การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
whiteknight_p
Verified User
โพสต์: 315
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ เม.ย. 29, 2013 11:14 am | 0 คอมเมนต์
tum_H เขียน: ในสมัยพุทธกาล หญิงคนหนึ่งเป็นภรรยานายพรานซึ่งนายพรานมีนิสัยโหดร้าย จับดักสัตว์มาเป็นอาหาร
และนำมาขายอยู่ทุกวัน ทุกๆวันเธอก็เตรียมอุปกรณ์ในการล่าสัตว์ ปรณิบัติสามีตามหน้าที่ของภรรยา
มีผู้คนจำนวนมากสงสัยว่า เธอเป็นพระโสดาบันได้อย่างไร จึงเข้าไปทูลถามองค์สมเด็จพระบรมครู
ว่าเธอนั้น มีส่วนในการฆ่าเพราะได้เตรียมอุปกรณ์สำหรับการทำลายชีวิตสัตว์ให้สามี
พระพุทธองค์ตรัสว่า เธอนั้นไม่มีบาป เพราะเธอทำตามหน้าที่ภรรยาและไม่ได้มีความยินดีในการฆ่านั้น
เช่นเดียวกับท่านจักขุบาล เดินจงกลมเวลากลางคืน เดินไปเหยียบแมลงตายเป็นจำนวนมาก
รุ่งเช้ามีคนประทูลพระพุทธเจ้า ว่าท่านผิดศีล พระผู้ทรงคุณ ทรงตอบว่า บาปนั้นเกิดจากจิต
บุตรของเราไม่มีเจตนาในการฆ่า ย่อมไม่มีบาปแม้แต่น้อย
เช่นเดียวกับคนปรุงเนื้อสัตว์ไปถวายพระพุทธเจ้า พระองค์ก็ฉันตามปรกติ เพราะพระองค์ไม่ได้รู้ ได้เห็น
หรือ มีส่วนในการฆ่านั้น และในข้อห้ามเรื่องการฉันเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อหมี ก็มีที่มาจาก การที่พระไปธุดง
ในป่าหากกินเนื้อหมี หมีได้กลิ่น ก็ย่อมจะมาทำร้ายได้
สำคัญที่สุดคือใจครับ ถึงแม้ทำบุญมามากมาย ก่อนตายดันไปนึกถึงบาปที่เคยกระทำก็ต้องไปนรกก่อน
หมดกรรมถึงไปสวรรค์ได้ครับ เช่นเดียวกัน ทำบาปมามากมาย ก่อนตายนึกถึงบุญที่เคยทำมาแค่ครั้งเดียว
ก็ไปสวรรค์ก่อนเช่นกันครับ
เห็นด้วยกับคุณ tum_H ครับ เท่าที่ความรู้มีอันน้อยนิด ผมคิดว่าอยู่ที่เจตนาครับ
ขอบคุณครับ
-----------------------------------------
เกิดเหตุอะไร อย่าตื่นใจ ไปตามเขา
ปัญญาเรา มีหน้าที่ พิพากษา
ต้องดูน้ำ ดูลม ระดมมา
พิจารณา เชิงชั้น หมั่นตริตรอง
-----------------------------------------
ท่านพุทธทาสภิกขุ
Simply
Verified User
โพสต์: 150
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ เม.ย. 29, 2013 4:20 pm | 0 คอมเมนต์
ในหลักการพิจารณาเรื่องของกรรมนั้น พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้อย่างชัดเจนว่า....เจตนาหัง ภิกขะเว กัมมัง วะทามิ เจตะยิตวา กัมมัง กะโรติ กาเยนะ วาจายะ มะนะสา
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่า เจตนา คือ ตัวกรรม สัตว์ที่กระทำกรรมด้วยกาย วาจา ใจก็ดี ย่อมมีการปรุงแต่ง คือคิดนึกก่อนแล้วจึงทำ ดังนี้"
เจตนาก็ได้แก่ ความตั้งใจหรือความรับรู้ ซึ่งแบ่งไว้เป็น 3 อย่างคือ
บุรพเจตนา เจตนาก่อนทำ
มุญจนเจตนา เจตนาในเวลาทำ
อปราปรเจตนา เจตนาเมื่อได้ทำไปแล้ว
การกระทำโดยมีเจตนาเกิดขึ้นในตอนใดตอนหนึ่งถือว่าเป็นกรรมทั้งสิ้น ส่วนการกระทำที่ไม่มีเจตนา คือใจไม่ได้สั่งให้ทำ ไม่จัดว่าเป็นกรรม
ลองอ่าน...ปาณาติบาตที่ไม่บาป(ท่านพุทธทาสภิกขุ) มีคนถามท่านพุทธทาสแล้วท่านตอบดังนี้
