มาทายกันว่า...
-
- Verified User
- โพสต์: 249
- ผู้ติดตาม: 0
มาทายกันว่า...
โพสต์ที่ 12
MINT, OISHI, CENTEL, TF
- pong
- Verified User
- โพสต์: 356
- ผู้ติดตาม: 0
มาทายกันว่า...
โพสต์ที่ 20
from tisco krub
MINT
บริษัทเปิดเผยถึงรายได้รวมของโรงแรมเพิ่มขึ้น 9% YoY ใน 2Q48 อัตราการเข้าพักของกลุ่มโรงแรมอยู่ที่ 62% ใน 2Q48 ลดลงเพียงเล็กน้อยจาก 63% ใน 2Q47 โดยอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยสำหรับไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้น 10% YoY สำหรับอัตราการเข้าพักที่ลดลงเล็กน้อย เนื่องจากโรงแรม Four Seasons Bangkok ได้ปิดดำเนินงานเพื่อทำการปรับปรุง และโรงแรม Anantara Samui มีอัตราการเข้าพักต่ำ เนื่องจากมีจำนวนวันดำเนินงานน้อยกว่าปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า โดยปกติจะต้องใช้เวลามากกว่า 1 ปี เพื่อที่จะทำให้อัตราการเข้าพักอยู่ในเกณฑ์ที่ดีได้
บริษัทได้เพิ่มระบบ system-wide-fast-food sales ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 18% YoY ใน 2Q48 ขณะที่ยอดขายจากสาขาเดิมเพิ่มขึ้น 8% YoY มีสาขา 24 แห่งที่เปิดดำเนินการในช่วงไตรมาส 2 และสาขาแฟรนไชส์อีก 16 แห่ง อย่างไรก็ตาม สำหรับธุรกิจสปายังคงไม่น่าตื่นเต้นนักในไตรมาส 2 เนื่องจากอัตราการเข้าพักที่ JW Marriott จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นโรงแรมหนึ่งที่ทำรายได้หลักให้แก่กลุ่ม อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตในอนาคตยังคงดีอยู่ เนื่องจาก MINT วางแผนที่จะเปิดสปา 7 สาขาในต่างประเทศ รวมถึงแอฟริกา, มัลดีฟส์, ดูไบ และจีน
เราคาดว่า MINT จะรายงานรายได้อยู่ที่ 1.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.4% YoY แต่ลดลง 25% QoQ เนื่องจากผลกระทบทางด้านฤดูกาลของธุรกิจโรงแรม สำหรับผลประกอบการ เราคาดว่าจะอยู่ที่ 120 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.2% YoY แต่ลดลง 60.2% QoQ จากสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นของเราที่ 63.5% เทียบกับ 63.2% ของ 2Q47
เรายังคงประมาณการผลประกอบการปี 47F เนื่องจากเราเชื่อว่าผลประกอบการใน 4Q48 จะเพิ่มขึ้นจากช่วง high season ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว , รายได้จาก Timeshare Project , และจากการเรียกร้องค่าเสียหายจากการทำประกันของตัวโรงแรมและธุรกิจจากเหตุการณ์สึนามิ เรายังคงเป้าหมายราคาหุ้นที่ 4.72 บาท (sum-of-the-parts) ยังคงแนะนำให้ ซื้อ ปัจจัยเสี่ยงคือ ธุรกิจการท่องเที่ยวที่จ. ภูเก็ต และของอุตสาหกรรมโดยรวมฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้

MINT
บริษัทเปิดเผยถึงรายได้รวมของโรงแรมเพิ่มขึ้น 9% YoY ใน 2Q48 อัตราการเข้าพักของกลุ่มโรงแรมอยู่ที่ 62% ใน 2Q48 ลดลงเพียงเล็กน้อยจาก 63% ใน 2Q47 โดยอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยสำหรับไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้น 10% YoY สำหรับอัตราการเข้าพักที่ลดลงเล็กน้อย เนื่องจากโรงแรม Four Seasons Bangkok ได้ปิดดำเนินงานเพื่อทำการปรับปรุง และโรงแรม Anantara Samui มีอัตราการเข้าพักต่ำ เนื่องจากมีจำนวนวันดำเนินงานน้อยกว่าปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า โดยปกติจะต้องใช้เวลามากกว่า 1 ปี เพื่อที่จะทำให้อัตราการเข้าพักอยู่ในเกณฑ์ที่ดีได้
บริษัทได้เพิ่มระบบ system-wide-fast-food sales ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 18% YoY ใน 2Q48 ขณะที่ยอดขายจากสาขาเดิมเพิ่มขึ้น 8% YoY มีสาขา 24 แห่งที่เปิดดำเนินการในช่วงไตรมาส 2 และสาขาแฟรนไชส์อีก 16 แห่ง อย่างไรก็ตาม สำหรับธุรกิจสปายังคงไม่น่าตื่นเต้นนักในไตรมาส 2 เนื่องจากอัตราการเข้าพักที่ JW Marriott จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นโรงแรมหนึ่งที่ทำรายได้หลักให้แก่กลุ่ม อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตในอนาคตยังคงดีอยู่ เนื่องจาก MINT วางแผนที่จะเปิดสปา 7 สาขาในต่างประเทศ รวมถึงแอฟริกา, มัลดีฟส์, ดูไบ และจีน
เราคาดว่า MINT จะรายงานรายได้อยู่ที่ 1.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.4% YoY แต่ลดลง 25% QoQ เนื่องจากผลกระทบทางด้านฤดูกาลของธุรกิจโรงแรม สำหรับผลประกอบการ เราคาดว่าจะอยู่ที่ 120 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.2% YoY แต่ลดลง 60.2% QoQ จากสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นของเราที่ 63.5% เทียบกับ 63.2% ของ 2Q47
เรายังคงประมาณการผลประกอบการปี 47F เนื่องจากเราเชื่อว่าผลประกอบการใน 4Q48 จะเพิ่มขึ้นจากช่วง high season ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว , รายได้จาก Timeshare Project , และจากการเรียกร้องค่าเสียหายจากการทำประกันของตัวโรงแรมและธุรกิจจากเหตุการณ์สึนามิ เรายังคงเป้าหมายราคาหุ้นที่ 4.72 บาท (sum-of-the-parts) ยังคงแนะนำให้ ซื้อ ปัจจัยเสี่ยงคือ ธุรกิจการท่องเที่ยวที่จ. ภูเก็ต และของอุตสาหกรรมโดยรวมฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้