2012 Investment Diary
-
- Verified User
- โพสต์: 73
- ผู้ติดตาม: 0
2012 Investment Diary
โพสต์ที่ 1
อยากจะแชร์ข้อผิดพลาดเกี่ยวกับการลงทุนที่ทำในปีนี้ครับ ขอเชิญทุกๆ ท่านเข้ามาแบ่งปันประสบการณ์ด้วย
ความผิดพลาดทั้งหมดทั้งปวง มีปัจจัยหลักสำคัญมาจากการอดไม่ได้ที่ในใจจะมีความเห็นเกี่ยวกับภาวะตลาด เช่น ตอน SET 1,0xx ก็คิดว่าแพงแล้ว วิ่งมาตั้งแต่ปี 2009 อืม...ไม่ค่อยน่าลงทุน ตอน SET 1,1xx ยิ่งแพงเข้าไปใหญ่ ไม่น่าซื้อ วิ่งไป SET 1,2xx คิดว่าเดี๋ยวก็ลง สรุป กำลังเข้าใกล้ 1,400 แล้ว
ผลของการที่สนใจภาวะตลาดมากกว่าปัจจัยพื้นฐานของหุ้นตัวเอง ทำให้
1. ขายหมูไปหลายตัวมาก เพราะเอาราคาไปอิงกับกรอบ P/E ในอดึต
2. หุ้นตัวที่ถือ ก็ซื้อน้อยเกินไป เพราะคิดว่าเดี๋ยวก็มีจังหวะลงมาให้เก็บ พอหุ้นวิ่งขึ้น ก็ได้แต่เสียดาย หรือไม่ก็ตามไปเก็บที่ราคาแพงขึ้น อีกอย่างคือ ต้องออกแรงไปหาหุ้นตัวใหม่มาเก็บอีก
3. มีความต้องการจะถือเงินสดในจำนวนมากเกินไปตลอดเวลา ซึ่งอาการนี้ เป็นมาตั้งแต่ปี 09 แล้ว ทำให้ถือหุ้นเฉลี่ย (ที่ราคาต้นทุน) เพียง 60% ของ port มาตลอด ผลคือ performance โดยรวมต่ำกว่าที่ควรจะเป็นมาก
เฉพาะข้อ 3. ข้อเดียว ลองคำนวณดู ทำให้ port เล็กกว่าที่ควรจะเป็นไปมากเลย
ใครมีอะไร มาแชร์ๆ กันนะครับ
ความผิดพลาดทั้งหมดทั้งปวง มีปัจจัยหลักสำคัญมาจากการอดไม่ได้ที่ในใจจะมีความเห็นเกี่ยวกับภาวะตลาด เช่น ตอน SET 1,0xx ก็คิดว่าแพงแล้ว วิ่งมาตั้งแต่ปี 2009 อืม...ไม่ค่อยน่าลงทุน ตอน SET 1,1xx ยิ่งแพงเข้าไปใหญ่ ไม่น่าซื้อ วิ่งไป SET 1,2xx คิดว่าเดี๋ยวก็ลง สรุป กำลังเข้าใกล้ 1,400 แล้ว
ผลของการที่สนใจภาวะตลาดมากกว่าปัจจัยพื้นฐานของหุ้นตัวเอง ทำให้
1. ขายหมูไปหลายตัวมาก เพราะเอาราคาไปอิงกับกรอบ P/E ในอดึต
2. หุ้นตัวที่ถือ ก็ซื้อน้อยเกินไป เพราะคิดว่าเดี๋ยวก็มีจังหวะลงมาให้เก็บ พอหุ้นวิ่งขึ้น ก็ได้แต่เสียดาย หรือไม่ก็ตามไปเก็บที่ราคาแพงขึ้น อีกอย่างคือ ต้องออกแรงไปหาหุ้นตัวใหม่มาเก็บอีก
3. มีความต้องการจะถือเงินสดในจำนวนมากเกินไปตลอดเวลา ซึ่งอาการนี้ เป็นมาตั้งแต่ปี 09 แล้ว ทำให้ถือหุ้นเฉลี่ย (ที่ราคาต้นทุน) เพียง 60% ของ port มาตลอด ผลคือ performance โดยรวมต่ำกว่าที่ควรจะเป็นมาก
เฉพาะข้อ 3. ข้อเดียว ลองคำนวณดู ทำให้ port เล็กกว่าที่ควรจะเป็นไปมากเลย
ใครมีอะไร มาแชร์ๆ กันนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 172
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2012 Investment Diary
โพสต์ที่ 2
ความผิดพลาดคงเป็นที่มาลงทุนช้าไปสำหรับผมมาตอนดัชนี1300แล้วรู้ว่าตอนนี้หุ้นตัวดีๆมันก็ราคาสูงกันไปหมดแล้วครั้นจะไม่ซื้อก็กลัวว่าจะแพงขึ้นไปเรื่อยๆเลยกัดฟันเข้าซะก่อนแต่ยังไม่ทุ่มหมดเอาแค่30เปอร์ไปก่อนครั้งแรกถ้าเกิดไม่เป็นไปตามคาดจะได้ไม่เจ็บมากคงยึดหลักเลือกกิจการที่ดีและเน้นสภาพคล่องถ้าpanicอาจยังพอหนีได้ทันเพราะดูสถิติในอดีตหุ้นที่ว่าดีๆเวลาร่วงนี่ก็ร่วงได้ใจภาวนาอย่าเพิ่งpanicนะคร๊าบ555
- draco
- Verified User
- โพสต์: 230
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2012 Investment Diary
โพสต์ที่ 3
พูดชื่อหุ้นได้มั๊ยครับ ถ้าผิดกติการบกวนแอดมินลบได้เลยนะครับ
1.ขาย GL เมื่อราคา 25 หลังจากถือมาเป็นปี เนื่องจากถามลูกว่าถ้าผู้บริหารเปลี่ยนทีม แล้วผู้บริหารเก่าไปตั้งบริษัทมาแข่ง เราน่าจะขายก่อนมั๊ย แล้วลูกบอกว่าน่าจะขายก่อน ก็เลยขายไป ต่อมาคิดไปคิดมา ยังไง PE ก็ยังต่ำมาก น่าจะเสี่ยงน้อย และที่ผู้บริหารชุดใหม่พูดเป็นจริงก็น่าจะมีการเติบโตที่ดี เลยคิดว่าจะซื้อกลับ แต่ตอนนั้นราคามาที่ 27 ก็เลยคิดว่ารอราคาลงมาถึง 25 ค่อยซื้อ ปรากฎว่าหลังจากนั้นมันไม่ลงมาเลยครับ มีแต่ขึ้นไปเรื่อยๆ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าถ้าราคาพอใจ ไม่จำเป็นต้องต่อราคาจนถึงที่สุด ไม่งั้นอาจจะพลาดโอกาสได้
2.ถือ Banpu และ SSI โดยรอเมื่อไหร่มันจะ Turn Around ซะที แต่มันก็ไม่ Turn Around จนไปงาน Thai VI Meeting ไตรมาส 2 ได้ฟังข้อคิดจากเพื่อนๆว่าพอร์ตเราควรจะเป็นพอร์ตที่เรามั่นใจ ถือแล้วสบายใจ ไม่ต้องมาลุ้นว่าราคาถ่านหินจะขึ้นหรือจะลง ราคาเหล็กจะลงกว่านี้มั๊ย ซึ่งผมค่อนข้างจะเห็นด้วยและลืมหลักการนี้ไป ก็เลยขายทั้งคู่ พอขายเสร็จรู้สึกสบายใจไปเยอะเลยครับ เพราะไม่ต้องคอยมาติดตามราคาถ่านหิน Shale Gas จะเป็นยังไง และเหล็กจะลงอีกมั๊ย จะเพิ่มทุนได้มั๊ย ตลาดโลกจะบริโภคมากขึ้นหรือน้อยลง การขายหุ้นสองตัวนี้ไม่แน่ใจว่าตัดสินใจถูกหรือผิดในการลงทุน แต่คิดว่าตัดสินใจถูกในแง่ความสบายใจ และน่าจะถูกหลักการของวีไอ
ปีนี้มีความผิดพลาดสองจุดนี้ครับ รอฟังของท่านอื่นครับ