http://www.thammasatu.net/forum/index.php?topic=4005.0
ผมเห็นด้วยกับที่คุณtum_Hเขียนไว้ครับ
Margin Of Safety+Intrinsic Value+Mr.Market
ขอบคุณอ.เกรแฮมที่ทำให้เกิด Value Investing
ขอบคุณบรรดาเหล่าVIทั้งหลายที่พิสูจน์คุณค่าที่แท้จริงของVI
ขอบคุณท่านดร.นิเวศน์ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าVIใช้ได้กับบ้านเรา
Simply
Verified User
โพสต์: 150
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ พ.ค. 06, 2013 3:26 pm | 0 คอมเมนต์
เพิ่งหาอ่านได้เจอจากข้อเขียนของท่าน ว.วชิรเมธี “เงินงอกงาม เพื่อธรรมงอกเงย” พูดถึง "กามโภคี"ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้
ในพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์ทรงบัญญัติเรียกบุคคลผู้ดำรงชีวิตครองเรือนว่า กามโภคี (ผู้บริโภคกามเป็นปกติ)บ้าง,ฆราวาส(ผู้อยู่ครองเรือน)บ้าง,คฤหัสถ์ (ผู้มีเหย้าเรือน) บ้าง โดยที่การดำรงชีวิตครองเรือนของบุคคลดังกล่าวนี้ มีทั้งปัญหามากน้อยแตกต่างกันไปตามลักษณะการใช้ชีวิต กล่าวคือ พวกที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม ได้แก่ พวกที่ดำรงชีวิตในลักษณะทอดทิ้งธรรมะ.ส่วนพวกที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจ และสังคมน้อยหรือไม่มีปัญหาเลย ได้แก่ พวกที่นำเอาธรรมะเข้าไปเป็นหลักใจ ในอันที่จะควบคุมความรู้สึกนึกคิด ความคิดเห็น อันเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมในด้านต่างๆ
รูปแบบการใช้ชีวิตของกามโภคีบุคคลนั้น ในทางพระพุทธศาสนา พระพุทธองค์ทรงจัดไว้ ๑๐ รูปแบบ ซึ่งมีหลักฐานดังที่ทรงแสดงแก่อนาถปิณฑิกคฤหบดี ในกามโภคีสูตร
พระพุทธเจ้าตรัสจำแนกกามโภคี คือ ชาวบ้าน ออกเป็น 10 ประเภท พร้อมทั้งส่วนดี ส่วนเสีย ของแต่ละประเภท มีใจความดังนี้
กลุ่มที่ 1 แสวงหาไม่ชอบธรรม
1. พวกหนึ่งแสวงหาทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม ได้ทรัพย์มาแล้ว ไม่เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งไม่เผิ่ื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี - ควรตำหนิทั้ง 3 สถาน
2. พวกหนึ่งแสวงหาทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม ได้ทรัพย์แล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข แต่ไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี - ควรตำหนิ 2 สถาน ควรชม 1 สถาน
3. พวกหนึ่งแสวงหาทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งเผื่อแผ่แบ่งปัน และใช้ทรัพย์นั้นทำความดี - ควรตำหนิ 1 สถาน ควรชม 2 สถาน
กลุ่มที่ 2 แสวงหาชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง
4. พวกหนึ่งแสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง ได้ทรัพย์มาแล้ว ไม่เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี - ควรตำหนิ 3 สถาน ควรชม 1 สถาน
5. พวกหนึ่งแสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข แต่ไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี - ควรตำหนิ 2 สถาน ควรชม 2 สถาน
