เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1575
- ผู้ติดตาม: 0
เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 1
ผมติดตามอ่านกระทู้ที่ข้องเกี่ยวกับธรรมะ ในthaivi มาระยะหนึ่ง
มีสมาชิกที่มีความรู้ ประสบการณ์
ได้ให้ความคิด คำแนะนำ ต่างๆที่เป็นประโยชน์อย่างมาก
แต่ยังไม่มีกระทู้เรื่องการใช้ชีวิตในฐานะนักลงทุน
ขณะเดียวกันก็เดินไปในเส้นทางธรรมะด้วย
จึงเปิดกระทู้นี้เพื่อเชิญชวนพวกเราให้เข้ามาช่วยกันถาม
หรือออกความเห็น ให้คำแนะนำ
ในแบบที่คนวีไอคุยกับคนวีไอ
ซึ่งผมเชื่อว่าจะทำให้พวกเราเข้าใจแนวทางธรรมะ
และเห็นทางเดินในแนวทางธรรมได้ดีมากยิ่งขึ้นครับ
มีสมาชิกที่มีความรู้ ประสบการณ์
ได้ให้ความคิด คำแนะนำ ต่างๆที่เป็นประโยชน์อย่างมาก
แต่ยังไม่มีกระทู้เรื่องการใช้ชีวิตในฐานะนักลงทุน
ขณะเดียวกันก็เดินไปในเส้นทางธรรมะด้วย
จึงเปิดกระทู้นี้เพื่อเชิญชวนพวกเราให้เข้ามาช่วยกันถาม
หรือออกความเห็น ให้คำแนะนำ
ในแบบที่คนวีไอคุยกับคนวีไอ
ซึ่งผมเชื่อว่าจะทำให้พวกเราเข้าใจแนวทางธรรมะ
และเห็นทางเดินในแนวทางธรรมได้ดีมากยิ่งขึ้นครับ
ดู clip รายการ money talk ย้อนหลังได้ที่
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1575
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 2
กว่า 20 ปีที่ผมสนใจแนวทางธรรม
แต่ได้แต่ทำๆหยุดๆมานาน
จน10ปีก่อน ได้เริ่มให้เวลากับการปฏิบัติ
แม้ว่ายังต้องอยู่ในโลกที่มีภาระกิจส่วนตัวและชีวิตการงาน
เพียงแต่ได้จัดสรรแบ่งเวลามากขึ้น
จนเมื่อ7-8ปีก่อน ได้เอาจริงเอาจังอย่างมาก
สำหรับการลงทุนของผม
สิ่งที่ผมสังเกตเห็นคือ
port ของผมไม่ได้เติบโตอย่างที่ผมคิดว่าควรจะเป็น
เพราะผมแทบไม่มีเวลาไปติดตามหุ้น
ไม่มีเวลาไปพบปะเพื่อนนักลงทุน เยี่ยมชมกิจการ
ไม่ได้ประชุมผู้ถือหุ้น หรือ ไปพบผู้บริหาร
ประกอบกับแนวคิดส่วนตัวที่เชื่อว่าเราต้องเคร่งศีล
หากไม่มีศีลเป็นพื้นฐาน การเจริญทางธรรมจะทำได้ยาก
ทำให้ต้องทำความรู้จักกับหุ้นที่ลงทุนอยู่และจะลงทุนอย่างจริงจัง
ว่ากิจกรรมของบริษัทเหล่านี้
มีโอกาสทำให้ศีลพร่องหรือไม่
หรือไม่สอดคล้องกับสัมมาอาชีวะในมรรค8
จึงทำให้ไม่ได้ลงทุนในบางหุ้นที่แม้ว่าจะเห็นโอกาสดีมากในทางโลกก็ตาม
มาเมื่อ 3-4 ปีก่อน ผมกลับมาให้เวลากับทางโลกมากขึ้น
โดยเฉพาะเวลาสำหรับการดูแลการลงทุนในหุ้น
ซึ่งก็ให้ผลตอบแทนทางโลกที่เป็นตัวเลขเงินทองที่ดีมาก
แต่ความคืบหน้าทางธรรมกลับถดถอยครับ
ระยะนี้อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
อยู่ในทางหลายแพรก ว่าจะเดินต่ออย่างไร
เวลาก็เหลือน้อยลง สุขภาพก็ถดถอยหลัง
จะทำอย่างไรดีกับเส้นทางธรรม ที่ดูเหมือนเส้นขนานกับการลงทุนวีไอ
ขอคำแนะนำจากท่านผู้รู้ด้วยนะครับ
แต่ได้แต่ทำๆหยุดๆมานาน
จน10ปีก่อน ได้เริ่มให้เวลากับการปฏิบัติ
แม้ว่ายังต้องอยู่ในโลกที่มีภาระกิจส่วนตัวและชีวิตการงาน
เพียงแต่ได้จัดสรรแบ่งเวลามากขึ้น
จนเมื่อ7-8ปีก่อน ได้เอาจริงเอาจังอย่างมาก
สำหรับการลงทุนของผม
สิ่งที่ผมสังเกตเห็นคือ
port ของผมไม่ได้เติบโตอย่างที่ผมคิดว่าควรจะเป็น
เพราะผมแทบไม่มีเวลาไปติดตามหุ้น
ไม่มีเวลาไปพบปะเพื่อนนักลงทุน เยี่ยมชมกิจการ
ไม่ได้ประชุมผู้ถือหุ้น หรือ ไปพบผู้บริหาร
ประกอบกับแนวคิดส่วนตัวที่เชื่อว่าเราต้องเคร่งศีล
หากไม่มีศีลเป็นพื้นฐาน การเจริญทางธรรมจะทำได้ยาก
ทำให้ต้องทำความรู้จักกับหุ้นที่ลงทุนอยู่และจะลงทุนอย่างจริงจัง
ว่ากิจกรรมของบริษัทเหล่านี้
มีโอกาสทำให้ศีลพร่องหรือไม่
หรือไม่สอดคล้องกับสัมมาอาชีวะในมรรค8
จึงทำให้ไม่ได้ลงทุนในบางหุ้นที่แม้ว่าจะเห็นโอกาสดีมากในทางโลกก็ตาม
มาเมื่อ 3-4 ปีก่อน ผมกลับมาให้เวลากับทางโลกมากขึ้น
โดยเฉพาะเวลาสำหรับการดูแลการลงทุนในหุ้น
ซึ่งก็ให้ผลตอบแทนทางโลกที่เป็นตัวเลขเงินทองที่ดีมาก
แต่ความคืบหน้าทางธรรมกลับถดถอยครับ
ระยะนี้อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
อยู่ในทางหลายแพรก ว่าจะเดินต่ออย่างไร
เวลาก็เหลือน้อยลง สุขภาพก็ถดถอยหลัง
จะทำอย่างไรดีกับเส้นทางธรรม ที่ดูเหมือนเส้นขนานกับการลงทุนวีไอ
ขอคำแนะนำจากท่านผู้รู้ด้วยนะครับ
ดู clip รายการ money talk ย้อนหลังได้ที่
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
-
- Verified User
- โพสต์: 1219
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 3
ขอแจมกระทู้นี้ด้วยคนน๊ะครับ
เป้าหมายชีวิตของผม มีเรื่องการลงทุน สุขภาพ ครอบครัวและความสงบสุขทางจิตวิญญาณครับ
เรื่องการลงทุน...
หลังจากผมศึกษามาซักระยะ ผมก็เริ่มมาเลือกหุ้นที่ผลประกอบการจะโตไปเรื่อยๆ
โดยที่เราไม่ต้องติดตามใกล้ชิดนักถือไว้ 3-4 ตัว ซึ่งหลักๆอยู่ในกลุ่มสื่อสารและค้าปลีก
ผมค่อนข้างมั่นใจว่า 3-4 ปีข้างหน้า ผมไม่ต้องมาห่วงกับเรื่องต้องหาหุ้นใหม่ๆเหมือนในอดีต
เรื่องสุขภาพ แม้ผมจะมีลูกเล็กๆที่ต้องดูแล แต่ผมก็หาเวลาไปปั่นจักรยาน หรือถ้าไม่ได้ไปก็จะยืนแกว่งแขนที่บ้าน
(ทำจนพอผมทำลูกคนโตก็จะมายืนแกว่งข้างๆตามด้วย ก็สนุกดีครับ)
เรื่องครอบครัวผมให้ความสำคัญอยู่แล้วจึงไม่ขอกล่าวถึง
สำหรับเรื่องสุดท้ายคือเรื่องความสุขสงบทางจิตวิญญาณ
นอกจากผมจะหาหนังสือแนวนี้มาอ่านเสริมจากเรื่องการลงทุนที่ผมชอบ
ในอดีตผมเคยได้รับคำแนะนำจากพี่ป้อม(พี่พอใจ) เรื่องการตามดูกาย ดูจิต
แม้ผมจะฝึกได้ไม่ถึงขั้นมีอะไรมากระทบปุ๊ป ผมตามทันปั๊บ แต่ผมว่า ผมเข้าใจการทำงานของจิตใจมากขึ้น
ทุกเรื่องแม้ผมจะไม่ได้ฝึกจนถึงระดับผู้เชี่ยวชาญ แต่ผมจะยึดหลักสมดุลของชีวิต,
ยึดหลักทางสายกลางในการตัดสินใจเรื่องสำคัญและการใช้ชีวิตประจำวันของผม
อีกอย่างคือทุกสิ่งที่ผมเลือกทำ ผมมักเลือกทำสิ่งที่ผมชอบ ฉะนั้นทุกสิ่งในชีวิตที่ผมทำ ผมจึงทำอย่างมีความสุข
และพยายามทำอย่างมีสติอยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด
แฮ่...ไม่รู้เข้ากับกระทู้ของพี่เด็กใหม่ฯหรือเปล่า
ถือว่าเข้ามาคุยแลกเปลี่ยนสนุกสนุกน๊ะครับ
เป้าหมายชีวิตของผม มีเรื่องการลงทุน สุขภาพ ครอบครัวและความสงบสุขทางจิตวิญญาณครับ
เรื่องการลงทุน...