1.ขาย GL เมื่อราคา 25 หลังจากถือมาเป็นปี เนื่องจากถามลูกว่าถ้าผู้บริหารเปลี่ยนทีม แล้วผู้บริหารเก่าไปตั้งบริษัทมาแข่ง เราน่าจะขายก่อนมั๊ย แล้วลูกบอกว่าน่าจะขายก่อน ก็เลยขายไป ต่อมาคิดไปคิดมา ยังไง PE ก็ยังต่ำมาก น่าจะเสี่ยงน้อย และที่ผู้บริหารชุดใหม่พูดเป็นจริงก็น่าจะมีการเติบโตที่ดี เลยคิดว่าจะซื้อกลับ แต่ตอนนั้นราคามาที่ 27 ก็เลยคิดว่ารอราคาลงมาถึง 25 ค่อยซื้อ ปรากฎว่าหลังจากนั้นมันไม่ลงมาเลยครับ มีแต่ขึ้นไปเรื่อยๆ เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าถ้าราคาพอใจ ไม่จำเป็นต้องต่อราคาจนถึงที่สุด ไม่งั้นอาจจะพลาดโอกาสได้
2.ถือ Banpu และ SSI โดยรอเมื่อไหร่มันจะ Turn Around ซะที แต่มันก็ไม่ Turn Around จนไปงาน Thai VI Meeting ไตรมาส 2 ได้ฟังข้อคิดจากเพื่อนๆว่าพอร์ตเราควรจะเป็นพอร์ตที่เรามั่นใจ ถือแล้วสบายใจ ไม่ต้องมาลุ้นว่าราคาถ่านหินจะขึ้นหรือจะลง ราคาเหล็กจะลงกว่านี้มั๊ย ซึ่งผมค่อนข้างจะเห็นด้วยและลืมหลักการนี้ไป ก็เลยขายทั้งคู่ พอขายเสร็จรู้สึกสบายใจไปเยอะเลยครับ เพราะไม่ต้องคอยมาติดตามราคาถ่านหิน Shale Gas จะเป็นยังไง และเหล็กจะลงอีกมั๊ย จะเพิ่มทุนได้มั๊ย ตลาดโลกจะบริโภคมากขึ้นหรือน้อยลง การขายหุ้นสองตัวนี้ไม่แน่ใจว่าตัดสินใจถูกหรือผิดในการลงทุน แต่คิดว่าตัดสินใจถูกในแง่ความสบายใจ และน่าจะถูกหลักการของวีไอ
ปีนี้มีความผิดพลาดสองจุดนี้ครับ รอฟังของท่านอื่นครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2232
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2012 Investment Diary
โพสต์ที่ 4
ปีนี้เป็นปีที่ผมผิดหวังมากๆครับ แพ้ตลาดเยอะมาก โดยความผิดพลาดหลักๆคือ
1.ขายหมู(อีกแล้ว) หุ้นที่พลาดคือps sc rs
2.ผิดพลาดจากการได้แต่มองไม่ยอมซื้อทั้งๆที่ ณ เวลานั้นมีmosพอสมควร หุ้นที่ว่านี้คือmint maco bla singer
3.ขาดทุนจากการเลือกหุ้นผิดคิดว่าอุตสาหกรรมจะฟื้นเร็ว ทั้งที่ตัวผมเองเป็นคนคลั่งเทคโนโลยี หุ้นที่ว่านี้คือsis และยังมีอีกตัวแต่ผมยังไม่สามารถบอกได้ว่าพลาด ขอรอดูผลประกอบการสัก2-3qก่อน
ปล.ข้อ1และ2ทำเงินผมหายไปมากกว่าข้อ3เยอะมากๆๆๆๆๆๆ ข้อ3ขาดทุนจริงแต่เทียบไม่ได้เลยกับเงินที่หายไปจากข้อ1และ2
1.ขายหมู(อีกแล้ว) หุ้นที่พลาดคือps sc rs
2.ผิดพลาดจากการได้แต่มองไม่ยอมซื้อทั้งๆที่ ณ เวลานั้นมีmosพอสมควร หุ้นที่ว่านี้คือmint maco bla singer
3.ขาดทุนจากการเลือกหุ้นผิดคิดว่าอุตสาหกรรมจะฟื้นเร็ว ทั้งที่ตัวผมเองเป็นคนคลั่งเทคโนโลยี หุ้นที่ว่านี้คือsis และยังมีอีกตัวแต่ผมยังไม่สามารถบอกได้ว่าพลาด ขอรอดูผลประกอบการสัก2-3qก่อน
ปล.ข้อ1และ2ทำเงินผมหายไปมากกว่าข้อ3เยอะมากๆๆๆๆๆๆ ข้อ3ขาดทุนจริงแต่เทียบไม่ได้เลยกับเงินที่หายไปจากข้อ1และ2
นักเลงคีย์บอร์ด4.0
- TBJTBT
- Verified User
- โพสต์: 404
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2012 Investment Diary
โพสต์ที่ 5
ปีนี้พลาดตอนที่ set ทะลุ 1300 ได้ ผมขาย LTF ของเมื่อ 5 ปีปฏิทินที่แล้วออกมาหมด
กะว่าพอตลาดปรับฐานจะซื้อกลับเพื่อลดหย่อนภาษีต่อ
ปรากฏว่าตลาดปรับฐานนิดเดียว แล้ววิ่งต่อไม่หยุด สุดท้ายใกล้สิ้นปีแล้ว
เลยต้องเอาเงินจำนวนนั้นซื้อกลับไปในราคา NAV ที่สูงกว่าตอนขายไปค่อนข้างมาก
(NAV เพิ่มมาเกือบๆ 10% จากที่ขายไป)
กะว่าพอตลาดปรับฐานจะซื้อกลับเพื่อลดหย่อนภาษีต่อ
ปรากฏว่าตลาดปรับฐานนิดเดียว แล้ววิ่งต่อไม่หยุด สุดท้ายใกล้สิ้นปีแล้ว
เลยต้องเอาเงินจำนวนนั้นซื้อกลับไปในราคา NAV ที่สูงกว่าตอนขายไปค่อนข้างมาก
(NAV เพิ่มมาเกือบๆ 10% จากที่ขายไป)
-
- Verified User
- โพสต์: 312
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2012 Investment Diary
โพสต์ที่ 6
ตอบ จขกท. ที่เสียดายอยู่เพราะตลาดกระทิง ถ้าทำอย่างเดียวกันแต่ตลาดวิ่งตรงข้าม ... พี่อาจจะกลายเป็นโคตรเซียนตัดเซียนแบบทุกรายการทีวีต้องเชิญไปสัมภาษณ์เลยนะครับ ... ประเด็นคือจะบอกว่าไม่มีหลักการใดถูกเสมอไปและผิดเสมอไปหรอกครับ ลงทุนในแบบของเราและยึดมั่นในแนวทาง (อย่ามวยวัด) และอย่าหวั่นไหวไปตามตลาดหรือคนอื่น เพราะคนสำคัญที่เราแข่งด้วย คือ เราแข่งกับใจตัวเองครับ ... เมื่อใดเราโลภหุ้นจะมีแต่เสียกับเสีย .. ถ้าหุ้นขึ้นก็เสียดาย หุ้นลงก็เสียใจ
**หากฟังดูไม่เข้าหู โปรดอภัยด้วยนะครับ**
**หากฟังดูไม่เข้าหู โปรดอภัยด้วยนะครับ**
Invincible MOS is knowing what you're doing
-
- Verified User
- โพสต์: 2595
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2012 Investment Diary
โพสต์ที่ 8
ข้อผิดพลาด
1) ผมตั้งorderผิด...ซื้อWarrantในราคาหุ้นตัวเเม่ เลยได้ตัวลูกมาที่ราคาNew High...เเต่โชคดีที่หุ้นตัวนี้วิ่งขึ้นมาเกือบเด้งทั้งเเม่เเละลูก เเถมอนาคตของตัวธุรกิจยังเติบโตได้อีกมาก
2) หุ้นอีกตัวสอนให้ผมรู้ว่า "อย่ายึดติดราคาเป้าหมายมากไป"
หลังจากบริษัทได้รับผลกระทบพอสมควรจากการตั้งสำรองหนี้สูญตอนน้ำท่วม พอราคาหุ้นตัวนี้วิ่งถึงราคาเป้าหมายปี55ที่ผมคิดไว้ ผมขายทิ้ง ทั้งๆที่ตัวธุรกิจยังดีเเถมเติบโตขึ้นอีกจากการไปเปิดสาขาในอาเซียน ตอนนี้ราคาขึ้นไปเกือบ1เด้งเมื่อเทียบกับราคาที่ผมขายออกไปเเถมโบรกยังปรับราคาเป้าหมายขึ้นอีก
เเต่สุดท้ายอะไรเกิดขึ้นเเล้วดีที่สุด เมื่อประตูอีกบานหนึ่งปิด ประตูอีกบานก็เปิดเสมอ
