การลงทุนแบบฝากเงิน

[nonation]

ขอคำแนะนำครับ เนื่องจากเป็นมือใหม่จริง ๆ
ถ้าผมต้องการลงทุนในลักษณะการฝากเงิน โดยมีเงินลงทุนเริ่มต้นหนึ่งก้อน
และมีเงินลงทุนสมทบเป็นรายเดือนทุก ๆ เดือน มีระยะเวลาการลงทุน 3 - 5 ปี
ต้องการผลตอบแทนประมาณตั้งแต่ 7 % ขึ้นไป
1. ผมควรลงทุนในลักษณะใด ( เลือกหุ้น 3 - 5 ตัวแล้วถือยาวโดยไม่ขายถ้าพื้นฐานไม่เปลี่ยน หรือ !!!!! )
2. ควรเลือกหุ้นในกลุ่มใดเป็นหลัก
3. สิ่งที่ควรคิดและทำอื่น ๆ

ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกความเห็นแนะนำ และ ติชมครับ

[chowbe76]

ขอคำแนะนำครับ เนื่องจากเป็นมือใหม่จริง ๆ
ถ้าผมต้องการลงทุนในลักษณะการฝากเงิน โดยมีเงินลงทุนเริ่มต้นหนึ่งก้อน
และมีเงินลงทุนสมทบเป็นรายเดือนทุก ๆ เดือน มีระยะเวลาการลงทุน 3 - 5 ปี
ต้องการผลตอบแทนประมาณตั้งแต่ 7 % ขึ้นไป
1. ผมควรลงทุนในลักษณะใด ( เลือกหุ้น 3 - 5 ตัวแล้วถือยาวโดยไม่ขายถ้าพื้นฐานไม่เปลี่ยน หรือ !!!!! )
ทำแบบนั้นถูกแล้ว
2. ควรเลือกหุ้นในกลุ่มใดเป็นหลัก
หุ้นที่ฟังดูน่าเบื่อ ทำธุรกิจงี่เง่า และไม่ค่อยมีใครสนใจ สภาพคล่องต่ำ
3. สิ่งที่ควรคิดและทำอื่น ๆ
จงกลัวเมื่อคนอื่นโลภ จงโลภเมื่อคนอื่นกลัว
ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกความเห็นแนะนำ และ ติชมครับ

[iruma]

Dollar Cost Averaging กับ SET50 Index Fund เช่น ลงทุนเดือนละ 2000 บาท ทุกวันที่ 5 ของทุกๆเดือน

วิธีนี้ตัดปัญหาจิตวิทยาตลาดออกไป กำหนดแผนแล้วทำตามเท่านั้น ส่วนผลตอบแทนไม่การันตีแน่นอน แต่ผมเชื่อว่าระยะยาวมากๆแล้วน่าจะok

[nonation]

ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำ ขอบคุณ

[odin]

Dollar Cost Averaging กับ SET50 Index Fund เช่น ลงทุนเดือนละ 2000 บาท ทุกวันที่ 5 ของทุกๆเดือน

วิธีนี้ตัดปัญหาจิตวิทยาตลาดออกไป กำหนดแผนแล้วทำตามเท่านั้น ส่วนผลตอบแทนไม่การันตีแน่นอน แต่ผมเชื่อว่าระยะยาวมากๆแล้วน่าจะok

DCA กับ หุ้นGrowth ที่คิดว่าจะเป็นmega trend ใน5ปีข้างหน้า

[torpongpak]

Dollar Cost Averaging กับ SET50 Index Fund เช่น ลงทุนเดือนละ 2000 บาท ทุกวันที่ 5 ของทุกๆเดือน

วิธีนี้ตัดปัญหาจิตวิทยาตลาดออกไป กำหนดแผนแล้วทำตามเท่านั้น ส่วนผลตอบแทนไม่การันตีแน่นอน แต่ผมเชื่อว่าระยะยาวมากๆแล้วน่าจะok

