ใกล้ฟองสบู่ ?

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
ภาพประจำตัวสมาชิก
Lastpun
Verified User
โพสต์: 819
ผู้ติดตาม: 0

Re: ใกล้ฟองสบู่ ?

โพสต์ที่ 31

โพสต์

leky เขียน:ผมพอจะทันในยุคนั้นอยู่บ้างเพราะเป็นช่วงใกล้ ๆ เรียนจบ

ครั้งแรกที่รู้จักตลาดหุ้นน่าจะเป็นตอนราว ๆ ปี 36 ตอนนั้นจำได้ว่าหุ้นขึ้นเยอะ คนในครอบครัวก็เล่นหุ้น นอกจากนั้นเรื่องที่ดินก็ได้ยินมาก่อนหน้านั้นหลายปีว่าใครอยากรวยให้เล่นที่ดิน ตอนนั้นเคยไปดูบ้านแถวชานเมือง ชาวบ้านแถวนั้นบอกว่าบ.อสังหาฯรายหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์มากว้านซื้อที่ แถมยังถามคนที่บ้านว่าสนใจบ้างหรือเปล่า บ.อสังหาฯรายนั้นล้มหายไปหลังจากปี 40

ปี 37 ตลาดหุ้นไทยเปิดปีใหม่ขึ้นไปทำจุดสูงสุด 1700 กว่าจุด ตอนนั้นนลท.รายย่อย "อย่างมั่นใจ" พอหลังปีใหม่ถ้าผมจำไม่ผิดวันที่ 4 ม.ค. ฝรั่งเริ่มทิ้งกระหน่ำ ตอนนั้นรายย่อยคิดว่าแค่ตลาดปรับฐาน เข้าไปรับหวังได้ของถูก แต่สุดท้ายมันไหลลงอย่างไม่มีลิมิต ผมจำได้ว่าตอนผมเข้าไปดูห้องค้าหุ้นครั้งแรกตอนราว ๆ เดือนเม.ย. ตอนนั้น SET เหลือประมาณ 1000 จุดแล้ว ช่วงตลาดหุ้นร้อนแรง ปริมาณการซื้อขาย 1 หมื่นล้านต่อวัน (ตอนนั้นถือว่าสูง) ตอนซบเซาเหลือ 3 พันล้าน ตอนนั้นได้ยินบ่อย ๆ ว่ามีคนเล่นหุ้นจนหมดตัว

หลังจากนั้นพอมายุคบรรหารตลาดก็ผันผวน แต่ก็เริ่มออกอาการ มาหนักสุดตอนยุคชวลิต ตอนนั้นผมยังไม่ค่อยรู้เรื่อง รู้แต่ว่ามันมีข่าวลือว่าจะลดค่าเงินบาท รัฐบาลก็พยายามออกมาปฎิเสธ แต่หุ้นมันก็ไหลลง ยิ่งตอนมีข่าวว่าแบงค์เล็ก ๆ จะล้ม ตอนนั้นดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารเล็ก ๆ อย่างธ.แหลมทองคือ 16% ต่อปี!!!!! คนแห่ถอนเงินธนาคารศรีนครสาขาใหญ่ ธนาคารต้องสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าโดยการเอาเงินสดจำนวนมากมาตั้งให้ดูว่ามีเงินอยู่จริง ตอนแรกกระทรวงการคลังยังเอาเงินในคลังไปสกัดการเก็งกำไรของคนที่ทุบค่าเงินบาทด้วยซ้ำ แรก ๆ เหมือนจะสำเร็จคนชมเชยกันใหญ่

พอประกาศลดค่าเงินบาท ผมยังจำได้ว่าตลาดหุ้นแดงเถือก ฟลอร์ตกตลาดติดต่อกัน น่ากลัวกว่าวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์มาก ๆ ที่แสบที่สุดคือกว่ารัฐบาลจะประกาศลดค่าเงินบาทก็รออีกหลายวัน มีคนจำนวนหนึ่งได้ประโยชน์จากการขนเงินออกไปก่อน

คนที่เคยผ่านช่วงนั้นมาจะรับรู้ถึงความสิ้นหวังของคนไทย คนตกงานจำนวนมาก ใครที่ยังทำงานต่อได้ถือว่าโชคดีมาก ใครที่หางานใหม่ทำได้ถือว่าเป็นที่สุดของความโชคดี ไปที่ไหนก็มีแต่การเปิดท้ายขายของเอาของที่บ้านที่ไม่ใช้แล้วมาขาย รณรงค์กันให้ประหยัด หลายครอบครัวบ้านแตก คนฆ่าตัวตาย บางคนเรียนอยู่ต่างประเทศต้องกลับเมืองไทยเพราะค่าใช้จ่ายเพิ่มเป็นเท่าตัวครอบครัวไม่มีเงินส่งเรียนต่อ

จอร์จ โซรอส หลายคนอาจจะยกย่องนะ แต่ผมคนหนึ่งที่เคยเห็นประเทศชาติโดนแบบนี้ ผมบอกตามตรงว่ารับไม่ได้ครับ จริงอยู่ผมไม่เถียงว่าต้นตอของปัญหามันเกิดจากรัฐบาลบริหารงานห่วยแตก แต่ก็ต้องยอมรับว่าโซรอสเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ปัญหามันเกิดเร็วขึ้น มีอยู่ปีหนึ่งมีคนคิดจะเชิญโซรอสมาเล็คเชอร์ที่เมืองไทย แต่โดนต่อต้านจะเอา "อึ" ปาใส่จนต้องเลิกการมาเมืองไทย แนวทางการลงทุนของโซรอส ผมไม่คิดจะศึกษาเอามาใช้ เพราะเคยหากินบนความทุกข์ของคนไทย (ขออภัยที่ผมอาจจะพูดไม่ถูกใจสาวกของโซรอส)

เลย์แมน บราเธอร์ เข้ามาเป็นที่ปรึกษาปรส. แล้วก็อาศัยข้อมูลที่รู้ว่าทรัพย์สินตรงไหนดีตรงไหนไม่ดี สุดท้ายตั้งบ.มาซื้อทรัพย์สินตรงนั้นเสียเอง แล้วก็ให้ตีราคาต่ำ ๆ ตึกสวย ๆ บนถนนสุขุมวิทหลายแห่งนั่นแหละครับ สุดท้ายโดนเอาคืนตอนวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์

นายธนาคารทั้งหลาย ที่บริหารงานจนเกิดหนี้ NPL ก่อนปี 40 ตระกูลใหญ่ ๆ เป็นเจ้าของธนาคาร ได้รับการยกย่องเป็นเจ้าสัว มีหน้ามีตาทางสังคม แต่พอบริหารธุรกิจจนเจ๊ง NPL งอก กลับเอาเงินภาษีของ "คนไทย" ไปอุ้ม มันไม่ผิดหรอกครับ ที่คนเค้าบอกว่า "ล้มบนฟูก" สุดท้ายก็ยังเป็นเศรษฐีถึงบางตระกูลจะเสียธุรกิจธนาคารไปบ้าง ยุคปัจจุบันพอธนาคารแข็งแกร่ง เก็บค่าธรรมเนียมไม่ยั้ง ให้ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ ๆ เงินกู้สูง ๆ

สมัยนั้นธุรกิจสื่อสารบูมมาก โครงการในกระดาษเป็นหมื่น ๆ ล้านก็ขอกู้เงินได้ หุ้น IPO เข้าตลาดไม่ต้องพูดครับ ยกตัวอย่าง JAS 350 บาท TT&T ร้อยกว่าบาท

บางครั้งผมนึกถึงเรื่องสิ้นหวังที่คนไทยได้รับในครั้งนั้น มันเหมือนเกิดขึ้นไม่นาน บางเรื่องนึกแล้วก็เจ็บปวดไม่หาย แต่เวลาที่มันผ่านไปคนก็ค่อย ๆ ลืมเรื่องเหล่านี้ไปเหมือนมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ
สุดยอดครับเขียนมาเห็นทั้งภาพและก็รู้สึกถึงความกลัวได้เลย
WaayVI
Verified User
โพสต์: 234
ผู้ติดตาม: 0

Re: ใกล้ฟองสบู่ ?

