MK ไม่ค่อยมีคนสนใจเลย ทำไมเอ่ย

[moonkiss]

ไม่น่าสนใจสำหรับชาว VI มั่งหรือครับ ไม่มีใครพูดถึงเลย
ผมอัดไว้แน่น port เลยครับ

[jaychou]

คุณmoonkiss อัดไว้เต็มปอด
น่าจะพบความน่าสนใจ มาเล่าให้อ่านหน่อยดิคับ

[sunrise]

ผมว่ายังไม่ใช่เวลาที่อสังหาจะกลับมาน่ะครับ
เลยยังคิดว่าอาจจะยังไม่ถึงเวลา
เพราะว่าอสังหาเพิ่ง พีคไปปี 46 ผ่านไปแค่ 2-3ปี อาจยังไม่ใช่จังหวะที่ดีที่จะเข้าไปซื้อครับ

[sunchaiu]

ผมว่า MK ก็มีข้อดีหลายข้อนะครับ เช่น
- P/BV = 0.5
- P/E ประมาณ 4 (ไม่รวมกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ ถ้ารวมก็ 2 กว่าๆ)
- Net Profit Margin ประมาณ 20% ดีพอๆ กับ SPALI และดีกว่า LPN
- ยอดขายและกำไรโตทุกปีในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
- หนี้น้อย D/E แค่ 0.6 เอง

เพื่อนๆ คิดว่าไงครับ

[สามัญชน]

จำได้ลางๆว่า mk ต้องใช้เวลาขายของเดิมนานถึงสิบไตรมาส สินค้าคงคลังถึงจะหมด  นี่คิดแบบที่ว่าเขาไม่สร้างบ้านเพิ่มเลยนะ

มีกระทู้เกี่ยวกับ mk เยอะอยู่ครับ ลองค้นดูนะครับ

[yoyosun]

หุ้นดีแต่ทำไมเจ้าของขายเยอะจัง จาก 30%  เหลือ 19%

[อองตวน]

ดูเหมือนราคาหุ้นสร้างบ้าน ก็ได้เริ่มตอบรับสัญญาณใกล้สิ้นสุดการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของเฟดไปบ้างแล้วอ่ะครับ

[thaistock2005]

ผมก็ติดใจเรื่องผู้บริหารขายหุ้นนะ
แต่เขาก็ว่าขายมาไม่มาก เพื่อใช้ส่วนตัว

[thaistock2005]

ผมว่า MK ก็มีข้อดีหลายข้อนะครับ เช่น
- P/BV = 0.5
- P/E ประมาณ 4 (ไม่รวมกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ ถ้ารวมก็ 2 กว่าๆ)
- Net Profit Margin ประมาณ 20% ดีพอๆ กับ SPALI และดีกว่า LPN
- ยอดขายและกำไรโตทุกปีในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
- หนี้น้อย D/E แค่ 0.6 เอง

เพื่อนๆ คิดว่าไงครับ

เท่าที่ดู ไม่ค่อยโปรโมทตัวเองนะครับ
ถ้าเราไม่เล่นหุ้น ผมก็ไม่รู้จัก
แต่การโปรโมทก็ถือเป็นค่าใช้จ่ายด้วย
อาจจะได้ยินแสนสิริ แต่ของดู d/e แสนสิริ มาเทียบ mk ซิ
อาจได้ยิน ศุภาลัย แต่ลองเทียบ book กับ mk ซิ

ผมว่าหุ้นแบบนี้เหมาะกับ vi ดีครับ

[Golden Stock]

คำมั่น "ตั้งมติธรรม" ต่อทิศทาง "MK" หุ้นดี-ทำไม!! "เจ้าของ" ถือแค่ 19%

เป็นที่น่าสังเกตว่านับตั้งแต่เดือนเมษายน 2546 ถึงเดือนพฤศจิกายน 2548 "ชวน ตั้งมติธรรม" และ "คู่สมรส" (อัญชัน) ทั้งคู่เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท "ขายหุ้น..MK" ออกมาตลอด คิดเป็นมูลค่า 60-70 ล้านบาท อีกทั้งยังมีการ "โอนหุ้น" ออกจากพอร์ต จำนวนมากถึง 47 ล้านหุ้น


นอกจากนี้ตลอดทั้งปี 2548 ผู้บริหารยังมีพฤติกรรมการ "เทรดหุ้น" ตัวเอง เป็นระยะๆ จนมี "นักลงทุน" ตั้งคำถามกับ "ชุติมา ตั้งมติธรรม" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายบัญชีและการเงิน บริษัท มั่นคงเคหะการ (MK) "ทายาท" ทางธุรกิจของ "ชวน-อัญชัน ตั้งมติธรรม" ว่า...