หลังจากผมศึกษามาซักระยะ ผมก็เริ่มมาเลือกหุ้นที่ผลประกอบการจะโตไปเรื่อยๆ
โดยที่เราไม่ต้องติดตามใกล้ชิดนักถือไว้ 3-4 ตัว ซึ่งหลักๆอยู่ในกลุ่มสื่อสารและค้าปลีก
ผมค่อนข้างมั่นใจว่า 3-4 ปีข้างหน้า ผมไม่ต้องมาห่วงกับเรื่องต้องหาหุ้นใหม่ๆเหมือนในอดีต
เรื่องสุขภาพ แม้ผมจะมีลูกเล็กๆที่ต้องดูแล แต่ผมก็หาเวลาไปปั่นจักรยาน หรือถ้าไม่ได้ไปก็จะยืนแกว่งแขนที่บ้าน
(ทำจนพอผมทำลูกคนโตก็จะมายืนแกว่งข้างๆตามด้วย ก็สนุกดีครับ)
เรื่องครอบครัวผมให้ความสำคัญอยู่แล้วจึงไม่ขอกล่าวถึง
สำหรับเรื่องสุดท้ายคือเรื่องความสุขสงบทางจิตวิญญาณ
นอกจากผมจะหาหนังสือแนวนี้มาอ่านเสริมจากเรื่องการลงทุนที่ผมชอบ
ในอดีตผมเคยได้รับคำแนะนำจากพี่ป้อม(พี่พอใจ) เรื่องการตามดูกาย ดูจิต
แม้ผมจะฝึกได้ไม่ถึงขั้นมีอะไรมากระทบปุ๊ป ผมตามทันปั๊บ แต่ผมว่า ผมเข้าใจการทำงานของจิตใจมากขึ้น
ทุกเรื่องแม้ผมจะไม่ได้ฝึกจนถึงระดับผู้เชี่ยวชาญ แต่ผมจะยึดหลักสมดุลของชีวิต,
ยึดหลักทางสายกลางในการตัดสินใจเรื่องสำคัญและการใช้ชีวิตประจำวันของผม
อีกอย่างคือทุกสิ่งที่ผมเลือกทำ ผมมักเลือกทำสิ่งที่ผมชอบ ฉะนั้นทุกสิ่งในชีวิตที่ผมทำ ผมจึงทำอย่างมีความสุข
และพยายามทำอย่างมีสติอยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด
แฮ่...ไม่รู้เข้ากับกระทู้ของพี่เด็กใหม่ฯหรือเปล่า
ถือว่าเข้ามาคุยแลกเปลี่ยนสนุกสนุกน๊ะครับ
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1284
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 4
สำหรับผมซึ่งไม่ได้เข้าวัดอะไรมากมาย ผมยึดหลักง่าย ๆ คือการปล่อยวาง ทุกอย่างมันก็เป็นเช่นนั้นเอง
พยายามลด ละกิเลส โดยเริ่มจาก
1 ฝึกการให้ อาจเป็นการเริ่มต้นที่เงินก่อน เริ่มจากจำนวนน้อย ๆ ประมาณว่าให้แล้วรู้สึกสบายใจ ไม่ใช่ว่าให้แล้วเสียดายเงินนะครับ จากนั้นก็พัฒนาเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ เป็นการให้บ่อยครั้งมากขึ้น จำนวนมากขึ้น สุดท้ายหวังว่าจะเป็นการให้ ให้ได้แบบ snowball ไม่จำเป็นต้องรอให้รวยอย่างบิลเกต แล้วค่อยให้ มีน้อยก็ให้ได้ แต่ต้องเป็นการให้ที่เรายินดีจะให้
2 พยายามไม่เบียดเบียนผู้อื่น ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ทำอย่างไรหรือ? ไม่ยากเลย แค่ทำให้ได้ตามศีล 5 ทุกวัน หากทำได้ทุกคน ผมว่าโลกนี้คงมีความสงบสุขได้มากแล้ว
3 พยายามมีสติให้อยู่กับตัว เช่น การรู้ลมหายใจ คนส่วนใหญ่มักบอกว่าทำไม่ได้ ไม่มีเวลา แต่ผมว่าทำแบบทีละน้อยแต่บ่อย ๆ น่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ดี อย่างเช่น เวลาว่ายน้ำครบรอบ ตอนหยุดพัก ก็หลับตาดูลมหายใจ เข้าออก เป็นต้น ทำตอนไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นการนั่งสมาธิอย่างเดียว หากมีสติ น่าจะช่วยให้ชีวิตดีขึ้นได้อย่างมาก
4 ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับอะไรมากมาย พยายามทำให้ดีที่สุด เลี้ยงดูครอบครัวได้ การมีความสุขแค่ปั่นจักรยานในซอยหน้าบ้านกับลูก ก็มีความสุขแล้ว ไม่จำเป็นต้องกินอาหารหรูตามโรงแรม หรือไปเที่ยวต่างประเทศแพง ๆ แต่ถ้าใครมีเหลือมาก ก็ทำได้ ตามหลักพอเพียงและเหมาะสมครับ
5 มองให้ positive มองโลกในแง่ดี ยึดหลักพรหมวิหาร 4 ได้ใจก็เป็นสุข
ที่พูดมาทั้งหมด เป็นแค่หลักการแบบง่าย ๆ ที่ผมพยายามทำอยู่ ยังมีผิดพลาดเหมือนกับท่านทั้งหลายเหมือนกัน แต่หากพูดถึงคัมภีร์ภาษาบาลี หรือพระเครื่องชื่อดัง หรือบทสวดต่าง ๆ หรือพิธีรีตอง เช่น พระห้ามใส่รองเท้า (ใส่รองเท้าผิดตรงไหน? ) ผมไม่ค่อยสนครับ พวกนี้ผมว่าเป็นสิ่งที่คนรุ่นหลังคิดกันเอง พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนหรอก
พยายามลด ละกิเลส โดยเริ่มจาก
1 ฝึกการให้ อาจเป็นการเริ่มต้นที่เงินก่อน เริ่มจากจำนวนน้อย ๆ ประมาณว่าให้แล้วรู้สึกสบายใจ ไม่ใช่ว่าให้แล้วเสียดายเงินนะครับ จากนั้นก็พัฒนาเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ เป็นการให้บ่อยครั้งมากขึ้น จำนวนมากขึ้น สุดท้ายหวังว่าจะเป็นการให้ ให้ได้แบบ snowball ไม่จำเป็นต้องรอให้รวยอย่างบิลเกต แล้วค่อยให้ มีน้อยก็ให้ได้ แต่ต้องเป็นการให้ที่เรายินดีจะให้
2 พยายามไม่เบียดเบียนผู้อื่น ทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ทำอย่างไรหรือ? ไม่ยากเลย แค่ทำให้ได้ตามศีล 5 ทุกวัน หากทำได้ทุกคน ผมว่าโลกนี้คงมีความสงบสุขได้มากแล้ว
3 พยายามมีสติให้อยู่กับตัว เช่น การรู้ลมหายใจ คนส่วนใหญ่มักบอกว่าทำไม่ได้ ไม่มีเวลา แต่ผมว่าทำแบบทีละน้อยแต่บ่อย ๆ น่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ดี อย่างเช่น เวลาว่ายน้ำครบรอบ ตอนหยุดพัก ก็หลับตาดูลมหายใจ เข้าออก เป็นต้น ทำตอนไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นการนั่งสมาธิอย่างเดียว หากมีสติ น่าจะช่วยให้ชีวิตดีขึ้นได้อย่างมาก
4 ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับอะไรมากมาย พยายามทำให้ดีที่สุด เลี้ยงดูครอบครัวได้ การมีความสุขแค่ปั่นจักรยานในซอยหน้าบ้านกับลูก ก็มีความสุขแล้ว ไม่จำเป็นต้องกินอาหารหรูตามโรงแรม หรือไปเที่ยวต่างประเทศแพง ๆ แต่ถ้าใครมีเหลือมาก ก็ทำได้ ตามหลักพอเพียงและเหมาะสมครับ
5 มองให้ positive มองโลกในแง่ดี ยึดหลักพรหมวิหาร 4 ได้ใจก็เป็นสุข
ที่พูดมาทั้งหมด เป็นแค่หลักการแบบง่าย ๆ ที่ผมพยายามทำอยู่ ยังมีผิดพลาดเหมือนกับท่านทั้งหลายเหมือนกัน แต่หากพูดถึงคัมภีร์ภาษาบาลี หรือพระเครื่องชื่อดัง หรือบทสวดต่าง ๆ หรือพิธีรีตอง เช่น พระห้ามใส่รองเท้า (ใส่รองเท้าผิดตรงไหน? ) ผมไม่ค่อยสนครับ พวกนี้ผมว่าเป็นสิ่งที่คนรุ่นหลังคิดกันเอง พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนหรอก
In search of super stocks
-
- Verified User
- โพสต์: 571
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 5
ขอบคุณอาจารย์ไพบูลย์ที่เริ่มต้นตั้งกระทู้แนวนี้ครับ สำหรับผมเหมือนเป็นวัคซีน, เป็นการทำฐานการลงทุนให้แน่น
วิธีคิดแบบมองอย่างต่อเนื่อง ไม่ลืมมองไปข้างหน้ายาวๆ อย่าเผลอมองแค่ snapshot ที่ผมได้ติดตัวมาจากการลงทุนแนว VI
ทำให้ผมเชื่อว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์ต่อทุกคนแน่นอน รวมถึงผมที่ตอนนี้กำลังตั้งหน้าตั้งตาสร้างอิสระภาพทางการเงินอยู่
อ่านตอนนี้รอบนึง ในอนาคตเมื่อเจอทุกข์ซัดเข้าเต็มก้านคอ จะได้กลับมาอ่านข้อความสำคัญๆอีกครั้งหนึ่ง แล้วใช้สติ ปัญญาในการรับมือปัญหา
เรื่องทำฐานการลงทุนให้แน่นซึ่งผมหมายถึงวุฒิภาวะ การตัดสินใจอย่างมีสติ คิดถึงและเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดในระยะยาวอะไรทำนองนั้น
สำคัญมากครับ ผมเชื่อว่าถ้าเราใช้เงินไม่เป็นต่อให้ถูกล๊อตเตอรี่ หรือรวยแบบโชคช่วย เราก็จะไม่สามารถรักษาความมั่งคั่งนั้นไว้ได้
เพราะเราจะเผลอไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือย, หาความสุขแบบขาดสติ เช่น เสพยาเสพย์ติด เล่นการพนัน สุดท้ายลงเอยด้วยความทุกข์ ทุกข์กว่าก่อนรวยเสียอีกครับ
เชื่อว่าเมื่อกาลเวลาผ่านไป กระทู้นี้จะทรงคุณค่าขึ้นเรื่อยๆครับ
วิธีคิดแบบมองอย่างต่อเนื่อง ไม่ลืมมองไปข้างหน้ายาวๆ อย่าเผลอมองแค่ snapshot ที่ผมได้ติดตัวมาจากการลงทุนแนว VI
ทำให้ผมเชื่อว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์ต่อทุกคนแน่นอน รวมถึงผมที่ตอนนี้กำลังตั้งหน้าตั้งตาสร้างอิสระภาพทางการเงินอยู่
อ่านตอนนี้รอบนึง ในอนาคตเมื่อเจอทุกข์ซัดเข้าเต็มก้านคอ จะได้กลับมาอ่านข้อความสำคัญๆอีกครั้งหนึ่ง แล้วใช้สติ ปัญญาในการรับมือปัญหา
เรื่องทำฐานการลงทุนให้แน่นซึ่งผมหมายถึงวุฒิภาวะ การตัดสินใจอย่างมีสติ คิดถึงและเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดในระยะยาวอะไรทำนองนั้น
สำคัญมากครับ ผมเชื่อว่าถ้าเราใช้เงินไม่เป็นต่อให้ถูกล๊อตเตอรี่ หรือรวยแบบโชคช่วย เราก็จะไม่สามารถรักษาความมั่งคั่งนั้นไว้ได้
เพราะเราจะเผลอไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือย, หาความสุขแบบขาดสติ เช่น เสพยาเสพย์ติด เล่นการพนัน สุดท้ายลงเอยด้วยความทุกข์ ทุกข์กว่าก่อนรวยเสียอีกครับ
เชื่อว่าเมื่อกาลเวลาผ่านไป กระทู้นี้จะทรงคุณค่าขึ้นเรื่อยๆครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 358
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 7
ระยะนี้อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
อยู่ในทางหลายแพรก ว่าจะเดินต่ออย่างไร
เวลาก็เหลือน้อยลง สุขภาพก็ถดถอยหลัง
จะทำอย่างไรดีกับเส้นทางธรรม ที่ดูเหมือนเส้นขนานกับการลงทุนวีไอ
ขอคำแนะนำจากท่านผู้รู้ด้วยนะครับ[/b][/quote]
ยิ่งมีเวลาน้อยต้องยิ่งเร่งความเพียรครับ เวลาเราเจ็บไข้ได้ป่วยเราจะภาวนายากนะครับ
อายุมากขึ้นความตายก็ใกล้เข้ามามากขึ้น ใครจะรู้ว่าความตายจะมาถึงเราเมื่อไร ตอนใกล้ตายแล้วจะมาผลัดผ่อนออกไปก็ไม่ได้อีกนะครับ
เงินทองมีมากเท่าไรสุดท้ายก็เอาไปไม่ได้ ดีไม่ดีจะเป็นตัวฉุดถ่วงให้เราถอยหลังอีกนะครับ
อยู่ในทางหลายแพรก ว่าจะเดินต่ออย่างไร
เวลาก็เหลือน้อยลง สุขภาพก็ถดถอยหลัง
จะทำอย่างไรดีกับเส้นทางธรรม ที่ดูเหมือนเส้นขนานกับการลงทุนวีไอ
ขอคำแนะนำจากท่านผู้รู้ด้วยนะครับ[/b][/quote]
ยิ่งมีเวลาน้อยต้องยิ่งเร่งความเพียรครับ เวลาเราเจ็บไข้ได้ป่วยเราจะภาวนายากนะครับ
อายุมากขึ้นความตายก็ใกล้เข้ามามากขึ้น ใครจะรู้ว่าความตายจะมาถึงเราเมื่อไร ตอนใกล้ตายแล้วจะมาผลัดผ่อนออกไปก็ไม่ได้อีกนะครับ
เงินทองมีมากเท่าไรสุดท้ายก็เอาไปไม่ได้ ดีไม่ดีจะเป็นตัวฉุดถ่วงให้เราถอยหลังอีกนะครับ
มรณฺง เม ภวิสฺสติ ความตายจักมีแก่เรา
-
- Verified User
- โพสต์: 262
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 8
สำหรับผม กำัลังพยายามฝึกรู้สึกตัวให้บ่อยๆ นับวันก็ยิ่งเห็นตัวเองเผลอมากและนานจริงๆ วันหนึ่งๆ มีสติรู้กาย รู้ใจ รู้อารมณ์ที่มากระทบใจ น้อยเต็มที ยิ่งพอมีใครมาสะกิดเรื่องการเมือง ผมก็สติแตก ทุกที กว่าจะรู้สึกตัวก็พบว่า ด่านักการเมืองไปซะเละเทะหมดแล้ว กว่าจะได้ย้อนมาดูโทสะที่เกิดในจิตตน ก็ลงนรกไปซะแล้ว แต่ก็กำลังพยายามอยู่ครับ ตอนนี้เป้าหมายเล็กๆคือ เวลามีเรื่องการเมืองมากระทบจะพยายามรู้ตัวว่าโทสะมันเกิดแล้วนะ แฮๆ ไมู่ทราบว่าจะรอดไปได้สักกี่น้ำ แต่ก็คงต้องพยายามฝึกต่อไปครับ ผมว่ายังไงๆ รู้อะไร ก็ไม่สู้ รู้จิตตน น่ะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 5826
