Growth stock ดีจริงหรือ?
-
- Verified User
- โพสต์: 1155
- ผู้ติดตาม: 0
Growth stock ดีจริงหรือ?
โพสต์ที่ 1
ผมรู้สึกว่า VI ในเวบนี้ จะให้ค่าของ growth stock สูงมาก
มันเริ่มจะเป็นความเชื่อ แบบหัวปักหัวปำ
ใครก็อยากมีหุ้น pe 40-50 เท่ากันทั้งนั้น
หุ้นที่มีร้าน เช่น ร้านอาหาร ร้านมือถือ ร้านโชห่วย ร้านวัสดุอุปกรณ์
เราก็ให้ pe กัน ระดับ 30-50เท่าแล้ว
แล้ว เราก็มีสูตรชุดนึง ที่บอกว่าหุ้น โต30% PE 30 เท่าเป็นหุ้นที่น่าซื้อ
เพราะปีหน้า เราจะกำไร 30% จาก capital grain
และอีก 3ปี เราก็จะได้ 1 เด้ง และจะขึ้นไปเป็นจรวด
สูตรและหลักคิดแบบนี้สำหรับผมแล้ว ถือว่าอันตรายมาก
ผมงงตั้งนานทำไม เค้าคิดแบบนี้ มั่นใจอะไรหนักหนาว่า
ปีหน้าและปีต่อๆไป หุ้นตัวนี้ ยังโต 30% อีก
ดังนั้นนักลงทุนบางส่วน จึงไม่สนใจหุ้นโต 10% PE 10 ปันผล 7%
แต่ไปสนใจ หุ้น PE 40 ปันผล 1% แทน
แสดงว่านักลงทุนไทยเราเก่งมองอะไรไกลๆ ไกลสุดลูกหูลูกตา
ผมชอบมองอะไรสั้นๆ ผลประโยชน์ใกล้ๆที่แน่นอน
แน่ใจหรือว่า หุ้น pe 40-50 เท่า ที่เราเชื่อว่าเป็น super stock จะกำไรดีตลอดไป
ถ้า ศก ไม่ดี แล้วจะกล้าถือ หุ้นพวกนี้หรือไม่ถ้าปันผล ได้ไม่ถึง 1%
ก่อนฟองสบู่แตก หุ้นอสังหา กับหุ้น ไฟแนนซ์ pe ก็ประมาณนี้เหมือนกัน
มันเริ่มจะเป็นความเชื่อ แบบหัวปักหัวปำ
ใครก็อยากมีหุ้น pe 40-50 เท่ากันทั้งนั้น
หุ้นที่มีร้าน เช่น ร้านอาหาร ร้านมือถือ ร้านโชห่วย ร้านวัสดุอุปกรณ์
เราก็ให้ pe กัน ระดับ 30-50เท่าแล้ว
แล้ว เราก็มีสูตรชุดนึง ที่บอกว่าหุ้น โต30% PE 30 เท่าเป็นหุ้นที่น่าซื้อ
เพราะปีหน้า เราจะกำไร 30% จาก capital grain
และอีก 3ปี เราก็จะได้ 1 เด้ง และจะขึ้นไปเป็นจรวด
สูตรและหลักคิดแบบนี้สำหรับผมแล้ว ถือว่าอันตรายมาก
ผมงงตั้งนานทำไม เค้าคิดแบบนี้ มั่นใจอะไรหนักหนาว่า
ปีหน้าและปีต่อๆไป หุ้นตัวนี้ ยังโต 30% อีก
ดังนั้นนักลงทุนบางส่วน จึงไม่สนใจหุ้นโต 10% PE 10 ปันผล 7%
แต่ไปสนใจ หุ้น PE 40 ปันผล 1% แทน
แสดงว่านักลงทุนไทยเราเก่งมองอะไรไกลๆ ไกลสุดลูกหูลูกตา
ผมชอบมองอะไรสั้นๆ ผลประโยชน์ใกล้ๆที่แน่นอน
แน่ใจหรือว่า หุ้น pe 40-50 เท่า ที่เราเชื่อว่าเป็น super stock จะกำไรดีตลอดไป
ถ้า ศก ไม่ดี แล้วจะกล้าถือ หุ้นพวกนี้หรือไม่ถ้าปันผล ได้ไม่ถึง 1%
ก่อนฟองสบู่แตก หุ้นอสังหา กับหุ้น ไฟแนนซ์ pe ก็ประมาณนี้เหมือนกัน
Blueplanet
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3653
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Growth stock ดีจริงหรือ?
โพสต์ที่ 2
ผมว่านะ หุ้น PE สูงๆ
ที่คุยกันในเวป
คนอ่านจะไม่รู้ว่า
คนที่คุยกันว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้
เขาซื้อมาตั้งแต่เมื่อไหร่
หรือบางที
เขาอาจจะขายไปก่อน
หรืออาจจะไม่มีหุ้นตัวนั้นเลยก็ได้
สำหรับคนที่ศึกษา VI
การนำ MOS มาใช้
ผมคิดว่าจะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน
ให้กับพอร์ตลงทุนได้ในระยะยาวครับ
ที่คุยกันในเวป
คนอ่านจะไม่รู้ว่า
คนที่คุยกันว่าดีอย่างนั้นอย่างนี้
เขาซื้อมาตั้งแต่เมื่อไหร่
หรือบางที
เขาอาจจะขายไปก่อน
หรืออาจจะไม่มีหุ้นตัวนั้นเลยก็ได้
สำหรับคนที่ศึกษา VI
การนำ MOS มาใช้
ผมคิดว่าจะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน
ให้กับพอร์ตลงทุนได้ในระยะยาวครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 571
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Growth stock ดีจริงหรือ?
โพสต์ที่ 3
หมายถึง Kamart เหรอครับ ที่คุณ Blueplanet พูดถึง
ส่วนอีกตัวที่บอก PE10 โต 10% คือ ตัวไหน เหรอครับ?
คือ พอยกตัวอย่างมาเปรียบเทียบ ถ้าไม่บอกชื่อหุ้น มันจะเปรียบเทียบยังไงล่ะครับ
จะได้รู้ว่า ทำไม ความเสี่ยง? ลักษณะอุตสาหกรรม? เลยไม่รู้จะแสดงความเห็นยังไงดี
ปล ผมชอบ คุณ Blueplanet ตั้งหัวข้อจังครับ ทำให้ห้องคึกคักทุกที
ส่วนอีกตัวที่บอก PE10 โต 10% คือ ตัวไหน เหรอครับ?
คือ พอยกตัวอย่างมาเปรียบเทียบ ถ้าไม่บอกชื่อหุ้น มันจะเปรียบเทียบยังไงล่ะครับ
จะได้รู้ว่า ทำไม ความเสี่ยง? ลักษณะอุตสาหกรรม? เลยไม่รู้จะแสดงความเห็นยังไงดี
ปล ผมชอบ คุณ Blueplanet ตั้งหัวข้อจังครับ ทำให้ห้องคึกคักทุกที
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3653
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Growth stock ดีจริงหรือ?