ทำไม! "เจ้าของ" ตระกูลตั้งมติธรรม จึงถือหุ้น (น้อย) แค่ 19% ทั้งๆ ที่จากการตรวจสอบย้อนหลังกลับไป เมื่อเดือนเมษายน 2547 ตระกูลตั้งมติธรรม ถือหุ้น MK รวมกันประมาณ 30%

ด้านแหล่งข่าวจากนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า เมื่อปี 2544 บริษัทได้ทำสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้กับเจ้าหนี้ที่ประมูลหนี้มาจาก ปรส. โดยวิธีลดยอดเงินต้น และดอกเบี้ยค้างจ่าย เงื่อนไขระบุว่าจะมีการโอนทรัพย์ชำระหนี้บางส่วน และผ่อนชำระส่วนที่เหลือเป็นรายเดือนเป็นเวลา 4 ปี

"หนี้สินตามสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ค้ำประกันโดย คุณชวน ตั้งมติธรรม และมีการจดจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และ Land Bank ของบริษัท"

รวมทั้งได้มีการทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้กับ บรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน (บบส.) เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2545 ซึ่งต่อมาได้ "โอนหุ้น" จำนวน 47.60 ล้านหุ้น สัดส่วน 5.49% ชำระหนี้ให้กับ บบส.ด้วย โดยตระกูลตั้งมติธรรม มีสัญญา "ซื้อคืน" ในภายหลัง

อย่างไรก็ตาม ประเด็นคำถามที่ "นักลงทุน" ตั้งขึ้น ก็คือ การที่ ตระกูลตั้งมติธรรม "ขายหุ้น" ออกมาก่อน เพื่อมารอซื้อหุ้นคืนจาก บบส. ใช่หรือไม่

แม้ "ชุติมา ตั้งมติธรรม" จะเลี่ยงที่จะตอบคำถาม และไม่ได้ระบุ "ราคา" ซื้อหุ้นคืนจาก บบส. แต่เธอยืนยันว่า ตระกูลตั้งมติธรรม จะรักษาสัดส่วนหุ้นไม่ให้ต่ำกว่าในปัจจุบัน (19-20%) อย่างแน่นอน พร้อมทั้งระบุอีกว่า ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า จะซื้อหุ้นทั้งหมดคืน จาก บบส. ตามเงื่อนไข หลังจากมีการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัทแล้วเสร็จ ซึ่งสัญญาดังกล่าวจะสิ้นสุดลงใน 2-3 ปีนับจากนี้

ส่วนนโยบายการดำเนินธุรกิจของ MK "ชุติมา" กล่าวว่าในปี 2549 จะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ คือ การปรับลดราคาบ้านลงมา จากเดิมบ้านที่บริษัท "ขายดี" จะอยู่ช่วงราคา 4 ล้านบาท อย่างเช่น โครงการชวนชื่น-แคราย, ชวนชื่น-แจ้งวัฒนะ แต่มองว่าในปีหน้าจะมีปัจจัยไม่ดีเข้ามา เช่น อัตราดอกเบี้ยแพง หรือปัจจัยราคาน้ำมัน ที่ทำให้กำลังซื้อ "ช็อก" ไปในไตรมาสที่ 3 เพราะฉะนั้นราคาบ้านเดี่ยวในโครงการใหม่ๆ จะต่ำลงอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านกว่า และจะเพิ่มสินค้าประเภทบ้านแฝด ราคา 2 ล้านกว่า เข้ามามากขึ้น

