Introvert Extrovert กับการลงทุน

[yoyo]

พอดีว่ากำลังอ่านหนังสือเรื่อง Quiet: The Power of Introverts in a World That Can't Stop Talking
อยู่ครับ อ่านมาถึงบทหนึ่งมันพูดถึงเรื่องการลงทุนกับลักษณะนิสัยของคน

ต้องเริ่มเกริ่นก่อนเพื่อให้เข้าใจตรงกันถึงความหมายของ Introvert กับ Extrovert
ความหมายจาก wiki เค้าว่าแบบนี้ครับ (ใครอังกฤษไม่แข็งแร่งข้ามไปอ่านตรงภาษาไทยเลยก็ได้นะครับ)

Extraversion is "the act, state, or habit of being predominantly concerned with and obtaining gratification from what is outside the self".[4] Extraverts tend to enjoy human interactions and to be enthusiastic, talkative, assertive, and gregarious. They take pleasure in activities that involve large social gatherings, such as parties, community activities, public demonstrations, and business or political groups. Politics, teaching, sales, managing and brokering are fields that favor extraversion. An extraverted person is likely to enjoy time spent with people and find less reward in time spent alone. They tend to be energized when around other people, and they are more prone to boredom when they are by themselves.

หรือสรุปง่ายๆว่า extraversion หรือ extrovert นั้นคือคนประเภทที่ enjoy กับการเข้าสังคม ช่างพูดช่างคุย ชอบ party ไม่ชอบอยู่คนเดียว


Introversion is "the state of or tendency toward being wholly or predominantly concerned with and interested in one's own mental life".
The common modern perception is that introverts tend to be more reserved and less outspoken in groups. They often take pleasure in solitary activities such as reading, writing, using computers, hiking and fishing. The archetypal artist, writer, sculptor, engineer, composer and inventor are all highly introverted. An introvert is likely to enjoy time spent alone and find less reward in time spent with large groups of people, though he or she may enjoy interactions with close friends. Trust is usually an issue of significance: a virtue of utmost importance to an introvert is choosing a worthy companion. They prefer to concentrate on a single activity at a time and like to observe situations before they participate, especially observed in developing children and adolescents.[6] They are more analytical before speaking.[7] Introverts are easily overwhelmed by too much stimulation from social gatherings and engagement, introversion having even been defined by some in terms of a preference for a quiet, more minimally stimulating environment.[8]
Introversion is not seen as being identical to shy or to being a social outcast. Introverts prefer solitary activities over social ones, whereas shy people (who may be extroverts at heart) avoid social encounters out of fear,[9] and the social outcast has little choice in the matter of his or her solitude.

Introvert นี่ยาวมาก เอาสั้นว่าคือคนที่ มักจะชอบอยู่คนเดียว ไม่ชอบเข้าสังคม มีความสุขกับการอ่านหนังสือ เขียน เล่นคอม หรือกิจกรรมที่ไม่ต้องปฏิสัมพันธ์กับใคร (แต่ก็ยังชอบใช้เวลากับเพื่อนสนิท) คนกลุ่มนี้ไม่ใช่ว่าเป็นคนเงียบพูดไม่เก่งกันทั้งหมด หลายๆคนพูดได้ดี เพียงแต่ไม่ชอบพูดเท่านั้นเอง

[yoyo]

เค้าค้นพบว่าคนที่เป็น introvert มักจะเป็นนักลงทุนได้ดีกว่า extrovert
เพราะ extrovert มักจะเป็นคนที่ถูกกระตุ้นด้วยรางวัลได้ง่าย (เค้าใช้คำว่า Reward sensitive) เพราะฉะนั้นคนกลุ่มนี้มีแนวโน้มที่จะ take risk ที่สูงกว่า ส่วนใหญ่ฟองสบู่มักจะเกิดจากการที่ตลาดถูกครอบงำด้วยคนกลุ่มนี้เป็นส่วนใหญ่

ในขณะที่ Introvert นั้นจะเป็นพวกคิดก่อนทำ เป็นพวกกลัวความเสี่ยง ยอมถอยจากตลาด bull แม้จะรู้ว่าตัวเองอาจจะตกรถ ประมาณว่าเสียดายดีกว่าใจนั้นเอง

[yoyo]

อ้อ แล้วก็นี่เป็นแค่ความเห็นหนึ่งจากหนังสือหนึ่งเล่มนะครับ ไม่รู้มันจะน่าเชื่อแค่ไหน
บางคนอาจจะเป็น extrovert แล้วก็ลงทุนได้ดีผมว่าก็มีให้เห็นอยู่หลายคน หรือบางคนอาจจะอยู่กลางๆ ไม่ใช่ extrovert หรือ introvert ซะทีเดียวก็ได้ เค้าเรียกว่า
Ambiversion
Although many people view being introverted or extroverted as a question with only two possible answers, most contemporary trait theories measure levels of extraversion-introversion as part of a single, continuous dimension of personality, with some scores near one end, and others near the half-way mark.[10] Ambiversion is a term used to describe people who fall more or less directly in the middle and exhibit tendencies of both groups.[4][11] An ambivert is normally comfortable with groups and enjoys social interaction, but also relishes time alone and away from the crowd.

ไม่รู้ว่าเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ คิดว่าตัวเองเป็นคนประเภทไหน
ลงทุนมานานแล้วเท่าไหร่ ผลตอบแทนเป็นอย่างไร ดีหรือไม่ดี
แล้วคิดว่าลักษณะนิสัยเหล่านี้ มีผลกับการลงทุนของเรายังไง
ลองแชร์กันดีมั๊ยครับ

[amornd]

ข้อมูลน่าสนใจครับ ผมคงเป็น Introvert
ประสบการณ์เม่า คือ ลงทุนมา 2 ปีกว่า กำไรแค่ 30%