โพสต์ที่ 4
ถ้าเป็น kamart
ส่วนตัวผมเชื่อว่าผมลงทุนด้วยความปลอดภัยระดับนึง
และตลาดกำลังมองข้าม บ. ไปในบางประเด็นครับ
คือ การเพิ่มช่องทางจัดจำหน่าย และ
การลดทุนจดทะเบียนเพื่อจ่ายเงินปันผล
ตอนที่ผมเข้าตอนนั้นราคาหุ้นก็ทำ high นะ
แต่เป็น new high ด้วยหรือเปล่า จำไม่ได้ครับ
จำได้แต่ว่าซื้อแล้วราคาลง ติดลบอยู่ 20%
ส่วนตัวผมเชื่อว่าผมลงทุนด้วยความปลอดภัยระดับนึง
และตลาดกำลังมองข้าม บ. ไปในบางประเด็นครับ
คือ การเพิ่มช่องทางจัดจำหน่าย และ
การลดทุนจดทะเบียนเพื่อจ่ายเงินปันผล
ตอนที่ผมเข้าตอนนั้นราคาหุ้นก็ทำ high นะ
แต่เป็น new high ด้วยหรือเปล่า จำไม่ได้ครับ
จำได้แต่ว่าซื้อแล้วราคาลง ติดลบอยู่ 20%
-
- Verified User
- โพสต์: 297
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Growth stock ดีจริงหรือ?
โพสต์ที่ 5
ผมชอบคำถามของคุณ blueplanet จังครับ เปิดโอกาสให้ถกกันได้สำหรับคนที่มองต่างกัน
ผมขอลงออกความเห็นของผมนะครับ
1. ถามว่าทำไมถึงไม่ซื้อหุ้นที่ PE10 growth 10% ปันผล 7% ???
ผมว่ามันไม่น่าสนใจจริงๆแหละครับ กำไรก็เท่านี้ไม่ได้เพิ่ม ปันผลก็เท่านี้ เหตุผลที่ไม่น่าสนใจเพราะ capital gain มันต่ำมาก บนสมมติฐานว่า PE เท่าเดิม
ยิ่งถ้าเทียบกับหุ้นที่ PEG 1 เหมือนกันอย่างหุ้นที่ PE 20 growth 20% capital gain ต่างกันชัดเจน แทบไม่ต้องพูดถึงหุ้นที่ PE 30 หรือ 40 ที่จะโตได้ตาม growth เลย
2. หุ้นที่ PE 30 growth 30% จะได้ 1 เด้งใน 3 ปี คิดเป็นเส้นตรงแล้วอันตรายมาก
เห็นด้วยว่าอันตรายมาก เพราะหายากที่บริษัทไหนจะโตได้ 30% ต่อปีติดต่อกันนานๆ แต่มันก็คือ money game ที่ high risk high return เพราะถ้าทำได้จริง ต่อให้ถูกลด premium ไปบ้างก็ยังได้ capital gain เยอะกว่าหุ้น pe10 growth 10 หรือถ้าทำไม่ได้ แต่ไม่ถูกลด premium หรือถูกลด premium ไม่เยอะ ก็อาจจะยังได้ capital เยอะกว่าอยู่ดี
แต่ถ้าทำไม่ได้แล้วถูกลด premuim อย่างหนัก ก็เป็นดาบสองคมที่ทำให้ต้นทุนหายได้
3. แน่ใจหรือว่าหุ้น PE สูงจะกำไรดีตลอดไป
ผมว่าอันนี้ขึ้นอยู่กับมุมมองและความเข้าใจธุรกิจครับ ผมว่าส่วนมากหุ้นที่ PE สูงน่าจะทนต่อ economic crisis ในระดับนึงนะครับ(แต่ก็คงมีบางตัวที่มี major correctionจากตลาดอยู่) เช่น CPALL หรือ HMPRO ถ้าเกิดตลาด crash ขึ้นมาถามว่าคนจะซื้อน้อยลงไหม ก็อาจจะน้อยลงแต่ผมว่าไม่มาก
มันก็คงจะเป็นเหตุผลสะท้อนกลับไปที่กลุ่ม real estate หรือ leasing ว่าทำไม PE ไม่สูง แม้ว่าจะกำไรสูงต่อเนื่องก็ตาม
เพราะเค้าคงกลัว economic crisis กันส่วนนึง
ผมว่าบางทีเรา underestimtaed Mr. Market ไปนะครับ เราอาจจะคิดว่าตลาดให้ PE ขนาดนั้นไปได้อย่างไร แต่บางทีนายตลาดก็ฉลาดกว่าที่เราคิด เค้าอาจจะเห็นอะไรมากกว่าเราก็ได้
แต่อย่างไรก็ตามผมก็ไม่ได้เชื่อว่าตลาดมีประสิทธิภาพ ไม่งั้นผมคงไม่มาลงทุนแบบ VI
ถ้าถามผมมองว่าตลาดเกิดจากการตัดสินของมวลชน ถ้ามวลชนมองว่ามันไม่ดี ผ่านไปกี่ปีก็ไม่ได้ cap gain หรอกครับ แต่ถ้ามวลชนมองว่ามันดี เดี๋ยว PE และสิ่งดีๆตามมาเองครับ
p.s. ผมคิดเองเออเองหมดเลยนะ อาจจะมั่วก็ได้
ผมขอลงออกความเห็นของผมนะครับ
1. ถามว่าทำไมถึงไม่ซื้อหุ้นที่ PE10 growth 10% ปันผล 7% ???