6. พวกหนึ่งแสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งเผื่อแผ่แบ่งปัน และใช้ทรัพย์นั้นทำความดี - ควรตำหนิ 1 สถาน ควรชม 3 สถาน
กลุ่มที่ 3 แสวงหาชอบธรรม
7. พวกหนึ่งแสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม ได้ทรัพย์แล้ว ไม่เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี - ควรตำหนิ 2 สถาน ควรชม 1 สถาน
8. พวกหนึ่งแสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข แต่ไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี - ควรตำหนิ 1 สถาน ควรชม 2 สถาน
9. พวกหนึ่งแสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งเผื่อแผ่แบ่งปัน และใช้ทรัพย์นั้นทำความดี แต่ยังติดยังมัวเมาหมกมุ่น กินใช้ทรัพย์สมบัติโดยไม่รู้เท่าทันเห็นโทษไม่มีปัญญาที่จะทำตนให้เป็นอิสระ เป็นนายเหนือโภคทรัพย์ - ควรชม 2 สถาน ควรตำหนิ 1 สถาน
พวกพิเศษ แสวงหาชอบธรรมและกินใช้อย่างมีสติสัมปชัญญะ มีจิตใจเป็นอิสระ
10. พวกหนึ่งแสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข เผิื่อแผ่แบ่งปัน และใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ไม่ลุ่มหลง ไม่หมกมุ่นมัวเมา กินใช้ทรัพย์สมบัติ โดยรู้เท่าทัน เห็นคุณโทษ ทางดี ทางเสียของมัน มีปัญญาทำตนให้เป็นอิสระ เป็นนายเหนือโภคทรัพย์ - เป็นชาวบ้านชนิดที่เลิศประเสริฐ สูงสุด ควรชมทั้ง 4 สถาน
(สํ.สฬ. 18/631-643/408-145; องฺ.ทสก.24/91/188)
Margin Of Safety+Intrinsic Value+Mr.Market
ขอบคุณอ.เกรแฮมที่ทำให้เกิด Value Investing
ขอบคุณบรรดาเหล่าVIทั้งหลายที่พิสูจน์คุณค่าที่แท้จริงของVI
ขอบคุณท่านดร.นิเวศน์ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าVIใช้ได้กับบ้านเรา
Simply
Verified User
โพสต์: 150
ผู้ติดตาม: 0
จันทร์ พ.ค. 06, 2013 3:27 pm | 0 คอมเมนต์
พระพุทธองค์ ตรัสสรรเสริญรูปแบบการใช้ชีวิตของกามโภคีบุคคลประเภท ๑๐ ว่า “เป็นผู้เลิศ ประเสริฐ เป็นใหญ่สูงสุด ดีกว่าบรรดากามโภคีบุคคลทั้ง 9 ประเภท เปรียบเหมือนนมสดเกิดจากแม่โค นมข้นเกิดจากนมสด เนยข้นเกิดจากนมสด เนยใสเกิดจากเนยข้น หัวเนยใสเกิดจากเนยใส หัวเนยใสชาวโลกกล่าวกันว่าเป็นเลิศกว่านมสด เป็นต้น เหล่านั้น ฉันใด
บรรดากามโภคีบุคคล 10 ประเภทนี้ กามโภคีบุคคลที่แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม โดยกรรมไม่ชั่วร้าย ครั้นแสวงหาแล้วเลี้ยงตัวให้สุขสบาย ให้อิ่มหนำ แบ่งปัน ทำบุญ และไม่ละโมบ ไม่หมกมุ่น ไม่พัวพัน มีปกติเห็นโทษ มีปัญญาสลัดออก บริโภคโภคทรัพย์นี้ก็จัดว่า เป็นผู้เลิศ ประเสริฐ เป็นใหญ่ สูงสุด ดีกว่า ฉันนั้นเหมือนกัน”
Margin Of Safety+Intrinsic Value+Mr.Market
ขอบคุณอ.เกรแฮมที่ทำให้เกิด Value Investing
ขอบคุณบรรดาเหล่าVIทั้งหลายที่พิสูจน์คุณค่าที่แท้จริงของVI
ขอบคุณท่านดร.นิเวศน์ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าVIใช้ได้กับบ้านเรา