โพสต์ที่ 32

โพสต์

เบื่อตรงที่ว่าหุ้นขึ้นมากๆ ทีไรก็มีแต่คนพูดถึงฟองสบู่

400 ก็ฟองสบู่

600-700 ก็ฟองสบู่

1000 ก็ฟองสบู่

1200 ก็โค.ตพ่อง ฟองสบู่

12xx-13xx โลกจะล่มสลาย

15xx ฟองสบู่ประเทศชาติเรากำลังเดินไปสู่ความตาย


...ตกลงเวลาตลาดยิ่งขึ้น โลกยิ่งแย่? แล้วตกลงจะมองแต่ตัวเลข Set index ไม่ดูกิจการกันแล้วเหรอไงนิ

ไม่ได้บอกว่ามันดีหรือไม่ดี อันนั้นแล้วแต่คนจะมองวิเคราะห์ แต่เอาอดีตมาคร่ำครวญตลอดเวลา หุ้นขึ้นทีผวาที


หุ้นขึ้นที ก็มานั่งบอกมือใหม่เยอะ หนังสือหุั้นเยอะ โลกจะแตกแล้ว

หุั้นขึ้นทีก็มาบอก ปี 40 ที...

ทำไมไม่ลองเปรียบเทียบ ดูว่าสถานการณ์โลกเป็นอย่างไร ในปัจจุบัน สถานะของประเทศเป็นอย่างไร

นโยบายประชานิยมมันกี่ % ทุนสำรองเป็นอย่างไร ความแข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนเป็นอย่างไร เทรนด์การออมลงทุนเป็นอย่างไร

...

บางทีมันก็แปลกๆ นะ จะว่าไป

ไม่ได้มองอะไรดีสุดโต่ง จะฟองสบู่หรือไม่ ไม่รู้ จะรู้เมื่อมันแตก

แต่มองที่กิจการกับเศรษฐกิจภาพรวม มองที่ set index แล้วบอกมันฟองสบู่มันไม่แปลกๆเหรอ สัดส่วนที่ set index มันขยายขึ้นมาเพราะอะไร หุั้นประเภทไหน แล้วเกี่ยวกับกิจการเราไหม มองอะไรแบบนี้อาจจะช่วยได้นะครับ
WaayVI
Verified User
โพสต์: 234
ผู้ติดตาม: 0

Re: ใกล้ฟองสบู่ ?

โพสต์ที่ 33

โพสต์

ตอนนี้เราอาจจะมองได้ว่า

สภาพคล่องล้นโลก เพราะทุกคนแย่งกันพิมพ์แบงก์
แต่สภาพคล่องอันนี้มันเป็นสภาพคล่องต่างชาติที่ใช้ซื้อสินทรัพย์
แล้ว สภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจล่ะ? เงินสดในมือกิจการทั้งหลายล่ะ แบงก์ไทยล่ะ ต้นตอของเงินอยู่ไหน อยู่ที่พวก QE? หรืออยู่ไหน?

ลองคิดว่าถ้า QE หายไปหมด ธุรกิจดำเนินได้ไหม แบงก์ไทยมีสภาพคล่องหรือไม่ หรือปกติ
ตอนนี้มีคนไปกู้เมืองนอกมาแบบตอน 40 เยอะไหม เป็นสัดส่วนเยอะไหม? ดอกเบี้ยเป็นอย่างไร 10% up แบบ ปี 40 ไหม?

ถ้าเกิดวันหนึ่ง สักพักจากนี้ พวกสภาพคล่องล้นโลกหายไป ลองมาจำแนกดูอีกว่า

- สภาพคล่อง QE เงินกงเต็กนั้น มันถูกใช้ไปทำอะไร มันไปซื้ออะไรมา แล้วถ้ามันถูกดึงกลับ อะไรจะถูกขาย ข้อหนึ่งละ
ราคาสินทรีพย์อาจจะร่วง เพราะไม่มีเงินล้นโลกมาซื้อ พวกสินทรัพย์หุั้น ที่ดิน เป็นอย่างไรดี อาจจะกลับมาราคาเหมาะสม หรืออาจจะไม่เปลี่ยน อันนี้ไม่รู้ เพราะเงินในประเทศก็อาจจะยังมี

- แล้วสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ ของภาคเอกชนประเทศเรา แบงก์ไทยเรา ที่มีเงินสด ที่มีสภาพคล่องปัจจุบันนี้ มันมาจาก QE หรือไม่ หรือมันมาจากไหน ถ้า เงินสดพวกนี้หายไป จะขาดสภาพคล่องไหม? จะดำเนินธุรกิจต่อไปได้ไหม กำลังซื้อคนจะหดไหม?

ลองนั่งจิตนาการดู นะครับ

ฟองสบู่แตกตายแบบสิ้นซาก แบบปี 40
ภาคธุรกิจเจ๊งระนาวจาก
1. เงินบาทลอยตัว หนี้ในสกุลตปท. ดับเบิ้ล แล้วตอนนี้ล่ะ ธุรกิจในประเทศการลงทุนในประเทศเรา มีสัดส่วนหนี้ในสกุลต่างชาตเท่าไหร่ แล้วเงินบาทแข็งไหม เงินกงเต็กจะถูกดับเบิ้ลค่าอีกหรือไม่ในสถานการณ์ปัจจุบัน
2. พอมีวิกฤต เงินลอยตัว หนี้ดับเบิ้ล สภาพคล่องหายเกลี้ยง แล้วไทยตอนนี้เงินสด ทุนสำรอง หรือสถานะทางการเงินของธนาคาร แหล่งเงินทุน เงินออม เงินนู่นนี่ในมือคนในประเทศ เรายังกลวงเหมือน 40ไหม? คิดดูเอา
3. ปล่อยสินเชื่อโดยกฏเกณฑ์หลวมๆห่วยแตก ที่โกงกันได้เละเทะแบบตอน 40 ยังมีอยู่ไหม มีกฏควบคุมมารองรับแล้วหรือยังจากบทเรียนคราวก่อน
4. ปัจจุบัน เงินออม เงินลงทุน เทรนด์ต่างๆ เงินที่เข้ามาในตลาดนั้น เป็นอย่างไร ต่างกับ 40 ไหม
ฯลฯ อีกมากมาย

ถามตัวท่านเอง

ท่านลงทุนแบบไหน พยายามคาดเดาตลาด พยายามแช่งให้เกิดฟองสบู่จะได้ซื้อของถูก ง่ายๆ ชิลๆ หรือ เลือกมองพื้นฐานกิจการ หากิจการดีราคาถูก ราคาเหมาะสม หรือมีโอกาสอนาคตที่ดี

มองอย่างเป็นกลาง อย่าวิ่งตามตัวเลข ท่านคงประสบความสำเร็จ แต่ถ้าหุ้นขึ้นแล้วท่องว่าฟองสบู่ หรือหุ้นขึ้นก็มองโลกแง่ดีสุดโต่ง กำไรโต 20-30% ทุกปี งี้ต้องเคาะขวา หรือ จับแพะชนแกะ โยงอันนั้นมาเข้าแก๊ป ฟองสบู่ story จะได้ครบ ประเทศชาติจะล่มจม หรือเราจะกลายเป็นเสือติดจรวดในยุคใหม่ ผมว่ายังไงก็ไม่ใช่การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: ใกล้ฟองสบู่ ?