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 9
-
- Verified User
- โพสต์: 2545
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 10
คนเรามักคิดว่่า การปฏิบัติธรรมมักจะต้องออกไปปฏิบัติธรรมที่วัด นั่งสมาธิ วิปัสสนาให้เข้าถึงธรรมอันสูงสุด ควรเลิกจากการทำงานประจำให้ได้ เป็นทางสายเดียวที่บรรลุธรรมได้
แต่ด้วยมุมมองใหม่นี้อาจเปลี่ยนวิธีคิดของเราได้ครับ เพราะเราสามารถปฏิบัติธรรมได้ทุกวัน ด้วยความไม่ประมาท
จากตรรกะที่ว่า ถ้าหากการลงทุนก็เป็นการปฏิบัติงานอย่างหนึ่ง
ท่านพุทธทาส สอนว่า ธรรมะคืือการปฏิบัติงานนั้นเองในชีวิตประจำวัน เราต้องมองให้เห็น
และเราต้องทำให้อยู่ด้วยกันให้ได้ ทำอย่างไร
ผมชอบบทความนี้ครับ
http://www.cmemployment.org/newtopic/po ... iceidpk=64
แต่ด้วยมุมมองใหม่นี้อาจเปลี่ยนวิธีคิดของเราได้ครับ เพราะเราสามารถปฏิบัติธรรมได้ทุกวัน ด้วยความไม่ประมาท
จากตรรกะที่ว่า ถ้าหากการลงทุนก็เป็นการปฏิบัติงานอย่างหนึ่ง
ท่านพุทธทาส สอนว่า ธรรมะคืือการปฏิบัติงานนั้นเองในชีวิตประจำวัน เราต้องมองให้เห็น
และเราต้องทำให้อยู่ด้วยกันให้ได้ ทำอย่างไร
ผมชอบบทความนี้ครับ
http://www.cmemployment.org/newtopic/po ... iceidpk=64
ชีวิตของ มนุษย์เราส่วนใหญ่อยู่กับการทำงาน ถ้าเราคิดว่าจะเอาเวลาว่างมาปฏิบัติธรรมวันละ 1-2 ชั่วโมง หรือช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ค่อยปฏิบัติธรรมแล้ว ยังน้อยไป
ชีวิตของ มนุษย์นั้นน้อยนักเปรียบได้ดั่งน้ำค้างบนยอดหญ้ายามเช้า....เมื่อถูกแสงแดด ย่อมระเหยแห้งไป......ดังนั้นจึงไม่ควรดำรงชีวิตอยู่อย่างประมาท
ชีวิตที่อยู่อย่างประมาทคือชีวิตอย่างไร
ก็คงต้องตอบว่าชีวิตที่อยู่อย่างปราศจากธรรมะนั้นช่างประมาทเสียนี่กระไร เปรียบดังผู้ที่ตายแล้ว ดั่งคำกล่าวว่า ธรรมะคือชีวิต ชีวิตคือธรรมะ
แต่ ชีวิตเราส่วนใหญ่อยู่กับงาน ไม่ว่างานส่วนตัวหรืองานส่วนรวม ดังนั้นจึงควรใช้ชีวิตส่วนใหญ่ให้คุ้มค่ามีธรรมะอยู่ด้วยเสมอ นั่นคือ ชีวิต....งาน....ธรรมะ..ควรไปด้วยกันเสมอ จึงจะได้ชื่อว่าอยู่ด้วยความไม่ประมาท
สมดั่งปัจฉิมโอวาทบางตอนกล่าวไว้ว่า "จงยังประโยชน์แห่งตนและผู้อื่นให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด"
การปฎิบัติงานคือการปฎิบัติธรรมนั้นเป็นอย่างไรก็ขอสรุปสั้นๆเป็นข้อๆดังนี้
1. เมื่อทำงานอะไรอยู่ให้มีสติอยู่กับงานที่ทำเสมอ เมื่อสติตั้งมั่นดีแล้ว ย่อมเกิดสมาธิในการทำงาน งานมักไม่ผิดพลาด เมื่อสมาธิตั้งมั่นดีแล้ว ย่อมเกิดปัญญา งานที่ทำก็เจริญก้าวหน้าอยู่เสมอ
2.เมื่อประสบปัญหา โลกธรรมแปด เราต้องใช้ มรรคแปด เป็นหนทางแก้ไข
เมื่ออยู่ในโลก ในสังคม ย่อมหลีกเลี่ยง โลกธรรมแปด ไม่ได้ อย่าไปยึดมั่นถือมั่น
พระ พุทธเจ้าของเราสอนให้อยู่กับปัจจุบัน ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด บุคคลที่นึกถึงอดีตที่ผ่านมา หรืออนาคตที่ยังมาไม่ถึง ย่อมหาความสุขไม่ได้เลย
3.อาศัยธรรมะแห่งการอยู่ร่วมกัน คือ พรหมวิหารสี่ คือธรรมเครื่องอยู่อย่างประเสริฐ, ธรรมประจำใจอันประเสริฐ, หลักความประพฤติที่ประเสริฐบริสุทธิ์, ธรรมที่ต้องมีไว้เป็นหลักใจและกำกับความประพฤติ จึงจะชื่อว่าดำเนินชีวิตหมดจด และปฏิบัติตนต่อมนุษย์สัตว์ทั้งหลายโดยชอบได้แก่
***เมตตา คือปราถนาเห็นผู้อื่นพ้นทุกข์ ความรักใคร่ ปรารถนาดีอยากให้เขามีความสุข มีจิตอันแผ่ไมตรีและคิดทำประโยชน์แก่มนุษย์สัตว์ทั่วหน้า
***กรุณา คือช่วยให้ผู้อื่นได้พ้นทุกข์ ความสงสาร คิดช่วยให้พ้นทุกข์ ใฝ่ใจในอันจะปลดเปลื้องบำบัดความทุกข์ยากเดือดร้อนของปวงสัตว์
***มุทิตา คือ ยินดีเมื่อผู้อื่นมีความสุข มีจิตผ่องใสบันเทิง กอปรด้วยอาการแช่มชื่นเบิกบานอยู่เสมอ ต่อสัตว์ทั้งหลายผู้ดำรงในปกติสุข พลอยยินดีด้วยเมื่อเขาได้ดีมีสุข เจริญงอกงามยิ่งขึ้นไป
***อุเบกขา คือวางเฉยเมื่อเราช่วยแล้ว หรือช่วยไม่ได้ แล้วเค้ายังไม่พ้นทุกข์ ความวางใจเป็นกลาง อันจะให้ดำรงอยู่ในธรรมตามที่พิจารณาเห็นด้วยปัญญา คือมีจิตเรียบตรงเที่ยงธรรมดุจตราชั่ง ไม่เอนเอียงด้วยรักและชัง พิจารณาเห็นกรรมที่สัตว์ทั้งหลายกระทำแล้ว อันควรได้รับผลดีหรือชั่ว สมควรแก่เหตุอันตนประกอบ พร้อมที่จะวินิจฉัยและปฏิบัติไปตามธรรม รวมทั้ง รู้จักวางเฉยสงบใจมองดู ในเมื่อไม่มีกิจที่ควรทำ เพราะเขารับผิดชอบตนได้ดีแล้ว เขาสมควรรับผิดชอบตนเอง หรือเขาควรได้รับผลอันสมกับความรับผิดชอบของตน
ที่สำคัญคือการให้อภัย....
หิริ โอตตัปปะ ความเกรงกลัวและละอายต่อบาป
ทมะ และ ขันติ คือการรู้จักข่มใจและอดทน
**************************************************************
เมื่อเรามีธรรมะอยู่ตลอดแล้วคงหนีไม่พ้นคำกล่าวว่า ธรรมย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม
**************************************************************
ที่มา : http://tsaj.org/smf/index.php?topic=4148.0
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
-
- Verified User
- โพสต์: 241
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 11
ผมว่าการเลือกบริษัทของพี่น่าสนใจครับ ที่เลือกตามหลักของศิล
เพราะมีกองทุน LTF กองหนึ่ง ที่ผมอ่านเจอ เป็นกองทุนที่ลงทุนโดยไม่ขัดกับหลักศาสนาอิสลาม (รู้สึกจะได้ morning star ด้วยครับ)
.... ส่วนตัวคิดว่า เราควรเลือกไปในทางธรรมครับ เรื่องผลตอบแทนทางโลกนั้น เน้นแค่พอดูแลตัวเราและครอบครัวไม่ให้เป็นปัญหากับคนอื่นๆก็พอครับ เพราะหุ้นลง หุ้นขึ้นนี้ยังมีโอกาสแก้ตัว แต่การเตรียมเผชิญความตามนี้มีครั้งเดียวครับ ไม่มีโอกาสแก้ตัวครับ
เพราะมีกองทุน LTF กองหนึ่ง ที่ผมอ่านเจอ เป็นกองทุนที่ลงทุนโดยไม่ขัดกับหลักศาสนาอิสลาม (รู้สึกจะได้ morning star ด้วยครับ)
.... ส่วนตัวคิดว่า เราควรเลือกไปในทางธรรมครับ เรื่องผลตอบแทนทางโลกนั้น เน้นแค่พอดูแลตัวเราและครอบครัวไม่ให้เป็นปัญหากับคนอื่นๆก็พอครับ เพราะหุ้นลง หุ้นขึ้นนี้ยังมีโอกาสแก้ตัว แต่การเตรียมเผชิญความตามนี้มีครั้งเดียวครับ ไม่มีโอกาสแก้ตัวครับ
ความจนนั้นเกิดได้จากสองสาเหตุ คือ จนเพราะไม่มี กับ จนเพราะไม่พอ
ความรวยก็ประกอบด้วยองค์สอง คือ รวยเพราะมีมาก และ รวยเพราะพอเพียง
ความรวยก็ประกอบด้วยองค์สอง คือ รวยเพราะมีมาก และ รวยเพราะพอเพียง
-
- Verified User
- โพสต์: 2545
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 12
เอาเฉพาะข้อนี้ข้อเดียว เราก็ปฏิบีติได้ยากเพราะอะไร1. เมื่อทำงานอะไรอยู่ให้มีสติอยู่กับงานที่ทำเสมอ เมื่อสติตั้งมั่นดีแล้ว ย่อมเกิดสมาธิในการทำงาน งานมักไม่ผิดพลาด เมื่อสมาธิตั้งมั่นดีแล้ว ย่อมเกิดปัญญา งานที่ทำก็เจริญก้าวหน้าอยู่เสมอ
อยากให้ ดู vdo ชุดนี้ครับ
หากเข้าใจ จะทำให้เราลงทุนโดยใช้ธรรมะมาพิจารณาได้อย่างมีคุณภาพ ด้วยครับ
ที่มา
ธรรมบรรยายเรื่อง สติ(ตัวจริง)...ความอัศจรรย์ ที่เราไม่เคยรู้จัก
โดย... อาจารย์ประเสริฐ อุทัยเฉลิม
ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓
[youtube]D7JS5iVd2jg[/youtube]
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
-
- Verified User
- โพสต์: 2686
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 13
เรื่องของศีลนั้น
รวบรวบไว้อย่างเยี่ยมแล้วใน
สีลนิเทศ ของ วิสุทธิมรรค
จึงขอ อันเชิญพระคัมภีร์
มาไว้ก่อน..เผื่อท่านวีไอที่อายุมากแล้ว
แลแสวงหาทางธรรมอยู่แต่ไม่เคยอ่าน
จะได้รู้จัก...ไว้..มีประโยชน์มาก
...
source:
p18
วิสุทธิมรรคแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย
http://www.ebooks.in.th/ebook/7317/
(อีบุคเล่มนี้ อ่านฟรี! free ebook)
...
(comment)
หนังสือสามก๊กฉบับพระคลังหน ใช้เวลา 3วัน อ่านจบ
หนังสือ "Intelligent Investor" ของ ลุง เบนจามิน แกรมแฮม ฉบับอังกฤษ ใช้เวลา 1-2ปี อ่านจบ
ส่วน..."คัมภีวิสุทธิมรรคแปล" ที่ท่านพุทธโฆษะ รจนาขึ้น ใช้เวลา 10 ปี อ่านจบ
...
source:
http://www.abhidhamonline.org/thesis/visudhi/vis1.htm
***
รวบรวบไว้อย่างเยี่ยมแล้วใน
สีลนิเทศ ของ วิสุทธิมรรค
จึงขอ อันเชิญพระคัมภีร์
มาไว้ก่อน..เผื่อท่านวีไอที่อายุมากแล้ว
แลแสวงหาทางธรรมอยู่แต่ไม่เคยอ่าน
จะได้รู้จัก...ไว้..มีประโยชน์มาก
...
source:
p18
วิสุทธิมรรคแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย
http://www.ebooks.in.th/ebook/7317/
(อีบุคเล่มนี้ อ่านฟรี! free ebook)
...
(comment)
หนังสือสามก๊กฉบับพระคลังหน ใช้เวลา 3วัน อ่านจบ
หนังสือ "Intelligent Investor" ของ ลุง เบนจามิน แกรมแฮม ฉบับอังกฤษ ใช้เวลา 1-2ปี อ่านจบ
ส่วน..."คัมภีวิสุทธิมรรคแปล" ที่ท่านพุทธโฆษะ รจนาขึ้น ใช้เวลา 10 ปี อ่านจบ
...
source:
http://www.abhidhamonline.org/thesis/visudhi/vis1.htm
***
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
-
- Verified User
- โพสต์: 2686
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 14
คราวนี้
ทางโลก
เมื่เรามีหิริ เกรงกลัวต่อบาป ก็ตัวระมัดระวัง
พยายามเห็นโทษ..
บางอย่างมีคุณมาก บางอย่างก็มีโทษ..
....
เริ่ม
ด้วย
"Low Probabilities of BIG Loss or Catastrophe Loss or Armegeddon Loss"
เคยเขียนไว้ใน
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... 3&start=30
หมายความว่า
เช่น เครื่องบินตกหรือไททานิก, โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิด, สารเคมีรั่ว (http://en.wikipedia.org/wiki/Bhopal_disaster),
คลังแสงอาวุธระเบิด, คลังท่าเรือระเบิด, รถแก๊สระเิบิด, etc...
more
at
http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_in ... _disasters
....
หรือแม้นกระทั่งว่า การผลิตสินค้า เช่น ใยหิน ซึ่งเป็น Carcinogen, สารก่อมะเร็ง
อันนี้ ก็เป็นโทษ
...
ยาปฎิชีวนะที่ใช้ใน antibiotics in industrial farming อันก็เป็นภัยที่เห็นได้
...
หรือ เบาลงหน่อย แค่โรงงานไฟฟ้าที่ใช้ ถ่านหิน/ การเก็บถ่านหินในที่โล่ง แล้ว ไปกระทบชาวบ้าน
...
หรือ
มันเป็น inherent risk
...
นักลงุทน ประเภมใหม่
http://www.bloomberg.com/news/2013-05-1 ... owers.html
ทางโลก
เมื่เรามีหิริ เกรงกลัวต่อบาป ก็ตัวระมัดระวัง
พยายามเห็นโทษ..