1) ผมตั้งorderผิด...ซื้อWarrantในราคาหุ้นตัวเเม่ เลยได้ตัวลูกมาที่ราคาNew High...เเต่โชคดีที่หุ้นตัวนี้วิ่งขึ้นมาเกือบเด้งทั้งเเม่เเละลูก เเถมอนาคตของตัวธุรกิจยังเติบโตได้อีกมาก
2) หุ้นอีกตัวสอนให้ผมรู้ว่า "อย่ายึดติดราคาเป้าหมายมากไป"
หลังจากบริษัทได้รับผลกระทบพอสมควรจากการตั้งสำรองหนี้สูญตอนน้ำท่วม พอราคาหุ้นตัวนี้วิ่งถึงราคาเป้าหมายปี55ที่ผมคิดไว้ ผมขายทิ้ง ทั้งๆที่ตัวธุรกิจยังดีเเถมเติบโตขึ้นอีกจากการไปเปิดสาขาในอาเซียน ตอนนี้ราคาขึ้นไปเกือบ1เด้งเมื่อเทียบกับราคาที่ผมขายออกไปเเถมโบรกยังปรับราคาเป้าหมายขึ้นอีก
เเต่สุดท้ายอะไรเกิดขึ้นเเล้วดีที่สุด เมื่อประตูอีกบานหนึ่งปิด ประตูอีกบานก็เปิดเสมอ
คนเราจะมีความสุข มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามีเท่าไร เเต่ขึ้นกับว่า เราพอเมื่อไร
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
~หลวงพ่อชา สุภัทโท~
o
-
- Verified User
- โพสต์: 5011
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2012 Investment Diary
โพสต์ที่ 9
สำหรับผมปีนี้ ถือหุ้นน้อยตัวเกินไปและหลงรักหุ้นบางตัวมากเกินไป จนพลาดอย่างแรงงงง
------------------
หนี้เป็นพิษ
http://www.thorfun.com/story/view/UNUiTa7rWTxCAA06
ทำไมคนทั่วไปเป็นเศรษฐีเงินล้านไม่ได้
http://www.thorfun.com/story/view/UNfV5a7rWfg0AAVr
------------------
หนี้เป็นพิษ
http://www.thorfun.com/story/view/UNUiTa7rWTxCAA06
ทำไมคนทั่วไปเป็นเศรษฐีเงินล้านไม่ได้
http://www.thorfun.com/story/view/UNfV5a7rWfg0AAVr
-
- Verified User
- โพสต์: 297
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2012 Investment Diary
โพสต์ที่ 10
ตั้งเป้าหมายในปี 2012 ว่าภายใน 5 ปีจะมีชื่อติด 1 ใน 1000 เศรษฐีหุ้นไทย
ว่าแต่ มูลค่าเงินลงทุนต้องขนาดไหนครับเนี่ย
ว่าแต่ มูลค่าเงินลงทุนต้องขนาดไหนครับเนี่ย
-
- Verified User
- โพสต์: 2232
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2012 Investment Diary
โพสต์ที่ 11
พี่naijanถือหุ้นกี่ตัวเหรอครับที่ว่าถือน้อยตัวเกินไป ขออนุญาติถามนิดนึงครับnaijan เขียน:สำหรับผมปีนี้ ถือหุ้นน้อยตัวเกินไปและหลงรักหุ้นบางตัวมากเกินไป จนพลาดอย่างแรงงงง
------------------
หนี้เป็นพิษ
http://www.thorfun.com/story/view/UNUiTa7rWTxCAA06
ทำไมคนทั่วไปเป็นเศรษฐีเงินล้านไม่ได้
http://www.thorfun.com/story/view/UNfV5a7rWfg0AAVr
นักเลงคีย์บอร์ด4.0
- peacedev
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2012 Investment Diary
โพสต์ที่ 12
ชอบครับyakjabon เขียน:ตอบ จขกท. ที่เสียดายอยู่เพราะตลาดกระทิง ถ้าทำอย่างเดียวกันแต่ตลาดวิ่งตรงข้าม ... พี่อาจจะกลายเป็นโคตรเซียนตัดเซียนแบบทุกรายการทีวีต้องเชิญไปสัมภาษณ์เลยนะครับ ... ประเด็นคือจะบอกว่าไม่มีหลักการใดถูกเสมอไปและผิดเสมอไปหรอกครับ ลงทุนในแบบของเราและยึดมั่นในแนวทาง (อย่ามวยวัด) และอย่าหวั่นไหวไปตามตลาดหรือคนอื่น เพราะคนสำคัญที่เราแข่งด้วย คือ เราแข่งกับใจตัวเองครับ ... เมื่อใดเราโลภหุ้นจะมีแต่เสียกับเสีย .. ถ้าหุ้นขึ้นก็เสียดาย หุ้นลงก็เสียใจ
**หากฟังดูไม่เข้าหู โปรดอภัยด้วยนะครับ**
http://peacedev.wordpress.com
"The Quant"
"The Quant"
- Saran
- Verified User
- โพสต์: 2377
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2012 Investment Diary
โพสต์ที่ 13
เป็นความโชคดีของผมอีกปีหนึ่งที่เอาชนะตลาดได้ แม้จะไม่ได้มากมายนัก บทเรียนที่ได้จากปีนี้คือ
- ในช่วงตลาดหุ้นเป็นขาขึ้น ต้องยิ่งระวังให้มากขึ้น อย่าหลวมตัวไปซื้อหุ้นพื้นฐานต่ำ ราคาปานกลางมาเชียว
- value มันเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ อย่าไปกะเกณฑ์มันเป็นตัวเลขให้ชัดเจนมากนัก มีอยู่ 1-2 ตัวที่ผมพยายามซื้อขายเป็นรอบ สุดท้ายแม้
จะได้กำไรมากกว่าถือยาวก็จริง แต่มันทำให้เราหมกหมุ่นกับราคามากเกินไป สู้เอาเวลาที่เหลือไปวิเคราะห์หาหุ้นตัวอื่นจะดีกว่า
- การหลงรักหุ้นที่ถืออยู่มากเกินไป มีส่วนทำให้ผลตอบแทนลดลงอย่างมาก
- จะเป็นการดีกว่าถ้าดูราคาหุ้นเฉพาะเวลาตลาดปิด มีส่วนอย่างมากที่ช่วยให้เราคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผลมากขึ้น
- แม้ว่าหุ้นตัวนั้นจะมีพื้นฐานที่ดีมากยังไง ราคาที่เข้าลงทุนยังไงๆก็สำคัญกว่า
- ถามเยอะๆ อ่านเยอะๆ พี่ๆในนี้ใจดีกันทั้งนั้น แล้วคุณจะได้ความรู้ดีๆกลับไป
มีความสุขกับการลงทุนนะครับ
- ในช่วงตลาดหุ้นเป็นขาขึ้น ต้องยิ่งระวังให้มากขึ้น อย่าหลวมตัวไปซื้อหุ้นพื้นฐานต่ำ ราคาปานกลางมาเชียว
- value มันเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ อย่าไปกะเกณฑ์มันเป็นตัวเลขให้ชัดเจนมากนัก มีอยู่ 1-2 ตัวที่ผมพยายามซื้อขายเป็นรอบ สุดท้ายแม้
จะได้กำไรมากกว่าถือยาวก็จริง แต่มันทำให้เราหมกหมุ่นกับราคามากเกินไป สู้เอาเวลาที่เหลือไปวิเคราะห์หาหุ้นตัวอื่นจะดีกว่า
- การหลงรักหุ้นที่ถืออยู่มากเกินไป มีส่วนทำให้ผลตอบแทนลดลงอย่างมาก