DCA กับ หุ้นGrowth ที่คิดว่าจะเป็นmega trend ใน5ปีข้างหน้า

เห็นด้วยว่าDCAควรลงทุนกับหุ้นGrowth เหมือนที่พี่สุมาอี้เคยเเนะนำไว้ เเต่ที่เห็นต่างคือมันไม่ใช่ไม่ใช่เป็นการลงทุนเพื่อกินปันผลเหมือน จขกท. ต้องการครับ...เพราะหุ้นGrowthปันผลน้อยมาก...ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนเพื่อกินCapital Gainในอนาคตมากกว่า

หุ้นเเบบ จขกท. ต้องไปขุดเเละซื่อคือหุ้นเเบบ"หุ้นพันธบัตร"ครับ ลองไปอ่านบทความของ ดร. เรื่องหุ้นพันธบัตรดูครับ....
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=52160

ผมชอบเเละยอมรับว่าคิดเเบบ จขกท. เหมือนกันครับว่าอยากลงทุนในหุ้นที่มีปันผล7%ขึ้นไป จากนั้นลองอยู่กินกับ"ปันผล"ดูว่าเราอยู่ได้หรือไม่...

วิธีการคือผมจะลองใช้ข้อมูลจากSetsmartเข้าหัวข้อ"Ranking"เเล้วเรียงลำดับ DIV จากนั้นเลือกหุ้นที่เราอยากเป็นเจ้าของมาศึกษาลงลึกขึ้นอีกทีครับ

[nonation]

ขอบคุณครับ แนวทางที่ตั้งใจไว้คือลงทุนในหุ้นที่มีปันผลแน่นอนเพื่อเป็นรายได้หลัก
สำหรับชีวิตประจำวัน เช่น รายได้จากการปันผล + 30,000 บาท / เดือนแต่
ในขณะเดียวกันก็สะสมหุ้นนั้น ๆ ไปเรื่อย ๆ หากตลาดดีในราคาที่พอใจก็จะแบ่งขายไป
บางส่วน แต่ส่วนที่เหลือต้องให้ผลตอบแทนในเกณท์ + 30,000 บาท / เดือน
เสมอ หลังจากนั้น ( 3 - 5 ปี ) ค่อยเพิ่มทุนอีกสัก 10 % ของพอร์ทเพื่อเล่นหุ้น Growth
ทุกปี ทุกท่านคิดว่าอนาคตเมื่อครบ 10 ปีของพอร์ทน่าจะออกมาในรูปใหนหรือครับ

[iruma]

วิธี DCA ไปเรื่อยๆชิลๆ ผมคิดว่าเหมาะสมกับกองทุนที่มีการกระจายหุ้นไปหลายๆตัวอย่าง Index Fund

การเลือก DCA กับหุ้นรายตัว จำเป็นต้องรู้จัก ติดตามกิจการว่ามันยังดี เติบโตอยู่ และต้องมีความแน่ใจระดับนึงละว่าถ้ากิจการไม่ค่อยโตตามเกณฑ์ที่เราตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกจะขายทัน

คาถาลงทุน เรื่อง DCA
http://www.youtube.com/watch?feature=pl ... nL4#t=183s

ขอบคุณครับ แนวทางที่ตั้งใจไว้คือลงทุนในหุ้นที่มีปันผลแน่นอนเพื่อเป็นรายได้หลัก
สำหรับชีวิตประจำวัน เช่น รายได้จากการปันผล + 30,000 บาท / เดือนแต่
ในขณะเดียวกันก็สะสมหุ้นนั้น ๆ ไปเรื่อย ๆ หากตลาดดีในราคาที่พอใจก็จะแบ่งขายไป
บางส่วน แต่ส่วนที่เหลือต้องให้ผลตอบแทนในเกณท์ + 30,000 บาท / เดือน
เสมอ หลังจากนั้น ( 3 - 5 ปี ) ค่อยเพิ่มทุนอีกสัก 10 % ของพอร์ทเพื่อเล่นหุ้น Growth
ทุกปี ทุกท่านคิดว่าอนาคตเมื่อครบ 10 ปีของพอร์ทน่าจะออกมาในรูปใหนหรือครับ