"Target Customer ของเรายัง เน้นกลุ่มที่มีรายได้ปานกลาง หรือกลุ่มที่มีรายได้ต่อครอบครัวประมาณ 50,000 บาทขึ้นไป โดยคาดว่ากำลังซื้อกลุ่มนี้จะลดลง ทำให้เราต้องปรับลดราคาบ้านลง สำหรับในปีนี้ (2548) ราคาบ้านเฉลี่ยทุกโครงการของเราอยู่ที่ประมาณ 3.2 ล้านบาท โดยบ้านเดี่ยวจะอยู่ที่ 3-5 ล้านบาท บ้านแฝดราคาระหว่าง 1.9-2.5 ล้านบาท ส่วนคอนโดมิเนียมจะกำหนดราคาขายต่อยูนิตต่ำกว่า 1 ล้านบาท"

สำหรับทิศทางการเติบโตของบริษัทในปี 2549-2550 นั้น "ชุติมา" ให้ภาพ-ยอดขายว่า ในปี 2548 ช่วง 9 เดือนทำยอดขายได้แล้ว 1,870 ล้านบาท ทั้งปีตั้งเป้าไว้ที่ 2,300 ล้านบาท น่าจะทำได้เกินเป้า เพราะในช่วง 2 เดือนของไตรมาสที่ 4 (ตุลาคม-พฤศจิกายน) ทำยอดขายได้แล้ว 380 ล้านบาท ส่วนยอดขาย 11 เดือนทำยอดได้แล้ว 600 กว่ายูนิต และคาดว่าจะมียอดโอนทั้งปี น่าจะอยู่ที่ประมาณ 500 ยูนิตต้นๆ

ส่วนแผนงานในปี 2549 ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 3,000 ล้านบาท จากการเปิดโครงการใหม่อีก 7 โครงการรวมมูลค่า 4,565 ล้านบาท แบ่งเป็น ไตรมาส 1/2549 เปิด 3 โครงการ มูลค่ารวม 1,385 ล้านบาท ได้แก่ โครงการชวนชื่น ศรีนครินทร์ 144 ยูนิต, ชวนชื่น วงแหวน-ปิ่นเกล้า 231 ยูนิต และ สิรีนเฮ้าส์ บางนา 2 จำนวน 171 ยูนิต

ไตรมาส 2/2549 เปิด 1 โครงการ คือ เรสซิเด้นซ์พาร์ค 5 (ชวนชื่นซิตี้) 32 ยูนิต มูลค่า 100 ล้านบาท และไตรมาส 3/2549 เปิดใหม่ 3 โครงการ มูลค่ารวม 3,080 ล้านบาท ได้แก่ กรีนพาร์ค (ชวนชื่นซิตี้) 183 ยูนิต, ชวนชื่น เพชรเกษม 521 ยูนิต และ สิรีนเพลส สุวรรณภูมิ 1,000 ยูนิต

สำหรับในปี 2550 ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 3,500 ล้านบาท

นอกจากนี้ ชุติมา ยังกล่าวถึงจุดเด่นของ MK ว่า มีความเชี่ยวชาญบ้านระดับกลาง และบริหารต้นทุนได้ดี ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการคุณพ่อ (ชวน) สะสมที่ดินเปล่า (Land Bank) ต้นทุนต่ำไว้จำนวนมาก ปัจจุบันมีมูลค่ารวมประมาณ 2,000 ล้านบาท สามารถรองรับการพัฒนาโครงการได้ 3-5 ปี

"Land Bank ของเราหลักๆ อยู่ที่ ถนนรามอินทรา และบางนา บางส่วนอยู่ในต่างจังหวัด ช่วงหลังก็ซื้อที่ดินเข้ามา แต่จะซื้อเพื่อพัฒนาอย่างเดียว ไม่เก็บเป็น Land Bank ส่วนการเลือกที่ดินทุกผืน เพื่อนำมาขึ้นโครงการจะให้ได้มาร์จินประมาณ 35-40%"

ด้าน ธัญญา สิริปุชกะ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท มั่นคงเคหะการ กล่าวเสริมถึง เป้าหมายกำไรขั้นต้นของบริษัทว่า โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 35-40% ของยอดขาย ขณะที่อัตราส่วนกำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ปกติจะอยู่ระหว่าง 20-25% (ไม่รวมกำไรพิเศษ)

