อะไรทำให้บัฟเฟตต์เป็นนักลงทุนในตำนาน

[netirut]

เพื่อนๆคิดว่าอะไรครับ
หลักการที่ดีเยี่ยม วิธีการที่ยอด การมองแบบเหนือชั้น ความนิ่งของจิตใจ
ความขยันและฉลาด การอ่านไม่หยุด ตายยาก ฯลฯ

ส่วนตัวผมคิดว่าอะไรต่างๆข้างบน นักลงทุนเก่งๆคนอื่นในโลกก็น่าจะมีเช่นกัน
ในระดับใกล้เคียง บางคนทำผลตอบแทนทบต้นได้เหนือกว่าก็มี
แต่สิ่งที่ทำให้บัฟเฟตต์ไปได้ไกลกว่ามาก คือ เขาทำอะไรที่มากกว่าการหาบริษัทที่ดีลงทุน
นั่นคือ "เค้ารู้จักหาวิธีหาเงินมาลงทุนได้อย่างเหนือชั้น ไม่อั้น" เริ่มตั้งแต่ partnership
ไปจนถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ คือ ไจโก ถ้าเค้าเพียงแต่เอาเงินเก็บหรือเงินเดือนมาลงทุน
แม้ว่าจะเก่งขนาดไหน ก็คงเป็นนักลงทุนที่เก่งมากๆคนหนึ่ง แต่คงไม่ใช่นักลงทุนในตำนาน

[คลายเครียด]

ความสามารถตามปัจจัยพื็นฐานสะสมของแต่ละคนครับ

[prajuvb]

ผมว่ามีหลายข้อครับ
1.ลงทุนได้ผลตอบแทนสุดยอดเป็นเวลานานมากโดยไม่ได้ทำธุรกิจอื่นเลย
2.เผยแพร่แนวทางการลงทุนแบบไม่ปิดบังและนักลงทุนอื่นสามารถทำตามและสำเร็จได้จริง
3.ตรงไปตรงมาซื่อสัตย์ต่อผถห.ไม่เอาเปรียบ
4.ใจกว้างบริจาคเงินให้กับการกุศลจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์
5.มีอารมณ์ขัน คำคม ที่จดจำได้ง่ายชัดเจน
6.ยึดหลักการviเป็นชีวิตจิตใจการกินการอยู่เรียบง่ายติดดินไม่ลืมตัว
ผมว่าหาไม่ได้ที่มีครบเครื่องแบบนี้ในคนๆเเดียว

[CR[t]]

ผมว่านอกเหนือจากหลักการและความสามารถของบัฟเฟตแล้ว สิ่งที่ทำให้บัตเฟตสามารถทำผลตอบแทนได้ดีในระยะยาว
น่าเป็นการสามารถนำ float ของ insurance และ reinsurance มาลงทุนต่อได้ผลตอบแทนที่ดี โดยมีต้นทุนการเงินที่ต่ำ
ประมาณ 2.2% บวกกับความสามารถที่เหนือกองทุนทั่วไปไม่มี นั่นก็คือจะไม่ต้องโดนเรียกเงินที่เอามาลงทุนต่อ(กู้)คืน
ในเวลาที่ตลาดหุ้นตกต่ำหรือผู้ให้กู้ต้องการใช้เงิน

[wasan_yu]

ใจบุญ

[TBJTBT]

ผมเห็นด้วยกับมุมมองหลายๆข้อที่ได้กล่าวมาแล้วในด้านของฝีมือ

แต่มองอีกมุมหนึ่ง ผมว่าบัฟเฟตเขาโชคดีด้วยครับ
และที่สำคัญเขาฉกฉวยความโชคดีไปใช้ลงทุนนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม

เขาโชคดีที่เกิดในอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดทุนที่ใหญ่ที่สุด
นอกจากนั้นยังเริ่มลงทุนในช่วงที่ตลาดอเมริการโตอย่างต่อเนื่องมาหลายสิบปี
(ระหว่างนั้นมีวิกฤติหลายครั้ง แต่ก็รอดมาได้ อันนี้ผมนับเป็นฝีมือ ไม่ใช่โชค)