ถ้าจะเน้นปันผล ผมคิดว่าอยู่ที่กิจการที่เราเลือกด้วยว่าคุณภาพของกำไรยั่งยืนสักแค่ไหน ผมว่ามีหลายๆครั้งที่เราซื้อเพื่ออยากได้ปันผล พอเจอความผันผวนของราคาตลาด เหตุผลในการซื้อตอนแรกของเราก็หวั่นไหวไปกับมูลค่าพอร์ตที่ขึ้นๆลงๆได้เหมือนกัน

ลองอ่านบทความของ ดร.นิเวศน์ที่เกี่ยวข้องดูนะครับ

กับดักของ Value Investor
http://piggyman007.blogspot.com/2010/04 ... estor.html

E – หุ้น
http://www.tot.ru.ac.th/web_arjarn/sara ... e_hun.html

[xavi]

แนวคิดบางส่วนคล้ายกันครับ
ถ้าต้องการจะได้ Dividend ประมาณ 30,000 บาท/เดือน จาก Yield ประมาณ 7% ผมคิดว่าหาได้หลายๆตัวในตลาดตอนนี้ครับ
ถ้าคำนวนเป็นขนาด Port ก็คงประมาณ 5-6 MB
คิดแบบ Conservative ถ้า Capital Gain ไม่มี ก็ต้องเติมเงินสัก 80,000 บาท/เดือน เพื่อให้ 5 ปี Port ใหญ่สัก 5 MB

เข้าใจว่ารายได้จากงานประจำน่าจะดีมากครับ เพราะหักค่าใช้จ่ายยังเติมเงินได้ขนาดนี้

ถ้าเป็นผมก็จะกล้าเพิ่มความเสี่ยงในการเล่นหุ้น Growth มากกว่านี้ ถึงแม้ว่าอาจทำให้ Dividend Yield น้อยลง และ เงินต้นมีความผันผวนบ้าง เพราะอย่างไรก็ตามก็ยังถือว่ารายได้จากงานประจำนั้นยังเยอะพอที่จะรับความเสี่ยงได้

ถ้าเกิดตีแตกได้สักตัวอาจลืม Dividend Stock ไปเลยครับ

[nonation]

ขอบคุณครับ ผลตอบแทนประมาณ 7% คือขั้นต่ำสุดที่ยอมรับได้ครับ และทุนเริ่มต้นก็มีอยู่พอประมาณครับ เงินสมทบรายเดือนเลยไม่สูงเท่าไหร่
ปันผลบวกกับรายได้อื่นที่มีคงพอทำให้ในอนาคตเป็นอิสระได้พอสมควรกับการมีชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเีพียงตามแนวปรัชญาของในหลวงครับ

[gripen]

[Saran]

ผมกำลังจะเปิดพอร์ทใหม่อีกอัน โดยใช้แนวทางการลงทุนแบบ จขกท กำลังทำอยู่เหมือนกันครับ
กะว่าหากเขียนหลักเกณฑ์การลงทุนเสร็จแล้วจะโพสลงในเวปและคอยอัพเดทข้อมูลไปด้วยเรื่อยๆ

กลับมาที่นโยบายการเลือกหุ้น
หาก จขกท ไม่มีความรู้เรื่อง business model บ้างเลย ผมว่าการลงทุนใน tdex ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีนะครับ
แต่หากเลือกที่จะเสี่ยงขึ้นอีกนิดหนึ่งคือ เลือกหุ้นที่จะลงทุนเอง โดยตัดปัญหาเรื่องการหา fair value ออกไปเพราะใช้วิธีการ DCA มาช่วย
และอย่างที่บัฟเฟตต์กล่าวไว้ว่า "เวลาเป็นเพื่อนของธุรกิจที่มหัศจรรย์ แต่เป็นศัตรูของธุรกิจพื้น ๆ"
ดังนั้นสำหรับผม พวกหุ้นพันธบัตรผมจะไม่ลงทุน แต่จะเลือกเป็นหุ้นเติบโตมากกว่า และต้องเป็นหุ้นเติบโตแบบยั่งยืนครับ

