ศึกชิงเท้า/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
little wing
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 187
ผู้ติดตาม: 0

ศึกชิงเท้า/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

โลกในมุมมองของ Value Investor          16 มิถุนายน 55
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

	สิ่งที่ผมต้องทำในวันหยุดสุดสัปดาห์ก็คือ  อย่างน้อยหนึ่งวันผมจะต้องไป  “จ่ายตลาด”  คือเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่เพื่อหาอาหารมากินในระหว่างสัปดาห์ต่อมา  นอกจากการซื้ออาหารและของใช้ประจำวันแล้ว  ผมก็มักจะถือโอกาสเดินดูและ  “ช็อปปิ้ง” สิ่งที่   “ไม่จำเป็น”  แต่ผมอยากได้  เช่น  หนังสือดี ๆ  หรืออะไรต่าง ๆ  ที่ผมเผอิญพบเข้าในห้างสรรพสินค้าหรือมอลทั้งหลายที่มีอยู่ทั่วกรุงเทพและปริมณฑล  การ “เดินห้าง” นั้นเป็นส่วนหนึ่งของ  “ชีวิต”  ของผม  และผมเชื่อว่าน่าจะเป็นชีวิตของคนในเมืองในประเทศไทยอีกไม่น้อย  เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ  เมืองไทยเป็นเมืองร้อน  จะมีที่ไหนที่ดีไปกว่าห้างติดแอร์ในยามที่คุณต้องการพักผ่อนอย่างสบายในวันหยุด
	ผมมีศูนย์การค้าประจำที่ผมมักจะไปใช้บริการบ่อยเนื่องจากมันสะดวกเพราะอยู่ใกล้บ้านและมี  “ของครบ” ตามที่ผมต้องการ   อย่างไรก็ตาม  ผมก็มักจะไปเยี่ยมเยือน  “มอล” แทบจะทุกแห่งในกรุงเทพและปริมณฑลเพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศเป็นครั้งคราว   และก็แน่นอนว่า   นอกจากจะเป็นเรื่องของความบันเทิงแล้ว  ผมก็มักจะถือเป็นโอกาส  “วิเคราะห์หุ้น”  เพื่อการลงทุนไปด้วย  เพราะผมคิดว่า  ที่ ๆ  คนไปและใช้จ่ายเงินนั้น   เป็นแหล่งสำคัญที่จะเรียนรู้ว่าธุรกิจอะไรจะดีและธุรกิจอะไรจะแย่  เทรนด์ของการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคจะไปทางไหน  นอกจากธุรกิจที่มีห้างร้านอยู่ในมอลแล้ว  ธุรกิจสำคัญอีกธุรกิจหนึ่งก็คือ  ธุรกิจของ  “ศูนย์การค้า” เองด้วยว่าจะเป็นอย่างไร  และนี่ก็คือ  สิ่งที่ผมจะพูดถึงในวันนี้
	ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมานี้   น่าจะเรียกได้ว่าเป็นช่วง  “บูม”  ของศูนย์การค้า  เหตุผลคงเป็นเพราะว่าเศรษฐกิจของไทยได้เติบโตขึ้นมาจนถึงจุดที่คนจำนวนมากมีรายได้มากพอที่จะเดินเข้าห้างร้านสมัยใหม่  นอกจากนั้น  สังคมของเราคงก้าวมาถึงจุดที่การบริโภคจะกลายเป็นตัวนำของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ  ดังนั้น  การเดินเข้าห้างของผู้คนจึงเพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง  ทำให้ห้างร้านเต็มไปด้วยผู้คน  คนที่ทำธุรกิจศูนย์การค้าอยู่เดิมนั้น  สามารถเพิ่มค่าเช่าและทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ  ดังนั้น  พวกเขาก็ขยายห้างไปยังทำเลอื่น ๆ  ซึ่งก็มักจะประสบความสำเร็จอย่างงดงาม  แม้แต่ศูนย์ที่เคย  “เจ๊ง”  ไปแล้ว  ก็สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบร้านค้าย่อยและตัวสินค้าจนสามารถ “กู้” ให้ศูนย์กลับมามีชีวิตชีวาและทำกำไรได้ใหม่   ธุรกิจห้างนั้น  ดูเหมือนว่าจะเป็นธุรกิจที่ดีมาก  เป็นธุรกิจ  “ดารา” ที่ทำเงินดีและมีความเสี่ยง  “ต่ำ”  และนี่ทำให้มีผู้เล่นหน้าใหม่เข้าวงการกันมากมาย  ห้างใหม่ ๆ  ที่เปิดขึ้นมานั้น  ทั้ง ๆ  ที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน  ก็ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน  และนี่ก็ดึงดูดห้างใหม่จากผู้เล่นรายเดิมและผู้เล่นรายใหม่เข้ามาอีก   ศึก  “ชิงเท้า”  กำลังเกิดขึ้นแล้ว!
