Sharing การร่วมงาน 10ปี Thaivi 60 ปีปูชนียาจารย์
- i-salmon
- Verified User
- โพสต์: 293
- ผู้ติดตาม: 0
Sharing การร่วมงาน 10ปี Thaivi 60 ปีปูชนียาจารย์
โพสต์ที่ 1
ขอขอบคุณทีมงานสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่าทุกท่านที่เสียสละแรงกายใช้แรงใจจัดงานขึ้นมาครับ
งานนี้นอกจากได้ความรู้ ได้หนังสือ ได้กิน ยังได้ meet&กรี๊ดกับเพื่อนๆพี่ๆนักลงทุนหล่อๆสวยๆเก่งๆอีกมากมายครับ
บรรยากาศในงานวันนี้ดูยิ่งใหญ่คนเยอะมากครับ ถ้าคนทั้งห้องหายไปตลาดหุ้นคงไม่ได้ซื้อขายครับ(ลอกคำพูดหมอเค)
ขอออกตัวก่อนว่าวันนี้ผมไม่ได้เตรียมมาจดบันทึกความรู้แบบจัดเต็มนะครับ
ตั้งใจมาร่วมกิจกรรมกับพบปะสังสรรค์ครับ คงเป็นการ share เป็นประเด็นๆ
บางครั้งผมก็เกรงใจว่าอาจมีเพื่อนๆบางคนตั้งใจบันทึกที่จะมาแชร์ในเวบก็อาจจะไม่ได้โพสต์
ถ้าหากมีประเด็นที่แชร์เสริมจะโพสต์ในนี้หรือถ้ามีเนื้อหาเยอะจะตั้งกะทู้ใหม่ก็ได้นะครับ
งานนี้นอกจากได้ความรู้ ได้หนังสือ ได้กิน ยังได้ meet&กรี๊ดกับเพื่อนๆพี่ๆนักลงทุนหล่อๆสวยๆเก่งๆอีกมากมายครับ
บรรยากาศในงานวันนี้ดูยิ่งใหญ่คนเยอะมากครับ ถ้าคนทั้งห้องหายไปตลาดหุ้นคงไม่ได้ซื้อขายครับ(ลอกคำพูดหมอเค)
ขอออกตัวก่อนว่าวันนี้ผมไม่ได้เตรียมมาจดบันทึกความรู้แบบจัดเต็มนะครับ
ตั้งใจมาร่วมกิจกรรมกับพบปะสังสรรค์ครับ คงเป็นการ share เป็นประเด็นๆ
บางครั้งผมก็เกรงใจว่าอาจมีเพื่อนๆบางคนตั้งใจบันทึกที่จะมาแชร์ในเวบก็อาจจะไม่ได้โพสต์
ถ้าหากมีประเด็นที่แชร์เสริมจะโพสต์ในนี้หรือถ้ามีเนื้อหาเยอะจะตั้งกะทู้ใหม่ก็ได้นะครับ
Go against and stay alive.
- i-salmon
- Verified User
- โพสต์: 293
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Sharing การร่วมงาน 10ปี Thaivi 60 ปีปูชนียาจารย์
โพสต์ที่ 2
• กิจกรรมวันนี้ในช่วงเช้าจนถึงบ่ายจะเป็นบรรยากาศซึ้งๆครับ
เป็นการแสดงมุทิตาจิตอ.นิเวศน์, thaivi จากอดีตมาจนปัจจุบัน และบริจาคให้น้องๆครับ
• มีเล่นเกมทายหุ้น ผมได้หนังสือมา 2 เล่มด้วย ดีใจ 555
• ส่วนที่เป็นหัวข้อบรรยายเจาะแก่น vi สายดำแขกรับเชิญ 2 ท่าน คือหมอพงศ์ศักดิ์และคุณประชาครับ
ซึ่งผมไม่เคยฟังมาทั้ง 2 ท่านมาก่อนครับ ก็ได้มุมมองดีๆหลายอย่างครับ
- คุณประชาจบตรีและโทด้าน finance มีความเห็นว่าในการเป็นนักลงทุนรายย่อย ไม่จำเป็นต้องเรียน finance ก็ได้
สิ่งสำคัญที่ต้องรู้คือดูงบการเงินให้เป็น เข้าใจคำศัพท์พื้นฐาน gpm, roe เป็นต้น
- หมอพงศ์ศักดิ์ การลงทุนที่ดีต้องเริ่มจากมุมมองหรือไอเดียการลงทุน บางบริษัทเอาค่าเสื่อมราคามาลบหนี้ออกก็พอๆกับ market cap แล้ว เหตุผลที่ราคาหุ้นยังไม่ตอบสนองอาจเกิดจากความซับซ้อนเข้าใจยาก, ข้อมูลที่ประกาศหรือที่เกิดขึ้นแต่คนยังไม่รับรู้ไม่สนใจ เช่นประกาศปรับเพิ่มค่ารักษาพยาบาล แต่ราคาหุ้นไม่ได้ตอบสนอง หรือการขายหุ้นที่ไม่ได้ขายเพราะพื้นฐานแย่ เช่น fund flow ต่างชาติขายออก
- คุณประชาแชร์ประสบการณ์เคยซื้อหุ้นในอดีต(ซึ่งจบไปนานแล้วนะครับ)
- DCC ซื้อตอนปี 2007-2008 สังเกตพบว่ายอดขายหุ้นบริษัทวัสดุก่อสร้างอื่นลดลง แต่ DCC กลับเพิ่มขึ้น กำไรก็เพิ่มด้วย
ทำการบ้านอ่านบทวิเคราะห์ ถาม IR ดูเงินปันผล 10% fwd pe ประมาณ 7-8 เท่า
ต้นทุนส่วนใหญ่เป็น gas ธรรมชาติน่าจะได้ผลดีผ่าน subprime ได้
- BGH ในอดีตช่วงเกิดวิกฤติ 2007-08 โดยจุดเริ่มจากงบการเงินรายได้โต 13% กำไรโต 100% แต่ราคากลับไม่ขึ้น
PE ดูแล้วไม่น่าเกิน 15 เท่า ในต่างประเทศเทรด PE 20-30 เท่า ซึ่งธุรกิจโรงพยาบาลการเติบโตมีคุณภาพสูง
ดูการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่ในอดีตพบว่าสัดส่วนของกองทุน/บ.ต่างประเทศลดลง แต่ผู้บริหารในไทยถือเพิ่ม
ดูแล้วเป็น under-owned ฝรั่งขายออกไป,คนทั่วไปไม่ค่อยสนใจ
ดู Net profit + depreciation - capex ได้กระแสเงินเงินสดต่อหุ้น 2.5 บาท ที่ราคา 25 บาทคือ 10%ต่อปี
ซึ่งศึกษาต่อไปที่ capex ในอดีตพบว่าเริ่มลงทุนลดลงปีละ 2-3 พันล้าน จนช่วงหลังๆราว 1 พันล้าน
แต่ depreciation กลับไม่ค่อยเพิ่มแล้ว เป็นช่วงเวลาเก็บเกี่ยว
ค่าเสื่อมราคาต่อรายได้ อยู่ที่ 10% เทียบกับ BH, KH อยู่ที่ 5% น่าสนใจ
เป็นการแสดงมุทิตาจิตอ.นิเวศน์, thaivi จากอดีตมาจนปัจจุบัน และบริจาคให้น้องๆครับ
• มีเล่นเกมทายหุ้น ผมได้หนังสือมา 2 เล่มด้วย ดีใจ 555
• ส่วนที่เป็นหัวข้อบรรยายเจาะแก่น vi สายดำแขกรับเชิญ 2 ท่าน คือหมอพงศ์ศักดิ์และคุณประชาครับ
ซึ่งผมไม่เคยฟังมาทั้ง 2 ท่านมาก่อนครับ ก็ได้มุมมองดีๆหลายอย่างครับ
- คุณประชาจบตรีและโทด้าน finance มีความเห็นว่าในการเป็นนักลงทุนรายย่อย ไม่จำเป็นต้องเรียน finance ก็ได้
สิ่งสำคัญที่ต้องรู้คือดูงบการเงินให้เป็น เข้าใจคำศัพท์พื้นฐาน gpm, roe เป็นต้น