ส่วนกำไรจากการดำเนินงานในปี 2549 "ชุติมา" บอกว่า ต่อไปกำไรพิเศษจะค่อยๆ ลดลง โดยกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ทยอยรับรู้ไปเกือบหมดแล้ว เหลืออีกประมาณ 100 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2553 ด้านภาระหนี้ของบริษัทส่วนใหญ่จะเป็นหนี้ประเภทโครงการ (โปรเจคไฟแนนซ์) ซึ่งมีกำหนดชำระคืนตามยอดโอนกรรมสิทธิ์ จึงทำให้เกิดสมดุลระหว่างกระแสเงินสดรับ-จ่าย

"การบริหารโครงการในปี 2549 เรามีนโยบายใช้ โปรเจค ไฟแนนซ์ ประมาณ 70% อีก 30% จะเป็น เงินทุนหมุนเวียนของบริษัทเอง ซึ่งขณะนี้เรามีต้นทุนการเงิน (เสียดอกเบี้ย) เฉลี่ยอยู่ที่ 5% เศษ ในปีหน้าเรายังไม่มีนโยบายเพิ่มทุน หรือออกวอร์แรนท์" ทายาทธุรกิจ..ตระกูลตั้งมติธรรม กล่าวยืนยัน

[teetotal]

หมู่บ้านชวนชื่น ของ MK ก็ขายได้เรื่อยๆ นี่ครับ
http://www.mk.co.th/
อีกอย่าง MK มีที่ดิน แถวหนองงูเห่าเยอะด้วย
น่าจะได้ประโยชน์จาก สนามบินใหม่นะครับ
ผมก็ซื้อไว้เหมือนกันครับ

[โอ@]

ที่ดินแถวหนองงูเห่าวันนี้เพิ่งอ่านจากฐานเศรษฐกิจหนิ ที่ให้ใช้ประโยชน์ได้แค่กี่ % ไม่รู้ต้องทำเป็นที่รับน้ำอ่ะ

[Dech]

ผมว่าอย่าไปสนใจที่ดินแถวสุวรรณภูมิมากนักเลย ครับ  รอดูผลประกอบการที่จะออกมาดีกว่า ผู้บริหารก็เพิ่งซื้อหุ้นเพิ่มไปนะครับ

เพราะผู้บริหารก็ไม่ได้เน้นแถบนั้นมากกว่าที่อื่นๆเลย จะเอาที่ส่วนหนึ่งไปทำคอนโด ราคาประมาณไม่เกินล้าน ไว้เจาะตลาดล่างหรือกลุ่มที่ไม่เน้นบ้านเดี่ยวด้วยซ้ำ ซึ่งผมว่ากำไรอาจจะไม่มากเหมือนสร้างบ้านเดี่ยวที่ทำอยู่ในปัจจุบันด้วยซ้ำ แถมยังยอมรับว่าที่ผ่านมาผิดพลาดที่ซื้อที่ดินมารอเก็งกำไรไว้เยอะเกินไป ต่อไปนี้จะไม่ซื้อที่ดินไว้รอนานๆอีกแล้ว  เช่นโครงการใหม่ ที่จะเปิดปีนี้ 1 จุด คือ แถวเพชรเกษม 81 ก็พึ่งซื้อที่ได้เมื่อปีที่แล้วนี้เองนะครับ

[Dech]

ผู้บริหารMKโหมเก็บหุ้นเข้าพอร์ตโบรกมองราคาต่ำพื้นฐาน-ปันผลดี
Source - ทันหุ้น
Friday, 23 December 2005 08:25

