ผลกระทบเรื่องค่าเงินหยวน โดยคุณ Invisible Hand
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
ผลกระทบเรื่องค่าเงินหยวน โดยคุณ Invisible Hand
โพสต์ที่ 1
Source: Value Bull -- by Invisible Hand
ผลกระทบในครั้งนี้ยากที่จะวิเคราะห์จริงๆ ครับ เพราะเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันมีความซับซ้อนและมิติที่ลึกกว่าที่จะใช้ทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์มาวิเคราะห์แล้วล่ะครับ ผมจะลองให้ความเห็นดูนะครับซึ่งไม่ได้หมายความจะต้องเกิดตามที่ผมวิเคราะห์นะครับ
ผมมองว่าการปรับค่าเงินขึ้น 2% จาก 8.28 เป็น 8.11 หยวนต่อดอลล่าร์นั้นน้อยไปครับ ผมคิดว่าในจุดที่สมดุล ค่าเงินจีนควรจะแข็งขึ้น 10% และมีโอกาส overshoot ถึง 15% ดังนั้นผมจึงคิดว่าบรรดา hedge fund จึงน่าจะมีการเข้ามาเก็งกำไรในค่าเงินหยวนกันมากขึ้นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ปัจจุบันเงินหยวนที่ตลาด future ซื้อขายกันที่ประมาณ 7.8 หยวนต่อดอลล่าร์แล้วครับ
แต่อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าทางจีนน่าจะเห็นถึงปัญหานี้แล้ว ดังนั้นผมเดาว่าทางการจีนอาจจะมีมาตรการอะไรที่จะสะกัดกั้นและดัดหลังการไหลเข้าของเงินทุนที่จะเข้ามาเก็งกำไรในค่าเงินในอนาคตเหมือนกันครับ ซึ่งอาจจะทำให้ในระยะสั้นๆ อาจจะมี hedge fund ที่เจ็บตัวได้ แต่ในระยะยาวๆ แล้วผมก็เชื่อว่ายังไงค่าเงินหยวนจะต้องแข็งค่าขึ้นอย่างน้อย 10% ครับ
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกยังยากที่จะคาดเดาครับ แต่ผมยังไม่คิดว่าจะมีอะไรที่จะทำให้เศรษฐกิจจีนโตต่ำกว่า 6-7% ต่อปีได้ ผมไม่คิดว่าการส่งออกของจีนจะตกต่ำลงมากนักจากการที่ค่าเงินแข็งขึ้น 10% ดังนั้นผมยังมองว่าเศรษฐกิจโลกยังพอไปได้ดีอยู่ครับ แต่ความเสี่ยงอาจจะเพิ่มขึ้นบ้างจากสิ่งที่อาจจะเกิดที่เรียกว่า chaos คือ ความสับสนอลหม่านในระบบการเงินโลก ทั้งตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ตลาดเงิน ตลาดทุน ดังนั้น ใน worst case ก็อาจจะมีผลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกได้
อีกสิ่งหนึ่งที่เราจะเห็นคือ การลงทุนของจีนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งการลงทุนทางตรง และการลงทุนในตลาดทุน เนื่องจากค่าเงินที่แข็งขึ้น และการกระตุ้นโดยทางการที่ต้องการเงินไหลออกนอกประเทศบ้าง ดังนั้นเราจะได้เห็น deal ใหญ่แบบที่ Cnooc เสนอซื้อ Unocal อีกในอนาคต
สำหรับผลต่อตลาดสินค้าประเภท commodity เช่น เหล็ก ปิโตรเคมี เรือ มองได้หลายมิติมากๆ ครับ และยากมาก ผมให้น้ำหนักในกรณีที่ผู้นำเข้าวัตถุดิบของจีน อาจจะเก็งว่าค่าเงินจะต้องแข็งกว่านี้ จึงไม่เร่ง stock วัตถุดิบมากนัก เพื่อหวังจะซื้อได้ถูกกว่าเดิมหากค่าเงินจะแข็งขึ้น ผมจึงคิดว่าเราอาจจะเห็นราคาสินค้าประเภท commodity ยังอยู่ในระดับที่ไม่สู้ดีนัก แต่ให้จับตาดูช่วง high season lในภาคการผลิตของจีนที่จะเกิดปลายไตรมาส 3 ซึ่งน่าจะทำให้การนำเข้าวัตถุดิบเพิ่มขึ้นและอาจจะทำให้ราคาสินค้าประเภท commodity ฟื้นตัวได้ครับ
ผลกระทบต่อประเทศไทยนั้น ผมมองว่าค่าเงินบาทและค่าเงินในภูมิภาคคงหนีไม่พ้นที่จะแข็งขึ้นตาม แต่ค่าเงินบาทควรจะแข็งขึ้นในอัตราที่น้อยกว่าค่าเงินหยวน เพราะประเทศไทยยังมีภาวะขาดดุลการค้าอยู่มาก ดังนั้นค่าเงินบาทควรจะอ่อนลงเทียบกับหยวนครับ ผมเชื่อว่าน่าจะมี hedge fund เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียมากขึ้นเพราะหวังกำไร 2 ต่อทั้งจากราคาหุ้นและค่าเงิน ผมยังไม่แน่ใจว่า fund flow จะเข้ามาประเทศไทยมากน้อยแค่ไหนเพราะตอนนี้หากเทียบกับเพื่อนบ้านแล้ว ปัจจัยต่างๆ ของประเทศเราก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก ทั้งเรื่องการก่อการร้าย การที่เราไม่มีแหล่งน้ำมันทำให้ขาดดุลการค้ามาก ( ทำให้เสียเปรียบมาเลย์ และอินโดฯ ) และการที่เศรษฐกิจมีภาคการผลิตที่ใหญ่หากเทียบกับภาคบริการ ( ทำให้ได้รับผลกระทบด้านน้ำมันมากกว่าสิงคโปร์และฮ่องกง ) การที่สัดส่วนการบริโภคน้ำมันต่อ GDP สูง ( ทำให้ได้รับผลกระทบมากกว่าประเทศที่มีรายได้ต่อหัวสูงๆ อย่างเกาหลี ไต้หวัน ) ดังนั้นหากต่างชาติจะซื้อหุ้นไทยผมคิดว่าเค้าน่าจะมองหุ้นที่ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจในประเทศเท่าไหร่เช่น พลังงาน โดยเฉพาะ PTTEP ที่น่าจะมีการเติบโตของกำไรที่โดดเด่นครับ
แต่ก็มีอีกประเด็นหนึ่งคือ ปัจจุบันตลาดหุ้นในภูมิภาคหลายประเทศทำ new high แต่ตลาดหุ้นไทยอยู่ใกล้ low ของปี ดังนั้นตลาดไทยถือว่า underperform และ laggard อยู่ ดังนั้นอาจจะมี hedge fund เข้ามาเล่นจุดนี้ได้ครับ โดยอาจจะต้องรอปัจจัยอะไรบางอย่างที่เป็น trigger เช่น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยผมให้จับตานโยบายกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ครับ อาจจะได้เห็นอีกครั้งหนึ่งครับ
ดังนั้น ผมคิดว่ากลยุทธ์ช่วงนี้ การถือหุ้นก็ควรจะเน้นหุ้นที่มีคุณภาพขนาดกลางและเล็กครับเพราะจะได้รับความผันผวนจากตลาดน้อยกว่า โดยเฉพาะหุ้นที่เป็น non-cyclial ที่มีรายได้ค่อนข้างมั่นคง เช่น โรงแรม โรงพยาบาล พาณิชย์ ธุรกิจให้เช่า โรงไฟฟ้า และควรเลือกหุ้นที่มีการจ่ายปันผลในระดับที่ค่อนข้างสูงเพราะเป็นตัวที่ทำให้ downside มีจำกัด ส่วนหุ้นขนาดใหญ่ sector ที่น่าสนใจคือพลังงาน โดยเฉพาะ PTTEP และน่าจะหลีกเลี่ยงหุ้น commodity จนกว่าจะเห็นการฟื้นตัวของราคาผลิตภัณฑ์ก่อน ควรจะถือเงินสดไว้บ้างเพราะเรื่องการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดยังเป็นความเสี่ยงที่สำคัญของประเทศครับ
ผลกระทบในครั้งนี้ยากที่จะวิเคราะห์จริงๆ ครับ เพราะเศรษฐกิจโลกในปัจจุบันมีความซับซ้อนและมิติที่ลึกกว่าที่จะใช้ทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์มาวิเคราะห์แล้วล่ะครับ ผมจะลองให้ความเห็นดูนะครับซึ่งไม่ได้หมายความจะต้องเกิดตามที่ผมวิเคราะห์นะครับ
ผมมองว่าการปรับค่าเงินขึ้น 2% จาก 8.28 เป็น 8.11 หยวนต่อดอลล่าร์นั้นน้อยไปครับ ผมคิดว่าในจุดที่สมดุล ค่าเงินจีนควรจะแข็งขึ้น 10% และมีโอกาส overshoot ถึง 15% ดังนั้นผมจึงคิดว่าบรรดา hedge fund จึงน่าจะมีการเข้ามาเก็งกำไรในค่าเงินหยวนกันมากขึ้นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ปัจจุบันเงินหยวนที่ตลาด future ซื้อขายกันที่ประมาณ 7.8 หยวนต่อดอลล่าร์แล้วครับ
แต่อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าทางจีนน่าจะเห็นถึงปัญหานี้แล้ว ดังนั้นผมเดาว่าทางการจีนอาจจะมีมาตรการอะไรที่จะสะกัดกั้นและดัดหลังการไหลเข้าของเงินทุนที่จะเข้ามาเก็งกำไรในค่าเงินในอนาคตเหมือนกันครับ ซึ่งอาจจะทำให้ในระยะสั้นๆ อาจจะมี hedge fund ที่เจ็บตัวได้ แต่ในระยะยาวๆ แล้วผมก็เชื่อว่ายังไงค่าเงินหยวนจะต้องแข็งค่าขึ้นอย่างน้อย 10% ครับ
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกยังยากที่จะคาดเดาครับ แต่ผมยังไม่คิดว่าจะมีอะไรที่จะทำให้เศรษฐกิจจีนโตต่ำกว่า 6-7% ต่อปีได้ ผมไม่คิดว่าการส่งออกของจีนจะตกต่ำลงมากนักจากการที่ค่าเงินแข็งขึ้น 10% ดังนั้นผมยังมองว่าเศรษฐกิจโลกยังพอไปได้ดีอยู่ครับ แต่ความเสี่ยงอาจจะเพิ่มขึ้นบ้างจากสิ่งที่อาจจะเกิดที่เรียกว่า chaos คือ ความสับสนอลหม่านในระบบการเงินโลก ทั้งตลาดอัตราแลกเปลี่ยน ตลาดเงิน ตลาดทุน ดังนั้น ใน worst case ก็อาจจะมีผลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกได้
อีกสิ่งหนึ่งที่เราจะเห็นคือ การลงทุนของจีนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งการลงทุนทางตรง และการลงทุนในตลาดทุน เนื่องจากค่าเงินที่แข็งขึ้น และการกระตุ้นโดยทางการที่ต้องการเงินไหลออกนอกประเทศบ้าง ดังนั้นเราจะได้เห็น deal ใหญ่แบบที่ Cnooc เสนอซื้อ Unocal อีกในอนาคต
สำหรับผลต่อตลาดสินค้าประเภท commodity เช่น เหล็ก ปิโตรเคมี เรือ มองได้หลายมิติมากๆ ครับ และยากมาก ผมให้น้ำหนักในกรณีที่ผู้นำเข้าวัตถุดิบของจีน อาจจะเก็งว่าค่าเงินจะต้องแข็งกว่านี้ จึงไม่เร่ง stock วัตถุดิบมากนัก เพื่อหวังจะซื้อได้ถูกกว่าเดิมหากค่าเงินจะแข็งขึ้น ผมจึงคิดว่าเราอาจจะเห็นราคาสินค้าประเภท commodity ยังอยู่ในระดับที่ไม่สู้ดีนัก แต่ให้จับตาดูช่วง high season lในภาคการผลิตของจีนที่จะเกิดปลายไตรมาส 3 ซึ่งน่าจะทำให้การนำเข้าวัตถุดิบเพิ่มขึ้นและอาจจะทำให้ราคาสินค้าประเภท commodity ฟื้นตัวได้ครับ
ผลกระทบต่อประเทศไทยนั้น ผมมองว่าค่าเงินบาทและค่าเงินในภูมิภาคคงหนีไม่พ้นที่จะแข็งขึ้นตาม แต่ค่าเงินบาทควรจะแข็งขึ้นในอัตราที่น้อยกว่าค่าเงินหยวน เพราะประเทศไทยยังมีภาวะขาดดุลการค้าอยู่มาก ดังนั้นค่าเงินบาทควรจะอ่อนลงเทียบกับหยวนครับ ผมเชื่อว่าน่าจะมี hedge fund เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียมากขึ้นเพราะหวังกำไร 2 ต่อทั้งจากราคาหุ้นและค่าเงิน ผมยังไม่แน่ใจว่า fund flow จะเข้ามาประเทศไทยมากน้อยแค่ไหนเพราะตอนนี้หากเทียบกับเพื่อนบ้านแล้ว ปัจจัยต่างๆ ของประเทศเราก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก ทั้งเรื่องการก่อการร้าย การที่เราไม่มีแหล่งน้ำมันทำให้ขาดดุลการค้ามาก ( ทำให้เสียเปรียบมาเลย์ และอินโดฯ ) และการที่เศรษฐกิจมีภาคการผลิตที่ใหญ่หากเทียบกับภาคบริการ ( ทำให้ได้รับผลกระทบด้านน้ำมันมากกว่าสิงคโปร์และฮ่องกง ) การที่สัดส่วนการบริโภคน้ำมันต่อ GDP สูง ( ทำให้ได้รับผลกระทบมากกว่าประเทศที่มีรายได้ต่อหัวสูงๆ อย่างเกาหลี ไต้หวัน ) ดังนั้นหากต่างชาติจะซื้อหุ้นไทยผมคิดว่าเค้าน่าจะมองหุ้นที่ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจในประเทศเท่าไหร่เช่น พลังงาน โดยเฉพาะ PTTEP ที่น่าจะมีการเติบโตของกำไรที่โดดเด่นครับ
แต่ก็มีอีกประเด็นหนึ่งคือ ปัจจุบันตลาดหุ้นในภูมิภาคหลายประเทศทำ new high แต่ตลาดหุ้นไทยอยู่ใกล้ low ของปี ดังนั้นตลาดไทยถือว่า underperform และ laggard อยู่ ดังนั้นอาจจะมี hedge fund เข้ามาเล่นจุดนี้ได้ครับ โดยอาจจะต้องรอปัจจัยอะไรบางอย่างที่เป็น trigger เช่น มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยผมให้จับตานโยบายกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ครับ อาจจะได้เห็นอีกครั้งหนึ่งครับ
ดังนั้น ผมคิดว่ากลยุทธ์ช่วงนี้ การถือหุ้นก็ควรจะเน้นหุ้นที่มีคุณภาพขนาดกลางและเล็กครับเพราะจะได้รับความผันผวนจากตลาดน้อยกว่า โดยเฉพาะหุ้นที่เป็น non-cyclial ที่มีรายได้ค่อนข้างมั่นคง เช่น โรงแรม โรงพยาบาล พาณิชย์ ธุรกิจให้เช่า โรงไฟฟ้า และควรเลือกหุ้นที่มีการจ่ายปันผลในระดับที่ค่อนข้างสูงเพราะเป็นตัวที่ทำให้ downside มีจำกัด ส่วนหุ้นขนาดใหญ่ sector ที่น่าสนใจคือพลังงาน โดยเฉพาะ PTTEP และน่าจะหลีกเลี่ยงหุ้น commodity จนกว่าจะเห็นการฟื้นตัวของราคาผลิตภัณฑ์ก่อน ควรจะถือเงินสดไว้บ้างเพราะเรื่องการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดยังเป็นความเสี่ยงที่สำคัญของประเทศครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 32
- ผู้ติดตาม: 0
ผลกระทบเรื่องค่าเงินหยวน โดยคุณ Invisible Hand
โพสต์ที่ 8
ขอบคุณ คุณ CK และคุณ Invisible Hand