- หมอพงศ์ศักดิ์ การลงทุนที่ดีต้องเริ่มจากมุมมองหรือไอเดียการลงทุน บางบริษัทเอาค่าเสื่อมราคามาลบหนี้ออกก็พอๆกับ market cap แล้ว เหตุผลที่ราคาหุ้นยังไม่ตอบสนองอาจเกิดจากความซับซ้อนเข้าใจยาก, ข้อมูลที่ประกาศหรือที่เกิดขึ้นแต่คนยังไม่รับรู้ไม่สนใจ เช่นประกาศปรับเพิ่มค่ารักษาพยาบาล แต่ราคาหุ้นไม่ได้ตอบสนอง หรือการขายหุ้นที่ไม่ได้ขายเพราะพื้นฐานแย่ เช่น fund flow ต่างชาติขายออก
- คุณประชาแชร์ประสบการณ์เคยซื้อหุ้นในอดีต(ซึ่งจบไปนานแล้วนะครับ)
- DCC ซื้อตอนปี 2007-2008 สังเกตพบว่ายอดขายหุ้นบริษัทวัสดุก่อสร้างอื่นลดลง แต่ DCC กลับเพิ่มขึ้น กำไรก็เพิ่มด้วย
ทำการบ้านอ่านบทวิเคราะห์ ถาม IR ดูเงินปันผล 10% fwd pe ประมาณ 7-8 เท่า
ต้นทุนส่วนใหญ่เป็น gas ธรรมชาติน่าจะได้ผลดีผ่าน subprime ได้
- BGH ในอดีตช่วงเกิดวิกฤติ 2007-08 โดยจุดเริ่มจากงบการเงินรายได้โต 13% กำไรโต 100% แต่ราคากลับไม่ขึ้น
PE ดูแล้วไม่น่าเกิน 15 เท่า ในต่างประเทศเทรด PE 20-30 เท่า ซึ่งธุรกิจโรงพยาบาลการเติบโตมีคุณภาพสูง
ดูการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่ในอดีตพบว่าสัดส่วนของกองทุน/บ.ต่างประเทศลดลง แต่ผู้บริหารในไทยถือเพิ่ม
ดูแล้วเป็น under-owned ฝรั่งขายออกไป,คนทั่วไปไม่ค่อยสนใจ
ดู Net profit + depreciation - capex ได้กระแสเงินเงินสดต่อหุ้น 2.5 บาท ที่ราคา 25 บาทคือ 10%ต่อปี
ซึ่งศึกษาต่อไปที่ capex ในอดีตพบว่าเริ่มลงทุนลดลงปีละ 2-3 พันล้าน จนช่วงหลังๆราว 1 พันล้าน
แต่ depreciation กลับไม่ค่อยเพิ่มแล้ว เป็นช่วงเวลาเก็บเกี่ยว
ค่าเสื่อมราคาต่อรายได้ อยู่ที่ 10% เทียบกับ BH, KH อยู่ที่ 5% น่าสนใจ
Go against and stay alive.
-
- Verified User
- โพสต์: 49
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Sharing การร่วมงาน 10ปี Thaivi 60 ปีปูชนียาจารย์
โพสต์ที่ 4
ขอบคุณครับ ปูเสื่อรอ
- i-salmon
- Verified User
- โพสต์: 293
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Sharing การร่วมงาน 10ปี Thaivi 60 ปีปูชนียาจารย์
โพสต์ที่ 6
(ต่อๆ)
- หมอพงศ์ศักดิ์ บอก timing การลงทุนก็สำคัญ บางบริษัท capex ช่วงแรกสูง จนกระทั่งจุดที่กำไรเพิ่มขึ้นทันกับ fixed cost
เป็นช่วงที่น่าสนใจ ที่คุณไลท์พูดเห็นได้ว่าวิเคราะห์หุ้นต้องดูหลายๆมุมมอง ไม่ใช่ดูแต่ pe อย่างเดียว
- หมอแนะว่าจะลงทุนบริษัทไหนให้ศึกษาให้ดีมากๆ แล้ว copy วิธีการนั้นไปใช้กับการซื้อบริษาัทอื่น
- คุณประชาสนใจราคาที่ไม่สัมพันธ์กับพื้นฐาน ชอบศึกษาว่า mass คิดอะไร โดยดูย้อนหลัง เมื่อ panic เกิดอะไรขึ้น
- หมอพงศ์ศักดิ์คิดว่า mass ชอบมองสั้นๆไม่เกิน 1 ปี จึงมีโอกาสซื้อสำหรับระยะยาวอยู่ตลอดเวลา ถ้าอนาคตยังโตได้อีกมากจะซื้อหุ้นโดยไม่ค่อยต่อราคาไม่กี่ช่อง
- หมอพงศ์ศักดิ์ ข่าวสารต้องแยกว่าอันไหนมีผลกับกระแสเงินสดของกิจการอันไหนเป็นแค่ noise ไม่ได้มีผลอะไร
- Portfolio management:
- หมอพงศ์ศักดิ์ ถือ 4-5 ตัวบางทีก็มีตัวเล็กๆ 2-3 ตัว ส่วนใหญ่ซื้อสัดส่วนเท่าๆกันเพราะคิดว่าเดาไม่ได้ว่าตัวไหนจะขึ้นมากกว่า หลายครั้งตัวที่ outperform ก็เป็นตัวที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน ตอนนี้ถือเงินสดไม่ถึง 1% ไม่ได้ตั้งใจจะถือเยอะหรือน้อย แต่ถ้าหาโอกาสซื้อที่ดีๆไม่ได้ก็ถือเงินสดดีกว่า
- คุณประชา ถือหุ้น 5 ตัวบวกลบ (3-10 ตัว) ถ้าถือเยอะๆเช่น 10 ตัวก็อาจจะวางสัดส่วนตัวละ 10% พอเวลาผ่านไปก็จะรู้เองว่าบริษัทไหนควรเพิ่มหรือควรลดสัดส่วน ตาม risk, reward หรือบางครั้งก็ราคา fair แล้วเจอตัวที่น่าสนใจก็ขายไปซื้อต้วใหม่
- หมอพงศ์ศักดิ์ สไตล์การเล่นหุ้นขึ้นกับตัวเราเป็นคนอย่างไร ต้องรู้จักจุดอ่อนจุดแข็งตนเอง เช่น จอร์จ โซรอสอ่านหนังสือเขาแล้วไม่เข้าใจ copy ความสำเร็จเขาไม่ได้ เป็นเรื่องเฉพาะตัว คิดว่าวิธี value investment ทำได้ง่ายสุด อีกประเด็นสไตล์เล่นหุ้นคือต้องเป็นวิธีที่ทำแล้วมีความสุข เพราะต้องทำมันไปตลอดชีวิต
- คุณประชา ระยะหลังพอร์ตใหญ่ขึ้นก็ต้องมาเลือกหุ้นที่ซื้อ ซื้อหุ้นที่ market cap ใหญ่ขึ้น ถ้าถือ market cap เล็กก็ต้องถือหลายตัวมากเกินไปดูแลไม่ไหว ถึงเป็นหุ้น market cap ใหญ่แต่ก็สนใจตัวที่การเติบโต big jump และ sustain ได้ ต้องมาฝึกมองหุ้นแบบที่กองทุนและต่างประเทศสนใจ สังเกตว่ากองทุนมักจะมองสั้นกว่าเรา
- กรณีศึกษาที่น่าสนใจหุ้นที่ซื้อขายในอดีต(จบไปแล้ว)
- คุณประชา เคยซื้อ ums ช่วงนั้น pe ต่ำ ปันผลดี ROE สูงมาก เพราะมาทดแทนพลังงงานอื่น ต่อมา pe ขึ้น 15-16 คิดว่าสูงไปก็เลยขาย ซึ่งต่อมาธุรกิจนี้ก็มีคู่แข่งเข้ามาก็แย่ barrier of entry ต่ำ คุณภาพกิจการต้องให้เวลาตัดสิน
