|0 คอมเมนต์
(ต่อๆ)
- หมอพงศ์ศักดิ์ บอก timing การลงทุนก็สำคัญ บางบริษัท capex ช่วงแรกสูง จนกระทั่งจุดที่กำไรเพิ่มขึ้นทันกับ fixed cost
เป็นช่วงที่น่าสนใจ ที่คุณไลท์พูดเห็นได้ว่าวิเคราะห์หุ้นต้องดูหลายๆมุมมอง ไม่ใช่ดูแต่ pe อย่างเดียว
- หมอแนะว่าจะลงทุนบริษัทไหนให้ศึกษาให้ดีมากๆ แล้ว copy วิธีการนั้นไปใช้กับการซื้อบริษาัทอื่น
- คุณประชาสนใจราคาที่ไม่สัมพันธ์กับพื้นฐาน ชอบศึกษาว่า mass คิดอะไร โดยดูย้อนหลัง เมื่อ panic เกิดอะไรขึ้น
- หมอพงศ์ศักดิ์คิดว่า mass ชอบมองสั้นๆไม่เกิน 1 ปี จึงมีโอกาสซื้อสำหรับระยะยาวอยู่ตลอดเวลา ถ้าอนาคตยังโตได้อีกมากจะซื้อหุ้นโดยไม่ค่อยต่อราคาไม่กี่ช่อง
- หมอพงศ์ศักดิ์ ข่าวสารต้องแยกว่าอันไหนมีผลกับกระแสเงินสดของกิจการอันไหนเป็นแค่ noise ไม่ได้มีผลอะไร
- Portfolio management:
- หมอพงศ์ศักดิ์ ถือ 4-5 ตัวบางทีก็มีตัวเล็กๆ 2-3 ตัว ส่วนใหญ่ซื้อสัดส่วนเท่าๆกันเพราะคิดว่าเดาไม่ได้ว่าตัวไหนจะขึ้นมากกว่า หลายครั้งตัวที่ outperform ก็เป็นตัวที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน ตอนนี้ถือเงินสดไม่ถึง 1% ไม่ได้ตั้งใจจะถือเยอะหรือน้อย แต่ถ้าหาโอกาสซื้อที่ดีๆไม่ได้ก็ถือเงินสดดีกว่า
- คุณประชา ถือหุ้น 5 ตัวบวกลบ (3-10 ตัว) ถ้าถือเยอะๆเช่น 10 ตัวก็อาจจะวางสัดส่วนตัวละ 10% พอเวลาผ่านไปก็จะรู้เองว่าบริษัทไหนควรเพิ่มหรือควรลดสัดส่วน ตาม risk, reward หรือบางครั้งก็ราคา fair แล้วเจอตัวที่น่าสนใจก็ขายไปซื้อต้วใหม่
- หมอพงศ์ศักดิ์ สไตล์การเล่นหุ้นขึ้นกับตัวเราเป็นคนอย่างไร ต้องรู้จักจุดอ่อนจุดแข็งตนเอง เช่น จอร์จ โซรอสอ่านหนังสือเขาแล้วไม่เข้าใจ copy ความสำเร็จเขาไม่ได้ เป็นเรื่องเฉพาะตัว คิดว่าวิธี value investment ทำได้ง่ายสุด อีกประเด็นสไตล์เล่นหุ้นคือต้องเป็นวิธีที่ทำแล้วมีความสุข เพราะต้องทำมันไปตลอดชีวิต
- คุณประชา ระยะหลังพอร์ตใหญ่ขึ้นก็ต้องมาเลือกหุ้นที่ซื้อ ซื้อหุ้นที่ market cap ใหญ่ขึ้น ถ้าถือ market cap เล็กก็ต้องถือหลายตัวมากเกินไปดูแลไม่ไหว ถึงเป็นหุ้น market cap ใหญ่แต่ก็สนใจตัวที่การเติบโต big jump และ sustain ได้ ต้องมาฝึกมองหุ้นแบบที่กองทุนและต่างประเทศสนใจ สังเกตว่ากองทุนมักจะมองสั้นกว่าเรา
- กรณีศึกษาที่น่าสนใจหุ้นที่ซื้อขายในอดีต(จบไปแล้ว)
- คุณประชา เคยซื้อ ums ช่วงนั้น pe ต่ำ ปันผลดี ROE สูงมาก เพราะมาทดแทนพลังงงานอื่น ต่อมา pe ขึ้น 15-16 คิดว่าสูงไปก็เลยขาย ซึ่งต่อมาธุรกิจนี้ก็มีคู่แข่งเข้ามาก็แย่ barrier of entry ต่ำ คุณภาพกิจการต้องให้เวลาตัดสิน
- เคยซื้อ spali,ps ช่วง subprime เพราะเห็นว่าตลาด property ยังมี growth อยู่หลายเจ้า
- หมอพงศ์ศักดิ์แชร์ว่า makro เคยซื้อตอนวิกฤติแต่ขายไปก่อนมันขึ้นเพราะอดทนไม่เพียงพอ จน hoereca สำเร็จ margin ก็เพิ่มขึ้น
- หมอพงศ์ศักดิ์เคยซื้อ mbk ก่อนบุ๊คกำไร scib พอรับรู้ก็ขาย ซื้ออะไรก็ขายด้วยเหตุผลนั้น
ฝากท้าย
- คุณประชา
1)จงคิดอย่างเป็นอิสระ มั่นใจในความคิดตนเองแต่ก็อย่าปิดกั้นความคิดผู้อื่น ต้องมีสมดุล
2)จงเป็น vi ในสไตล์ของตัวเอง นักลงทุนเก่งๆหลายคนก็มีสไตล์ของตัวเองไม่ได้เหมือนกันหมด จะมีสิ่งที่เหมือนกันคือซื้อหุ้นที่คุ้มค่ากับ free cash flow ในอนาคต
- หมอพงศ์ศักดิ์
1) การเรียนรู้การลงทุนไม่มีทางลัด ไม่มีสูตรสำเร็จ ต้องทุ่มเทเวลาศึกษาเป็น 10,000 ชั่วโมง
ถ้าอ่านวันละ 2 ชั่วโมงก็ต้องใช้เวลา 12 ปีกว่าจะเป็นผู้ชำนาญ
2) มีวินัย มีความพยายาม อดทน ไม่มีทางลัด
ที่จดไว้หลักๆมีประมาณนี้ครับ ประเด็นไหนมีสาระสำคัญที่หล่นไปหรือมีมุมมองที่น่าสนใจช่วยแชร์ด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
![Very Happy :D](./images/smilies/icon_biggrin.gif)
Go against and stay alive.