ลองบัฟเฟตมาเกิดในเมืองไทย แล้วเริ่มลงทุนใน SET เหมือนคนไทย
ด้วยฝีมือของเขา ผมว่าเขาก็ร่ำรวยมหาศาลอยู่ดี และก็อาจจะเป็นตำนานในไทย
แต่คงไม่ถึงกับเป็นตำนานของโลก เนื่องด้วยปัจจัยแวดล้อมหลายๆอย่างไม่เอื้ออำนวย
ให้เขาแสดงศักยภาพในตัวเขาออกมาได้หมด

สรุปว่าทั้งเก่ง ทั้งเฮงครับ

[yakjabon]

ผมเห็นด้วยกับมุมมองหลายๆข้อที่ได้กล่าวมาแล้วในด้านของฝีมือ

แต่มองอีกมุมหนึ่ง ผมว่าบัฟเฟตเขาโชคดีด้วยครับ
และที่สำคัญเขาฉกฉวยความโชคดีไปใช้ลงทุนนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม

เขาโชคดีที่เกิดในอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดทุนที่ใหญ่ที่สุด
นอกจากนั้นยังเริ่มลงทุนในช่วงที่ตลาดอเมริการโตอย่างต่อเนื่องมาหลายสิบปี
(ระหว่างนั้นมีวิกฤติหลายครั้ง แต่ก็รอดมาได้ อันนี้ผมนับเป็นฝีมือ ไม่ใช่โชค)

ลองบัฟเฟตมาเกิดในเมืองไทย แล้วเริ่มลงทุนใน SET เหมือนคนไทย
ด้วยฝีมือของเขา ผมว่าเขาก็ร่ำรวยมหาศาลอยู่ดี และก็อาจจะเป็นตำนานในไทย
แต่คงไม่ถึงกับเป็นตำนานของโลก เนื่องด้วยปัจจัยแวดล้อมหลายๆอย่างไม่เอื้ออำนวย
ให้เขาแสดงศักยภาพในตัวเขาออกมาได้หมด

สรุปว่าทั้งเก่ง ทั้งเฮงครับ

ผมคิดว่าโลกกำลังจะกลับด้านนะครับ .. ถ้าเริ่มตั้งแต่ทศวรรษนี้ ผมว่าคนที่เกิดในเอเชียโชคดี การลงทุนจะหันมากองอยู่ในเอเชียและขยายส่งออกไปตะวันตก โลกความนิยมจะกลับด้านจากตะวันตกไปตะวันออกมาตะวันออกไปตะวันตก .. ค่าเงินเอเชียจะเริ่มแข็งตัวขึ้นตามเศรษฐกิจจนอาจเกิดจุดพลิก ฯลฯ .. สรุป ผมว่า Warren Buffett คนต่อไปในอีก 20 ปีข้างหน้าเกิดแล้วที่เอเชีย และอาจเป็นคนรอบๆตัวเราครับ

[imerlot]

ผมไม่รู้ แต่ไปถาม อากู๋มา
ได้อย่างนี้..
1. ให้ความสำคัญยิ่งยวดกับการลงทุนทบต้นอย่างต่อเนื่องยาวนาน
2. ไม่ยอมผลตอบแทนแค่ค่าเฉลี่ย..แปลว่า 24%+
3. เน้นความสม่ำเสมอ คงเส้นคงวา consistency
4. ซื้อธุรกิจที่คุณรู้จักดี stick to what u know (better than other)
5. Temperament
6. ลองดู ความรู้ ตลาดหุ้น100ปี ปู่ใน 8 นาที ว่าปู่จำได้มากขนาดไหน

source1:
http://www.mbaknol.com/management-case- ... ent-style/

สรุป ย่อมา..เอาเฉพาะข้อเด่นๆ
1. Warren Buffett gives the tremendous importance to the power of compounding.
o force exerts more influence on portfolio than time. Time takes a bigger toll on terminal wealth than do taxes, inflation and poor stock picking combined. The longer that money can compound, the larger the sum will be.

2. Investors should never accept average returns because that’s the best they will ever attain. They should instead seek ways to magnify their yearly returns. Adding a few percentage points of gain each year compounds into huge amounts over time. The return will be much higher if the stocks are bought when market underpriced the company.