- เคยซื้อ spali,ps ช่วง subprime เพราะเห็นว่าตลาด property ยังมี growth อยู่หลายเจ้า
- หมอพงศ์ศักดิ์แชร์ว่า makro เคยซื้อตอนวิกฤติแต่ขายไปก่อนมันขึ้นเพราะอดทนไม่เพียงพอ จน hoereca สำเร็จ margin ก็เพิ่มขึ้น
- หมอพงศ์ศักดิ์เคยซื้อ mbk ก่อนบุ๊คกำไร scib พอรับรู้ก็ขาย ซื้ออะไรก็ขายด้วยเหตุผลนั้น
ฝากท้าย
- คุณประชา
1)จงคิดอย่างเป็นอิสระ มั่นใจในความคิดตนเองแต่ก็อย่าปิดกั้นความคิดผู้อื่น ต้องมีสมดุล
2)จงเป็น vi ในสไตล์ของตัวเอง นักลงทุนเก่งๆหลายคนก็มีสไตล์ของตัวเองไม่ได้เหมือนกันหมด จะมีสิ่งที่เหมือนกันคือซื้อหุ้นที่คุ้มค่ากับ free cash flow ในอนาคต
- หมอพงศ์ศักดิ์
1) การเรียนรู้การลงทุนไม่มีทางลัด ไม่มีสูตรสำเร็จ ต้องทุ่มเทเวลาศึกษาเป็น 10,000 ชั่วโมง
ถ้าอ่านวันละ 2 ชั่วโมงก็ต้องใช้เวลา 12 ปีกว่าจะเป็นผู้ชำนาญ
2) มีวินัย มีความพยายาม อดทน ไม่มีทางลัด
ที่จดไว้หลักๆมีประมาณนี้ครับ ประเด็นไหนมีสาระสำคัญที่หล่นไปหรือมีมุมมองที่น่าสนใจช่วยแชร์ด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
- หมอพงศ์ศักดิ์ บอก timing การลงทุนก็สำคัญ บางบริษัท capex ช่วงแรกสูง จนกระทั่งจุดที่กำไรเพิ่มขึ้นทันกับ fixed cost
เป็นช่วงที่น่าสนใจ ที่คุณไลท์พูดเห็นได้ว่าวิเคราะห์หุ้นต้องดูหลายๆมุมมอง ไม่ใช่ดูแต่ pe อย่างเดียว
- หมอแนะว่าจะลงทุนบริษัทไหนให้ศึกษาให้ดีมากๆ แล้ว copy วิธีการนั้นไปใช้กับการซื้อบริษาัทอื่น
- คุณประชาสนใจราคาที่ไม่สัมพันธ์กับพื้นฐาน ชอบศึกษาว่า mass คิดอะไร โดยดูย้อนหลัง เมื่อ panic เกิดอะไรขึ้น
- หมอพงศ์ศักดิ์คิดว่า mass ชอบมองสั้นๆไม่เกิน 1 ปี จึงมีโอกาสซื้อสำหรับระยะยาวอยู่ตลอดเวลา ถ้าอนาคตยังโตได้อีกมากจะซื้อหุ้นโดยไม่ค่อยต่อราคาไม่กี่ช่อง
- หมอพงศ์ศักดิ์ ข่าวสารต้องแยกว่าอันไหนมีผลกับกระแสเงินสดของกิจการอันไหนเป็นแค่ noise ไม่ได้มีผลอะไร
- Portfolio management:
- หมอพงศ์ศักดิ์ ถือ 4-5 ตัวบางทีก็มีตัวเล็กๆ 2-3 ตัว ส่วนใหญ่ซื้อสัดส่วนเท่าๆกันเพราะคิดว่าเดาไม่ได้ว่าตัวไหนจะขึ้นมากกว่า หลายครั้งตัวที่ outperform ก็เป็นตัวที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน ตอนนี้ถือเงินสดไม่ถึง 1% ไม่ได้ตั้งใจจะถือเยอะหรือน้อย แต่ถ้าหาโอกาสซื้อที่ดีๆไม่ได้ก็ถือเงินสดดีกว่า
- คุณประชา ถือหุ้น 5 ตัวบวกลบ (3-10 ตัว) ถ้าถือเยอะๆเช่น 10 ตัวก็อาจจะวางสัดส่วนตัวละ 10% พอเวลาผ่านไปก็จะรู้เองว่าบริษัทไหนควรเพิ่มหรือควรลดสัดส่วน ตาม risk, reward หรือบางครั้งก็ราคา fair แล้วเจอตัวที่น่าสนใจก็ขายไปซื้อต้วใหม่
- หมอพงศ์ศักดิ์ สไตล์การเล่นหุ้นขึ้นกับตัวเราเป็นคนอย่างไร ต้องรู้จักจุดอ่อนจุดแข็งตนเอง เช่น จอร์จ โซรอสอ่านหนังสือเขาแล้วไม่เข้าใจ copy ความสำเร็จเขาไม่ได้ เป็นเรื่องเฉพาะตัว คิดว่าวิธี value investment ทำได้ง่ายสุด อีกประเด็นสไตล์เล่นหุ้นคือต้องเป็นวิธีที่ทำแล้วมีความสุข เพราะต้องทำมันไปตลอดชีวิต
- คุณประชา ระยะหลังพอร์ตใหญ่ขึ้นก็ต้องมาเลือกหุ้นที่ซื้อ ซื้อหุ้นที่ market cap ใหญ่ขึ้น ถ้าถือ market cap เล็กก็ต้องถือหลายตัวมากเกินไปดูแลไม่ไหว ถึงเป็นหุ้น market cap ใหญ่แต่ก็สนใจตัวที่การเติบโต big jump และ sustain ได้ ต้องมาฝึกมองหุ้นแบบที่กองทุนและต่างประเทศสนใจ สังเกตว่ากองทุนมักจะมองสั้นกว่าเรา
- กรณีศึกษาที่น่าสนใจหุ้นที่ซื้อขายในอดีต(จบไปแล้ว)
- คุณประชา เคยซื้อ ums ช่วงนั้น pe ต่ำ ปันผลดี ROE สูงมาก เพราะมาทดแทนพลังงงานอื่น ต่อมา pe ขึ้น 15-16 คิดว่าสูงไปก็เลยขาย ซึ่งต่อมาธุรกิจนี้ก็มีคู่แข่งเข้ามาก็แย่ barrier of entry ต่ำ คุณภาพกิจการต้องให้เวลาตัดสิน
- เคยซื้อ spali,ps ช่วง subprime เพราะเห็นว่าตลาด property ยังมี growth อยู่หลายเจ้า
- หมอพงศ์ศักดิ์แชร์ว่า makro เคยซื้อตอนวิกฤติแต่ขายไปก่อนมันขึ้นเพราะอดทนไม่เพียงพอ จน hoereca สำเร็จ margin ก็เพิ่มขึ้น
- หมอพงศ์ศักดิ์เคยซื้อ mbk ก่อนบุ๊คกำไร scib พอรับรู้ก็ขาย ซื้ออะไรก็ขายด้วยเหตุผลนั้น
ฝากท้าย
- คุณประชา
1)จงคิดอย่างเป็นอิสระ มั่นใจในความคิดตนเองแต่ก็อย่าปิดกั้นความคิดผู้อื่น ต้องมีสมดุล
2)จงเป็น vi ในสไตล์ของตัวเอง นักลงทุนเก่งๆหลายคนก็มีสไตล์ของตัวเองไม่ได้เหมือนกันหมด จะมีสิ่งที่เหมือนกันคือซื้อหุ้นที่คุ้มค่ากับ free cash flow ในอนาคต
- หมอพงศ์ศักดิ์
1) การเรียนรู้การลงทุนไม่มีทางลัด ไม่มีสูตรสำเร็จ ต้องทุ่มเทเวลาศึกษาเป็น 10,000 ชั่วโมง
ถ้าอ่านวันละ 2 ชั่วโมงก็ต้องใช้เวลา 12 ปีกว่าจะเป็นผู้ชำนาญ
2) มีวินัย มีความพยายาม อดทน ไม่มีทางลัด
ที่จดไว้หลักๆมีประมาณนี้ครับ ประเด็นไหนมีสาระสำคัญที่หล่นไปหรือมีมุมมองที่น่าสนใจช่วยแชร์ด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
Go against and stay alive.