โพสต์ที่ 34

โพสต์

ตอนนี้ถ้าตลาดกลายเป็นขาลง ภาพน่าจะใกล้เคียงกับรอบ เแฮมเบอร์เกอร์ มากกว่า ต้มยำกุ้ง นะครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Unstablemind
Verified User
โพสต์: 405
ผู้ติดตาม: 0

Re: ใกล้ฟองสบู่ ?

โพสต์ที่ 35

โพสต์

ผมบ่ฮู้ว่าฟองสบู่จะมาเมื่อไดแต่อยากขี่กระทิงจนได้ฮู้ว่ามันจะมันส์สักม่อกใดเอ้ยยยย :D
และเมื่อมันผะเลิืทจะได้ฮู้ว่าพอร์ทเองแกร่งสักม่อกใด :roll:
Its all about getting alpha.
superboy
Verified User
โพสต์: 1049
ผู้ติดตาม: 0

Re: ใกล้ฟองสบู่ ?

โพสต์ที่ 36

โพสต์

ผมคิดว่าเราอยู่ในฟองสบู่แล้วนะ. รอคนมาตีฟองเพิ่ม

เงินกู้. 2ล้านล้าน จะช่วยยั่งฟองสบู่หรือตีฟอง. รอดูกันต่อไป
อย่าหลุดแนวที่ตัวเองถนัด สู้สู้
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: ใกล้ฟองสบู่ ?

โพสต์ที่ 37

โพสต์

ผมเห็นด้วยกับนโยบาย 2 ล้านล้าน จะดีมากถ้าไม่มีการคอรัปชั่นมาเกี่ยวมากเกินไป

ประเทศเราขาดการลงทุนเรื่อง logistic ใหญ่ๆ มานานเป็นสิบปีแล้ว ถ้ายังอยากเจริญไปพร้อมกับ AEC และอยากกระจายไปสู่ชนบท และอยากเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ก็ควรลงทุนใน Infrastructure ซึ่งเห็นได้จากการตอบรับของภาคธุรกิจเอกชน ที่ขยายตัวไปรอรับตามหัวเมืองใหญ่ๆกันแล้ว

ความเห็นผม โครงการเหล่านี้จะเป็นทั้งการกระตุ้นการจ้างงานไปทั่วประเทศ การพัฒนาในระยะยาว (ดีกว่าอีกหลายโครงการที่ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ หรือไม่ก็บิดเบือนกลไกตลาด)
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

Re: ใกล้ฟองสบู่ ?

โพสต์ที่ 38

โพสต์

ตอนนี้ฟองสบู่ชัวร์ครับ หุ้นหลายตัวแพงเกินพื้นฐานไปมากจริงๆ

แต่ไม่ได้บอกว่าจะแตกตอนนี้นะครับ เพราะไม่ทราบจะแตกเมื่อไร ปีนี้ ปีหน้า

นักลงทุนก็ควรลงทุนอย่างระมัดระวัง

สำหรับมือใหม่ ที่กำไรเยอะ กำไรต่อเนื่อง ก็จะซ่าส์ไปสักพัก แล้วสุดท้าย ก็หายหัวไปเหมือนในอดีต

หากผู้หลักผู้ใหญ่เตือนแล้วไม่ฟัง ก็จะเป็นภัยแก่ตัวเอง และคนรอบข้างครับ
surapol
Verified User
โพสต์: 272
ผู้ติดตาม: 0

Re: ใกล้ฟองสบู่ ?

โพสต์ที่ 39

โพสต์

เงินกำลังหมุนไป พิมพ์เงิน กับ การเพิ่มกล้ามเนื้อ เพื่อใช้ในการแข็งขัน เมื่อเขาแข็งแรง

กระแสเงินน่าจะย้อนกลับไปยังผู้ที่แข็งแรงกว่า ว่าแต่ประเทศ ที่ได้อนิสงค์จากการขายยา

ขายอาหารสร้างกล้ามเนื้อให้กับพวกเขาในช่วงนี้ ได้เตียมตัวแค่ใหน สิ่งที่เห็น กับประเทศ

พวกนี้คือ

1. สร้างภาวะเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างมาก

2. การบริโภคส่วนเกินที่เกิดจากกำไร ของสินค้าที่แพงขึ้นด้วยเหตุผล การอ่อนแรงของประเทศ
เหล่านั้น สร้างความได้เปรียบในการค้าของโซนเอเซีย ขึ้นมา แต่จะยังยืนแค่ใหน?

2. พวกนายทุนเร่งสูบกำไร จากผู้คนที่หาเงินได้จากราคาส่วนเกิน ที่เกิดจากการอ่อนแรง

4. ผู้คนในสังคมเริ่มคึกคะนองว่าเอเซีย กำลังจะเป็นเสืออีกรอบ การใช้จ่ายผมว่าระมัดระวัง
น้อยลงไปมาก

5. ภาครัฐ ตืนตัวช้าไปมากจากปัญหาภายใน หรืออะไรก็แล้วแต่ทำให้เริ่มใช้โอกาศจากวิกฤติ
ช้าไปมาก จนบางครั้ง ผมว่าอาจช้าเกินไปแล้ว เพราะ อาจไม่ทันการณ์ การสร้างหนี้ในปริมาณ
ที่มากในช่วงนี้ น่าหว่งจริงๆ กว่าโครงการต่างๆที่สร้างไว้ จะส่งผลหรือ สะท้อนว่าเป็นฐานในการ
สร้างการเติบโตให้กับประเทศ อาจต้องใช้เวลาเป็น 10 ปี ซึ่งอาจไม่ทันการต่อความอ่อนแอของ
ภาคการเงิน ที่สะท้อน หรือส่งผลได้เร็วกกว่านั้นมาก

6. วงจรที่เกิดขึ้น เป็นเหมือน การมองกระจก รัฐมองประชาชน เห็นว่าไปได้ ก็พยายาม สะท้อนกลับ
ไปยังภาคประชาชนโดยมี นายทุนเป็นตัวเร่ง ประชาชนเห็นการขยายตัว หรือการขยายกิจการของ
นายทุน ดูแล้ว สร้างความมั่นใจในการบริโภคได้มาก ความสะดวกสบายในการบริโภคที่ง่ายขึ้น
ทำให้วงจรนี้เป็นไปด้วยอัตราเร่ง

สุรปฟองสบู่หรือไม่ มองรอบๆตัว ก็น่าจะตอบได้ สำหรับผม เงินกำลังหมุนไป สำหรับเขา เขาพิมพ์ เงินเพื่อสร้างกล้าม เนื้อ สำหรับประเทศเรา คิดว่าได้ไขมัน มากกว่า ประชาชนดูเหมือนจะไม่ค่อยมี
ระมัดระวัง ว่าทุกอย่างเสื่อมไปได้
Way of life is way of brain
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: ใกล้ฟองสบู่ ?