[เหยี่ยวเดือน9]

ลองเข้าไปแวะดูแนวคิด 7LTG ของคุณสุมาอี้สิครับ

[Teerasak Boonrat]

1. ผมควรลงทุนในลักษณะใด ( เลือกหุ้น 3 - 5 ตัวแล้วถือยาวโดยไม่ขายถ้าพื้นฐานไม่เปลี่ยน หรือ !!!!! )
ถูกต้องแล้วครับ แต่น่าจะเริ่มด้วยจำนวนเงินน้อยๆ ก่อนเพราะหุ้นมีขึ้นมีลง ผมตอนลงทุนครั้งแรกจิตใจไม่ค่อยดีตอนหุ้นลงครับ หลังๆ ก็ชินครับ

2. ควรเลือกหุ้นในกลุ่มใดเป็นหลัก
ควรเลือกหุ้นในธุรกิจที่เราสามารถเรียนรู้ได้ง่ายหรือเรามีพื้นฐานอยู่แล้ว

3. สิ่งที่ควรคิดและทำอื่น ๆ
หาความรู้เพิ่มมากๆ เป็นประจำครับ

[nonation]

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำทุกความเห็นครับ ได้แนวทางแนวคิดอะไรหลายอย่างเลยครับ ขอบคุณ

[marcus147]

http://dekisugi.net/7thltg

[paperpong]

ติดต่อ Sicco เลยครับ ตาม link
http://www.ssecclick.com/2010/default.aspx
ซื้้อทุกเดือน เลือกวันได้ 5, 15, 25

[nonation]

ขอบคุณครับ

[Nevercry.boy]

ผมกำลังจะเปิดพอร์ทใหม่อีกอัน โดยใช้แนวทางการลงทุนแบบ จขกท กำลังทำอยู่เหมือนกันครับ
กะว่าหากเขียนหลักเกณฑ์การลงทุนเสร็จแล้วจะโพสลงในเวปและคอยอัพเดทข้อมูลไปด้วยเรื่อยๆ

กลับมาที่นโยบายการเลือกหุ้น
หาก จขกท ไม่มีความรู้เรื่อง business model บ้างเลย ผมว่าการลงทุนใน tdex ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีนะครับ
แต่หากเลือกที่จะเสี่ยงขึ้นอีกนิดหนึ่งคือ เลือกหุ้นที่จะลงทุนเอง โดยตัดปัญหาเรื่องการหา fair value ออกไปเพราะใช้วิธีการ DCA มาช่วย
และอย่างที่บัฟเฟตต์กล่าวไว้ว่า "เวลาเป็นเพื่อนของธุรกิจที่มหัศจรรย์ แต่เป็นศัตรูของธุรกิจพื้น ๆ"
ดังนั้นสำหรับผม พวกหุ้นพันธบัตรผมจะไม่ลงทุน แต่จะเลือกเป็นหุ้นเติบโตมากกว่า และต้องเป็นหุ้นเติบโตแบบยั่งยืนครับ

สำหรับมือใหม่ไม่เป็นไรครับ
สำหรับน้องศรัณย์พี่ขอชวนคุยนิดครับ

ในหนังสือ debunkery ของเคน ฟิชเชอร์ บทที่ 14 เรื่อง DCA - Lower risk, better returns น่าจะได้ผลการตอบแทนดีกว่าการลงทุนก้อนเดียว จริงหรือไม่?

ผลการศึกษาปรากฎว่า การลงทุนทีเดียวเปรียบเทียบกับ DCA ช่วงเวลานับจาก 1926-2009 DCA แพ้ การลงทุนแบบทีเดียว 69% of the time.