ความผิดพลาดที่ทำให้ port โตน้อย คือ
1) ช่วงแรก หุ้นที่ถือคำนวณไว้ระยะสั้น คิดว่าเต็มมูลค่าแล้ว เลยหาหุ้นอื่นที่เข้าข่ายสะสมเพิ่มไปเรื่อย กลายเป็นกระจายหุ้นมาก
2) เชื่อราคาที่เพิ่มมากกว่าความเสี่ยงของลักษณะธุรกิจ ถือตั้งแต่กำไรหลายเท่าไรจนสุดท้ายกำไรหมดตาม cycle ของมันถึงจะขาย
3) ลองปรับเป็นถือหุ้นเพียง 1 ตัว แต่ไม่สามารถรับความผันผวนได้ คิดมาก คิดเยอะ ทำให้ซื้อ/ขายบ่อยขึ้น จึงขาดทุนจังหวะที่ไม่ควรเสีย
4) ลงทุนโดยพิจารณา ค่าที่สำคัญทางบัญชี/ปันผล เป็นหลัก ซึ่งจริงๆแล้วเป็นกับดักสำหรับผู้เริ่มลงทุน เพราะบริษัทขั้นสุดยอด ควรมีปัจจัยอื่นที่สำคัญกว่านั้น เช่น ความสามารถในการแข่งขัน และ การเติบโตอย่างยั่งยืน
5) จากประสบการณ์ที่เคยถือจนขาดทุน ตัดสินใจเชื่อ concept ลงทุนต้องไม่ปล่อยจนขาดทุน เลยตัดสินใจขายตอนก่อนกำไรจะหมด... และนั่นคือจุดที่หุ้นที่เคยถือลงไปต่ำสุด หลังจากนั้นไม่เคยลงไปอีกเลย

แค่ 5 ข้อนี้กำไรก็แทบไม่เหลือ แต่ผมไม่เสียใจนะ ถึงจะแพ้ตลาดและกองทุน
เพราะถ้าซื้อกองทุนก็คงไม่ได้ซาบซึ้งถึงจิตใจและแนวคิดในการลงทุนที่ถูกต้อง
ผมชอบการลงทุน มีเรื่องเรียนรู้เยอะมาก และ ดีใจที่ได้เป็นส่วนนึงของแนวคิด VI ครับ

[thaloengsak]

เป็นบทความที่ดีมาก
ขอบคุณครับ

[KittipongS]

ผมเป็นคนแบบ introvert ครับ หลังจากที่ผมอ่านและทำแบบทดสอบหน้าที่ 39-41ครับ จากคำถาม 20 ข้อ ผมเพิ่งเริ่มอ่านฉบับภาษาไทยครับ
ผมลงทุนมาได้เกือบ 2 ปีแล้วครับ ผลตอบแทนนั้นเรียกว่าน่าพอใจครับ คือ ไม่หวือหวา แต่ที่สำคัญยังไม่ขาดทุน อาจเพราะผมยังไม่เจอของจริงมั้งครับ ลักษณะนิสัยของ introvert เช่น การไม่กล้าแสดงออกในที่สาธารณะ ไม่ค่อยกล้าแสดงความคิดเห็นให้คนอื่นฟัง เป็นต้น ผมคิดว่าการที่มีนิสัยแบบ introvert ที่มีผลต่อการลงทุนคือ การเป็นคนที่กลัวและไม่กล้าเสี่ยงในเรื่องที่ตัวเองคิดว่าเป็นอันตรายต่อตัวเอง ลักษณะนิสัยแบบนี้ทำให้ introvert ใช้เวลานานในการตัดสินใจเพราะต้องพิจารณาในข้อมูลต่างที่มีอยู่ให้ถ้วนถี่ก่อนตัดสินใจเพราะกลัวที่จะผิดพลาด หรือการเป็นคนที่ชอบให้เวลากับตัวเองมากว่าการออกไปสังสรรค์ข้างนอกบ้าน บางคนอาจจะเรียกว่า เป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง หรืออาร์ตตัวพ่อมั้งล่ะ ทำให้เป็นที่มีเวลามากพอที่จะอ่านหนังสือหรือบทความเกี่ยวกับการลงทุน รวมทั้งมีเวลากลับมาวิเคราะห์ตัวเองว่ามีข้อผิดพลาดตรงไหนในเรื่องการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง วินัยในการลงทุน การแกะงบการเงิน วิศัยทัศน์ในการมองธุรกิจหรือเทรน์ต่างๆที่กำลังจะมา อื่นๆมากมายครับ การเป็นคนพูดน้อยหรือไม่กล้าพูดกล้าคุยกับใครสาเหตุหลักๆอาจมาจากกลัวพูดผิดเลยต้องคิดก่อนที่จะพูดทำให้คนอื่นมองว่าเป็นนักฟังที่ดีนั้น ทำให้เราเมื่อเราอยู่ในวงสนทนานั้น เราได้รับฟังข้อมูลอย่างถ้วนถี่จากการฟัง และก่อนที่เราจะพูดหรือแสดงความคิดเห็นในวงสนทนานั้นเราคิดไว้แล้วว่าเราจะพูดอะไรออกไป ซึ่งผมมองว่าทำให้เกิดกระบวนการวิเคราห์ระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งสามารถนำไปทำต่อเป็นการบ้านได้ครับ นี้คือข้อดีเท่าที่ผมคิดได้ครับ ส่วนข้อเสียก็คงแปรผันมาจากข้อดีล่ะครับ บางครั้งการที่กลัวเกินไป ทำให้ใช้เวลาในการตัดสินใจนานเกินไป ก็ทำให้เสียโอกาสในการลงทุน หรือการที่หมกมุ่นอยู่กับตัวเองเกินไป จนไม่สนใจใคร ทำให้ไม่มีเพื่อน รวมถึงการไม่กล้าที่จะพูดเกินไป ทำให้เสียโอกาสในการแสดงออกหรือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องการลงทุนหรือมุมมองต่างๆครับ ซึ่งทำให้เกิดอาการ”สายตาสั้นทางธุรกิจ” (ขออนุญาตใช้หัวข้อบทความของพี่วิบูลย์ครับ)
หมดแล้วครับ เท่าที่คิดได้ครับ ถ้าอ่านจบเมื่อไหร่จะมารบกวนคุณ Yoyo อีกรอบครับ

[คนคอน]

