หุ้น 2 ตัวพีอี 17.5 เท่า & 3.64 เท่า

[ลูกอิสาน]

ทำไมซื้อขายกันที่พีอีต่างกันมาก

ตัวแรกคือ PSL ราคาปัจจุบัน 40.25 บาทหรือ 1เหรียญ ซื้อขายกันที่พีอีกำไร 4 ไตรมาสย้อนหลัง 3.64 เท่า แต่หากคาดการณ์กำไรปีนี้จะซื้อขายกันที่พีอีประมาณเกือบๆ 3 เท่า ดัชนีค่าระวางเรือตกลงมามาก ทำเอากะลาสีเรือกระโดดออกจากเรือหายกันไปหมด :lol: โบรคเกอร์ก็ออกบทวิเคราะห์ปรับลดราคาเป้าหมายกันแทบทุกราย(ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังเชียร์ซื้อให้ราคาเป้าหมายสูง) บางรายก็ออกบทวิเคราะห์นำค่าระวางเรือขนาดใหญ่(ค่าระวางตกมาก)มาใช้เป็นเหตุผลในการในการวิเคราะห์เรือขนาดเล็กแบบ PSL TTA (ค่าระวางคงไม่ตกมาก เพราะมีเรือเก่าอยู่มาก) ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ฉลาด

ผมยังจำที่คุณคาลิดพูดในที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้ว่า ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าค่าระวางเรือตอนนี้สูงเกินไปและจะต้องลดลงอย่างแน่นอน แต่ค่าระวางไม่น่าจะตกลงมากเพราะมีเรือเก่ารอปลดระวางจำนวนมาก และแม้ว่าค่าระวางจะตกต่ำเหมือนตอนวิกฤติเศรษกิจเอเชีย PSL ก็ยังมีกระแสเงินสดเป็นบวก

แต่เรือส่วนใหญ่ของ PSL เป็นเรือมือสอง มีอายุการใช้งานอีกไม่มากคืออีกประมาณ 7 ปี(25-สินแปด) ดังนั้นอาจจะต้องเก็บเงินสดส่วนใหญ่ไว้ เพื่อใช้ในการซื้อเรือมือสองใหม่เพื่อลดอายุของกองเรือลง

[CK]

PSL ที่ราคาลดลงมามาก ผมว่าเป็นเพราะ unknown factor ตัวหนึ่งที่ชื่อว่า "หยวน"

ถ้าจีนปุบปับปล่อยให้หยวนแข็งขึ้น กำไรของ PSL จะลดฮวบทันที ถึงขนาดที่ว่า
กระแสเงินสดที่เคยเป็นบวกอาจจะเป็นลบได้ไหม (คงยาก)

แต่ถ้าจีน crash landing ขึ้นมา เงินสดรับของ PSL น่าจะเป็นลบทันที

ราคา PSL ก็เลยสะท้อน fear factor ตรงนี้ออกมา

ถ้าใครเชื่อว่า จีนไม่ปล่อยหยวนลอย (ขึ้น) เร็วๆ นี้ ( 1 ปีจากนี้) ก็ลุยเลยครับ
ราคานี้ถูกทีเดียว

[panwa]

แล้วอีกตัวที่ P/E ที่ 17.5 เท่า เป็นหุ้นอะไรครับ ขอโทษที่งง

[ลูกอิสาน]

HMPro ครับ

[jaychou]

เวลาเครื่องจักรอุปกรณ์ทำเงินอะไรที่ขาดตลาด ผมว่าการซ่อมเพื่อกลับมาใช้ใหม่ (Refurbishing) น่าจะทำกันอย่างกว้างขวาง ยกเว้นว่าหมดอายุแล้วซ่อมไม่ได้ ต้องทิ้งเลย ?

