"ศูนย์วิจัยกสิกร"ชี้อุตฯรถยนต์ กล่องดาวเทียม เคเบิลทีวีมาแรง

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
anomaly
Verified User
โพสต์: 1244
ผู้ติดตาม: 0

"ศูนย์วิจัยกสิกร"ชี้อุตฯรถยนต์ กล่องดาวเทียม เคเบิลทีวีมาแรง

โพสต์ที่ 1

โพสต์

นางพิมลวรรณ มหัจฉริยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ภาคธุรกิจที่คาดว่าจะมีความโดดเด่นในปี 2556 มี 5 กลุ่มคือ กลุ่มส่งออกรถยนต์ โดยจะเป็นการลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิตของค่ารถยนต์ และตลาดในต่างประเทศเริ่มทยอยฟื้นตัว โดยปริมาณการส่งออกรถยนต์ในปี 2555 ขยายตัว 38.5 % และคาดว่าในปี 2556 จะขยายตัวได้ 20 -26 % กลุ่มที่ 2. ได้แก่ กลุ่มยางพาราจะมีแนวโน้มดีขึ้นจากเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวและการร่วมมือเพื่อลดกำลังการผลิตจะทำให้ราคายางพาราดีขึ้น ซึ่งในปีนี้การส่งออกยางพาราลดลง 31% แต่ในปีหน้าจะสามารถขยายตัวได้ 15 -20 %

“ส่วนธุรกิจในกลุ่มก่อสร้างจะมีมูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้นในปีหน้าจากปีนี้ที่มูลค่าการลงทุนเติบโต 10 % จากแรงหนุนของมาตรการรัฐที่มีความคืบหน้า ซึ่งมีโครงการในปี 2556 ที่เอกชนรับรู้รายได้ไปก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งมูลค่าการลงทุนปีหน้าจะขยายตัว 11 -12.2 % ขณะที่ธุรกิจในกลุ่มโทรคมนาคมเป็นอีกธุรกิจที่โดดเด่นในปีหน้าจากการประมูล 3 จีที่ผ่านไปทำให้คาดว่ามูลค่าตลาดบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จะเติบโตมากกว่าปีนี้ โดยในปีนี้เติบโต 10.9 % แต่ในปีหน้าคาดว่าจะเติบโต 11.5 -14.2% อย่างไรก็ตามอีกธุรกิจที่มีความโดดเด่นในปีหน้าคือกลุ่มเคเบิ้ลและทีวีดาวเทียมที่คาดว่าจะมีปริมาณผู้รับชมในกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นเพราะมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาแข่งขัน”

นางพิมลวรรณ กล่าวว่า แรงขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทยในปี 2556 จะมาจากปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศที่จะสนับสนุนการส่งออกให้กลับมามีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยอีกครั้ง หลังจากที่ปีนี้การส่งออกของไทยเติบโตได้ประมาณ 4 % ทั้งนี้ในปีหน้าคาคดว่าภาคการส่งออกและนำเข้าจะเติบโต 12.5 % ส่วนปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจปี 2556 คือภาวะเศรษฐกิจในยุโรปและสหรัฐ รวมทั้งเรื่องราคาน้ำมันที่จะมาจากความขัดแย้งในตะวันออกกลาง ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศยังต้องเฝ้าดู และเรื่องการเบิกใช้งบประมาณของภาครัฐจะมีมากน้อยเพียงใด ซึ่งโดยรวมจีดีพีของไทยในปีหน้าจะอยู่ที่ 5 %
การเดินทางสำคัญกว่าจุดหมาย
anomaly
Verified User
โพสต์: 1244
ผู้ติดตาม: 0

Re: "ศูนย์วิจัยกสิกร"ชี้อุตฯรถยนต์ กล่องดาวเทียม เคเบิลทีวีม

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ปี′56 รถเก๋งเล็กยังมาแรง ′โตโยต้า′ ส่งอีโคคาร์รับมือ ตลาดส่งออกส่อช่วยใน ปท.

updated: 11 ธ.ค. 2555 เวลา 11:10:26 น.

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

แหล่งข่าวจากวงการรถยนต์เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดรถยนต์ในประเทศปี 2556 คาดว่ารถเก๋งขนาดเล็กจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะรถยนต์เครื่องยนต์ขนาดไม่เกิน 1300 ซีซี หรือรถยนต์อีโคคาร์ เพราะค่ายรถยนต์ได้พัฒนาสมรรถนะให้มีกำลังมากขึ้นแต่ก็ประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยในปีหน้า รถอีโคคาร์จากค่ายต่างๆ ยังคงแข่งขันกันรุนแรง และได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เช่น ฮอนด้า บริโอ้ อเมซ อีโคคาร์ซีดาน ที่เพิ่งเปิดตัว กับ นิสสัน อัลเมร่า แชมป์อีโคคาร์ เพราะทั้งสองรุ่นแข่งขันในเรื่องความกว้างขวางของห้องโดยสาร รวมทั้งยังมีอีโคคาร์อีกหลายรุ่นเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ เช่น นิสสัน มาร์ช, ซูซูกิ สวิฟท์, มิตซูบิชิ มิราจ, ฮอนด้า บริโอ้ แต่ละรุ่นเตรียมปรับแต่งจุดด้อยและเสริมจุดเด่นในปีหน้าเพิ่มเติมอย่างแน่นอน นอกจากนี้คงต้องจับตาการเปิดตัวโตโยต้า อีโคคาร์ ประมาณเดือนสิงหาคม จะช่วยกระตุ้นตลาดรถเก๋งเล็กให้คึกคักเพิ่มขึ้นมาก