ที่มา : ทันหุ้น
         MK วอลุ่มพุ่ง วิ่งร้อนแรง หลังวานนี้ผู้บริหารกลุ่มมติธรรมดอดเก็บหุ้นเข้าพอร์ตเพิ่มอีก 2.02% บริษัทหลักทรัพย์ไซรัสมองสะท้อนถึงสถานะของบริษัทที่อยู่ในเกณฑ์ดี  ราคาหุ้นต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน จ่ายปันผลดี   ด้านผู้บริหารเล็งเปิดโครงการใหม่ปีหน้า 3-4 โครงการ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 4 พันล้านบาท คาดรายได้ปีหน้าโตต่อเนื่อง  โบรกเกอร์แนะซื้อเมื่ออ่อนตัวทางเทคนิคหลังราคาหุ้นขึ้นสูงมากแล้วให้กรอบแนวรับ 2.26-2.36 บาท แนวต้าน 2.40-2.56 บาท
         นายชูเกียรติ ตั้งมติธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด(มหาชน)หรือ MK เปิดเผยว่า ในปี2549บริษัทเตรียมจะเปิดโครงการใหม่ประมาณ 3-4 โครงการ  คิดเป็นมูลค่าโครงการทั้งสิ้น 4,000 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากเดิมที่จะเปิดโครงการประมาณ 7 โครงการเนื่องจากบริษัทได้เลื่อนเปิดโครงการให้เร็วจากปีหน้ามาเป็นปีนี้แทน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มทยอยรับรู้รายในปี2549เป็นต้นไป
         สำหรับโครงการใหม่ 4 โครงการ  ได้แก่ เรสซิเด้นท์พาร์ค 4 ชวนชื่นซิตี้ ,ชวนชื่น ศรีนครินทร์ ,ชวนชื่นรีเจ้นท์  ที่เปิดโครงการในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ขณะนี้มียอดจองเข้ามาแล้วประมาณ 200-300 ล้านบาท โดยในปีนี้คาดการณ์รายได้ไว้ประมาณ 2,200 ล้านบาท
         "กำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง ตามทิศทางดอกเบี้ยที่ปรับขึ้น บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ทางการตลาด โดยหันมาออกแบบบ้านให้เหมาะสมกับต้นทุนวัสดุก่อสร้าง ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนหนี้ต่อทุน(D/E) สิ้นไตรมาส3/2548 ลดลงเหลือเพียง0.7 เท่า อีกทั้งเลือกทำเลก่อสร้างที่สะดวก ซึ่งหนึ่งในนั้นมีทำเลในแถบสนามบินสุวรรณภูมิด้วย"นายชูเกียรติกล่าว
         นายแสงธรรม จรณชัยกุล ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เอเซีย พลัส จำกัด(มหาชน)แนะนำซื้อ MKเมื่อราคาอ่อนตัว โดยกลยุทธ์ทางเทคนิคให้แนวรับ 2.30 บาทเนื่องจากราคาหุ้นอาจจะพักฐานระยะสั้น หลังจากราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า15% จากระดับ2.16 บาทในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา จึงมองว่าขณะนี้ปรับตัวสูงขึ้นระดับหนึ่งแล้ว  ส่วนแนวต้าน 2.44 บาท ซึ่งหากราคาหุ้นวิ่งฝ่าแนวต้านแรกได้ จะมีแนวต้านถัดไป 2.50 บาท ส่วนราคาหุ้นตามปัจจัยพื้นฐานอยู่ที่ 4.71 บาท แนะนำซื้อ