ตอนแรกนึกว่าตัวเองเป็น In แต่พอคิดไปคิดมา คิดว่าตัวผมเองน่าจะเป็น Ambiversion มากกว่า

[picatos]

ผมเป็นพวก Introvert ในขณะที่ภรรยาผมเป็นพวก Extrovert เวลาไปเดินห้างผมจะดูภาพใหญ่แล้วคิดๆ เองอยู่คนเดียว มีนิสัยที่ไม่ค่อยลงไปพูดคุยกับพนักงาน ในขณะที่ภรรยาผมจะลงไป Scuttlebutt กับพวกพนักงานขาย กับเจ้าหน้าที่ต่างๆ แล้วก็เอาเรื่องต่างๆ มาเล่า มาพูดคุย ประกอบกัน

การที่คนๆ หนึ่งเป็น Introvert แล้วจะให้เปลี่ยนเป็น Extrovert ทั้งทำได้ยาก และในการเปลี่ยนพวก Extrovert ให้กลายเป็น Introvert ก็ทำได้ยากเช่นกัน แต่ของแบบนี้ถ้ารู้ว่าเราพร่องตรงไหน เราอาจจะต้องมีกลยุทธ์ในการหาส่วนที่ขาดหาย มาช่วยเติมเต็ม มาแลกเปลี่ยนพูดคุย เพื่อที่เราจะได้ภาพที่ครบถ้วน และสามารถที่จะพัฒนาการลงทุนร่วมกันต่อไปได้


ในทางธรรม มหาสติปัฏฐานสูตร หลังจากที่พระพุทธองค์ทรงอธิบายฐานที่สติควรเข้าไปตั้งแต่ละอย่างแล้ว ท่านจะย้ำประโยชน์หนึ่งอย่างซ้ำๆ ของแต่ละบท ว่า

"... ดังพรรณนามาฉะนี้ ภิกษุย่อมพิจารณาเห็น XXX ภายในบ้าง พิจารณาเห็น XXX ภายนอกบ้าง พิจารณาเห็น XXX ทั้ง
ภายในทั้งภายนอกบ้าง... "

XXX แทนที่ด้วย กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม

ซึ่งถ้ามีโอกาสได้อ่านหนังสืือชื่อ "หัวใจกรรมฐาน" เขียนโดย พระญาณโปนิกเถระ ท่านได้อธิบายประโยชน์นี้เอาไว้ โดยชี้ให้เห็นถึงเรื่องความเป็น Introvert และ Extrovert ในการศึกษาสิ่งต่างได้อย่างไพเราะ ปราณีต และแฝงข้อคิดเอาไว้มากมาย ซึ่งเป็นประโยชน์แก่นักศึกษาทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทางโลก หรือเรื่องทางธรรม

กล่าวโดยสรุปก็คือ ในการศึกษาสิ่งต่างๆ เราต้องศึกษาภายใน ศึกษาภายนอก แล้วก็มาเปรียบเทียบเชื่อมโยงภายในและภายนอก เราจึงจะเกิดปัญญาขึ้นได้ ไม่สามารถที่จะทำการศึกษาแค่ภายใน หรือภายนอกเพียงอย่างเดียว จำเป็นต้องทำทั้งสองส่วน แต่น้ำหนักของคนแต่ละคนก็แต่ต่างกันไปตามจริต ที่บางคนอาจจะ Introvert มากกว่า บางคนอาจจะ Extrovert มากกว่า

[kotaro]

ผมก็เป็นคนแบบ Introvert ครับ ไม่ค่อยชอบออกสังคมครับ ส่วนใหญ่อยู่บ้านไม่ค่อยได้ไปไหน

Introvert แปลว่า หันเข้าหาตัวเอง เป็นคนชอบอยู่กับตัวเอง ชอบคิด ชอบเรียนรู้แบบลงลึก
Extrovert แปลว่า หันออกจากตัวเอง เป็นคนชอบเข้าสังคม ชอบทำกิจกรรม ชอบเรียนรู้แบบกว้าง

การที่มีลักษณะนิสัย Introvert กับ Extrovert อย่างเดียว อาจจะไม่พอที่จะบอกได้นะครับว่า นักลงทุนที่ประสพความสำเร็จ
ว่าส่วนใหญ่เป็น introvert หรือ extrovert เพราะยังมีลักษณะนิสัยอย่างอื่นอีกครับเช่นถ้า

นึกถึง theroy ของ MBIT (Myers-Briggs Type Indicator ) ที่พัฒนามาจากแนวคิดของ Carl Jung
ที่ใช้แบบสอบถาม เพียง 4 ข้อ สามารถแยก personality ออกได้เป็นทั้งหมด 16 ชนิด จะมี
การแยก ชนิดนึงที่จะแยกว่า เป็น thinkling/feeling ซึ่งจะดู decsion-making function ว่าเวลาตัดสินใจ
คนที่เป็นลักษณะแบบ thinking ก็จะตัดสินใจด้วยตรรกะ เหตผล ส่วน feeling ก็จะใช้ความรู้สึก
ซึ่งอันนี้อาจะเป็นเป็น typeที่มีความสำคัญกับการลงทุนมากกว่า extrovert/introvert ก็ได้นะครับ

อ้อ Warren Buffett ก็เป็น แบบ Introvert ครับ

[champ412]

ขอแชร์ประสบการณ์ตรงนะครับ

ผมเคยไปเรียนMBA ที่มหาลัยในอเมริกาและก่อนจบมีการทำจิตวิทยาอยู่แบบหนึ่งซึ่งผมมีความรู้สึกว่าตรงกับตัวผมมากเลยที่เดียว และผลของการทำแบบทดสอบนั้นแสดงให้ผมเห็นว่าผมเป็น Ex ครับ

เสริมจากคุณโยโย่นะครับ

1.คนเป็น EX นั้นจะมีแรงกระตุ้นส่วนมากมาจากด้านนอก เช่น เห็นคนที่ประสบความสำเร็จแล้วมีความกระหายจะทำให้ได้บ้าง (บ้างครั้งก็อาจจะทำให้คนๆนั้นชอบเปรียบเทียบกับคนอื่น ผมเป็นในบ้างครั้งครับ)
อย่างผมเวลาดูกอล์ฟบ่อยๆก้อยากตีกอล์ฟ ดูคนเตะบอลบ่อยๆก็อยากเตะบอล เป็นต้นนะครับ

