สงสัยเกี่ยวกับการคำนวณค่า PE ของหุ้น SVH

[todsapon]

http://www.set.or.th/set/companyhighlig ... country=TH
ทำไมการคำนวณค่า PE มันเคลื่อนกันขนาดนี้ เช่นปี 2552 ราคาล่าสุด 65 บาท กำไรต่อหุ้น 4.80 บาท คำนวณ PE ได้ 13.5 แต่ที่เขาเขียนคือ 6.25 ทำไมมันเคลื่อนกันขนาดนี้ ผมเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าครับ

[vim]

ที่ผมเข้าใจ SVH มีการถือหุ้นไขว้กัน BGH ครับ เวลามาคำนวนต้องเอาจำนวนหุ้นทั้งหมดลบด้วยหุ้นที่ถือไขว้ไว้อยู่ จะได้จำนวนหุ้นที่แท้จริงมา

แต่เวลาเอามาคำนวน P/E แล้ว ผมเข้าใจว่าวิธีคิด P/E อย่าง SET นั้นไม่ถูกต้องนัก เพราะ SET ใช้ P: Price Per Share โดยนับจำนวน share จากที่หักไปแล้ว แต่พอหา E: Eanrings Per Share กลับใช้ share ทั้งหมด ค่ามันเลยเยอะกว่าปกติ

[Ii'8N]

สิ่งที่คนมักจะสับสนเกี่ยวกับหน้าสรุปนี้ (เพราะผมก็เคยเป็น )

PE ที่คำนวณข้างล่าง เป็น trailing PE ของปลา่ยปี
วันนั้น (ตลาดปิดสิ้นปี) งบการเงินไตรมาส 4 ยังไม่ออก
เช่น
"ค่าสถิติสำคัญ ณ วันที่ 30/12/2552" มันคือตัวเลขที่ตลาดรับรู้หุ้นตัวนี้ ซื้อขายจบวันปิดตลาด 4:38pm ณ สิ้นปี
แต่ "งวดงบการเงิน ณ วันที่ 31/12/2552" ความจริงไปประกาศ ราวกุมภา ปี 2553


สิ่งที่ทำให้ไม่ตรงได้มากๆ เพราะ

- เหตุผลข้างต้น ตัวเลข EPS ที่ใช้คำนวณ จึงไม่ใช่ EPS ที่เห็น ที่เป็นของ Q1....Q4 ของปี
แต่เป็นของ Q1-Q3 รวมกับ Q4 ปีก่อนหน้า

- อีกอย่าง ถ้าระหว่างปี มีการเปลี่ยนแปลงจำนวนหุ้น เช่น เพิ่ม-ลดทุน จะทำให้ EPS เป๋ไปง่าย


ทางที่ดี กลับไปค้นงบการเงิน ว่า 1Q2552, 2Q2552, 3Q2552 กับ 4Q2551 ว่าแต่ละไตรมาส ใช้จำนวนหุ้นถ่วงน้ำหนักเท่าไหร่ NOPAT เท่าไหร่
คำนวณเองใหม่เลย

[Ii'8N]

ตกไปนิดครับ

- เหตุผลข้างต้น ตัวเลข EPS ที่ใช้คำนวณ trailing P/E ข้างล่าง จึงไม่ใช่ EPS ที่เห็น ที่เป็นของ Q1....Q4 ของปี

[preedee1]

ที่ผมเข้าใจ SVH มีการถือหุ้นไขว้กัน BGH ครับ เวลามาคำนวนต้องเอาจำนวนหุ้นทั้งหมดลบด้วยหุ้นที่ถือไขว้ไว้อยู่ จะได้จำนวนหุ้นที่แท้จริงมา

แต่เวลาเอามาคำนวน P/E แล้ว ผมเข้าใจว่าวิธีคิด P/E อย่าง SET นั้นไม่ถูกต้องนัก เพราะ SET ใช้ P: Price Per Share โดยนับจำนวน share จากที่หักไปแล้ว แต่พอหา E: Eanrings Per Share กลับใช้ share ทั้งหมด ค่ามันเลยเยอะกว่าปกติ