ทางด้านบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ออกบทวิเคราะห์ "2556 อีกปีแห่งการทำสถิติอุตสาหกรรมรถยนต์ไทย" ว่า ปี 2555 อุตสาหกรรมรถยนต์ไทยทำตัวเลขสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้ทั้งยอดขายในประเทศ ยอดการส่งออก และยอดการผลิต รวมถึงยังมีโอกาสก้าวขึ้นเป็นประเทศผู้ผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 9 ของโลก จากหลากปัจจัย เช่น ความสามารถในการฟื้นกำลังการผลิตได้อย่างรวดเร็วของค่ายรถหลังต้องเผชิญวิกฤตน้ำท่วมครั้งใหญ่ช่วงปลายปี 2554 ผลจากนโยบายรถยนต์คันแรก คาดการณ์ว่าอาจจะทำยอดจองได้สูงถึง 7 แสนคัน และการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาด เป็นต้น

ส่วนในปี 2556 แม้ว่าตลาดรถยนต์ในประเทศอาจจะหดตัวลงหลังจาก ตลาดรถยนต์ปี 2555 ได้ดึงความต้องการซื้อล่วงหน้าไปแล้วบางส่วน แต่คาดว่าตลาดส่งออกจะยังขยายตัวได้ดี ตามทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในหลายภูมิภาค รวมทั้งค่ายรถต่างยังคงเดินหน้าลงทุนขยายกำลังการผลิตในประเทศไทย ขณะที่กำลังการผลิตที่เคยถูกดึงไปผลิตเพื่อรองรับตลาดในประเทศในช่วงที่ผ่านมาก็น่าจะสามารถโยกกลับมาผลิตเพื่อรองรับการส่งออกได้มากขึ้น

ทั้งนี้ ผลของโครงการรถยนต์คันแรก นอกจากจะทำให้ยอดขายรถยนต์ในประเทศปี 2555 นี้ พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์แล้ว ยังมีผลทำให้เทรนด์ตลาดรถยนต์ในประเทศเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นเดียวกัน โดยในช่วงก่อนมีโครงการดังกล่าว รถยนต์นั่งขนาดเล็กต่ำกว่า 1500 ซีซี มีสัดส่วนราว 1 ใน 4 ของตลาดรถยนต์รวม อย่างไรก็ตาม หลังจากเริ่มโครงการจนถึงปัจจุบัน สัดส่วนตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กได้ขยับขึ้นมาเป็นราว 1 ใน 3 ของตลาดรถยนต์รวม เพราะนอกจากโครงการรถยนต์คันแรกมีผลในการผลักดันแล้ว ยังมาจากการรถรุ่นใหม่ที่ออกสู่ตลาดส่วนใหญ่จะเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กราคาประหยัด ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ทิศทางการขยายความเป็นเมือง (Urbanization) กระจายออกสู่ต่างจังหวัดมากขึ้น ทำให้รสนิยมการซื้อรถของผู้บริโภคในต่างจังหวัดเปลี่ยนแปลงไปด้วย ตามรายได้ที่เพิ่มขึ้นและความต้องการด้านประโยชน์ใช้สอยที่ต่างไปจากเดิม ส่งผลให้นอกจากรถยนต์นั่งขนาดเล็กทั่วไปแล้ว รถยนต์อีโคคาร์ (ขนาดเครื่องยนต์ต่ำกว่า 1300 ซีซี) ที่มีระดับราคาเริ่มต้นไม่สูงนักกลายมาเป็นรถประเภทที่ได้รับความนิยมในตลาดและมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในตลาดรถยนต์ไทย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศทั้งปี 2556 อาจลดลงมาอยู่ที่ระดับ 1,340,000 ถึง 1,410,000 คัน หรือหดตัวเพียงร้อยละ 2 ถึง 7 ก็ยังนับว่าเป็นตัวเลขที่สูงมากเมื่อเทียบกับยอดขายรถยนต์ในอดีตก่อนหน้านี้ของไทย โดยรถยนต์นั่งมีโอกาสจะขยับสัดส่วนขึ้นมาใกล้เคียงหรือเท่ากันกับรถเพื่อการพาณิชย์ ส่วนตลาดส่งออกในปี 2556 นอกจากจะได้รับอานิสงส์จากสภาพเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นแล้ว การปรับสัดส่วนกำลังการผลิตรถยนต์ของค่ายรถกลับมาผลิตเพื่อรองรับตลาดส่งออกมากขึ้น คาดว่าการส่งออกรถยนต์ของไทยปี 2556 น่าจะขยับขึ้นไปแตะระดับสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ต่อที่ระดับ 1,230,000 ถึง 1,290,000 คัน หรือขยายตัวสูงร้อยละ 20 ถึง 26 จะส่งผลให้ปริมาณการผลิตรถยนต์ในประเทศยังขยายตัวได้ดีและขยับขึ้นไปสู่ระดับที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ได้อีกปีที่ตัวเลขระหว่าง 2,500,000 ถึง 2,600,000 คัน หรือขยายตัวร้อยละ 5 ถึง 9

ที่มา : นสพ.มติชนรายวัน
การเดินทางสำคัญกว่าจุดหมาย
โพสต์โพสต์