-
- Verified User
- โพสต์: 198
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Sharing การร่วมงาน 10ปี Thaivi 60 ปีปูชนียาจารย์
โพสต์ที่ 7
ขอบคุณมากครับ ได้ความรู้เหมือนไปนั่งฟังเองเลยครับ
"ผมไม่ได้ลงทุนในหุ้นเพียงเพราะว่าผมต้องการเงินมากมาย
แต่มันเป็นความสนุกในการค้นหาบริษัทชั้นเยี่ยม
เฝ้าดูมันเติบโต และทำเงินให้เรา"
"เบื้องหลังของด้านหลัง ก็คือ ด้านหน้า"
แต่มันเป็นความสนุกในการค้นหาบริษัทชั้นเยี่ยม
เฝ้าดูมันเติบโต และทำเงินให้เรา"
"เบื้องหลังของด้านหลัง ก็คือ ด้านหน้า"
-
- Verified User
- โพสต์: 12
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Sharing การร่วมงาน 10ปี Thaivi 60 ปีปูชนียาจารย์
โพสต์ที่ 9
ขอบคุณครับผม
- crazyrisk
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4549
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Sharing การร่วมงาน 10ปี Thaivi 60 ปีปูชนียาจารย์
โพสต์ที่ 10
อุ่นใจแทนคุณ i salmon ครับ ผมรู้สึกดีใจที่มีคนช่วยกันกด like ในสิ่งที่คุณ i salmon ช่วยเอามาเผยแพร่ ผมพยายามเน้นยำเรื่องนี้ในงานวันนี้ เพราะรู้สึกว่า สังคมไทยวีไอเราจะดีขึ้นเรื่อยๆ หากมีคนช่วยกันแชร์ ส่วนคนที่ไม่ได้แชร์ แต่ก็สามารถช่วยกันได้โดยให้กำลังใจคนที่ แชร์สิ่งที่ดีและมีประโยชน์กับส่วนรวม
ช่วยๆกันนะครับ ทุกๆคนทำได้ เพื่อสังคมไทยวีไอของเรา
ช่วยๆกันนะครับ ทุกๆคนทำได้ เพื่อสังคมไทยวีไอของเรา
"Champions aren't made in gyms. Champions are made from something they have deep inside them: A desire, a dream, a vision.
-
- Verified User
- โพสต์: 345
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Sharing การร่วมงาน 10ปี Thaivi 60 ปีปูชนียาจารย์
โพสต์ที่ 11
ข้อคิดการลงทุน
คุณหมอบำรุง (หมอแพะ)
- 2-3 ปีแรกทำให้ความรู้โตก่อน พอร์ทการลงทุนยังไม่จำเป็นต้องโต
- อย่าเพิ่งเชื่อคนที่บอกว่าประสบความสำเร็จ เค้าอาจจะแค่โชคดี เพิ่งทำมาไม่กี่ครั้ง หรืออาจจะเป็นความสามารถเฉพาะตัวเค้ามากๆ เช่น ลองวิธีเดียวกันนี้ 100 คน อาจจะสำเร็จแค่เค้าคนเดียว
พี่โจลูกอิสาน
- เราต้องเลือกอาจารย์ให้ถูกคน ต่อให้คุณเก่งแค่ไหน แต่ถ้าเลือกอ.ผิดท่าน ชี้นำเราไปผิดทาง คนๆนั้นก็ยากที่จะสำเร็จได้
คุณหมอบำรุง (หมอแพะ)
- 2-3 ปีแรกทำให้ความรู้โตก่อน พอร์ทการลงทุนยังไม่จำเป็นต้องโต
- อย่าเพิ่งเชื่อคนที่บอกว่าประสบความสำเร็จ เค้าอาจจะแค่โชคดี เพิ่งทำมาไม่กี่ครั้ง หรืออาจจะเป็นความสามารถเฉพาะตัวเค้ามากๆ เช่น ลองวิธีเดียวกันนี้ 100 คน อาจจะสำเร็จแค่เค้าคนเดียว
พี่โจลูกอิสาน
- เราต้องเลือกอาจารย์ให้ถูกคน ต่อให้คุณเก่งแค่ไหน แต่ถ้าเลือกอ.ผิดท่าน ชี้นำเราไปผิดทาง คนๆนั้นก็ยากที่จะสำเร็จได้
Facebook Page: VI10x:
https://www.facebook.com/vi10x
https://www.facebook.com/vi10x
- dome@perth
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4740
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Sharing การร่วมงาน 10ปี Thaivi 60 ปีปูชนียาจารย์
โพสต์ที่ 13
ขอบคุณมากๆเลยครับ
"ไม่มีสุตรสำเร็จ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่แค่โชค
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
หนทางจะได้มาซึ่ง อิสระภาพทางการเงิน
มันมาจาก ความขยัน การไขว่คว้า หาความรู้
เชื่อและตั้งมั้นในหลักการลงทุนที่ถูกต้อง"
- crazyrisk
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4549
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Sharing การร่วมงาน 10ปี Thaivi 60 ปีปูชนียาจารย์
โพสต์ที่ 15
งาน 10 ปี ไทยวีไอ และมุทิตาจิตนี้ หัวเรือหลักคือ พี่ Chumpon Kook MaiFuen Paniang Pongsatha ที่วิ่งวุ่นเรื่องสถานที่ และการจัดงานต่างๆ ต้องขอยกย่องว่า ทำได้ดีกว่าสมัยที่ผมเป็น ผู้รับผิดชอบหลักจริงๆ
บรรยากาศในงานมีทั้งช่วงซึ้งๆ และช่วงเนื้อหาที่เข้มข้น มากกก
ดีใจครับ วันนี้ได้เห็น น้องจ๋า ได้เป็นพิธีกร แบบเต็มตัว ซึ่งงานขนาด แขก 500-600 คน ก็สามารถทำได้ โดยไม่น่าผิดหวัง ถือว่ามีพัฒนาการที่ดีมาก และขอบคุณ Ball Roadtobillion ด้วย สำหรับพิธีกรคู่
ผมชอบประโยคนี้มากครับ บัฟเฟตเคยกล่าวไว้ว่า ร่มเงาที่เรานั่งอยู่ทุกวันนี้ ล้วนแล้วแต่มีใครสักคนเคยปลูกมันเมื่อนานมาแล้ว และดร.นิเวศน์เปรียบเสมือนผู้ที่นำต้นไม้แห่งวีไอมาปลูกจนสามารถสร้างร่มเงาให้พวกเราในวันนี้ และเชื่อว่า ร่มเงาเหล่านี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเราช่วยกัน ปลูกต้นไม้ต้นใหม่ๆ เพื่อเยาวชนรุ่นหลังๆเราจะได้อาศัยร่มเงานี้ต่อไป
สำหรับช่วงเสวนา moneytalk กับ อดีตประธานเวปและสมาคมทั้ง 4 ท่าน พี่ โจ ลูกอิสาน พี่หมอบำรุง พี่สุทัศน์ และ พี่ธันวา ก็ได้ช่วยกันเล่าความเป็นมาของไทยวีไอได้อย่างละเอียด หลายๆคนมาบอกผมว่า เพิ่งรู้้ว่ามีเรื่องแบบนี้ด้วย
ช่วงการบริจาคเงิน ผมไม่ได้สังเกตมากนัก เพราะมัวแต่เตรียมงานอยู่ แต่ได้ทราบมาว่า หลายๆคนแอบน้ำตาคลอตอนที่ตัวแทนมูลนิธิ เล่าถึงความเดือดร้อนของเหล่าผู้ด้อยโอกาสให้พวกเราฟัง ผมหวังว่า สิ่งที่ได้รับรู้ในวันนี้ จะช่วยให้เราปรับแนวคิดได้ว่า จริงๆแล้ว เรายังโชคดีกว่าคนอื่นๆอีกมาก ดังนั้น จงใช้ความโชคดีของเรา ทำประโยชน์ตอบแทนเพื่อคนอื่นให้มากที่สุดครับ
ก่อนบ่ายมีเล่นเกมส์ทายหุ้น กับ น้องนิว กับ todsawat ผมยังเกร็งๆอยู่ว่า คนจะฮาไหมปรากฏว่า คนชอบกันมากมายครับ ยกความดีให้กับทั้งสองคนนี้จริงๆ