2.ความคิดความอ่านก็รับรู้จากภายนอกซะมากจะมีเวลามากลั่นกรองข้อมูลภายนอกน้อยครับ อย่างผมเนี่ยะข้อมูลเพียบแต่ไม่ค่อยจะมานั่งทำการคิดแบบลึกๆนักนะครับ ซึ่งทำให้บางครั้ง (หลายครั้ง)คิดแค่ชั้นเดียวไม่ได้คิดหลายๆชั้น

ผมว่าการที่เรารู้ตัวเองนะดีนะครับเพราะทุกวันนี้ผมต้องพยายามห้ามจิตใจในหลายๆเรื่องเพื่อทำให้การลงทุนของผมนั้นดีที่สุด เช่น การห้ามไม่ให้ไปดูตลาดมากไป การห้ามไม่ให้ไปฟังคนอื่นมากไป (เพราะผมรู้ว่าผมฟังแล้วเอามาคิดเยอะแบบผิดๆ)

ขณะเดียวก็พยายามหาแรงกระตุ้นในสิ่งที่ดี เช่น เมื่อผมเริ่มหลงทางก็หาแรงกระตุ้นจากภายนอกด้วย quote ดีดีของการลงทุน จาก VI เก่งๆนะครับ

[dome@perth]

ชอบครับ กระทู้นี้ ไว้ว่างๆจะเข้ามาแชร์

[yoyo]

ผมนี่ก็ Introvert ตัวพ่อคนนึงครับ เคยทำงาน office อยู่แล้วต้อง deal งานกับคนอื่น อึดอัดมาก ทำงานที่ทุกๆวันคิดเพียงแค่อยากกลับบ้านๆ ช่วงนั้นทำงานเสร็จก็รีบบึงรถกลับบ้าน มานั่งอ่านหนังสือ

แล้วพอดีช่วงนั้นชอบอ่านหนังสือพวกหุ้น พวกธุรกิจมาก ก็เลยลองเอาดีด้านหุ้น ก็เป็นไปด้วยดีเลยครับ
ส่วนตัวตอนนั้นก็เชื่ออยู่นิดๆว่าคนหลายๆคนอาจจะมีจริตในการลงทุนที่ต่างกัน บางคนอาจจะเอาดีด้าน VI ได้ ในขณะที่บางคนอาจจะถนัดไปแนว Technical หรือแนว Trading system

ตอนเรามาลงทุนแนว VI แรกๆก็ว่ามันยากนะ แต่ก็สนุก แล้วพอผ่านไปก็รู้สึกว่ามันง่ายขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็เห็นเพื่อนหลายๆคนที่สนใจแนว VI แต่ศึกษาได้ไม่นาน สุดท้ายก็เปลี่ยนแนวไปเยอะ พอมาอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วเลยเพิ่งเข้าใจว่าแต่จะคนก็มีความถนัดไม่เหมือนกันจริงๆ

[yoyo]

เพื่อน VI ผมหลายคนส่วใหญ่ผมก็ว่าเป็น Introvert มี Extrovert อยู่นิดหน่อย
Buffett นี่ผมเดาว่าน่าจะเป็น Introvert แน่ละคนนึง
แต่อย่าง ดร. นิเวศน์ นี่ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าแกเป็นแนว Extrovert หรือ Introvert
เพราะดูแกก็ชอบอ่านหนังสือ ติดบ้าน ดูเหมือนจะเป็น Introvert แต่ขณะเดียวกันแกไปพูดให้ความรู้ตามงานต่างๆมากมาย (ซึ่งถ้าเป็นผมต้องให้ไปพูดอะไรแบบนี้บ่อยๆ ผมจะรู้สึกอึดอัดพอสมควร) เลยดูเหมือนแกก็เป็นแนว Extrovert ..... ไม่งั้นก็อาจจะออกมากลางๆเป็น Ambi ก็ได้ครับ

[zz99]

ผมคิดว่าคนที่เป็น In หลายๆ คนอาจจะเป็นเพราะสิ่งแวดล้อม หรือ ปัจจัยอื่นๆ ที่สามารถมีได้หลายปัจจัย การจะตีความว่าเราเป็นคนลักษณะไหนคงไม่ง่าย ต้องค่อยๆ ใช้เวลาประเมิน ผมยกตัวอย่างตัวเอง ที่ถ้าให้ตอบในทันทีคงต้องบอกว่าเป็น In แต่เมื่อลองคิดเพิ่มเติม ผมคิดว่าเหตุผลมาจากการที่เราไม่เจอคนที่เข้ากันกับจริตของเรา ทำให้เราไม่ได้แสดงออกหรือคบหากับคนอื่นๆ มากนัก แต่ถ้าสิ่งแวดล้อมเปลี่ยน เช่น ถ้าเราเป็นคนที่ชอบลงทุน และสิ่งแวดล้อมหรือที่ทำงานเราเต็มไปด้วยนักลงทุนวีไอที่มีความคิดดีมีเหตุผล คุยกันถูกเรื่อง สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้เรื่อยๆ ผมเองอาจเปลี่ยนเป็น EX เลยก็ว่าได้ หรืออย่าง facebook ก็เป็นอีกตัวอย่างที่คนที่ไม่ค่อยพูดเลย แต่กลับโพสต์ข้อความที่แสดงความเป็นตัวตนในสังคมใหม่ที่เค้าไม่ต้องแสดงตัวแบบเห็นหน้า ซึ่งก็ตอบได้ยากคนลักษณะนี้จะเรียกได้ว่าอยู่ในประเภทไหน