บางอย่างมีคุณมาก บางอย่างก็มีโทษ..
....
เริ่ม
ด้วย
"Low Probabilities of BIG Loss or Catastrophe Loss or Armegeddon Loss"
เคยเขียนไว้ใน
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... 3&start=30
หมายความว่า
เช่น เครื่องบินตกหรือไททานิก, โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิด, สารเคมีรั่ว (http://en.wikipedia.org/wiki/Bhopal_disaster),
คลังแสงอาวุธระเบิด, คลังท่าเรือระเบิด, รถแก๊สระเิบิด, etc...
more
at
http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_in ... _disasters
....
หรือแม้นกระทั่งว่า การผลิตสินค้า เช่น ใยหิน ซึ่งเป็น Carcinogen, สารก่อมะเร็ง
อันนี้ ก็เป็นโทษ
...
ยาปฎิชีวนะที่ใช้ใน antibiotics in industrial farming อันก็เป็นภัยที่เห็นได้
...
หรือ เบาลงหน่อย แค่โรงงานไฟฟ้าที่ใช้ ถ่านหิน/ การเก็บถ่านหินในที่โล่ง แล้ว ไปกระทบชาวบ้าน
...
หรือ
มันเป็น inherent risk
...
นักลงุทน ประเภมใหม่
http://www.bloomberg.com/news/2013-05-1 ... owers.html
Call It What You Like — New Investing Approach Gains Followers
Call It What You Like: Investing Approach Brings Returns, Change
More than 11 percent of investments under U.S. professional management were selected for companies’ financial performance and their social and environmental responsibility in 2012. That’s $3.74 trillion of the $33.3 trillion in investments scanned for environmental, social and governance criteria (known as ESG), according to a November report by the U.S. SIF Foundation.
Individuals and institutions are increasingly on the lookout for investment strategies that help them achieve environmental and social goals.
Call it what you like — sustainable investing, responsible investing, socially responsible investing, impact investing, green investing or just ESG — this practice is bringing new approaches into the traditional investment industry.
-
- Verified User
- โพสต์: 2686
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 16
เรื่องนี้
ฝรั่งเขาเรียกว่า
Integrity
แปลว่า
อะไรนั้น
ดูด้วยภาพแล้วกัน
..
..
..
ชอบสุดอันนี้
http://www.garengpung.com/wp-content/up ... egrity.jpg
...
...
ต.ย
ด้านการลงทุน
"food with integrity"
http://www.chipotle.com/en-us/fwi/fwi.aspx
ฝรั่งเขาเรียกว่า
Integrity
แปลว่า
อะไรนั้น
ดูด้วยภาพแล้วกัน
..
..
..
ชอบสุดอันนี้
http://www.garengpung.com/wp-content/up ... egrity.jpg
...
...
ต.ย
ด้านการลงทุน
"food with integrity"
http://www.chipotle.com/en-us/fwi/fwi.aspx
Pork
Many pigs are raised on factory farms and don't have a great life. They are penned in concrete and steel and given large amounts of antibiotics to fend off the diseases this type of confinement breeds. According to the Union of Concerned Scientists, American pork producers use over 10 million pounds of antibiotics per year to keep their confinement raised pigs from getting sick. That's more than an estimated three times the amount used to treat all human illness.
Between the mistreatment of the pigs and the massive amount of waste produced, these farms aren't good for anyone.
Luckily, there is a better way.
There are ranchers whose pigs are raised outside or in deeply bedded pens, are never given antibiotics and are fed a vegetarian diet. It's the way animals were raised 50 years ago before huge factory farms changed the industry. We believe pigs that are cared for in this way enjoy happier, healthier lives and produce the best pork we've ever tasted.
We call this style of ranching naturally raised, and since 2001, we have sourced 100% of our pork from producers who follow these guidelines.
-
- Verified User
- โพสต์: 2686
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 17
ถ้าคิดง่าย..ลง
บ. ที่
เราลงทุน
1. เขาไม่เอาเปรียบลูกค้า ทุกๆด้าน คุณภาพสินค้า บริการ ราคา
2. เขาไม่เอาเปรียบผู้ถือหุ้น
3. ไม่เอาเปรียบพนักงานเขา
4. ไม่เอาเปรียบสังคม สิ่งแวดล้อม
5. ระมัดระวังอย่างยิ่งไม่ทำอะไรที่ทำให้เกิดภัยยิ่งใหญ่
ก็ถือว่า ผ่านตะแกรงหยาบ แล้ว
บ. ที่
เราลงทุน
1. เขาไม่เอาเปรียบลูกค้า ทุกๆด้าน คุณภาพสินค้า บริการ ราคา
2. เขาไม่เอาเปรียบผู้ถือหุ้น
3. ไม่เอาเปรียบพนักงานเขา
4. ไม่เอาเปรียบสังคม สิ่งแวดล้อม
5. ระมัดระวังอย่างยิ่งไม่ทำอะไรที่ทำให้เกิดภัยยิ่งใหญ่
ก็ถือว่า ผ่านตะแกรงหยาบ แล้ว
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1575
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 18
ขอบคุณตะแกรงศีลร่อนกิจการของคุณ imerlot ครับ
ได้อย่างหยาบแล้ว อยากทราบอย่างละเอียดด้วยได้ไหมครับ
จะเป็นพระคุณและอนุโมทนบุญด้วยครับ
ได้อย่างหยาบแล้ว อยากทราบอย่างละเอียดด้วยได้ไหมครับ
จะเป็นพระคุณและอนุโมทนบุญด้วยครับ
ดู clip รายการ money talk ย้อนหลังได้ที่
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
-
- Verified User
- โพสต์: 513
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 19
อยากทราบว่าชีวิตทุกวันนี้พี่เด็กใหม่ฯ ไม่มีความสุขในเรื่องใดบ้างครับ?
ได้เวลาเหล่าอินทรีย์ ผงาดบนฟากฟ้า
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1575
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 20
ชีวิตผมทุกวันนี้ มีความสุขแบบคนทั่วไปครับอยากทราบว่าชีวิตทุกวันนี้พี่เด็กใหม่ฯ ไม่มีความสุขในเรื่องใดบ้างครับ?
มีแต่ความเป็นห่วงลูก
แต่มีความทุกข์แบบที่พระท่านสอนครับ
ความทุกข์ของคนที่มีความสุขครับ
และมีทุกขกิริยาบ้างครับ
ดู clip รายการ money talk ย้อนหลังได้ที่
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
-
- Verified User
- โพสต์: 135
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 21
คิดว่า เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ อย่างเดียวไม่พอนะค่ะ
ธรรมะคือธรรมชาติ
ธรรมชาติของมนุษย์ คล้ายลิง ที่เคลื่อนไหวตลอดเวลา
และมีทุกขกิริยาบ้างครับ
ขาดการออกกำลังกายที่สม่ำเสมอ
ได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง นายแพทย์เป็นผู้เขียน กล่าวไว้ว่า
"การออกกำลัยกายเป็นสิ่งที่ควรทำทุกวัน"
เนื่องจากจะเป็นการปรับสมดุลของร่างกาย
ให้ระบบเลือด/ลม ต่างๆไหลเวียนดี
กล้ามเนื้อ/เส้นสาย คลายตัวจากการที่เรานั่งทับกล้ามเนื้อตลอด และอื่นๆที่อยู่นิ่งๆ
ไม่ให้มีการสะสมพิษที่เกิดขึ้น วันละเล็กน้อย
ธรรมะคือธรรมชาติ
ธรรมชาติของมนุษย์ คล้ายลิง ที่เคลื่อนไหวตลอดเวลา
และมีทุกขกิริยาบ้างครับ
ขาดการออกกำลังกายที่สม่ำเสมอ
ได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง นายแพทย์เป็นผู้เขียน กล่าวไว้ว่า
"การออกกำลัยกายเป็นสิ่งที่ควรทำทุกวัน"
เนื่องจากจะเป็นการปรับสมดุลของร่างกาย
ให้ระบบเลือด/ลม ต่างๆไหลเวียนดี
กล้ามเนื้อ/เส้นสาย คลายตัวจากการที่เรานั่งทับกล้ามเนื้อตลอด และอื่นๆที่อยู่นิ่งๆ
ไม่ให้มีการสะสมพิษที่เกิดขึ้น วันละเล็กน้อย
-
- Verified User
- โพสต์: 50
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 22
เด็กใหม่ไฟแรง เขียน:
มาเมื่อ 3-4 ปีก่อน ผมกลับมาให้เวลากับทางโลกมากขึ้น
โดยเฉพาะเวลาสำหรับการดูแลการลงทุนในหุ้น
ซึ่งก็ให้ผลตอบแทนทางโลกที่เป็นตัวเลขเงินทองที่ดีมาก
แต่ความคืบหน้าทางธรรมกลับถดถอยครับ
สุดท้ายแล้วถ้าเราอยากเอาดีทางไหนมากๆซักทางก็ต้องเลือกแค่ทางเดียวหรือเปล่าค่ะ
เพราะถ้าเอาดีทั้งสองด้านได้พระพุทธเจ้าก็คงจะเป็นพระมหากษัตริย์ต่อ
และหาทางดับทุกข์เจอ พระพุทธเจ้าก็คงจะเป็นแล้วบรรลุธรรมในประสาทสามฤดู
แต่นี้พระองค์แต่มาอยู่ป่าคนเดียวตั้ง 6 ปีกว่าจะค้นพบทางดับทุกข์
ในเมืองไทยเราลูกศิษย์หลวงปู่มั่นที่เป็นพระอริยสงฆ์ก็ล้วนไปอยู่ป่าทำความเพียรอยู่หลายปี
ทำความเพียรแบบถวายชีวิตก็จะเป็นพระอริยเจ้าจนมีคำสอนมาจนถึงทุกวันนี้
ท่านเหล่านี้ไปอยู่ป่าก็อดอาหาร ไม่มีคนใส่บาตรกันทีหลายวัน เจอเสือบ้าง ช้างบ้าง
ท่านสละได้ถึงขนาดนั้นเพื่อธรรม คงเป็นเพราะท่านต่อการหลุดพ้นในชาตินี้
แต่พี่เด็กใหม่ไฟแรงอาจจะอยากปฏิบัติในฐานะอุบาสกที่อยากรักาศีล 5 ให้ครบ
และฝึกสติในชีวิตประจำวันเท่านั้น ซึ่งถ้าแค่ในระดับนี้ก็น่าจะทำควบคู่กับงานทางโลกได้
โดยส่วนตัวดิชั้นคิดว่าการเกิดแก่เจ็บตายน่าเบื่อมาก ที่พวกเราต้องนั่งหาเงินกัน หลังขดหลังแข็ง
เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงดูลูก ล้วนเป็นความลำบากเหนื่อยยาก หวังว่าการลงทุนจะช่วยเราได้
เจอหุ้นตกหนักๆก็ทุกข์ ขายหมูก็ทุกข์ ได้ผลตอบแทนไม่เท่าเซียนก็ทุกข์ โลกนี้มีแต่ความทุกข์จริงๆ
พอทุกข์ลดลงก็อุทานว่าสุขหนอๆ พระพุทธเจ้าท่านสอนพ่อของนางวิสาขาว่า บัณฑิตผู้นึงสอนว่า
เมื่อเกิดเพลิงไหม้ทรัพย์ใดที่ขนออกจากบ้านไม่ได้ทรัพย์นั้นไม่มีประโยชน์ มีประโยชน์เฉพาะทรัพย์ที่ขนออกมาได้
สำหรับผู้ที่มีอิสรภาพทางการเงินแล้ว แต่ยังให้เวลาหาเงินมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเราจากโลกนี้ไปเงินเราก็เอาไปด้วยไม่ได้ เปรียบเหมือนทรัพย์ที่เราขนออกมาไม่ได้ เมื่อไฟไหม้เรือน
ไม่เหมือนบุญที่เกิดจากการภาวนาของเรา ยังนำติดตัวไปภพอื่นๆได้ ก็เปรียบเหมือนทรัพย์ที่ขนออกไปจากบ้านที่เกิดเพลิงใหม่ได้ นับว่าเป็นทรัพย์ที่มีประโยชน์อย่างแท้จริง
Invest in the good timeS!!!!....
-
- Verified User
- โพสต์: 513
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 23
ต้องขอรบกวนให้พี่เด็กใหม่ช่วยขยายความได้ไหมครับเด็กใหม่ไฟแรง เขียน:ชีวิตผมทุกวันนี้ มีความสุขแบบคนทั่วไปครับอยากทราบว่าชีวิตทุกวันนี้พี่เด็กใหม่ฯ ไม่มีความสุขในเรื่องใดบ้างครับ?