[Blueblood]

ผมห่วงเรื่องเรือต่อใหม่น่ะครับ ชักไม่แน่ใจซะแล้วว่า เรือ segment handymax จะแย่งตลาด handysize ได้หรือไม่ เพราะเรือที่เพิ่มขึ้น segment ของ psl (handysize) ไม่มากก็จริง แต่ handymax เพิ่มขึ้นเยอะเลยครับ

กลัวว่า supply จะทะลักข้าม segment มาได้จริงๆ

[Stock Broker]

รู้สึกว่าคุณคาลิดเคยตอบไว้ว่าโอกาสข้าม segment กันยากนี่ครับ

[Blueblood]

รู้สึกว่าคุณคาลิดเคยตอบไว้ว่าโอกาสข้าม segment กันยากนี่ครับ

ครับ ผมก็ได้ยินอย่างนั้น แต่ดูจากยอดต่อเรือมันแปลกๆครับ ทำไมถึงแห่ไปต่อกันแต่เรือที่ใหญ่ๆกันทั้งนั้นเลย ในเมื่อ segment นี้ก็มีเรือเก่าเตรียมปลดระวางจำนวนมาก แถมค่าเช่าก็ดีมากด้วย มันดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลครับ ถึงแม้จะคำนึงถึงปัจจัยเรื่องอู่ต่อเรือและราคาเหล็กด้วยก็ตาม

ป.ล. ผมยังถืออยู่ครับ แต่ไม่มากเหมือนก่อนแล้ว จะรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปครับ ยังไงราคานี้ก็มี margin of safety มากเลยครับ
ป.ล. อีกที ผมกลัวว่าเศรษฐกิจของเราจะแย่จริงๆแล้วตลาดหุ้นจะหมดความน่าสนใจในอีกไม่นานนี้ครับ และผมไม่แน่ใจว่าหุ้นดีจะสามารถเทรดกันที่ ราคาที่สมเหตุสมผลได้หรือไม่ กลัวว่าจะมีของดีราคาโคตรถูกเต็มตลาดไปอีกนานน่ะครับ ยังไงผมก็ไม่ใช่คนเล่นหุ้นเพื่อกินปันผลอยู่แล้ว

[ลูกอิสาน]

เห็นด้วยครับพี่ CK
china factor เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยครับ
โดยเฉพาะสินค้าจำพวกโภคภัณฑ์ และเรือก็เป็นอย่างนั้นเช่นกัน
แต่การลอยตัวเงินหยวน มีผล 2 ด้านครับ

-ด้านบวกทำให้จีนมีอำนาจกำลังซื้อสูงขึ้น ชาวจีนก็จะบริโภคและนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น ทำให้ชาติอื่นๆได้ประโยชน์
-ด้านลบทำให้การส่งออกของจีน มีความสามารถในการแข่งขันด้านราคาลดลง กำลังซื้อในอุตสาหกรรมส่งออกนี้ก็จะลดลง

ผมมองว่าเศรษกิจจีนเหมือนรถสิบล้อที่แล่นมาด้วยความเร็วสูง มีโมเมนตัมมาก โอกาสที่จะหยุดชะงักไปเลย คงเป็นไปได้น้อย อย่างมากก็คงชะลอตัวลงนิดหน่อยครับ หลายท่านก็พูดว่าแม้จีนจะปล่อยให้หยวนแข็งค่า 10% สินค้าของจีนก็ยังครองตลาดโลกได้อยู่ดี

และมองดูที่ PSL เคยจำได้ว่าผู้บริหารเคลมว่าบริษัทมีต้นทุนการเดินเรือที่ต่ำเกือบที่สุดในโลก(ในเซคเม้นเดียวกัน) เพราะ PSL ดำเนินกลยุทธ์ปลาใหญ่ในบึงเล็ก ทำให้มีอำนาจต่อรองกับท่าเรือ อู่ซ่อมเรือ และบริษัทขายน้ำมันเรือพอสมควร ทำให้โอกาสที่ PSL จะขาดทุนมีน้อยครับ และเมื่อรวมกับค่าเสื่อมที่ตัดทุกปีประมาณปีละ 48 ล้านเหรียญหรือประมาณเกือบๆ 2000 ล้านบาท ทำให้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวก เว้นแต่ว่า PSL จะขาดทุนปีละมากกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปได้น้อยมาก ถึงตอนนั้นก็คง เหลือ PSL ในตลาดเพียงรายเดียว

ส่วนการแย่งตลาดกันของเรือแต่ละขนาด จำได้ว่าคุณคาลิดบอกว่ามีประมาณ 5% เท่านั้น ผมก็ไม่ทราบว่าจริงหรือเปล่า ดูเหมือนน้อยกว่าความเป็นจริงไปนิด มองไปที่ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเลือกขนาดเรือมีดังนี้ครับ