เพราะฉะนั้นในเบื้องต้น เราควรใช้เวลาทำความเข้าใจตัวเองให้มากขี้นกว่านี้ ผมเองก็เลือกที่จะไม่เข้าสังคมมากนัก แต่ก็ชอบที่จะแชร์ความเห็นในเรื่องที่ตัวเองสนใจ ก็อาจจัดได้ว่าอยู่ในประเภท Am ส่วนการลงทุนถือว่าได้มามากกว่าที่ตั้งใจไว้มาก แต่ก็พยายามหาความรู้เพิ่มเติม เรียนรู้จากบทเรียนและประสบการณ์ที่ได้ลงทุนมา ค่อยๆ ปรับแก้ไขไปเรื่อยๆ ที่เหลือสุดท้าย อยากมีความสุขให้ได้มากเท่ากับผลตอบแทนที่ได้มาจากการลงทุน ซึ่งทุกวันนี้ดูจะยังมีทุกข์กับมันมากไปหน่อย (ชอบที่ ดร.ไพบูลย์พูดไว้ว่า การลงทุนที่ไม่ทำให้จิตใจสงบ ก็ถือเป็นกรรมหรือบาปอย่างนึง)

[KittipongS]

จริงๆ คนที่ชอบการแสดงออกด้วยการเขียน ก็เป็นหนึ่งในลักษณะของ introvert ครับ อันนี้อ่านจากหนังสือครับ จริงๆแล้วคนเราไม่สามารถเป็น introvert หรือ extrovert ได้เต็มรูปแบบหรอกครับ ผมว่าคนทุกคนมีทั้งลักษณะของ introvert และ extrovert ปนกันแหละครับ แต่คนๆนั้นมีลักษณะของ introvert มากกว่า extrovert เลยอาจจัดเป็น introvert เท่านั้นเองครับ ผมคิดว่าการที่จะประสบผลสำเร็จในเรื่องที่ตั้งใจไว้นั้นจำเป็นต้องมีลักษณะทั้งสองอย่างครับ แต่เมื่อเรารู้ลักษณะโดยรวมของตัวเองว่าเป็นแบบไหน เราก็สามารถแก้ไขจุดด้อยและพัฒนาจุดเด่นของตัวเองขึ้นได้ครับ เพื่อที่เราจะสามารถประสบผลสำเร็จในเรื่องที่ตั้งใจไว้ครับ

[sunrise]

ผมเป็นผสมแล้วแต่อารมณ์


แต่ลงทุนไม่เห็นประสบความสำเร็จสักที

[WorriedInvestor]

ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆ คร้าบผม ผมก็เข้ามา Introvert ด้วยคนครับ ผลตอบแทนจากการลงทุนยังสรุปไม่ได้ พอร์ตยังเล็กเหลือเกิน แต่ผมก็พอใจกับมันอยู่ครับ(ได้ปันผลเล็กๆน้อยๆ มาหล่อหัวใจให้มีความหวังน่ะครับ)

[โอ@]

ตอกบัตร Extrovert ชัดเจนครับ -_-'

Buffett อาจะเป็น Ambiversion ก็ได้นะครับ เพราะเคยอ่านเจอว่าเขาใช้เวลาวันๆคุยโทรศัพท์เยอะพอสมควรเลย

[Blueblood]

Introvert ชัวร์ครับ บางครั้งมากไปจนภรรยาเบื่อต้องขอออกไปข้างนอกสังสรรค์บ้าง ไม่งั้นปล่อยผมไปเรื่อยๆอยู่บ้านได้เป็นเดือนๆ 5555

[Blueblood]

แต่จากประสบการณ์ที่ได้เจอเพื่อนนักลงทุนมาหลากหลาย สังเกตุเห็นได้ชัดคือคนที่ลงทุนแนว VI ได้ดี มักจะเป็นสไตล์ Introvert นะครับ

[newbie_12]

ของผมน่าจะเป็น Introvert ครับ ตรงกับที่เขียนมาหลายๆอย่าง

[sunrise]

ขอแชร์ เพิ่มเติมนะครับ

เนื่องจากเคยทำงานด้านนี้มา

การเป็น introvert และ extrovert สามารถเปลี่ยนแปลงได้
หลังจากเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในชีวิต เช่น แต่งงาน มีลูก เข้าทำงานครั้งแรก หรือ มีเหตุการณ์ที่มีผลกระทบจากจิตใจอย่างรุนแรง

การวิเคราะห์ตัวเองในลักษณะนี้
ควรนำไปใช้ในการทำงานด้วย
เช่น extrovert ควรทำงานพบปะผู้คน เช่น พนักงานขาย ลูกค้าสัมพันธ์
ส่วนคนที่เป็น introvert นั้น ควรทำงานกับคนจำนวนน้อยและเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ด้วย
เช่นงาน computer เอกสาร หรือวางแผน
แต่อย่างไรก็ตาม สามารถ fake ได้นิดหน่อยครับเคยทำ

ในองค์กรขนาดใหญ่มักจะชอบคนที่เป็น extrovert มากกว่า introvert
เพราะว่าทำงานกับผู้คนได้ง่ายกว่า

หลายๆองค์กร ใช้การวิเคราะห์คนในลักษณะนี้ในการรับเข้าทำงานด้วยนะครับ

[yoyo]

ผมคิดว่าคนที่เป็น In หลายๆ คนอาจจะเป็นเพราะสิ่งแวดล้อม หรือ ปัจจัยอื่นๆ ที่สามารถมีได้หลายปัจจัย การจะตีความว่าเราเป็นคนลักษณะไหนคงไม่ง่าย ต้องค่อยๆ ใช้เวลาประเมิน ผมยกตัวอย่างตัวเอง ที่ถ้าให้ตอบในทันทีคงต้องบอกว่าเป็น In แต่เมื่อลองคิดเพิ่มเติม ผมคิดว่าเหตุผลมาจากการที่เราไม่เจอคนที่เข้ากันกับจริตของเรา ทำให้เราไม่ได้แสดงออกหรือคบหากับคนอื่นๆ มากนัก แต่ถ้าสิ่งแวดล้อมเปลี่ยน เช่น ถ้าเราเป็นคนที่ชอบลงทุน และสิ่งแวดล้อมหรือที่ทำงานเราเต็มไปด้วยนักลงทุนวีไอที่มีความคิดดีมีเหตุผล คุยกันถูกเรื่อง สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้เรื่อยๆ ผมเองอาจเปลี่ยนเป็น EX เลยก็ว่าได้ หรืออย่าง facebook ก็เป็นอีกตัวอย่างที่คนที่ไม่ค่อยพูดเลย แต่กลับโพสต์ข้อความที่แสดงความเป็นตัวตนในสังคมใหม่ที่เค้าไม่ต้องแสดงตัวแบบเห็นหน้า ซึ่งก็ตอบได้ยากคนลักษณะนี้จะเรียกได้ว่าอยู่ในประเภทไหน

