นต้นสูงมาก ถ้าจะไปซื้อกิจการมาเพิ่มจะมีเกณฑ์ไหม?
A. บริษัทอาหารทั่วโลก กำไรสูงทั้งนั้น Food cost 30-33% ถ้าเทียบกับโรงแรม ต้นทุนหลัก 25% เท่านั้น
ตัวที่มีกำไร ค่าแรง 20% ถ้าเป็น fast food ไม่ถึง 20% (หลัก 10% กว่าๆ) อื่นๆเช่นค่าเช่า ค่าโฆษณา
ส่วนที่เรามีคือความมีประสิทธิภาพ ถ้าจะซื้อ ต้องดูโครงสร้างตรงนี้ก่อน แล้วดูว่าเค้าเก่งตรงไหน
ที่จะต่างกันคือค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ ถ้าโครงสร้างตรงนั้นเขาไม่ดี แต่เราดี
เราไปช่วยขยายสาขา มี logistics หรือพวก infrastructure ไปได้
MINT
• แผนจะเน้นการขยายสาขา ใน 5 ปีข้างหน้า 1500 -> 2600 สาขา ไม่ใช่บนแบรนด์ปัจจุบันที่มีอยู่ มีทั้งการร่วมทุนและเข้าซื้อแบรนด์อื่นๆ ด้วย เป็น pipeline ก็มีอยุ่
o เช่น ในจีนมีเข้าซื้อหุ้นเพิ่มในธุรกิจร้านขายอาหารประเภทปลา ซึ่งคนจีนชอบทานมาก
• กลยุทธ์เข้าลงทุน Asset right จะดูว่าธุรกิจนั้น ให้ผลตอบแทนดีจริง ไม่งั้นก็เข้าไปรับบริหารดีกว่า
TOG
• แผน 5 ปี ลดต้นทุน ทำ cost down production และ improve efficiency
o ส่วน supply เรามีรายได้ที่ secure ผูกกันไว้แล้วในระยะสั้นและกลาง แต่ระยะยาวจะขยายไปกับ product ที่เป็นขาขึ้น 1-2 ตัว คือ trivex กับ tribid (แต่ยังเป็น stage ที่เริ่มต้นมาก เป็นผู้ผลิตรายเดียวของโลก และผูกกับรายใหญ่แล้ว)
• ลงทุนห้อง lab ในสิงคโปร์ เวียดนามลงทุน distribution กับ ห้อง lab จะเป็นห้อง lab ที่เป้นแว่นตา prescription จะเป็นสินค้าคุณภาพสูง เลนส์ progressive ถ้าไปตัดคู่หนึ่งหลายพันหรือเป็นหมื่น ตรงนี้จะเป็น lab แรกของเวียดนาม
o ใน SEA เราก็จะใช้เป็นแบรนด์ของเราเอง ในอนาคตจะสร้างยอดขาย นอกจากที่จับกับ chain ใหญ่ ตลาด high impact ใน อเมริกาไปได้ดี และตลาดในยุโรปก็มีทางขยายได้โดยทำ distribution channel
• ธุรกิจ Supply chain สำคัญ ต้องมีค้าปลีก backup อยู่ อนาคตข้างหน้าที่จะผนวกค้าปลีกมีโอกาส เราอยู่ในธุรกิจนี้มา 60 ปี เราทำได้หมด เพียงแต่ยังไม่ได้เข้าไปตรงนั้น
ช่วงที่ 2-1
15.15 - 16.15 น. "เศรษฐกิจโลกเศรษฐกิจไทยในปี 57”
- ดร.กอบศักด์ ภูตระกูล (ผช.กรรมการผู้จัดการ บมจ. ธนาคารกรุงเทพ)
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร และ อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ ดำเนินรายการ
เศรษฐกิจโลกปีนี้จะเป็นอย่างไร?