มีแต่ความเป็นห่วงลูก
แต่มีความทุกข์แบบที่พระท่านสอนครับ
ความทุกข์ของคนที่มีความสุขครับ
และมีทุกขกิริยาบ้างครับ
ได้เวลาเหล่าอินทรีย์ ผงาดบนฟากฟ้า
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 24
ผมขออนุญาตแชร์ประสบการณ์เผื่อจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ แต่คงไม่บังอาจเสนอแนะใดๆ นะครับ เพราะ ธรรมนั้นรู้เห็นได้เฉพาะตน และทางสายกลางที่เหมาะสมกับแต่ละคน แต่ละขณะก็แตกต่างกันออกไป... แต่ด้วยความกิเลสหนาปัญญาน้อยของผม หากข้อความได้ล่วงเกินเพื่อนๆ ท่านใด... ผมขออภัย และขออโหสิล่วงหน้ามา ณ ที่นี้ด้วย
สำหรับผม... ผมเริ่มสนใจธรรมะก็เนื่องมาจากการลงทุน ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยสนใจธรรมะเลย เมื่อก่อนตอนทำกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยจะมองพวกชมรมที่เกี่ยวข้องกับศาสนาในทางไม่ค่อยดีเสียด้วยซ้ำ ในอดีตชีวิตผมไม่เกี่ยวข้องอะไรกับทางพุทธฯ เลยแม้แต่น้อย ไม่เข้าวัด ไม่สวดมนต์ ไม่นั่งสมาธิ จะมีก็แค่ไปบวชเณรแก้บนตอนเรียน ม.ต้น กับบวชหน้าไฟตอนคุณย่าเสีย เพราะ ญาติๆ อยากให้บวช ซึ่งผมก็ไม่ได้เชื่อไม่ได้ศรัทธาอะไร ผมไม่เคยสนใจศาสนา สิ่งที่สนใจใกล้เคียงหน่อยจะเป็นปรัชญาเสียมากกว่า มีการอ่านหนังสือเกี่ยวกับปรัชญาต่างๆ อยู่บ้าง และมีการพูดคุยเกี่ยวกับปรัชญาในแวดวงเพื่อนฝูง ที่ทำกิจกรรมรวมกัน ถกเถียงเกี่ยวกับความหมายของชีวิต การดำรงอยู่ของมนุษย์บ้าง อะไรบ้าง ตามภาษาวัยรุ่นที่กำลังค้นหาตัวเอง
การลงทุนเป็นเหตุที่ทำให้ผมสนใจธรรมะอีกครั้ง จากการที่ใจซัดส่าย ฟุ้งซ่าน วันๆ คิดถึงแต่เรื่องหุ้นและเกี่ยวกับหุ้นอยู่ตลอดเวลา จนสูญเสียความสามารถในการควบคุมตัวเอง กินข้าวก็คิดถึงแต่เรื่องหุ้น ไปเที่ยวกับแฟนก็คิดถึงแต่เรื่องหุ้น ไม่สามารถหาความสงบ ไม่สามารถมีสมาธิกับเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับหุ้นได้นานเลย จนถึงจุดหนึ่ง คิดว่าไม่ไหวแล้ว อยากจะได้ความสงบ อยากที่จะบวช อยากที่จะตัดขาดจากโลกภายนอก
เหตุปัจจัยต่างๆ ได้ทำให้สุดท้ายได้ไปปฏิบัติธรรมในรูปแบบของฆราวาส และไปบวช ในช่วงเวลาสั้นๆ ได้ฝึก เจริญสติปัฎฐาน 4 ตามแนวทางของมหาสีสยาดอ ของทางพม่า ซึ่งประสบการณ์ดังกล่าว ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดในชีวิต เพราะ วิชาที่ได้ไปเรียนมา เป็นวิชาที่ทำให้ผมมีอำนาจในการควบคุมจิตใจตัวเองอีกครั้ง ผลของการปฏิบัติในช่วงสั้นๆ เป็นเครื่องยืนยันว่า ทางสายนี้หากดำเนินไปแล้วจะนำมาซึ่งความสุขสงบที่ละเอียดยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เบาบางและห่างไกลจากความทุกข์มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และสุขที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่แค่สุขที่เจือไปด้วยทุกข์อย่างที่เคยประสบมาอย่างในอดีต ซึ่งเป็นคำตอบของชีวิตของผมที่เคยพยายามค้นหาในช่วงวัยรุ่น
ผลของการปฏิบัติได้ขัดเกลานิสัยใจคอหลายๆ อย่าง เรื่องอย่างหยาบก็ทำให้ผมเลิกเหล้า เลิกบุหรี่ เด็ดขาด อยากที่จะรักษาศีลให้ดีขึ้น เรื่องอย่างละเอียดก็ทำให้ผมใจคอเยือกเย็นขึ้น อัตตาเบาบางลง ยอมให้คนอื่นเบียดเบียนเราได้มากขึ้น ตัวเราเองเบียดเบียนคนอื่นน้อยลง สามารถทำประโยชน์ให้กับตัวเองและคนอื่นได้มากขึ้น ภรรยาได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลายๆ อย่างกับตัวผม ก็เลยรู้สึกอยากลองไปปฏิบัติบ้าง พอได้ปฏิบัติก็ศรัทธา และเห็นประโยชน์ของวิชานี้ด้วยเช่นกัน ผมจึงได้ภรรยาเป็นที่สุดแห่งกัลยาณมิตร นอกจากเป็นคู่ชีวิตทางโลกแล้ว ยังได้ปฏิบัติธรรม เจริญกุศล พูดคุย ทำสิ่งดีๆ ร่วมกัน
ทีนี้หลังจากที่ผมรู้สึกว่าการปฏิบัติธรรมเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ สิ่งหนึ่งในชีวิต แต่ผมก็รู้ว่าก็ยังมีสิ่งอื่นที่สำคัญในชีวิตอีกเช่นกัน ที่ทำให้เราต้องอยู่กับทางโลก ไม่สามารถอุทิศตัวทั้งหมดให้กับทางธรรมได้ ดังนั้นการ Balance กิจการงานต่างๆ ทางโลก ทางธรรม ให้อยู่ทางสายกลาง ให้สมดุลระหว่างสิ่งต่างๆ
ทั้งนี้ในแนวทางของการปฏิบัติสายนี้ อาจารย์จะไม่สนับสนุนให้อ่านหนังสือธรรมะ แต่จะให้เน้นปฏิบัติ ถ้าจะอ่านก็ให้อ่านได้แค่หนังสือที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ เสริมสร้างศรัทธา วิริยะ ในการปฏิบัติเท่านั้น จะไม่สนับสนุนให้อ่านความรู้ในเชิงปริยัติ เพราะ ความรู้เหล่านี้จะทำให้ฟุ้ง ขัดขวางความก้าวหน้าของการปฏิบัติ ถ้าจะรู้ธรรมะ ก็ให้รู้ธรรมะที่ผุดเกิดขึ้นในใจระหว่างปฏิบัติเอง เพราะ ธรรมะอันนั้นจะเป็นธรรมที่เหมาะสมกับเรา ณ ขณะนั้น และก็ไม่ต้องห่วง เพราะ สติ เป็นเหตุแห่งสมาธิ และสมาธิเป็นเหตุแห่งปัญญา ในระหว่างปฏิบัติ ปัญญาทางธรรมต่างๆ ที่ปรากฎขึ้นเอง แม้ว่าจะไม่มีความรู้ในทางปริยัติมาก่อน ด้วยเหตุนี้ผมจะไม่ค่อยรู้ในปริยัติที่ใช้สื่อสารกับคนอื่นมากนัก แต่ในการดำเนินชีวิต ผมจะใช้สิ่งที่ปรากฎขึ้นในใจเป็นตัวตัดสิน การดำรงชีวิตร่วมกันระหว่างทางโลกและทางธรรม
สิ่งใดที่คิด พูด ทำ แล้วมีผลทำให้ใจเศร้าหมอง ผมก็จะหลีกเลี่ยงในการกระทำ สิ่งใดที่คิด พูด ทำ แล้วทำให้จิตใจผ่องใส เบาสบาย ก็จะพึงกระทำ แนวทางในการดำเนินชีวิตในทางโลก ซึ่งตรงนี้ผมจะอาศัยการปฏิบัติธรรม อาศัยการเจริญสติ ดูใจของตัวเอง ที่ก่อนทำ ขณะทำ และหลังทำ เป็นตัวตัดสิน
แนวทางนี้เป็นแนวทางหลักที่ผมเอามาใช้ในการประสานชีวิตในทางธรรมเข้ากับชีวิตในการลงทุน ข้อสรุปและแนวทางบางอย่างที่ผมใช้อยู่ทุกวันนี้ ซึ่งเหมาะกับผมและภรรยา แต่อาจจะไม่เหมาะกับคนอื่น มีดังนี้
1. การลงทุนยังเป็นสิ่งจำเป็นอยู่ เพราะ นี่เป็นเครื่องมือในการหาเลี้ยงชีพที่ใช้เวลาน้อยที่สุด และหาเงินได้มากที่สุดแล้ว การลงทุนทำให้มีอิสระทางเวลา สามารถเอาเวลาไปใช้ประโยชน์ในสิ่งที่จำเป็นกว่า อย่างเช่น การออกกำลังกาย การไปเรียนรู้โลก เรียนรู้ตัวเอง พัฒนาตัวเองในด้านต่างๆ เป็นต้น
2. เป้าหมายในการลงทุน การลงทุนเป็นแค่เครื่องมือในการหาเลี้ยงชีพให้ดำรงอยู่ตามอัตภาพ ไม่ได้มีเป้าหมายในการสร้างความร่ำรวยให้ถึงที่สุด ถ้าจะรวยก็ถือว่าโชคดี ถือว่าเป็นของแถม แต่เป้าหมายเอาแค่มีข้าวกิน มีเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
3. การเข้าสังคมนั้นเป็นทุกข์ เป็นเหตุแห่งทุกข์ และเป็นสิ่งที่ขัดขวางการเข้าถึงความสงบของจิต วิถีชีวิตในการลงทุนของผม ผมต้องการยุ่งกับคนอื่นให้น้อยที่สุด นอกจากจะทำให้เราสามารถเข้าถึงความสงบได้ง่าย การเข้าสังคมน้อย จะทำให้เรามีความคิดอิสระจากตลาดมากยิ่งขึ้น ซึ่งการเป็นนักลงทุนที่เป็นความคิดเป็นอิสระ เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับนักลงทุนเน้นคุณค่า
4. กิจการที่ผมเลือกลงทุน ควรเป็นกิจการที่มองอนาคตออกไปได้ไกลสัก 5 ปี ใช้เวลาในการติดตามน้อย สามารถที่จะไม่ต้องอยู่ในตลาดได้อย่างน้อย 3 เดือน ถึงจะพลาดไม่ดูงบ ไม่ได้ติดตามกิจการสักไตรมาส ก็ไม่เป็นไร
5. เน้นกิจการที่เราเข้าใจ เราลงทุนแล้วสบายใจ ถ้าเป็นกิจการที่ดีเป็นประโยชน์ ผู้บริหารจิตใจดี จะชอบเป็นพิเศษ แต่ถ้าไม่ ขอแค่ไม่ขัดต่อสิ่งอันดีงามจนเกินไปก็โอเค
6. กิจการที่ลงทุนควรจะเป็นกิจการที่เราใช้บริการ เพราะ จะทำให้การใช้ชีวิตประจำวันธรรมดาๆ ปกติของเรา เป็นการติดตามกิจการไปในตัว
7. จาก 6 ข้อที่ผ่านมา ทำให้ผมมีอิสระทางเวลาและความคิด การใช้ชีวิตประจำวันตามปกติก็เป็นการติดตามกิจการไปในตัว การงานของเราในทางโลกไม่ขึ้นมาเป็นอุปสรรคในการปฏิบัติธรรมมากนัก เวลาที่เหลือก็จะแบ่งปันไปในการใช้ชีวิตประจำวัน ออกกำลังกาย ปฏิบัติธรรมะ ศึกษาพัฒนาตัวเองในสิ่งที่ตัวเองสนใจ พักผ่อน ท่องเที่ยวกับครอบครัวได้อย่างมีอิสระมากขึ้น
8. มีการแบ่งเวลาเข้าไปปฏิบัติธรรมยาวๆ ตามความเหมาะสม โดยไม่มีภาระเรื่องงาน เรื่องการลงทุน เข้ามาเป็นปัจจัยในการตัดสินใจ
ข้อย้ำอีกครั้ง อันนี้แค่แชร์ประสบการณ์ สิ่งที่ผมทำอยู่ สิ่งนี้แม้ว่าจะเหมาะกับผม แต่อาจจะไม่เหมาะกับคนอื่นนะครับ
สำหรับผม... ผมเริ่มสนใจธรรมะก็เนื่องมาจากการลงทุน ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยสนใจธรรมะเลย เมื่อก่อนตอนทำกิจกรรมที่มหาวิทยาลัยจะมองพวกชมรมที่เกี่ยวข้องกับศาสนาในทางไม่ค่อยดีเสียด้วยซ้ำ ในอดีตชีวิตผมไม่เกี่ยวข้องอะไรกับทางพุทธฯ เลยแม้แต่น้อย ไม่เข้าวัด ไม่สวดมนต์ ไม่นั่งสมาธิ จะมีก็แค่ไปบวชเณรแก้บนตอนเรียน ม.ต้น กับบวชหน้าไฟตอนคุณย่าเสีย เพราะ ญาติๆ อยากให้บวช ซึ่งผมก็ไม่ได้เชื่อไม่ได้ศรัทธาอะไร ผมไม่เคยสนใจศาสนา สิ่งที่สนใจใกล้เคียงหน่อยจะเป็นปรัชญาเสียมากกว่า มีการอ่านหนังสือเกี่ยวกับปรัชญาต่างๆ อยู่บ้าง และมีการพูดคุยเกี่ยวกับปรัชญาในแวดวงเพื่อนฝูง ที่ทำกิจกรรมรวมกัน ถกเถียงเกี่ยวกับความหมายของชีวิต การดำรงอยู่ของมนุษย์บ้าง อะไรบ้าง ตามภาษาวัยรุ่นที่กำลังค้นหาตัวเอง