เพราะฉะนั้นในเบื้องต้น เราควรใช้เวลาทำความเข้าใจตัวเองให้มากขี้นกว่านี้ ผมเองก็เลือกที่จะไม่เข้าสังคมมากนัก แต่ก็ชอบที่จะแชร์ความเห็นในเรื่องที่ตัวเองสนใจ ก็อาจจัดได้ว่าอยู่ในประเภท Am ส่วนการลงทุนถือว่าได้มามากกว่าที่ตั้งใจไว้มาก แต่ก็พยายามหาความรู้เพิ่มเติม เรียนรู้จากบทเรียนและประสบการณ์ที่ได้ลงทุนมา ค่อยๆ ปรับแก้ไขไปเรื่อยๆ ที่เหลือสุดท้าย อยากมีความสุขให้ได้มากเท่ากับผลตอบแทนที่ได้มาจากการลงทุน ซึ่งทุกวันนี้ดูจะยังมีทุกข์กับมันมากไปหน่อย (ชอบที่ ดร.ไพบูลย์พูดไว้ว่า การลงทุนที่ไม่ทำให้จิตใจสงบ ก็ถือเป็นกรรมหรือบาปอย่างนึง)

ลืมบอกจุดสำคัญไปจุดหนึ่ง Introvert เนี่ยถึงจะดูไม่ค่อยชอบพูดคุยเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เค้าสนใจจะสามารถคุยได้เป็นเรื่องเป็นราวเลยครับ ถ้าจะให้ชัดขึ้นมาอีกหน่อยก็น่าจะบอกว่า Introvert ไม่ชอบคุยอะไรที่ไม่ลึก ไม่ชอบ chit chat แบบว่าเป็นไงบ้าง ไปเที่ยวไหนมา อากาศดีเนอะ ทำงานที่ไหน เรียนจบที่ไหนเหรอครับ แต่จะชอบคุยแนวที่ตัวเองสนใจ คุยอะไรที่ลึกต้องใช้ความคิดทำนองนี้ อย่างผมนี่ไม่ชอบคุยกะใครเท่าไหร่ แต่ถ้าคุยกันแนว VI ผมก็จ้อได้ไม่หยุดเหมือนกัน Buffett ที่ oat บอกว่าคุยโทรศัพท์ได้ทุกวันก็อาจจะเข้าข่ายนี้ คือคุยกับคนที่ตัวเองสนใจ สนิท และคุยในเรื่องที่ตัวเองสนใจ

[KittipongS]

ผมคิดว่าคนที่เป็น In หลายๆ คนอาจจะเป็นเพราะสิ่งแวดล้อม หรือ ปัจจัยอื่นๆ ที่สามารถมีได้หลายปัจจัย การจะตีความว่าเราเป็นคนลักษณะไหนคงไม่ง่าย ต้องค่อยๆ ใช้เวลาประเมิน ผมยกตัวอย่างตัวเอง ที่ถ้าให้ตอบในทันทีคงต้องบอกว่าเป็น In แต่เมื่อลองคิดเพิ่มเติม ผมคิดว่าเหตุผลมาจากการที่เราไม่เจอคนที่เข้ากันกับจริตของเรา ทำให้เราไม่ได้แสดงออกหรือคบหากับคนอื่นๆ มากนัก แต่ถ้าสิ่งแวดล้อมเปลี่ยน เช่น ถ้าเราเป็นคนที่ชอบลงทุน และสิ่งแวดล้อมหรือที่ทำงานเราเต็มไปด้วยนักลงทุนวีไอที่มีความคิดดีมีเหตุผล คุยกันถูกเรื่อง สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้เรื่อยๆ ผมเองอาจเปลี่ยนเป็น EX เลยก็ว่าได้ หรืออย่าง facebook ก็เป็นอีกตัวอย่างที่คนที่ไม่ค่อยพูดเลย แต่กลับโพสต์ข้อความที่แสดงความเป็นตัวตนในสังคมใหม่ที่เค้าไม่ต้องแสดงตัวแบบเห็นหน้า ซึ่งก็ตอบได้ยากคนลักษณะนี้จะเรียกได้ว่าอยู่ในประเภทไหน

เพราะฉะนั้นในเบื้องต้น เราควรใช้เวลาทำความเข้าใจตัวเองให้มากขี้นกว่านี้ ผมเองก็เลือกที่จะไม่เข้าสังคมมากนัก แต่ก็ชอบที่จะแชร์ความเห็นในเรื่องที่ตัวเองสนใจ ก็อาจจัดได้ว่าอยู่ในประเภท Am ส่วนการลงทุนถือว่าได้มามากกว่าที่ตั้งใจไว้มาก แต่ก็พยายามหาความรู้เพิ่มเติม เรียนรู้จากบทเรียนและประสบการณ์ที่ได้ลงทุนมา ค่อยๆ ปรับแก้ไขไปเรื่อยๆ ที่เหลือสุดท้าย อยากมีความสุขให้ได้มากเท่ากับผลตอบแทนที่ได้มาจากการลงทุน ซึ่งทุกวันนี้ดูจะยังมีทุกข์กับมันมากไปหน่อย (ชอบที่ ดร.ไพบูลย์พูดไว้ว่า การลงทุนที่ไม่ทำให้จิตใจสงบ ก็ถือเป็นกรรมหรือบาปอย่างนึง)