ผมว่ามันไม่น่าสนใจจริงๆแหละครับ กำไรก็เท่านี้ไม่ได้เพิ่ม ปันผลก็เท่านี้ เหตุผลที่ไม่น่าสนใจเพราะ capital gain มันต่ำมาก บนสมมติฐานว่า PE เท่าเดิม
ยิ่งถ้าเทียบกับหุ้นที่ PEG 1 เหมือนกันอย่างหุ้นที่ PE 20 growth 20% capital gain ต่างกันชัดเจน แทบไม่ต้องพูดถึงหุ้นที่ PE 30 หรือ 40 ที่จะโตได้ตาม growth เลย
2. หุ้นที่ PE 30 growth 30% จะได้ 1 เด้งใน 3 ปี คิดเป็นเส้นตรงแล้วอันตรายมาก
เห็นด้วยว่าอันตรายมาก เพราะหายากที่บริษัทไหนจะโตได้ 30% ต่อปีติดต่อกันนานๆ แต่มันก็คือ money game ที่ high risk high return เพราะถ้าทำได้จริง ต่อให้ถูกลด premium ไปบ้างก็ยังได้ capital gain เยอะกว่าหุ้น pe10 growth 10 หรือถ้าทำไม่ได้ แต่ไม่ถูกลด premium หรือถูกลด premium ไม่เยอะ ก็อาจจะยังได้ capital เยอะกว่าอยู่ดี
แต่ถ้าทำไม่ได้แล้วถูกลด premuim อย่างหนัก ก็เป็นดาบสองคมที่ทำให้ต้นทุนหายได้
3. แน่ใจหรือว่าหุ้น PE สูงจะกำไรดีตลอดไป
ผมว่าอันนี้ขึ้นอยู่กับมุมมองและความเข้าใจธุรกิจครับ ผมว่าส่วนมากหุ้นที่ PE สูงน่าจะทนต่อ economic crisis ในระดับนึงนะครับ(แต่ก็คงมีบางตัวที่มี major correctionจากตลาดอยู่) เช่น CPALL หรือ HMPRO ถ้าเกิดตลาด crash ขึ้นมาถามว่าคนจะซื้อน้อยลงไหม ก็อาจจะน้อยลงแต่ผมว่าไม่มาก
มันก็คงจะเป็นเหตุผลสะท้อนกลับไปที่กลุ่ม real estate หรือ leasing ว่าทำไม PE ไม่สูง แม้ว่าจะกำไรสูงต่อเนื่องก็ตาม
เพราะเค้าคงกลัว economic crisis กันส่วนนึง
ผมว่าบางทีเรา underestimtaed Mr. Market ไปนะครับ เราอาจจะคิดว่าตลาดให้ PE ขนาดนั้นไปได้อย่างไร แต่บางทีนายตลาดก็ฉลาดกว่าที่เราคิด เค้าอาจจะเห็นอะไรมากกว่าเราก็ได้
แต่อย่างไรก็ตามผมก็ไม่ได้เชื่อว่าตลาดมีประสิทธิภาพ ไม่งั้นผมคงไม่มาลงทุนแบบ VI
ถ้าถามผมมองว่าตลาดเกิดจากการตัดสินของมวลชน ถ้ามวลชนมองว่ามันไม่ดี ผ่านไปกี่ปีก็ไม่ได้ cap gain หรอกครับ แต่ถ้ามวลชนมองว่ามันดี เดี๋ยว PE และสิ่งดีๆตามมาเองครับ
p.s. ผมคิดเองเออเองหมดเลยนะ อาจจะมั่วก็ได้
-
- Verified User
- โพสต์: 14
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Growth stock ดีจริงหรือ?
โพสต์ที่ 6
ผมคิดว่าสูตรสําเร็จที่คิดแบบ โต30% PE30เท่า
น่าจะต้องเพิ่มเวลาเข้าไปโดยดูความยาวนานของเทรนในแต่ละอุสาหกรรมและความมั่นคงของรายได้ด้วยนะครับ อาจจะดูได้จากประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น กลุ่มค้าปลีกพอถึงจุดอิ่มตัวก็จะออกด้านข้างคือคนยังเข้าอยู่แต่ก็ไม่ได้เติบโตมากแล้ว
แต่ผมก็เข้าใจมุมมองของ จขกท. เพราะสูตรแบบนี้ผมก็เคยได้ยินคนอื่นพูดจนกลายเป็นสูตรสําเร็จไปแล้ว
น่าจะต้องเพิ่มเวลาเข้าไปโดยดูความยาวนานของเทรนในแต่ละอุสาหกรรมและความมั่นคงของรายได้ด้วยนะครับ อาจจะดูได้จากประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น กลุ่มค้าปลีกพอถึงจุดอิ่มตัวก็จะออกด้านข้างคือคนยังเข้าอยู่แต่ก็ไม่ได้เติบโตมากแล้ว
แต่ผมก็เข้าใจมุมมองของ จขกท. เพราะสูตรแบบนี้ผมก็เคยได้ยินคนอื่นพูดจนกลายเป็นสูตรสําเร็จไปแล้ว
- Energy_eak
- Verified User
- โพสต์: 925
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Growth stock ดีจริงหรือ?
โพสต์ที่ 8
ผมได้ความรู้ใหมเลยนะครับ คนเขา ซื้อหุ้นPE30 เพราะว่า หุ้นโต30% แล้วมองกันว่าจะได้1เด้งใน3ปี
สารภาพตรงๆเลยนะครับ ..ตอนแรกเข้าใจว่า คนเขาซื้อแพงๆกัน เพราะ พิจารณาจาก ลักษณะของการประกอบธุรกิจ, ที่มาของรายได้, ความเข้มแข็งของธุรกิจและผลิตภัณฑ์, ความสามารถในการทำกำไร, โอกาสในการเติบโต หรืออะไรทำนองนี้ อะครับ
..เพิ่งรู้ว่าเขามองกันแบบนี้ด้วย^^"
สารภาพตรงๆเลยนะครับ ..ตอนแรกเข้าใจว่า คนเขาซื้อแพงๆกัน เพราะ พิจารณาจาก ลักษณะของการประกอบธุรกิจ, ที่มาของรายได้, ความเข้มแข็งของธุรกิจและผลิตภัณฑ์, ความสามารถในการทำกำไร, โอกาสในการเติบโต หรืออะไรทำนองนี้ อะครับ
..เพิ่งรู้ว่าเขามองกันแบบนี้ด้วย^^"
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Growth stock ดีจริงหรือ?