โพสต์ที่ 40

โพสต์

ตอนนี้ฟองสบู่หรือไม่ ผมไม่ทราบเหมือนกัน เพราะไม่รู้ว่า นิยามฟองสบู่มันเป็นยังไง

แต่ที่รู้คือ เร็วๆ นี้ ฟองสบู่ยังไม่แตก ตราบใดที่ยังมีกระทู้ มีข่าวเกี่ยวกับฟองสบู่ มากแบบนี้
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: ใกล้ฟองสบู่ ?

โพสต์ที่ 41

โพสต์

Nevercry.boy เขียน:กลับมาที่คำถามของเจ้าของกระทู้ ส่วนตัวผมสังเกตุอะไรว่าจะเกิดวิกฤต ผมจะให้ความสำคัญกับ สภาพคล่องอย่างมากครับ

สภาพคล่อง ไม่เหลือ และช่วงนั้นทุกครั้งที่ผมไปบรรยาย คำว่า liquidity คือสิ่งที่ผมจะต้องเน้นย้ำทุกครั้ง รพ. คอนโด สมัยนั้น utilization ต่ำมาก ๆ พวกคุณก็สร้างกันขึ้นไป สะสม assets แต่สุดท้ายขาดสภาพคล่อง แล้วเป็นไงกลายเป็น NPL ต้องขายทอดตลาด

สิ่งเหล่านั้นผมจำเข้ากระดูก จนปี 2007-2008 เมื่ออ่านหนังสือพิมพ์ ได้เห็นคำว่า credit crunch หรือสภาวะตึงตัวทางการเงิน หรือภาวะความต้องการเงินสดสูงกว่าปกติ ผมจะระมัดระวังอย่างสูงครับ สุดท้ายก็มี Bubble จริง ๆ

ปัจจุบัน (ส่วนตัว) ผมก็จะใช้ liquidity เป็น indicator สำคัญในการเฝ้าระวังครับ
อันนี้แหละครับ ปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้เกิดวิกฤต

ช่วงที่สภาพคล่องพีคที่สุด

แล้วตอนนี้จะพีคได้ไง ในเมื่อเมกายังพิมพ์แบ็งค์ไม่หยุด และญี่ปุ่นกำลังจะพิมพ์อีกล็อตใหญ่หลังแต่งตั้งผู้ว่า BOJ เสร็จ
Money Maker
Verified User
โพสต์: 73
ผู้ติดตาม: 0

Re: ใกล้ฟองสบู่ ?

โพสต์ที่ 42

โพสต์

เคยอ่าน Paper ของ TISCO มาช่วงต้นปี
ถ้าแบ่งตลาดเป็น 2 ตลาดใหญ่ๆ คือ SET 100 ซึ่งมี P/E เฉลี่ย 14x กับ Non-SET100 จะมี P/E 22x (ตอนนี้น่าจะสูงกว่านี้อีก) บางกลุ่มซึ่งไม่น่าจะต่ำกว่า 100 ตัว มี P/E เกิน 50x เสียอีก สรุปได้ว่าหุ้นจำนวนมากตอนนี้เป็นฟองสบู่ครับ ดูเป็นรายตัวไปดีกว่า

สิ่งที่ยากเกี่ยวกับฟองสบู่คือ แม้ว่าเป็นฟองสบู่แล้ว ไม่ได้แปลว่าฟองสบู่จะแตกตอนนี้ มันอาจถูกเป่าให้ใหญ่ขึ้นอีก หรือแตกเลยก็ได้....วัดใจ
oonngg51
Verified User
โพสต์: 332
ผู้ติดตาม: 2

Re: ใกล้ฟองสบู่ ?

โพสต์ที่ 43

โพสต์

ณ บัดNOW PTT PE = 9 หุ้นสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ผูกขาดกิจกรรมขายส่ง พลังงานให้ประเทศไทย , ผมขอมองว่า SET ไม่ได้ฟองสบู่ครับ .. ยังไม่ได้ปั่นกันไม่ลืมหูลืมตา

(ปล. นิยาย SET ฟองสบู่ของผม หมายถึง ปั่นเซตขึ้นแบบสูงเกินพื้นฐานมากๆ แล้วเวลาแตก SET จะลดลงราวๆ 40% +- เป็นอย่างน้อย)

หุ้นไทยตอนนี้ถูกปั่นเป็นตัวๆ เล่นกันเป็นตัวๆ และตอนนี้แมงเม่าฉลาดมากขึ้น คิดว่า eps q1/56 q2/56 ตัวไหนไม่ดี ไม่ได้ตามเป้าเนี่ย คงจะเทขาย รินขายกัน และ ดัชนีคงจะปรับตัวลดลง ไม่ไปไหนต่อจากจุดนี้มาก . . . . . แต่คงไม่ถึงกับเข้านิยายฟองสบู่แตก ( set ควรจะลดลง 0.4*1500 = 600 จุด เป็นอย่างน้อย)
เงินทองหน่ะมายา ข้าวปลาสิของจริง
ข้าวของเครื่องใช้ก็มายา สุขีใจกายถึงดีจริง
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11443
ผู้ติดตาม: 0

Re: ใกล้ฟองสบู่ ?

โพสต์ที่ 44

โพสต์

leky เขียน:พอประกาศลดค่าเงินบาท ผมยังจำได้ว่าตลาดหุ้นแดงเถือก ฟลอร์ตกตลาดติดต่อกัน น่ากลัวกว่าวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์มาก ๆ ที่แสบที่สุดคือกว่ารัฐบาลจะประกาศลดค่าเงินบาทก็รออีกหลายวัน มีคนจำนวนหนึ่งได้ประโยชน์จากการขนเงินออกไปก่อน
อยากช่วยแก้ไข และเพิ่มเติมครับ

ช่วงก่อนที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะประกาศลอยตัวค่าเงินบาท (ผู้ที่มีอำนาจในการกำหนดวิธีคำนวณอัตราแลกเปลี่ยน คือ ธปท. ไม่ใช่รัฐบาล) ตัวเลขส่งออกของไทยแย่มาก ซ้ำเติมตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่ขาดดุลเป็นประจำอยู่แล้ว จนตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดสูงถึง 8%ของ GDP

นักเศรษฐศาสตร์หลายท่านออกมาเตือนให้ลดค่าเงิน ที่จำได้ ก็มี อาจารย์วีรพงษ์ และอาจารย์อัมมาร สยามวารา แต่ ธปท.ก็ออกมาปฎิเสธข่าว ซึ่งก็มีการโจมตีค่าเงินบาทเป็นระยะๆ

จนถึงเช้าวันที่ 2 ก.ค. ธปท. ก็ออกมาประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ซึ่งส่วนใหญ่ก็คาดการณ์กันว่าค่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงจากประมาณ 25 บาท ลงไปที่ 28 ถึง 30 บาท

วันที่ประกาศลอยตัวนั้น ดัชนีหุ้นบวกอย่างมากนะครับ ไม่ได้ติดลบ

แต่เมื่อ IMF เข้ามาตรวจสอบ เพราะไทยต้องรับความช่วยเหลือทางการเงิน ก็พบว่าไทยไม่เหลือเงินทุนสำรองต่างประเทศแล้ว เนื่องจาก ธปท.ได้นำเงินไปต่อสู้จนหมด เมื่อทุกคนรุ้ฐานะที่แท้จริงแล้ว ค่าเงินบาทก็ไหลอย่างรวดเร็วลงไปถึง 56 บาท

ส่วนที่บอกว่าบางคนได้ประโยชน์จากการลดลงของค่าเงินบาท ผมว่านักธุรกิจบางคนที่พอจะวิเคราะห์ได้ก็พอจะคาดการณ์สถานการณ์ได้ครับ ช่วงนั้นผมทำงานสินเชื่อ ก็มีลูกค้าที่เดิมกู้ยืมเงินสกุลต่างประเทศมาแปลงเป็นสกุลเงินบาทก่อนลดค่าเงิน
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: ใกล้ฟองสบู่ ?