รายละเอียดหาอ่านเพิ่มเติมในหนังสือเล่มที่พี่ว่าหน้า 57-59 ครับ

[pakapong_u]

ติดต่อ Sicco เลยครับ ตาม link
http://www.ssecclick.com/2010/default.aspx
ซื้้อทุกเดือน เลือกวันได้ 5, 15, 25

ตอนนี้บล.ซิกโก้ เปลี่ยนชื่อเป็นบล.ซีไอเอ็มบี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) แล้วครับ
แต่ยังคงมีโครงการลงทุนในลักษณะนี้ที่ชื่อว่า EASY WEALTH BUILDER ครับ ลองศึกษาดู เป็นโครงการที่ดี มีประโยชน์ สำหรับนัีกลงทุนหน้าใหม่ ที่สนใจแนวทางการลงทุนแบบ Doular Cost Average ครับ และตอนนี้ไม่มีค่าธรรมเนียมขั้นต่ำด้วยครับ
http://www.cimbsecurities-int.co.th/2012/ewb.aspx

ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่นำหลักการเฉลี่ยต้นทุนมาประยุกต์ใช้กับการลงทุนในหุ้น ในรูปแบบการออมหุ้น ซึ่งพร้อมด้วย
รูปแบบการลงทุนที่สะดวก และง่ายสำหรับการลงทุน เพียง 3 ขั้นตอนกับการเริ่มออมหุ้น

1. เลือกหุ้น
2. เลือกวันลงทุน
3. เลือกจำนวนเงินลงทุน

โดยการซื้อหลักทรัพย์ผ่านโครงการออมหุ้น จะทำการซื้อเดือนละ 1 ครั้ง และ สามารถขายหุ้นได้ทุกวันทำการ นอกจากนี้
ยังเพิ่มความยืดหยุ่นในการลงทุน โดยผู้ลงทุนสามารถเปลี่ยนแปลงจำนวนเงินลงทุน หลักทรัพย์ที่ลงทุน และวันที่ลงทุน

รายละเอียดโครงการ

หุ้นในโครงการ
หุ้นใน SET 50 / SET 50 ETF (TDEX) / ENGY

เงินลงทุนขั้นต่ำต่อเดือน

1,000 บาท

เงินลงทุนขั้นต่ำต่อหุ้น

1,000 บาท (เพิ่มเป็นเท่าทวีคูณของ 1,000 บาท)

จำนวนหลักทรัพย์ที่สามารถลงทุนได้

เลือกได้ไม่เกิน 10 ตัว

วันที่ลงทุน

ทุกวันที่ 5 /15 /25 ของเดือน

ราคาลงทุน/ราคาซื้อ

ราคาเปิด (At the Open: ATO)

วันที่ชำระราคา

3 วันทำการหลังวันที่ลงทุน (T+3)

วิธีการชำระราคา

ตัดบัญชีเงินฝากอัตโนมัติ (ATS)

ค่าธรรมเนียม

0.2578% ของปริมาณการซื้อขาย
(ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

[sipoonya]

ถ้าจะลงทุนในตลาดหุ้น ไม่ควรตั้งผลตอบแทนระยะยาวน้อยกว่า 10% นะครับ
เพราะมันจะไม่คุ้มกับความเสี่ยงของท่านที่จะมาลงทุน ยิ่งจะลงทุนเองยิ่งไม่คุ้ม
INDEX FUND ระยะยาวก็ 10% แล้ว (เขาว่ากันว่า ฮา) ถ้าเราจะลงทุนเองก็ควรจะชนะตลาดด้วย
ส่วนเรื่องตั้งผลตอบแทนต่อเดือน +30,000 บาท ขึ้นกับขนาดพอร์ตของท่านเองมากกว่า
คิดเล่นๆ 5% = 7.2 ล้าน 3% = 12 ล้าน ถ้าขนาดพอร์ตท่านถึงก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร
แต่ถ้าไม่ แนะนำว่า 1 ถ้าจะลงทุนเอง ก็ต้องหาวิธีทำให้ผลตอบแทนชนะตลาด
2 ถ้าไม่มั่นใจ ก็ศึกษาเรื่อง asset allocation เช่น ลงกองทุนหรือสินทรัพย์อื่น แล้วให้ผลตอบแทนที่ท่านพอใจ
ส่วนเรื่องหุ้นพันธบัตร ของ อาจารย์ คิดว่าท่านคงลงเพื่อรอโอกาสมากกว่า คงไม่ใช่เพื่อถือหุ้นพันธบัตร 100% ครับ