10. Warren Buffett craves consistency because it helps remove risk from a stock portfolio. Research has shown that a consistent track record of performance tends to result in consistent share price growth. A company with a long track record of stable performance is much more likely to have a stable stock price than a company whose growth streak is pockmarked with sharp gain and losses.

source2:
http://investinginknowledge.com/info/20 ... s-success/

Greer: Roger, I was struck in terms of that “sticking to what you know.”

..stick to stuff you know. If something is going up and other people are buying it, but you don’t understand it, let that go by and buy something you would be confident for holding for three, four, five years. Don’t buy on the basis of it’s going to go up tomorrow or someone else is going to take it off your hands, but that if you were buying the whole business at that price, you would be happy owning and operating that business, having put that amount of capital on a per-share basis in. You can’t go wrong doing that kind of stuff.

source3:
"The key factors for success involve working hard to define your circle of competence and to always try to expand it. There really is no substitute for years of experience which is why Warren Buffett and Charlie Munger are only getting better at their jobs as they get older."

source3:
T E M P E R A M E N T
http://www.rationalwalk.com/?p=8213

People like to ask Buffett how he values an investment, but a question like that is not too meaningful. He does not do it any differently than an average investor. In fact, his investment calculation model is probably the same as what we all learn from financial textbooks. The real distinction, then, is how Buffett equips himself with the right mental capacity to stick to his investment principles year after year, regardless of the prevailing environment.

...
temperament ปู่พูดเองใน talk to UGA terry 2001..(มีต่อ)

[imerlot]

ถอดจากวิดีโอ.Buffet at .terry UGA 2001
เฉพาะ 8 นาที เกี่ยวกับ 100ปี ตลาดหุ้น

8 minutes Minute48-56 (buffett 2001 to terry UGA)

1. GDP us in 20century(1901-1999) went up 600% (6x ใน 100ปี)
2. up every Decade including the30s up 13%
3. 100year of Improve..
4. the 40s WWI up 36%
5. 6 big peroids in there and 3 Big bull market
6. 1900-1921 Dow from 66-71 a 10% move in 20years = 0.5% a year.
7. 1921-29 Dow 71-381 in September 1929 up 500% ; obvious Well being of the nation did not up 500% during that peroid.
8. Sep1929-end of1948 Dow 381 to 180 cut in half in 18 long year. but GDP is moving up..
9. end 1948-1965 Dow 180 to close to 1000 up 5to 1
10. 1965-81 Dow went down
11. last period went up a lot (หมายถึง 1980-1999)
12. 100y $1000 become 180:1 or $180,000
13. 43.75 year of Big Hugh Bull Market.
14. 56.25 year of period stagnation.
13. total 100y move from 66 to 11000. (ประมาณ 166X)
14. the Answer Investor behave very HUMAN very Excite during Bull Market. only look last year Rear Mirror n push push PRICE.
They don't care the Underly business.
15. Buffet's Live 17year of Stagnationperiod .1965-1982 17year of stagnation.
16. (m53)in1970s Pesion Fund put 100% in stock; then get a lot cheaper They put a Record low of 9% in stock in 1978 when stock are way cheaper.
17. (m53.43)They get Exite when other get Exit; they get greedy when other get greedy; they get fearful when other get fearful.
The country will do well over time; but you will see those HUGH wave.
***18. (m53.59)If you can stay Objective thru out that; detach yourselve temper mentally from the crowd..YOU GET VERY RICH!!!
You don't have to be very bright. It does not take brain; it take "temperament" (54.15) take ability to sit there..

เป็นหนึ่งใน speech ที่ ดี ที่สุด ถ้า คุณจะรู้จักปู่บัฟ..