โพสต์ที่ 45

โพสต์

chatchai เขียน:
leky เขียน:พอประกาศลดค่าเงินบาท ผมยังจำได้ว่าตลาดหุ้นแดงเถือก ฟลอร์ตกตลาดติดต่อกัน น่ากลัวกว่าวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์มาก ๆ ที่แสบที่สุดคือกว่ารัฐบาลจะประกาศลดค่าเงินบาทก็รออีกหลายวัน มีคนจำนวนหนึ่งได้ประโยชน์จากการขนเงินออกไปก่อน
อยากช่วยแก้ไข และเพิ่มเติมครับ

ช่วงก่อนที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะประกาศลอยตัวค่าเงินบาท (ผู้ที่มีอำนาจในการกำหนดวิธีคำนวณอัตราแลกเปลี่ยน คือ ธปท. ไม่ใช่รัฐบาล) ตัวเลขส่งออกของไทยแย่มาก ซ้ำเติมตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่ขาดดุลเป็นประจำอยู่แล้ว จนตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดสูงถึง 8%ของ GDP

นักเศรษฐศาสตร์หลายท่านออกมาเตือนให้ลดค่าเงิน ที่จำได้ ก็มี อาจารย์วีรพงษ์ และอาจารย์อัมมาร สยามวารา แต่ ธปท.ก็ออกมาปฎิเสธข่าว ซึ่งก็มีการโจมตีค่าเงินบาทเป็นระยะๆ

จนถึงเช้าวันที่ 2 ก.ค. ธปท. ก็ออกมาประกาศลอยตัวค่าเงินบาท ซึ่งส่วนใหญ่ก็คาดการณ์กันว่าค่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงจากประมาณ 25 บาท ลงไปที่ 28 ถึง 30 บาท

วันที่ประกาศลอยตัวนั้น ดัชนีหุ้นบวกอย่างมากนะครับ ไม่ได้ติดลบ

แต่เมื่อ IMF เข้ามาตรวจสอบ เพราะไทยต้องรับความช่วยเหลือทางการเงิน ก็พบว่าไทยไม่เหลือเงินทุนสำรองต่างประเทศแล้ว เนื่องจาก ธปท.ได้นำเงินไปต่อสู้จนหมด เมื่อทุกคนรุ้ฐานะที่แท้จริงแล้ว ค่าเงินบาทก็ไหลอย่างรวดเร็วลงไปถึง 56 บาท

ส่วนที่บอกว่าบางคนได้ประโยชน์จากการลดลงของค่าเงินบาท ผมว่านักธุรกิจบางคนที่พอจะวิเคราะห์ได้ก็พอจะคาดการณ์สถานการณ์ได้ครับ ช่วงนั้นผมทำงานสินเชื่อ ก็มีลูกค้าที่เดิมกู้ยืมเงินสกุลต่างประเทศมาแปลงเป็นสกุลเงินบาทก่อนลดค่าเงิน
ขอบคุณครับที่ช่วยเพิ่มเติม เรื่องราวมันนานอาจจะลำดับได้ไม่ค่อยถูกต้องนัก

ตอนที่ไทยเอาทุนสำรองไปต่อสู้กับการโจมตีค่าเงินบาท มีรมต.คลังคือ คุณอำนวย วีรวรรณ จำได้ว่าช่วงแรกเหมือนจะชนะครับ แล้วสื่อก็ลงข่าวประมาณชื่นชมว่าสามารถสกัดนักค้าเงินได้

ส่วนตอนที่ลดค่าเงินบาท เคยอ่านหนังสือที่เขียนถึงเรื่องนี้ ตอนนั้นข้อมูลจากธปท.แจ้งไปทางนายกคือคุณชวลิตว่าจะไม่ลดค่าเงิน บิ๊กจิ๋วก็มาประกาศผ่านสื่อหลายครั้งว่าจะไม่มีการลดค่าเงิน จนตอนหลังมีการกลับลำทำให้บิ๊กจิ๋วหัวเสียไม่น้อย เพราะเหมือนไปประกาศว่าจะไม่ลดค่าเงินบาทแน่ ๆ แต่สุดท้ายก็กลายเป็นลด

ส่วนที่ผมบอกว่ามีธุรกิจบางแห่งได้ประโยชน์ ผมมองว่าการคาดการณ์ว่าจะลดค่าเงินมันก็เป็นไปได้ครับ แต่ปัญหาที่ทำให้ถูกครหาว่าอาจจะมีคนที่ได้ประโยชน์จากการที่ข้อมูลรั่วเพราะ รัฐบาลและธปท.ตัดสินใจลดค่าเงินบาท แต่กว่าจะประกาศออกไปก็ทิ้งช่วงเวลาไปหลายวันครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
skyearth
Verified User
โพสต์: 487
ผู้ติดตาม: 0

Re: ใกล้ฟองสบู่ ?

โพสต์ที่ 46

โพสต์

picatos เขียน:อ้าว... นี่เราไม่ได้อยู่ในฟองสบู่หรอกเหรอ?

ผมเข้าใจว่าตลาดแบบนี้แหละที่เรียกว่าฟองสบู่ เป็นฟองสบู่ที่ drive ด้วยสภาพคล่องที่ถูกอัดฉีดเข้ามาล้นโลก ส่วนจะแตกเมื่อไหร่นี่ไม่รู้เหมือนกันครับ รู้แต่ก่อนแตกนี่สนุ้กสนุก แต่หลังแตกนี่เซ็งเป็ดมากมาย
ถามพี่ picatos หน่อยครับ ทำไมถึงพี่คิดว่าเป็นฟองสบู่เหรอครับ (ไม่ได้มีเจตนากวนนะครับ)
พี่เอาอะไรเป็นตัววัดเหรอครับ ความรู้สึก, เงินนอก (เป็นเงินระยะสั้น หรือ ระยะยาว), รายรับ/รายจ่าย หรือ เอา p/e ตลาดเป็นเกณฑ์ครับ
และทำไมตลาดถึงกล้าให้ p/e รวมที่สูงขึ้น เป็นเพราะความคาดหวังใน growth ที่ดีขึ้น หรือ ถ้าเป็นเพราะเงินมันไม่มีที่ไปจริงๆ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีราคาที่สูงขึ้นตามรึปล่าว ไม่เว้นแม้แต่สภาพคล่องในตลาด หรือไม่, แล้วอสังหา, สินค้าอุปโภค บริโภค ตลอดจนปัจบัยที่ 6 เช่น รถยนต์ มือถือ. etc รวมทั้ง เงินเดือน

และ หุ้นที่ตลาดคาดการณ์ว่ามี growth สูงๆ และก็ให้ p/e ที่สูงตาม แบบนี้ควรเรียกว่าเป็นฟองสบู่หรือไม่ครับ

ปล. ไม่ได้มีเจตนากวนนะครับ แค่อยากถามความเห็นความรู้จากพี่ๆที่มีประสบการณ์ คือ คืออยากจะได้ความชัดเจนในการวิเคราะห์นะครับ เพื่อจะได้เตรียมการและเตรียมใจได้ว่าเมื่อไหร่ ควรจะระวังๆไว้ครับ ขอบคุณครับ
namdee
Verified User
โพสต์: 133
ผู้ติดตาม: 0

Re: ใกล้ฟองสบู่ ?