         นายกิตตินาถ นิติพน ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีอยุธยา แนะนำให้นักลงทุนระมัดระวังการเข้าเก็งกำไรเนื่องจากราคาหุ้นอาจพักฐานระยะสั้น  และมีแรงเทขายทำกำไร หลังราคาหุ้นวิ่งเกือบชนแนวต้านแรกที่ประเมินไว้ 2.44 บาท ซึ่งหากจะเข้าเก็งกำไร แนะนำให้รอซื้อเมื่ออ่อนตัว ที่แนวรับ2.36 บาท ส่วนแนวต้านแรกอยู่ที่2.44 บาท และแนวต้านถัดไป 2.56 บาท
         นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์แอ๊ดคินซัน จำกัด(มหาชน)แนะนำซื้อMK โดยให้แนวรับที่ 2.34 บาท แนวต้านแรก 2.44 บาท ซึ่งหากราคาหุ้นยืนเหนือแนวต้านแรกได้ จะมีแนวต้านถัดไป  2.50 บาท นอกจากนี้คาดการณ์รายได้ปีนี้ 2,200 ล้านบาท กำไรสุทธิ 470 บาท กำไรต่อหุ้น0.52บาท ให้ราคาตามปัจจัยพื้นฐานปีหน้า 3.60 บาท PE 6 เท่า
         "การที่ราคาหุ้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นวานนี้(22 ธ.ค.)อาจเกิดจากการที่นางสาวชุติมา ตั้งมติธรรม เข้ามาเก็บหุ้นMK เข้าพอร์ตอีก2.02% ส่งผลให้หุ้นในพอร์ตรวมเป็น 5.31% ทำให้นักลงทุนจึงเข้ามาเก็งกำไรตาม"
         บริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส  จำกัด(มหาชน)แนะนำซื้อMKโดยให้ราคาเหมาะสมปี2549อยู่ที่ 2.90 บาท
         PE ปี 2549 ที่ 6 เท่า และ คาดอัตราปันผลตอบแทนสำหรับผลประกอบการปี 2548 ที่ 8.2% จากราคาปัจจุบันทั้งนี้การผู้บริหารในกลุ่มตั้งมติธรรมรายงานการซื้อหุ้น MK ในวันที่ 19 ธ.ค. ที่ผ่านมาจำนวน 17.40 ล้านหุ้น ในราคา 2.28 บาท หรือ 2.02% ขณะที่กลุ่มตั้งมติธรรมถือหุ้นอยู่แล้วประมาณ 20% เนื่องจากเห็นว่าราคาลงมาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน ขณะที่กลุ่มมติธรรมยังมีสิทธิ์ในการขอซื้อหุ้นคืนจากบรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน (บบส.) ประมาณ 5% ซึ่งมีระยะเวลาเหลือในการซื้อคืนอีก 1 ปีกว่า ทำให้รวมแล้วกลุ่มมติธรรมจะเข้าถือหุ้น MK ประมาณ 25-30%
         ฝ่ายวิจัยมองว่า ในทางทฤษฏีแล้วการซื้อหุ้นของบริษัทจากผู้บริหาร เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงสถานะของบริษัทที่อยู่ในเกณฑ์ดี แต่หุ้นมีราคาต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานที่ควรจะเป็น ประกอบกับในช่วงเวลาอีก 4-5 เดือนข้างหน้าจะมีการจ่ายปันผล ทำให้คาดว่าเงินปันผลควรจะมีอัตราที่จูงใจ
         MK(22 ธ.ค.)เปิดที่ 2.34 บาท ปรับขึ้นสูงสุด 2.44 บาท ก่อนจะอ่อนตัวและปิดตลาดที่ 2.38 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท เพิ่มขึ้น 2.59% มูลค่าซื้อขาย 34.58 ล้านบาท