[ศิษย์เซียน007]

born to be kub

[anusak]

หลายข้อที่เขียนมา ผมว่าคนอื่นๆก็มี ผมว่าที่ทำให้ Buffet ต่างจากคนอื่นชัดเจนก็คือ

เขาเป็นผู้ลงทุนที่รวยที่สุดในโลก มั้งครับ

[netirut]

ถ้าเราคิดว่าเพราะบัฟเฟตต์นั้นดวงเกิดมาเพื่อเป็นนักลงทุนในตำนาน หรือเพราะเฮงด้วย ก็น่าจะมีส่วนถูก
แต่ผมเคยคิดถึงเรื่องดวงหรือเรื่องเฮงอย่างหนัก ศึกษาเรื่องดูดวง เลขฐาน ฮวงจุ้ยนู่นนี่ สุดท้ายตอนนี้คิดว่า
ปัจจุบันและอนาคตของเราเป็นผลมาจากอดีตและปัจจุบันของเรา อดีตก็คือที่เรียกว่ากรรมเก่า ดวง เฮง ฟ้าลิขิต
หรือจะเรียกอะไรก็แล้วแต่ ในเมื่อปัจจุบันและอนาคตของคนขึ้นกับอดีตและปัจจุบัน แต่อดีตนั้นมันเป็นสิ่งที่
เกิดขึ้นเสร็จสมบูรณ์ไปแล้วผลที่จะตามมายังไงก็ต้องเกิดเราทำอะไรไม่ได้เลย และเราไม่มีทางรู้แน่นอนว่าจะเป็นยังไง
แล้วเราจะสรุปว่าชีวิตเราถูกกำหนดด้วยอดีตทั้งหมดก็คงไม่ใช่ ดังนั้นก็มีแต่ปัจจุบันเท่านั้นที่เราจะทำอะไรกับมันได้
สรุปว่า ปัจจุบันและอนาคตของเราขึ้นอยู่กับทั้งอดีตและปัจจุบันของเรา แต่มีเพียงปัจจุบันเท่านั้นที่เราควรใส่ใจ

กลับมาที่บัฟเฟตต์ เขาคงไม่รู้และไม่สนใจว่าดวงเขาจะเป็นยังไง แต่มีคำพูดนึงที่ผมชอบมากและคิดว่านี่อาจเป็น
หลักฐานว่าเขากำหนดชีวิตของตัวเอง เขาพูดว่า
"ผมรู้อยู่เสมอว่าผมจะรวยอย่างแน่นอน ผมไม่เคยลังเลสงสัยมันเลยแม้แต่นาทีเดียว" เพราะความคิดแบบนี้ที่ไปกำหนด
การกระทำทุกๆปัจจุบันของเขา ซึ่งอาจเป็นอีกสาเหตุหลักอันหนึ่งที่ทำให้เขากลายเป็นนักลงทุนในตำนาน

[Unstablemind]

Hes very humble and doesn't show off.

[yakjabon]

กลับมาที่บัฟเฟตต์ เขาคงไม่รู้และไม่สนใจว่าดวงเขาจะเป็นยังไง แต่มีคำพูดนึงที่ผมชอบมากและคิดว่านี่อาจเป็น
หลักฐานว่าเขากำหนดชีวิตของตัวเอง เขาพูดว่า
"ผมรู้อยู่เสมอว่าผมจะรวยอย่างแน่นอน ผมไม่เคยลังเลสงสัยมันเลยแม้แต่นาทีเดียว" เพราะความคิดแบบนี้ที่ไปกำหนด
การกระทำทุกๆปัจจุบันของเขา ซึ่งอาจเป็นอีกสาเหตุหลักอันหนึ่งที่ทำให้เขากลายเป็นนักลงทุนในตำนาน

ผมเคยได้ยินคำกล่าวคล้ายๆกันใน Rich Dad, Poor Dad ครับ จำได้ว่า "ถ้าอยากจะรวย ให้คิดแบบคนรวย และทำแบบที่คนราวยทำ" ขอเสริมนิดนึงว่า "คนรวย (รุ่นแรก)" นะครับไม่ใช่ "ลูกคนรวย" ลองอ่าน First Gen แต่ละคนรวมถึงคนที่ได้รู้จักกับตัว ผมไม่เคยสงสัยเลยสักคนเดียวว่าทำไมเขาเหล่านั้นจะไม่รวย

[investor9000]

ประกาศยกเงินทั้งหมดให้การกุศล นี่แหละยอดคน

ที่จริงมีคนรวยกว่า Buffett มาหลายคนแต่ ไม่มีใครนับถือ เพราะบริจาคให้การกุศลน้อยมาก

แต่ Buffett รวยมหาศาล(นี่ถ้าไม่บริจาคจะรวยยิ่งกว่านี้) แต่กินน้อย ใช้น้อย และบริจาคหมด