โพสต์ที่ 9
คุณ blueplanet ตั้งโจทย์ไว้ดีมากเลยละครับ
การที่ Growth Stock นั้นมี P/E สูงมากๆคือ 30-40 เท่านั้น
เนื่องจาก
1. นักลงทุน มีมุมมองที่ด้านดีในหลักทรัพย์เหล่านั้น ว่า มีอนาคตที่เติบโตขึ้นอย่างมากๆ ในปีถัดๆไป
โดยที่ อนาคตนั้นยังมาไม่ถึงแต่สะท้อนผ่านที่ราคาหลักทรัพย์แทน
หาก การเติบโตเหล่านั้นไม่เป็นตามที่คาดหมายหรือได้เท่ากับที่คาดหมายไว้เท่านั้น ก็ทำให้นักลงทุนมองกลับหลังหันได้เลยทีเดียว
2. การที่หลักทรัพย์นั้นๆสามารถมี PE ที่สูงได้เกิดจากตัวบริษัทเองที่มีแนวป้องกันจากคู่แข่งต่างๆได้เป็นอย่างดีหรือเปล่า
จุดนี้เป็นสิ่งที่ผู้บริหารตอบโจทย์ดังกล่าวในอนาคต ขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัท
3. การคาดหมายของนักวิเคราะห์ ที่วิเคราะห์ตัวบริษัทฯออกมาดี แต่ไม่ได้วิเคราะห์ในมุมมองที่เป็นด้านข้อเสียออกมาด้วย
หมายเหตุ
การ Growth ของกิจการนั้น ไม่สามารถบอกได้ว่า เริ่มต้นและสิ้นสุดที่ไหน
แต่จะรู้ตัวเมื่อวันเริ่มโตไปแล้วล่ะ
ตัวอย่างที่เป็น Growth Stock เช่น
MS เมื่อปี 1999
Apple ปี 2008-ปัจจุบัน
เป็นต้น
การที่ Growth Stock นั้นมี P/E สูงมากๆคือ 30-40 เท่านั้น
เนื่องจาก
1. นักลงทุน มีมุมมองที่ด้านดีในหลักทรัพย์เหล่านั้น ว่า มีอนาคตที่เติบโตขึ้นอย่างมากๆ ในปีถัดๆไป
โดยที่ อนาคตนั้นยังมาไม่ถึงแต่สะท้อนผ่านที่ราคาหลักทรัพย์แทน
หาก การเติบโตเหล่านั้นไม่เป็นตามที่คาดหมายหรือได้เท่ากับที่คาดหมายไว้เท่านั้น ก็ทำให้นักลงทุนมองกลับหลังหันได้เลยทีเดียว
2. การที่หลักทรัพย์นั้นๆสามารถมี PE ที่สูงได้เกิดจากตัวบริษัทเองที่มีแนวป้องกันจากคู่แข่งต่างๆได้เป็นอย่างดีหรือเปล่า
จุดนี้เป็นสิ่งที่ผู้บริหารตอบโจทย์ดังกล่าวในอนาคต ขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัท
3. การคาดหมายของนักวิเคราะห์ ที่วิเคราะห์ตัวบริษัทฯออกมาดี แต่ไม่ได้วิเคราะห์ในมุมมองที่เป็นด้านข้อเสียออกมาด้วย
หมายเหตุ
การ Growth ของกิจการนั้น ไม่สามารถบอกได้ว่า เริ่มต้นและสิ้นสุดที่ไหน
แต่จะรู้ตัวเมื่อวันเริ่มโตไปแล้วล่ะ
ตัวอย่างที่เป็น Growth Stock เช่น
MS เมื่อปี 1999
Apple ปี 2008-ปัจจุบัน
เป็นต้น
- Paul Octopus
- Verified User
- โพสต์: 798
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Growth stock ดีจริงหรือ?
โพสต์ที่ 10
บริษัทฯ มีช่วงเวลาที่อาจเติบโตได้ระดับ 30% ต่อปี ติดต่อกันหลายๆปีblueplanet เขียน:ผมรู้สึกว่า VI ในเวบนี้ จะให้ค่าของ growth stock สูงมาก
มันเริ่มจะเป็นความเชื่อ แบบหัวปักหัวปำ
ใครก็อยากมีหุ้น pe 40-50 เท่ากันทั้งนั้น
หุ้นที่มีร้าน เช่น ร้านอาหาร ร้านมือถือ ร้านโชห่วย ร้านวัสดุอุปกรณ์
เราก็ให้ pe กัน ระดับ 30-50เท่าแล้ว
แล้ว เราก็มีสูตรชุดนึง ที่บอกว่าหุ้น โต30% PE 30 เท่าเป็นหุ้นที่น่าซื้อ
เพราะปีหน้า เราจะกำไร 30% จาก capital grain
และอีก 3ปี เราก็จะได้ 1 เด้ง และจะขึ้นไปเป็นจรวด
สูตรและหลักคิดแบบนี้สำหรับผมแล้ว ถือว่าอันตรายมาก
ผมงงตั้งนานทำไม เค้าคิดแบบนี้ มั่นใจอะไรหนักหนาว่า
ปีหน้าและปีต่อๆไป หุ้นตัวนี้ ยังโต 30% อีก
ดังนั้นนักลงทุนบางส่วน จึงไม่สนใจหุ้นโต 10% PE 10 ปันผล 7%
แต่ไปสนใจ หุ้น PE 40 ปันผล 1% แทน
แสดงว่านักลงทุนไทยเราเก่งมองอะไรไกลๆ ไกลสุดลูกหูลูกตา
ผมชอบมองอะไรสั้นๆ ผลประโยชน์ใกล้ๆที่แน่นอน
แน่ใจหรือว่า หุ้น pe 40-50 เท่า ที่เราเชื่อว่าเป็น super stock จะกำไรดีตลอดไป
ถ้า ศก ไม่ดี แล้วจะกล้าถือ หุ้นพวกนี้หรือไม่ถ้าปันผล ได้ไม่ถึง 1%
ก่อนฟองสบู่แตก หุ้นอสังหา กับหุ้น ไฟแนนซ์ pe ก็ประมาณนี้เหมือนกัน
ที่ทางทฤฎีการตลาดเราเรียกว่าช่วง Growth ของ Products Life Cycle (ก่อนที่จะเข้าสู่ Mature Stage)
แต่ในทางปฎิบัติผมว่ามันไม่ได้สวยหรูแบบนั้น ถ้าบริษัทฯหรือIndustryกำลังผ่านช่วง Growthแบบนั้น ปัญหาและอุปสรรคมันจะตามมาอย่างรวดเร็ว
จะตามมาด้วยคู่แข่งที่แข่งแกร่ง และบ่อยครั้งแข็งแกร่งมากกว่า
จะตามมาด้วยปัญหาด้านโครงสร้างองค์กร Teamwork และ การพัฒนาพนักงาน
จะตามมาด้วยปัญหาความด้อยประสิทธิภาพ ...Costsโตเร็วเท่าๆกับยอดขาย ไม่มีการSynergy ที่ทำให้สัดส่วนของ Costs ต่ำลงกว่าเดิม
จะตามมาด้วยปัญหาความจำเป็นที่ต้องลงทุนใน สินค้า/Segment/Area ที่ได้กำไรน้อยลง
จะตามมาด้วยสินค้าใหม่ที่จะมาทดแทนด้วยต้นทุนที่ดีกว่า (ดูพวกถ่านหินตอนนี้ซิ)
ผมคิดว่าการบริหารงานที่ให้ธุรกิจเติบโตขนาด 5-10%แต่มั่นคง ก็สุดยอดแล้ว ผู้บริหารต้องยอดเยี่ยมมาก ดังนั้นผมมักไม่ค่อยสนใจกับกิจการที่มีการคาดหวังว่ามันจะโต 30% โดยแทบไม่มีความเชื่อนั้นเลยว่าจะทำได้ใน SET หรือ mai
แต่แน่นอนครับ มีผู้บริหารฯบางคนที่สุดยอดจริงๆที่อาจทำให้บริษัทฯเติบโตได้ขนาดนั้นอย่างยาวนาน แต่จะมีซักกี่บริษัทฯ? ดูตัวอย่างบริษัทระดับโลกที่เราเคยบอกว่ายอดเยี่ยมที่วันนี้ย่ำแย่ไปแล้ว (-->Motorola -->Nokia -->Blackberry-->iPhone -->Samsung??)