โพสต์ที่ 47

โพสต์

ฟองสบู่ ผมชอบครับ

ตราบใดที่มันยังไม่แตก

555+
ภาพประจำตัวสมาชิก
แงซาย
Verified User
โพสต์: 847
ผู้ติดตาม: 0

Re: ใกล้ฟองสบู่ ?

โพสต์ที่ 48

โพสต์

Free your life , Fly your love
woovi
Verified User
โพสต์: 63
ผู้ติดตาม: 0

Re: ใกล้ฟองสบู่ ?

โพสต์ที่ 49

โพสต์

ฟองสบู่ล้านเปอร์เซนต์ครับ

แต่ผมเชื่อว่าตราบใด PTT ยังไม่มา

มันไม่แตกหรอกครับ คคหสต คับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Financeseed
Verified User
โพสต์: 1304
ผู้ติดตาม: 0

Re: ใกล้ฟองสบู่ ?

โพสต์ที่ 50

โพสต์

กระทู้นี้ดี ขอบคุณครับ
มองวิกฤต หาโอกาส
http://link-seed.blogspot.com/
ภาพประจำตัวสมาชิก
picatos
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 3227
ผู้ติดตาม: 4

Re: ใกล้ฟองสบู่ ?

โพสต์ที่ 51

โพสต์

skyearth เขียน:
picatos เขียน:อ้าว... นี่เราไม่ได้อยู่ในฟองสบู่หรอกเหรอ?

ผมเข้าใจว่าตลาดแบบนี้แหละที่เรียกว่าฟองสบู่ เป็นฟองสบู่ที่ drive ด้วยสภาพคล่องที่ถูกอัดฉีดเข้ามาล้นโลก ส่วนจะแตกเมื่อไหร่นี่ไม่รู้เหมือนกันครับ รู้แต่ก่อนแตกนี่สนุ้กสนุก แต่หลังแตกนี่เซ็งเป็ดมากมาย
ถามพี่ picatos หน่อยครับ ทำไมถึงพี่คิดว่าเป็นฟองสบู่เหรอครับ (ไม่ได้มีเจตนากวนนะครับ)
พี่เอาอะไรเป็นตัววัดเหรอครับ ความรู้สึก, เงินนอก (เป็นเงินระยะสั้น หรือ ระยะยาว), รายรับ/รายจ่าย หรือ เอา p/e ตลาดเป็นเกณฑ์ครับ
และทำไมตลาดถึงกล้าให้ p/e รวมที่สูงขึ้น เป็นเพราะความคาดหวังใน growth ที่ดีขึ้น หรือ ถ้าเป็นเพราะเงินมันไม่มีที่ไปจริงๆ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีราคาที่สูงขึ้นตามรึปล่าว ไม่เว้นแม้แต่สภาพคล่องในตลาด หรือไม่, แล้วอสังหา, สินค้าอุปโภค บริโภค ตลอดจนปัจบัยที่ 6 เช่น รถยนต์ มือถือ. etc รวมทั้ง เงินเดือน

และ หุ้นที่ตลาดคาดการณ์ว่ามี growth สูงๆ และก็ให้ p/e ที่สูงตาม แบบนี้ควรเรียกว่าเป็นฟองสบู่หรือไม่ครับ

ปล. ไม่ได้มีเจตนากวนนะครับ แค่อยากถามความเห็นความรู้จากพี่ๆที่มีประสบการณ์ คือ คืออยากจะได้ความชัดเจนในการวิเคราะห์นะครับ เพื่อจะได้เตรียมการและเตรียมใจได้ว่าเมื่อไหร่ ควรจะระวังๆไว้ครับ ขอบคุณครับ
เอาเรื่องใกล้ตัวง่ายๆ ก็เป็นความรู้สึกที่เห็นคนรอบๆ ตัวเล่นหุ้นมากขึ้น คิดจะออกจากงานประจำมาลงทุนเต็มตัวมากขึ้น ทั้งๆ ที่พอร์ตเล็กนิดเดียว (วีไอสมัยก่อนออกมาลงทุนเต็มตัวตอนมีเงิน 10 ล้านบาทนี่ก็ถือว่าเร็วมาก และเสี่ยงมากแล้วนะครับ) ความคาดหวังว่าจะหาเงินได้ง่ายๆ สูงมาก ทั้งๆ ที่ประสบการณ์ความรู้มีน้อยนิด หนังสือหุ้นเต็มไปหมด งานสัมมนาหุ้นคนจองเต็มเร็วมาก ฯลฯ อีกมากมายที่ดูแค่นี้ก็รู้ว่ากระทิงตัวนี้ไม่ธรรมดา น่าจะอยู่ในระดับฟองสบู่

ข้อสังเกตแรกมาจากประสบการณ์ในตลาดประมาณ 10 ปี กับที่เคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนเกี่ยวกับบรรยากาศและสภาวะตลาดว่าคนในช่วงฟองสบู่เป็นอย่างไร? Irrational Exuberance เป็นอย่างไร? Herding Behaviour เป็นอย่างไร? Wealth Effect เป็นอย่างไร?... ซึ่งเหล่านี้จะเป็นศาสตร์เกี่ยวกับพวกเศรษฐศาสตร์เชิงพฤติกรรม


มาทางเศรษฐศาสตร์กระแสหลักหน่อยละกัน... อันนี่น่าจะเข้าถึงง่าย และไม่ค่อยเป็นปัจจัตตัง เท่ากับพวก Behavioural Economics... ตามปกติ ธรรมชาติของธุรกิจ และเศรษฐกิจ จะเป็น Cycle ของมันอยู่แล้ว... ในช่วงนี้เป็นช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีปัญหาหนัก ธนาคารกลาง และรัฐบาลจึงมีการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ด้วยการอัดเงินเข้าระบบ และ ใช้งบประมาณแบบขาดดุล ซึ่งความรู้ทางเศรษฐศาสตร์บอกว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจ สามารถทำได้ถึงแค่จุดหนึ่งเท่านั้น ไม่อย่างนั้นเศรษฐกิจจะพังหนัก จึงเดาได้เลยว่า ดอกเบี้ยที่ extremely low และ การขาดดุลงบประมาณวันหนึ่งจะต้องจบลงอย่างแน่นอน จึงอาจกล่าวได้ว่า นี้เป็นปัจจัยชั่วคราวที่ทำให้ผลประกอบการของธุรกิจดี

การกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว เป้าหมายของรัฐฯ คือ ต้องการให้อัตราการว่างงานลดลง ให้อยู่ในสภาวะที่กลับเข้าไปสู่ full employment อย่างไรก็ตามภายใต้กระบวนการดังกล่าว เงินที่อัดเข้ามาจะไปอยู่ในกระเป๋าคนรวย เข้าไปเป็น asset bubble ซะส่วนใหญ่ อันนี้มีทฤษฎีรองรับมากมาย หาอ่านได้ง่ายๆ ตามหนังสือเศรษฐศาสตร์... รัฐฯ รู้ว่าเงินไปอยู่ผิดที่ แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยเครื่องมือที่มีอยู่อย่างจำกัด รัฐฯ จำเป็นต้องทำอยู่ดี พยายามอย่างถึงที่สุดให้เงินถูกส่งผ่านเจ้าของกิจการ ไปสู่อัตราการว่างงานที่ต่ำลง ผลก็คือ เกิด asset bubble ปูดออกมาในทางใดก็ทางหนึ่ง... ลองไปหาอ่านพวก Wealth Effect ในทางเศรษฐศาสตร์ละกันนะครับ ถ้าจำไม่ผิด

ที่นี้ช่วงที่ผ่านมา เราก็เห็นว่ากำไรของกิจการในไทย โตขึ้นเพราะ มาตรการรัฐหลายๆ อย่าง การลดภาษี ดอกเบี้ยที่ต่ำเกินจริง ซึ่งวันหนึ่งต้องสูงขึ้น เพราะ มันจะไปทำให้เงินเฟ้อในระยะยาวมันสูงขึ้น... สิ่งนี้เรามั่นใจได้ว่า มันเป็นปัจจัยชั่วคราว... วันหนึ่งมันจะหมดไปอย่างแน่นอน

แต่ตลาดกลับสะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยการให้ P/E ที่สูงขึ้นมากกว่ากำไรที่สูงขึ้นเป็นอย่างมาก กำไรสูงขึ้นนิดเดียว แต่ให้ P/E สูงขึ้นมากๆ แถมกำไรที่ดีขึ้นก็เกิดจากปัจจัยชั่วคราวทางเศรษฐศาสตร์ ซึ่งถ้าเรามองภาพได้ครบ เราก็จะรู้ว่ากำไรในอนาคตจะลดลง ดังนั้น ในการทำ valuation เราควรที่จะไม่เพิ่ม P/E แต่ควรที่จะให้ P/E ที่ต่ำลงด้วยซ้ำ หากเรามองเห็นภาพของพื้นฐานหลายๆ อย่างได้ครบถ้วน... แต่ทำไมมันถึงเกิดสิ่งนี้ขึ้นได้ล่ะ... ทำไม P/E ถึงเพิ่ม ทั้งๆ ที่ growth ที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็น sustainable growth... สำหรับผม ความโลภ ความสำคัญผิด ความไม่รู้ น่าจะเป็นเหตุปัจจัยที่ทำให้เป็นฟองสบู่ และเป็นเหตุปัจจัยที่ทำให้ P/E สูงขึ้นเรื่อยๆ


สำคัญที่สุด... สิ่งที่ผมรู้สึก คือ ผมไม่ค่อยกล้าทำ valuation แบบละเอียดสักเท่าไหร่ ช่วงนี้เวลาทำทีไร ผมอยากขายหุ้นทุกที เพราะ เวลาผมทำ valuation ผมจะมองไปที่อัตราผลตอบแทนระยะยาว ซึ่งก็คือ การคำนวณหา Cost of Capital ที่สะท้อนกลับออกมาผ่านทางโมเดล DCF ซึ่งพอทำออกมาทีไร จะรู้สึกว่ามันเป็นการลงทุนที่ไม่ค่อยจะคุ้มค่าสักเท่าไหร่... ซึ่งก็เป็นอีกสัญญาณหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ฟองสบู่ไม่ใช่ว่าจะไม่ดีนะครับ... ฟองสบู่เป็นช่วงที่ทำให้เรารวยเร็วสุดๆ มันเป็นการดึงความเป็นไปดีๆ ในอนาคตทั้งหมดมา realize ในปัจจุบัน อย่างผมซื้อหุ้น ตามปกติผมต้องการอัตราผลตอบแทนระยะยาวสัก 15-20% วันดีคืนดีคนยอมซื้อมันแพงขึ้นๆ จนอัตราผลตอบแทนระยะยาวลดลงๆ เหลือ 10% 5% 3% 2% 1% จนผลตอบแทนติดลบ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่จะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลย หากไม่มีคนที่บ้าพอที่จะยอมซื้อของที่เราถือในราคาที่ชาตินี้เราจะไม่มีวันยอมซื้อ ถึงแม้จะเอาปืนมาจ่อหัวก็เถอะ...

ดังนั้นในช่วงฟองสบู่... เป็นช่วงที่วีไอควรที่จะ enjoy extraordinary gain ให้มาก ควรที่จะอดทนไม่ขาย ถึงแม้จะมีคนบ้าขนาดไหนมาเสนอซื้อหุ้นของเราในราคาที่ชาตินี้เราไม่เคยฝันว่าจะมีคนบ้าขนาดไหนมาขอซื้อเราสูงขนาดนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่า พรุ่งนี้มันอาจจะสูงกว่านี้ก็ได้...

แต่ผมจะไปขายตอนที่ อัตราผลตอบแทนระยะยาวเพิ่มขึ้นจาก 1% ไปเป็น 2% ไปเป็น 3% ซึ่งอาจจะหมายถึงหุ้นตกลง 20-30% ก็ได้ แต่สิ่งที่ผมได้คือ ผม realize ผลตอบแทนในอนาคตที่ผมไม่อาจจะหาได้หากผมลงทุนระยะยาวและไม่มีความบ้าคลั่งของตลาด... ซึ่ง ณ เวลานั้น ผมพร้อมที่จะโยนซ้าย ขายที่ floor แบบชิวๆ เพราะ ผมกำไรเยอะมากแล้ว และรู้ว่าถึงแม้จะขายที่ floor กำไรที่ผมได้ก็ยังเป็นกำไรในอนาคต ที่ผมจะไม่มีวันได้หากไม่เกิดฟองสบู่


สุดท้าย... ขอให้ทุกคนมีความสุขกับงานเลี้ยงอันสุดแสนจะมันอย่างสุดเหวี่ยงนี้นะครับ... สำหรับผม ผมยินดีที่จะอยู่เกินเที่ยงคืนนิดหน่อย ช่วยล้างจานสักใบสองใบ แต่คงจะไม่อยู่จนถึงเช้า ล้างจานไปเรื่อยๆ ด้วยความหวังว่า พรุ่งนี้เช้าจะมีงานเลี้ยงรอบใหม่
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
cobain_vi
Verified User
โพสต์: 358
ผู้ติดตาม: 0

Re: ใกล้ฟองสบู่ ?