[Dech]

MK บวก 4.31% โบรกฯประสานเสียง"ซื้อ"เล็งรายได้ 7 โครงการเปิดใหม่ปีหน้า
Source - IQ Biz
Thursday, 22 December 2005 10:53

หุ้น MK ราคาวิ่งขึ้น 4.31% ด้วยวอลุ่มเทรดที่เข้ามาอย่างหนาแน่น โดยเปิดตลาดที่ 2.34 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 2.44 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 2.34 บาท เมื่อเวลา 10.40 น.ราคาหุ้น MK เคลื่อนไหวอยู่ที่ 2.42 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท
         บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)แนะ"ซื้อ"หุ้น MK ปรับเพิ่มราคาเหมาะสมเป็น 3.36 บาทต่อหุ้น เนื่องจากมีมุมมองที่ดีขึ้นสำหรับผลประกอบการในปีหน้า คาดว่า MK จะจ่ายปันผลที่ 0.16 บาทต่อหุ้นสำหรับผลการดำเนินงานปี 2548 ซึ่งคิดเป็นอัตราเงินปันผลที่น่าสนใจ
         นอกจากนั้น MK วางแผนที่จะเปิด 7 โครงการใหม่มูลค่ารวม 4.57 พันล้านบาทในปีหน้า จากที่ปีนี้เปิดเพียง 3 โครงการมูลค่ารวม 1.61 พันล้านบาท แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของบริษัทว่าตลาดอสังหาฯ ปีหน้าจะเติบโตได้ดี การเปิดโครงการใหม่เหล่านี้จะช่วยผลักดันยอดจองและยอดรับรู้รายได้ในปีหน้า จึงปรับเพิ่มประมาณการรายได้ปี 2549 ขึ้น 5% เป็น 2.51 พันล้านบาท
         บล.เอเชียพลัส แนะ"ซื้อลงทุนระยะยาว"หุ้น MK โดยให้ Fair Value 4.71 บาท สำหรับเดือน ธ.ค.2548 เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่ Presale จะยังคงอยู่ที่ระดับสูงใกล้ 400 ล้านบาท ซึ่งก็น่าจะทำให้โดยภาพรวมทั้งปี 2548 มียอด Presale รวมประมาณ 2.2 พันล้านบาท
         สำหรับปี 2549  ซึ่ง MK มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 7 โครงการ มูลค่ารวม 4.56 พันล้านบาท น่าจะเป็นแรงผลักดันทำให้ Presale เติบโต เฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของโครงการใหม่ที่เปิดตัวบริเวณใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ
         บล.เกียรตินาคิน แนะ"ซื้อ"หุ้น MK ราคาที่เหมาะสมอยู่ที่ 4.48 บาทในปี 49 เร่งสร้างยอดขายเตรียมเปิดโครงการใหม่ จึงประมาณการปี 49 มีรายได้ 2,789 ล้านบาท กำไรสุทธิ 556 ล้านบาท EPS ที่ 0.64 บาท
         สำหรับประมาณการใหม่ในปี 48 MK น่าจะมีรายได้ 2,354 ล้านบาท กำไรสุทธิ 703 ล้านบาท EPS 0.70 บาทต่อหุ้น และ มี (Norm. Net profit) 451 ล้านบาท  Norm. EPS 0.52 บาท โดยคาดจ่ายปันผลจาก Norm.Net Profit ที่ 0.15 บาทต่อหุ้น ทำให้มี Dividend  Yield 6.63% โดยมีราคาที่เหมาะสมคือ 3.64 บาทต่อหุ้น อ้างอิง APER ที่ 7 เท่า
         ส่วนบล.สินเอเซีย แนะ"ซื้อ"หุ้น MK ให้ราคาเป้าหมาย 2.95 บาท คาดว่าอัตราผลตอบแทนเงินปันผลปีนี้สูงเป็น 7.2% ทั้งนี้ คาดว่า รายได้ปีหน้าทะลุ 3 พันล้านบาท หลังเปิดโครงการใหม่ ส่วนไตรมาสสุดท้ายของปีนี้เชื่อว่ารายได้โตกว่าไตรมาส 3 เนื่องจากมียอดขายที่รอการรับรู้อีก 300 ล้านบาท ขณะเดียวกันมีแผนที่จะซื้อหุ้นคืนจากบสท.สัดส่วน 5% ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/ศศิธร ซิมาภรณ์ โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: [email protected]--

[Dech]

เห็นผล nvdr ก็เก็บเพิ่มอีกนิดหน่อย

[moonkiss]

แวะมาส่งข่าวว่าเก็บเพิ่มมาอีกเท่าตัวแล้ว
ดูท่าอสังหาน่าจะไปได้อีกครับ

[Dech]

แวะมาส่งข่าวว่าเก็บเพิ่มมาอีกเท่าตัวแล้ว
ดูท่าอสังหาน่าจะไปได้อีกครับ

แวะมาบอกว่าขายหมูให้คุณ moonkiss ไปหมดเล้าแล้ว      
ยังเซ็งตัวเองอยู่เลย รอมาตั้งนาน ดันขายวันเดียวหมดเลย              

[teetotal]

ที่ดินแถวหนองงูเห่า ของ MK
แม้จะถูกกันเป็นที่รับน้ำ
ผมว่านั่นจะเป็นผลดีของบ้าน MK นะครับ

คิดดูสิครับ บ้านที่สร้างจะไม่แออัด เกินไป
จะมีความโปร่งโล่ง
ยิ่งหากติดแก้มลิง จะกลายเป็นทะเลสาป ส่งให้บ้านหรูดูงามขึ้น
หรือ ถ้า MK จะตัดโครงข่ายคลองเข้ามาในหมู่บ้าน
ก็จะกลายเป็น บ้านริมคลอง บรรยากาศ น่าอยู่อีกต่างหาก

เป็นความลงตัวที่เหมาะสมจริงๆ ครับ ฮิๆ