ที่ผ่านมาได้คำตอบเช่นนั้น
แต่ผมหาข้อมูลในงบ และแบบ56-1 ก็ไม่พบว่า SVH ถือ BGH เลย
ใครพอทราบว่าถืออยู่เท่าไร หรือหาข้อมูลได้ที่ไหน กรณีด้วยครับ

แต่เบื้องต้นผมเดาว่า SET อาจจะคำนวณผิด

[Ii'8N]

ผมลองคำนวณคร่าวๆ ไม่มีการไขว้หุ้น และหุ้นไม่เคยเปลี่ยนจำนวนฐานเลยระหว่างนั้น (100ล.หุ้นตลอด) ได้ตัวเลขใกล้เคียง
โดยการคำนวณอย่างที่บอก ว่าเป็น trailing PE แต่ไม่ใช่ของปี P/E อยู่ระหว่าง 6-7

เดี่ยวเย็นๆ จะลองมาคำนวณดูครับ ถ้าคุณว่า่ง ลอง download ส่วนที่เป็น file excel มาลองดูเองก็ได้

http://capital.sec.or.th/webapp/corp_fi ... mp_id=0190

[investor9000]

ที่ผมเข้าใจ SVH มีการถือหุ้นไขว้กัน BGH ครับ เวลามาคำนวนต้องเอาจำนวนหุ้นทั้งหมดลบด้วยหุ้นที่ถือไขว้ไว้อยู่ จะได้จำนวนหุ้นที่แท้จริงมา

แต่เวลาเอามาคำนวน P/E แล้ว ผมเข้าใจว่าวิธีคิด P/E อย่าง SET นั้นไม่ถูกต้องนัก เพราะ SET ใช้ P: Price Per Share โดยนับจำนวน share จากที่หักไปแล้ว แต่พอหา E: Eanrings Per Share กลับใช้ share ทั้งหมด ค่ามันเลยเยอะกว่าปกติ

ที่ผ่านมาได้คำตอบเช่นนั้น
แต่ผมหาข้อมูลในงบ และแบบ56-1 ก็ไม่พบว่า SVH ถือ BGH เลย
ใครพอทราบว่าถืออยู่เท่าไร หรือหาข้อมูลได้ที่ไหน กรณีด้วยครับ

แต่เบื้องต้นผมเดาว่า SET อาจจะคำนวณผิด

ผมก็คิดแบบนั้น ถ้าในกรณีที่มีการถือหุ้นไขว้กัน แล้วจะนำจำนวนหุ้นหลังจากหักแล้วมาคำนวณ ค่าทรัพย์สิน หนี้สิน และส่วนของผู้ถือหุ้นจะต้องทำการ Eliminate กันออกให้หมดก่อน จึงนำมาแสดงได้ เพราะงบการเงินที่จะแสดงต่อนักลงทุนจะต้องเป็นงบ consolidated ซึ่งต้องมีการทำการ Eliminate รายการระหว่างกันไปจนหมดสิ้น ไม่ว่าจะเป็น รายได้ ค่าใช้จ่าย ทรัพย์สิน หนี้สิน

[sipoonya]

อยากรู้เหมือนกัน ตามที่พี่ Ii'8N บอกเรื่อง trailing PE นั้นเข้าใจครับ
แต่ตัวเลขไม่น่าจะกระโดดขนาดนั้น เพราะจะผิดไปมากทั้ง p/e p/bv
ส่วนเรื่องการไขว้หุ้น หาไม่เจอเหมือนกัน รอพี่ vim มาเฉลยอีกที

ก็ลองเช็คดู siamchart บอก p/e = 11 พอๆกับ set แต่ eps = 19บ !!
แล้วก็ลองดู morning star : Price/Earnings TTM = 26.7 Price/Book = 4.9
ผมว่าของ morning star น่าจะใกล้เคียงกว่า สำหรับในการจะลงทุน
แต่หาเหตุผลไม่เจอว่าทำไม set คิดอย่างนั้น รอเฉลยดีกว่า 55+
แก้เบื่อดีเหมือนกันฮะ

[Ii'8N]

ผมลองคำนวณแล้ว ปรากฎว่าเพี้ยนไปจริงครับ (เมื่อเช้าที่ว่า 6-7 อาจเพราะผมรีบ เลยมีความผิดพลาดจริง)