ลืมบอกจุดสำคัญไปจุดหนึ่ง Introvert เนี่ยถึงจะดูไม่ค่อยชอบพูดคุยเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เค้าสนใจจะสามารถคุยได้เป็นเรื่องเป็นราวเลยครับ ถ้าจะให้ชัดขึ้นมาอีกหน่อยก็น่าจะบอกว่า Introvert ไม่ชอบคุยอะไรที่ไม่ลึก ไม่ชอบ chit chat แบบว่าเป็นไงบ้าง ไปเที่ยวไหนมา อากาศดีเนอะ ทำงานที่ไหน เรียนจบที่ไหนเหรอครับ แต่จะชอบคุยแนวที่ตัวเองสนใจ คุยอะไรที่ลึกต้องใช้ความคิดทำนองนี้ อย่างผมนี่ไม่ชอบคุยกะใครเท่าไหร่ แต่ถ้าคุยกันแนว VI ผมก็จ้อได้ไม่หยุดเหมือนกัน Buffett ที่ oat บอกว่าคุยโทรศัพท์ได้ทุกวันก็อาจจะเข้าข่ายนี้ คือคุยกับคนที่ตัวเองสนใจ สนิท และคุยในเรื่องที่ตัวเองสนใจ

ข้อนี้เห็นด้วยครับ ผมเป็นเหมือนกัน ชอบพูดแต่เรื่องที่ตัวเองสนใจ อาจเป็นเพราะมีความมั่นใจในเรื่องที่สนใจมั่งครับถึงกล้าที่จะคุยกับคนอื่น

[zz99]

ผมคิดว่าคนที่เป็น In หลายๆ คนอาจจะเป็นเพราะสิ่งแวดล้อม หรือ ปัจจัยอื่นๆ ที่สามารถมีได้หลายปัจจัย การจะตีความว่าเราเป็นคนลักษณะไหนคงไม่ง่าย ต้องค่อยๆ ใช้เวลาประเมิน ผมยกตัวอย่างตัวเอง ที่ถ้าให้ตอบในทันทีคงต้องบอกว่าเป็น In แต่เมื่อลองคิดเพิ่มเติม ผมคิดว่าเหตุผลมาจากการที่เราไม่เจอคนที่เข้ากันกับจริตของเรา ทำให้เราไม่ได้แสดงออกหรือคบหากับคนอื่นๆ มากนัก แต่ถ้าสิ่งแวดล้อมเปลี่ยน เช่น ถ้าเราเป็นคนที่ชอบลงทุน และสิ่งแวดล้อมหรือที่ทำงานเราเต็มไปด้วยนักลงทุนวีไอที่มีความคิดดีมีเหตุผล คุยกันถูกเรื่อง สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้เรื่อยๆ ผมเองอาจเปลี่ยนเป็น EX เลยก็ว่าได้ หรืออย่าง facebook ก็เป็นอีกตัวอย่างที่คนที่ไม่ค่อยพูดเลย แต่กลับโพสต์ข้อความที่แสดงความเป็นตัวตนในสังคมใหม่ที่เค้าไม่ต้องแสดงตัวแบบเห็นหน้า ซึ่งก็ตอบได้ยากคนลักษณะนี้จะเรียกได้ว่าอยู่ในประเภทไหน

เพราะฉะนั้นในเบื้องต้น เราควรใช้เวลาทำความเข้าใจตัวเองให้มากขี้นกว่านี้ ผมเองก็เลือกที่จะไม่เข้าสังคมมากนัก แต่ก็ชอบที่จะแชร์ความเห็นในเรื่องที่ตัวเองสนใจ ก็อาจจัดได้ว่าอยู่ในประเภท Am ส่วนการลงทุนถือว่าได้มามากกว่าที่ตั้งใจไว้มาก แต่ก็พยายามหาความรู้เพิ่มเติม เรียนรู้จากบทเรียนและประสบการณ์ที่ได้ลงทุนมา ค่อยๆ ปรับแก้ไขไปเรื่อยๆ ที่เหลือสุดท้าย อยากมีความสุขให้ได้มากเท่ากับผลตอบแทนที่ได้มาจากการลงทุน ซึ่งทุกวันนี้ดูจะยังมีทุกข์กับมันมากไปหน่อย (ชอบที่ ดร.ไพบูลย์พูดไว้ว่า การลงทุนที่ไม่ทำให้จิตใจสงบ ก็ถือเป็นกรรมหรือบาปอย่างนึง)

ลืมบอกจุดสำคัญไปจุดหนึ่ง Introvert เนี่ยถึงจะดูไม่ค่อยชอบพูดคุยเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เค้าสนใจจะสามารถคุยได้เป็นเรื่องเป็นราวเลยครับ ถ้าจะให้ชัดขึ้นมาอีกหน่อยก็น่าจะบอกว่า Introvert ไม่ชอบคุยอะไรที่ไม่ลึก ไม่ชอบ chit chat แบบว่าเป็นไงบ้าง ไปเที่ยวไหนมา อากาศดีเนอะ ทำงานที่ไหน เรียนจบที่ไหนเหรอครับ แต่จะชอบคุยแนวที่ตัวเองสนใจ คุยอะไรที่ลึกต้องใช้ความคิดทำนองนี้ อย่างผมนี่ไม่ชอบคุยกะใครเท่าไหร่ แต่ถ้าคุยกันแนว VI ผมก็จ้อได้ไม่หยุดเหมือนกัน Buffett ที่ oat บอกว่าคุยโทรศัพท์ได้ทุกวันก็อาจจะเข้าข่ายนี้ คือคุยกับคนที่ตัวเองสนใจ สนิท และคุยในเรื่องที่ตัวเองสนใจ

ข้อนี้เห็นด้วยครับ ผมเป็นเหมือนกัน ชอบพูดแต่เรื่องที่ตัวเองสนใจ อาจเป็นเพราะมีความมั่นใจในเรื่องที่สนใจมั่งครับถึงกล้าที่จะคุยกับคนอื่น

งั้นผมคงเป็น introvert แหงๆ ละ

[dsdumrong]

ข้อมูลน่าสนใจครับ ผมคงเป็น Introvert
ประสบการณ์เม่า คือ ลงทุนมา 2 ปีกว่า กำไรแค่ 30%