การลงทุนเป็นเหตุที่ทำให้ผมสนใจธรรมะอีกครั้ง จากการที่ใจซัดส่าย ฟุ้งซ่าน วันๆ คิดถึงแต่เรื่องหุ้นและเกี่ยวกับหุ้นอยู่ตลอดเวลา จนสูญเสียความสามารถในการควบคุมตัวเอง กินข้าวก็คิดถึงแต่เรื่องหุ้น ไปเที่ยวกับแฟนก็คิดถึงแต่เรื่องหุ้น ไม่สามารถหาความสงบ ไม่สามารถมีสมาธิกับเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับหุ้นได้นานเลย จนถึงจุดหนึ่ง คิดว่าไม่ไหวแล้ว อยากจะได้ความสงบ อยากที่จะบวช อยากที่จะตัดขาดจากโลกภายนอก
เหตุปัจจัยต่างๆ ได้ทำให้สุดท้ายได้ไปปฏิบัติธรรมในรูปแบบของฆราวาส และไปบวช ในช่วงเวลาสั้นๆ ได้ฝึก เจริญสติปัฎฐาน 4 ตามแนวทางของมหาสีสยาดอ ของทางพม่า ซึ่งประสบการณ์ดังกล่าว ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีที่สุดในชีวิต เพราะ วิชาที่ได้ไปเรียนมา เป็นวิชาที่ทำให้ผมมีอำนาจในการควบคุมจิตใจตัวเองอีกครั้ง ผลของการปฏิบัติในช่วงสั้นๆ เป็นเครื่องยืนยันว่า ทางสายนี้หากดำเนินไปแล้วจะนำมาซึ่งความสุขสงบที่ละเอียดยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เบาบางและห่างไกลจากความทุกข์มากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ และสุขที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่แค่สุขที่เจือไปด้วยทุกข์อย่างที่เคยประสบมาอย่างในอดีต ซึ่งเป็นคำตอบของชีวิตของผมที่เคยพยายามค้นหาในช่วงวัยรุ่น
ผลของการปฏิบัติได้ขัดเกลานิสัยใจคอหลายๆ อย่าง เรื่องอย่างหยาบก็ทำให้ผมเลิกเหล้า เลิกบุหรี่ เด็ดขาด อยากที่จะรักษาศีลให้ดีขึ้น เรื่องอย่างละเอียดก็ทำให้ผมใจคอเยือกเย็นขึ้น อัตตาเบาบางลง ยอมให้คนอื่นเบียดเบียนเราได้มากขึ้น ตัวเราเองเบียดเบียนคนอื่นน้อยลง สามารถทำประโยชน์ให้กับตัวเองและคนอื่นได้มากขึ้น ภรรยาได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลายๆ อย่างกับตัวผม ก็เลยรู้สึกอยากลองไปปฏิบัติบ้าง พอได้ปฏิบัติก็ศรัทธา และเห็นประโยชน์ของวิชานี้ด้วยเช่นกัน ผมจึงได้ภรรยาเป็นที่สุดแห่งกัลยาณมิตร นอกจากเป็นคู่ชีวิตทางโลกแล้ว ยังได้ปฏิบัติธรรม เจริญกุศล พูดคุย ทำสิ่งดีๆ ร่วมกัน
ทีนี้หลังจากที่ผมรู้สึกว่าการปฏิบัติธรรมเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ สิ่งหนึ่งในชีวิต แต่ผมก็รู้ว่าก็ยังมีสิ่งอื่นที่สำคัญในชีวิตอีกเช่นกัน ที่ทำให้เราต้องอยู่กับทางโลก ไม่สามารถอุทิศตัวทั้งหมดให้กับทางธรรมได้ ดังนั้นการ Balance กิจการงานต่างๆ ทางโลก ทางธรรม ให้อยู่ทางสายกลาง ให้สมดุลระหว่างสิ่งต่างๆ
ทั้งนี้ในแนวทางของการปฏิบัติสายนี้ อาจารย์จะไม่สนับสนุนให้อ่านหนังสือธรรมะ แต่จะให้เน้นปฏิบัติ ถ้าจะอ่านก็ให้อ่านได้แค่หนังสือที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ เสริมสร้างศรัทธา วิริยะ ในการปฏิบัติเท่านั้น จะไม่สนับสนุนให้อ่านความรู้ในเชิงปริยัติ เพราะ ความรู้เหล่านี้จะทำให้ฟุ้ง ขัดขวางความก้าวหน้าของการปฏิบัติ ถ้าจะรู้ธรรมะ ก็ให้รู้ธรรมะที่ผุดเกิดขึ้นในใจระหว่างปฏิบัติเอง เพราะ ธรรมะอันนั้นจะเป็นธรรมที่เหมาะสมกับเรา ณ ขณะนั้น และก็ไม่ต้องห่วง เพราะ สติ เป็นเหตุแห่งสมาธิ และสมาธิเป็นเหตุแห่งปัญญา ในระหว่างปฏิบัติ ปัญญาทางธรรมต่างๆ ที่ปรากฎขึ้นเอง แม้ว่าจะไม่มีความรู้ในทางปริยัติมาก่อน ด้วยเหตุนี้ผมจะไม่ค่อยรู้ในปริยัติที่ใช้สื่อสารกับคนอื่นมากนัก แต่ในการดำเนินชีวิต ผมจะใช้สิ่งที่ปรากฎขึ้นในใจเป็นตัวตัดสิน การดำรงชีวิตร่วมกันระหว่างทางโลกและทางธรรม
สิ่งใดที่คิด พูด ทำ แล้วมีผลทำให้ใจเศร้าหมอง ผมก็จะหลีกเลี่ยงในการกระทำ สิ่งใดที่คิด พูด ทำ แล้วทำให้จิตใจผ่องใส เบาสบาย ก็จะพึงกระทำ แนวทางในการดำเนินชีวิตในทางโลก ซึ่งตรงนี้ผมจะอาศัยการปฏิบัติธรรม อาศัยการเจริญสติ ดูใจของตัวเอง ที่ก่อนทำ ขณะทำ และหลังทำ เป็นตัวตัดสิน
แนวทางนี้เป็นแนวทางหลักที่ผมเอามาใช้ในการประสานชีวิตในทางธรรมเข้ากับชีวิตในการลงทุน ข้อสรุปและแนวทางบางอย่างที่ผมใช้อยู่ทุกวันนี้ ซึ่งเหมาะกับผมและภรรยา แต่อาจจะไม่เหมาะกับคนอื่น มีดังนี้
1. การลงทุนยังเป็นสิ่งจำเป็นอยู่ เพราะ นี่เป็นเครื่องมือในการหาเลี้ยงชีพที่ใช้เวลาน้อยที่สุด และหาเงินได้มากที่สุดแล้ว การลงทุนทำให้มีอิสระทางเวลา สามารถเอาเวลาไปใช้ประโยชน์ในสิ่งที่จำเป็นกว่า อย่างเช่น การออกกำลังกาย การไปเรียนรู้โลก เรียนรู้ตัวเอง พัฒนาตัวเองในด้านต่างๆ เป็นต้น
2. เป้าหมายในการลงทุน การลงทุนเป็นแค่เครื่องมือในการหาเลี้ยงชีพให้ดำรงอยู่ตามอัตภาพ ไม่ได้มีเป้าหมายในการสร้างความร่ำรวยให้ถึงที่สุด ถ้าจะรวยก็ถือว่าโชคดี ถือว่าเป็นของแถม แต่เป้าหมายเอาแค่มีข้าวกิน มีเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
3. การเข้าสังคมนั้นเป็นทุกข์ เป็นเหตุแห่งทุกข์ และเป็นสิ่งที่ขัดขวางการเข้าถึงความสงบของจิต วิถีชีวิตในการลงทุนของผม ผมต้องการยุ่งกับคนอื่นให้น้อยที่สุด นอกจากจะทำให้เราสามารถเข้าถึงความสงบได้ง่าย การเข้าสังคมน้อย จะทำให้เรามีความคิดอิสระจากตลาดมากยิ่งขึ้น ซึ่งการเป็นนักลงทุนที่เป็นความคิดเป็นอิสระ เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับนักลงทุนเน้นคุณค่า
4. กิจการที่ผมเลือกลงทุน ควรเป็นกิจการที่มองอนาคตออกไปได้ไกลสัก 5 ปี ใช้เวลาในการติดตามน้อย สามารถที่จะไม่ต้องอยู่ในตลาดได้อย่างน้อย 3 เดือน ถึงจะพลาดไม่ดูงบ ไม่ได้ติดตามกิจการสักไตรมาส ก็ไม่เป็นไร
5. เน้นกิจการที่เราเข้าใจ เราลงทุนแล้วสบายใจ ถ้าเป็นกิจการที่ดีเป็นประโยชน์ ผู้บริหารจิตใจดี จะชอบเป็นพิเศษ แต่ถ้าไม่ ขอแค่ไม่ขัดต่อสิ่งอันดีงามจนเกินไปก็โอเค
6. กิจการที่ลงทุนควรจะเป็นกิจการที่เราใช้บริการ เพราะ จะทำให้การใช้ชีวิตประจำวันธรรมดาๆ ปกติของเรา เป็นการติดตามกิจการไปในตัว
7. จาก 6 ข้อที่ผ่านมา ทำให้ผมมีอิสระทางเวลาและความคิด การใช้ชีวิตประจำวันตามปกติก็เป็นการติดตามกิจการไปในตัว การงานของเราในทางโลกไม่ขึ้นมาเป็นอุปสรรคในการปฏิบัติธรรมมากนัก เวลาที่เหลือก็จะแบ่งปันไปในการใช้ชีวิตประจำวัน ออกกำลังกาย ปฏิบัติธรรมะ ศึกษาพัฒนาตัวเองในสิ่งที่ตัวเองสนใจ พักผ่อน ท่องเที่ยวกับครอบครัวได้อย่างมีอิสระมากขึ้น
8. มีการแบ่งเวลาเข้าไปปฏิบัติธรรมยาวๆ ตามความเหมาะสม โดยไม่มีภาระเรื่องงาน เรื่องการลงทุน เข้ามาเป็นปัจจัยในการตัดสินใจ
ข้อย้ำอีกครั้ง อันนี้แค่แชร์ประสบการณ์ สิ่งที่ผมทำอยู่ สิ่งนี้แม้ว่าจะเหมาะกับผม แต่อาจจะไม่เหมาะกับคนอื่นนะครับ
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
- Highway_Star
- Verified User
- โพสต์: 440
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 25
ผมคิดหลายครั้งหลายหน จนสุดท้ายส่วนตัวผมได้ข้อสรุปเดียวว่าเด็กใหม่ไฟแรง เขียน:ผมติดตามอ่านกระทู้ที่ข้องเกี่ยวกับธรรมะ ในthaivi มาระยะหนึ่ง
มีสมาชิกที่มีความรู้ ประสบการณ์
ได้ให้ความคิด คำแนะนำ ต่างๆที่เป็นประโยชน์อย่างมาก
แต่ยังไม่มีกระทู้เรื่องการใช้ชีวิตในฐานะนักลงทุน
ขณะเดียวกันก็เดินไปในเส้นทางธรรมะด้วย
จึงเปิดกระทู้นี้เพื่อเชิญชวนพวกเราให้เข้ามาช่วยกันถาม
หรือออกความเห็น ให้คำแนะนำ
ในแบบที่คนวีไอคุยกับคนวีไอ
ซึ่งผมเชื่อว่าจะทำให้พวกเราเข้าใจแนวทางธรรมะ
และเห็นทางเดินในแนวทางธรรมได้ดีมากยิ่งขึ้นครับ
มันคงเป็นไปไม่ได้ครับ สาเหตุก็เพราะว่า หากปฏิบัติธรรมไปเรื่อยๆ แล้ว
ในที่สุดก็คงไม่พ้นที่จะอยากหลุดออกไป
อีกทั้งระหว่างทาง ก็คงเห็นด้วยว่า เรื่องทั้งหลายเป็นโลกนี้ ไม่มีอะไรจริงซักอย่าง
ผมจึงตั้งใจว่า จะทำทางโลกให้ดีที่สุด หลังจากนั้นจะทิ้งทุกอย่างไปเหมือนกัน
ก่อนที่จะทิ้งทางโลกเข้าทางธรรมจริงๆ คิดไว้ว่าจะทำห้องสมุดหรืออะไรที่ให้ความรู้แก่คนรุ่นต่อๆไปครับ
เพื่อให้เค้าสามารถเลือกทางเดินที่เหมาะกับตัวเองต่อไปได้ ไม่ว่าจะทางโลกหรือทางธรรม
(ตอนนี้อยู่ในช่วงตั้งไข่ เพิ่งเริ่มมากๆ )
ส่วนเรื่องห่วงลูก
ผมเคยได้ยินพ่อพูดกับเพื่อนว่า
"ให้ลูกได้มีความลำบากตามสมควร ให้มีให้เอาชีวิตรอดในสังคมได้"
ก็คงให้ห่วงพอประมาณครับ
ผมรู้จักคนนึงหลงไปในทางที่ผิด ตอนแรกแม่เค้าเสียใจมาก
หลังๆ ก็เริ่มทำใจได้ และปลง และสุดท้ายคิดได้ว่า นั่นคือทางที่เขาเลือกเอง เขาโตแล้ว
และถ้าเขาอยากจะไปทางนั้น แม้ว่าเราจะให้ทุกอย่าง การศึกษาที่ดี ครอบครัวที่ดี และหน้าที่การงานที่ดีแล้ว