- จะเป็นการดีกว่าถ้าดูราคาหุ้นเฉพาะเวลาตลาดปิด มีส่วนอย่างมากที่ช่วยให้เราคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผลมากขึ้น
- แม้ว่าหุ้นตัวนั้นจะมีพื้นฐานที่ดีมากยังไง ราคาที่เข้าลงทุนยังไงๆก็สำคัญกว่า
- ถามเยอะๆ อ่านเยอะๆ พี่ๆในนี้ใจดีกันทั้งนั้น แล้วคุณจะได้ความรู้ดีๆกลับไป
มีความสุขกับการลงทุนนะครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 274
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2012 Investment Diary
โพสต์ที่ 14
เป็นหัวข้อที่ดีมากครับ ถกเรื่องข้อผิดพลาดและข้อที่ทำถูกเพื่อเตือนตัวเองและคนอื่น และนำไปแก้ไขดีกว่าถกกันเรื่อง Port ฉันใหญ่เท่านี้โตเท่านั้น ผมว่าทำให้เกิดการเปรียบเทียบและบางครั้งก็บันทอนกำลังใจด้วย ที่มีคำกล่าวว่า "คนที่ไม่เคยทำผิดพลาด คือคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย" เห็นจะจริงครับ คิดว่าแม้แต่ GURU ทุกคนก็มีผิดพลาดกันทั้งนั้น
ฉะนั้นคนที่ลงทุนได้ดีสุดน่าจะมีข้อผิดพลาดน้อยที่สุดครับ เหมือน Federer นักเทนนิสที่บอกว่า คนที่ชนะคือคนตีผิดพลาดน้อยสุด ให้กำลังใจทุกคนสู้ต่อไปน่ะครับ เพื่อปีหน้าจะได้ดีกว่าปีนี้ครับ สุขสันต์วันปีใหม่ทุกคนคร๊าบบ
ฉะนั้นคนที่ลงทุนได้ดีสุดน่าจะมีข้อผิดพลาดน้อยที่สุดครับ เหมือน Federer นักเทนนิสที่บอกว่า คนที่ชนะคือคนตีผิดพลาดน้อยสุด ให้กำลังใจทุกคนสู้ต่อไปน่ะครับ เพื่อปีหน้าจะได้ดีกว่าปีนี้ครับ สุขสันต์วันปีใหม่ทุกคนคร๊าบบ
-
- Verified User
- โพสต์: 100
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2012 Investment Diary
โพสต์ที่ 15
ปีนี้ผลตอบแทนการลงทุน 100% แต่มีข้อผิดพลาดมากมาย
ต้นปี ขายหมู siri ขายไปตอนบาทกว่าๆ ตั้งแต่เดือนมกรา
Demco ตามมาตั้งแต่สามบาท แต่ตัดสินใจซื้อตอน 5 บาทกว่า เพราะดูธุรกิจไม่ขาด
หุ้นยานยนต์และสินเชื่อไม่ได้ซื้อไว้เลย ทั้งที่ผลประกอบการดีมากหลายตัว และเห็นชัดเจนด้วย
ปลายปี ตกรถ pae อย่างแรง. ตามมาตั้งแต่กลางปี ขายหุ้นเพิ่มทุน. ผู้บริหารหย่ายขายหุ้น. งบq3 ออก ราคาตกลงมา 0.77 บาท และรู้ว่างบหลัง q4 จะดีขึ้นเรื่อยๆ
แต่ราคามาเร็วและแรงแซงทางโค้ง ไม่กล้าเข้าจริงๆ ได้แต่มองตาปริบๆ
ข้อผิดพลาดปีนี้หลักๆคือ การยึดติดกับข้อมูลเชิงปริมาณ. ตัวเลข ราคาเป้าหมายมากเกินไป. ควรให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ตัวรูปแบบธุรกิจ. อุตสาหกรรม. ผู้บริหาร ข้อมูลเชิงคุณภาพมากขึ้น. มองให้เป็นการลงทุนในธุรกิจไม่ใช่ตัวเลขที่วิ่งไปมาบนกระดาน
ต้นปี ขายหมู siri ขายไปตอนบาทกว่าๆ ตั้งแต่เดือนมกรา
Demco ตามมาตั้งแต่สามบาท แต่ตัดสินใจซื้อตอน 5 บาทกว่า เพราะดูธุรกิจไม่ขาด
หุ้นยานยนต์และสินเชื่อไม่ได้ซื้อไว้เลย ทั้งที่ผลประกอบการดีมากหลายตัว และเห็นชัดเจนด้วย
ปลายปี ตกรถ pae อย่างแรง. ตามมาตั้งแต่กลางปี ขายหุ้นเพิ่มทุน. ผู้บริหารหย่ายขายหุ้น. งบq3 ออก ราคาตกลงมา 0.77 บาท และรู้ว่างบหลัง q4 จะดีขึ้นเรื่อยๆ
แต่ราคามาเร็วและแรงแซงทางโค้ง ไม่กล้าเข้าจริงๆ ได้แต่มองตาปริบๆ
ข้อผิดพลาดปีนี้หลักๆคือ การยึดติดกับข้อมูลเชิงปริมาณ. ตัวเลข ราคาเป้าหมายมากเกินไป. ควรให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ตัวรูปแบบธุรกิจ. อุตสาหกรรม. ผู้บริหาร ข้อมูลเชิงคุณภาพมากขึ้น. มองให้เป็นการลงทุนในธุรกิจไม่ใช่ตัวเลขที่วิ่งไปมาบนกระดาน
-
- Verified User
- โพสต์: 1161
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2012 Investment Diary
โพสต์ที่ 16
ข้อผิดพลาดในปีนี้คือ
- ขี้เกียจวิเคราะห์หุ้นเท่าที่ควร ต้นปีตั้งใจว่าจะวิเคราะห์หุ้นแบบละเอียดให้ได้อย่างน้อยสัก 30-40 ตัว แต่ทำได้แค่ หลัก 10 ต้นๆ หลายๆตัวไม่ได้ซื้อทั้งๆที่เล็งเอาไว้เพราะความขี้เกียจนี่แหล่ะ
- การปรับพอร์ตช้าเกินไป หุ้นบางตัวซื้อเอาไว้ถึงจะไม่มาก แต่พอธุรกิจแย่ ราคาหุ้นลง ก็ตัดสินใจช้าเกินไป คิดแต่ว่าเงินเล็กน้อย ทั้งๆที่สร้างนิสัยที่ไม่ดีเลย
-ยังใช้อารมณ์ในการตัดสินใจในบางครั้ง เช่นตั้งใจจะซื้อแต่ต่อราคาให้ลงมาอีกหน่อย ปรากฏว่าซื้อไม่ได้ต้องตามไปซื้อแพงกว่่าเดิมทุกที
ยังต้องพัฒนาอีกมากเลย
- ขี้เกียจวิเคราะห์หุ้นเท่าที่ควร ต้นปีตั้งใจว่าจะวิเคราะห์หุ้นแบบละเอียดให้ได้อย่างน้อยสัก 30-40 ตัว แต่ทำได้แค่ หลัก 10 ต้นๆ หลายๆตัวไม่ได้ซื้อทั้งๆที่เล็งเอาไว้เพราะความขี้เกียจนี่แหล่ะ
- การปรับพอร์ตช้าเกินไป หุ้นบางตัวซื้อเอาไว้ถึงจะไม่มาก แต่พอธุรกิจแย่ ราคาหุ้นลง ก็ตัดสินใจช้าเกินไป คิดแต่ว่าเงินเล็กน้อย ทั้งๆที่สร้างนิสัยที่ไม่ดีเลย
-ยังใช้อารมณ์ในการตัดสินใจในบางครั้ง เช่นตั้งใจจะซื้อแต่ต่อราคาให้ลงมาอีกหน่อย ปรากฏว่าซื้อไม่ได้ต้องตามไปซื้อแพงกว่่าเดิมทุกที
ยังต้องพัฒนาอีกมากเลย
ไม่ควรลงทุนอะไร ถ้าไม่รู้สึกสบายใจในสิ่งนั้น
-
- Verified User
- โพสต์: 390
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2012 Investment Diary
โพสต์ที่ 17