-ความลึกของท่าเรือ เรือเล็กเข้าเทียบท่าเรือตื้นๆด้
-ปริมาณสินค้าที่จะจัดส่ง มีเงินซื้อสินค้าไม่มาก ก็ต้องใช้เรือเล็ก
-ชนิดของสินค้า สินค้าเกษตรบางชนิดต้องใช้เรือเล็กจัดส่ง

[โป้ง]

ถ้า เศษรฐกิจจีน เหมือนรถสิบล้อวิ่งมาด้วยความเร็วสูง ยิ่งควรชลอลดความร้อนแรงลงเป็นอย่างยิ่ง มิฉะนั้นอาจเกิดหายนะ

หยวนคงต้องปรับขึ้นเร็วๆนี้ล่ะครับ แต่คงมีการปรับหลาย step

[Heroine]

ตามเข้ามาอ่านค่ะ ได้ความรู้เพิ่มอีกแล้ว ขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนค่ะ :lol:

[payonp]

Hmpro ยังมี groth potential ที่แข็งแกร่งอยู่อีกหรือเปล่าครับ ในภาวะที่เงินเฟ้อขึ้นแรง ความเชื่อมั่นผู้บริโภคถดถอย และภาคอสังหาตกต่ำ

หากผ่านช่วงนี้ไปได้ คงต้องนับถือผู้บริหาร และผู้ถือหุ้น ณ ราคานี้จริงๆ ครับ

[คนขายของ]

ไชยา มิตรชัย ....................................................... ไม่ธรรมดา

[ROGER]

เรือเล็กยังคงได้เปรียบเรือใหญ่อยู่ โดยเฉพาะสินค้าเกษตร เพราะการนำเข้าเรือขนาดใหญ่สำหรับบริษัทบางบริษัท ทำให้วัตถุดิบของบริษัทนั้นสามารถใช้ได้เป็นปี ซึ่งอาจทำให้วัตถุดิบนั้นๆๆเช่น ข้าวสาลี แป้ง ถั่วเหลือง มีปัญหาด้านการเก็บรักษา และการจัดสรรโกดัง ครั้นจะหาหลายๆๆบริษัท มาพ่วงสินค้ากันก็ทำได้ยาก เพราะไม่ค่อยคุ้มและมีปัญหาด้านการขนถ่าย ประกอบกับประเทศในโลกนี้ส่วนใหญ่ ยากจน และเป็นประเทศขนาดเล็ก ดังนั้น การใช้เรือขนาดเล็กก็ยังมีความจำเป็นอยู่

[สามัญชน]

:lol: :lol: :lol: :lol:

หากผ่านช่วงนี้ไปได้ คงต้องนับถือผู้บริหาร และผู้ถือหุ้น ณ ราคานี้จริงๆ ครับ

นับถือด้วยครับ อ่านขาดจริงๆ

:lol: :lol: :lol: :lol:

[ลูกอิสาน]

หุ้นที่เป็นวัฎจักรมีความผันผวนมากจริงๆครับ
หลายท่านอาจจะทราบว่าเมื่อไม่กี่ปีมานี้อย่างหุ้น PSL เคยซื้อขายกันที่ราคา 1.6 บาทหรือ TTA เคยซื้อขายกันที่ราคา 2-3 บาท และโดยเฉพาะวอแรนต์ของ TTA ให้ผลตอบแทนมากกว่าตัวแม่หลายเท่า เงินปันผลแต่ละปีตอนนี้มากกว่าราคาหุ้นเมื่อ 3-4 ปีที่แล้วซะอีก

หากเปรียบเทียบกับราคาตอนนี้กับราคาในอดีต อาจจะทำให้หลายท่านไม่สบายใจที่จะถือ ผมก็จนปัญญาวิเคราะห์หุ้นเหล่านี้ไม่ออกเช่นกัน คือไม่รู้ว่ามูลค่าที่ควรจะเป็นหาอย่างไร ธุรกิจมีความผันผวนจนหาไม่ได้ ต้องเดาเอาแบบคร่าวๆ


ส่วนหุ้นอีกตัวที่เทรดกันที่พีอีสูงมากคือ HMPRO
เมื่อไม่นานมานี้(ไม่เกิน1 ปี)ผมยังซื้อได้ราคาเฉลี่ยประมาณ 3.8 บาท
พีอีตอนนั้นประมาณ 8-9 เท่า ในขณะที่ตอนนี้ราคาตลาด 6.8 บาท ราคาขึ้นมาเกือบ 100% พีอีประมาณ 17.5 เท่า