การคำนวณ แชร์ไว้ที่
https://docs.google.com/spreadsheet/ccc ... VVLYnZRRFE

เลยสงสัย ว่าแล้ว PBV ล่ะ
ค่าที่ได้ต่างไปเหมือนกัน
แต่พอคำนวณออกมา กลับได้ค่าต่างกัน
ที่ไม่ใช่บังเอิญแน่ๆ คือค่าที SET แสดงออกมา จะมีค่าเพียง ราว 44% ของที่คำนวณได้ ทุกปี ทั้งที่ มีทั้งค่า P และ ค่า BV มาให้เสร็จสรรพ ไม่ต้องไปค้นหาความถูกต้องของค่าที่ไหน


PE ของปี 52 ที่กำลังพูดถึง เป็น 44% ของค่าที่คำนวณได้เหมือนกัน
แต่ไม่รู้ว่าบังเอิญรึเปล่า


ใน 56-1 มีแค่เรื่องเดียวที่เห็นที่อาจเกี่ยว คือเพิ่มทุน จาก 600ล้าน เป็น 1000ล้าน แต่เพิ่มทุนเฉยๆ ไม่น่ามีผลให้ต้องไปลดตัวเลข PE PBV ลงมา
เรื่องอื่นน่าสนใจเหมือนกัน ว่าหุ้นไขว้กันแบบไหน


ใครจะลองเอาไฟล์คำนวณเอง
https://docs.google.com/folder/d/0B77AV ... Zldms/edit
ไปที่ menu file ของ google doc ... แล้วอาจ download as เป็น excel ก็ได้

ถ้าหาที่มาได้ ลองเอามาแชร์กันอีกนะครับ เผื่อได้ความรู้อะไรเพิ่มเติม

[vim]

ผมตอบเท่าที่พอเข้าใจนะครับ ผมเริ่มจากการตามข่าวที่คุณ preedee1 โพสท์เอาไว้ในห้อง SVH ในสมัยก่อนครับ

ได้คำตอบคล้ายเดิมแต่มีอ้างอิงข่าวปี 2547 แต่ผมหาข่าวนั้นไม่ได้แล้ว คงต้องเข้าใจว่า S.E.T. มีข้อมูลที่ถูกต้อง
ตามเมลตอบกลับข้างล่างนี้

จากการตรวจสอบการคำนวณค่า P/E ของ หลักทรัพย์ SVH แล้ว พบว่า มีการคำนวณโดยการใช้จำนวนหุ้นสามัญจดทะเบียนหักจำนวนหุ้นที่ถือโดยบริษัทจดทะเบียนอื่นซึ่งเกิดการแลกหุ้น ซึ่งจะแตกต่างจากวิธีคำนวณปกติ เนื่องจากบริษัท SVH มีการถือครองและมีการแลกหุ้นกับบริษัทจดทะเบียนอื่นด้วย

โดยข่าวของ บริษัท SVH วันที่ 23/12/2547 มีการแจ้งผลสรุปการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของกิจการ โดยบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) มีผลทำให้มีวิธีการคำนวณจำนวนหุ้นแตกต่างจากปกติค่ะ

อย่างไรก็ตาม ทางตลาดฯ จะทำการตรวจสอบและพิจารณาเงื่อนไขการคำนวณสำหรับกรณีดังกล่าวให้มีความเหมาะสม เพื่อป้องกันการสับสนของผู้ลงทุนต่อไป


S-E-T Call Center
The Stock Exchange of Thailand "SET"

เกี่ยวกับการเสนอซื้อหุ้นในวันที่ 23/12/2547 ในเนื้อหาเขียนไว้ว่า BGH ได้ซื้อหุ้นของ SVH เป็นจำนวน 56,125,755 หุ้น

ตรงนี้นำมาคำนวน อ้่างอิงจากคำตอบของ SET Call Center แล้วจะได้ว่า

จำนวนหุ้นสุทธิ = (จำนวนหุ้น - จำนวนหุ้นที่ถูกเสนอซื้อ) = 100,000,000 - 56,125,755 = 43,874,245 หุ้น
P = จำนวนหุ้นสุทธิ * ราคาต่อหุ้น = 43,874,245 * 230 = 10,091,076,350 (คิดจากราคาปิดของวันนี้)
E = ส่วนของกำไรเบ็ดเสร็จที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่ ย้อนหลัง 12 เดือน (TTM) = 225.10 + 254.64 + 154.32 + 235.62 = 869.68 ล้านบาท