ข้อผิดพลาดก็คือ ความขี้เกียจ และ การผลัดวันประกันพรุ่ง ในการศึกษาข้อมูลบริษัทที่จะเข้าไปลงทุนนั่นแหละครับ
ซึ่งก็คล้ายคลึงกับ คุณ kraikria ครับ
เคยตั้งใจว่าจะอ่านรายงาน 56-1 ให้ได้อย่างน้อย อาทิตย์ละ 2 บริษัท
แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ก็มักจะมีเหตุผลเข้าข้างความขี้เกียจ ทำให้ผลัดแล้วผลัดอีกครับ
ซึ่งก็คล้ายคลึงกับ คุณ kraikria ครับ
เคยตั้งใจว่าจะอ่านรายงาน 56-1 ให้ได้อย่างน้อย อาทิตย์ละ 2 บริษัท
แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ก็มักจะมีเหตุผลเข้าข้างความขี้เกียจ ทำให้ผลัดแล้วผลัดอีกครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 312
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2012 Investment Diary
โพสต์ที่ 19
ไม่ได้อยู่คนเดียวแน่นอนครับในเว็ปนี้ .. ผมว่า 56-1 มันเหมือนหนังสือการ์ตูนของชาว VI อะครับ .. ยิ่งอ่าน ยิ่งสนุก ยิ่งอยากรู้ ยิ่งอยากเข้าใจ ยิ่งคิดว่ามันจะเป็นไปได้มั้ย แล้วมันน่าติดตามต่อมั้ย แล้วมันจะตายตอนจบหรือเปล่า แล้ว .. แล้ว ... ... ..stevejob เขียน:อ่านความเห็นข้างบน เรื่องอ่าน 56-1แล้วดีใจจัง ว่าเราไม่ได้เป็นคนเดียว อิอิ
(รู้สึกผิดน้อยลงนิดนึง 555 แต่ปีหน้าเริ่มต้นใหม่ จะเริ่มอ่านทุกวันตั้งแต่วันปีใหม่เลยเชียว)
ผมว่าอีกเคล็ดลับที่สำคัญ คือ อ่านเฉพาะตอนที่เรารู้สึกอยากจะอ่าน อยากจะหาธุรกิจใหม่ๆ อยากจะเข้าใจมัน เพราะถ้าเราตั้งเกณฑ์เพียงเพื่ออ่านให้ได้ตามเป้า เราอาจจะไม่ได้เก็บอะไรออกมาเลย แถมรู้เพียงผิวเผินพลาดไปซื้อหุ้นตามนั้น อาจโดนกับระเบิดเข้าอีกครับ ผมว่ามันมีความลึกซึ้งต่างกันระหว่างคนที่พิมพ์รูปขายให้ได้วันละร้อยรูปกับจิตรกรที่ใช้วิญญาณบรรเลงจินตนาการลงในภาพให้ได้หนึ่งรูปในวันเดียว
Invincible MOS is knowing what you're doing
-
- Verified User
- โพสต์: 73
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2012 Investment Diary
โพสต์ที่ 20
ลืมนับข้อนี้ไป ผมก็ผิดพลาดอย่างแรงในข้อนี้ ตามตารางเมื่อทำไว้ปีที่แล้ว ตั้งใจจะไล่อ่าน 56-1 ทุกวันวันละตัว แต่สรุปฟิตอยู่ได้แค่เดือนมกราครึ่งเดือนแรก หลังจากนั้น อ่านเมื่อมีอารมณ์ ประมาณเดือนละตัวสองตัวtigerroad197 เขียน:ข้อผิดพลาดก็คือ ความขี้เกียจ และ การผลัดวันประกันพรุ่ง ในการศึกษาข้อมูลบริษัทที่จะเข้าไปลงทุนนั่นแหละครับ
ซึ่งก็คล้ายคลึงกับ คุณ kraikria ครับ
เคยตั้งใจว่าจะอ่านรายงาน 56-1 ให้ได้อย่างน้อย อาทิตย์ละ 2 บริษัท
แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ก็มักจะมีเหตุผลเข้าข้างความขี้เกียจ ทำให้ผลัดแล้วผลัดอีกครับ
ปีหน้าเอาใหม่
-
- Verified User
- โพสต์: 198
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2012 Investment Diary
โพสต์ที่ 22
เป็นปีแรกที่เริ่มลงทุนในตลาดหุ้น ตอนแรกตั้งเป้าขอแค่ 16-18% ต่อปีก็เก่งแล้ว
แต่ที่ไหนได้ได้มากกว่าเป้าแถมยังชนะตลาดอยู่นิดหน่อยด้วย
ตอนนี้ก็พยายามข่มใจไม่ให้เหลิ่งไปกับผลงาานในปีนี้ เพราะว่าเก่งจริงมันต้องดูเป็น 10 ปี
ตอนนี้ก็พยายามศึกษาหลักการลุงทุนต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่ย่อท้อ จริงๆต้องบอกว่าสนุกมากในการ
ค้นหาและศึกษาบริษัทในตลาดหุ้น
ปล. ข้อผิดพลาด
1. ขายหมูไปบ้าง เพราะยังศึกษาไม่ละเอียดพอ
2. หุ้นที่ชอบก็ซื้อ แบบมี MOS น้อยไป เลยติดลบอยู่
แต่ที่ไหนได้ได้มากกว่าเป้าแถมยังชนะตลาดอยู่นิดหน่อยด้วย
ตอนนี้ก็พยายามข่มใจไม่ให้เหลิ่งไปกับผลงาานในปีนี้ เพราะว่าเก่งจริงมันต้องดูเป็น 10 ปี
ตอนนี้ก็พยายามศึกษาหลักการลุงทุนต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่ย่อท้อ จริงๆต้องบอกว่าสนุกมากในการ
ค้นหาและศึกษาบริษัทในตลาดหุ้น
ปล. ข้อผิดพลาด
1. ขายหมูไปบ้าง เพราะยังศึกษาไม่ละเอียดพอ
2. หุ้นที่ชอบก็ซื้อ แบบมี MOS น้อยไป เลยติดลบอยู่
"ผมไม่ได้ลงทุนในหุ้นเพียงเพราะว่าผมต้องการเงินมากมาย
แต่มันเป็นความสนุกในการค้นหาบริษัทชั้นเยี่ยม
เฝ้าดูมันเติบโต และทำเงินให้เรา"
"เบื้องหลังของด้านหลัง ก็คือ ด้านหน้า"
แต่มันเป็นความสนุกในการค้นหาบริษัทชั้นเยี่ยม
เฝ้าดูมันเติบโต และทำเงินให้เรา"
"เบื้องหลังของด้านหลัง ก็คือ ด้านหน้า"
-
- Verified User
- โพสต์: 273
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2012 Investment Diary
โพสต์ที่ 23
เป็นเหมือนกันครับท่าน ><'Money Maker เขียน:ลืมนับข้อนี้ไป ผมก็ผิดพลาดอย่างแรงในข้อนี้ ตามตารางเมื่อทำไว้ปีที่แล้ว ตั้งใจจะไล่อ่าน 56-1 ทุกวันวันละตัว แต่สรุปฟิตอยู่ได้แค่เดือนมกราครึ่งเดือนแรก หลังจากนั้น อ่านเมื่อมีอารมณ์ ประมาณเดือนละตัวสองตัวtigerroad197 เขียน:ข้อผิดพลาดก็คือ ความขี้เกียจ และ การผลัดวันประกันพรุ่ง ในการศึกษาข้อมูลบริษัทที่จะเข้าไปลงทุนนั่นแหละครับ
ซึ่งก็คล้ายคลึงกับ คุณ kraikria ครับ
เคยตั้งใจว่าจะอ่านรายงาน 56-1 ให้ได้อย่างน้อย อาทิตย์ละ 2 บริษัท
แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ก็มักจะมีเหตุผลเข้าข้างความขี้เกียจ ทำให้ผลัดแล้วผลัดอีกครับ