o ที่ผ่านมาเคยขึ้นเวทีพูดก็บอกว่าแย่มาตลอด ปีนี้มาพูดด้วยความสบายใจว่า ดี
o สิ่งที่ได้ยินจากต่างประเทศเขามั่นใจว่าไปได้ ตัวเลขจ้างงานที่ออกมาไม่ดีเพราะหนาวมาก
ที่อเมริกา น้ำตก Niagara ยังเป็นน้ำแข็ง คนอยากซื้อรถก็ซื้อไม่ได้ ไม่มีคนออกจากบ้าน
คนจะไปซื้อบ้านก็ไม่ได้เพราะหนาวเกินไป แม้แต่คนไปทำงานที่โรงงานก็ต้องชะลอ
จึงทำให้ตัวเลข Jan-Feb ของ US แย่กว่าปกติ พอถึงเดือน Mar ก็จะเริ่มดีขึ้น 179,000
อีกไม่นานก็น่าจะกลับไป 200,000 เหมือนเดิม และคิดว่าจะกลับมาได้ US คาดเติบโต 3% ปีนี้
คล้ายกับไทยในปี 1997 ที่พักฟื้นแล้วกำลังกลับมา
o 4-5 เดือนก่อนไป New York ก็เห็นป้ายต้องการคนอยู่หลายร้านค้า ในฝั่งยุโรปก็ดี
ประเทศที่เคยมีปัญหาก็เริ่มพลิกฟื้นแล้ว ex.สเปนเริ่มกลับมาเป็นบวกไตรมาสแรก เยอรมัน,ฝรั่งเศสก็ยังเป็นบวก
o ญี่ปุ่นอาจแผ่วลงไป แต่โดยรวมยังขับเคลื่อนได้ ทฤษฎี 3 ลูกศร
ลูกศรที่ 1 พิมพ์เงินให้เยอะ ได้ไอเดียจากอเมริกา ญี่ปุ่นเลยทำบ้าง ตั้งใจอัดฉีดเงินให้เต็มที่ ทำให้ค่าเงินเยนอ่อนค่าเยอะ
จาก 78 เยน/ดอลลาร์ เป็น 100 กว่า เยน/ดอลลาร์ เป็นผลดี พวก Nissan,Sony ขาดทุนตลอด กลายเป็นกำไร
เพราะทำธุรกิจอยู่ต่างประเทศเยอะ ก็ได้กำไรค่าเงินกลับมา หุ้นญี่ปุ่น 6 เดือนที่ผ่านมาขึ้นราว 80%
ส่งออกได้ด้วยทำให้เศรษฐกิจเริ่มคึกคัก เป็นครังแรกนับตั้งแต่ 1990 เริ่มมีความเชื่อมั่นกลับมา
ลูกศรที่ 2 เหยียบคันเร่ง ให้รัฐบาลจับจ่ายใช้สอยให้เต็มที่ กระตุ้นเศรษฐกิจ
ลูกศรที่ 3 กระบวนการปฏิรูป เป็นสิ่งที่ตามมาช้าไปนิด จะไปต่อได้นานแค่ไหน
o จีน ณ ขณะนี้มีปัญหาจากการที่เศรษฐกิจดีมานาน เหมือนสมัยก่อนไทยเติบโต 10% ต่อเนื่องหลายปี หมกปัญหาไว้เขาพยายามไปแก้ไข ปัญหาอสังหาฯ โรงงานกำลังผลิตส่วนเกิน ประเทศจีนเด็ดขาด ถ้าอสังหาฯดีเกินไปสั่งห้ามซื้อ สั่งห้ามเอาเงินต่างประเทศมาลงทุน สั่งไม่ให้แบงค์ปล่อยสินเชื่อหรือดึงเงินคืนก็ทำได้ ปีที่แล้วมีการทำตารางออกมาว่าอุตสาหกรรมใดมีกำลังผลิตส่วนเกิน ซึ่งโรงงานเหล่านั้นต้องถอดออกมา จะได้ไม่เกินกำลังผลิต ที่ได้ยินปีนี้เรื่องคอร์รัปชั่นก็ติดคุกได้ทันที
ดังนั้นช่วงที่แก้ปัญหาอยู่จะไปได้ไม่ค่อยดี แต่คงไม่เจ๊ง น่าจะโตได้ 6-7%
เศรษฐกิจอาเซียนจะเป็นอย่างไร ?
o ปีนี้คิดว่าภาพรวมยังดี โดยเฉพาะ CLMV ดีมากกว่าไทยอีก ex. ลาวโตปี 8% ไทยโตแค่ 3%
อย่างลาวเขาได้เปลี่ยนตัวไปแล้ว เรามักคิดว่าไม่มีทางออกสู่ทะเล เงียบเหงาในการทำธุรกิจ
แต่ตอนนี้เป็นเส้นผ่านสำคัญในการเชื่อมกับประเทศอื่น
เช่น คุนหมิง ทำถนนเส้น R3A เชื่อมกับไทยที่เชียงขอม ไทยมิตรภาพไทยลาว 4 เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าได้เยอะมาก 250 ล้านคน หรือเส้นมิตรภาพไทยลาว 3 มุกดาหาร หนานหนิง 60 ล้านคน เวียดนาม 90 ล้านคน
และลาวมีเชื่อนหลายแห่ง ขายกำลังไฟฟ้า เป็นรายได้
o จังหวัดเช่นเชียงราย เมื่อก่อนเราไปเงียบๆพักผ่อน ต่อไปจะไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว จะเชื่อมกับประเทศจีน ผ่านเส้นทางนี้
o จังหวัดเหงาๆประเทศที่เหงาๆต่อไปจะไม่เหงา
o เวียดนามที่เคยมีปัญหา 2 ปีจากค่าเงินตอนนี้ปกติแล้ว
ปีที่แล้ว Samsung โรงงานเดียวทำให้เวียดนามกลับจากขาดทุนเป็นกำไร
o สุดเขตชายแดนประเทศไทย ตอนนี้เป็นหน้าด่านประเทศไทย
เศรษฐกิจไทยจะเป็นอย่างไร?
o เมืองไทยทะเลาะกันก็มีข้อดีที่ไม่ได้กู้ไม่ได้มีต่างลงทุนไว้เยอะ อย่างเช่น อินโดกู้เยอะ ลงทุนเยอะพอคนไหลออกก็เลยแย่ ตลาดพันธบัตรต่างชาติถือ 30% ไทยต่างชาติถือ 12% การออกแล้วหนักหน่วง ดอกเบี้ย 5% กลายเป็น 9%
o ฮ่องกง,สิงคโปร์มีปัญหาอสังหาฯย่ำแย่เพราะฟองสบู่ แต่เมืองไทยไม่มีเพราะต่างชาติไม่แน่ใจ
o ถ้าไม่ทะเลาะกันปีนี้อย่างน้อยโตได้ 4% ขึ้นไป
o ถ้าเกิดมีคนมาบอกว่าปีนี้เมืองไทยแย่แน่ เป็นเชิงการเมือง คิดว่าต่ำๆคือโต 2-3% การทะเลาะกันแบบนี้กำลังซื้อหาย เดินห้าง ซื้อรถ ซื้อบ้าน ก็หดหายไป เพราะเราไม่มั่นใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น เอกชนก็ไม่มั่นใจ รัฐบาลก็ไม่ลงทุน
o ภาคส่งออกจะดีปีนี้ ที่พูดไว้ 5-7% เป็นไปได้ ถ้าอเมริกายุโรปดีอาเซียนก็ต้องไปได้ อย่างสิ่งที่ขายเมืองไทยไม่ได้ก็ไปขายต่างประเทศ เช่นปูนก็ขายในอาเซียน
o งบประมาณปีนี้ 2.5 ล้านล้าน 80% เป็นงบประจำคือพวกเงินเดือน อีก 4.4 แสนล้านบาท คิดว่าเบิกจ่ายได้ มีงบปีนี้ถึงสิ้นกันยายน
o ตัวที่เป็นโครงการลงทุนใหญ่ๆ เตรียมงบไว้ 9.8 หมื่นล้าน คิดว่าเบิกจ่ายได้ 4 หมื่นกว่าล้านบาท ถือว่าน้อยมาก การใช้จ่ายรัฐบาลจะหายไปบางส่วน
o ถ้าเป็นโครงการที่มีงบแล้อนุมัติแล้ว ก็เบิกได้ ดำเนินไปได้ งบที่จะหายไปคือที่เป็นโครงการ 2 ล้านล้าน
Q.ถ้าถึงกันยายนไม่มีคนอนุมัติงบจะทำอย่างไร?
A. ตัวที่เป็นงบเงินเดือนจะเอาของเก่าเป็นเกณฑ์ ปกติต้องมีพรบ.งบประมาณ แล้วพยายามเบิกจ่ายจากงบเก่าก่อน
อาจจะมีบวกเงินเดือนที่เพิ่มบางส่วน แต่ตัวที่มีปัญหาคืองบลงทุน ซึ่งเป็นรายโครงการ จะมีปัญหาในไตรมาสที่ 1
ของปีงบประมาณ
เรื่องของ BOI ก็เป็นสิ่งที่กังวลใจ กรรมการก็หมดอายุไป ผู้ที่อยากลงทุนใหม่ก็ไม่แน่ใจว่าจะได้รับสนับสนุนทางภาษี
ปกติระยะเวลาที่อนุมัติไปจะมีผล 1-2 ปีให้หลัง ในช่วงสั้นยังไม่เป็นไร แต่ถ้ายาวนานผู้ที่จะลงทุนก็ไม่รอ คงไปลงทุนที่อื่น
o ถ้าการเมืองมีคำตอบในครึ่งปีแรก 2-3% เป็นไปได้และอาจดีกว่านั้น ช่วงราชประสงค์ปิด พอเหตุการณ์จบลงไปปัดกวาดเช็ดถู big cleaning day และรีบไปจับจ่ายใช้สอย
o ไปพารากอนช่วงที่ประท้วงค่อนข้างเงียบ ที่จอดรถว่าง รอบหลังที่กลับไปเริ่มหาที่จอดรถยาก เริ่มมีคนเดินคึกคัก
o ถ้าการเมืองกลับมาโครงการลงทุนภาครัฐทั้งหลายทำได้หมด ยกเว้นรถไฟฟ้าความเร็วสูง สามารถของบประมาณตามปกติ
มองโดยรวมดีไหม?
o ครึ่งแรกจะดีครึ่งหลังจะแผ่ว ถ้ายืดเยื้อทั้งปีถ้าตีกันไม่ดี
o ถ้ามองไกลๆมีกระแสพูดถึงการปฏิรูป ไปประชุมปฏิรูปคอร์รัปชั่น ถ้าเกิดเราช่วยกันเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ex.คอร์รัพชั่น การใช้จ่ายรัฐบาล ใน 5 ปีถัดมาอาจจะดีอย่างจำไม่ได้
ธปท.สามารถพิมพ์แบงค์เหมือน US,Japan ได้ไหม?
o ถ้าอยากทำก็ทำได้ แต่ที่ไม่ทำเพราะเราไม่ได้ป่วย
อย่างตอนปี 40 ทำอะไรไปเยอะเพราะตอนนั้นป่วยจริง
ปี 56 ครึ่งปีแรกเราคึกคัก หลังจากนั้นก็แผ่ว แต่ไม่ตาย
ดอกเบี้ยจะต่ำอย่างนี้อีกนานไหม?
o ถ้าการเมืองไม่คลี่คลายไม่น่ามีทางขึ้น มีแต่ทางลง ถ้าลุกลามอาจจะลงก็ได้อีก
ช่วง 2-2
16.15 - 17.30 น. “โอกาสหุ้นไทยในปี 57”
- คุณไพบูลย์ นลินทรางกูร (ประธานสภาธุรกิจตลาดทุน กรรมการผู้จัดการ บล.ทิสโก้)
ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร และ อ.เสน่ห์ ศรีสุวรรณ ดำเนินรายการ
ต่างประเทศมองหุ้นไทยอย่างไร?
o ในภาพ macro ลดการลงทุนในหุ้นไทย อนาคตยังไม่ชัดเจน เวลาเลือกซื้อเกณฑ์เขาต้องมี % ความแม่นยำระดับหนึ่ง
แต่ถ้าเป็นบริษัทก็ดูเป็นตัวไป
ช่วงที่ผ่านมาสถานการณ์ดูดีขึ้น นักวิเคราะห์ปรับประมาณการณ์ลงมารับแล้ว บ.จดทะเบียนโต 8% GDP โต 2-3% การเมืองก็เริ่มมีทางออกบ้าง สภาพคล่องในโลกก็มี 7 ล้านล้าน มีแค่ US ที่ประกาศจะอัดฉีดลดลง แต่ญี่ปุ่น,ยุโรปยังเพิ่มสภาพคล่อง ทุกวันยังมีเม็ดเงินใหม่ๆไหลเข้า ดอกเบี้ยลดลง ตราสารหนี้ก็มูลค่าเพิ่มขึ้น แต่ปี 56 ดอกเบี้ยเริ่มกลับทิศทางเป็นขึ้น จึงเห็นเม็ดเงินจากตราสารหนี้ไปที่หุ้น ทำให้ตลาดหุ้น US,ญี่ปุ่น,ยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้น
o สำหรับตลาดหุ้นไทยถ้าใคร identify profit opportunity ได้เม็ดเงินก็จะวิ่งไปหา แต่สถานการณ์ตอนนี้ยังไม่ปกติ เม็ดเงินก็พร้อมเข้าออกได้เสมอ เช่น สถานการณ์ที่ยูเครน จะเห็นว่า western europe fund เงินไหลออกทันทีทั้งที่ปัจจัยยุโรปยังดีเท่าเดิม ไปเข้าที่ US หรือ emerging market
o จีนแย่มา 3 ปีแล้ว เราจะเห็นการชะลอตัวขึ้นกับรัฐบาล เงินหยวนก็อ่อนค่ากว่าที่ควรจะเป็น
o อาเซียน อินโดขาดดุลสูง เงินเฟ้อ 7-8% ดอกเบี้ยสูง ขาดทุนลดลงนิดเดียวเงินก็ไหลกลับ
o market cap ไทย 12 ล้านล้านบาท 30% คือ 4 ล้านล้านบาทเป็นเงินต่างชาติ(คิดทั้งที่เป็น portfolio และเป็นการเข้ามาถือกิจการแบบ ING/TMB เป็นต้น ประมาณคร่าวๆสัดส่วน 50:50) ที่เหลือ 8 ล้านล้านบาท เป้นของสถาบันและรายย่อย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเงินรายย่อย
ต่างชาติขายหุ้นเยอะแต่หุ้นไม่ลง แสดงว่ารายย่อยสู้ได้?
o มี proptrade ซึ่งมีบทบาทเพิ่มขึ้น มีสัดส่วนรวมสถาบันเป็น 25% ของการซื้อขายต่อวัน อีก 25% เป็นต่างชาติ และ 50% ที่เหลือเป็นรายย่อย
หุ้นไทยปีนี้จะเป็นอย่างไร?
o upside ไม่เยอะ ผลประกอบการเป็น driver หลัก ปีนี้โตแค่ digit เดียว 8%
นักวิเคราะห์มองปีก่อนโต 25% โตจริงแค่ 7-8% ก็มีปรับประมาณการณ์ลงต้องคอยสังเกตดูการปรับและดูว่าสะท้อนหรือยัง
10 ปีที่ผ่านมากำไรบ.จดทะเบียนเป็นตัวหลักในการผลักดันราคาหุ้นไปด้วยกันปีต่อปี ซึ่ง 2-3 ปีหลังเติบโตลดลงหุ้นก็จะไม่ค่อยวิ่งหรือแกว่งตัวแคบๆ
o มองปีนี้ไม่ค่อยดีเพราะผิดปกติอยู่ แต่ปีหน้าสวยถ้าทุกอย่างลงตัว ต้องมองข้าม shot
o หลายบริษัทโตได้เองไม่ต้องพึ่งนโยบายรัฐบาล
เมื่อไรตลาดหุ้นไทยจะทะลุ high เดิม? ปีนี้จะทะลุไหม?
o ถ้ามองรวมปันผลก็ทะลุไปแล้ว ตอนนี้แตะราว 2000 กว่าจุด แต่ถ้ามองดัชนีอย่างเดียวคิดว่าปีนี้ไม่มีโอกาส
คนบอกว่า PE 12 เท่าถูกแล้ว แต่ถัาตัด sector ที่ควรมี pe ต่ำ เช่น energy, bank, commo ก็คิดเป็น pe เกือบ 20 เท่า
ซึ่งหุ้นที่ดีๆในตลาด pe ก็ยังสูง 20 กว่าเท่า ข้อดีของปีนี้คือเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว
หุ้นกลุ่มไหนจะใช้ได้?
o กลุ่มส่งออก กลุ่ม cycle ปิโตร เดินเรือ ได้ benefit เศรษฐกิจโลก รับรู้แล้ว ยังดีอยู่แต่ราคาไม่ได้ถูกมากแล้ว
o ถ้าการเมืองจบ sector ไหนน่าจะกลับมาดี เช่น อสังหาฯคนร้องยี้ ยอดขายแน่ order ไม่มี คิดว่าเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่น่าสนใจ ต้องดูว่าตัวไหนราคาลงมากกว่าศักยภาพบริษัท
ถ้าหากเป็นคนต่างชาติมองมาในอาเซียน ตลาดไทยน่าสนใจไหม?
o น่าสนใจมากขึ้น เพราะราคาเรา underperform เทียบใน region ถือว่า ดัชนี laggard กว่าคนอื่น
o เริ่มมองข้ามการเมืองแล้ว และถึงจะจบไม่จบก็โต 2% กว่า
นักลงทุนไทยเริ่มแนะนำให้ไปซื้อต่างประเทศไหม?
o เริ่มมี แต่ยังไม่เยอะ และต้องมีความเชี่ยวชาญว่าซื้ออะไรอยู่ ต้องศึกษาพอสมควร
ทีวีดิจิตอลจะส่งผลกับตลาดหุ้นไหม?
o เทียบกับขนาดเศรษฐกิจไม่เยอะมาก คงเฉพาะ sector นั้น
o ขนาดโฆษณาก็ไม่ได้ใหญ่มาก
มองรวมทุกอย่าง ตาดหุ้นไทย ปี 2557,2558 ให้คะแนนเท่าไร?
o ปี 57 4/10
o ปี 58 7/10
• ถามคำถามนี้กับ ดร.นิเวศน์ - ให้เท่ากัน
Go against and stay alive.
-
- Verified User
- โพสต์: 111
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money talk@SET15Mar14เจาะหุ้นเด่นConsumer,เศรษฐกิจ-หุ้นไ
โพสต์ที่ 6
ขอบคุณครับ
ปลูกหุ้นกินผล
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
http://www.facebook.com/PookHoonKinPhol
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 2
Re: Money talk@SET15Mar14เจาะหุ้นเด่นConsumer,เศรษฐกิจ-หุ้นไ
โพสต์ที่ 13
ขอบคุณครับ
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
-
- Verified User
- โพสต์: 71
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money talk@SET15Mar14เจาะหุ้นเด่นConsumer,เศรษฐกิจ-หุ้นไ
โพสต์ที่ 21
ขอบคุณมากครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 345
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money talk@SET15Mar14เจาะหุ้นเด่นConsumer,เศรษฐกิจ-หุ้นไ
โพสต์ที่ 23
ขอบคุณครับ พี่ big
Facebook Page: VI10x:
https://www.facebook.com/vi10x
https://www.facebook.com/vi10x
- 1154
- Verified User
- โพสต์: 894
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money talk@SET15Mar14เจาะหุ้นเด่นConsumer,เศรษฐกิจ-หุ้นไ
โพสต์ที่ 26
ขอบคุณคับบิ๊ก
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1735
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money talk@SET15Mar14เจาะหุ้นเด่นConsumer,เศรษฐกิจ-หุ้นไ
โพสต์ที่ 28
ชวนชมภาพบรยากาศที่ fb money talk ตาม link นี้ค่ะ
https://www.facebook.com/MoneyTalkTV/po ... 9004726588
https://www.facebook.com/MoneyTalkTV/po ... 9004726588
-
- Verified User
- โพสต์: 315
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Money talk@SET15Mar14เจาะหุ้นเด่นConsumer,เศรษฐกิจ-หุ้นไ
โพสต์ที่ 30
ขอบคุณมากครับ
-----------------------------------------
เกิดเหตุอะไร อย่าตื่นใจ ไปตามเขา
ปัญญาเรา มีหน้าที่ พิพากษา
ต้องดูน้ำ ดูลม ระดมมา
พิจารณา เชิงชั้น หมั่นตริตรอง
-----------------------------------------
ท่านพุทธทาสภิกขุ
เกิดเหตุอะไร อย่าตื่นใจ ไปตามเขา
ปัญญาเรา มีหน้าที่ พิพากษา
ต้องดูน้ำ ดูลม ระดมมา
พิจารณา เชิงชั้น หมั่นตริตรอง
-----------------------------------------
ท่านพุทธทาสภิกขุ