ช่วงงานสัมมนาตอนบ่าย ผมเป็นตัวแทนรายการเจาะแก่นวีไอ เป็นพิธีกรคู่กับอ๋อง OoNgis Teo ตัวแทนจากวีไอสายดำ ได้มีโอกาสสัมภาษณ์สุดยอดเซียนหุ้นวีไอระดับตำนานของเมืองไทย คือ พี่หมอพงศ์ศักดิ์และ พี่ประชา ซึ่งเนื้อหาในการสัมมนา น่าจะสามารถติดตามได้ในกระทู้ต่างๆครับ ที่น่าสนใจมากๆ เพราะ ปกติ โอกาสยากครับ ที่เซียนที่ประสบความสำเร็จจริงๆ จะออกมาให้สัมภาษณ์แบบเจาะลึกแบบนี้ และ การบ้านที่ผมและอ๋องเตรียมให้ ก็เชื่อว่าน่าจะสามารถทำหน้าที่เป็นกุญแจในการไขเข้าไปล้วงลึกถึงการบริหารพอร์ตจากระดับ แสน กลายเป็นระดับ พันล้านในเวลา 10 ปี น่าเสียดายมากครับ ที่เวลามันหมดซะก่อน (ขนาดต่อเวลาไป 1 รอบแล้วนะครับ)
เท่าที่ผมได้คุยกับนักลงทุนหลายท่าน มีหลายคนเดินเข้ามาจับมือ แล้วชมว่า ดำเนินรายการได้ดีมาก ตัวผมเองรู้สึกประทับใจและดีใจมาก เมื่อเห็นว่าสิ่งที่ตัวเองได้ทำไปนั้นมีคุณค่ากับคนอื่นๆ ซึ่งตรงนี้ ผมคงต้องยกความดีให้กับ อ๋อง พิธีกรร่วม และแขกรับเชิญที่ตั้งใจตอบและเตรียมตัวมาดีเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้น ผมต้องขอขอบพระคุณ อ.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา ที่ช่วยให้โอกาสผมได้มีโอกาสได้เรียนรู้และเป็นครูพี่เลี้ยงที่เยี่ยมยอดที่สุดของผมในวงการสัมมนาลงทุนครับ
สุดท้ายครับ ผมอยากบอกว่า ย้อนไปสัก 6-7 ปี ผมเคยมางานใหญ่ของ thaivi ในฐานะมือใหม่ แต่ดันพก ego ติดตัวมา และล้มลุกคลุกคลานอยู่กับการลงทุนมาพอสมควร กว่าจะเริ่มปรับเข้าที่ได้ ถือว่า ผมเสียเวลาไปกับการลองผิดลองถูก อยู่พอสมควร เพราะ ego ตัวดีแท้ๆครับ ดังนั้น สำหรับมือใหม่ที่สนใจการลงทุนแนววีไอ ผมไม่อยากให้ท่านต้องเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์เหมือนผม ดังนั้น หากท่านได้ทบทวนเนื้อหาสัมมนาวันนี้อีกหลายๆรอบ และมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง สลัดความคิดผิดๆในการลงทุนตั้งแต่เนิ่นๆ ผมเชื่อว่าความสำเร็จมารอทุกท่านตั้งแต่เดินเข้ามานั่งในงานสัมมนานี้แล้ว
บรรยากาศในงานมีทั้งช่วงซึ้งๆ และช่วงเนื้อหาที่เข้มข้น มากกก
ดีใจครับ วันนี้ได้เห็น น้องจ๋า ได้เป็นพิธีกร แบบเต็มตัว ซึ่งงานขนาด แขก 500-600 คน ก็สามารถทำได้ โดยไม่น่าผิดหวัง ถือว่ามีพัฒนาการที่ดีมาก และขอบคุณ Ball Roadtobillion ด้วย สำหรับพิธีกรคู่
ผมชอบประโยคนี้มากครับ บัฟเฟตเคยกล่าวไว้ว่า ร่มเงาที่เรานั่งอยู่ทุกวันนี้ ล้วนแล้วแต่มีใครสักคนเคยปลูกมันเมื่อนานมาแล้ว และดร.นิเวศน์เปรียบเสมือนผู้ที่นำต้นไม้แห่งวีไอมาปลูกจนสามารถสร้างร่มเงาให้พวกเราในวันนี้ และเชื่อว่า ร่มเงาเหล่านี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเราช่วยกัน ปลูกต้นไม้ต้นใหม่ๆ เพื่อเยาวชนรุ่นหลังๆเราจะได้อาศัยร่มเงานี้ต่อไป
สำหรับช่วงเสวนา moneytalk กับ อดีตประธานเวปและสมาคมทั้ง 4 ท่าน พี่ โจ ลูกอิสาน พี่หมอบำรุง พี่สุทัศน์ และ พี่ธันวา ก็ได้ช่วยกันเล่าความเป็นมาของไทยวีไอได้อย่างละเอียด หลายๆคนมาบอกผมว่า เพิ่งรู้้ว่ามีเรื่องแบบนี้ด้วย
ช่วงการบริจาคเงิน ผมไม่ได้สังเกตมากนัก เพราะมัวแต่เตรียมงานอยู่ แต่ได้ทราบมาว่า หลายๆคนแอบน้ำตาคลอตอนที่ตัวแทนมูลนิธิ เล่าถึงความเดือดร้อนของเหล่าผู้ด้อยโอกาสให้พวกเราฟัง ผมหวังว่า สิ่งที่ได้รับรู้ในวันนี้ จะช่วยให้เราปรับแนวคิดได้ว่า จริงๆแล้ว เรายังโชคดีกว่าคนอื่นๆอีกมาก ดังนั้น จงใช้ความโชคดีของเรา ทำประโยชน์ตอบแทนเพื่อคนอื่นให้มากที่สุดครับ
ก่อนบ่ายมีเล่นเกมส์ทายหุ้น กับ น้องนิว กับ todsawat ผมยังเกร็งๆอยู่ว่า คนจะฮาไหมปรากฏว่า คนชอบกันมากมายครับ ยกความดีให้กับทั้งสองคนนี้จริงๆ
ช่วงงานสัมมนาตอนบ่าย ผมเป็นตัวแทนรายการเจาะแก่นวีไอ เป็นพิธีกรคู่กับอ๋อง OoNgis Teo ตัวแทนจากวีไอสายดำ ได้มีโอกาสสัมภาษณ์สุดยอดเซียนหุ้นวีไอระดับตำนานของเมืองไทย คือ พี่หมอพงศ์ศักดิ์และ พี่ประชา ซึ่งเนื้อหาในการสัมมนา น่าจะสามารถติดตามได้ในกระทู้ต่างๆครับ ที่น่าสนใจมากๆ เพราะ ปกติ โอกาสยากครับ ที่เซียนที่ประสบความสำเร็จจริงๆ จะออกมาให้สัมภาษณ์แบบเจาะลึกแบบนี้ และ การบ้านที่ผมและอ๋องเตรียมให้ ก็เชื่อว่าน่าจะสามารถทำหน้าที่เป็นกุญแจในการไขเข้าไปล้วงลึกถึงการบริหารพอร์ตจากระดับ แสน กลายเป็นระดับ พันล้านในเวลา 10 ปี น่าเสียดายมากครับ ที่เวลามันหมดซะก่อน (ขนาดต่อเวลาไป 1 รอบแล้วนะครับ)
เท่าที่ผมได้คุยกับนักลงทุนหลายท่าน มีหลายคนเดินเข้ามาจับมือ แล้วชมว่า ดำเนินรายการได้ดีมาก ตัวผมเองรู้สึกประทับใจและดีใจมาก เมื่อเห็นว่าสิ่งที่ตัวเองได้ทำไปนั้นมีคุณค่ากับคนอื่นๆ ซึ่งตรงนี้ ผมคงต้องยกความดีให้กับ อ๋อง พิธีกรร่วม และแขกรับเชิญที่ตั้งใจตอบและเตรียมตัวมาดีเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้น ผมต้องขอขอบพระคุณ อ.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา ที่ช่วยให้โอกาสผมได้มีโอกาสได้เรียนรู้และเป็นครูพี่เลี้ยงที่เยี่ยมยอดที่สุดของผมในวงการสัมมนาลงทุนครับ
สุดท้ายครับ ผมอยากบอกว่า ย้อนไปสัก 6-7 ปี ผมเคยมางานใหญ่ของ thaivi ในฐานะมือใหม่ แต่ดันพก ego ติดตัวมา และล้มลุกคลุกคลานอยู่กับการลงทุนมาพอสมควร กว่าจะเริ่มปรับเข้าที่ได้ ถือว่า ผมเสียเวลาไปกับการลองผิดลองถูก อยู่พอสมควร เพราะ ego ตัวดีแท้ๆครับ ดังนั้น สำหรับมือใหม่ที่สนใจการลงทุนแนววีไอ ผมไม่อยากให้ท่านต้องเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์เหมือนผม ดังนั้น หากท่านได้ทบทวนเนื้อหาสัมมนาวันนี้อีกหลายๆรอบ และมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง สลัดความคิดผิดๆในการลงทุนตั้งแต่เนิ่นๆ ผมเชื่อว่าความสำเร็จมารอทุกท่านตั้งแต่เดินเข้ามานั่งในงานสัมมนานี้แล้ว
"Champions aren't made in gyms. Champions are made from something they have deep inside them: A desire, a dream, a vision.