ปีหน้าเอาใหม่
-
- Verified User
- โพสต์: 333
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2012 Investment Diary
โพสต์ที่ 24
รอกระทู้แบบนี้อยู่เลยคับ....ผมเขียนจดไว้ใน Diaryของผมแล้วด้วยเช่นกันคับ
ผมเริ่ม ลงทุนปีนี้เป็นปีที่ 2
ปีแรกขาดทุนในหุ้นวัฏจักร (แต่ถ้าถือมาจนวันนี้คงกำไร) 5555
ปีที่ 2 ปีนี้ 2012 ปีนี้ได้เงินพิเศษมา กำเงินกะลงทุน เอ๊ะจะลงตัวไหนดี
- จะซื้อตัวเดิมที่ถือหรือจะซื้อตัวใหม่ บังเอิญเจอหุ้นตัวนึง ที่ใครๆก้อบอกว่าดี ..ปันผล6-7%
ราคามันกำลังลงจากจุดสูงสุดมาเรื่อย ๆ ตอนที่ผมเริ่มสนใจราคาลงไป 30% แล้ว
- วันนั้นหยุดงาน เอาวะ เงินสดเหลือในมือเยอะ ซัดไปเลย 10% ของ port วันเดียว
- ข้อผิดพลาด คือ ยังหาเหตุผลในการลงทุนไม่ได้ ว่าลงทุนตัวนี้เพื่ออะไร
- ตอนแรกกะว่าจะพักเงินสดไว้ เพราะได้ปันผล 6-7%
- เข้าซื้อในราคาที่กำลังลง และซื้อเร็วไปไม่ได้ศึกษาธุรกิจและแนวโน้มอุตสาหกรรมและความสามารถในการแข่งขัน
ของธุรกิจกำลังลดลงเรื่อยๆ หรือเป็นช่วงที่พื้นฐานบริษัทกำลังเปลี่ยนไปแล้ว
- ใช้อารมณ์ในการเข้าซื้อ เห็นคนรอบข้างซื้อแล้วซื้อตามจิตวิทยาล้วนๆเลย ควบคุมอารมณ์ไม่ได้
- ไม่ได้ใช้เหตุผลในการซื้อกิจการที่มากพอ
- สรุปตัวนี้เลยทยอยขายไปเพราะคิดว่า ออกมาตั้งหลักใหม่ดีกว่า แต่ก้อขาดทุนไปประมาณ 30%แล้ว คิดช้าไปหน่อย
เลยกลับมาทบทวนว่าลงทุนในธุรกิจที่มั่นใจและมีความสามารถในการแข่งขันดีกว่า และพยายามศึกษาธุรกิจให้มากพอก่อน
ที่จะดูราคา ประเมินธุรกิจให้ได้ว่าเหตุผลที่ควรจะซื้อเพราะอะไร เล่นในเกมที่ถนัดและมี downsize risk ต่ำ
ผมเริ่ม ลงทุนปีนี้เป็นปีที่ 2
ปีแรกขาดทุนในหุ้นวัฏจักร (แต่ถ้าถือมาจนวันนี้คงกำไร) 5555
ปีที่ 2 ปีนี้ 2012 ปีนี้ได้เงินพิเศษมา กำเงินกะลงทุน เอ๊ะจะลงตัวไหนดี
- จะซื้อตัวเดิมที่ถือหรือจะซื้อตัวใหม่ บังเอิญเจอหุ้นตัวนึง ที่ใครๆก้อบอกว่าดี ..ปันผล6-7%
ราคามันกำลังลงจากจุดสูงสุดมาเรื่อย ๆ ตอนที่ผมเริ่มสนใจราคาลงไป 30% แล้ว
- วันนั้นหยุดงาน เอาวะ เงินสดเหลือในมือเยอะ ซัดไปเลย 10% ของ port วันเดียว
- ข้อผิดพลาด คือ ยังหาเหตุผลในการลงทุนไม่ได้ ว่าลงทุนตัวนี้เพื่ออะไร
- ตอนแรกกะว่าจะพักเงินสดไว้ เพราะได้ปันผล 6-7%
- เข้าซื้อในราคาที่กำลังลง และซื้อเร็วไปไม่ได้ศึกษาธุรกิจและแนวโน้มอุตสาหกรรมและความสามารถในการแข่งขัน
ของธุรกิจกำลังลดลงเรื่อยๆ หรือเป็นช่วงที่พื้นฐานบริษัทกำลังเปลี่ยนไปแล้ว
- ใช้อารมณ์ในการเข้าซื้อ เห็นคนรอบข้างซื้อแล้วซื้อตามจิตวิทยาล้วนๆเลย ควบคุมอารมณ์ไม่ได้
- ไม่ได้ใช้เหตุผลในการซื้อกิจการที่มากพอ
- สรุปตัวนี้เลยทยอยขายไปเพราะคิดว่า ออกมาตั้งหลักใหม่ดีกว่า แต่ก้อขาดทุนไปประมาณ 30%แล้ว คิดช้าไปหน่อย
เลยกลับมาทบทวนว่าลงทุนในธุรกิจที่มั่นใจและมีความสามารถในการแข่งขันดีกว่า และพยายามศึกษาธุรกิจให้มากพอก่อน
ที่จะดูราคา ประเมินธุรกิจให้ได้ว่าเหตุผลที่ควรจะซื้อเพราะอะไร เล่นในเกมที่ถนัดและมี downsize risk ต่ำ
-
- Verified User
- โพสต์: 400
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2012 Investment Diary
โพสต์ที่ 25
ปีนี้ ผมว่าเป็นปีที่วิเศษสำหรับนักลงทุนหลายๆ คน สำหรับตัวผมแล้ว ไม่มีอะไรที่แตกต่างจากปีที่แล้ว เท่าไร ในเรื่องตัวหุ้นแต่ผลตอบแทน ปีนี้ port โตขึ้น 1.5 เท่า ปีทีแล้ว ทำได้เพียง 40% ผลงานโดยภาพรวมดีขึ้น เยอะ ต้องขอบคุณพี่ๆ น้องๆ ใน web นี้ รวมทั้ง IDOL อ.นิเวศน์ ปีหน้า เป็นปีที่ท้าทาย มากครับ สำหรับการลงทุน แต่ที่แน่ๆ ถนนสายนี้ ยังเป็นถนนสายเดิม ที่ผมจะเลือกเดิน ต่อไป สู่เป้าหมายใหม่ ที่ใหญ่ ขึ้น .....ปีหน้า ขอแค่ 30% ผมก็ถือว่าเก่งแล้ว แต่ถ้า port ลดลง ก็อย่าให้เกิน 10 % ก็แล้วกัน
- PrasertsakK
- Verified User
- โพสต์: 286
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2012 Investment Diary
โพสต์ที่ 26
ปีนี้เป็นปีที่ผมได้ผลตอบแทนเกินคาดกว่าที่ผมคาดไว้มาก แม้แนวคิดการลงทุนอาจจะมีความผิดพลาดไปบาง แต่จากความโชคดีและสภาวะตลาดที่ดีก็เป็นไปได้ครับ
ผมเขียนทบทวนสรุปการลงทุนของผมขึ้นมา พร้อมกำหนดเป้าหมายการลงทุนปีหน้าไว้ ซึ่งได้แนวคิดจากน้อง sun tse เลยเอามา share ให้เพื่อน ๆ อ่านครับ
http://www.thorfun.com/story/view/UN_nU67rWZJEAAWh
(อยากจะแนะนำเพื่อน ๆ นักลงทุนลองทำดูนะครับ)
ผมเขียนทบทวนสรุปการลงทุนของผมขึ้นมา พร้อมกำหนดเป้าหมายการลงทุนปีหน้าไว้ ซึ่งได้แนวคิดจากน้อง sun tse เลยเอามา share ให้เพื่อน ๆ อ่านครับ
http://www.thorfun.com/story/view/UN_nU67rWZJEAAWh
(อยากจะแนะนำเพื่อน ๆ นักลงทุนลองทำดูนะครับ)
http://prasertsakk.blogspot.com/
การลงทุน ความมั่งคั่ง ความสุข มิตรภาพ
การลงทุน ความมั่งคั่ง ความสุข มิตรภาพ
-
- Verified User
- โพสต์: 6427
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2012 Investment Diary
โพสต์ที่ 27
ภาพรวม ... เกินเป้าหมายส่วนตัวพอสมควร ... แต่แพ้ SET มากพอสมควรเช่นเดียวกัน
......