หากคิดตาม SET ก็จะได้ P/E = 11.60
(อาจจะคลาดเคลื่อนเล็กน้อย เพราะ E ใช้ทศนิยมแค่ 2 ตำแหน่ง และมาตรฐานบัญชีในช่วงหนึ่งปีอาจมีการเปลี่ยนแปลง)

การคิดของ SET นี้มันมีสองประเด็นคือ
1. วิธีคิดจำนวนหุ้นสุทธิแบบนี้มันสมเหตุสมผลหรือเปล่า
2. ทำไมไม่นำจำนวนหุ้นที่ถูกเสนอซื้อ ไปหักสัดส่วนออกจาก E

โดยส่วนตัวผมไม่เชื่อค่าดัชนีพวกนี้จากเว็บไซต์อื่นๆ เพราะมันชอบมีปัญหาจุกจิกเช่นลืมหักรายได้พิเศษ ใช้กำไรผิดตัวมาคิด หรือกรณีแบบ SVH นี้ ผมเลยนิยมมาคิดดัชนีต่างๆเอาเอง สบายใจ

[vim]

ปล.เพื่อเป็นข้อมูลในอนาคต ในที่นี้ผมคิด TTM ไล่ลงไปตั้งแต่ 2Q2012 นะครับ ราคาต่อหุ้น 230 บาทคิดจากราคาปิดวันที่ 25/10/2555 ซึ่งในเว็บ SET คำนวน P/E ไว้เท่ากับ 11.69

[todsapon]

ผมลองศึกษาดูแล้วครับพบว่ามีจำนวนหุ้นที่จะมาเป็นส่วนแบ่งทั้งสิ้น 100,000,000 หุ้น ทำให้ผมเข้าใจหมดทุกอย่างแล้วครับ ข้อมูลนี้นับว่าสำคัญมากในการประเมินมูลค่าหุ้น ประเมินผลตอบแทนครับ

[imerlot]

ของเ่ก่า..ปี2010
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... &hilit=svh

...
แถม
...
4q
..

[imerlot]

แถม..

data.cnbc.com 2012-10-26 22-2-24.png

source:
http://data.cnbc.com/quotes/svh.BK/tab/6.2

[imerlot]

4q
source:
http://data.cnbc.com/quotes/DCC.BK/tab/7.2

[imerlot]

www.set.or.th 2012-10-26 22-29-55.png

www.set.or.th 2012-10-26 22-29-55.png

--
25/10/2555
P/BV (เท่า) 2.14

มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 23,000.00

มูลค่าหุ้นทางบัญชีต่อหุ้น (บาท) 47.14
ส่วนของผู้ถือหุ้น 4,714.14
...

[Ii'8N]

ผมตอบเท่าที่พอเข้าใจนะครับ ผมเริ่มจากการตามข่าวที่คุณ preedee1 โพสท์เอาไว้ในห้อง SVH ในสมัยก่อนครับ

ได้คำตอบคล้ายเดิมแต่มีอ้างอิงข่าวปี 2547 แต่ผมหาข่าวนั้นไม่ได้แล้ว คงต้องเข้าใจว่า S.E.T. มีข้อมูลที่ถูกต้อง
ตามเมลตอบกลับข้างล่างนี้

จากการตรวจสอบการคำนวณค่า P/E ของ หลักทรัพย์ SVH แล้ว พบว่า มีการคำนวณโดยการใช้จำนวนหุ้นสามัญจดทะเบียนหักจำนวนหุ้นที่ถือโดยบริษัทจดทะเบียนอื่นซึ่งเกิดการแลกหุ้น ซึ่งจะแตกต่างจากวิธีคำนวณปกติ เนื่องจากบริษัท SVH มีการถือครองและมีการแลกหุ้นกับบริษัทจดทะเบียนอื่นด้วย

โดยข่าวของ บริษัท SVH วันที่ 23/12/2547 มีการแจ้งผลสรุปการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของกิจการ โดยบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) มีผลทำให้มีวิธีการคำนวณจำนวนหุ้นแตกต่างจากปกติค่ะ