หุ้นตัวนี้ ดร.นิเวศน์ก็มีอยู่ในพอร์ตเช่นกัน คาดว่าท่านมีต้นทุนที่ต่ำพอสมควร แต่ต่างกับผมตรงที่ ผมขายไปแล้วที่ประมาณเกือบๆ 5 บาท ในขณะที่ท่านดร. น่าจะยังถือหุ้นอยู่และตอนนี้คงมีกำไรมากพอสมควร (นี่เป็นจุดอ่อนที่ถือหุ้นที่ดีในเวลาสั้นเกินไป ) นึกถึงที่ท่านเคยพูดว่า ในแต่ละปีท่านหวังให้หุ้นที่ถือ 1-2 ตัวราคาเพิ่มขึ้นมากๆก็เพียงพอแล้ว ที่จะทำให้ผลตอบแทนพอร์ตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

[Stock Broker]

ผมไม่แน่ใจว่าหุ้นดีจะสามารถเทรดกันที่ ราคาที่สมเหตุสมผลได้หรือไม่ กลัวว่าจะมีของดีราคาโคตรถูกเต็มตลาดไปอีกนานน่ะครับ ยังไงผมก็ไม่ใช่คนเล่นหุ้นเพื่อกินปันผลอยู่แล้ว

ไม่ต้องกลัวครับ หุ้นดีๆ ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้อยู่แล้ว..
ก็ถ้าของมันดีราคาถูกจริงๆ ยังไงเงินมันก็ต้องไหลไปหาที่ๆ ได้ผลตอบแทนดีๆ เสมอแหละครับ (ยิ่งยุค globalization ยิ่งแล้วใหญ่)

[fantasia]

ผมมองว่าเศรษกิจจีนเหมือนรถสิบล้อที่แล่นมาด้วยความเร็วสูง มีโมเมนตัมมาก โอกาสที่จะหยุดชะงักไปเลย คงเป็นไปได้น้อย อย่างมากก็คงชะลอตัวลงนิดหน่อยครับ

แต่ผมกลับมองว่าของอะไรที่ขาขึ้นยิ่งชั้น ขาลงก็ยิ่งชันเท่านั้น
อย่างเช่น กราฟหุ้น, ค่าระวางเรื่อ เป็นต้น

[Viewtiful Investor]

น่าจะใช้ DSM กับ PSL ได้นะครับ เห็นราคาวิ่งขึ้นลงหวาดเสียวน่าดู
น่าเสียดายผมทำม่ายเป็นอ่ะ แถมขืนลองเจ้านายได้ไล่ออกแน่เลย T_T

[ลูกอิสาน]

คนที่ซื้อขาย HMPRO ที่พีอี 17.5 เท่า ไม่รู้ว่าคาดหวังอะไร

คิดคร่าวๆง่ายๆที่สุด

ปีที่แล้วโฮมโปรมี 18 สาขา ยอดขาย 10,000 ล้าน กำไร 380 ล้าน
ภายใน 3-5 ปีจะมี 30 สาขา ตีว่ายอดขาย 20,000 ล้าน กำไร 800 ล้าน
ถึงตอนนั้นพีอีก็ลดลงเหลือ 8-9 เท่า
ผมก็ยังมองว่าพีอีไม่ถูกมากนะ

ไปหาหุ้นตัวอื่นพีอีต่ำๆ และเติบโตดี ก็ยังมีอีกหลายตัว
โฮมโปรเป็นหุ้นที่ดี เมื่อซื้อที่ราคาสมเหตุสมผลเท่านั้น
และการเติบโตของโฮมโปรหลังจากเปิดครบ 30 สาขา
ผมมองว่าหลังจากนั้นคงไม่สามารถเปิดสาขาเพิ่มได้มากอีกแล้ว
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าสินค้าโฮมโปรเป็นสินค้าที่ขายเพื่อสนองตัณหา (ผมก็ซื้อสนองบ่อยนะ :lol: ) ในขณะที่ดิสเค้าสโตร์ขายสินค้าที่สนองความต้องการพื้นฐานการกินอยู่ ซึ่งสำคัญกว่า และน่าจะยังขยายไปได้อีกมาก และการที่โฮมโปรจะขยายมาทำแบบสโตร์ที่ขายสินค้าเฉพาะ ผมมองว่าเป็นการเสี่ยงพอสมควร เพราะเมืองไทยกำลังซื้อและความต้องการสินค้าไม่น่าจะซับซ้อนเหมือนในอเมริกา