อุตสาหกรรมบ้านเรามีใครบ้างครับที่สุดยอดจริงๆที่ทำได้ 30% จนเรากล้าให้ PE ratio 30 หรือมากกว่า? คำถามที่ผมถามตัวเองทุกวันคือ
การไล่ซื้อกิจการเพื่อให้ยอดขายเพิ่มขึ้น มันใช่รึเปล่า?
การได้สิทธิประโยชน์ สัมปทานจากการเมืองที่หนุน มันใช่รึเปล่า?
การเพิ่มจำนวนช่องทางจัดจำหน่ายไปเรื่อยๆ มันใช่รึเปล่า?
ถ้าใครมั่นใจบอกผมบ้างทางทาง pm จะขอบใจจริงๆ
Disclaimer & Disclosure: The articles posted only represent my personal view. They are by no means a guarantee to the stock performance. Have no plan to change my position to the stock mentioned over the next 72 hrs.
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Growth stock ดีจริงหรือ?
โพสต์ที่ 12
รบกวนพี่ blue ยกตัวอย่าง
pe 10 growth 10 dv 10%
หน่อยคับ
บางทีมันก็พอๆกับ growth stock แหละคับ
ว่า จะรู้ได้ไง ว่าจะโต 10%
ไปเรื่อยๆ จะรู้ได้ไง ว่าจะสามารถ ปันผล 7%
ไปได้เรื่อยๆ
สุดท้าย ก็ต้องไปวัด กันที่ โครงสร้างธุรกิจ กับ การเงินอยู่ดี
ผมว่าคนที่ลงทุน หุ้น pe 30 -50
เขาก็มีส่วนต่างในใจ มีกลยุทธการซื้อขายของเขาแหละคับ
ผมมีหุ้น pe 1000 กว่า สงสัยคงต้องเลิกลงทุน
ยังไงก็ขอบคุณที่เตือนนะคับ
ผมว่าหลายๆท่าน ก็ assumption ถึง max capacity สูงสุดที่มันจะโตแหละคับ
pe 10 growth 10 dv 10%
หน่อยคับ
บางทีมันก็พอๆกับ growth stock แหละคับ
ว่า จะรู้ได้ไง ว่าจะโต 10%
ไปเรื่อยๆ จะรู้ได้ไง ว่าจะสามารถ ปันผล 7%
ไปได้เรื่อยๆ
สุดท้าย ก็ต้องไปวัด กันที่ โครงสร้างธุรกิจ กับ การเงินอยู่ดี
ผมว่าคนที่ลงทุน หุ้น pe 30 -50
เขาก็มีส่วนต่างในใจ มีกลยุทธการซื้อขายของเขาแหละคับ
ผมมีหุ้น pe 1000 กว่า สงสัยคงต้องเลิกลงทุน
ยังไงก็ขอบคุณที่เตือนนะคับ
ผมว่าหลายๆท่าน ก็ assumption ถึง max capacity สูงสุดที่มันจะโตแหละคับ
show me money.
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Growth stock ดีจริงหรือ?
โพสต์ที่ 13
ผมคิดว่า pe แม้จะง่ายสุด
แต่มัน หยาบสุด และ art มากๆในตัวมันเอง
ผมเชื่อว่า growth investor หลายๆท่าน ไม่ได้ใช้ pe
อย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็น
p/fcf p/ebitda dcf ev/ebida ev/fcf
แม้กระทั่ง modified ev/fcf
ซึ่งแน่นอนค่าที่ออกมาอาจจะ related กับ pe หรือไม่ก็ได้
เพียงแต่
เหตุการณ์ที่ผ่านมา มันสะท้อนว่า หุ้นที่แข็งแกร่ง
อย่าง super stock พอเข้าสู่ตลาดกระทิง
มันฟูมากกว่า หุ้นโตช้า
แต่เมื่อกระทิงผ่านไป ทุกคนอาจจะมานึกถึง
คำเตือนของพี่ blue อีกทีก็ได้ เพราะ
ฟูมากก็แฟบมาก
แต่ผมเชื่อว่า เพื่อนในเวบ ค่อนข้างเก่งพอที่จะรู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่คับ
แต่มัน หยาบสุด และ art มากๆในตัวมันเอง
ผมเชื่อว่า growth investor หลายๆท่าน ไม่ได้ใช้ pe
อย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็น
p/fcf p/ebitda dcf ev/ebida ev/fcf
แม้กระทั่ง modified ev/fcf
ซึ่งแน่นอนค่าที่ออกมาอาจจะ related กับ pe หรือไม่ก็ได้
เพียงแต่
เหตุการณ์ที่ผ่านมา มันสะท้อนว่า หุ้นที่แข็งแกร่ง
อย่าง super stock พอเข้าสู่ตลาดกระทิง
มันฟูมากกว่า หุ้นโตช้า
แต่เมื่อกระทิงผ่านไป ทุกคนอาจจะมานึกถึง
คำเตือนของพี่ blue อีกทีก็ได้ เพราะ
ฟูมากก็แฟบมาก
แต่ผมเชื่อว่า เพื่อนในเวบ ค่อนข้างเก่งพอที่จะรู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่คับ
show me money.
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Growth stock ดีจริงหรือ?
โพสต์ที่ 14
เอ่อ พี่มิคับ apple pe ไมถึง10 นะคับmiracle เขียน:คุณ blueplanet ตั้งโจทย์ไว้ดีมากเลยละครับ
การที่ Growth Stock นั้นมี P/E สูงมากๆคือ 30-40 เท่านั้น
เนื่องจาก
1. นักลงทุน มีมุมมองที่ด้านดีในหลักทรัพย์เหล่านั้น ว่า มีอนาคตที่เติบโตขึ้นอย่างมากๆ ในปีถัดๆไป
โดยที่ อนาคตนั้นยังมาไม่ถึงแต่สะท้อนผ่านที่ราคาหลักทรัพย์แทน
หาก การเติบโตเหล่านั้นไม่เป็นตามที่คาดหมายหรือได้เท่ากับที่คาดหมายไว้เท่านั้น ก็ทำให้นักลงทุนมองกลับหลังหันได้เลยทีเดียว
2. การที่หลักทรัพย์นั้นๆสามารถมี PE ที่สูงได้เกิดจากตัวบริษัทเองที่มีแนวป้องกันจากคู่แข่งต่างๆได้เป็นอย่างดีหรือเปล่า
จุดนี้เป็นสิ่งที่ผู้บริหารตอบโจทย์ดังกล่าวในอนาคต ขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัท
3. การคาดหมายของนักวิเคราะห์ ที่วิเคราะห์ตัวบริษัทฯออกมาดี แต่ไม่ได้วิเคราะห์ในมุมมองที่เป็นด้านข้อเสียออกมาด้วย
หมายเหตุ
การ Growth ของกิจการนั้น ไม่สามารถบอกได้ว่า เริ่มต้นและสิ้นสุดที่ไหน
แต่จะรู้ตัวเมื่อวันเริ่มโตไปแล้วล่ะ
ตัวอย่างที่เป็น Growth Stock เช่น
MS เมื่อปี 1999
Apple ปี 2008-ปัจจุบัน
เป็นต้น
ดูจากใน nasdaq
show me money.