ความผิดพลาดที่ทำให้ port โตน้อย คือ
1) ช่วงแรก หุ้นที่ถือคำนวณไว้ระยะสั้น คิดว่าเต็มมูลค่าแล้ว เลยหาหุ้นอื่นที่เข้าข่ายสะสมเพิ่มไปเรื่อย กลายเป็นกระจายหุ้นมาก
2) เชื่อราคาที่เพิ่มมากกว่าความเสี่ยงของลักษณะธุรกิจ ถือตั้งแต่กำไรหลายเท่าไรจนสุดท้ายกำไรหมดตาม cycle ของมันถึงจะขาย
3) ลองปรับเป็นถือหุ้นเพียง 1 ตัว แต่ไม่สามารถรับความผันผวนได้ คิดมาก คิดเยอะ ทำให้ซื้อ/ขายบ่อยขึ้น จึงขาดทุนจังหวะที่ไม่ควรเสีย
4) ลงทุนโดยพิจารณา ค่าที่สำคัญทางบัญชี/ปันผล เป็นหลัก ซึ่งจริงๆแล้วเป็นกับดักสำหรับผู้เริ่มลงทุน เพราะบริษัทขั้นสุดยอด ควรมีปัจจัยอื่นที่สำคัญกว่านั้น เช่น ความสามารถในการแข่งขัน และ การเติบโตอย่างยั่งยืน
5) จากประสบการณ์ที่เคยถือจนขาดทุน ตัดสินใจเชื่อ concept ลงทุนต้องไม่ปล่อยจนขาดทุน เลยตัดสินใจขายตอนก่อนกำไรจะหมด... และนั่นคือจุดที่หุ้นที่เคยถือลงไปต่ำสุด หลังจากนั้นไม่เคยลงไปอีกเลย

แค่ 5 ข้อนี้กำไรก็แทบไม่เหลือ แต่ผมไม่เสียใจนะ ถึงจะแพ้ตลาดและกองทุน
เพราะถ้าซื้อกองทุนก็คงไม่ได้ซาบซึ้งถึงจิตใจและแนวคิดในการลงทุนที่ถูกต้อง
ผมชอบการลงทุน มีเรื่องเรียนรู้เยอะมาก และ ดีใจที่ได้เป็นส่วนนึงของแนวคิด VI ครับ

ก็ยังชนะอัตราดอกเบี้ยเงินฝากอยู่นะครับ

[nattachai]

ของผมน่าจะ Introvert เต็มๆครับ โดยเฉพาะเรื่องการพูดคุยกับคนอื่นครับ โดยปกติผมจะเป็นคนพูดน้อยกับคนไม่ค่อยสนิทหรือความสนใจไม่ตรงกัน แต่ถ้าเป็นเรื่องที่สนใจแล้วพูดได้ทั้งวันก็ไม่หมดครับ

[wpong]

ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็น in หรือเปล่า
ชอบคุย หรือฟังเรื่องที่ตัวเองสนใจ และไม่ค่อยมีความอดทนฟังเรื่องที่ไม่อยากฟังเท่าไหร่

[Mr.KANAT]

อ่านบทคสามนี้ของพี่ yoyo แล้วทำให้นึกถึงสมัยที่ทำงานอยู่ต่างประเทศ ได้มีโอกาสไปอบรมคอร์สๆหนึ่งเกี่ยวกับการทำงานร่วกับผู้อื่น เป็นคอร์สที่ช่วยสอนการมองบุคคลิกลักษณะของบุคคลที่เราทำงานด้วย และสอนว่าเราควรจะพูดหรือปฏิบัติกับคนๆนั้นอย่างไร เป็นคอร์สที่ผมประทับใจมาก ผู้สอนเป็นฝรั่งชาวออสเตรเลียที่มีปริญญาเอก 4 ใบ แต่มีใบหนึ่งที่น่าสนใจมากคือปริญญา ทางด้าน criminologist ในการอบรมเขาให้เราทำแบบทดสอบเกี่ยวกับ personality test ที่เรียกว่า Myers-Briggs Type indicator แล้วช่วยในการประเมินได้ละเอียดขึ้นว่าคนเราเป็นคนแบบไหน แต่อย่างไรก็ตามครับ มีจุดหนึ่งที่น่าสนใจมากที่ว่า instructor ได้เน้นย้ำอย่างนึงว่า คนเราสามารคมี 2 personality ได้ คือ personality ที่ทำงาน กับที่บ้านครับ เพราะฉะนั้นถ้าพูดถึงอาจารย์นิเวศน์ ผมว่าท่านคงมี ทั้ง introvert และ extrovert ครับ
Myers-Briggs type indicator ในบทสรุปสุดท้ายจริงๆยังสามารถบอกได้ว่า คนๆนั้นสามารถทำอะไรได้เป็นอย่างดี แต่ผมจำบทสรุปไม่ได้ว่าอันไหนเป็น investor ได้ดี เดี๋ยวขอเวลาไปรื้อหนังสือก่อน แล้วจะมาเพิ่มเติมให้นะครับ
ปล ลอง search คำว่า MBTI หรือ Myers-Briggs Type Indicator ใน google ดูครับ ผมเห็นมีอยู่เยอะเหมือนกัน อาจช่วยต่อยอดความรู้ได้บ้าง

[koh]

ลืมบอกจุดสำคัญไปจุดหนึ่ง Introvert เนี่ยถึงจะดูไม่ค่อยชอบพูดคุยเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เค้าสนใจจะสามารถคุยได้เป็นเรื่องเป็นราวเลยครับ ถ้าจะให้ชัดขึ้นมาอีกหน่อยก็น่าจะบอกว่า Introvert ไม่ชอบคุยอะไรที่ไม่ลึก ไม่ชอบ chit chat แบบว่าเป็นไงบ้าง ไปเที่ยวไหนมา อากาศดีเนอะ ทำงานที่ไหน เรียนจบที่ไหนเหรอครับ แต่จะชอบคุยแนวที่ตัวเองสนใจ คุยอะไรที่ลึกต้องใช้ความคิดทำนองนี้

งั้นผมเองก้อ Introvert เต็มๆครับ