[romee]

http://dekisugi.net/archives/17260 ขออนุญาตเอาบทความของคุณสุมาอี้ มาให้อ่านครับ น่าจะตรงใจกว่า

มีทั้งวิธีการ และหลักการ

ปล.ถ้าไม่รังเกียจกองทุนรวม ผมเห็นกองทุนรวมที่ดีๆ Performance ย้อนหลัง5ปีได้80%
และยิ่งถ้าลงเพิ่มได้อีกในช่วงset ตกต่ำ ผมว่าก็จะยิ่งบวกมากขึ้น อีก เพราะย้อนหลัง3ปีได้ถึง 120% ขึ้นไปก็มีครับ
http://siamchart.com/fund-compare/EQ

[nearly]

Dollar Cost Averaging กับ SET50 Index Fund เช่น ลงทุนเดือนละ 2000 บาท ทุกวันที่ 5 ของทุกๆเดือน

วิธีนี้ตัดปัญหาจิตวิทยาตลาดออกไป กำหนดแผนแล้วทำตามเท่านั้น ส่วนผลตอบแทนไม่การันตีแน่นอน แต่ผมเชื่อว่าระยะยาวมากๆแล้วน่าจะok

คิดคล้ายๆท่านนี้ แต่เปลี่ยนเป็นใช้ SETHD Index แทน

จำนวนตัวที่ถือแล้วแต่ขนาดพอร์ท ถ้างบไม่เยอะก็ซักสามตัว มากหน่อยก็ขยับเพิ่มห้าตัว สิบตัว ไปจนถึงถือทุกตัวใน SETHD

หลักเกณฑ์การเลือกหุ้นเข้า SETHD http://www.set.or.th/th/products/index/SETHD.html

SETHD Index http://marketdata.set.or.th/mkt/sectorq ... country=TH

[nonation]

ขอบคุณทุก ๆ ท่านครับ ตอนนี้ก็กำลังศึกษาเพิ่มเติมตามที่ทุก ๆ ท่านแนะนำ กำลังเล็งว่าช่วงนี้ตลาดอาจมีแนวโน้มลงหนัก ๆ คงต้องเตรียมแบ่งทุนสักก้อนรอครับ

[Note1310]

ผมแนะนำไม่ได้ครับ แต่จะบอกว่าตอนนี้ผมทำยังไง

ผมลงทุนโดยเริ่มแบ่ง เงินสดไว้ 20-40% ลงทุนเริ่มต้น 60% ครับ และคงเงินสดไว้ในจำนวนที่พอใช้ใน 1ปี
เลือกหุ้นผมมี 4ตัว เป็นหุ้นปันผล 2ตัว เติบโตกึ่งปันผล 1ตัว และ เติบโต 1ตัว
โดยปกติพอเงินเดือนออกผมก็จะเอาไปซื้อหุ้น ในจำนวนเท่าๆกันทุกเดือนโดยเลือกจากตัวที่เห็นว่าปันผลเยอะที่สุด จากนั้นถ้าเห็นหุ้นเติบโต ลงมาในระดับที่เรารอ ก็จะ swap หุ้นปันผล ไปหุ้นเติบโต แทนครับ แต่ทยอยนะครับ โดยไม่ได้ตั้งใจว่าจะลงเท่าไหร่ แต่จะตั้งเป้าไว้ 25-35% ก็ต่อ1ตัวครับ ไม่เกินนั้นครับ