สาเหตุหลัก ... คงเกิดจากแนวคิดพื้นฐานที่มาลงทุน คือ ลงทุนหวังปันผลสำหรับชีวิตในวัยใกล้เกษียณ
พอราคา ขึ้นมาสูงเกินปันผลที่คาดหมายจะได้รับ (เอาซะว่า 5-6 เท่าของปันผลต่อปี) ... เลยขายหมูเกือบหมดฟาร์ม ...
ไม่ได้มองไกลเลยว่า ... หุ้นที่ถืออยู่นั้น นอกเหนือจากปันผลดีแล้ว .. มันยังมี Growth ด้วย
...
สรุปก็คือ ... valuation ที่ผมใช้ คงไม่เหมาะสมกับสภาวะแบบนี้ ที่คนส่วนใหญ่เน้นหุ้น Growth
จนกล้าให้ PE สูงขึ้นกว่าปกติอีกพอสมควร
....
อย่างไรก็ตาม
ผมคงไม่เปลี่ยนสไตล์
เพราะ ... ผมรู้จักคำว่า พอ ... มากกว่า .. โลภ ครับ
......
สาเหตุหลัก ... คงเกิดจากแนวคิดพื้นฐานที่มาลงทุน คือ ลงทุนหวังปันผลสำหรับชีวิตในวัยใกล้เกษียณ
พอราคา ขึ้นมาสูงเกินปันผลที่คาดหมายจะได้รับ (เอาซะว่า 5-6 เท่าของปันผลต่อปี) ... เลยขายหมูเกือบหมดฟาร์ม ...
ไม่ได้มองไกลเลยว่า ... หุ้นที่ถืออยู่นั้น นอกเหนือจากปันผลดีแล้ว .. มันยังมี Growth ด้วย
...
สรุปก็คือ ... valuation ที่ผมใช้ คงไม่เหมาะสมกับสภาวะแบบนี้ ที่คนส่วนใหญ่เน้นหุ้น Growth
จนกล้าให้ PE สูงขึ้นกว่าปกติอีกพอสมควร
....
อย่างไรก็ตาม
ผมคงไม่เปลี่ยนสไตล์
เพราะ ... ผมรู้จักคำว่า พอ ... มากกว่า .. โลภ ครับ
คนที่รู้ว่าตัวเองยังไม่รู้ ย่อมมีโอกาสเรียนรู้
-
- Verified User
- โพสต์: 957
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2012 Investment Diary
โพสต์ที่ 28
ปีนี้เป็นปีแรก ที่ได้เริ่มครั้งแรกของผม ที่ไปร่วมงาน visit , สัมมนา และงานสังสรรค์ ที่ทางthaiviจัด การได้ฟัง การได้พูดคุย กับพี่ๆน้องๆเพื่อนๆสมาชิก ต้องบอกว่าคุ้มค่าอย่างยิ่ง ได้เปิดให้ผมเห็นสิ่งต่างๆ ที่ผมไม่เคยรู้ ไม่เคยคิด ไม่เคยเห็น มากมาย ช่วยให้ผมมองภาพการลงทุนได้ดีขึ้น ได้รับรู้ถึง ความทุ่มเท ความรู้ ที่แต่ละคนมี แล้วรู้ตัวเลยว่าตัวเอง ช่างรู้เรื่องที่จำเป็นต้องมีในสนามนี้ น้อยนิดจริงๆ ทั้งมุมมองและความคิดก็มีค่ายิ่งจริงๆ เสียดายมากๆที่ไม่ได้ทำกิจกรรมนี้ตั้งแต่แรกเริ่ม
ปีนี้อีกเช่นกัน มาคิดอีกครั้ง ก็ยังมีเรื่องผิดพลาดมากอยู่
1. ช่างขี้เกียจจริงๆ ปล่อยเวลาผ่านไปอีกปี โดย จำนวนตัวหุ้น ก็รู้ไม่กี่ตัว ไม่เพิ่มขึ้น ส่วนหุ้นตัวที่ติดตามดูเพิ่ม อยู่ไม่กี่ตัวนั้น ก็ยังไม่สามารถเจาะลึก ให้เข้าใจถึงภาพที่มันจะเป็น พอปลายปีเริ่มเห็นภาพมากขึ้นราคาก็ไปไกลมากแล้ว
2. มีจำนวนเรื่องที่น่าจะตัดสินใจผิด มากกว่าจำนวนเรื่องที่ตัดสินใจถูก เพราะขาดความรู้ความเข้าใจจริงๆในหุ้นนั้นๆ ทำให้มีทั้งเสียหายจริง(ขาดทุน) มีทั้งรีบขายไป(ขายหมู) พบเหตุคาดคิดไม่ถึง(ตกใจขาย) รีบวิ่งกระโดดขึ้นรถ กลัวจะไม่ทัน แล้วก็ต้องรีบโดดลงอีก(ตกใจซื้อและเจ็บตัวอีก) สรุป..ทำในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้จริง แต่อยากลองของ ก็จ่ายค่าทดสอบไป
3. ยังคงเรียนรู้ช้า ตัดสินใจช้า และสับสนกับระบบคิดของตัวเองอยู่บ้าง หลายๆครั้งเลยรู้สึกว่า ตัวเองยังนิ่งไม่พอ
ส่วนพอร์ตโดยรวมปีนี้ ก็ยังน่าพอใจอยู่
ปีใหม่ คงต้องใช้พยายามที่มากขึ้น ครับ
ปีนี้อีกเช่นกัน มาคิดอีกครั้ง ก็ยังมีเรื่องผิดพลาดมากอยู่
1. ช่างขี้เกียจจริงๆ ปล่อยเวลาผ่านไปอีกปี โดย จำนวนตัวหุ้น ก็รู้ไม่กี่ตัว ไม่เพิ่มขึ้น ส่วนหุ้นตัวที่ติดตามดูเพิ่ม อยู่ไม่กี่ตัวนั้น ก็ยังไม่สามารถเจาะลึก ให้เข้าใจถึงภาพที่มันจะเป็น พอปลายปีเริ่มเห็นภาพมากขึ้นราคาก็ไปไกลมากแล้ว
2. มีจำนวนเรื่องที่น่าจะตัดสินใจผิด มากกว่าจำนวนเรื่องที่ตัดสินใจถูก เพราะขาดความรู้ความเข้าใจจริงๆในหุ้นนั้นๆ ทำให้มีทั้งเสียหายจริง(ขาดทุน) มีทั้งรีบขายไป(ขายหมู) พบเหตุคาดคิดไม่ถึง(ตกใจขาย) รีบวิ่งกระโดดขึ้นรถ กลัวจะไม่ทัน แล้วก็ต้องรีบโดดลงอีก(ตกใจซื้อและเจ็บตัวอีก) สรุป..ทำในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้จริง แต่อยากลองของ ก็จ่ายค่าทดสอบไป
3. ยังคงเรียนรู้ช้า ตัดสินใจช้า และสับสนกับระบบคิดของตัวเองอยู่บ้าง หลายๆครั้งเลยรู้สึกว่า ตัวเองยังนิ่งไม่พอ
ส่วนพอร์ตโดยรวมปีนี้ ก็ยังน่าพอใจอยู่
ปีใหม่ คงต้องใช้พยายามที่มากขึ้น ครับ
- peacedev
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2012 Investment Diary
โพสต์ที่ 29
สุดยอดคับyy เขียน:ภาพรวม ... เกินเป้าหมายส่วนตัวพอสมควร ... แต่แพ้ SET มากพอสมควรเช่นเดียวกัน
......