ที่เหลือหลังจากนั้น คือเส้นทางที่เขาเลือก เราทำไปเต็มที่แล้วครับ
ขออนุญาติเสนอพี่ประมาณนี้ครับ
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 26
สิ่งหนึ่งที่ได้รับจากการปฏิบัติธรรม และการนำมาใช้กับการลงทุนก็คือ การรู้จักพอ
เมื่อก่อนอยากลงทุนไปเรื่อยๆและอยากมีเงินมากๆ
แต่ตอนนี้กลับอยากมีน้อยลงหรือพอประมาณ อยากมีแค่พอใช้ในการเลี้ยงชีพ
บางทีเดินไปเจอผู้คนที่เขามีรายได้น้อยกว่าเรา ทำให้เกิดความคิดว่า
“ทำไมเราถึงคิดว่า เรายังไม่พอ”
สำหรับผม การลงทุนก็คงต้องจบลง หากพอร์ตบรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้
ตอนนี้ก็ใช้หลักทางสายกลาง ไม่ตึงไม่หย่อน ลงทุนควบคู่ไปกับการมุ่งทำแต่ความดี
เมื่อก่อนต้องไปหาความสงบที่วัด แต่ตอนนี้ที่อพาร์ตเม้นต์ก็หาความสงบเจอ
หวังว่าสักวัน จะบรรลุเป้าหมายทั้งทางโลกและทางธรรมเช่นกันครับ
เมื่อก่อนอยากลงทุนไปเรื่อยๆและอยากมีเงินมากๆ
แต่ตอนนี้กลับอยากมีน้อยลงหรือพอประมาณ อยากมีแค่พอใช้ในการเลี้ยงชีพ
บางทีเดินไปเจอผู้คนที่เขามีรายได้น้อยกว่าเรา ทำให้เกิดความคิดว่า
“ทำไมเราถึงคิดว่า เรายังไม่พอ”
สำหรับผม การลงทุนก็คงต้องจบลง หากพอร์ตบรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้
ตอนนี้ก็ใช้หลักทางสายกลาง ไม่ตึงไม่หย่อน ลงทุนควบคู่ไปกับการมุ่งทำแต่ความดี
เมื่อก่อนต้องไปหาความสงบที่วัด แต่ตอนนี้ที่อพาร์ตเม้นต์ก็หาความสงบเจอ
หวังว่าสักวัน จะบรรลุเป้าหมายทั้งทางโลกและทางธรรมเช่นกันครับ
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
-
- Verified User
- โพสต์: 4596
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 27
"จะทำอย่างไรดีกับเส้นทางธรรม ที่ดูเหมือนเส้นขนานกับการลงทุนวีไอ"
ขออนุญาติตอบพี่เด็กใหม่และทุกท่าน
แม้ว่าความรู้ทางธรรมจะไม่มาก เรื่องการลงทุนยิ่งไม่ต้องพูดยิ่ง
ต่ำเตี้ยมากยังไม่ไปไหนเลย
แม้ว่าจะลงทุนมาหลายปีแต่ก็ลงทุนแบบผิดๆ มานานและมองเห็นว่าการลงทุนแบบวีไอจะพาให้เรามีเงินมากขึ้น
เพื่อที่จะได้มีเวลามาดูแลร่างกายได้มีเวลาออกกำลังกายและดูแลจิตใจในการอยู่กับธรรมชาติมากขึ้น
แต่ตอนนี้ก็รอไปก่อน
"มาเมื่อ 3-4 ปีก่อน ผมกลับมาให้เวลากับทางโลกมากขึ้น
โดยเฉพาะเวลาสำหรับการดูแลการลงทุนในหุ้น
ซึ่งก็ให้ผลตอบแทนทางโลกที่เป็นตัวเลขเงินทองที่ดีมาก
แต่ความคืบหน้าทางธรรมกลับถดถอยครับ"
จากตรงนี้เข้าใจว่าพี่เด็กใหม่ คงมีเกินกว่าคำว่าอิสรภาพทางการเงินไปแล้ว
งั้นผมว่ายิ่งง่ายในการปฏิบัติและอยู่ทางธรรมคู่กะทางโลกนะครับ
ของผมนี่ก็หวังอยู่ว่าจะมีอิสรภาพบ้าง ไม่มากขอแค่มีแปดหลักก็พอแล้ว ได้แต่หวังอยู่ตอนนี้ คงอีกหลายปี
กลับมาทางธรรมดีกว่าครับ
เท่าที่อ่านพี่เด็กใหม่ก็มีความรู้ทางธรรมในระดับที่ไม่ธรรมดาอยู่แล้วนะครับ ไม่ได้เรียกว่าถดถอย
ดีขึ้นด้วยซ้ำ และดีกว่าผมด้วยซ้ำ จึงสามารถแยกได้ว่า
"ชีวิตผมทุกวันนี้ มีความสุขแบบคนทั่วไปครับ
มีแต่ความเป็นห่วงลูก
แต่มีความทุกข์แบบที่พระท่านสอนครับ
ความทุกข์ของคนที่มีความสุขครับ
และมีทุกขกิริยาบ้างครับ"
เพราะความรู้ว่ามีทุกข์นี่เป็นหัวใจของการปฏิบัติอยู่แล้ว คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าคนเรานี้มีแต่ทุกข์
แต่พี่รู้ และยังรู้ว่า ความทุกข์ของคนที่มีความสุขเป็นยังไง แสดงว่ารู้จักทุกข์ดีอยู่แล้ว
พระพุทธเจ้าท่านก็สอนให้รู้จักทุกข์ก่อนอย่างอื่น
เพราะคนเราทั่วไปนั้นเกิดมาก็มีแต่ทุกข์ยังไง แยกแล้วมีอยู่ 10 ข้อ
1. สภาวทุกข์ คือทุกข์ของการเกิด เพราะมีเกิด แล้วก็มีแก่ มีเจ็บ แล้วก็ตาย
2. ปกิณณกทุกข์ คือทุกข์ทั่วไปทางใจเช่นมีความโศกเศร้า ร้องไห้ คร่ำครวญ ไม่สบายใจ คับแค้นใจต่างๆ
3. นิพัทธทุกข์ คือทุกข์ซ้ำซากทางกายเช่น มีกายนี้ก็ทำให้มีหนาวไปร้อนไป ปวดถ่ายหนักถ่ายเบา หิว กระหาย
4. พยาธิทุกข์ คือมีทุกข์เพราะโรคภัย ป่วยไข้ ไม่สบาย
5. สันตาปทุกข์ คือทุกข์จากการเกิดกิเลส เกิดโลภะ โทสะ โมหะ
6. วิปากทุกข์ คือทุกข์จากวิบากกรรม การกระทำเก่าที่ไม่ดีย้อนมาให้ผล
7. สหคตทุกข์ คือทุกข์ธรรมดาๆ ที่โลกกระทำใส่เรา ที่เรียกว่าโลกธรรม 8
8. อาหารปริเยฏฐทุกข์ คือทุกข์หาอาหาร หรือการที่ต้องทำมาหาเลี้ยงชีวิตชอบ ต้องมาเล่นหุ้นหาเงินเลี้ยงชีพเป็นต้น
9. วิวาทมูลทุกข์ คือทุกข์การขัดเคืองใจ มีทะเลาะวิวาท
10. ขันธ์ทุกข์ คือหัวใจของทุกข์ การมีขันธ์ 5 การมี รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นทุกข์ มีความยึดมั่นใจตัวตน มีตัวกูของกูนี้ก็เป็นทุกข์
ความทุกข์ของคนที่มีความสุขเป็นยังไง ไม่รู้จะเหมือนของพี่หรือเปล่า
ผมว่าความสุขของคนที่มีทุกข์ ก็คือเราเห็นว่ามันมีแต่ทุกข์แต่เราก็สุขอยู่กับมันได้
จะเห็นว่าเกิดมาแล้วนี้มีแต่ทุกข์จริงๆ การมีทุกขกิริยาที่พี่ว่า ก็รวมอยู่ในทุกข์ขันธ์
เดาว่าพี่คงหมายถึงเกิดเวทนาทางกาย มีปวดเมื่อย เวทนาทางใจเห็นอะไรที่มันหดหู่ อะไรทำนองนี้
ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงเข้าใจว่าความคืบหน้าทางธรรมกลับถดถอย
อาจเป็นเพราะก่อนนี้อาจเคยนั่งสมาธิภาวนาได้ดี หรือมีเวลาปฏิบัติเยอะกว่าปัจจุปัน
อาจจะเคยนั่งแล้วนิ่ง รู้สึกเป็นสมาธิได้ดี นั่งได้นาน หรือเข้าสมาธิได้เร็วๆ
หรือมีเวลาเข้าวัด ฟังธรรมมากกว่านี้
แต่ตอนนี้ไม่มีเวลา ไม่ได้ทำ เพราะมัวมาดูหุ้นหรือทำแล้วหวังจะเกิดนู้นนี้อะไรก็แล้วแต่
ผมไม่รู้ว่าเป็นแบบนี้หรือเปล่านะครับ
คือถ้าคิดว่าการปฏิบัติธรรม คือต้องมีเวลานั่งปฏิบัติธรรม ต้องไปเข้าวัด ไปทำบุญ
ต้องปลีกวิเวก 3 วัน 7 วัน ไปปฏิบัติ หรืออยู่บ้านก็ต้องนั่งสมาธิ
แบบนี้ถือว่าเป็นการยึดมั่นถือมั่นอย่างหนึ่งนะครับ เป็นการละโลกแต่มายึดธรรมะ
ธรรมะคือธรรมชาติ แค่เข้าใจมันก็พอ
เท่าที่รู้ผมว่าพระพุทธเจ้าไม่เคยบอกว่าเธอต้องมาออกบวช เพื่อปฏิบัติธรรม
แต่คนที่ไปฟังธรรมท่าน ตัดสินใจออกบวชเองทั้งนั้น
ยกเว้นลูกชายที่ถูกแม่ให้มาขอสมบัติถึงถูกจับบวช
ผมว่าการปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง ต้องอยู่ได้ทั้งทางโลกและทางธรรม
ทำไปคู่กันได้เลย เป็นทางที่ขนานกันที่ต้องมีไปคู่กัน
เพราะโลกและธรรมก็คือสิ่งเดียวกัน
คนที่ยังอยู่ทำมาหากินเลี้ยงชีพชอบ ลงทุน vi อะไรก็แล้วแต่ ก็ปฏิบัติธรรมไปได้
เพราะการปฏิบัติธรรม ไม่ใช่อยู่แค่การนั่งสมาธิ สวดมนต์ เราต้องทำไปในชีวิตประจำวันเลย
เพราะการปฏิบัติธรรมคือการได้เห็นเข้าใจและยอมรับว่า
ทุกอย่างสุดท้ายแล้วก็ตกอยู่ในพระไตรลักษณ์ทั้งนั้น คือมันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนทั้งหมด
ให้เห็นและยอมรับในธรรมชาติข้อนี้ให้ได้ เพราะการปฏิบัติธรรมคือการปฏิบัติตามธรรมชาติ
พิจารณาดูดีๆ ทุกอย่างในธรรมชาติ ไม่ว่าอะไรก็ตกอยู่ในกฏนี้ทั้งนั้น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ธรรมชาติก็คือธรรม
พระพุทธเจ้าตรัสรู้หลายเรื่องแต่ท่านสอนเฉพาะเรื่องธรรมชาติในข้อนี้ ว่าทั้งหมดเป็นทุกข์
ท่านหาเหตุแห่งทุกข์ บอกความดับของทุกข์และบอกทางที่จะดับทุกข์ให้เรา
เราก็แค่ทำตามท่านไป ทางขนานโลกและธรรมนั้นแหละครับ สุดท้ายมันก็จะเหลือแค่ธรรมครับ เพราะมันอันเดียวกัน
พี่เด็กใหม่ก็ทำไปเลยครับ เพราะผมคิดว่าพี่คงแทบไม่มีความกังวลทางโลกแล้ว
คือผมคิดว่าน่าจะเหลือให้กังวลน้อยกว่าคนทั่วๆมากกกก
ลูกเมียพ่อแม่ ญาติ ก็น่าจะมีเงินทอง มีปัจจัยสี่ห้าหกเจ็ดแปดเพียงพอหรือเกินพอที่จะใช้ชีวิตให้เกิน 100 ปีแล้วนะครับ
รอแค่จะตายเมื่อไหร่ เพราะพี่รอความตายอยู่แล้ว บอกว่ามีเวลาเหลือน้อยแล้ว
คนที่รู้แบบนี้ ปฏิบัติง่าย ปริยัติพี่ก็รู้หมดแล้ว
จะทำอย่างไรต่อ ผมว่าพี่ก็เน้นมุ่งมาทางธรรมเลยครับ ปฏิบัติมากขึ้น แบบที่พี่ทำเมื่อก่อนที่บอกว่าก่อน 3-4 ปีช่วงนี้
ผมไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้พี่ปฏิบัติยังไง ถ้าเมื่อก่อนทำแค่นั่งนิ่งๆ
รอบนี้ผมแนะนำว่าพี่ลองพิจารณารูปนามไปเลยครับ แทนที่จะนั่งนิ่งๆเฉยๆ น่าจะเหมาะกับพี่นะครับ
หัวใจของธรรมะคือปฏิบัติครับ ปฏิบัติไปเลยครับ
ถ้ายังจำเป็นต้องอยู่ทางโลกอยู่ก็ลงทุน VI คู่กันไปได้เลย ขนานกันได้แน่นอน
พี่ก็ทำอยู่แล้วนิครับ จะมาถามผมทำไม
แต่ถ้าตัดได้แล้ว ก็มุ่งไปทางธรรมเลยครับ
ผมขออนุโมทนาด้วยทุกประการทั้งทางโลกและทางธรรม
ไม่รู้จะตอบคำถามหรือเปล่า ผมก็แค่ฟุ้งซ่านไปเรื่อยนะครับ ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยทุกท่านด้วยครับ
ขออนุญาติตอบพี่เด็กใหม่และทุกท่าน
แม้ว่าความรู้ทางธรรมจะไม่มาก เรื่องการลงทุนยิ่งไม่ต้องพูดยิ่ง
ต่ำเตี้ยมากยังไม่ไปไหนเลย
แม้ว่าจะลงทุนมาหลายปีแต่ก็ลงทุนแบบผิดๆ มานานและมองเห็นว่าการลงทุนแบบวีไอจะพาให้เรามีเงินมากขึ้น
