สูตรในการเลือกซื้อหุ้น

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
INDEPENDENT82
Verified User
โพสต์: 292
ผู้ติดตาม: 0

สูตรในการเลือกซื้อหุ้น

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ราคาหุ้นต้องน้อยกว่า หรือเท่ากับ 2/3 ของ (สินทรัพย์หมุนเวียน - หนี้สินทั้งหมด) ของบริษัท
นั่นหมายความว่า ถ้าเอาสินทรัพย์หมุนเวียนซึ่งสามารถขายได้คล่องเปลี่ยนเป็นเงินสด แล้วไปจ่ายชำระหนี้ทั้งหมดของบริษัทแล้ว
ก็จะยังมีเงินสดเหลืออยู่มากเกินกว่าราคาหุ้นที่เราซื้อ นี่ยังไม่ได้นับสินทรัพย์ถาวรอื่นๆเช่น ที่ดินและโรงงาน ซึ่งอาจขายได้ราคาอีก
ถ้าเป็นเช่นนี้ ถือว่าหุ้นตัวนั้นมีราคาถูกและคุ้มค่าที่จะซื้อ เพราะโอกาสที่จะขาดทุนเกิดยากมาก มีความปลอดภัยสูง

คำถาม
1. จากข้อมูลข้างบนผมเอามาจากหนังสือตีแตกของ ดร. นิเวศน์ รบกวนผู้รู้ช่วยยกตัวอย่างการคำนวนจริงๆออกมาเป็น
คำตอบให้เห็นภาพได้ไหมครับ และถ้ามีอะไรอธิบายเพิ่มเติมด้วยก็จะดีครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
rabbitz
Verified User
โพสต์: 61
ผู้ติดตาม: 0

Re: สูตรในการเลือกซื้อหุ้น

โพสต์ที่ 2

โพสต์

เป็นวิธีคิดมูลค่าของเบนจามิน เกรแฮมครับ

วิธีนี้หาบริษัทที่ต่ำกว่ามูลค่ายากมากครับในปัจจุบันนี้
"Stay Hungry Stay Foolish"
ภาพประจำตัวสมาชิก
todsapon
Verified User
โพสต์: 1137
ผู้ติดตาม: 0

Re: สูตรในการเลือกซื้อหุ้น

โพสต์ที่ 3

โพสต์

rabbitz เขียน:เป็นวิธีคิดมูลค่าของเบนจามิน เกรแฮมครับ

วิธีนี้หาบริษัทที่ต่ำกว่ามูลค่ายากมากครับในปัจจุบันนี้
ถึงหาได้ก็ใช่ว่าจะซื้อได้ เพราะถ้าบริษัทนั้นอยู่ในช่วงขาลง กำลังจะล้มละลาย ถ้าซื้อไปอีกมินานหรอกมูลค่าของมันก็จะเหลือศูนย์ เพราะบริษัทได้ล้มละลายออกจากตลาดหลักทรัพย์ไป

การซื้อหุ้นคือการซื้ออนาคต
ผลตอบแทน 15% ต่อปีก็พอ
กำไรเมื่อซื้อ มิใช่กำไรเมื่อขาย
การได้ทำอะไรที่ตนเองชอบและมีปัจจัยสี่พร้อมเพียงคือสุดยอดแห่งความสุข
ขอยืมเงินหน่อยครับ
sipoonya
Verified User
โพสต์: 469
ผู้ติดตาม: 0

Re: สูตรในการเลือกซื้อหุ้น

โพสต์ที่ 4

โพสต์

เบน แกรแฮมใช้วิธีนี้ด้วยก็จริง
แต่ก็ถืออยู่เป็นร้อยตัวเลยนะครับ
น่าจะมากพอที่จะกระจายความเสี่ยงได้
นอกจากนั้นถ้าราคาหุ้นไม่ขึ้นมา
ในช่วงเวลาประมาณสองปี
(จำเวลาไม่ได้แน่นอน)ก็ขายทิ้งนะครับ
Sixth Sense Investor
Belffet
Verified User
โพสต์: 1211
ผู้ติดตาม: 0

Re: สูตรในการเลือกซื้อหุ้น

โพสต์ที่ 5

โพสต์

INDEPENDENT82 เขียน:ราคาหุ้นต้องน้อยกว่า หรือเท่ากับ 2/3 ของ (สินทรัพย์หมุนเวียน - หนี้สินทั้งหมด) ของบริษัท
นั่นหมายความว่า ถ้าเอาสินทรัพย์หมุนเวียนซึ่งสามารถขายได้คล่องเปลี่ยนเป็นเงินสด แล้วไปจ่ายชำระหนี้ทั้งหมดของบริษัทแล้ว
ก็จะยังมีเงินสดเหลืออยู่มากเกินกว่าราคาหุ้นที่เราซื้อ นี่ยังไม่ได้นับสินทรัพย์ถาวรอื่นๆเช่น ที่ดินและโรงงาน ซึ่งอาจขายได้ราคาอีก
ถ้าเป็นเช่นนี้ ถือว่าหุ้นตัวนั้นมีราคาถูกและคุ้มค่าที่จะซื้อ เพราะโอกาสที่จะขาดทุนเกิดยากมาก มีความปลอดภัยสูง

คำถาม
1. จากข้อมูลข้างบนผมเอามาจากหนังสือตีแตกของ ดร. นิเวศน์ รบกวนผู้รู้ช่วยยกตัวอย่างการคำนวนจริงๆออกมาเป็น
คำตอบให้เห็นภาพได้ไหมครับ และถ้ามีอะไรอธิบายเพิ่มเติมด้วยก็จะดีครับ
ผมยกตัวอย่างหุ้น TIW ครับ แต่อธิบายอย่างเดียวคุณ INDEPENDENT82 อาจไม่เห็นภาพจริงๆ ถ้ายังไงคุณ INDEPENDENT82 ลองดูงบดุลรอบปี 2012 ของ TIW นะครับ แล้วตอบคำถามว่า

1. สินทรัพย์หมุนเวียนของ TIW เท่ากับเท่าไหร่?
2. หนี้สินทั้งหมดของ TIW เท่ากับเท่าไหร่?
3. มูลค่าตลาดของ TIW เท่ากับเท่าไหร่ (ณ วันที่ 8 มิ.ย. 55)?
4. คุณ INDEPENDENT82 จะซื้อ TIW ที่ราคานี้หรือไม่? เพราะอะไรครับ?

ลองดูครับ ผมคิดว่าวิธีนี้น่าจะทำให้เห็นภาพได้ชัดกว่านะครับ
charonp
Verified User
โพสต์: 408
ผู้ติดตาม: 0

Re: สูตรในการเลือกซื้อหุ้น

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ขอแจม เป็นความรู้นะครับ

TIW

สินทรัพย์หมุนเวียน = 907.98 mb

หนี้สินทั้งหมด = 109.47 mb

net nets = 907.98 - 109.47 = 798.51 mb

market cap = 600 mb at 06.07.2012

หุ้นจดทะเบียน 6 ล้านหุ้น ดังนั้น 798.51/6 = 133.085 บาทต่อหุ้น

เทียบ ราคาปัจจุบัน วันที่ 09.07.2012 = 102.00 บาท

ดังนั้นมองว่า undervalue = 133.085-102.00/102.00 = 30.475 เปอร์เซ็นต์

ถ้าคิดแบบนี้ถูกรึป่าวครับ
Belffet
Verified User
โพสต์: 1211
ผู้ติดตาม: 0

Re: สูตรในการเลือกซื้อหุ้น

โพสต์ที่ 7

โพสต์

charonp เขียน:ขอแจม เป็นความรู้นะครับ

TIW

สินทรัพย์หมุนเวียน = 907.98 mb

หนี้สินทั้งหมด = 109.47 mb

net nets = 907.98 - 109.47 = 798.51 mb

market cap = 600 mb at 06.07.2012

หุ้นจดทะเบียน 6 ล้านหุ้น ดังนั้น 798.51/6 = 133.085 บาทต่อหุ้น

เทียบ ราคาปัจจุบัน วันที่ 09.07.2012 = 102.00 บาท

ดังนั้นมองว่า undervalue = 133.085-102.00/102.00 = 30.475 เปอร์เซ็นต์

ถ้าคิดแบบนี้ถูกรึป่าวครับ
ออกตัวก่อนว่าผมไม่ได้ตรวจสอบความถูกต้องของตัวเลข ถ้าผิดพลาดต้องขอโทษด้วยครับ แต่ถ้ามองตามเกรแฮมแล้วล่ะก็ การคำนวณแบบนี้ก็ถือว่าถูกต้องตามหลักการหุ้นถูกมากของท่านนะครับ แต่จะมีการเสริมรายละเอียดเข้าไปอีกตรงที่ว่า จะต้องดูคุณภาพของสินทรัพย์หมุนเวียนแต่ละอย่างด้วย

เช่น สินทรัพย์หมุนเวียนที่เป็นเงินสด กับที่เป็นสินค้าคงเหลือ จะมีคุณภาพในการที่จะแปลงเป็นเงินสดไม่เท่ากันครับ

สมมติว่าเราตั้งสมมติฐานว่า สินค้าคงเหลือจะมีมูลค่าเมื่อแปลงเป็นเงินสดเหลือแค่ 50% จากยอดที่แจ้งในงบการเงิน แบบนี้ก็จะทำให้ตัวเลขยอดรวมของสินทรัพย์หมุนเวียนเปลี่ยนไปด้วยครับ

มันเหมือนเป็น Margin of Safety ที่เพิ่มเข้ามาอีกนั่นเองครับ คือคิดเผื่อในแง่ร้ายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

ถ้าคิดแง่ร้ายมากๆแล้ว (ปรับลดสินทรัพย์หมุนเวียนแบบอนุรักษ์นิยมสุดๆ ในขณะที่ไม่ปรับลดหนี้สินทั้งหมดลงเลย) ราคาหุ้นยังคง net-nets แบบนี้แปลว่าหุ้นตัวนี้เรียกได้ลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลส์ลงมาขายจริงๆ

แต่ทีนี้ถ้ามันถูกขนาดนั้นคงต้องย้อนมาคิดในมุมกลับแล้วล่ะครับ ว่าเพราะอะไรราคามันจึงตกต่ำได้ขนาดนั้นกันแน่

ธุรกิจตะวันตกดิน? รอวันตาย? ไม่มีการเติบโตอีกแล้ว? ผู้บริหารแย่? ทุจริต?

พวกนี้ตัวเลขอย่างเดียวบอกไม่ได้หรอกครับ

ขอให้โชคดีนะครับ :)
Broadway Capital
Verified User
โพสต์: 545
ผู้ติดตาม: 0

Re: สูตรในการเลือกซื้อหุ้น

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ไม่เคยใช้วิธีนี้เลยครับเพราะเหมือนเป็นการมองเหรียญแค่ด้านเดียว
ภาพประจำตัวสมาชิก
kongkiti
Verified User
โพสต์: 5830
ผู้ติดตาม: 2

Re: สูตรในการเลือกซื้อหุ้น

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ลองอ่าน Case Study ตอนที่ Warren Buffett ซื้อ Dempster Mill เมื่อปี 1962 ครับ
ซื้อแบบ Graham เลย โดยให้ Valuation Asset ต่างๆ เป็น %
Dempster Valuation.png
ปล. แต่ตอนนั้นเขาซื้อแบบ "Control" คือการ Takeover กิจการนะครับ ถึงได้ Unlock มูลค่า Asset ได้ด้วยตัวเอง
credit : http://csinvesting.wordpress.com/2012/0 ... nborn-map/
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee

FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
โพสต์โพสต์