ดูไปดูมา ผมว่า mida น่าสนใจมากๆเลย
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ดูไปดูมา ผมว่า mida น่าสนใจมากๆเลย
โพสต์ที่ 35
อืม ถ้าผมทำธุรกิจนี้ ผมจะกันค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเยอะเลย
เพราะว่า ถ้ากันไว้เยอะๆ ผมก็สามารถนำไปลงเป็นค่าใช้จ่าย กำไรก็น้อยลง ผลคือ ไม่ต้องจ่ายภาษีมากๆ
แต่ถ้าผมลงค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญน้อยๆ ผลคือ กำไรก็จะมาก และก็ต้องนำเม็ดเงินออกไปจ่ายภาษีอีก
เมื่อเลือกที่จะลงค่าเผื่อไว้มากๆ สุดท้ายแล้ว มันจะมีค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ แต่ไม่สูญ ก็คือมีการรับคืน
........................................................................................................
ในแง่ความรู้สึก ของผู้ถือหุ้นก็จะรู้สึกดีว่าบริษัทนี้ conservative
ลองตัวตัวเลขกำไร ต่อ หนี้เสีย ในไตรมาสที่ผ่านมา ของ aeonts กับ mida
aeonts กำไร 226 ล้าน หนี้สูญ 370 ล้าน
mida กำไร 126 ล้าน หนี้สูญ 91 ล้าน
อืม ช่วงของการแข่งขันในการขยายสาขาผ่านไปแล้ว ถึงตอนนี้ผมคิดว่าน่าจะเป็นช่วงของการเก็บเกี่ยว
ธุรกิจแบบนี้ถ้าเราคิดว่ามีหนี้เสียเยอะแล้วเราไม่ทำ ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะคนที่เขาทำธุรกิจแบบนี้ เขาก็ต้องมีกำไร เผื่อ ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญอยู่แล้วหรือไม่
เพราะว่า ถ้ากันไว้เยอะๆ ผมก็สามารถนำไปลงเป็นค่าใช้จ่าย กำไรก็น้อยลง ผลคือ ไม่ต้องจ่ายภาษีมากๆ
แต่ถ้าผมลงค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญน้อยๆ ผลคือ กำไรก็จะมาก และก็ต้องนำเม็ดเงินออกไปจ่ายภาษีอีก
เมื่อเลือกที่จะลงค่าเผื่อไว้มากๆ สุดท้ายแล้ว มันจะมีค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ แต่ไม่สูญ ก็คือมีการรับคืน
........................................................................................................
ในแง่ความรู้สึก ของผู้ถือหุ้นก็จะรู้สึกดีว่าบริษัทนี้ conservative
ลองตัวตัวเลขกำไร ต่อ หนี้เสีย ในไตรมาสที่ผ่านมา ของ aeonts กับ mida
aeonts กำไร 226 ล้าน หนี้สูญ 370 ล้าน
mida กำไร 126 ล้าน หนี้สูญ 91 ล้าน
อืม ช่วงของการแข่งขันในการขยายสาขาผ่านไปแล้ว ถึงตอนนี้ผมคิดว่าน่าจะเป็นช่วงของการเก็บเกี่ยว
ธุรกิจแบบนี้ถ้าเราคิดว่ามีหนี้เสียเยอะแล้วเราไม่ทำ ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะคนที่เขาทำธุรกิจแบบนี้ เขาก็ต้องมีกำไร เผื่อ ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญอยู่แล้วหรือไม่
-
- Verified User
- โพสต์: 1688
- ผู้ติดตาม: 0
ดูไปดูมา ผมว่า mida น่าสนใจมากๆเลย
โพสต์ที่ 37
ผมจินตนาการไปเรื่อยเปื่อย
อย่าถือสาผมนะครับพี่เจ๋ง
:lol:
เดี๋ยวนี้ ห้างต่างจังหวัดมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ในห้างมีขายเครื่องใช้ไฟฟ้าถูกๆจากจีน เกาหลี
ผ่อนก็ได้ สดก็ดี
ขณะที่สมัยก่อน คนที่อยู่ไกลๆก็ซื้อจากพวกที่เอาไปขายถึงที่เช่นซิงเกอร์
คงต้องมองอนาคตของตัวธุรกิจแบบนี้ว่าจะไปทางไหน
อย่าถือสาผมนะครับพี่เจ๋ง

เดี๋ยวนี้ ห้างต่างจังหวัดมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ในห้างมีขายเครื่องใช้ไฟฟ้าถูกๆจากจีน เกาหลี
ผ่อนก็ได้ สดก็ดี
ขณะที่สมัยก่อน คนที่อยู่ไกลๆก็ซื้อจากพวกที่เอาไปขายถึงที่เช่นซิงเกอร์
คงต้องมองอนาคตของตัวธุรกิจแบบนี้ว่าจะไปทางไหน
==หากบริษัทไม่ได้อยู่ในตลาดฯ หุ้นยังน่าซื้อหรือไม่ ==
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ดูไปดูมา ผมว่า mida น่าสนใจมากๆเลย
โพสต์ที่ 38
พี่ก็ขอแย้งเล่นๆต่อไปนะ ท่าน ต.หยวนเปียว
เรื่องของธุรกิจนี่ พี่ว่า เรากำลังเดินตามประเทศที่ล้ำหน้าประเทศไทยเช่น ญี่ปุ่น เกาหลี เป็นต้น
นึกไม่ถึงเหมือนกันนะ ว่า aeonts จะมาจาก ญี่ปุ่น
ในขณะที่เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ญี่ปุ่น นี่ก็ราคาถูกมาก เมื่อเทียบกับรายได้ของเขา
อย่างไรก็ตามคำว่าคนจน ก็คือคนจน ในเมกา ก็มีคนจน ในญี่ปุ่น ในเกาหลี
พี่ว่ายากนะที่เราจะจินตนาการความคิดของคนจน
เช่น พวกเขาชอบคิดกันว่า ถ้าไม่ผ่อน ก็ไม่ได้ของ เพราะเก็บเงินไม่ได้
พวกเขาพยายามรักษาเครดิตนะ เพราะ การที่กู้ อิออนได้ ถือเป็นเครดิตต้องดี ต้องรักษาไว้ ไม่งั้น วันหลังต้องไปเจอดอกเบี้ยร้อยละ 20
แต่พี่เองก็เข้าใจนะ ว่าการซื้อรถยนต์ ของพนักงานกินเงินเดือนเองก็เหมือนกันแหละ ถ้าจะให้คนกินเงินเดือนเก็บเงินให้ได้ 7 - 9 แสนบาท ก่อน แล้วไปซื้อเงินสด อืม กว่าจะเก็บได้ พอดี ไม่ต้องจีบสาวกัน
พวกคนจนเหล่านี้ ที่เขามากู้เงินซื้อมอเตอร์ไซด์บ้าง เครื่องใช้ไฟฟ้าบ้าง ก็เหมือนกับคนที่เงินมากหน่อยกู้ซื้อรถยนต์ครับ
........................................................................................
สรุปคือถ้าแนวโน้มคนไปใช้ของถูกๆจากจีนหมด บริษัทปล่อยกู้เหล่านี้ก็ต้องเจ๊งๆไปหมด หรือไม่ ก็คงต้องดูกันต่อไปครับ
เรื่องของธุรกิจนี่ พี่ว่า เรากำลังเดินตามประเทศที่ล้ำหน้าประเทศไทยเช่น ญี่ปุ่น เกาหลี เป็นต้น
นึกไม่ถึงเหมือนกันนะ ว่า aeonts จะมาจาก ญี่ปุ่น
ในขณะที่เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ญี่ปุ่น นี่ก็ราคาถูกมาก เมื่อเทียบกับรายได้ของเขา
อย่างไรก็ตามคำว่าคนจน ก็คือคนจน ในเมกา ก็มีคนจน ในญี่ปุ่น ในเกาหลี
พี่ว่ายากนะที่เราจะจินตนาการความคิดของคนจน
เช่น พวกเขาชอบคิดกันว่า ถ้าไม่ผ่อน ก็ไม่ได้ของ เพราะเก็บเงินไม่ได้
พวกเขาพยายามรักษาเครดิตนะ เพราะ การที่กู้ อิออนได้ ถือเป็นเครดิตต้องดี ต้องรักษาไว้ ไม่งั้น วันหลังต้องไปเจอดอกเบี้ยร้อยละ 20
แต่พี่เองก็เข้าใจนะ ว่าการซื้อรถยนต์ ของพนักงานกินเงินเดือนเองก็เหมือนกันแหละ ถ้าจะให้คนกินเงินเดือนเก็บเงินให้ได้ 7 - 9 แสนบาท ก่อน แล้วไปซื้อเงินสด อืม กว่าจะเก็บได้ พอดี ไม่ต้องจีบสาวกัน
พวกคนจนเหล่านี้ ที่เขามากู้เงินซื้อมอเตอร์ไซด์บ้าง เครื่องใช้ไฟฟ้าบ้าง ก็เหมือนกับคนที่เงินมากหน่อยกู้ซื้อรถยนต์ครับ
........................................................................................
สรุปคือถ้าแนวโน้มคนไปใช้ของถูกๆจากจีนหมด บริษัทปล่อยกู้เหล่านี้ก็ต้องเจ๊งๆไปหมด หรือไม่ ก็คงต้องดูกันต่อไปครับ
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
ดูไปดูมา ผมว่า mida น่าสนใจมากๆเลย
โพสต์ที่ 39
Jeng เขียน: อย่างไรก็ตามคำว่าคนจน ก็คือคนจน ในเมกา ก็มีคนจน ในญี่ปุ่น ในเกาหลี
พี่ว่ายากนะที่เราจะจินตนาการความคิดของคนจน
เช่น พวกเขาชอบคิดกันว่า ถ้าไม่ผ่อน ก็ไม่ได้ของ เพราะเก็บเงินไม่ได้
พวกเขาพยายามรักษาเครดิตนะ เพราะ การที่กู้ อิออนได้ ถือเป็นเครดิตต้องดี ต้องรักษาไว้ ไม่งั้น วันหลังต้องไปเจอดอกเบี้ยร้อยละ 20
แต่พี่เองก็เข้าใจนะ ว่าการซื้อรถยนต์ ของพนักงานกินเงินเดือนเองก็เหมือนกันแหละ ถ้าจะให้คนกินเงินเดือนเก็บเงินให้ได้ 7 - 9 แสนบาท ก่อน แล้วไปซื้อเงินสด อืม กว่าจะเก็บได้ พอดี ไม่ต้องจีบสาวกัน
พวกคนจนเหล่านี้ ที่เขามากู้เงินซื้อมอเตอร์ไซด์บ้าง เครื่องใช้ไฟฟ้าบ้าง ก็เหมือนกับคนที่เงินมากหน่อยกู้ซื้อรถยนต์ครับ
...................... อืม งั้นต้องขายครับ อย่าไปซื้อ !!!! เพราะท่านนาย ก บอกแล้วว่าต่อไป ... เมืองไทยจะไม่มีคนจน ..!!!! Mida Aeonts หมดอนาคตแน่ๆ :lovl: :lovl: :lovl:
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
-
- Verified User
- โพสต์: 1688
- ผู้ติดตาม: 0
ดูไปดูมา ผมว่า mida น่าสนใจมากๆเลย
โพสต์ที่ 41
จริงซินะพี่เจ๋ง ไม่งั้นซิงเกอร์คงไม่อยู่มาเกิน100ปี :lol:พี่ว่ายากนะที่เราจะจินตนาการความคิดของคนจน
เช่น พวกเขาชอบคิดกันว่า ถ้าไม่ผ่อน ก็ไม่ได้ของ เพราะเก็บเงินไม่ได้
==หากบริษัทไม่ได้อยู่ในตลาดฯ หุ้นยังน่าซื้อหรือไม่ ==
-
- Verified User
- โพสต์: 3763
- ผู้ติดตาม: 0
ดูไปดูมา ผมว่า mida น่าสนใจมากๆเลย
โพสต์ที่ 42
สงสัยต้องพึ่งบริการ mida บ้างแล้วสิเนี่ยะJeng เขียน:
แต่พี่เองก็เข้าใจนะ ว่าการซื้อรถยนต์ ของพนักงานกินเงินเดือนเองก็เหมือนกันแหละ ถ้าจะให้คนกินเงินเดือนเก็บเงินให้ได้ 7 - 9 แสนบาท ก่อน แล้วไปซื้อเงินสด อืม กว่าจะเก็บได้ พอดี ไม่ต้องจีบสาวกัน

-
- Verified User
- โพสต์: 1688
- ผู้ติดตาม: 0
ดูไปดูมา ผมว่า mida น่าสนใจมากๆเลย
โพสต์ที่ 44
ทุบมานานจนแบนแล้วมั้งพี่เจ๋ง 

==หากบริษัทไม่ได้อยู่ในตลาดฯ หุ้นยังน่าซื้อหรือไม่ ==
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ดูไปดูมา ผมว่า mida น่าสนใจมากๆเลย
โพสต์ที่ 45
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ทุบมานานจนแบนแล้วมั้งพี่เจ๋ง
-
- Verified User
- โพสต์: 1688
- ผู้ติดตาม: 0
ดูไปดูมา ผมว่า mida น่าสนใจมากๆเลย
โพสต์ที่ 46
คุยเล่นๆกับพี่Jeng เขียน:555 เออจริง อืม ก็พี่เพิ่งมาดูนิโค้ด: เลือกทั้งหมด
ทุบมานานจนแบนแล้วมั้งพี่เจ๋ง
ไปๆมาๆ ตัวนี้ชักน่าสนใจแล้วซิ

-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ดูไปดูมา ผมว่า mida น่าสนใจมากๆเลย
โพสต์ที่ 48
อีกตัวที่น่าสนใจก็ de นะ
ปีที่แล้วกำไร 173 ล้าน ธุรกิจปล่อยกู้รายย่อยแบบนี้ ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็สามารถแก้ตัวได้
เอาเป็นว่า ปีนี้ ทำได้หรือไม่ที่ 100 ล้าน คงต้องเดา ถ้าทำได้ ราคานี้ก็ pe 5 เหมือนกัน
พี่เองชอบมองธุรกิจแบบนี้ เพราะได้ช่วยเหลือคนจน ที่ต้องการจะได้รับความสดวกสบาย ก็สามารถผ่อนจ่ายได้ โดยไม่ต้องเจอดอกเบี้ยร้อยละ 20
และโอกาสโกงก็น่าจะน้อย เพราะมันมีหลักฐานการซื้อ หลักฐานการผ่อน ซึ่งถ้ามีการโกง หลายฝ่ายต้องร่วมมือกัน
ปีที่แล้วกำไร 173 ล้าน ธุรกิจปล่อยกู้รายย่อยแบบนี้ ถ้ามีอะไรผิดพลาดก็สามารถแก้ตัวได้
เอาเป็นว่า ปีนี้ ทำได้หรือไม่ที่ 100 ล้าน คงต้องเดา ถ้าทำได้ ราคานี้ก็ pe 5 เหมือนกัน
พี่เองชอบมองธุรกิจแบบนี้ เพราะได้ช่วยเหลือคนจน ที่ต้องการจะได้รับความสดวกสบาย ก็สามารถผ่อนจ่ายได้ โดยไม่ต้องเจอดอกเบี้ยร้อยละ 20
และโอกาสโกงก็น่าจะน้อย เพราะมันมีหลักฐานการซื้อ หลักฐานการผ่อน ซึ่งถ้ามีการโกง หลายฝ่ายต้องร่วมมือกัน
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ดูไปดูมา ผมว่า mida น่าสนใจมากๆเลย
โพสต์ที่ 49
ลองคิดเล่นๆดูละกัน bigC ดีก็จริง แต่การที่มียอดขาย 52000 ล้าน กว่าจะทำยอดขายให้ได้ 104000 ล้านบาท
ต้องใช้ระยะเวลาเท่าไร
ส่วน mida ปล่อยกู้ 4000 ล้านบาท ถ้าจะปล่อยให้ได้ 8000 ล้าน
ถ้าพูดถึงโอกาสในการขาย mida ก็น่าจะทำได้ง่ายกว่า
เพราะฉะนั้นปัญหาของ mida คือการเก็บเงิน ซึ่งพี่ก็ไม่รู้นะ ว่าเขาใช้วิธีอย่างไร
คงไม่ได้ไปตีหัวใครหรอก ถ้าไม่จ่าย
ก็เท่ากับเป็นการช่วยคนจนนะ เพราะถ้าคนจนเหล่านี้ไปกู้นอกระบบ ถ้าไม่จ่ายเดี๋ยวโดนตีหัว
ต้องใช้ระยะเวลาเท่าไร
ส่วน mida ปล่อยกู้ 4000 ล้านบาท ถ้าจะปล่อยให้ได้ 8000 ล้าน
ถ้าพูดถึงโอกาสในการขาย mida ก็น่าจะทำได้ง่ายกว่า
เพราะฉะนั้นปัญหาของ mida คือการเก็บเงิน ซึ่งพี่ก็ไม่รู้นะ ว่าเขาใช้วิธีอย่างไร
คงไม่ได้ไปตีหัวใครหรอก ถ้าไม่จ่าย
ก็เท่ากับเป็นการช่วยคนจนนะ เพราะถ้าคนจนเหล่านี้ไปกู้นอกระบบ ถ้าไม่จ่ายเดี๋ยวโดนตีหัว
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
ดูไปดูมา ผมว่า mida น่าสนใจมากๆเลย
โพสต์ที่ 50
เดี๋ยวนี้ ใครแข่งเอาเงินอนาคต ของคนอื่น มาใช้ได้ก่อน มีสิทธิก่อน อิอิ
จากหน้าแรก กรุงเทพธุรกิจ

ดูก่อนจ่ายทีหลัง
เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ร่วมกับอิออน ธนทรัพย์หรืออิออน ร่วมกันจัดงานแถลงข่าว ให้ลูกค้าของอิออน สามารถใช้บริการ "ดูหนัง.....ผ่อนได้" ในราคาประหยัด สำหรับคนรักหนังทุกรอบ และทุกเรื่องตลอดปี ด้วยระยะเวลา 6 เดือน ฟรีดอกเบี้ย ที่โรงภาพยนตร์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน

จากหน้าแรก กรุงเทพธุรกิจ

ดูก่อนจ่ายทีหลัง
เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ร่วมกับอิออน ธนทรัพย์หรืออิออน ร่วมกันจัดงานแถลงข่าว ให้ลูกค้าของอิออน สามารถใช้บริการ "ดูหนัง.....ผ่อนได้" ในราคาประหยัด สำหรับคนรักหนังทุกรอบ และทุกเรื่องตลอดปี ด้วยระยะเวลา 6 เดือน ฟรีดอกเบี้ย ที่โรงภาพยนตร์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
- คัดท้าย
- Verified User
- โพสต์: 2917
- ผู้ติดตาม: 0
ดูไปดูมา ผมว่า mida น่าสนใจมากๆเลย
โพสต์ที่ 52
http://www.bangkokbiznews.com/2005/07/1 ... s_id=21281
อิออนคาดปล่อยกู้ใหม่ปีนี้ 5 หมื่นล้าน
13 กรกฎาคม 2548 08:11 น.
มั่นใจคนไทยยังบริโภคต่อ ไม่หวั่นเศรษฐกิจชะลอตัว เชื่อรักษากำไรเติบโตได้ 16%
"อิออน" มั่นใจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคยังเติบโตต่อเนื่อง สวนทางเศรษฐกิจโดยรวมที่ชะลอตัว เหตุชาวบ้านนิยมใช้เงินกู้มากกว่าถอนเงินฝากมาจับจ่าย เชื่อทั้งปียอดสินเชื่อใหม่ใกล้เคียง 5 หมื่นล้านบาท และสามารถรักษาอัตราการทำกำไรได้ที่ 16% ล่าสุดร่วมเมเจอร์ ออกสินเชื่อเพื่อความบันเทิง ดูหนังผ่อนได้เป็นรายแรกของไทย
นายอภิชาต นันทเทิม กรรมการบริหาร บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันต้องยอมรับว่ามีการเติบโตที่ลดลง โดยไตรมาสแรกจีดีพีโตกว่า 3% ในขณะที่สิงคโปร์ โตกว่า 2% ซึ่ง จีดีพี ของไทยยังโตอยู่
ส่วนอัตราเงินเฟ้อนั้น เพิ่มขึ้นทั่วโลก เพราะราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น สำหรับจีดีพีของไทยในปีนี้เชื่อว่า ทั้งปีจะสามารถเติบโตได้ ประมาณ 4% ซึ่งในภาวะแบบนี้ คนไม่มีความมั่นใจในการนำเงินออมที่มีอยู่ออกมาใช้ ทำให้เงินที่อยู่ในระบบล้นหลายแสนล้านบาท
นายอภิชาต กล่าวว่า พฤติกรรมส่วนใหญ่ของคนไทย เมื่อต้องการใช้เงิน จะเลือกใช้สินเชื่อมากกว่า ที่จะถอนเงินฝากของตัวเอง โดยเฉพาะสินเชื่อรายย่อย สินเชื่อเพื่อผู้บริโภค ทำให้สินเชื่อประเภทนี้สามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าในช่วง 6 เดือนหลัง จะมีโครงการเมกะโปรเจ็ก ที่จะกระจายการลงทุนไปทั่วประเทศ ทำให้เม็ดเงินกระจายไปยังกลุ่มพื้นฐานด้วย และที่สำคัญพฤติกรรมของคนในการบริโภคได้เปลี่ยนไปเมื่อเทียบกับปี 2540 ที่ผ่านมา และใน 6 เดือนที่ผ่านมาคือ ม.ค.-มิ.ย. ยอดสินเชื่อของบริษัทมีการเติบโตสุทธิ 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่เป้าสินเชื่อใหม่ในปีนี้ตั้งเป้าไว้แค่ 20% เท่านั้น
"อิออน จะโตต่อเนื่อง เศรษฐกิจแบบนี้คนที่มีเงินแต่ไม่ใช้ บางธุรกิจโต บางธุรกิจหยุด ธุรกิจที่เติบโตได้คือพวก เอไอเอส ดีแทค แม็คโคร โลตัส บิ๊กซี ซึ่งพวกนี้เป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการอุปโภคบริโภคทั้งนั้น ส่วนรถยนต์ราคาแพงจะมีการเติบโตที่ลดลง เศรษฐกิจแบบนี้คนเลือกบริโภคมากขึ้น อะไรที่ไม่จำเป็นก็จะลดลง แต่เรื่องที่เกี่ยวกับการอุปโภคบริโภคนั้นยังไม่สามารถลดลงได้ เพราะเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน แม้ว่าราคาน้ำมันจะแพงก็ตาม และประเทศที่เจริญแล้ว สินเชื่อผู้บริโภคจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าสินเชื่อทุกประเภท"
สำหรับ อิออน ในปีนี้ ได้ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ ใกล้เคียง 50,000 ล้านบาท ในขณะที่ปี 2547 ยอดสินเชื่อใหม่ที่บริษัทปล่อยไปทั้งสิ้นคือ 39,800 ล้านบาท โดยในไตรมาสแรกคือนับตั้งแต่ มี.ค.-พ.ค. มียอดสินเชื่อที่ปล่อยไปแล้ว 11,700 ล้านบาท หรือโต 27% โดยสินเชื่อบุคคล โตสูงสุด 73% สินเชื่อบัตรเครดิต โต 28% สินเชื่อเช่าซื้อโต 17% ซึ่งโดยรวมแล้วไตรมาสแรก ยอดสินเชื่อของบริษัทจะมีการเติบโตที่ลดลง เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ยอดสินเชื่อของบริษัทจะมีการเติบโตสูงสุดในไตรมาสสี่ สำหรับไตรมาสสองของบริษัทที่เริ่ม มิ.ย.-ส.ค.เท่าที่ดูแล้วเชื่อว่าสินเชื่อยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง หากนับตั้งแต่ม.ค.-มิ.ย.แล้ว สินเชื่อมีการเติบโตใกล้เคียง 30%
ทั้งนี้ยอดสินเชื่อคงค้างในปัจจุบันอยู่ที่ 18,000 ล้านบาท ซึ่งสินเชื่อที่บริษัทได้ปล่อยไปนั้นในระหว่างปีจะมีการชำระคืนมาด้วย ประมาณ 60% ของยอดสินเชื่อที่ได้อนุมัติ ในขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ เอ็นพีแอล ของบริษัท เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 2.3-2.4% มาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว เนื่องจากอายุของสินเชื่อจะมีระยะเวลาไม่นานนัก
ล่าสุดบริษัทได้ร่วมกับ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ในการให้สินเชื่อเพื่อความบันเทิง "ดูหนัง ผ่อนได้" อัตราดอกเบี้ย 0% เป็นเวลา 6 เดือน ถือว่าเป็นครั้งแรกในวงการสินเชื่อส่วนบุคคลที่ให้บริการสินเชื่อเกี่ยวกับการบันเทิง อิออน เชื่อว่า จะได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
ปัจจุบัน บริษัทมีฐานลูกค้าอยู่เกือบ 3 ล้านรายทั่วประเทศ และจากการสำรวจความคิดเห็นก็สนใจบันเทิงด้วยทำให้เกิดความร่วมมือกับเมเจอร์ในครั้งนี้ ซึ่งค่าใช้จ่ายเรื่องดอกเบี้ยนั้น เมเจอร์ จะเป็นผู้จ่ายให้กับบริษัทเอง โดยแพ็คเกจแรก 3,000 บาท เมเจอร์จ่ายให้อิออน 300 บาท แพ็คเกจที่สอง เมเจอร์จ่ายให้อิออน 360 บาท หรือ 10% ของแพ็คเกจ และในสัปดาห์ก็จะร่วมกับ แคลิฟอร์เนีย ฟิตเนส จัดโปรโมชั่นร่วมกันเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่รักการออกกำลังกาย
นายอภิชาต กล่าวว่า ใน 2 เดือนข้างหน้า บริษัทต้องรายงานตัวเลขข้อมูลสินเชื่อให้กับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทั้งหมด ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี และบริษัทก็ให้การสนับสนุนในเรื่องนี้มาตลอดเพื่อให้มีองค์กรใดองค์กรหนึ่งมีข้อมูลที่ถูกต้อง และในช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา อิออนได้ปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 102,000 ล้านบาท ให้กับประชาชนทั่วไป จนส่งผลให้มีฐานลูกค้าเกือบ 3 ล้านรายในปัจจุบัน และทำให้บริษัทมีการเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้
ในขณะที่ยอดเอ็นพีแอลในช่วง 3 ปี เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 2.2-2.4% เท่านั้น และในปัจจุบันก็เฉลี่ยอยู่ในระดับนี้เช่นกัน และมาตรการของ ธปท.ที่ออกมานั้น โดยเฉพาะดอกเบี้ยก็มีความใกล้เคียงกับที่อิออนได้ปล่อยไป
สำหรับหุ้นกู้ที่บริษัทได้ออกไปครั้งล่าสุด จำนวน 2,000 ล้านบาท นั้น ได้ปิดบัญชีไปเมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา หุ้นกู้ที่ออกครั้งนี้จะนำมาทดแทนหุ้นกู้อายุ 3 ปี ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปีนี้ จำนวน 1,500 ล้านบาท โดยดอกเบี้ยหุ้นกู้เดิมอยู่ที่ประมาณ 4% เช่นกัน
อิออนคาดปล่อยกู้ใหม่ปีนี้ 5 หมื่นล้าน
13 กรกฎาคม 2548 08:11 น.
มั่นใจคนไทยยังบริโภคต่อ ไม่หวั่นเศรษฐกิจชะลอตัว เชื่อรักษากำไรเติบโตได้ 16%
"อิออน" มั่นใจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคยังเติบโตต่อเนื่อง สวนทางเศรษฐกิจโดยรวมที่ชะลอตัว เหตุชาวบ้านนิยมใช้เงินกู้มากกว่าถอนเงินฝากมาจับจ่าย เชื่อทั้งปียอดสินเชื่อใหม่ใกล้เคียง 5 หมื่นล้านบาท และสามารถรักษาอัตราการทำกำไรได้ที่ 16% ล่าสุดร่วมเมเจอร์ ออกสินเชื่อเพื่อความบันเทิง ดูหนังผ่อนได้เป็นรายแรกของไทย
นายอภิชาต นันทเทิม กรรมการบริหาร บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันต้องยอมรับว่ามีการเติบโตที่ลดลง โดยไตรมาสแรกจีดีพีโตกว่า 3% ในขณะที่สิงคโปร์ โตกว่า 2% ซึ่ง จีดีพี ของไทยยังโตอยู่
ส่วนอัตราเงินเฟ้อนั้น เพิ่มขึ้นทั่วโลก เพราะราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น สำหรับจีดีพีของไทยในปีนี้เชื่อว่า ทั้งปีจะสามารถเติบโตได้ ประมาณ 4% ซึ่งในภาวะแบบนี้ คนไม่มีความมั่นใจในการนำเงินออมที่มีอยู่ออกมาใช้ ทำให้เงินที่อยู่ในระบบล้นหลายแสนล้านบาท
นายอภิชาต กล่าวว่า พฤติกรรมส่วนใหญ่ของคนไทย เมื่อต้องการใช้เงิน จะเลือกใช้สินเชื่อมากกว่า ที่จะถอนเงินฝากของตัวเอง โดยเฉพาะสินเชื่อรายย่อย สินเชื่อเพื่อผู้บริโภค ทำให้สินเชื่อประเภทนี้สามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าในช่วง 6 เดือนหลัง จะมีโครงการเมกะโปรเจ็ก ที่จะกระจายการลงทุนไปทั่วประเทศ ทำให้เม็ดเงินกระจายไปยังกลุ่มพื้นฐานด้วย และที่สำคัญพฤติกรรมของคนในการบริโภคได้เปลี่ยนไปเมื่อเทียบกับปี 2540 ที่ผ่านมา และใน 6 เดือนที่ผ่านมาคือ ม.ค.-มิ.ย. ยอดสินเชื่อของบริษัทมีการเติบโตสุทธิ 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่เป้าสินเชื่อใหม่ในปีนี้ตั้งเป้าไว้แค่ 20% เท่านั้น
"อิออน จะโตต่อเนื่อง เศรษฐกิจแบบนี้คนที่มีเงินแต่ไม่ใช้ บางธุรกิจโต บางธุรกิจหยุด ธุรกิจที่เติบโตได้คือพวก เอไอเอส ดีแทค แม็คโคร โลตัส บิ๊กซี ซึ่งพวกนี้เป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการอุปโภคบริโภคทั้งนั้น ส่วนรถยนต์ราคาแพงจะมีการเติบโตที่ลดลง เศรษฐกิจแบบนี้คนเลือกบริโภคมากขึ้น อะไรที่ไม่จำเป็นก็จะลดลง แต่เรื่องที่เกี่ยวกับการอุปโภคบริโภคนั้นยังไม่สามารถลดลงได้ เพราะเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน แม้ว่าราคาน้ำมันจะแพงก็ตาม และประเทศที่เจริญแล้ว สินเชื่อผู้บริโภคจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าสินเชื่อทุกประเภท"
สำหรับ อิออน ในปีนี้ ได้ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ ใกล้เคียง 50,000 ล้านบาท ในขณะที่ปี 2547 ยอดสินเชื่อใหม่ที่บริษัทปล่อยไปทั้งสิ้นคือ 39,800 ล้านบาท โดยในไตรมาสแรกคือนับตั้งแต่ มี.ค.-พ.ค. มียอดสินเชื่อที่ปล่อยไปแล้ว 11,700 ล้านบาท หรือโต 27% โดยสินเชื่อบุคคล โตสูงสุด 73% สินเชื่อบัตรเครดิต โต 28% สินเชื่อเช่าซื้อโต 17% ซึ่งโดยรวมแล้วไตรมาสแรก ยอดสินเชื่อของบริษัทจะมีการเติบโตที่ลดลง เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ยอดสินเชื่อของบริษัทจะมีการเติบโตสูงสุดในไตรมาสสี่ สำหรับไตรมาสสองของบริษัทที่เริ่ม มิ.ย.-ส.ค.เท่าที่ดูแล้วเชื่อว่าสินเชื่อยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง หากนับตั้งแต่ม.ค.-มิ.ย.แล้ว สินเชื่อมีการเติบโตใกล้เคียง 30%
ทั้งนี้ยอดสินเชื่อคงค้างในปัจจุบันอยู่ที่ 18,000 ล้านบาท ซึ่งสินเชื่อที่บริษัทได้ปล่อยไปนั้นในระหว่างปีจะมีการชำระคืนมาด้วย ประมาณ 60% ของยอดสินเชื่อที่ได้อนุมัติ ในขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ เอ็นพีแอล ของบริษัท เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 2.3-2.4% มาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว เนื่องจากอายุของสินเชื่อจะมีระยะเวลาไม่นานนัก
ล่าสุดบริษัทได้ร่วมกับ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ในการให้สินเชื่อเพื่อความบันเทิง "ดูหนัง ผ่อนได้" อัตราดอกเบี้ย 0% เป็นเวลา 6 เดือน ถือว่าเป็นครั้งแรกในวงการสินเชื่อส่วนบุคคลที่ให้บริการสินเชื่อเกี่ยวกับการบันเทิง อิออน เชื่อว่า จะได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
ปัจจุบัน บริษัทมีฐานลูกค้าอยู่เกือบ 3 ล้านรายทั่วประเทศ และจากการสำรวจความคิดเห็นก็สนใจบันเทิงด้วยทำให้เกิดความร่วมมือกับเมเจอร์ในครั้งนี้ ซึ่งค่าใช้จ่ายเรื่องดอกเบี้ยนั้น เมเจอร์ จะเป็นผู้จ่ายให้กับบริษัทเอง โดยแพ็คเกจแรก 3,000 บาท เมเจอร์จ่ายให้อิออน 300 บาท แพ็คเกจที่สอง เมเจอร์จ่ายให้อิออน 360 บาท หรือ 10% ของแพ็คเกจ และในสัปดาห์ก็จะร่วมกับ แคลิฟอร์เนีย ฟิตเนส จัดโปรโมชั่นร่วมกันเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่รักการออกกำลังกาย
นายอภิชาต กล่าวว่า ใน 2 เดือนข้างหน้า บริษัทต้องรายงานตัวเลขข้อมูลสินเชื่อให้กับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทั้งหมด ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี และบริษัทก็ให้การสนับสนุนในเรื่องนี้มาตลอดเพื่อให้มีองค์กรใดองค์กรหนึ่งมีข้อมูลที่ถูกต้อง และในช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา อิออนได้ปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 102,000 ล้านบาท ให้กับประชาชนทั่วไป จนส่งผลให้มีฐานลูกค้าเกือบ 3 ล้านรายในปัจจุบัน และทำให้บริษัทมีการเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้
ในขณะที่ยอดเอ็นพีแอลในช่วง 3 ปี เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 2.2-2.4% เท่านั้น และในปัจจุบันก็เฉลี่ยอยู่ในระดับนี้เช่นกัน และมาตรการของ ธปท.ที่ออกมานั้น โดยเฉพาะดอกเบี้ยก็มีความใกล้เคียงกับที่อิออนได้ปล่อยไป
สำหรับหุ้นกู้ที่บริษัทได้ออกไปครั้งล่าสุด จำนวน 2,000 ล้านบาท นั้น ได้ปิดบัญชีไปเมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา หุ้นกู้ที่ออกครั้งนี้จะนำมาทดแทนหุ้นกู้อายุ 3 ปี ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปีนี้ จำนวน 1,500 ล้านบาท โดยดอกเบี้ยหุ้นกู้เดิมอยู่ที่ประมาณ 4% เช่นกัน
The crowd, the world, and sometimes even the grave, step aside for the man who knows where he's going, but pushes the aimless drifter aside. -- Ancient Roman Saying
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ดูไปดูมา ผมว่า mida น่าสนใจมากๆเลย
โพสต์ที่ 57
รายได้
รายได้จากการขาย 544,349
รายได้ดอกผลเช่าซื้อ 498,020
ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสีย -
รายได้อื่น 22,144
รวมรายได้ 1,064,513
........................................................................................................
อ๋อ ท่านนันจัง แบบนี้ไม่เรียกรายได้อื่นๆหรอก เพราะเป็นรายได้จากดอกผลการเช่าซื้อครับ
ถ้าเราเอา 498+22 ก็จะเป็น 520 ล้านที่ท่านนันเรียกรายได้อื่นๆครับ
ท่านนันนี่ก็ละเอียดดีนะ
อืม ผมว่า อย่าไปดูเลย ใน set หรือ กิมเอ็ง ดูงบดีที่สุด
เอ แต่การที่ท่านนันจังคิดแบบนี้ ก็คงมีคนคิดแบบนี้อีกเยอะ
มิน่าหุ้นลงเอา ลงเอา
.............................................................................................
เออ แต่ผมชักไม่แน่ใจแล้วหละ ว่าเป็นรายได้อื่นๆ จริงหรือไม่
รายได้จากการขาย 544,349
รายได้ดอกผลเช่าซื้อ 498,020
ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสีย -
รายได้อื่น 22,144
รวมรายได้ 1,064,513
........................................................................................................
อ๋อ ท่านนันจัง แบบนี้ไม่เรียกรายได้อื่นๆหรอก เพราะเป็นรายได้จากดอกผลการเช่าซื้อครับ
ถ้าเราเอา 498+22 ก็จะเป็น 520 ล้านที่ท่านนันเรียกรายได้อื่นๆครับ
ท่านนันนี่ก็ละเอียดดีนะ
อืม ผมว่า อย่าไปดูเลย ใน set หรือ กิมเอ็ง ดูงบดีที่สุด
เอ แต่การที่ท่านนันจังคิดแบบนี้ ก็คงมีคนคิดแบบนี้อีกเยอะ
มิน่าหุ้นลงเอา ลงเอา

.............................................................................................
เออ แต่ผมชักไม่แน่ใจแล้วหละ ว่าเป็นรายได้อื่นๆ จริงหรือไม่
- nana
- Verified User
- โพสต์: 209
- ผู้ติดตาม: 0
ดูไปดูมา ผมว่า mida น่าสนใจมากๆเลย
โพสต์ที่ 58
สงสัย สรรพากรรู้ทันแฮะอืม ถ้าผมทำธุรกิจนี้ ผมจะกันค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเยอะเลย
เพราะว่า ถ้ากันไว้เยอะๆ ผมก็สามารถนำไปลงเป็นค่าใช้จ่าย กำไรก็น้อยลง ผลคือ ไม่ต้องจ่ายภาษีมากๆ
แต่ถ้าผมลงค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญน้อยๆ ผลคือ กำไรก็จะมาก และก็ต้องนำเม็ดเงินออกไปจ่ายภาษีอีก
เมื่อเลือกที่จะลงค่าเผื่อไว้มากๆ สุดท้ายแล้ว มันจะมีค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ แต่ไม่สูญ ก็คือมีการรับคืน
มาตรา 65 ตรี รายการต่อไปนี้ ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ
(1) เงินสำรองต่าง ๆ นอกจาก
(ก) เงินสำรองจากเบี้ยประกันภัยเพื่อสมทบทุนประกันชีวิตที่กันไว้ก่อนคำนวณกำไร เฉพาะส่วนที่ไม่เกินร้อยละ 65 ของจำนวนเบี้ยประกันภัยที่ได้รับในรอบระยะเวลาบัญชีหลังจากหักเบี้ยประกันภัยซึ่งเอาประกันต่อออกแล้ว
ในกรณีต้องใช้เงินตามจำนวนซึ่งเอาประกันภัยสำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตรายใดไม่ว่าเต็มจำนวนหรือบางส่วน เงินที่ใช้ไปเฉพาะส่วนที่ไม่เกินเงินสำรองตามวรรคก่อนสำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตรายนั้น จะถือเป็นรายจ่ายไม่ได้
ในกรณีเลิกสัญญาตามกรมธรรม์ประกันชีวิตรายใด ให้นำเงินสำรองตามวรรคแรก จำนวนที่มีอยู่สำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตรายนั้น กลับมารวมคำนวณเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่เลิกสัญญา
(ข) เงินสำรองจากเบี้ยประกันภัยเพื่อสมทบทุนประกันภัยอื่นที่กันไว้ก่อนคำนวณกำไร เฉพาะส่วนที่ไม่เกินร้อยละ 40 ของจำนวนเบี้ยประกันภัยที่ได้รับในรอบระยะเวลาบัญชีหลังจากหักเบี้ยประกันภัยซึ่งเอาประกันต่อออกแล้ว และเงินสำรองที่กันไว้นี้จะต้องถือเป็นรายได้ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีในรอบระยะเวลาบัญชีปีถัดไป
(ค) เงินสำรองที่กันไว้เป็นค่าเผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญ สำหรับหนี้จากการให้สินเชื่อที่ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ได้กันไว้ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์หรือกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ เฉพาะส่วนที่ตั้งเพิ่มขึ้นจากเงินสำรองประเภทดังกล่าวที่ปรากฏในงบดุลของรอบระยะเวลาบัญชีก่อน
เงินสำรองส่วนที่ตั้งเพิ่มขึ้นตามวรรคหนึ่ง และได้นำมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิไปแล้วในรอบระยะเวลาบัญชีใด ต่อมาหากมีการตั้งเงินสำรองประเภทดังกล่าวลดลง ให้นำเงินสำรองส่วนที่ตั้งลดลงซึ่งได้ถือเป็นรายจ่ายไปแล้วนั้น มารวมคำนวณเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ตั้งเงินสำรองลดลงนั้น.............