เพื่อที่จะได้มีเวลามาดูแลร่างกายได้มีเวลาออกกำลังกายและดูแลจิตใจในการอยู่กับธรรมชาติมากขึ้น
แต่ตอนนี้ก็รอไปก่อน
"มาเมื่อ 3-4 ปีก่อน ผมกลับมาให้เวลากับทางโลกมากขึ้น
โดยเฉพาะเวลาสำหรับการดูแลการลงทุนในหุ้น
ซึ่งก็ให้ผลตอบแทนทางโลกที่เป็นตัวเลขเงินทองที่ดีมาก
แต่ความคืบหน้าทางธรรมกลับถดถอยครับ"
จากตรงนี้เข้าใจว่าพี่เด็กใหม่ คงมีเกินกว่าคำว่าอิสรภาพทางการเงินไปแล้ว
งั้นผมว่ายิ่งง่ายในการปฏิบัติและอยู่ทางธรรมคู่กะทางโลกนะครับ
ของผมนี่ก็หวังอยู่ว่าจะมีอิสรภาพบ้าง ไม่มากขอแค่มีแปดหลักก็พอแล้ว ได้แต่หวังอยู่ตอนนี้ คงอีกหลายปี
กลับมาทางธรรมดีกว่าครับ
เท่าที่อ่านพี่เด็กใหม่ก็มีความรู้ทางธรรมในระดับที่ไม่ธรรมดาอยู่แล้วนะครับ ไม่ได้เรียกว่าถดถอย
ดีขึ้นด้วยซ้ำ และดีกว่าผมด้วยซ้ำ จึงสามารถแยกได้ว่า
"ชีวิตผมทุกวันนี้ มีความสุขแบบคนทั่วไปครับ
มีแต่ความเป็นห่วงลูก
แต่มีความทุกข์แบบที่พระท่านสอนครับ
ความทุกข์ของคนที่มีความสุขครับ
และมีทุกขกิริยาบ้างครับ"
เพราะความรู้ว่ามีทุกข์นี่เป็นหัวใจของการปฏิบัติอยู่แล้ว คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าคนเรานี้มีแต่ทุกข์
แต่พี่รู้ และยังรู้ว่า ความทุกข์ของคนที่มีความสุขเป็นยังไง แสดงว่ารู้จักทุกข์ดีอยู่แล้ว
พระพุทธเจ้าท่านก็สอนให้รู้จักทุกข์ก่อนอย่างอื่น
เพราะคนเราทั่วไปนั้นเกิดมาก็มีแต่ทุกข์ยังไง แยกแล้วมีอยู่ 10 ข้อ
1. สภาวทุกข์ คือทุกข์ของการเกิด เพราะมีเกิด แล้วก็มีแก่ มีเจ็บ แล้วก็ตาย
2. ปกิณณกทุกข์ คือทุกข์ทั่วไปทางใจเช่นมีความโศกเศร้า ร้องไห้ คร่ำครวญ ไม่สบายใจ คับแค้นใจต่างๆ
3. นิพัทธทุกข์ คือทุกข์ซ้ำซากทางกายเช่น มีกายนี้ก็ทำให้มีหนาวไปร้อนไป ปวดถ่ายหนักถ่ายเบา หิว กระหาย
4. พยาธิทุกข์ คือมีทุกข์เพราะโรคภัย ป่วยไข้ ไม่สบาย
5. สันตาปทุกข์ คือทุกข์จากการเกิดกิเลส เกิดโลภะ โทสะ โมหะ
6. วิปากทุกข์ คือทุกข์จากวิบากกรรม การกระทำเก่าที่ไม่ดีย้อนมาให้ผล
7. สหคตทุกข์ คือทุกข์ธรรมดาๆ ที่โลกกระทำใส่เรา ที่เรียกว่าโลกธรรม 8
8. อาหารปริเยฏฐทุกข์ คือทุกข์หาอาหาร หรือการที่ต้องทำมาหาเลี้ยงชีวิตชอบ ต้องมาเล่นหุ้นหาเงินเลี้ยงชีพเป็นต้น
9. วิวาทมูลทุกข์ คือทุกข์การขัดเคืองใจ มีทะเลาะวิวาท
10. ขันธ์ทุกข์ คือหัวใจของทุกข์ การมีขันธ์ 5 การมี รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นทุกข์ มีความยึดมั่นใจตัวตน มีตัวกูของกูนี้ก็เป็นทุกข์
ความทุกข์ของคนที่มีความสุขเป็นยังไง ไม่รู้จะเหมือนของพี่หรือเปล่า
ผมว่าความสุขของคนที่มีทุกข์ ก็คือเราเห็นว่ามันมีแต่ทุกข์แต่เราก็สุขอยู่กับมันได้
จะเห็นว่าเกิดมาแล้วนี้มีแต่ทุกข์จริงๆ การมีทุกขกิริยาที่พี่ว่า ก็รวมอยู่ในทุกข์ขันธ์
เดาว่าพี่คงหมายถึงเกิดเวทนาทางกาย มีปวดเมื่อย เวทนาทางใจเห็นอะไรที่มันหดหู่ อะไรทำนองนี้
ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงเข้าใจว่าความคืบหน้าทางธรรมกลับถดถอย
อาจเป็นเพราะก่อนนี้อาจเคยนั่งสมาธิภาวนาได้ดี หรือมีเวลาปฏิบัติเยอะกว่าปัจจุปัน
อาจจะเคยนั่งแล้วนิ่ง รู้สึกเป็นสมาธิได้ดี นั่งได้นาน หรือเข้าสมาธิได้เร็วๆ
หรือมีเวลาเข้าวัด ฟังธรรมมากกว่านี้
แต่ตอนนี้ไม่มีเวลา ไม่ได้ทำ เพราะมัวมาดูหุ้นหรือทำแล้วหวังจะเกิดนู้นนี้อะไรก็แล้วแต่
ผมไม่รู้ว่าเป็นแบบนี้หรือเปล่านะครับ
คือถ้าคิดว่าการปฏิบัติธรรม คือต้องมีเวลานั่งปฏิบัติธรรม ต้องไปเข้าวัด ไปทำบุญ
ต้องปลีกวิเวก 3 วัน 7 วัน ไปปฏิบัติ หรืออยู่บ้านก็ต้องนั่งสมาธิ
แบบนี้ถือว่าเป็นการยึดมั่นถือมั่นอย่างหนึ่งนะครับ เป็นการละโลกแต่มายึดธรรมะ
ธรรมะคือธรรมชาติ แค่เข้าใจมันก็พอ
เท่าที่รู้ผมว่าพระพุทธเจ้าไม่เคยบอกว่าเธอต้องมาออกบวช เพื่อปฏิบัติธรรม
แต่คนที่ไปฟังธรรมท่าน ตัดสินใจออกบวชเองทั้งนั้น
ยกเว้นลูกชายที่ถูกแม่ให้มาขอสมบัติถึงถูกจับบวช
ผมว่าการปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง ต้องอยู่ได้ทั้งทางโลกและทางธรรม
ทำไปคู่กันได้เลย เป็นทางที่ขนานกันที่ต้องมีไปคู่กัน
เพราะโลกและธรรมก็คือสิ่งเดียวกัน
คนที่ยังอยู่ทำมาหากินเลี้ยงชีพชอบ ลงทุน vi อะไรก็แล้วแต่ ก็ปฏิบัติธรรมไปได้
เพราะการปฏิบัติธรรม ไม่ใช่อยู่แค่การนั่งสมาธิ สวดมนต์ เราต้องทำไปในชีวิตประจำวันเลย
เพราะการปฏิบัติธรรมคือการได้เห็นเข้าใจและยอมรับว่า
ทุกอย่างสุดท้ายแล้วก็ตกอยู่ในพระไตรลักษณ์ทั้งนั้น คือมันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนทั้งหมด
ให้เห็นและยอมรับในธรรมชาติข้อนี้ให้ได้ เพราะการปฏิบัติธรรมคือการปฏิบัติตามธรรมชาติ
พิจารณาดูดีๆ ทุกอย่างในธรรมชาติ ไม่ว่าอะไรก็ตกอยู่ในกฏนี้ทั้งนั้น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
ธรรมชาติก็คือธรรม
พระพุทธเจ้าตรัสรู้หลายเรื่องแต่ท่านสอนเฉพาะเรื่องธรรมชาติในข้อนี้ ว่าทั้งหมดเป็นทุกข์
ท่านหาเหตุแห่งทุกข์ บอกความดับของทุกข์และบอกทางที่จะดับทุกข์ให้เรา
เราก็แค่ทำตามท่านไป ทางขนานโลกและธรรมนั้นแหละครับ สุดท้ายมันก็จะเหลือแค่ธรรมครับ เพราะมันอันเดียวกัน
พี่เด็กใหม่ก็ทำไปเลยครับ เพราะผมคิดว่าพี่คงแทบไม่มีความกังวลทางโลกแล้ว
คือผมคิดว่าน่าจะเหลือให้กังวลน้อยกว่าคนทั่วๆมากกกก
ลูกเมียพ่อแม่ ญาติ ก็น่าจะมีเงินทอง มีปัจจัยสี่ห้าหกเจ็ดแปดเพียงพอหรือเกินพอที่จะใช้ชีวิตให้เกิน 100 ปีแล้วนะครับ
รอแค่จะตายเมื่อไหร่ เพราะพี่รอความตายอยู่แล้ว บอกว่ามีเวลาเหลือน้อยแล้ว
คนที่รู้แบบนี้ ปฏิบัติง่าย ปริยัติพี่ก็รู้หมดแล้ว
จะทำอย่างไรต่อ ผมว่าพี่ก็เน้นมุ่งมาทางธรรมเลยครับ ปฏิบัติมากขึ้น แบบที่พี่ทำเมื่อก่อนที่บอกว่าก่อน 3-4 ปีช่วงนี้
ผมไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้พี่ปฏิบัติยังไง ถ้าเมื่อก่อนทำแค่นั่งนิ่งๆ
รอบนี้ผมแนะนำว่าพี่ลองพิจารณารูปนามไปเลยครับ แทนที่จะนั่งนิ่งๆเฉยๆ น่าจะเหมาะกับพี่นะครับ
หัวใจของธรรมะคือปฏิบัติครับ ปฏิบัติไปเลยครับ
ถ้ายังจำเป็นต้องอยู่ทางโลกอยู่ก็ลงทุน VI คู่กันไปได้เลย ขนานกันได้แน่นอน
พี่ก็ทำอยู่แล้วนิครับ จะมาถามผมทำไม
แต่ถ้าตัดได้แล้ว ก็มุ่งไปทางธรรมเลยครับ
ผมขออนุโมทนาด้วยทุกประการทั้งทางโลกและทางธรรม
ไม่รู้จะตอบคำถามหรือเปล่า ผมก็แค่ฟุ้งซ่านไปเรื่อยนะครับ ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยทุกท่านด้วยครับ
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
- SunShine@Night
- Verified User
- โพสต์: 2196
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 28
ถึงเวลาที่ต้องเลือกแล้วหรือเปล่าครับ
ผมขอมีส้วนร่วมโดยการตั้งคำถามแทนคำตอบ
ผมขอมีส้วนร่วมโดยการตั้งคำถามแทนคำตอบ
VI ฝึกหัด สำนักปีเตอร์ ลินช์
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
-
- Verified User
- โพสต์: 104
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 29
ขอบคุณ จขกท และทุกท่านที่ post ค่ะ ขออนุญาตออกความเห็นระดับมือใหม่ค่ะ
เคยคิดว่า ถ้าวันพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต ขนาด port เท่าไหร่ก็คงไม่มีความหมายแล้ว
ตอนนั้นคงเสียดายที่ฝึกเจริญสติไม่มากพอค่ะ
เคยคิดว่า ถ้าวันพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต ขนาด port เท่าไหร่ก็คงไม่มีความหมายแล้ว
ตอนนั้นคงเสียดายที่ฝึกเจริญสติไม่มากพอค่ะ
- แงซาย
- Verified User
- โพสต์: 847
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เส้นทางธรรมกับชีวิตการลงทุนแนววีไอ
โพสต์ที่ 30
คนเรามีเวลาวันนึง 24 ชั่วโมง เท่าๆกัน ......เด็กใหม่ไฟแรง เขียน:
สำหรับการลงทุนของผม
สิ่งที่ผมสังเกตเห็นคือ
port ของผมไม่ได้เติบโตอย่างที่ผมคิดว่าควรจะเป็น
เพราะผมแทบไม่มีเวลาไปติดตามหุ้น
ไม่มีเวลาไปพบปะเพื่อนนักลงทุน เยี่ยมชมกิจการ
ไม่ได้ประชุมผู้ถือหุ้น หรือ ไปพบผู้บริหาร
มาเมื่อ 3-4 ปีก่อน ผมกลับมาให้เวลากับทางโลกมากขึ้น
โดยเฉพาะเวลาสำหรับการดูแลการลงทุนในหุ้น
ซึ่งก็ให้ผลตอบแทนทางโลกที่เป็นตัวเลขเงินทองที่ดีมาก
แต่ความคืบหน้าทางธรรมกลับถดถอยครับ
สมมุติมีคน 4 คน .....
คนนึงใช้เวลากับทางโลก 100 %.......
คนนึงใช้เวลากับทางธรรม 100 % ........
คนนึงใช้เวลาทางโลก 70 % ทางธรรม 30 % ........
คนนึงใช้เวลาทางโลก 50 % ทางธรรม 50 % .........
ถ้า4 คนนี้ทําเต็มที่ ผลทางโลกและผลทางธรรมที่ออกมายังไงก็ไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากันหรอกครับ .......
ทุกอย่างต้องใช้เวลา ไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรม ......
Free your life , Fly your love