สาเหตุหลัก ... คงเกิดจากแนวคิดพื้นฐานที่มาลงทุน คือ ลงทุนหวังปันผลสำหรับชีวิตในวัยใกล้เกษียณ
พอราคา ขึ้นมาสูงเกินปันผลที่คาดหมายจะได้รับ (เอาซะว่า 5-6 เท่าของปันผลต่อปี) ... เลยขายหมูเกือบหมดฟาร์ม ...
ไม่ได้มองไกลเลยว่า ... หุ้นที่ถืออยู่นั้น นอกเหนือจากปันผลดีแล้ว .. มันยังมี Growth ด้วย
...
สรุปก็คือ ... valuation ที่ผมใช้ คงไม่เหมาะสมกับสภาวะแบบนี้ ที่คนส่วนใหญ่เน้นหุ้น Growth
จนกล้าให้ PE สูงขึ้นกว่าปกติอีกพอสมควร
....
อย่างไรก็ตาม
ผมคงไม่เปลี่ยนสไตล์
เพราะ ... ผมรู้จักคำว่า พอ ... มากกว่า .. โลภ ครับ
http://peacedev.wordpress.com
"The Quant"
"The Quant"
- vim
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2748
- ผู้ติดตาม: 0
Re: 2012 Investment Diary
โพสต์ที่ 30
ปีนี้สูสีกับตลาดมาตลอดตั้งแต่ต้นปี จนถึงสิ้นปีแล้วกลับแพ้ SET TRI เล็กน้อย ปีหน้าคงต้องสู้ต่อไป
ปีนี้ได้เงินลงทุนมาเพิ่มในช่วงกลางปี เลยมีการปรับพอร์ทครั้งใหญ่ ช่วงนั้นพอร์ทจะเละมาก กระจายไปลงทุนหุ้นหลายตัวเกินไป จนต้องลดลงมาเหลือแค่ 6-8 ตัวที่สามารถดูแลไหว ช่วงกลางปีที่มีปัญหานี้แพ้ตลาดไป 10-15% ได้
เลยเป็นบทเรียนว่า การบริหารพอร์ทที่ดีนั้นสำคัญ ก่อนซื้อขายหุ้นอะไรควรจัดสรรแบ่งทุนให้ดีแต่เนิ่นๆ ถ้ามัวแต่มาซื้อๆขายๆปรับไปมาจะทำให้เสียจังหวะ การซื้อขายหุ้นในระยะสั้นนั้นผันผวน เราอาจขาดทุนจากความผันผวนได้ง่ายๆ
ปัจจุบันมีหุ้น 2 ตัวที่ถือรวมกันที่ 60% ที่เหลือ 4-6 ตัวจะถือแค่ 5-10% ในปีที่ผ่านมาหุ้นสองตัวหลักให้ผลตอบแทนต่ำกว่าตลาด ในขณะที่หุ้น 4-6 ตัวที่เหลือกลับให้ผลตอบแทนดีมาก ตรงนี้อาจจะเป็นความบังเอิญ หรือไม่ก็อาจเกิดจากความรู้สึกตอนลงทุน บริษัทไหนที่เราชอบมากๆเรามักจะลงทุนเยอะ แต่ความที่เราชอบมากๆนั้นมันอาจทำให้มองข้ามจุดอ่อนบางอย่างไป ปีหน้าคงลองพิจารณาอีกทีว่าควรปรับพอร์ทให้กระจายการลงทุนให้มากกว่านี้หรือไม่
ถึงแม้ปีนี้ราคาหุ้นจะขึ้นมามากแล้ว แต่จบปีนี้ผมยังถือหุ้น 100% เหมือนปีก่อนๆ ปีหน้าก็วางแผนจะทำเช่นเดิมอีก เพราะเงินลงทุนผมค่อนข้างเป็นเงินเย็นมาก ถ้าตลาดร่วงลงมาหนักๆก็ไม่ค่อยกระทบเท่าไหร่
ปีนี้ได้เงินลงทุนมาเพิ่มในช่วงกลางปี เลยมีการปรับพอร์ทครั้งใหญ่ ช่วงนั้นพอร์ทจะเละมาก กระจายไปลงทุนหุ้นหลายตัวเกินไป จนต้องลดลงมาเหลือแค่ 6-8 ตัวที่สามารถดูแลไหว ช่วงกลางปีที่มีปัญหานี้แพ้ตลาดไป 10-15% ได้
เลยเป็นบทเรียนว่า การบริหารพอร์ทที่ดีนั้นสำคัญ ก่อนซื้อขายหุ้นอะไรควรจัดสรรแบ่งทุนให้ดีแต่เนิ่นๆ ถ้ามัวแต่มาซื้อๆขายๆปรับไปมาจะทำให้เสียจังหวะ การซื้อขายหุ้นในระยะสั้นนั้นผันผวน เราอาจขาดทุนจากความผันผวนได้ง่ายๆ
ปัจจุบันมีหุ้น 2 ตัวที่ถือรวมกันที่ 60% ที่เหลือ 4-6 ตัวจะถือแค่ 5-10% ในปีที่ผ่านมาหุ้นสองตัวหลักให้ผลตอบแทนต่ำกว่าตลาด ในขณะที่หุ้น 4-6 ตัวที่เหลือกลับให้ผลตอบแทนดีมาก ตรงนี้อาจจะเป็นความบังเอิญ หรือไม่ก็อาจเกิดจากความรู้สึกตอนลงทุน บริษัทไหนที่เราชอบมากๆเรามักจะลงทุนเยอะ แต่ความที่เราชอบมากๆนั้นมันอาจทำให้มองข้ามจุดอ่อนบางอย่างไป ปีหน้าคงลองพิจารณาอีกทีว่าควรปรับพอร์ทให้กระจายการลงทุนให้มากกว่านี้หรือไม่
ถึงแม้ปีนี้ราคาหุ้นจะขึ้นมามากแล้ว แต่จบปีนี้ผมยังถือหุ้น 100% เหมือนปีก่อนๆ ปีหน้าก็วางแผนจะทำเช่นเดิมอีก เพราะเงินลงทุนผมค่อนข้างเป็นเงินเย็นมาก ถ้าตลาดร่วงลงมาหนักๆก็ไม่ค่อยกระทบเท่าไหร่
Vi IMrovised