โดยเริ่มต้นถ้าผมไม่รู้จักหุ้นเติบโตแล้วยังไม่รู้ว่า จังหวะไหนดีผมจะเริ่มกระจายในหุ้นปันผลสัก 2-3ตัวก่อน เพื่อให้อุ่นใจครับ จากนั้นค่อยขยับขยายที่เห้นตัวไหนลงมาในราคาที่น่าซื้อครับ

[nonation]

ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันครับ

[Saran]

ผมกำลังจะเปิดพอร์ทใหม่อีกอัน โดยใช้แนวทางการลงทุนแบบ จขกท กำลังทำอยู่เหมือนกันครับ
กะว่าหากเขียนหลักเกณฑ์การลงทุนเสร็จแล้วจะโพสลงในเวปและคอยอัพเดทข้อมูลไปด้วยเรื่อยๆ

กลับมาที่นโยบายการเลือกหุ้น
หาก จขกท ไม่มีความรู้เรื่อง business model บ้างเลย ผมว่าการลงทุนใน tdex ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีนะครับ
แต่หากเลือกที่จะเสี่ยงขึ้นอีกนิดหนึ่งคือ เลือกหุ้นที่จะลงทุนเอง โดยตัดปัญหาเรื่องการหา fair value ออกไปเพราะใช้วิธีการ DCA มาช่วย
และอย่างที่บัฟเฟตต์กล่าวไว้ว่า "เวลาเป็นเพื่อนของธุรกิจที่มหัศจรรย์ แต่เป็นศัตรูของธุรกิจพื้น ๆ"
ดังนั้นสำหรับผม พวกหุ้นพันธบัตรผมจะไม่ลงทุน แต่จะเลือกเป็นหุ้นเติบโตมากกว่า และต้องเป็นหุ้นเติบโตแบบยั่งยืนครับ

สำหรับมือใหม่ไม่เป็นไรครับ
สำหรับน้องศรัณย์พี่ขอชวนคุยนิดครับ

ในหนังสือ debunkery ของเคน ฟิชเชอร์ บทที่ 14 เรื่อง DCA - Lower risk, better returns น่าจะได้ผลการตอบแทนดีกว่าการลงทุนก้อนเดียว จริงหรือไม่?

ผลการศึกษาปรากฎว่า การลงทุนทีเดียวเปรียบเทียบกับ DCA ช่วงเวลานับจาก 1926-2009 DCA แพ้ การลงทุนแบบทีเดียว 69% of the time.

รายละเอียดหาอ่านเพิ่มเติมในหนังสือเล่มที่พี่ว่าหน้า 57-59 ครับ

ขอบคุณมากครับพี่ NB จดชื่อหนังสือเรียบร้อยแล้ว ไว้จะไปหาอ่านดูครับ ในหนังสือมีเขียนไว้ด้วยไหมครับว่าผลตอบแทนที่ได้ต่างกันมากขนาดไหน

พอร์ทนี้ตั้งใจจะเปิดให้ลูกพี่ลูกน้องของผมครับ ตอนแรกตั้งใจอยากให้เก็บเงินได้ก้อนหนึ่งก่อนแล้วเอาไปลงทุนแบบทีเดียวเหมือนกัน
แต่ท่าทางจะเก็บเงินได้ไม่อยู่ครับ พอเก็บได้นิดหน่อยก็เผลอจะเอาไปใช้ตลอด เลยแนะนำวิธีนี้ไปก่อน
ไว้พอเห็นคุณค่าของการลงทุนมากขึ้น มีวินัยในการออมมากขึ้น คงจะสนใจศึกษาการลงทุนมากขึ้นนะครับ

[greenman]

- ขอเล่นด้วยส่วนตัวใช้ LTF เพราะต้องจ่ายภาษีอยู่พอสมควร โดยกองที่ใช้จะแบ่งตามระดับของ Set Index เช่นกาลครั้งหนึ่ง แบ่ง SET ตำกว่า750 SET50 LTF 750-1000 HIDIV LTF มากกว่า 1000 70/30 โดยกำหนดวันซื้อ(AYF)