-
- Verified User
- โพสต์: 732
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Growth stock ดีจริงหรือ?
โพสต์ที่ 15
ราคาที่คำนวณจะเป็นจริงก็ต่อเมือสมมติฐานเป็นจริง
ทั้งสมมติฐานของแบบจำลอง และสมมติฐานของบริษัทที่เราคาดการณ์
สุดท้ายแล้วราคาหุ้นก็อยู่กับเจ้ามือตัวจริงซึ่งก็คือผลประกอบการอยู่ดี
ทั้งสมมติฐานของแบบจำลอง และสมมติฐานของบริษัทที่เราคาดการณ์
สุดท้ายแล้วราคาหุ้นก็อยู่กับเจ้ามือตัวจริงซึ่งก็คือผลประกอบการอยู่ดี
ลงทุนหุ้นดี มีสตอรี่ ราคาไม่แพง เดี๋ยวก็รวย
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
หนังสือเล่มสองผมครับ เจาะหุ้นร้อน สแกนหุ้นเด้ง การแคะหุ้นจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Growth stock ดีจริงหรือ?
โพสต์ที่ 16
show me money.
- simplelife
- Verified User
- โพสต์: 756
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Growth stock ดีจริงหรือ?
โพสต์ที่ 17
Karmart ถ้าจะเอาแบบ peter lynch จริงๆ ตอนต่ำกว่า 1.00 บาท ต้องนับว่าเป็น turnaround ครับ คือ turn จากทำอะไรก็ไม่ขึ้น กลับมาจับธุรกิจใหม่ ที่เพิ่งเริ่มต้น ยังไม่รู้ว่ายอดขายจะเป็นเท่าไร ขายแล้วดีปีนี้ ปีหน้าจะขายได้เท่าไร sustain growth ได้เท่าไร ยังไม่มีใครรู้dragonrider เขียน:หมายถึง Kamart เหรอครับ
จนไม่กี่เดือนมานี้ ตัวร้าน retail/franchise ของ karmart มันเริ่ม"ผุด"ขึ้นมาให้เห็น ยอดขายดีขึ้นตลอด แต่มันก็ยังไม่เยอะพอที่จะ define เป็น growth ได้แน่ๆ ใน one up ผู้เขียนก็เขียนถึงตรงนี้เหมือนกัน จาก turn around->growth ว่าบางอันทำได้ บางอันทำไม่ได้ เป็นต้น
ส่วนเรื่องราคาตัวหุ้นประเภทนี้ ต้องขึ้นกับนักลงทุนครับ แต่ไอเดียพื้นๆมันอยู่ที่แค่ว่า ถ้าปีนี้หุ้นราคา 30 บาท มี eps = 1.00 บาท PE=30 แต่ราคาหุ้นเราหวังว่าจะเป็นของ future earning ของปีถัดไป ถ้า eps โต 30% ปีหน้าจะมี eps=1.30 บาท ที่ราคา 30 บาท PE=23 ถ้าเรายังถือต่อไป eps ปีต่อไปเท่ากับ 1.69 บาท เท่ากับว่า PE ของหุ้นที่เราซื้อวันนี้ แต่จะถือไปอีกสองปี = 17 เอง ไม่แพงหรอก อะไรประมาณนี้
แต่ในความเป็นจริง ผมว่า หลายๆท่านเล่นจะเอาแต่ส่วนต่างของราคา และหวังจะเก็งกำไรจากข่าว และงบที่โตขึ้นมากกว่า
"I believe what I said yesterday. I don't know what I said, but I know what I think... and I assume it's what I said." -- Donald Rumsfeld
-
- Verified User
- โพสต์: 22
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Growth stock ดีจริงหรือ?
โพสต์ที่ 18
้เหตุผลเดียวที่ผมจะซื้อหุ้น PE ต่ำ คือ ความคาดหวังถึงแนวโน้มที่ตลาดจะปรับ PE ของหุ้นตัวนั้นให้สูงขึ้นในอนาคต ด้วยเหตุ ปัจจัย หรือข้อมูลบางอย่างที่กำลังจะเปลี่ยนไปของหุ้นตัวนั้นซึ่งผมได้วิเคราห์จากข้อมูลเท่าที่มี ณ ปัจจุบัน หากไม่มีเหตุปัจจัยอะไรที่จะทำให้ตลาดหันกลับมามองและปรับพีอีให้ ผมคงไม่ซื้อครับ แต่ถ้าหุ้นเติบโต 10% + ส่วนเพิ่มจากการปรับพีอี + เงินปันผล(ที่มักจะสูงสำหรับหุ้นพีอีต่ำ) รวมแล้วถึงจะน่าสนใจครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 571
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Growth stock ดีจริงหรือ?