- leaderinshadow
- Verified User
- โพสต์: 1765
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Sharing การร่วมงาน 10ปี Thaivi 60 ปีปูชนียาจารย์
โพสต์ที่ 18
ติดอยู่ประเด็นเดียว
เวลาน้อยไปนิดนะครับ
เวลาน้อยไปนิดนะครับ
- i-salmon
- Verified User
- โพสต์: 293
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Sharing การร่วมงาน 10ปี Thaivi 60 ปีปูชนียาจารย์
โพสต์ที่ 19
ขอบคุณสำหรับการแชร์ความรู้สึกครับ อ่านแล้วซาบซึ้งจังcrazyrisk เขียน:งาน 10 ปี ไทยวีไอ และมุทิตาจิตนี้ หัวเรือหลักคือ พี่ Chumpon Kook MaiFuen Paniang Pongsatha ที่วิ่งวุ่นเรื่องสถานที่ และการจัดงานต่างๆ ต้องขอยกย่องว่า ทำได้ดีกว่าสมัยที่ผมเป็น ผู้รับผิดชอบหลักจริงๆ
บรรยากาศในงานมีทั้งช่วงซึ้งๆ และช่วงเนื้อหาที่เข้มข้น มากกก
ดีใจครับ วันนี้ได้เห็น น้องจ๋า ได้เป็นพิธีกร แบบเต็มตัว ซึ่งงานขนาด แขก 500-600 คน ก็สามารถทำได้ โดยไม่น่าผิดหวัง ถือว่ามีพัฒนาการที่ดีมาก และขอบคุณ Ball Roadtobillion ด้วย สำหรับพิธีกรคู่
ผมชอบประโยคนี้มากครับ บัฟเฟตเคยกล่าวไว้ว่า ร่มเงาที่เรานั่งอยู่ทุกวันนี้ ล้วนแล้วแต่มีใครสักคนเคยปลูกมันเมื่อนานมาแล้ว และดร.นิเวศน์เปรียบเสมือนผู้ที่นำต้นไม้แห่งวีไอมาปลูกจนสามารถสร้างร่มเงาให้พวกเราในวันนี้ และเชื่อว่า ร่มเงาเหล่านี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเราช่วยกัน ปลูกต้นไม้ต้นใหม่ๆ เพื่อเยาวชนรุ่นหลังๆเราจะได้อาศัยร่มเงานี้ต่อไป
สำหรับช่วงเสวนา moneytalk กับ อดีตประธานเวปและสมาคมทั้ง 4 ท่าน พี่ โจ ลูกอิสาน พี่หมอบำรุง พี่สุทัศน์ และ พี่ธันวา ก็ได้ช่วยกันเล่าความเป็นมาของไทยวีไอได้อย่างละเอียด หลายๆคนมาบอกผมว่า เพิ่งรู้้ว่ามีเรื่องแบบนี้ด้วย
ช่วงการบริจาคเงิน ผมไม่ได้สังเกตมากนัก เพราะมัวแต่เตรียมงานอยู่ แต่ได้ทราบมาว่า หลายๆคนแอบน้ำตาคลอตอนที่ตัวแทนมูลนิธิ เล่าถึงความเดือดร้อนของเหล่าผู้ด้อยโอกาสให้พวกเราฟัง ผมหวังว่า สิ่งที่ได้รับรู้ในวันนี้ จะช่วยให้เราปรับแนวคิดได้ว่า จริงๆแล้ว เรายังโชคดีกว่าคนอื่นๆอีกมาก ดังนั้น จงใช้ความโชคดีของเรา ทำประโยชน์ตอบแทนเพื่อคนอื่นให้มากที่สุดครับ
ก่อนบ่ายมีเล่นเกมส์ทายหุ้น กับ น้องนิว กับ todsawat ผมยังเกร็งๆอยู่ว่า คนจะฮาไหมปรากฏว่า คนชอบกันมากมายครับ ยกความดีให้กับทั้งสองคนนี้จริงๆ
ช่วงงานสัมมนาตอนบ่าย ผมเป็นตัวแทนรายการเจาะแก่นวีไอ เป็นพิธีกรคู่กับอ๋อง OoNgis Teo ตัวแทนจากวีไอสายดำ ได้มีโอกาสสัมภาษณ์สุดยอดเซียนหุ้นวีไอระดับตำนานของเมืองไทย คือ พี่หมอพงศ์ศักดิ์และ พี่ประชา ซึ่งเนื้อหาในการสัมมนา น่าจะสามารถติดตามได้ในกระทู้ต่างๆครับ ที่น่าสนใจมากๆ เพราะ ปกติ โอกาสยากครับ ที่เซียนที่ประสบความสำเร็จจริงๆ จะออกมาให้สัมภาษณ์แบบเจาะลึกแบบนี้ และ การบ้านที่ผมและอ๋องเตรียมให้ ก็เชื่อว่าน่าจะสามารถทำหน้าที่เป็นกุญแจในการไขเข้าไปล้วงลึกถึงการบริหารพอร์ตจากระดับ แสน กลายเป็นระดับ พันล้านในเวลา 10 ปี น่าเสียดายมากครับ ที่เวลามันหมดซะก่อน (ขนาดต่อเวลาไป 1 รอบแล้วนะครับ)
เท่าที่ผมได้คุยกับนักลงทุนหลายท่าน มีหลายคนเดินเข้ามาจับมือ แล้วชมว่า ดำเนินรายการได้ดีมาก ตัวผมเองรู้สึกประทับใจและดีใจมาก เมื่อเห็นว่าสิ่งที่ตัวเองได้ทำไปนั้นมีคุณค่ากับคนอื่นๆ ซึ่งตรงนี้ ผมคงต้องยกความดีให้กับ อ๋อง พิธีกรร่วม และแขกรับเชิญที่ตั้งใจตอบและเตรียมตัวมาดีเป็นอย่างยิ่ง ยิ่งไปกว่านั้น ผมต้องขอขอบพระคุณ อ.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา ที่ช่วยให้โอกาสผมได้มีโอกาสได้เรียนรู้และเป็นครูพี่เลี้ยงที่เยี่ยมยอดที่สุดของผมในวงการสัมมนาลงทุนครับ
สุดท้ายครับ ผมอยากบอกว่า ย้อนไปสัก 6-7 ปี ผมเคยมางานใหญ่ของ thaivi ในฐานะมือใหม่ แต่ดันพก ego ติดตัวมา และล้มลุกคลุกคลานอยู่กับการลงทุนมาพอสมควร กว่าจะเริ่มปรับเข้าที่ได้ ถือว่า ผมเสียเวลาไปกับการลองผิดลองถูก อยู่พอสมควร เพราะ ego ตัวดีแท้ๆครับ ดังนั้น สำหรับมือใหม่ที่สนใจการลงทุนแนววีไอ ผมไม่อยากให้ท่านต้องเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์เหมือนผม ดังนั้น หากท่านได้ทบทวนเนื้อหาสัมมนาวันนี้อีกหลายๆรอบ และมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้ง สลัดความคิดผิดๆในการลงทุนตั้งแต่เนิ่นๆ ผมเชื่อว่าความสำเร็จมารอทุกท่านตั้งแต่เดินเข้ามานั่งในงานสัมมนานี้แล้ว
เห็นด้วยครับว่าดำเนินรายการได้ดี ผมจำภาพตอนแรกๆที่หมอเคเป็นพิธีกรเทียบกับตอนนี้ดูแล้วมืออาชีพขึ้นมากเลยครับ ดูหล่อมีราศีขึ้นด้วยครับ
Go against and stay alive.
-
- Verified User
- โพสต์: 616
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Sharing การร่วมงาน 10ปี Thaivi 60 ปีปูชนียาจารย์
โพสต์ที่ 20
แชร์เพิ่มเติมจากน้องบิ๊กนะครับ
พี่หมอพงศ์ศักดิ์
1. เริ่มลงทุนประมาณ 10 ล้าน ช่วงซับไพร์มใส่เงินเพิ่ม 200 ล้าน
2. การเลือกหุ้น ชอบบริษัทที่ไม่มีใครสามารถลอกเลียนแบบได้
3. ชอบหุ้นดี และต้องมีอะไรบางอย่างที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
4. กราฟไม่ดู แต่ชอบวิเคราะห์ Value Drive ดูว่าบริษัทจะมี Value อะไรที่จะกำลังเปลี่ยนแปลง
5. ชอบแนวทาง VI เพราะคิดว่าเป็นแนวทางที่ง่ายที่สุด หากเปรียบเทียบกับแนวทางอื่นเช่น จอร์จโซรอส ใช้ข้อมูลมหภาคแบบนั้นยาก ซึ่งเราไม่ถนัด
6. พี่หมอยังมองว่าตนเองยังไม่ประสบความสำเร็จ ต้องผ่าน 10 หรือ 20 ปีขึ้นไปแล้วค่อยดูผลระยะยาว ว่าประสบความสำเร็จหรือไม่
7. หุ้นดีเวลาลงจะลงน้อยกว่าตลาด เวลาขึ้นก็ขึ้นได้แรงกว่าตลาด
8. ถือหุ้น 5 ตัวในสัดส่วนเท่าๆ กัน
9. สัดส่วนเงินสด ขึ้นอยู่กับโอกาส และความคุ้มค่าในการลงทุน ถ้าไม่ยังไม่คุ้ม ถือเงินสดดีกว่า ซื้อหุ้นไม่ต้องรีบร้อน รอจังหวะดีๆ ปัจจุบันถือเงินสดประมาณ 1%
10. Margin ใช้เมื่อมั่นใจ 100% เคยใช้ Margin case Makro ได้กำไร 1% แต่มั่นใจจริงๆ ว่าได้แน่นอนถึงใช้
11. ลงทุนต้องมีความสุข ความสุขแปรผักผันกับจำนวนครั้งของการ trade
12. เพิ่มขอบเขตความรู้ ศึกษาหุ้นที่เข้าใจยากๆ ขึ้น บางครั้งก็ได้ผลตอบแทนที่ดีได้
13. ความยากง่ายในการเล่นหุ้น หุ้น Growth ง่ายที่สุด หุ้น Turn Around รองลงมา หุ้น Cyclic ยากที่สุด แต่ถ้าศึกษาและเข้าใจทุกแบบจะให้ผลตอบแทนที่ดีได้
14. พยายามศึกษาบริษัทหนึ่งให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ แล้วจะสามารถ copy pattern รูปแบบไปใช้วิเคราะห์กับบริษัทอื่นได้
15. อ่านให้เยอะ แต่ที่สำคัญกว่าคือ ต้องวิเคราะห์ให้เป็น
16. ผู้บริหารซื้อที่มีนัยยะ คือ การที่ผู้บริหารที่ไม่ได้เป็นเจ้าของ ซื้อพร้อมๆ กันหลายๆ ท่าน อย่างต่อเนื่อง แสดงว่า กำลังจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี เรื่องการขายหุ้นของผู้บริหารไม่ค่อยให้ความสำคัญ
17. คำถามชวนคิด Invesment ต่างจาก Speculation อย่างไร ?
18. ต้องวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนตัวเราเอง และปรับให้เหมาะสมกับสไตล์ของตัวเอง
19. หุ้น pe 20 growth 20 ผ่านไป 10 ปี จะดีกว่าหุ้น pe10 growth 10 แม้ว่าอาจจะโตไม่ถึง 20 ก็ยังดีกว่า
20. การคำนวณมูลค่า ควรดูๆ หลายวิธีเปรียบเทียบกัน เช่น P/E P/BV EV/EBIDA ปันผล
21. Case makro เป็นข้อผิดพลาด ขายเร็วไปเพราะมองว่า margin บางมาก แต่สุดท้ายพอมาเน้น Horeca ก็ทำให้ margin โตขึ้น กำไรเพิ่มขึ้นมาก
22. ซื้อด้วยเหตุผลได้ ให้ขายด้วยเหตุผลนั้น (Case MBK)
23. การประสบความสำเร็จไม่มีทางลัด (กฎ 10,000 ชั่วโมง ศึกษาวันละ 2 ชั่วโมง ต้องใช้เวลาถึง 12 ปี) ต้องขยัน อดทน
พี่ประชา
1. เริ่มลงทุนประมาณ 3 แสน แล้วเพิ่มเงินเป็น 10 ล้าน
2. ไม่จำเป็นต้องจบ Finance แต่อ่านงบการเงินควรเข้าใจแบบที่เจ้าของกิจการใช้ เช่น ดู ยอดขาย กำไร การเติบโต D/E margin
3. เริ่มต้นด้วย 56-1 อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ธุรกิจ เช่น กรุงเทพธุรกิจ ฐานเศรษฐกิจ ทันหุ้น ข่าวหุ้น
4. สิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกหุ้น คือ ศักยภาพในการเติบโตของบริษัทในระยะยาว
5. ใช้กราฟเพื่อดูว่า mass คิดยังไงมากกว่า แต่ชอบเปรียบเทียบภาพราคากับมูลค่า ว่าแตกต่างมากน้อยเพียงใด
6. เลือกหุ้นแบบ bottom up ผสม Top down จะดีที่สุด
7. ภาพแมคโคร เช่น QE ติดตามบ้าง ดูว่ามีผลต่อธุรกิจหรือไม่ แต่จริงๆ เน้นที่พื้นฐานกิจการมากกว่า
8. ถือหุ้น 3-10 ตัว ช่วงแรกชอบหุ้นตัวเล็ก หลังๆ เนื่องจาก พอร์ตใหญ่ขึ้น ถ้าจะเน้นตัวเล็กแบบเดิมคงต้องเพิ่มหุ้นประมาณ 20 ตัว ซึ่งไม่เหมาะกับตนเอง ดูไม่ไหว ก็มาเน้น big cap มากขึ้นแต่คงสัดส่วนจำนวนหุ้นเท่าเดิม
9. เลือกหุ้น Big Cap ที่มี Big Jump
10. case DCC ช่วงนั้นบริษัทอื่นกำไรลดลง แต่ทำไมบริษัทนี้ยังกำไรเพิ่มขึ้น ก็ไปศึกษาต่อ
11. case BGH เปรียบเทียบ Free cash flow ของบริษัท และยังมี room ให้โตได้อีกเยอะมาก ในขณะที่ผู้บริหารก็ซื้อตลอด มีแต่ฝรั่งเท่านั้นที่ขาย
12. มีความคิดวิเคราะห์ที่เป็นเป็นอิสระ
13. มีสไตล์เป็นของตนเอง วีไอหลายๆ คน เช่น บัฟเฟตต์ ลินซ์ โบลตัน สไตล์แตกต่างกัน แต่จุดร่วม คือ ซื้อกิจการในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่า
พี่หมอพงศ์ศักดิ์
1. เริ่มลงทุนประมาณ 10 ล้าน ช่วงซับไพร์มใส่เงินเพิ่ม 200 ล้าน
2. การเลือกหุ้น ชอบบริษัทที่ไม่มีใครสามารถลอกเลียนแบบได้
3. ชอบหุ้นดี และต้องมีอะไรบางอย่างที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
4. กราฟไม่ดู แต่ชอบวิเคราะห์ Value Drive ดูว่าบริษัทจะมี Value อะไรที่จะกำลังเปลี่ยนแปลง
5. ชอบแนวทาง VI เพราะคิดว่าเป็นแนวทางที่ง่ายที่สุด หากเปรียบเทียบกับแนวทางอื่นเช่น จอร์จโซรอส ใช้ข้อมูลมหภาคแบบนั้นยาก ซึ่งเราไม่ถนัด
6. พี่หมอยังมองว่าตนเองยังไม่ประสบความสำเร็จ ต้องผ่าน 10 หรือ 20 ปีขึ้นไปแล้วค่อยดูผลระยะยาว ว่าประสบความสำเร็จหรือไม่
7. หุ้นดีเวลาลงจะลงน้อยกว่าตลาด เวลาขึ้นก็ขึ้นได้แรงกว่าตลาด
8. ถือหุ้น 5 ตัวในสัดส่วนเท่าๆ กัน
9. สัดส่วนเงินสด ขึ้นอยู่กับโอกาส และความคุ้มค่าในการลงทุน ถ้าไม่ยังไม่คุ้ม ถือเงินสดดีกว่า ซื้อหุ้นไม่ต้องรีบร้อน รอจังหวะดีๆ ปัจจุบันถือเงินสดประมาณ 1%
10. Margin ใช้เมื่อมั่นใจ 100% เคยใช้ Margin case Makro ได้กำไร 1% แต่มั่นใจจริงๆ ว่าได้แน่นอนถึงใช้
11. ลงทุนต้องมีความสุข ความสุขแปรผักผันกับจำนวนครั้งของการ trade
12. เพิ่มขอบเขตความรู้ ศึกษาหุ้นที่เข้าใจยากๆ ขึ้น บางครั้งก็ได้ผลตอบแทนที่ดีได้
13. ความยากง่ายในการเล่นหุ้น หุ้น Growth ง่ายที่สุด หุ้น Turn Around รองลงมา หุ้น Cyclic ยากที่สุด แต่ถ้าศึกษาและเข้าใจทุกแบบจะให้ผลตอบแทนที่ดีได้
14. พยายามศึกษาบริษัทหนึ่งให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ แล้วจะสามารถ copy pattern รูปแบบไปใช้วิเคราะห์กับบริษัทอื่นได้
15. อ่านให้เยอะ แต่ที่สำคัญกว่าคือ ต้องวิเคราะห์ให้เป็น
16. ผู้บริหารซื้อที่มีนัยยะ คือ การที่ผู้บริหารที่ไม่ได้เป็นเจ้าของ ซื้อพร้อมๆ กันหลายๆ ท่าน อย่างต่อเนื่อง แสดงว่า กำลังจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี เรื่องการขายหุ้นของผู้บริหารไม่ค่อยให้ความสำคัญ
17. คำถามชวนคิด Invesment ต่างจาก Speculation อย่างไร ?
18. ต้องวิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อนตัวเราเอง และปรับให้เหมาะสมกับสไตล์ของตัวเอง
19. หุ้น pe 20 growth 20 ผ่านไป 10 ปี จะดีกว่าหุ้น pe10 growth 10 แม้ว่าอาจจะโตไม่ถึง 20 ก็ยังดีกว่า
20. การคำนวณมูลค่า ควรดูๆ หลายวิธีเปรียบเทียบกัน เช่น P/E P/BV EV/EBIDA ปันผล
21. Case makro เป็นข้อผิดพลาด ขายเร็วไปเพราะมองว่า margin บางมาก แต่สุดท้ายพอมาเน้น Horeca ก็ทำให้ margin โตขึ้น กำไรเพิ่มขึ้นมาก
22. ซื้อด้วยเหตุผลได้ ให้ขายด้วยเหตุผลนั้น (Case MBK)
23. การประสบความสำเร็จไม่มีทางลัด (กฎ 10,000 ชั่วโมง ศึกษาวันละ 2 ชั่วโมง ต้องใช้เวลาถึง 12 ปี) ต้องขยัน อดทน
พี่ประชา
1. เริ่มลงทุนประมาณ 3 แสน แล้วเพิ่มเงินเป็น 10 ล้าน
2. ไม่จำเป็นต้องจบ Finance แต่อ่านงบการเงินควรเข้าใจแบบที่เจ้าของกิจการใช้ เช่น ดู ยอดขาย กำไร การเติบโต D/E margin
3. เริ่มต้นด้วย 56-1 อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ธุรกิจ เช่น กรุงเทพธุรกิจ ฐานเศรษฐกิจ ทันหุ้น ข่าวหุ้น
4. สิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกหุ้น คือ ศักยภาพในการเติบโตของบริษัทในระยะยาว
5. ใช้กราฟเพื่อดูว่า mass คิดยังไงมากกว่า แต่ชอบเปรียบเทียบภาพราคากับมูลค่า ว่าแตกต่างมากน้อยเพียงใด
6. เลือกหุ้นแบบ bottom up ผสม Top down จะดีที่สุด
7. ภาพแมคโคร เช่น QE ติดตามบ้าง ดูว่ามีผลต่อธุรกิจหรือไม่ แต่จริงๆ เน้นที่พื้นฐานกิจการมากกว่า
8. ถือหุ้น 3-10 ตัว ช่วงแรกชอบหุ้นตัวเล็ก หลังๆ เนื่องจาก พอร์ตใหญ่ขึ้น ถ้าจะเน้นตัวเล็กแบบเดิมคงต้องเพิ่มหุ้นประมาณ 20 ตัว ซึ่งไม่เหมาะกับตนเอง ดูไม่ไหว ก็มาเน้น big cap มากขึ้นแต่คงสัดส่วนจำนวนหุ้นเท่าเดิม
9. เลือกหุ้น Big Cap ที่มี Big Jump
10. case DCC ช่วงนั้นบริษัทอื่นกำไรลดลง แต่ทำไมบริษัทนี้ยังกำไรเพิ่มขึ้น ก็ไปศึกษาต่อ
11. case BGH เปรียบเทียบ Free cash flow ของบริษัท และยังมี room ให้โตได้อีกเยอะมาก ในขณะที่ผู้บริหารก็ซื้อตลอด มีแต่ฝรั่งเท่านั้นที่ขาย
12. มีความคิดวิเคราะห์ที่เป็นเป็นอิสระ
13. มีสไตล์เป็นของตนเอง วีไอหลายๆ คน เช่น บัฟเฟตต์ ลินซ์ โบลตัน สไตล์แตกต่างกัน แต่จุดร่วม คือ ซื้อกิจการในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่า
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 384
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Sharing การร่วมงาน 10ปี Thaivi 60 ปีปูชนียาจารย์
โพสต์ที่ 22
ขอขอบคุณ คุณ i-salmon และ คุณ TLSS สำหรับการแชร์ความรู้อย่างต่อเนื่องนะครับ
ขอขอบคุณ อาจารย์ไพบูลย์ อาจารย์นิเวศน์ และ วิทยากรทุกท่านที่มาให้ความรู้ แง่คิดกับพวกเราครับ
ขอขอบคุณพี่ๆทีมงาน คณะกรรมการ อนุกรรมการทุกท่านที่ร่วมแรงร่วมใจ มอบน้ำใจให้แก่กันจนงานนี้สำเร็จไปได้ด้วยดีครับ
ขอบคุณพี่ๆ ชาว thaivi ทุกท่านที่คอยสนับสนุนกิจกรรมของสมาคมในทุกด้านครับ
ภูมิใจที่ได้ตอบแทนthaivi และ ดีใจที่ thaivi เป็นส่วนหนึ่งที่ได้ช่วยเหลือสังคมครับ
ตอนที่ น้องตัวแทนจากมูลนิธิมาพูดหน้าห้องนี่ ซาบซึ้งครับ ผมขนลุกเลย
รู้สึกว่า สิ่งที่เราทำมันมีคุณค่าครับ
รู้สึกว่า VI อย่างเรา ไม่ใช่แค่ค้นหา "คุณค่า" อย่างเดียว
แต่สามารถสร้าง "คุณค่า" ให้กับสังคมได้ด้วยครับ
ขอขอบคุณ อาจารย์ไพบูลย์ อาจารย์นิเวศน์ และ วิทยากรทุกท่านที่มาให้ความรู้ แง่คิดกับพวกเราครับ
ขอขอบคุณพี่ๆทีมงาน คณะกรรมการ อนุกรรมการทุกท่านที่ร่วมแรงร่วมใจ มอบน้ำใจให้แก่กันจนงานนี้สำเร็จไปได้ด้วยดีครับ
ขอบคุณพี่ๆ ชาว thaivi ทุกท่านที่คอยสนับสนุนกิจกรรมของสมาคมในทุกด้านครับ
ภูมิใจที่ได้ตอบแทนthaivi และ ดีใจที่ thaivi เป็นส่วนหนึ่งที่ได้ช่วยเหลือสังคมครับ
ตอนที่ น้องตัวแทนจากมูลนิธิมาพูดหน้าห้องนี่ ซาบซึ้งครับ ผมขนลุกเลย
รู้สึกว่า สิ่งที่เราทำมันมีคุณค่าครับ
รู้สึกว่า VI อย่างเรา ไม่ใช่แค่ค้นหา "คุณค่า" อย่างเดียว
แต่สามารถสร้าง "คุณค่า" ให้กับสังคมได้ด้วยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 315
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Sharing การร่วมงาน 10ปี Thaivi 60 ปีปูชนียาจารย์
โพสต์ที่ 29
ขอบคุณมากครับ
-----------------------------------------
เกิดเหตุอะไร อย่าตื่นใจ ไปตามเขา
ปัญญาเรา มีหน้าที่ พิพากษา
ต้องดูน้ำ ดูลม ระดมมา
พิจารณา เชิงชั้น หมั่นตริตรอง
-----------------------------------------
ท่านพุทธทาสภิกขุ
เกิดเหตุอะไร อย่าตื่นใจ ไปตามเขา
ปัญญาเรา มีหน้าที่ พิพากษา
ต้องดูน้ำ ดูลม ระดมมา
พิจารณา เชิงชั้น หมั่นตริตรอง
-----------------------------------------
ท่านพุทธทาสภิกขุ