มองอย่างนี้ผู้ถือหุ้นโฮมโปรคงไม่ว่ากันนะครับ

[ลูกอิสาน]

psl pe ratio =3.6 time
hmpro pe ratio = 17.5 time

พีอีที่ซื้อขายต่างกันมาก น่าจะสรุปได้ดังนี้ครับ

-ราคาหุ้นเป็นสิ่งที่สะท้อนอนาคต ไม่ใช่ปัจจุบัน ดังนั้นการใช้พีอีในการเลือกซื้อหุ้นควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆประกอบด้วย หุ้นหลายตัวซื้อขายกันที่พีอีต่ำมากๆ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นหุ้นที่น่าซื้อ เพราะหุ้นที่พีอีต่ำ เป็นเพราะตลาดเห็นว่าหุ้นเหล่านั้นสมควรที่จะซื้อขายกันที่พีอีต่ำๆเท่านั้น ในขณะที่หุ้นบางตัวที่มีการเติบโตของธุรกิจและกำไรสูง ตลาดจะซื้อขายกันที่พีอีสูงกว่า

สรุปอีกครั้งว่าหุ้นที่น่าจะให้กำไรสูงสุดคือหุ้นพีอีต่ำ การเติบโตสูง เป็นคำตอบสุดท้าย

[คนขายของ]

คนถือคงไม่ว่าหรอกครับ

แต่คนพึ่งซื้อ นี่ไม่แน่ อาจจะมีค้อนบ้างนะครับ

ข้อความที่ผม PM ไป มีอะไรก็ช่วยเพิ่มเติมด้วยนะครับ

[CK]

สรุปใหม่ว่าหุ้นที่น่าจะให้กำไรสูงสุด คือหุ้นที่ P ตอนนี้เทียบกับ E จริงในหลายๆ ปีข้างหน้าต่ำ

[ลูกอิสาน]

สรุปใหม่ว่าหุ้นที่น่าจะให้กำไรสูงสุด คือหุ้นที่ P ตอนนี้เทียบกับ E จริงในหลายๆ ปีข้างหน้าต่ำ

ถูกต้อง ชัดเจนครับพี่ CK

[ลูกอิสาน]

วันนี้คุณคาลิดออกทีวีรายการทันหุ้น
จับประเด็นที่น่าสนใจได้ดังนี้ครับ

1.เรือใหม่ที่เพิ่งซื้อ 2 ลำ 50 ล้านเหรียญ ส่งมอบกลางเดือนนี้ มีสัญญาติดมาด้วยที่ค่าระวาง 19,000 เหรียญต่อวันต่อลำ สัญญาคงเหลืออีก 6 เดือน ทำให้มีกระแสเงินสดเข้ามาประมาณ 6 ล้านเหรียญ
2.มีนโยบายซื้อเรือใหม่อายุ 10 ปีอีกประมาณ 10 ลำ ทดแทนเรือเก่าที่อายุเกิน 25 ปีประมาณ 10 ลำ
3.ค่าระวางเรือที่ลดลง ไม่จำเป็นเสมอไปว่าจะทำให้บริษัทได้รับค่าระวางลดลง เนื่องจากบริษัทฟิกค่าระวางเรือระยะยาวเอาไว้(ประมาณ 71% ที่ 15,600 เหรียญต่อลำต่อวัน ทำให้ลดผลกระทบจากความผันผวนของค่าระวาง
4.ผลประกอบการไตรมาส 2-3 น่าจะยังดีอยู่ เพราะฟิกค่าระวางเอาไว้แล้ว และคาดหวังว่าค่าระวางจะเริ่มดีดตัวกลับในปลายไตรมาส 3 ไตรมาส 4
5.ไตรมาส 2 จะบันทึกขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 200 ล้านบาท จากหนี้ 4,000 ล้าน แต่ในความเป็นจริงไม่ได้ขาดทุน เป็นแค่วิธีการทางบัญชีที่จะต้องจัดทำงบในรูปเงินบาทเท่านั้น
6.ราคาน้ำมันที่เพิ่ม ไม่มีผลกระทบโดยตรงต่อบริษัท เพราะสามารถผลักภาระไปให้ผู้เช่าได้ แต่ได้รับผลทางอ้อม ในกรณีที่เศรษกิจรวมอาจจะถดถอยลง
เท่าที่จับประเด็นได้เท่านี้ครับ ท่านใดจะเสริมก็เชิญได้ครับ