โพสต์ที่ 19
หุ้น Growth แต่ละตัว ผมคิดว่าคุณค่าของ Growth โดยธรรมชาติแตกต่างกันไปในแต่ละอุตสาหกรรมPaul Octopus เขียน: บริษัทฯ มีช่วงเวลาที่อาจเติบโตได้ระดับ 30% ต่อปี ติดต่อกันหลายๆปี
ที่ทางทฤฎีการตลาดเราเรียกว่าช่วง Growth ของ Products Life Cycle (ก่อนที่จะเข้าสู่ Mature Stage)
แต่ในทางปฎิบัติผมว่ามันไม่ได้สวยหรูแบบนั้น ถ้าบริษัทฯหรือIndustryกำลังผ่านช่วง Growthแบบนั้น ปัญหาและอุปสรรคมันจะตามมาอย่างรวดเร็ว
จะตามมาด้วยคู่แข่งที่แข่งแกร่ง และบ่อยครั้งแข็งแกร่งมากกว่า
จะตามมาด้วยปัญหาด้านโครงสร้างองค์กร Teamwork และ การพัฒนาพนักงาน
จะตามมาด้วยปัญหาความด้อยประสิทธิภาพ ...Costsโตเร็วเท่าๆกับยอดขาย ไม่มีการSynergy ที่ทำให้สัดส่วนของ Costs ต่ำลงกว่าเดิม
จะตามมาด้วยปัญหาความจำเป็นที่ต้องลงทุนใน สินค้า/Segment/Area ที่ได้กำไรน้อยลง
จะตามมาด้วยสินค้าใหม่ที่จะมาทดแทนด้วยต้นทุนที่ดีกว่า (ดูพวกถ่านหินตอนนี้ซิ)
เราอาจสังเกตุได้คร่าวๆว่า Growth Cycle ของบริษัท นั้นอยู่ในช่วงไหน ธรรมชาติของอุตสาหกรรมเป็นอย่างไร
หากเราลงทุนในช่วงเริ่มของ Growth ผลตอบแทนจะดีเลิศ หากเป็นช่วงปลาย ผลตอบแทนจะน่าผิดหวัง และ
สะท้อนออกมาด้วยราคา
ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น บริษัท สามารถ แก้ไขได้หรือไม่ อย่างไร
ขออนุญาต ยกตัวอย่าง เช่น
็Hmpro PE 31.35 PBV 8.57 DIV 1.32%
Kamart PE 23.77 PBV 8.74 DIV ~3%
Ofm PE 46.30 PBV 9.89 DIV 0.78%
Cpn PE 33.67 PBV 5.22 DIV 0.72%
Grammy PE 28.44 PBV 3.41 DIV 2.51%
ทั้ง 5 ตัวนี้ อยู่คนละอุตสาหกรรมกันเลย มีจุดแข็ง จุดด้อย ปัญหา แตกต่างกัน นักลงทุนคาดหวังอะไร
ท่านอาจารย์ นิเวศน์ เคยกล่าวถึงในบทความ ความคาดหวังเฟ้อ http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=7&t=45706 บางท่านมองผลตอบแทนระยะสั้น บางท่านมองผลตอบแทนระยะยาว
ต่างคนต่างมุมมอง ต่างมีเหตุผลที่ทำให้ตนเองเชื่อ
หากเราวิเคราะห์ เชิงปริมาณ ทุกตัวที่กล่าวมา แทบจะไม่น่าลงทุนทั้งสิ้น ราคาสูงลิบลิ่ว
หากเราวิเคราะห์ เชิงคุณภาพ บางตัวมีโอกาสเป็นผู้ชนะ บางตัวมีกำลังเผชิญกับปัญหา บางตัวกำลังแพ้
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายคำตอบ คือ ผลประกอบการ อยู่ดี
ส่วนหุ้นที่ Growth 10% PE 10 Div 7% ผมก็ต้องดูลักษณะอุตสาหกรรมอยู่ดี ว่าเป็น กลุ่มไหน? ยอดขายขึ้นกับวัฎจักร?
คุณภาพของกำไร? Trend ในอนาคต? DCA ของบริษัท?
หากเปรียบเทียบเพียงเฉพาะค่าที่เป็นตัวเลข เราก็บอกไม่ได้ว่า อันไหน เป็นการลงทุนที่ดีกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 483
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Growth stock ดีจริงหรือ?
โพสต์ที่ 21
PRANDA ?
- บูรพาไม่แพ้
- Verified User
- โพสต์: 2533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Growth stock ดีจริงหรือ?
โพสต์ที่ 22
ชอบมากเลยครับ กลับมาแล้วบรรยกาศแบบนี้ อ่านแล้วได้ความรู้ดีครับ ชอบการถกเถียง การหาเหตุผลมาคุยกัน ได้ประโยนช์ทั้งสองฝ่าย ขอขอบคุณมากๆครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3653
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Growth stock ดีจริงหรือ?
โพสต์ที่ 24
ผมคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา ที่จะมีนักลงทุน
ไปอ่านหรือฟังคำแนะนำมาแบบหยาบๆ
แล้วก็นำ Concept ไปใช้แบบลวกๆ ครับ
แต่ไม่เข้าใจที่มาที่ไป และไม่ได้ไตร่ตรอง
ว่าสมเหตุสมผลหรือไม่
เรื่องกับดัก PE นี่ ผมเจอมาแล้ว
แต่ไม่ใช่กับตอนที่ซื้อ แต่เกิดขึ้นตอนขาย
คืออยากขายหุ้นที่ดีออกไป
เมื่อตอนที่ PE มันสูง
บทเรียนนี้ ผมคิดว่าเป็นบทเรียนที่สำคัญ
ในรอบหลายปีของผมครับ
และเริ่มคิดว่าเข้าใจวิถีของวอร์เรนบัฟเฟตแล้ว
ผมว่าของแบบนี้
ต้องเจอกับตัวครับ
พูดไปก็เท่านั้น
กะตังค์เรา เราดูแล
แฟนเรา เราก็ต้องดูแล แฮ่ม...
ไปอ่านหรือฟังคำแนะนำมาแบบหยาบๆ
แล้วก็นำ Concept ไปใช้แบบลวกๆ ครับ
แต่ไม่เข้าใจที่มาที่ไป และไม่ได้ไตร่ตรอง
ว่าสมเหตุสมผลหรือไม่
เรื่องกับดัก PE นี่ ผมเจอมาแล้ว
แต่ไม่ใช่กับตอนที่ซื้อ แต่เกิดขึ้นตอนขาย
คืออยากขายหุ้นที่ดีออกไป
เมื่อตอนที่ PE มันสูง
บทเรียนนี้ ผมคิดว่าเป็นบทเรียนที่สำคัญ
ในรอบหลายปีของผมครับ
และเริ่มคิดว่าเข้าใจวิถีของวอร์เรนบัฟเฟตแล้ว
ผมว่าของแบบนี้
ต้องเจอกับตัวครับ
พูดไปก็เท่านั้น
กะตังค์เรา เราดูแล
แฟนเรา เราก็ต้องดูแล แฮ่ม...
-
- Verified User
- โพสต์: 332
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Growth stock ดีจริงหรือ?
โพสต์ที่ 25
ส่วนตัวผมไม่นิยมบริษัทที่กำไรเรื่อยๆแค่คาดหวังเยอะคือ pe สูงๆนั่นเอง
แม้ pe 30 อัตราการเติบโตก็ต้องมากกว่า 30
มันออกจะแนว aggressive เกินไปหน่อย ที่จะคาดหวังให้บริษัทโตแบบนี้เรื่อยๆ
อยากให้มองถึงช่วงที่บริษัท สะดุดขึ้นมา "ยิ่งอัตราคาดหวังเยอะ ผิดหวังก็จะเยอะตามไปด้วย"
ถ้าให้ผมเลือก ผมเลือกชอบบริษัท pe10 เติบโต10 จ่ายปันผลดีขึ้นเรื่อยๆตามกำไร
อย่างนี้ "ระยะยาว" น่าจะดีกว่า
แม้ pe 30 อัตราการเติบโตก็ต้องมากกว่า 30
มันออกจะแนว aggressive เกินไปหน่อย ที่จะคาดหวังให้บริษัทโตแบบนี้เรื่อยๆ
อยากให้มองถึงช่วงที่บริษัท สะดุดขึ้นมา "ยิ่งอัตราคาดหวังเยอะ ผิดหวังก็จะเยอะตามไปด้วย"
ถ้าให้ผมเลือก ผมเลือกชอบบริษัท pe10 เติบโต10 จ่ายปันผลดีขึ้นเรื่อยๆตามกำไร
อย่างนี้ "ระยะยาว" น่าจะดีกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 1155
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Growth stock ดีจริงหรือ?
