ในวันที่ SET - 70 จุด

[wk0966]

สิ่งที่ต้องระวังและเป็นจุดตายอีกอย่างนึงคือ

เมื่อยามหุ้นเริ่มขึ้นหุ้นเรายังไม่ขึ้น ไอ้ที่ทนอมผ่านวิกฤตมา ขายไปซะงั้น

ระวังอารมณ์ของเราให้ดีครับ

55555+ ผมยังจำได้ดีเลยครับ ผมเข้าไปอ่านที่ห้องmint ตั้งนานกว่าจะตัดสินใจลงทุนด้วยที่11 แต่เนื่องจากใจเราไม่นิ่งพอ เลยปล่อยไปที่13 ทั้งๆที่เข้าใจว่าตัวเองคิดดีแล้ว บางทีเราเห็นตัวอื่นๆวิ่งแล้วของเราไม่วิ่งมันต้องใช้ความอดทนมากเลยครับ

แต่ตอนนี้ตัวไหนที่ไม่ขึ้น ผมสบายใจที่จะถือนะครับ
เพราะหลังจากนี้หากตลาดลง ตัวที่จะลงแรง ก็ตัวที่ขึ้นมาแรงนะแหละ
แล้วหากตลาดจะไปต่อ มันก็ถึงเวลาตัวที่ยังไม่ขึ้น
ในเงื่อนไขที่ผมมองว่าพิ้นฐานดีใกล้เคียงกัน
(ยกเว้นผมมองตัวผิด เจอห่านง่อย ไม่บินตามฝูง)

[PLUSLOVE]

บททดสอบของโฟร์แฮนด์ คืออะไร ลองจุดไฟสิครับแล้วจุดให้กองใหญ่ขึ้นๆ

แมลงจะมาสุมกันมากขึ้น ตัวแรกๆก้จะได้เชยชม

ตัวท้ายๆ ก้จะนั่งเก้าอี้ประหาร

[PLUSLOVE]

http://samkok911.blogspot.com/2013/09/D ... ma-Yi.html

ประหนึ่งเหมือนตอนที่ขงเบ้งส่งเสื้อผ้าสตรีไปให้สุมาอี้ หากแม้สุมาอี้ ทำเฉยไม่ออกรบ

เพราะสุมาอี้ ดูดาวประจำตัวขงเบ้งแล้วว่าคงอยู่ได้ไม่นาน

ประหนึ่งยั่วยวน ออกมาด่า ส่งเสื้อผ้าสตรี หวังเพียงเราออกรบ แม้ขุนพลข้างกายก้ยัง

อาสาที่จะออกรบ เพียงเพราะทนต่อแรงกดดันไม่ไหว

ข้าศึกอยู่ได้ไม่นาน เวลาก้งวดเข้ามา สงครามใกล้จะจบแล้ว

3ก๊กรบแย่งชิง โจ ซุน เล่า ล้วนแต่ไม่ได้ครองแผ่นดิน สุมาอี้ รวมแผ่นดินตั้งราชวงศ์ จิ้น

แม้ขงเบ้งจะเก่งเพียงใด แต่ขงเบ้งก้ไม่สามารถรบชนะสุมาอี้ได้ เพราะฟ้าลิขิต

[multipleceilings]

อาจได้เห็นกระทู้ +70 จุด

[PLUSLOVE]

อาจได้เห็นกระทู้ +70 จุด

อาจจะเป็น -70 จุดแทนก้ได้นะครับ เพราะเกมของโฟร์แฮนด์ น่าจะใกล้จบแล้ว

money game ช่วงก่อนคนกลัวกัน เค้าก้ขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วก้ออกข่าวไม่ลด QE

พอคนมั่นใจ แห่เข้าไปมะรุมมะตุ้ม คลายกังวล พอข่าวออกทุกคนดูมั่นใจที่จะรีบเข้าไป

ผมบอกแล้วว่า คนโลภคนสุดท้าย นั่งเก้าอี้ประหาร ครับ หลายๆครั้งในตลาดหุ้น

ที่หุ้นบางตัวผลประกอบดี ราคาก้มักจะขึ้นไปรอก่อนแล้ว พอข่าวออกมา หลายๆคนก้แห่

ซื้อหุ้นตัวนั้น สุดท้าย กลายเป็นซื้อตามข่าว เจอ SELL ON FACT

[PLUSLOVE]

เวลาที่ผมจะซื้อหุ้นเพิ่มในพอรท์ คือเวลาที่ ทั้งตลาดไม่มีตัว Y Y Y Y Y

แต่เวลาที่หุ้นทั้งตลาดมีแต่ตัว Y Y Y Y ผมจะนั่งดูหนังฟังเพลงไป เพราะในตลาดที่มี

แต่สีเขียว คุณไม่มีทางซื้อของได้ในราคาถูก หรือต่อรองกับเค้าได้เลย

สิ่งที่มีเมื่อตลาดมีแต่ตัว Y Y Y Y นั่นคือ ความโลภ และคนก้ชอบมัน และก้ชอบไปวิ่งไล่ซื้อ

แต่ในขณะที่ ตลาดหุ้นไม่มีตัว Y Y Y คนเหล่านั้นกลับหายไปจากตลาด

สงครามใกล้จบแล้ว คนโลภคนสุดท้ายนั่งเก้าอี้ประหาร

[yoko]

มันไม่แน่ครับ ตลาดอาจจะเพิ่งเิริ่มวิ่งรอบใหม่ก็ได้555

[leky]

ยอมรับว่า SET ในปีนี้ เหมือนหนังดราม่าครับ ผมว่าผมอยู่กับตลาดหุ้นมานานพอสมควรนะ คือถ้า SET ไม่ลงจนพังพาบไปก็ขึ้นแบบหยุดไม่อยู่ แต่ปีนี้ตอนต้นปีขึ้นแรง กลางปีลงแรง พอพ้นกลางปีก็บวกแรง ๆ ติด ๆ กันหลายวัน ปรับตัวอยากมากจริง ๆ ครับ แต่ก็ฝึกจิตใจได้ดีไม่น้อยครับ

[นายมานะ]

กลัวเมื่อคนอื่นโลภ และโลภเมื่อคนอื่นกลัวครับ

โชคดีในการลงทุนทุกท่านครับ

[Nevercry.boy]

กลัวเมื่อคนอื่นโลภ และโลภเมื่อคนอื่นกลัวครับ

โชคดีในการลงทุนทุกท่านครับ

ผมทำได้แค่

"ไม่โลภ" เมื่อคนอื่นโลภ

"ไม่กลัว" เมื่อคนอื่นกลัว

[สิปาดัน]

กลัวเมื่อคนอื่นโลภ และโลภเมื่อคนอื่นกลัวครับ

โชคดีในการลงทุนทุกท่านครับ

ผมทำได้แค่

"ไม่โลภ" เมื่อคนอื่นโลภ

"ไม่กลัว" เมื่อคนอื่นกลัว

ลึกซึ้งมากครับพี่^_^

[leky]

ที่ผ่านมาผมทำอะไรไปบ้าง จะว่าไป action ที่ผมมีต่อตลาดจะว่าไปน้อยกว่าที่ควรจะเป็นถ้าเทียบกับตลาดที่ผันผวนมากครับ ผมก็ไม่รู้ว่าเมื่อเวลาผ่านไปสิ่งที่ผมตัดสินใจมันจะผิดหรือถูกนะครับ ถ้าเทียบกับคนที่เค้าล้างพอร์ตช่วงตลาดพีค ๆ ตรง 1600 จุดกว่า ๆ ณ เวลานี้ผลตอบแทนของเราคงไม่เท่าตอนนั้นอยู่แล้วครับ แต่ผมก็โชคดีที่ระงับความรู้สึกกลัวของตัวเองได้บ้าง ไม่ขายหุ้นในช่วงที่ตลาดลงไปต่ำสุด ความกลัวถึงจุดสูงสุด อย่างที่เคยเล่าไปก่อนหน้านี้ เพราะผมเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับการขายหุ้นในช่วงเวลานั้นหลายครั้ง (ขายแล้วหุ้นกลับเป็นขึ้น) ผมทำอะไรไปบ้าง ขอเล่าเป็นประสบการณ์ครับ ระยะยาวผมก็ไม่ทราบว่ามันจะถูกหรือผิดนะครับ วันนี้มันอาจจะถูกหรือผิด แต่วันหน้ามันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ ถือว่าเล่าสู่กันฟังครับ

ยามหุ้นลงใช่ว่าจะห้ามขาย เพราะหุ้นบางตัวควรขาย โดยเฉพาะหุ้นที่พื้นฐานไม่ดี (เรารู้อยู่แก่ใจว่าไม่ดี) เพราะเวลาลงจะลงแรงกว่าชาวบ้าน สิ่งที่อันตรายที่สุดคือ เรากำลังถือหุ้นที่พื้นฐานไม่ดี แต่เรายังคิดว่ามันคือหุ้นพื้นฐานดี

Category A

ผมขายหุ้น A ทิ้ง เพราะก่อนที่ตลาดจะเริ่มลง ผมเคยโทรไปคุยกับ IR ทำให้รู้สึกว่าเรื่องราวบางอย่างที่ผมคิดว่าจะทำให้บ.ดีขึ้นไม่เป็นอย่างที่ผมคิด ช่วงที่หุ้นลง ๆ กัน หุ้นตัวนี้ก็ลงจากทุนของผมราว ๆ 20% ผมตัดสินใจทิ้งปลาเน่าเพื่อไม่ให้ปลาส่วนที่เหลือของผมเสียหาย เพราะมองไม่เห็นทางสว่างของหุ้นตัวนี้ ผลก็คือ หลังจากที่ผมขายหุ้นไป ผลประกอบการของหุ้นตัวนี้ออกมาติดลบ หุ้นตัวนี้ไหลลงไปอย่างแรงติดลบไปอีก 20% ณ วันนี้หุ้นตัวนี้ยังติดลบราว ๆ 15% นับจากวันที่ผมขายทิ้ง

ยามหุ้นลงใช่ว่าจะห้ามซื้อ เพราะบางครั้งด้วยความตกใจของคนส่วนใหญ่ อาจจะมี "นางฟ้าตกสวรรค์" ตกมาใส่พอร์ตของเราโดยไม่คาดคิดมาก่อน ถ้าเราพิจารณาโดยใช้สติ ไม่ได้ใช้อารมณ์ตามคนอื่น

Category B

ผมตัดสินใจซื้อหุ้น B เพราะผมดูเรื่องราวของหุ้นตัวนี้มาได้หลายปีแล้ว แต่ไม่เคยได้ซื้อซักที จนมันขึ้นไป 5 เท่า วันหนึ่งผมเห็นราคาหุ้นตัวนี้ลงมาราว ๆ 40% จากจุดที่พีคของหุ้นตัวนี้ ผมกลับมา evaluate หุ้นตัวนี้อีกครั้ง และทบทวนว่าถ้ามีเรื่องร้าย ๆ ทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นจริงหุ้นตัวนี้จะได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน ข้อมูลที่ผมหามาทั้งหมด ผมประเมินแล้วราคาหุ้นที่ลงมา over reaction เกินไป เมื่อประเมินด้าน MOS ก็คิดว่าที่ราคานั้นความเสี่ยงไม่มากนักเนื่องจากมี yield ที่ค่อนข้างสูงรองรับอยู่ ผมตัดสินใจนำเงินส่วนหนึ่งจากการขายหุ้น A เข้ามาซื้อหุ้น B ที่ราคาเกือบ ๆ low ในรอบนี้ ณ วันนี้ราคาหุ้นบวกขึ้นไป ~30% ผมได้เป็นเจ้าของ "นางฟ้าตกสวรรค์" ที่ผมรอมา 5 ปี

ยามหุ้นขึ้นใช่ว่าจะห้ามขาย ถ้าหุ้นนั้นราคา over value หรือเราคิดว่ามีหุ้นที่น่าสนใจมากกว่า บางครั้งการขายหุ้นตอนที่หุ้นขึ้นก็ได้ราคาดีไม่น้อย

Category C

ช่วงที่หุ้นเป็นขาลง พอร์ตผมประกอบด้วยหุ้นโภคภัณฑ์ตัวหนึ่งในสัดส่วนที่มากพอสมควร ตอนที่ผมตัดสินใจซื้อหุ้นตัวนี้เนื่องจากมองว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์ชนิดนี้กำลังเป็นขาขึ้น บ.น่าจะได้รับอานิสงค์จากผลตรงนี้ไม่มากก็น้อย นอกจากนั้นในตอนนั้นราคาของหุ้นก็ต่ำมากเพราะลงมาจากจุดสูงสุดราว ๆ 50% ในตอน Q1 บ.อื่นที่มีสินค้าเป็นโภคภัณฑ์ชนิดนี้กำไรโตกับถ้วนหน้า ยกเว้นน่าจะมีบ.ผมบ.เดียวที่ยังขาดทุน นั่นไม่ต้องพูดถึงตอนที่บ.ประกาศงบออกมาหุ้นลงทันทีและทำให้ผมขาดทุนราว ๆ 5-10% โชคดีที่ราคาหุ้นมันต่ำมากอยู่แล้ว หมายถึง MOS ที่สูง จึงทำให้หุ้นลงไม่มากอย่างที่ผมคิดในตอนแรก แต่พอมาเจอกับตลาดที่ลงหนัก บวกกับงบใน Q2 ยังคงติดลบ หุ้นลงไปจนผมติดลบราว ๆ 15% ในเรื่องร้าย ๆ แบบนี้มันก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้าง อาจจะเนื่องจากหุ้นมันลงมามากแล้วทำให้ไม่ค่อยมีการซื้อขาย ทำให้ราคาหุ้นลงไปอีกไม่มากนัก ทำไปทำมากลับกลายเป็นว่าหุ้นตัวนี้ทำให้พอร์ตผมติดลบน้อยกว่า SET ถึงผมคิดจะอยากขายหุ้นตัวนี้ก็ทำไม่ได้เนื่องจากวอลุมที่ bid offer น้อยและห่างกันมาก เหมือนโดนบังคับถือทำอะไรไม่ได้ แล้วอยู่ ๆ มันก็ค่อย ๆ ขึ้นมาแบบเงียบ ๆ ทั้ง ๆ ที่ตลาดยังลงหนัก ผมยอมรับว่าผมโชคดีที่ไม่ขาดทุนจากหุ้นตัวนี้ทั้ง ๆ ที่โดยพื้นฐานของหุ้นแล้วผมควรจะขาดทุน วันที่หุ้นขึ้นต่อเนื่องกันหลายวันพร้อมกับตลาดที่บวกแรง ๆ ผมหาเหตุผลที่หุ้นตัวนี้จะขึ้นแรง ๆ ไม่ได้เพราะโดยพื้นฐานผมคิดว่ายังไม่เปลี่ยนไปจากเดิม ผมตัดสินใจปล่อยหุ้นตัวนี้ออกไปพร้อมกับยังมีกำไรติดไม้ติดมือราว ๆ 7-8% ผมไม่รู้จะขอบคุณใครดีระหว่าง "MOS" หรือ "ความโชคดี" กับการลงทุนหุ้นตัวนี้

เล่าสู่กันฟังครับและอยากให้เหล่าผองเพื่อนเล่าให้ฟังกันบ้างครับ จะได้เป็นประสบการณ์แลกเปลี่ยนกันครับ

[Nevercry.boy]

ไม่ได้ทำอะไรเลยครับ จารย์หมอเล็ก

ถือลุยไป ไปเรื่อยเลย

มีเงินได้มาปันผล เงินสดประมาณ 10% ของพอร์ต ก็แบ่ง ๆ ไปซื้อเพิ่ม

ตัวเดิม นิดหน่อย
สอย มาเพิ่มนิดหน่อย อีก 2 ตัว (วิ่งปรี๊ดซซซซซ เลย)

.............

สรุปของเดิมอยู่ครับ ได้น้องใหม่เพิ่ม

คิดว่าคงทำเหมือนเดิมอีก ก็เก็บปันผล เก็บสะสมไว้ สักปี สองปี พอมีวิกฤติ ก็ลงทุนเพิ่ม

[leky]

ไม่ได้ทำอะไรเลยครับ จารย์หมอเล็ก

ถือลุยไป ไปเรื่อยเลย

มีเงินได้มาปันผล เงินสดประมาณ 10% ของพอร์ต ก็แบ่ง ๆ ไปซื้อเพิ่ม

ตัวเดิม นิดหน่อย
สอย มาเพิ่มนิดหน่อย อีก 2 ตัว (วิ่งปรี๊ดซซซซซ เลย)

.............

สรุปของเดิมอยู่ครับ ได้น้องใหม่เพิ่ม

คิดว่าคงทำเหมือนเดิมอีก ก็เก็บปันผล เก็บสะสมไว้ สักปี สองปี พอมีวิกฤติ ก็ลงทุนเพิ่ม

ถ้าผ่านรอบนี้ไปได้เราจะแข็งแกร่งขึ้นอีกครับ อย่างน้อยการซื้อขายหุ้นที่ผมทำไป ผมทำตามเหตุผล ไม่ได้ทำตามอารมณ์ครับ บางวันผมไม่ได้ดูหุ้นเลยด้วยซ้ำ เพราะไม่อยากให้การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นมาเป็น "นายเรา" ครับ

อีกเรื่องหนึ่ง สิ่งที่ผมแปลกใจคือตลาดสามารถพลิกกลับแรง ๆ ได้ ซึ่งไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ถ้าหุ้นลงหรือขึ้นมันจะพักเป็นช่วงใหญ่ ๆ ให้มีเวลาตัดสินใจ แม้แต่คนที่เล่นเทคนิคเอง เท่าที่ผมคุย ๆ ด้วย ก็แปลกใจเช่นกันและเค้าก็ยอมรับว่าเค้าไม่สามารถเกาะเทรนที่พลิกผันรวดเร็วแบบนี้ได้ทันครับ

[vim]

29 ตุลามาลุ้นกันใหม่ครับ

[วรันศ์ บัฟเฟต]

29 ตุลามาลุ้นกันใหม่ครับ

Ben เค้าเพิ่งเพิ่มมุกใหม่มา
พูดเมื่อคืนนะครับว่าไม่จำเป็นต้องรอ fomc meeting
Taper มาเมื่อไหร่ก็ได้ประกาศได้ทุกเมื่อ
ทาง fed เองถ้าจะ taper ก็ไม่จำเป็นต้องรอการแถลงเป็นทางการหลัง meeting ใดๆ ถ้าเห็นว่าเหมาะสมก็จะจัดเลย
ลองหา press conference minutes อ่านดูนะ

ดังนั้นรู้นะครับแปลว่าอะไร โลกนี้อยู่ไม่ง่ายจริงๆ

[GUI]

น่าจะประมาณนี้มั๊ยครับ
แหมรอบที่แล้วฉันคิดว่าฉันสูบความมั่งคั่งของพวกเธอไปเลี้ยงพวกฉันอิ่มแล้วนะ มันดันไม่พอ มาเริ่มใหม่จ๊ะ มาให้ฉันสูบซะดีๆ นะจ๊ะ
ย้อนไปหน่อยนึง รอบที่แล้ว ฉันเป่าฟองสบู่ที่บ้านฉันเพลินไปหน่อย เผลอแป๊บเดียวแตกเลย แหมใครๆ ก็คิดว่า ถึงจุดจบของทุนนิยมแล้ว เจอสุดยอดอวิชาของฉัน แก้ฟองสบู่แตก ด้วยการเป่าฟองสบู่ใหม่ คราวฉันไปเป่าฟองสบู่เล่นที่อื่นดีกว่า แป๊บเดียวเป็นไง ผ่านไป 5 ปี เหมือนกับไม่เคยมีแฮมเบอเกอร์วิกฤตอะไรเกิดขึ้นเลย
อย่าคิดว่าเทคนิคต่างๆ ที่เธอมีจะมาสู้กับฉันได้ มันขึ้นกับลมปากฉันอย่างเดียวเท่านั้น

[PLUSLOVE]

อย่าไว้ใจ รถไฟ เรือเมลล์ ลิเก ตำรวจ และ เบนเบอนันเก้ คำโบราณใช้ได้เสมอ

[Vinzy]

leky wrote:
ยามหุ้นลงใช่ว่าจะห้ามขาย เพราะหุ้นบางตัวควรขาย โดยเฉพาะหุ้นที่พื้นฐานไม่ดี (เรารู้อยู่แก่ใจว่าไม่ดี) เพราะเวลาลงจะลงแรงกว่าชาวบ้าน สิ่งที่อันตรายที่สุดคือ เรากำลังถือหุ้นที่พื้นฐานไม่ดี แต่เรายังคิดว่ามันคือหุ้นพื้นฐานดี

leky wrote:
ยามหุ้นลงใช่ว่าจะห้ามซื้อ เพราะบางครั้งด้วยความตกใจของคนส่วนใหญ่ อาจจะมี "นางฟ้าตกสวรรค์" ตกมาใส่พอร์ตของเราโดยไม่คาดคิดมาก่อน ถ้าเราพิจารณาโดยใช้สติ ไม่ได้ใช้อารมณ์ตามคนอื่น

leky wrote:
ยามหุ้นขึ้นใช่ว่าจะห้ามขาย ถ้าหุ้นนั้นราคา over value หรือเราคิดว่ามีหุ้นที่น่าสนใจมากกว่า บางครั้งการขายหุ้นตอนที่หุ้นขึ้นก็ได้ราคาดีไม่น้อย

ขอบคุณคุณ leky และขออนุญาตินำไปใช้นะครับ เคยเจอทั้งสามแบบเป๊ะ แต่ทำพลาดบ้างถูกบ้าง ได้ข้อคิดนี้มาจะได้เป็นข้อเตือนใจในการลงทุนครั้งต่อไป

[leky]

จะว่าไปความคิดเหล่านี้มันฟังดูมีเหตุผลหรือไม่ แนวโน้มเศรษฐกิจอเมริกายังไม่ดีจึงยังคง QE ต่อไป แต่แทนที่ตลาดจะมองว่าเป็นเรื่องร้ายที่เศรษฐกิจยังไม่ดีกลับมองว่าเป็นเรื่องดีเพราะจะได้พิมพ์เงินเก๊กันต่อ เงินจะได้ไหลเข้าตลาดหุ้น มันเหมือนกับคนที่กำลังหลอกตัวเองอยู่นั่นเองแหละครับ เหมือนรู้อยู่แก่ใจว่าถึงวันนี้จะพิมพ์เงินเก๊กันต่อ หุ้นที่ขึ้นมันก็เหมือน "ภาพลวงตา" แต่เรากลับดีใจ เหมือนคนที่กำลังตั้งวงเล่นการพนัน ถึงแม้จะรู้โทษของการพนัน ถึงแม้จะโดนเจ้ามือกินไปมากแล้ว แต่ก็ไม่อยากให้เจ้ามือเลิกวงพนัน เพราะยังมีคนเติมเงินให้เล่นพนันอยู่เรื่อย ๆ วันหนึ่งเดี๋ยวก็ต้องลด QE อยู่วันยังค่ำ เมื่อถึงวันนั้น วันที่ข่าวออกมา ก็คงไม่พ้นที่หุ้นจะลงกันแรง ๆ อีกรอบ แต่คราวนี้เนื่องจากทุกคนมีประสบการณ์จากข่าวลด QE รอบแรกมาแล้ว ดีไม่ดีผมว่าข่าวออกรอบหลังคงตัดสินใจทิ้งหุ้นกันได้ง่ายกว่ารอบแรก เพราะต่างคิดว่าทิ้งก่อนได้เปรียบ ประเทศทุนนิยมจะว่าไปก็พังเพราะตัวเองนั่นแหละครับ เพราะความโลภ ผลิตภัณฑ์ทางการเงินทั้งหลายที่อ้างว่าใช้บริหารความเสี่ยงถูกสร้างขึ้นมา แต่เอาเข้าจริงแล้วคนที่จะใช้เครื่องมือแบบนี้เพื่อลดความเสี่ยงได้อย่างได้เปรียบมันก็มีแต่พวกรายใหญ่ ๆ ทั้งนั้น สุดท้ายเมื่อคุมความโลภไม่ได้ทุกอย่างก็พัง ตอนนี้มีแต่เงินจากเครื่องพิมพ์เงินที่ใช้เครดิตในการพิมพ์เงินเพิ่ม แต่ไม่มีการสร้างงาน สร้างผลผลิต อย่างแท้จริง

โปรดใช้สติในการลงทุนครับ ผมว่าโลกแห่งการลงทุนในยุคนี้ "อยู่ยาก" จริง ๆ ครับ

และโปรดใช้ "ความอดทนอดกลั้น" อย่างสูงสุดกับ "ความอยากขาย" ยามต้องเห็นการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นยาม panic รวมทั้ง "ความอยากซื้อ" ยามที่หุ้นขึ้นแรง ๆ รวมถึงข่าวที่เราจะต้องรับรู้เรื่องความเป็นไปของตลาดทั้งด้านดีและด้านร้าย ที่ผ่านมาให้เรารับรู้ตลอดผ่านทางสื่อต่าง ๆ

และโปรดท่องให้ขึ้นใจครับ "MOS MOS MOS MOS MOS" ครับ คำสั้น ๆ แต่จะทำให้เราอยู่ในโลกของการลงทุนใบนี้ได้ง่ายขึ้นครับ

[Saran]

วันหยุดเลยมาทำตารางผลตอบแทนต่อปีของดัชนีดูครับ

Screen Shot 2556-09-22 at 14.24.15.png

หากเริ่มลงทุนด้วยเงิน 100 บาท ตั้งแต่ต้นปี 2005 จนถึงปัจจุบัน 20 ก.ย. 2013 รวมระยะเวลาการลงทุน 8.67 ปี
คิดเป็นผลตอบแทนทบต้นเฉลี่ย
SET Index = 9.30% เงินเพิ่มมาเป็น 216.07 บาท
SET TRI Index = 14.63% เงินเพิ่มมาเป็น 326.46 บาท
MAI Index = 8.43% เงินเพิ่มมาเป็น 201.74 บาท

เห็นอย่างนี้แล้วสำหรับคนที่เล่นหุ้นมาไม่ถึง 10 ปี ก็เพิ่งเคยผ่านวิกฤตตลาดหุ้นครั้งใหญ่มาแค่รอบเดียวเองนะครับ

[แงซาย]

ตอนนี้มีแต่เงินจากเครื่องพิมพ์เงินที่ใช้เครดิตในการพิมพ์เงินเพิ่ม แต่ไม่มีการสร้างงาน สร้างผลผลิต อย่างแท้จริง

ผมว่าไม่น่าจะใช่นะครับ ..........

ถ้าไม่มีการสร้างงาน อัตราการว่างงานคงไม่ลดจาก 10% มาอยู่ 7% นิดๆหรอกมังครับ .........


ถ้าไม่มีการสร้างงาน การเคลมประกันการว่างงานต่อเนื่อง คงไม่ลดจากแถว 6.6 ล้าน มาเหลือแถว 2.8 ล้านหรอกมังครับ .....


ถ้าไม่มีการสร้างผลผลิต corporate profit คงไม่ทํา new highแบบนี้หรอกมังครับ ......

[แงซาย]

จะว่าไปความคิดเหล่านี้มันฟังดูมีเหตุผลหรือไม่ แนวโน้มเศรษฐกิจอเมริกายังไม่ดีจึงยังคง QE ต่อไป แต่แทนที่ตลาดจะมองว่าเป็นเรื่องร้ายที่เศรษฐกิจยังไม่ดีกลับมองว่าเป็นเรื่องดีเพราะจะได้พิมพ์เงินเก๊กันต่อ เงินจะได้ไหลเข้าตลาดหุ้น มันเหมือนกับคนที่กำลังหลอกตัวเองอยู่นั่นเองแหละครับ เหมือนรู้อยู่แก่ใจว่าถึงวันนี้จะพิมพ์เงินเก๊กันต่อ หุ้นที่ขึ้นมันก็เหมือน "ภาพลวงตา" แต่เรากลับดีใจ เหมือนคนที่กำลังตั้งวงเล่นการพนัน ถึงแม้จะรู้โทษของการพนัน ถึงแม้จะโดนเจ้ามือกินไปมากแล้ว แต่ก็ไม่อยากให้เจ้ามือเลิกวงพนัน เพราะยังมีคนเติมเงินให้เล่นพนันอยู่เรื่อย ๆ วันหนึ่งเดี๋ยวก็ต้องลด QE อยู่วันยังค่ำ เมื่อถึงวันนั้น วันที่ข่าวออกมา ก็คงไม่พ้นที่หุ้นจะลงกันแรง ๆ อีกรอบ แต่คราวนี้เนื่องจากทุกคนมีประสบการณ์จากข่าวลด QE รอบแรกมาแล้ว ดีไม่ดีผมว่าข่าวออกรอบหลังคงตัดสินใจทิ้งหุ้นกันได้ง่ายกว่ารอบแรก เพราะต่างคิดว่าทิ้งก่อนได้เปรียบ ประเทศทุนนิยมจะว่าไปก็พังเพราะตัวเองนั่นแหละครับ เพราะความโลภ ผลิตภัณฑ์ทางการเงินทั้งหลายที่อ้างว่าใช้บริหารความเสี่ยงถูกสร้างขึ้นมา แต่เอาเข้าจริงแล้วคนที่จะใช้เครื่องมือแบบนี้เพื่อลดความเสี่ยงได้อย่างได้เปรียบมันก็มีแต่พวกรายใหญ่ ๆ ทั้งนั้น สุดท้ายเมื่อคุมความโลภไม่ได้ทุกอย่างก็พัง

นักลงทุนดูจะเสพติด QE เอามากๆ ทุกคนtraceดูความสัมพันธ์ของQEกับS&P500 พบว่าเหมือนกับว่ามันสัมพันธ์กันมาก จนคิดไปว่าถ้าลดQEหรือหยุดQEเมื่อไหร่ ตลาดมันจะหยุดกระทิง

จริงๆแล้วตลาดหุ้นสัมพันธ์มากๆกับการซื้อหุ้นคืนและการจ่ายปันผลของบริษัท นักลงทุนบางคนอาจจะไม่ได้สังเกตุหรือไม่รู้ ว่า บริษัทในS&P500ได้อัดฉีดเงินเข้าตลาดหุ้นมหาศาลขนาดไหน ตั้งแต่Q1/2009-Q2/2013 บริษัทในS&P500 ได้ซื้อหุ้นคืนไป $1.5 trillion และจ่ายปันผล $1.1 trillion


ใครจะคิดว่า QE ทําให้ตลาดหุ้นเมกามีperformanceแบบนี้ เป็นกระทิงแบบนี้ ก็แล้วแต่นะครับ ........