อย่างไรก็ตาม ทางตลาดฯ จะทำการตรวจสอบและพิจารณาเงื่อนไขการคำนวณสำหรับกรณีดังกล่าวให้มีความเหมาะสม เพื่อป้องกันการสับสนของผู้ลงทุนต่อไป


S-E-T Call Center
The Stock Exchange of Thailand "SET"

เกี่ยวกับการเสนอซื้อหุ้นในวันที่ 23/12/2547 ในเนื้อหาเขียนไว้ว่า BGH ได้ซื้อหุ้นของ SVH เป็นจำนวน 56,125,755 หุ้น

ตรงนี้นำมาคำนวน อ้่างอิงจากคำตอบของ SET Call Center แล้วจะได้ว่า

จำนวนหุ้นสุทธิ = (จำนวนหุ้น - จำนวนหุ้นที่ถูกเสนอซื้อ) = 100,000,000 - 56,125,755 = 43,874,245 หุ้น
P = จำนวนหุ้นสุทธิ * ราคาต่อหุ้น = 43,874,245 * 230 = 10,091,076,350 (คิดจากราคาปิดของวันนี้)
E = ส่วนของกำไรเบ็ดเสร็จที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่ ย้อนหลัง 12 เดือน (TTM) = 225.10 + 254.64 + 154.32 + 235.62 = 869.68 ล้านบาท

หากคิดตาม SET ก็จะได้ P/E = 11.60
(อาจจะคลาดเคลื่อนเล็กน้อย เพราะ E ใช้ทศนิยมแค่ 2 ตำแหน่ง และมาตรฐานบัญชีในช่วงหนึ่งปีอาจมีการเปลี่ยนแปลง)

การคิดของ SET นี้มันมีสองประเด็นคือ
1. วิธีคิดจำนวนหุ้นสุทธิแบบนี้มันสมเหตุสมผลหรือเปล่า
2. ทำไมไม่นำจำนวนหุ้นที่ถูกเสนอซื้อ ไปหักสัดส่วนออกจาก E

โดยส่วนตัวผมไม่เชื่อค่าดัชนีพวกนี้จากเว็บไซต์อื่นๆ เพราะมันชอบมีปัญหาจุกจิกเช่นลืมหักรายได้พิเศษ ใช้กำไรผิดตัวมาคิด หรือกรณีแบบ SVH นี้ ผมเลยนิยมมาคิดดัชนีต่างๆเอาเอง สบายใจ

จำนวนหุ้นสุทธิ = (จำนวนหุ้น - จำนวนหุ้นที่ถูกเสนอซื้อ) = 100,000,000 - 56,125,755 = 43,874,245 หุ้น

คงสัมพันธ์กับตัวเลข 44% ที่ว่า

[Ii'8N]

ใช่เลยครับ ได้ตรงกันครับ

https://docs.google.com/spreadsheet/ccc ... Xh1R3R2R1E

[imerlot]

old info relate to share:
source:
annul report 2548 -#24
http://www.set.or.th/dat/finreport/annu ... 98004T.zip

remark24-annual2548.PNG

[imerlot]

สรุปว่า..ไม่รู้เรื่อง ครับ too hard for me..
just some data info but ..do not REALLY understood..

[investor9000]

วิธีการนำหุ้นที่ถือไขว้กันมาหักออกไปจากการคำนวณ ผมว่าไม่ควรทำ เพราะจะยิ่งทำให้นักลงทุนสับสน

ควรที่จะบันทึกโดยการบันทึกสองขา คือ มีการบันทึกเงินลงทุนในบริษัทย่อย/ร่วม และมีการบันทึกทุนส่วนเพิ่มใน
ส่วนของผู้ถือหุ้น และคำนวณ ค่า PE PBV ต่อหุ้นตามจำนวนที่มีอยู่จริง น่าจะเหมาะสมกว่า และไม่สับสน
เพราะการถือหุ้นไข้วกันจะมีทั้งส่วนเกินทุนที่ไม่เท่ากันแน่นอน และทั้งสองบริษัทก็ต่างอยู่ในตลาดทั้งคู่
ซึ่งแน่นอนว่าราคาตลาดย่อมมีราคาไม่เท่ากันและไม่เท่าเดิม