[โป้ง]

3.ค่าระวางเรือที่ลดลง ไม่จำเป็นเสมอไปว่าจะทำให้บริษัทได้รับค่าระวางลดลง เนื่องจากบริษัทฟิกค่าระวางเรือระยะยาวเอาไว้(ประมาณ 71% ที่ 15,600 เหรียญต่อลำต่อวัน ทำให้ลดผลกระทบจากความผันผวนของค่าระวาง

ไม่เคลียร์ครับ การลดค่าระวางเรือ ย่อมมีผลแน่นอน แม้จะทำสัญญาระยะยาว
แล้วถ้าหมดสัญญาล่ะครับ????

เว้นแต่มองว่า ค่าระวางเรือ จะดีดกลับขึ้นมาอีก

[ลูกอิสาน]

ไม่เคลียร์ครับ การลดค่าระวางเรือ ย่อมมีผลแน่นอน แม้จะทำสัญญาระยะยาว
แล้วถ้าหมดสัญญาล่ะครับ????

เว้นแต่มองว่า ค่าระวางเรือ จะดีดกลับขึ้นมาอีก

ใช่ครับคุณโป้ง เรือส่วนใหญ่ฟิกค่าระวางไว้แล้วที่ค่าเช่าสูงๆ
ดังนั้นการต่อสัญญาครั้งใหม่ ก็ขึ้นอยู่กับค่าระวางเรือในตอนนั้น ซึ่งบริษัทคาดว่าค่าระวางจะเริ่มมีเสถียรภาพ และอาจจะดีดกลับขึ้นมาได้

มีการแสดงกราฟปีทีแล้ว ที่ดัชนีระวางเรือตกไปถึง 25% แต่ค่าเช่าของบริษัทกลับเพิ่มขึ้นสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นผลจากการใช้กลยุทธิ์ ที่เหมาะสมของบริษัท (การฟิกค่าระวางเรือระยะยาว)

[สามัญชน]

:lol: :lol: :lol: :lol:

จับได้น้อยกว่านี้ครับ ฟุตฟิตโฟไฟ ฟังไม่ทันจริงๆ

คุณคาลิด ผมบางลงเยอะนะ หนวดเคราก็ขาวหมดเลย

2.มีนโยบายซื้อเรือใหม่อายุ 10 ปีอีกประมาณ 10 ลำ ทดแทนเรือเก่าที่อายุเกิน 25 ปีประมาณ 10 ลำ

ลองย้อนไปเปิดดู 56-1 PSL มีเรืออายุ25ปีขึ้นไปอยู่ 9.62% น่าจะประมาณ 5 ลำนะ ซื้อเรือช่วงนี้คงเจอราคาแพงหน่อย

แต่เรืออายุ 20-24 ปี มีมากถึง 57.69 % น่าจะประมาณ 30 ลำ ( ใช้ได้อีก 3-7 ปี ) ถ้าซื้อเรือในช่วงขาลงก็คงจะได้ราคาไม่แพงมาก

:lol: :lol: :lol: :lol:

[สามัญชน]

:lol: :lol: :lol: :lol:

ซื้อเรือไปแล้ว 2 ลำ สองพันกว่าล้าน แล้วนโยบายจะจ่ายหนี้ให้หมดในปีนี้ไม่ทราบว่าเปลี่ยนไปหรือยัง

แล้วที่จะซื้อเรืออีก10 ลำ ไม่รู้ว่าเขาจะเริ่มซื้อเมื่อไหร่ครับ

:lol: :lol: :lol: :lol:

[สามัญชน]

:lol: :lol: :lol: :lol:

ปีที่แล้วโฮมโปรมี 18 สาขา ยอดขาย 10,000 ล้าน กำไร 380 ล้าน
ภายใน 3-5 ปีจะมี 30 สาขา ตีว่ายอดขาย 20,000 ล้าน กำไร 800 ล้าน
ถึงตอนนั้นพีอีก็ลดลงเหลือ 8-9 เท่า
ผมก็ยังมองว่าพีอีไม่ถูกมากนะ

คิดเหมือนกันเลยครับ จนบัดนี้ผมเลยยังไม่กล้าซื้อสักที

:lol: :lol: :lol: :lol: