*** พอร์ต ปี 2548 ***
- Golden Stock
- Verified User
- โพสต์: 615
- ผู้ติดตาม: 0
*** พอร์ต ปี 2548 ***
โพสต์ที่ 33
พอดียังไม่สิ้นปีเลย % ยังไม่แน่นอนเท่าไหร่ เพราะอาจมี
การเปลี่ยนแปลงในราคาหุ้น และอาจมีการขายปรับพอร์ตบ้าง
แต่คร่าวๆ ก็น่าจะประมาณ 30 % ได้มั้งครับ ก็ดีกว่าปีที่แล้ว
ส่วนยอดเทรดปีนี้ค่อนข้างเยอะครับ หลังจากเปลี่ยนมาใช้
internet trading เมื่อต้นปี (เทรดทางมือถือได้ด้วย)
ยอดสูงกว่ามูลค่าพอร์ตประมาณ 5 เท่า เสียค่าคอมประมาณ
เกือบสามแสนบาท เทียบกับปี 2547 ค่าคอมแค่สี่หมื่นกว่าบาท
ไฮไลท์ที่มีก็ Short againt port หุ้น TPC ที่ราคา 20.80 บาท
แล้วกลับมารับที่ 15.40 อีกครั้ง ในจำนวนหุ้นเท่าเดิมแต่ว่า
เหลือเงินเกือบล้านบาท
ขาย METCO ไปช่วงก่อนประกาศผลประกอบการไตรมาส 2
(ไตรมาส 1) ส่วนหนึ่ง และหลังประกาศผลประกอบการ
ก็เทหมดเลยที่ราคา 294 บาท ตัวนี้ถือเอาไว้นานมากแล้ว
ตั้นแต่สมัยตอนที่จ่ายเงินปันผล 8 บาท (ถ้าจำไม่ผิด)
หุ้นที่สร้างผลตอบแทนได้ดี มี CENTEL TCB ROJANA PTT
(สี่ตัวนี้ให้น้ำหนักใน Port ค่อนข้างมาก)
PTL (ถือไม่นานซื้อเมื่อตอน 4.90 - 5.20 บาท แล้วขายไปที่
ราคาประมาณ 5.95 - 6.05 บาท)
ส่วนตัวที่พลาดคือ MINOR ขายไปตอนประมาณ 4.00 -4.20 บาท
(มีอยู่เกือบ 700,000 หุ้น) มูลค่าหายไปค่อนข้างเยอะเหมือนกัน
TTA ตัวนี้เข้ามาเก็งกำไรเงินปันผล แต่ว่าราคาหุ้นไปเป็นไปตาม
คาด เลยต้องตัดสินใจขายออกไปก่อนขึ้น XD หนึ่งวัน ที่ราคา
ประมาณ 38.25 บาท ขาดทุนไปสองแสนกว่าบาท (ตัวนี้ซื้อเอาไว้
164,500 หุ้น) หลังขายไปแล้วก็ไม่กลับมาดูอีกเลย
RCL กะว่าเขามาเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3 ซื้อได้ไม่กี่วัน
ก็ลงเลย พอเด้งกลับมาก็เลยขายไปก่อนที่ผลประกอบการจะ
ประกาศ ที่ราคา 31.75 - 32.25 บาท เลยขายทุนไปอีกประมาณ
แปดหมื่นกว่าบาท
การเปลี่ยนแปลงในราคาหุ้น และอาจมีการขายปรับพอร์ตบ้าง
แต่คร่าวๆ ก็น่าจะประมาณ 30 % ได้มั้งครับ ก็ดีกว่าปีที่แล้ว
ส่วนยอดเทรดปีนี้ค่อนข้างเยอะครับ หลังจากเปลี่ยนมาใช้
internet trading เมื่อต้นปี (เทรดทางมือถือได้ด้วย)
ยอดสูงกว่ามูลค่าพอร์ตประมาณ 5 เท่า เสียค่าคอมประมาณ
เกือบสามแสนบาท เทียบกับปี 2547 ค่าคอมแค่สี่หมื่นกว่าบาท
ไฮไลท์ที่มีก็ Short againt port หุ้น TPC ที่ราคา 20.80 บาท
แล้วกลับมารับที่ 15.40 อีกครั้ง ในจำนวนหุ้นเท่าเดิมแต่ว่า
เหลือเงินเกือบล้านบาท
ขาย METCO ไปช่วงก่อนประกาศผลประกอบการไตรมาส 2
(ไตรมาส 1) ส่วนหนึ่ง และหลังประกาศผลประกอบการ
ก็เทหมดเลยที่ราคา 294 บาท ตัวนี้ถือเอาไว้นานมากแล้ว
ตั้นแต่สมัยตอนที่จ่ายเงินปันผล 8 บาท (ถ้าจำไม่ผิด)
หุ้นที่สร้างผลตอบแทนได้ดี มี CENTEL TCB ROJANA PTT
(สี่ตัวนี้ให้น้ำหนักใน Port ค่อนข้างมาก)
PTL (ถือไม่นานซื้อเมื่อตอน 4.90 - 5.20 บาท แล้วขายไปที่
ราคาประมาณ 5.95 - 6.05 บาท)
ส่วนตัวที่พลาดคือ MINOR ขายไปตอนประมาณ 4.00 -4.20 บาท
(มีอยู่เกือบ 700,000 หุ้น) มูลค่าหายไปค่อนข้างเยอะเหมือนกัน
TTA ตัวนี้เข้ามาเก็งกำไรเงินปันผล แต่ว่าราคาหุ้นไปเป็นไปตาม
คาด เลยต้องตัดสินใจขายออกไปก่อนขึ้น XD หนึ่งวัน ที่ราคา
ประมาณ 38.25 บาท ขาดทุนไปสองแสนกว่าบาท (ตัวนี้ซื้อเอาไว้
164,500 หุ้น) หลังขายไปแล้วก็ไม่กลับมาดูอีกเลย
RCL กะว่าเขามาเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3 ซื้อได้ไม่กี่วัน
ก็ลงเลย พอเด้งกลับมาก็เลยขายไปก่อนที่ผลประกอบการจะ
ประกาศ ที่ราคา 31.75 - 32.25 บาท เลยขายทุนไปอีกประมาณ
แปดหมื่นกว่าบาท
- Golden Stock
- Verified User
- โพสต์: 615
- ผู้ติดตาม: 0
*** พอร์ต ปี 2548 ***
โพสต์ที่ 34
[quote="Golden Stock"]พอดียังไม่สิ้นปีเลย
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
*** พอร์ต ปี 2548 ***
โพสต์ที่ 36
ลองสูตรนี้ไหมครับพี่สรัญSaran เขียน:ขนาดมีแต่คนวิเคราะห์กันว่าตลาดปีนี้ผันผวนลงทุนยาก แต่พี่ๆ หลายๆ คนยังสร้างผลตอบแทนได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ ขอซูฮกครับ
แล้วอย่างกรณีของผมที่ใส่เงินเข้าไปๆ ทุกเดือนอย่างนี้จะวัดผลตอบแทนยังไงอะ จะได้ไปวัดบ้าง
ผลตอบแทน = กำไรหรือขาดทุน / เงินลงทุนเฉลี่ย
กำไรคือ พอร์ตปลายปี - พอร์ตต้นปี - เงินที่ใส่เพิ่ม (+กรณีถอนเงินออกมาใช้)
เงินลงทุนเฉลี่ยคือ (พอร์ตต้นปี+พอร์ตปลายปี) / 2
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 0
*** พอร์ต ปี 2548 ***
โพสต์ที่ 37
ถ้าคำนวนแบบคุณลูกอิสาน
กำไรจากมูลค่าหุ้น+ปันผล ได้ผลกำไรประมาณ35%
ซื้อ-ขาย เปลี่ยนเทรดไปประมาณ2เท่าของพอร์ต
จาก15ตัวเมื่อต้นปี
ตอนนี้เหลือแค่6ตัว
ขายหมูก็มี
mint
ขายดอยก็มี
OISHI
ดวงช่วยก็เยอะ
DM(มีคนปั่นไปให้เราขาย)
นับวันตัวที่เรารัก-เราชอบ ยิ่งน้อยลงทุกที
PE สูงเกินไปก็มี PBVสูงเกินไปก็เยอะ ROEไม่ได้ดั่งใจก็มาก
Viewtiful Investor Posted: Tue Dec 27, 2005 6:56 pm Post subject:
--------------------------------------------------------------------------------
ของผมราวๆ 22% ถ้าไม่ซื่อบื้อกับ oishi คงได้ ~35% (T-T)
ว่าแต่คนมา post นี่กำไรกัน สองหลัก เยอะจัง
ยังไงเอาไว้หลัง Last Trading day มาตั้งกระทู้วัด ผลกำไรดีกว่า จะได้รู้ว่า TVI มี Performance ดีแค่ไหน
คุณVI ปีหน้าผมหวังพึ่งILINK ให้ได้50% ยังไงอย่ารีบทิ้งกันนะครับ
กำไรจากมูลค่าหุ้น+ปันผล ได้ผลกำไรประมาณ35%
ซื้อ-ขาย เปลี่ยนเทรดไปประมาณ2เท่าของพอร์ต
จาก15ตัวเมื่อต้นปี
ตอนนี้เหลือแค่6ตัว
ขายหมูก็มี
mint
ขายดอยก็มี
OISHI
ดวงช่วยก็เยอะ
DM(มีคนปั่นไปให้เราขาย)
นับวันตัวที่เรารัก-เราชอบ ยิ่งน้อยลงทุกที
PE สูงเกินไปก็มี PBVสูงเกินไปก็เยอะ ROEไม่ได้ดั่งใจก็มาก
Viewtiful Investor Posted: Tue Dec 27, 2005 6:56 pm Post subject:
--------------------------------------------------------------------------------
ของผมราวๆ 22% ถ้าไม่ซื่อบื้อกับ oishi คงได้ ~35% (T-T)
ว่าแต่คนมา post นี่กำไรกัน สองหลัก เยอะจัง
ยังไงเอาไว้หลัง Last Trading day มาตั้งกระทู้วัด ผลกำไรดีกว่า จะได้รู้ว่า TVI มี Performance ดีแค่ไหน
คุณVI ปีหน้าผมหวังพึ่งILINK ให้ได้50% ยังไงอย่ารีบทิ้งกันนะครับ
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 0
*** พอร์ต ปี 2548 ***
โพสต์ที่ 38
ที่สำคัญ ขอขอบคุณพี่ๆ-เพื่อนๆ-และน้องนุ่งทุกท่าน ที่คอย บอกกล่าว อบรม ตักเตือน สั่งสอน และเป็นที่ปรึกษาจิตใจ อยากจะกล่าวนาม แต่ไม่อาจกล่าวได้ทั่วถึงทั้งหมด แต่อยากจะบอกแก่ผู้ที่ได้เป็นมือใหม่ในการลงทุนว่า
ส่วนตัวผมปีนี้ เป็น VI 90%ขึ้น กำไรที่ได้ก็เป็นเงินเย็น ไม่ร้อนรุ่ม ถ้าเราเลือกดีแล้ว ลงก็ดีซื้อเพิ่ม-----ขึ้นก็ดีสบายใจ
ส่วนตัวผมปีนี้ เป็น VI 90%ขึ้น กำไรที่ได้ก็เป็นเงินเย็น ไม่ร้อนรุ่ม ถ้าเราเลือกดีแล้ว ลงก็ดีซื้อเพิ่ม-----ขึ้นก็ดีสบายใจ
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
-
- Verified User
- โพสต์: 55
- ผู้ติดตาม: 0
*** พอร์ต ปี 2548 ***
โพสต์ที่ 39
เห็นพี่ๆๆทุกคนมีกำไรผมก้อดีใจ ครับ ถึงปีนี้ผมจะขาดทุนแต่ก้อไม่เสียใจ ครับ จะตั้งใจทำการบ้าน เอ๋ หรือว่า ถามการบ้านจากพี่ๆๆ ป่าวก้อไม่รู้ แต่หวังว่าพี่ๆช่วยแนะนำการลงทุนที่ถูกตัวให้ผมบ้าง นะครับ ขอบคุณครับบบ
- Saran
- Verified User
- โพสต์: 2377
- ผู้ติดตาม: 0
*** พอร์ต ปี 2548 ***
โพสต์ที่ 40
แหะๆ คุณลูกอิสานครับ ผมเพิ่งอายุจะ 23 เองครับ อย่าเรียกพี่เลย ไม่อยากแก่ :lol: :lol: ยังต้องได้รับคำชี้แนะจากพวกพี่ๆ อีกมากครับ
จากสูตรที่พี่ให้ ผมลองไปคำนวณดูแล้ว พอร์ตปีแรก (ผมเริ่มเล่นเดือนพ.ค. 47) ผลตอบแทนรวมปันผลได้ 3.78% (น้อยกว่าซื้อพันธบัตรอีก ) ส่วนปีนี้ผ่านมาครึ่งทางแล้วอยู่ที่ 7.21% ครับ มีแต่ซื้อเพิ่ม ไม่เคยขาย ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงระดมทุนเพิ่งอย่างเดียว :D
แต่พอร์ตผมจาก 5 ตัวมันกลายเป็น 10 ตัวแล้วสิพี่ ตรงกันข้ามกับคุณนริสเลยอะ จะกลายเป็นเบี้ยหัวแตกแล้ว
จากสูตรที่พี่ให้ ผมลองไปคำนวณดูแล้ว พอร์ตปีแรก (ผมเริ่มเล่นเดือนพ.ค. 47) ผลตอบแทนรวมปันผลได้ 3.78% (น้อยกว่าซื้อพันธบัตรอีก ) ส่วนปีนี้ผ่านมาครึ่งทางแล้วอยู่ที่ 7.21% ครับ มีแต่ซื้อเพิ่ม ไม่เคยขาย ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงระดมทุนเพิ่งอย่างเดียว :D
แต่พอร์ตผมจาก 5 ตัวมันกลายเป็น 10 ตัวแล้วสิพี่ ตรงกันข้ามกับคุณนริสเลยอะ จะกลายเป็นเบี้ยหัวแตกแล้ว
- Loby
- Verified User
- โพสต์: 1646
- ผู้ติดตาม: 0
*** พอร์ต ปี 2548 ***
โพสต์ที่ 42
ของผมเริ่มต้นที่ 20000 บาท ใส่เพิ่มไปอีก 20000บาท
แต่มีถืออยู่แค่ 2 ตัว คือ CHARAN, KDH (ตัวอื่นๆ ยังซื้อไม่ได้)
ต้นทุนทั้ง 2 ตัว อยู่ที่ 19393.5 บาท (ซื้อเมื่อ ก.ค. 2548)
ถ้าคิดผลตอบแทน(ราคาตลาด+ปันผลที่คาดว่าจะได้รับ) จะได้
ประมาณ 9.1% ครับ
แต่มีถืออยู่แค่ 2 ตัว คือ CHARAN, KDH (ตัวอื่นๆ ยังซื้อไม่ได้)
ต้นทุนทั้ง 2 ตัว อยู่ที่ 19393.5 บาท (ซื้อเมื่อ ก.ค. 2548)
ถ้าคิดผลตอบแทน(ราคาตลาด+ปันผลที่คาดว่าจะได้รับ) จะได้
ประมาณ 9.1% ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1477
- ผู้ติดตาม: 0
*** พอร์ต ปี 2548 ***
โพสต์ที่ 43
ยังเหนียวแน่นครับ ค่อยๆแอบเก็บ แต่ช่วงหลังๆไม่ค่อยมีคนขายถูกเลยคุณVI ปีหน้าผมหวังพึ่งILINK ให้ได้50% ยังไงอย่ารีบทิ้งกันนะครับ
I do not sleep. I dream.
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
*** พอร์ต ปี 2548 ***
โพสต์ที่ 48
ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ดีมากอีกปีครับ
พอร์ตส่วนตัวทำผลตอบแทนได้ 32.45 % ซึ่งน่าพอใจมาก สูงกว่าผลตอบแทนตลาดถึง 22.62 % โดยแยกออกเป็นผลตอบแทนจากราคาหุ้นที่สูงขึ้น (Capital gain) 24.18 % จากเงินปันผล-เครดิตภาษี 8.00 % และจากสัญญาสินค้าเกษตรล่วงหน้า 0.27 %
หุ้นที่ทำกำไรได้สูงสุดในแง่จำนวนเงินน่าจะเป็นตัวหลักๆ ดังนี้ SPPT MINT TICON HMPRO TMW (ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าตัวไหน เพราะบันทึกการซื้อ-ขายหายไปตอนเมนบอร์ดเสีย) ส่วนตัวที่ทำให้ขาดทุนก็มีหลายตัวเช่นกันครับ เช่น PTL PAP และตัวที่ขาดทุนสูงสุดเป็นเปอร์เซ็นต์คือ SPG
ปี 2548 ที่ผ่านมา ผมเน้นการจัดพอร์ตโดยการถือหุ้นประมาณ 7-8 ตัว (ซึ่งออกจะมากไปเปรียบเทียบกับขนาดของพอร์ต ตอนนี้พยายามลดลงเหลือประมาณ 5-6 ตัว) เน้นลงทุนลงทุนในหุ้นขนาดเล็กเท่านั้น โดยพยายามรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มผลตอบแทน ซึ่งผลก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจ ปีหน้าก็คงจะใช้แนวทางนี้อีกเช่นเคย
แต่สิ่งที่ยังไม่น่าพอใจคือพอร์ตมีการเทรดสูงมาก สูงกว่าปีที่แล้วประมาณ 2 เท่า เสียค่าคอมเป็นเปอร์เซ็นต์ของพอร์ตประมาณ 3-4 % (เทรดประมาณ 8 รอบหรือ 16 เท่าของพอร์ต เสียคอมครั้งละ 0.2247%) ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้วมาก ยังแก้ไขไม่ได้ แต่มั่นใจว่าในปีหน้า ค่าคอมจะลดลงอย่างแน่นอนครับ
บทเรียนที่ได้รับในปีที่ผ่านพ้น
1.หากเราถือหุ้นที่ดี ความจำเป็นในการขายก็แทบไม่มี และความรู้สึกแย่ๆในการขายหมู ลบความสุขจากการทำกำไรไปหมดครับ
2.หุ้นแต่ละตัว ไม่จำเป็นที่จะต้องมี p/e เท่ากัน เพราะ p/e คือความคาดหวังของผู้ลงทุน
3.ซื้อหุ้นเพราะปัจจัยพื้นฐาน อย่าซื้อเพราะเหตุผลอื่นๆ ผมเคยซื้อ SPG เพราะเหตุผลที่ไม่ใช่พื้นฐาน สุดท้ายต้องขายขาดทุนไปที่ราคา floor
ปีที่ผ่านมาหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern trade) ราคาสูงขึ้นมาก ปีหน้าผมก็คิดว่าผลการดำเนินงานของหุ้นในกลุ่มนี้ก็น่าจะยังดีอีกเช่นเดิม แต่ราคาหุ้นอาจจะไม่เพิ่มขึ้นมากนัก เพราะราคาสะท้อนไปมากแล้วในปีที่ผ่านมา ดังนั้นเพื่อนๆที่สนใจในหุ้นกลุ่มนี้ เคยเสียดายยังไม่กล้าซื้อ เพราะราคาขึ้นเอาๆ ในปีหน้าเป็นโอกาสที่ดีนะครับ เสมือนว่าเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ ใครที่ตกรถปีที่แล้ว ก็ยังมีโอกาสนะครับ
ปีหน้าผมก็คาดหวังให้ตลาดเป็นไปตามปกติ ไม่อยากให้มีเหตุการณ์ที่ร้ายแรงมากนัก ผลตอบแทนที่คาดหวังก็คิดว่าน่าจะเป็นที่น่าพอใจครับ
:D :D
พอร์ตส่วนตัวทำผลตอบแทนได้ 32.45 % ซึ่งน่าพอใจมาก สูงกว่าผลตอบแทนตลาดถึง 22.62 % โดยแยกออกเป็นผลตอบแทนจากราคาหุ้นที่สูงขึ้น (Capital gain) 24.18 % จากเงินปันผล-เครดิตภาษี 8.00 % และจากสัญญาสินค้าเกษตรล่วงหน้า 0.27 %
หุ้นที่ทำกำไรได้สูงสุดในแง่จำนวนเงินน่าจะเป็นตัวหลักๆ ดังนี้ SPPT MINT TICON HMPRO TMW (ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าตัวไหน เพราะบันทึกการซื้อ-ขายหายไปตอนเมนบอร์ดเสีย) ส่วนตัวที่ทำให้ขาดทุนก็มีหลายตัวเช่นกันครับ เช่น PTL PAP และตัวที่ขาดทุนสูงสุดเป็นเปอร์เซ็นต์คือ SPG
ปี 2548 ที่ผ่านมา ผมเน้นการจัดพอร์ตโดยการถือหุ้นประมาณ 7-8 ตัว (ซึ่งออกจะมากไปเปรียบเทียบกับขนาดของพอร์ต ตอนนี้พยายามลดลงเหลือประมาณ 5-6 ตัว) เน้นลงทุนลงทุนในหุ้นขนาดเล็กเท่านั้น โดยพยายามรับความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มผลตอบแทน ซึ่งผลก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจ ปีหน้าก็คงจะใช้แนวทางนี้อีกเช่นเคย
แต่สิ่งที่ยังไม่น่าพอใจคือพอร์ตมีการเทรดสูงมาก สูงกว่าปีที่แล้วประมาณ 2 เท่า เสียค่าคอมเป็นเปอร์เซ็นต์ของพอร์ตประมาณ 3-4 % (เทรดประมาณ 8 รอบหรือ 16 เท่าของพอร์ต เสียคอมครั้งละ 0.2247%) ซึ่งสูงกว่าปีที่แล้วมาก ยังแก้ไขไม่ได้ แต่มั่นใจว่าในปีหน้า ค่าคอมจะลดลงอย่างแน่นอนครับ
บทเรียนที่ได้รับในปีที่ผ่านพ้น
1.หากเราถือหุ้นที่ดี ความจำเป็นในการขายก็แทบไม่มี และความรู้สึกแย่ๆในการขายหมู ลบความสุขจากการทำกำไรไปหมดครับ
2.หุ้นแต่ละตัว ไม่จำเป็นที่จะต้องมี p/e เท่ากัน เพราะ p/e คือความคาดหวังของผู้ลงทุน
3.ซื้อหุ้นเพราะปัจจัยพื้นฐาน อย่าซื้อเพราะเหตุผลอื่นๆ ผมเคยซื้อ SPG เพราะเหตุผลที่ไม่ใช่พื้นฐาน สุดท้ายต้องขายขาดทุนไปที่ราคา floor
ปีที่ผ่านมาหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern trade) ราคาสูงขึ้นมาก ปีหน้าผมก็คิดว่าผลการดำเนินงานของหุ้นในกลุ่มนี้ก็น่าจะยังดีอีกเช่นเดิม แต่ราคาหุ้นอาจจะไม่เพิ่มขึ้นมากนัก เพราะราคาสะท้อนไปมากแล้วในปีที่ผ่านมา ดังนั้นเพื่อนๆที่สนใจในหุ้นกลุ่มนี้ เคยเสียดายยังไม่กล้าซื้อ เพราะราคาขึ้นเอาๆ ในปีหน้าเป็นโอกาสที่ดีนะครับ เสมือนว่าเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ ใครที่ตกรถปีที่แล้ว ก็ยังมีโอกาสนะครับ
ปีหน้าผมก็คาดหวังให้ตลาดเป็นไปตามปกติ ไม่อยากให้มีเหตุการณ์ที่ร้ายแรงมากนัก ผลตอบแทนที่คาดหวังก็คิดว่าน่าจะเป็นที่น่าพอใจครับ
:D :D
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
*** พอร์ต ปี 2548 ***
โพสต์ที่ 49
ผมได้จัดทำตารางแสดงผลตอบแทนการลงทุนย้อนหลังตั้งแต่แรกเริ่มลงทุน โดยเปรียบเทียบกับผลตอบแทนตลาด รวมถึงท่านปรมาจารย์ท่านอื่นๆ เท่าที่มีข้อมูลครับ
ตารางแรกเป็นผลตอบแทนการลงทุนตั้งแต่เริ่มลงทุน 8 ปีย้อนหลังเปรียบเทียบ
ตารางที่ 2 เป็นผลตอบแทนทบต้น 6 ปีย้อนหลัง เมื่อผมเริ่มใช้การลงทุนแบบเน้นคุณค่า (แม้ปีแรกๆจะยังไม่ชัดเจนมากนัก) โดยสมมุติว่ามีเงินลงทุนเริ่มแรกเท่ากันที่ 100 %
แสดงเป็นกราฟด้วยครับ
ผลตอบแทนปีล่าสุด(2548)ของ ดร.นิเวศน์เป็นตัวเลขคาดการณ์ของผมนะครับ ไม่รับรองความถูกต้อง และผมใช้สูตรในการคำนวณผลตอบแทนการลงทุนเป็น (เงินลงทุนปลายงวด-เงินลงทุนต้นงวด)/เงินลงทุนต้นงวด โดยไม่ได้ใช้สูตรที่เคยโพสต์กับน้องสรัญนะครับ เพราะจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับท่านอื่นๆได้
จะเห็นได้ว่าแม้จะทำผลตอบแทนได้ดีกว่าตลาดมาก แต่ยังห่างไกลจากปรมาจารย์ท่าน ดร.นิเวศน์มากครับ ที่เป็นอย่างนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากการขาดทุน-ผลตอบแทนต่ำๆในปีแรกๆของผม ในขณะที่ ดร.ทำผลตอบแทนได้ดีมากตั้งแต่ต้น ในทำนองเดียวกันในปี 2547 พอร์ตของดร.ขาดทุนมาก ทำให้ผลตอบแทนรวมสะดุดไปมากเช่นกันครับ ส่วนการเปรียบเทียบกับพอร์ต Berkshire ของ Warren Buffet คงวัดอะไรไม่ได้มาก เพราะขนาดของพอร์ตต่างกันเกินไปครับ
ตารางแรกเป็นผลตอบแทนการลงทุนตั้งแต่เริ่มลงทุน 8 ปีย้อนหลังเปรียบเทียบ
ตารางที่ 2 เป็นผลตอบแทนทบต้น 6 ปีย้อนหลัง เมื่อผมเริ่มใช้การลงทุนแบบเน้นคุณค่า (แม้ปีแรกๆจะยังไม่ชัดเจนมากนัก) โดยสมมุติว่ามีเงินลงทุนเริ่มแรกเท่ากันที่ 100 %
แสดงเป็นกราฟด้วยครับ
ผลตอบแทนปีล่าสุด(2548)ของ ดร.นิเวศน์เป็นตัวเลขคาดการณ์ของผมนะครับ ไม่รับรองความถูกต้อง และผมใช้สูตรในการคำนวณผลตอบแทนการลงทุนเป็น (เงินลงทุนปลายงวด-เงินลงทุนต้นงวด)/เงินลงทุนต้นงวด โดยไม่ได้ใช้สูตรที่เคยโพสต์กับน้องสรัญนะครับ เพราะจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับท่านอื่นๆได้
จะเห็นได้ว่าแม้จะทำผลตอบแทนได้ดีกว่าตลาดมาก แต่ยังห่างไกลจากปรมาจารย์ท่าน ดร.นิเวศน์มากครับ ที่เป็นอย่างนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากการขาดทุน-ผลตอบแทนต่ำๆในปีแรกๆของผม ในขณะที่ ดร.ทำผลตอบแทนได้ดีมากตั้งแต่ต้น ในทำนองเดียวกันในปี 2547 พอร์ตของดร.ขาดทุนมาก ทำให้ผลตอบแทนรวมสะดุดไปมากเช่นกันครับ ส่วนการเปรียบเทียบกับพอร์ต Berkshire ของ Warren Buffet คงวัดอะไรไม่ได้มาก เพราะขนาดของพอร์ตต่างกันเกินไปครับ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
- Linzhi
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1464
- ผู้ติดตาม: 1
*** พอร์ต ปี 2548 ***
โพสต์ที่ 52
คำนวณกันยังไงครับ ผมจะได้ลอง benchmark กับพอร์ตตัวเองดูครับ แต่ท่าจะไม่ไหว สุดยอดกันทั้งนั้นเลยครับ
สำหรับสูตรคุณลูกอีสานว่า ผมไม่ค่อยเข้าใจครับ
(เงินลงทุนปลายงวด-เงินลงทุนต้นงวด)/เงินลงทุนต้นงวด???
ผมใช้วิธีคิดคือ เงินส่วนเพิ่มที่ได้จากหุ้นปลายปี(ทั้งส่วนต่างมูลค่าหุ้น + ปันผล) หักลบกับส่วนต่างมูลค่าหุ้นที่มีตอนต้นปี
นำมาหารกับเงินที่ใส่เข้าไปในหุ้นปัจจุบัน(ปลายปี)
ไม่แน่ใจว่าถูกหรือเปล่าครับ ช่วยแนะนำหน่อยครับ
สำหรับสูตรคุณลูกอีสานว่า ผมไม่ค่อยเข้าใจครับ
(เงินลงทุนปลายงวด-เงินลงทุนต้นงวด)/เงินลงทุนต้นงวด???
ผมใช้วิธีคิดคือ เงินส่วนเพิ่มที่ได้จากหุ้นปลายปี(ทั้งส่วนต่างมูลค่าหุ้น + ปันผล) หักลบกับส่วนต่างมูลค่าหุ้นที่มีตอนต้นปี
นำมาหารกับเงินที่ใส่เข้าไปในหุ้นปัจจุบัน(ปลายปี)
ไม่แน่ใจว่าถูกหรือเปล่าครับ ช่วยแนะนำหน่อยครับ
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 0
*** พอร์ต ปี 2548 ***
โพสต์ที่ 53
ที่ปรึกษาผมเยี่ยมจริงๆเลยนะเนี่ย
รู้สึกว่าคนใต้นี่ฝีมือสุดยอดกันทั้งนั้นนะครับ
ใช่ไหมครับ คุณลูกอิสาน
สงสัยมีลูกพี่ดี(พี่ครรชิต)สั่งสอนและแนะนำ
ยังไง คนเลย ฝากตัวเป็นศิษย์ด้วยนะครับ
รู้สึกว่าคนใต้นี่ฝีมือสุดยอดกันทั้งนั้นนะครับ
ใช่ไหมครับ คุณลูกอิสาน
สงสัยมีลูกพี่ดี(พี่ครรชิต)สั่งสอนและแนะนำ
ยังไง คนเลย ฝากตัวเป็นศิษย์ด้วยนะครับ
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
- nana
- Verified User
- โพสต์: 209
- ผู้ติดตาม: 0
*** พอร์ต ปี 2548 ***
โพสต์ที่ 54
แม้จะอิจฉาหลายๆท่านที่ได้ผลตอบแทนดีกว่าตัวเองก็ตาม
แต่ก็เห็นว่ากระทู้นี้มีประโยชน์มาก และไม่ใช่การโอ้อวดแน่นอน
เพราะทำให้พวกเราเห็นว่า Value investing นั้น
สร้างผลตอบแทนได้อย่างดีมาก มิใช่เป็นแต่เพียงหลักการ
ที่สวยหรู
พวกเราน่าจะมีส่วนร่วมในกระทู้นี้โดยช่วยกัน
เปิดเผยผลตอบแทนของตัวเอง
ทั้งท่านที่ยังไม่เคยโพสต์
และท่านปรมาจารย์ประจำสำนัก
โดยอาจจะแทรกข้อคิดเล็กๆน้อยๆจาก
ประสบการณ์ลงทุนประกอบด้วย
แบบคุณลูกอีสาน ก็จะมีประโยชน์มาก
สำหรับข้าพเจ้า
ปีนี้ถือว่าโชคดีเพราะ
1. สามารถขาย TBSP ไปก่อนที่ผลประกอบการจะย่ำแย่
ฟลุ้กมัก MFC ขายไปหมดแล้ว ไม่ยักกะลงวุ้ย
2. เริ่มทำงาน ทำให้ไม่มีเวลาเฝ้าหน้าจอคอม ซื้อๆขายๆ
ต้องมาตั้งคำสั่งซื้อ-ขายตอนดึกๆและนานๆครั้ง
3. สามารถบังคับตัวเองให้ทำ valuation แบบหยาบๆ
ก่อนซื้อหุ้นได้แล้ว ทำให้ซื้อ-ขายอย่างมีเหตุผลมากขึ้น
ใครไม่เชื่อก็ลองดู
ส่วนผลตอบแทนเป็นที่น่าแปลกใจมากดังนี้
อนึ่ง หุ้นทุกตัวเพิ่งซื้อในปีนี้
แต่ก็เห็นว่ากระทู้นี้มีประโยชน์มาก และไม่ใช่การโอ้อวดแน่นอน
เพราะทำให้พวกเราเห็นว่า Value investing นั้น
สร้างผลตอบแทนได้อย่างดีมาก มิใช่เป็นแต่เพียงหลักการ
ที่สวยหรู
พวกเราน่าจะมีส่วนร่วมในกระทู้นี้โดยช่วยกัน
เปิดเผยผลตอบแทนของตัวเอง
ทั้งท่านที่ยังไม่เคยโพสต์
และท่านปรมาจารย์ประจำสำนัก
โดยอาจจะแทรกข้อคิดเล็กๆน้อยๆจาก
ประสบการณ์ลงทุนประกอบด้วย
แบบคุณลูกอีสาน ก็จะมีประโยชน์มาก
สำหรับข้าพเจ้า
ปีนี้ถือว่าโชคดีเพราะ
1. สามารถขาย TBSP ไปก่อนที่ผลประกอบการจะย่ำแย่
ฟลุ้กมัก MFC ขายไปหมดแล้ว ไม่ยักกะลงวุ้ย
2. เริ่มทำงาน ทำให้ไม่มีเวลาเฝ้าหน้าจอคอม ซื้อๆขายๆ
ต้องมาตั้งคำสั่งซื้อ-ขายตอนดึกๆและนานๆครั้ง
3. สามารถบังคับตัวเองให้ทำ valuation แบบหยาบๆ
ก่อนซื้อหุ้นได้แล้ว ทำให้ซื้อ-ขายอย่างมีเหตุผลมากขึ้น
ใครไม่เชื่อก็ลองดู
ส่วนผลตอบแทนเป็นที่น่าแปลกใจมากดังนี้
อนึ่ง หุ้นทุกตัวเพิ่งซื้อในปีนี้
Markets can remain irrational longer than you can remain solvent. -John Maynard Keynes
-
- Verified User
- โพสต์: 1301
- ผู้ติดตาม: 0
*** พอร์ต ปี 2548 ***
โพสต์ที่ 55
นับถือทุกท่านมาก ผลประอบการกองทุนของทุกคนดีกว่าผู้จัดการกองทุนมืออาชีพ
ไม่กล้าเปิดพอร์ตตัวเองให้ดู เห็นแล้วอาย แต่ปีนี้เสียค่าคอมน้อยมากมากเป็นหลักหมื่นต้นๆ พอดีปีนี้ไม่ได้เทรดด้วย หนีไปเทรดยาง
ไม่กล้าเปิดพอร์ตตัวเองให้ดู เห็นแล้วอาย แต่ปีนี้เสียค่าคอมน้อยมากมากเป็นหลักหมื่นต้นๆ พอดีปีนี้ไม่ได้เทรดด้วย หนีไปเทรดยาง
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
*** พอร์ต ปี 2548 ***
โพสต์ที่ 57
สูตรที่ใช้ครับ กำไร/เงินต้นLinzhi เขียน: สำหรับสูตรคุณลูกอีสานว่า ผมไม่ค่อยเข้าใจครับ
(เงินลงทุนปลายงวด-เงินลงทุนต้นงวด)/เงินลงทุนต้นงวด???
ผมใช้วิธีคิดคือ เงินส่วนเพิ่มที่ได้จากหุ้นปลายปี(ทั้งส่วนต่างมูลค่าหุ้น + ปันผล) หักลบกับส่วนต่างมูลค่าหุ้นที่มีตอนต้นปี
นำมาหารกับเงินที่ใส่เข้าไปในหุ้นปัจจุบัน(ปลายปี)
ไม่แน่ใจว่าถูกหรือเปล่าครับ ช่วยแนะนำหน่อยครับ
กำไรก็คือเงินส่วนเพิ่มที่ได้จากหุ้นปลายปี(ทั้งส่วนต่างมูลค่าหุ้น + ปันผล) หักลบกับส่วนต่างมูลค่าหุ้นที่มีตอนต้นปี น่าจะถูกต้องแล้ว
เงินต้นก็คือเงินลงทุนเริ่มแรกตอนต้นปีครับ ถ้ามีเงินเพิ่มเข้าไประหว่างปี ก็บวกส่วนนี้เข้าไปเป็นเงินต้นด้วยครับ
ดูผลตอบแทนแล้ว ผมต้องไปฝากตัวเป็นศิษย์กับพี่ๆมากกว่านะครับnaris เขียน:ที่ปรึกษาผมเยี่ยมจริงๆเลยนะเนี่ย
รู้สึกว่าคนใต้นี่ฝีมือสุดยอดกันทั้งนั้นนะครับ
ใช่ไหมครับ คุณลูกอิสาน
สงสัยมีลูกพี่ดี(พี่ครรชิต)สั่งสอนและแนะนำ
ยังไง คนเลย ฝากตัวเป็นศิษย์ด้วยนะครับ
ทั้งพี่นริศและพี่สามัญชน ปีหน้ารอลุ้น ILINK IT PDI ด้วยคนครับ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
*** พอร์ต ปี 2548 ***
โพสต์ที่ 58
ปีหน้าคงต้องไป แหงนหน้าดูฟ้าและกราฟ ด้วยคนครับ :lol: ปีนี้เป็นการเรียนรู้ แต่หากปีหน้ายังไม่มีกำไร อาจจะต้องกลับมาทบทวนว่าจะลงทุนในสัญญาล่วงหน้าต่อไปหรือเปล่า ให้คุ้มค่ากับเวลาที่ต้องศึกษาครับBoring Stock Lover เขียน:นับถือทุกท่านมาก ผลประอบการกองทุนของทุกคนดีกว่าผู้จัดการกองทุนมืออาชีพ
ไม่กล้าเปิดพอร์ตตัวเองให้ดู เห็นแล้วอาย แต่ปีนี้เสียค่าคอมน้อยมากมากเป็นหลักหมื่นต้นๆ พอดีปีนี้ไม่ได้เทรดด้วย หนีไปเทรดยาง
เห็นด้วยกับคุณ nana ครับ อย่างน้อยเราจะได้มีกรอบในการคิด มีเป้าหมาย และมีแรงกระตุ้นครับ ขอบคุณสำหรับรูปแบบตารางนะครับ ผมลอกมาจากคุณ nana ในกระทู้ MFC
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
- tenkafubu
- Verified User
- โพสต์: 224
- ผู้ติดตาม: 0
*** พอร์ต ปี 2548 ***
โพสต์ที่ 59
สรุปของตัวเราเองดูบ้าง..
ผลตอบแทนแบบที่ 1 (ผลต่างราคา+เงินปันผล+เครดิตภาษี) 7% เทียบกับปีที่แล้ว 4.5%
ผลตอบแทนแบบที่ 2 my company highlight..
Yr. 2005 2004
P/E 7.9 8.1
P/Bv 2.4 0.9
P/S 0.9 1.2
ROE 25.0 10.8 %
Yr.Return 12.6 12.4 %
ปีนี้ดีกว่า ปีก่อนในแง่ผลกำไรแบบ EPS และ Sale แต่ในแง่ผลต่างราคา OK พอใจแล้ว
ปีหน้าเอาใหม่..สู้เค้า Oda Nobunaga..Owari
ผลตอบแทนแบบที่ 1 (ผลต่างราคา+เงินปันผล+เครดิตภาษี) 7% เทียบกับปีที่แล้ว 4.5%
ผลตอบแทนแบบที่ 2 my company highlight..
Yr. 2005 2004
P/E 7.9 8.1
P/Bv 2.4 0.9
P/S 0.9 1.2
ROE 25.0 10.8 %
Yr.Return 12.6 12.4 %
ปีนี้ดีกว่า ปีก่อนในแง่ผลกำไรแบบ EPS และ Sale แต่ในแง่ผลต่างราคา OK พอใจแล้ว
ปีหน้าเอาใหม่..สู้เค้า Oda Nobunaga..Owari
3M Only...
Market Cap.
Market Cap.