แต่ผมว่า performanceของบริษัทจดทะเบียน มันทําให้ตลาดหุ้นเมกาเป็นแบบนี้ครับ .....

[แมวตัวกลมๆ]

น่าจะประมาณนี้มั๊ยครับ
แหมรอบที่แล้วฉันคิดว่าฉันสูบความมั่งคั่งของพวกเธอไปเลี้ยงพวกฉันอิ่มแล้วนะ มันดันไม่พอ มาเริ่มใหม่จ๊ะ มาให้ฉันสูบซะดีๆ นะจ๊ะ
ย้อนไปหน่อยนึง รอบที่แล้ว ฉันเป่าฟองสบู่ที่บ้านฉันเพลินไปหน่อย เผลอแป๊บเดียวแตกเลย แหมใครๆ ก็คิดว่า ถึงจุดจบของทุนนิยมแล้ว เจอสุดยอดอวิชาของฉัน แก้ฟองสบู่แตก ด้วยการเป่าฟองสบู่ใหม่ คราวฉันไปเป่าฟองสบู่เล่นที่อื่นดีกว่า แป๊บเดียวเป็นไง ผ่านไป 5 ปี เหมือนกับไม่เคยมีแฮมเบอเกอร์วิกฤตอะไรเกิดขึ้นเลย
อย่าคิดว่าเทคนิคต่างๆ ที่เธอมีจะมาสู้กับฉันได้ มันขึ้นกับลมปากฉันอย่างเดียวเท่านั้น

โดนใจจริงๆ

[PLUSLOVE]

มาตรงตามนัด เกือบสิ้นเดือนละครับ Window DEAD SING ผมรอของลดราคารอบสุดท้าย

จะลดกี่เปอเซ็นต์ กันน้อออ ของลดราคา นี่ไม่ควรพลาดครับ

เมื่อถึงเวลาที่ควรต้องกล้า เราก้ควรต้องกล้า ดีกว่าไปกล้าในยามที่ควรกลัว

ผมเตรียมทหารไว้ รอพวกหนีทัพกลับมาแล้วครับ


อะไรก้ตามที่คุณตื่นมาต้องใช้ คุณจะจนหรือรวยต้องกินต้องใช้ คุณจะต้องใช้ทุกวัน

ถ้าพื้นฐานมันคงเดิม แต่ราคาลดลง ถ้าไม่ซื้อยามนี้จะซื้อยามไหน

เวลาที่ดีมาแล้ว ไม่มีตัว YYYYY เลย มีแต่ วลีเดิมๆ เช่น หุ้นลงแล้วรีบขาย จะตกกว่านี้

ตอนนี้ยังไม่ดี หรือ รีบคัทก่อนสาย ตลาดมีแต่ความกลัว ความกลัวของคนเดิมๆ

ที่เพิ่งจะกล้าไปไม่กี่วัน ก้กลับมากลัวอีก


สงครามครั้งสุดท้ายมาแล้ว ขอนอนรอต่อราคาดีกว่าครับ

[แมวตัวกลมๆ]

29 ตุลามาลุ้นกันใหม่ครับ

Ben เค้าเพิ่งเพิ่มมุกใหม่มา
พูดเมื่อคืนนะครับว่าไม่จำเป็นต้องรอ fomc meeting
Taper มาเมื่อไหร่ก็ได้ประกาศได้ทุกเมื่อ
ทาง fed เองถ้าจะ taper ก็ไม่จำเป็นต้องรอการแถลงเป็นทางการหลัง meeting ใดๆ ถ้าเห็นว่าเหมาะสมก็จะจัดเลย
ลองหา press conference minutes อ่านดูนะ

ดังนั้นรู้นะครับแปลว่าอะไร โลกนี้อยู่ไม่ง่ายจริงๆ

ข่าวเบนข้างบนมาจากแหล่งไหนคะ กำลังหาข่าวเมื่อวันศุกร์อยู่ว่าใครพูดอย่างไนกันแน่
อันนี้เป็นข่าววันพฤหัสค่ะ

[url]http://www.kaohoon.com/online/71688/%E0 ... 2-.htm[url]
วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน 2556 เวลา 12:58:48 น.
ผู้เข้าชม : 785 คน

รอยเตอร์รายงานว่า นักเศรษฐศาสตร์หลายคนเชื่อว่า เฟดจะไม่ประกาศปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หลังสิ้นสุดการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งประชุมกันครั้งต่อไปในวันที่ 29-30 ต.ค. เนื่องจากไม่มีกำหนดการแถลงข่าวของประธานเฟดหลังเสร็จสิ้นการประชุม

นางแอนิตา มาร์โคว์สกา นักเศรษฐศาสตร์จากโซซิเอเต้ เจเนอราล กล่าวว่า ถ้าเฟดมีกำหนดการแถลงข่าวในเดือนหน้าจะถือเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าว่าการประกาศปรับลดมาตรการ QE จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะสั่นคลอนตลาดการเงินในแบบที่เฟดไม่ต้องการ โดยครั้งต่อไปที่เฟดมีกำหนดจัดการแถลงข่าวคือหลังการประชุมในวันที่ 17-18 ธ.ค.

[superboy]

น่าจะประมาณนี้มั๊ยครับ
แหมรอบที่แล้วฉันคิดว่าฉันสูบความมั่งคั่งของพวกเธอไปเลี้ยงพวกฉันอิ่มแล้วนะ มันดันไม่พอ มาเริ่มใหม่จ๊ะ มาให้ฉันสูบซะดีๆ นะจ๊ะ
ย้อนไปหน่อยนึง รอบที่แล้ว ฉันเป่าฟองสบู่ที่บ้านฉันเพลินไปหน่อย เผลอแป๊บเดียวแตกเลย แหมใครๆ ก็คิดว่า ถึงจุดจบของทุนนิยมแล้ว เจอสุดยอดอวิชาของฉัน แก้ฟองสบู่แตก ด้วยการเป่าฟองสบู่ใหม่ คราวฉันไปเป่าฟองสบู่เล่นที่อื่นดีกว่า แป๊บเดียวเป็นไง ผ่านไป 5 ปี เหมือนกับไม่เคยมีแฮมเบอเกอร์วิกฤตอะไรเกิดขึ้นเลย
อย่าคิดว่าเทคนิคต่างๆ ที่เธอมีจะมาสู้กับฉันได้ มันขึ้นกับลมปากฉันอย่างเดียวเท่านั้น

โดนใจจริงๆ

อ่านแล้ว เลือดเย็นมากๆๆ

ต้นฉบับ อยู่ไหนเนี้ย สุดยอด

[zz99]

เห็นตลาดหุ้นวันนี้แล้วนึกถึง "ลมบูรพาเปลี่ยนทิศ" ของสามก๊ก ตอน โจโฉพ่ายทัพเรือจริงๆ รอแค่เวลาเหมาะสม จังหวะเปลี่ยนเพียงนิดเดียว ศัตรูม้วยมรณา

นับถือ นับถือ

[zz99]

เห็นตลาดหุ้นวันนี้แล้วนึกถึง "ลมบูรพาเปลี่ยนทิศ" ของสามก๊ก ตอน โจโฉพ่ายทัพเรือจริงๆ รอแค่เวลาเหมาะสม จังหวะเปลี่ยนเพียงนิดเดียว ศัตรูม้วยมรณา

นับถือ นับถือ

[วรันศ์ บัฟเฟต]

29 ตุลามาลุ้นกันใหม่ครับ

Ben เค้าเพิ่งเพิ่มมุกใหม่มา
พูดเมื่อคืนนะครับว่าไม่จำเป็นต้องรอ fomc meeting
Taper มาเมื่อไหร่ก็ได้ประกาศได้ทุกเมื่อ
ทาง fed เองถ้าจะ taper ก็ไม่จำเป็นต้องรอการแถลงเป็นทางการหลัง meeting ใดๆ ถ้าเห็นว่าเหมาะสมก็จะจัดเลย
ลองหา press conference minutes อ่านดูนะ

ดังนั้นรู้นะครับแปลว่าอะไร โลกนี้อยู่ไม่ง่ายจริงๆ

ข่าวเบนข้างบนมาจากแหล่งไหนคะ กำลังหาข่าวเมื่อวันศุกร์อยู่ว่าใครพูดอย่างไนกันแน่
อันนี้เป็นข่าววันพฤหัสค่ะ

[url]http://www.kaohoon.com/online/71688/%E0 ... 2-.htm[url]
วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน 2556 เวลา 12:58:48 น.
ผู้เข้าชม : 785 คน

รอยเตอร์รายงานว่า นักเศรษฐศาสตร์หลายคนเชื่อว่า เฟดจะไม่ประกาศปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หลังสิ้นสุดการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งประชุมกันครั้งต่อไปในวันที่ 29-30 ต.ค. เนื่องจากไม่มีกำหนดการแถลงข่าวของประธานเฟดหลังเสร็จสิ้นการประชุม

นางแอนิตา มาร์โคว์สกา นักเศรษฐศาสตร์จากโซซิเอเต้ เจเนอราล กล่าวว่า ถ้าเฟดมีกำหนดการแถลงข่าวในเดือนหน้าจะถือเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าว่าการประกาศปรับลดมาตรการ QE จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะสั่นคลอนตลาดการเงินในแบบที่เฟดไม่ต้องการ โดยครั้งต่อไปที่เฟดมีกำหนดจัดการแถลงข่าวคือหลังการประชุมในวันที่ 17-18 ธ.ค.

อย่าหาข่าวไทยครับไม่รู้เรื่องแน่ๆ ช้าแถมอาจไม่แม่นยำด้วย
ผมแนะนำฟังสดเลย ไม่ก็หาเทป
ส่วนนี่ก็ minutes

3:00 PM: Bernanke says the FOMC does not need a scheduled press conference to make a major decision like the first reduction in quantitative easing. It could hold a press conference with reporters or find some other way to get the rationale behind the decision out to the public.

Read more: http://www.businessinsider.com/fomc-pre ... z2fiTGsBBc