โพสต์ที่ 26
วิธีการเลือกหุ้นง่ายๆ
1.เลือกหุ้นที่มี PE ยิ่งต่ำยิ่งดี(คิดเฉพาะกำไรที่เกิดจากการค้าปกติ)
2.ให้ดูผลประกอบการย้อนหลัง 5ปี ถ้ารายได้และกำไรโตขึ้นทุกปียิ่งมากยิ่งดี
3.จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอและถ้าแต่ละปีจ่ายเพิ่มเพราะกำไรเพิ่มด้วยยิ่งดี
4.ดู 56-1 ถ้าโมเดลธุรกิจ เข้าท่า มีอนาคต มีรายได้สม่ำเสมอ การเพิ่มรายได้ไม่ต้อง
ลงทุนมากนัก
5.มีเงินสดมากๆ สินค้าคงเหลือน้อย ลูกหนี้ไม่มาก (ปล้องกันพวกแต่งบัญชี)
6.ธรรมมาภิบาลของ ผบห ถ้าไม่มีประวัติเสียก็ถือว่าดี พวกเอาเปรียบ ผถห
โดยการเพิ่มทุนในราคาต่ำให้พวกตัวเอง การออกกกฏกติกาแปลกก็ตัดออก
ข้อ 1 เป็นหลักข้ออื่นๆ ก็ดีพอสมควรก็เลือกๆไปเหอะ เลือกมากเดี๋ยวไม่มีหุ้นให้ซื้อ
ไม่ใช่ดูหุ้น pe<10 แล้วไปหวังโมเดลกิจระดับ cpall hmpro ofm jmart
1.เลือกหุ้นที่มี PE ยิ่งต่ำยิ่งดี(คิดเฉพาะกำไรที่เกิดจากการค้าปกติ)
2.ให้ดูผลประกอบการย้อนหลัง 5ปี ถ้ารายได้และกำไรโตขึ้นทุกปียิ่งมากยิ่งดี
3.จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอและถ้าแต่ละปีจ่ายเพิ่มเพราะกำไรเพิ่มด้วยยิ่งดี
4.ดู 56-1 ถ้าโมเดลธุรกิจ เข้าท่า มีอนาคต มีรายได้สม่ำเสมอ การเพิ่มรายได้ไม่ต้อง
ลงทุนมากนัก
5.มีเงินสดมากๆ สินค้าคงเหลือน้อย ลูกหนี้ไม่มาก (ปล้องกันพวกแต่งบัญชี)
6.ธรรมมาภิบาลของ ผบห ถ้าไม่มีประวัติเสียก็ถือว่าดี พวกเอาเปรียบ ผถห
โดยการเพิ่มทุนในราคาต่ำให้พวกตัวเอง การออกกกฏกติกาแปลกก็ตัดออก
ข้อ 1 เป็นหลักข้ออื่นๆ ก็ดีพอสมควรก็เลือกๆไปเหอะ เลือกมากเดี๋ยวไม่มีหุ้นให้ซื้อ
ไม่ใช่ดูหุ้น pe<10 แล้วไปหวังโมเดลกิจระดับ cpall hmpro ofm jmart
Blueplanet
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 2
Re: Growth stock ดีจริงหรือ?
โพสต์ที่ 28
ชอบความเห็นนี้จัง...ขอบคุณแนวคิดดีๆ จาก พี่บลู และทุกท่านครับblueplanet เขียน:วิธีการเลือกหุ้นง่ายๆ
1.เลือกหุ้นที่มี PE ยิ่งต่ำยิ่งดี(คิดเฉพาะกำไรที่เกิดจากการค้าปกติ)
2.ให้ดูผลประกอบการย้อนหลัง 5ปี ถ้ารายได้และกำไรโตขึ้นทุกปียิ่งมากยิ่งดี
3.จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอและถ้าแต่ละปีจ่ายเพิ่มเพราะกำไรเพิ่มด้วยยิ่งดี
4.ดู 56-1 ถ้าโมเดลธุรกิจ เข้าท่า มีอนาคต มีรายได้สม่ำเสมอ การเพิ่มรายได้ไม่ต้อง
ลงทุนมากนัก
5.มีเงินสดมากๆ สินค้าคงเหลือน้อย ลูกหนี้ไม่มาก (ปล้องกันพวกแต่งบัญชี)
6.ธรรมมาภิบาลของ ผบห ถ้าไม่มีประวัติเสียก็ถือว่าดี พวกเอาเปรียบ ผถห
โดยการเพิ่มทุนในราคาต่ำให้พวกตัวเอง การออกกกฏกติกาแปลกก็ตัดออก
ข้อ 1 เป็นหลักข้ออื่นๆ ก็ดีพอสมควรก็เลือกๆไปเหอะ เลือกมากเดี๋ยวไม่มีหุ้นให้ซื้อ
ไม่ใช่ดูหุ้น pe<10 แล้วไปหวังโมเดลกิจระดับ cpall hmpro ofm jmart
ส่วนตัว คิดว่า ด้วยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากปัจจุบัน หุ้น Growth ผมให้ PE เต็มที่ ก็ไม่เกิน 15 เท่า -> เทียบเท่า 7% yield หากจ่ายปันผลซัก 50% ก็ได้ 3.5% เทียบเท่าฝากประจำ Growth ที่ได้มาก็ถือเป็นของแถม มากกว่านี้คงซื้อไม่ไหวครับ (เคยอ่าน Buffett ตอนซื้อ Wal-Mart ปี 2004 PE ประมาณ 20)
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
-
- Verified User
- โพสต์: 1155
- ผู้ติดตาม: 0
Re: Growth stock ดีจริงหรือ?
โพสต์ที่ 29
1.pe=MarketCap/กำไร ไม่ใช่ ราคาหุ้น/กำไรต่อหุ้น (แก้ปัญหา เรื่องการ
แตกพาร์,หุ้นปันผล,เพิ่มทุน)
2.เอาวอแรนท์มาคิดด้วย คิดให้ระเอียด
แตกพาร์,หุ้นปันผล,เพิ่มทุน)
2.เอาวอแรนท์มาคิดด้วย คิดให้ระเอียด
Blueplanet