โพสต์ที่ 52

โพสต์

รอบนี้ถ้าจะเกิดวิกฤติเพื่อนๆคิดว่าจุดเริ่มมาจากอะไรครับ เวลามองย้อนไปในอดีตเราเห็นผลลัพธ์แล้วมันทำให้เรามีกรณีศึกษาแต่วิกฤติแต่ระครั้งรูปแบบของมันมักเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม ตอนนี้สัญญาณหลายๆอย่างเริ่มคล้ายกับในอดีตเช่นทุกคนพูดแต่เรื่องหุ้น หุ้นบางตัวปั่นกันไปจนพีอี40-50เท่า มีการออกข่าวดีสารพัดetc
มรณฺง เม ภวิสฺสติ ความตายจักมีแก่เรา
drget
Verified User
โพสต์: 39
ผู้ติดตาม: 0

Re: ใกล้ฟองสบู่ ?

โพสต์ที่ 53

โพสต์

ผมเห็นด้วยกับท่านพีคาโทสครับ
แต่เป็นคนที่ไม่ชอบล้างจานครับ
ไม่ค่อยมีเวลา
ชอบนะครับคมดี
drget
Verified User
โพสต์: 39
ผู้ติดตาม: 0

Re: ใกล้ฟองสบู่ ?

โพสต์ที่ 54

โพสต์

ผมเห็นด้วยกับท่านพีคาโทสครับ
แต่เป็นคนที่ไม่ชอบล้างจานครับ
ไม่ค่อยมีเวลา
ชอบนะครับคมดี
NEWYORKER
Verified User
โพสต์: 164
ผู้ติดตาม: 0

Re: ใกล้ฟองสบู่ ?

โพสต์ที่ 55

โพสต์

ขอบคุณครับ คุณpicatos.
ภาวะดอกเบี้ยที่ต่ำติดดิน กับ ขาดดุลงบประมาณ เวลามันระเบิด จะเหมือน "โดมิโน" ไหมครับ?
เพราะพี่ใหญ่สุดเริ่มทำ พี่รอง พี่เล็กก็ตามๆกันมา.
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: ใกล้ฟองสบู่ ?

โพสต์ที่ 56

โพสต์

picatos เขียน:สุดท้าย... ขอให้ทุกคนมีความสุขกับงานเลี้ยงอันสุดแสนจะมันอย่างสุดเหวี่ยงนี้นะครับ... สำหรับผม ผมยินดีที่จะอยู่เกินเที่ยงคืนนิดหน่อย ช่วยล้างจานสักใบสองใบ แต่คงจะไม่อยู่จนถึงเช้า ล้างจานไปเรื่อยๆ ด้วยความหวังว่า พรุ่งนี้เช้าจะมีงานเลี้ยงรอบใหม่
ผมว่าเวลาที่มันเกิดฟองสบู่ ในส่วนของตลาดหุ้น ปัญหามันอยู่ที่คนส่วนใหญ่มักคิดว่าตัวเองจะออกจากงานเลี้ยงได้ก่อนคนอื่น แต่เอาเข้าจริง ๆ ก็กลายเป็นคนต้องล้างจานไปแบบไม่ทันตั้งตัว ดีไม่ดีจะแย่งกันออกจากงานจนล้มเหยียบกันนี่สิครับ

ส่วนผมเองขอคิดแบบนี้ครับ ผมขอออกจากงานก่อนเวลาบ้าง ถ้าขับรถมาก็จะได้ไม่ติดเวลาออกจากที่จอดรถ หรือถ้านั่งแท็กซี่มาก็จะได้ไม่ต้องมายืนรอแย่งรถกัน คนที่มาซื้อหุ้นต่อจากผม ๆ ก็ต้องขอขอบคุณเค้าที่อุตส่าห์มาซื้อหุ้นต่อจากผม เพราะเวลาตลาดเป็นขาลงหุ้นจะหาคนมาซื้อยาก ขายก็ไม่ได้ราคาดี ส่วนที่จะขายหมูไปบ้างก็ถือว่าให้โอกาสคนที่เค้ากล้าที่จะมาซื้อหุ้นราคาแพงต่อจากผมได้มีโอกาสกำไรบ้าง เพราะถ้าเค้าไม่มาขอซื้อหุ้นจากผม ๆ ก็คงขายหุ้นไม่ได้ ผมควรจะขอบคุณเค้ามากกว่าที่จะมากลัวว่าจะขายหมูไปบ้างครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: ใกล้ฟองสบู่ ?

โพสต์ที่ 57

โพสต์

ปริมาณซื้อขาย 86,000 ล้านบาทนี่พอจะใช้สื่อถึง ฟองสบู่ ได้หรือยังครับ
prichar s.
Verified User
โพสต์: 1426
ผู้ติดตาม: 0

Re: ใกล้ฟองสบู่ ?

โพสต์ที่ 58

โพสต์

สถาบัน 4,725.25 4,154.89 570.36

บัญชีบล. 6,724.63 7,379.15 -654.52

ต่างประเทศ 14,202.22 12,886.36 1,315.85

ในประเทศ 60,625.55 61,857.24 -1,231.69

มูลค่าการซื้อขายรวม 86,277.65 ล้านบาท



ดูที่ปริมาณซื้อขายของนักลงทุนในประเทศ(รายย่อย+ขาใหญ่)น่าจะชัดเจนกว่า
วันนี้ ราว 60,000 ล้านบาท ถ้าไม่ใช่ฟอง อย่างน้อยก็แสดงว่าเศรษฐกิจดี
เพราะคนไทยรวยจริง ๆ
wc
Verified User
โพสต์: 231
ผู้ติดตาม: 0

Re: ใกล้ฟองสบู่ ?

โพสต์ที่ 59

โพสต์

prichar s. เขียน:สถาบัน 4,725.25 4,154.89 570.36

บัญชีบล. 6,724.63 7,379.15 -654.52

ต่างประเทศ 14,202.22 12,886.36 1,315.85

ในประเทศ 60,625.55 61,857.24 -1,231.69

มูลค่าการซื้อขายรวม 86,277.65 ล้านบาท



ดูที่ปริมาณซื้อขายของนักลงทุนในประเทศ(รายย่อย+ขาใหญ่)น่าจะชัดเจนกว่า
วันนี้ ราว 60,000 ล้านบาท ถ้าไม่ใช่ฟอง อย่างน้อยก็แสดงว่าเศรษฐกิจดี
เพราะคนไทยรวยจริง ๆ
มีเงิน 1 ล้าน ถ้าในวันเดียวกัน
ซื้อ - ขาย 2รอบ Value จะเป็น 2 ล้านนะคับ
ถ้าในวันที่หุ้นขึ้นมากๆ Value อาจมากกว่า 2 ล้านเพราะมูลค่าเพิ่ม
โบร๊ครวยแน่นอน
Things are almost never clear on Wall Street,
or when they are, then it’s too late to profit from them.
wc
Verified User
โพสต์: 231
ผู้ติดตาม: 0

Re: ใกล้ฟองสบู่ ?

โพสต์ที่ 60

โพสต์

และ Value ตอนนี้ ก็ควรจะมากกว่าตอนที่ set อยู่ที่ 800 อยู่ 2 เท่า
เพราะหุ้นราคาแพงขึ้น 2เท่า

แต่อาจจะมากกว่า 2 เท่า เพราะบรรยากาศมันพาไป ทำให้เทรดกัน วันละหลายรอบ
เลยทำให้ Value มันดูเยอะ ทั้งๆที่จำนวนเงินอาจจะเท่าเดิม หรือเพิ่มขึ้นไม่มาก

ผิดถูกยังไง ช่วยแนะนำด้วยคับ :)
Things are almost never clear on Wall Street,
or when they are, then it’s too late to profit from them.