	ไม่ว่าจะเป็นห้างประเภทไหน  การเปิดขึ้นมาใหม่นั้นก็จำเป็นที่จะต้องหาคนมาเดิน-และซื้อสินค้าหรือบริการ  คนที่เข้ามาใช้บริการนั้นหลัก ๆ  ก็คือคนที่อาศัยหรือทำงานอยู่ในบริเวณนั้นและน่าจะมีสองกลุ่มคือ  กลุ่มแรกเป็นกลุ่มคนที่ยังไม่ใคร่เข้าหรือเดินห้างเนื่องจากอาจจะอยู่ห่างจากห้างสมัยใหม่และรายได้ยังไม่สูงนัก  และกลุ่มที่สองคือคนที่เดินห้างอื่น ๆ  อยู่แล้ว  ในความคิดของผมก็คือ  ลูกค้าหลักที่จะมาเดินห้างใหม่นี้คือกลุ่มที่สอง   ประเด็นสำคัญก็คือ  จำนวนคน-หรือเท้าของคนกลุ่มที่สองนั้น   ไม่น่าจะเดินห้างมากขึ้นนักหรือเดินห้างเท่าเดิม   ดังนั้น  เขาก็จะลดการเดินในห้างเดิมเพื่อมาเดินในห้างใหม่  ผลก็คือ  ห้างเดิมก็น่าจะมีคนเดินน้อยลงจากการเปิดห้างใหม่
	ภาพของการแข่งขันของห้างหรือศูนย์การค้านั้น  ไม่ใช่แค่ว่าต้องเป็นศูนย์การค้าประเภทเดียวกันถึงจะแข่งขันกัน  ห้างอะไรก็ตามที่ดึงดูดผู้บริโภคสมัยใหม่ให้มาใช้บริการผมคิดว่ามันแข่งขันกันหมด  ตัวอย่างเช่น  คอมมูนิตี้มอลนั้นก็สามารถดึงดูดให้คนที่อยู่ใกล้ ๆ  มากินอาหารหรือซื้อของเล็ก ๆ  น้อย ๆ  ซึ่งทำให้คนที่มาลดการไปศูนย์การค้าใหญ่ ๆ  ที่เป็นมอลลง   เช่นเดียวกัน  เม็กกะมอลเองก็อาจจะดึงดูดคนที่ใช้บริการห้างในเมืองในกรณีที่เขาต้องการซื้อสินค้าชิ้นใหญ่หรือมากรายการในบางครั้ง  ดังนั้น  ในสงคราม  “ศึกชิงเท้า”  นี้  จึงไม่น่าที่จะมีห้างที่ไม่ถูกกระทบ
	ห้างที่มีฐานเดิมแน่นหนานั้น  น่าจะสามารถรักษา “เท้า” ของตนเองไว้ได้พอสมควรเนื่องจากความสามารถและชื่อเสียงที่มีมานาน  อย่างไรก็ตาม  การที่จะเติบโตและทำกำไรได้เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นอย่างที่เป็นก่อนสงครามจะเริ่มนั้น  ผมคิดว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย  จริงอยู่  กำไรอาจจะเพิ่มเนื่องจากการขยายสาขาออกไปมาก  แต่กำไรที่ได้มานั้น  เกิดขึ้นจากการที่ต้องลงทุนไปมากซึ่งทำให้มันเป็นกำไรที่มีคุณภาพไม่สูง   แต่กำไรคุณภาพสูง  ที่จะเพิ่มขึ้นเนื่องจากการเพิ่มราคาค่าเช่าพื้นที่ในห้างนั้น  อาจจะไม่ได้เป็นไปตามคาดหากจำนวน “เท้า” ของคนเข้าห้างไม่ได้เพิ่มขึ้น
ส่วนห้างใหม่ ๆ  ของผู้เล่นใหม่ ๆ  หรือผู้เล่นที่ไม่ได้เป็นผู้นำในธุรกิจนั้น   ผมคิดว่า  อาจจะอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สดใสนักโดยเฉพาะห้างที่ไม่ได้มีทำเล หรือมี  “แม่เหล็ก”  ที่โดดเด่นจริง ๆ   จริงอยู่  ในช่วงที่เปิดห้างใหม่ ๆ  นั้น  เราอาจจะยังไม่เห็นปัญหาชัดเนื่องจากคนอาจจะยัง  “เห่อ”  กับห้างใหม่   ผู้เช่าเองนั้น  บางทีอาจจะยังต้องประคองตัวในช่วงแรกแม้ว่าจะขายสินค้าไม่ได้ดี  แต่เมื่อเวลาผ่านไปและพบว่าห้างไม่ใคร่ประสบความสำเร็จ  นั่นก็จะเป็นเวลาที่จะเห็นว่าในศึกหรือสงครามครั้งนี้  ใครชนะและใครแพ้  แต่ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็อาจจะเป็นไปได้ว่า  เสียหายหรือเจ็บกันหมด
	ปัญหาของธุรกิจศูนย์การค้าก็คือ  มันเป็นธุรกิจที่ไม่มี  Barrier to Entry นั่นก็คือ เป็นธุรกิจที่ทุกคนสามารถเข้ามาเล่นได้  มันเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีปัจจัยของความสำเร็จที่สำคัญที่สุดคือ  ทำเล  ทำเล  และทำเล  ซึ่งไม่มีใครสามารถยึดได้คนเดียว  และคนจำนวนมากสามารถที่จะมีทำเลที่  “สุดยอด” ได้  ดังนั้น  คนจำนวนไม่น้อยจึงเข้ามาแข่งในธุรกิจได้โดยเฉพาะคนที่มีที่ดินในทำเลที่ดีและเป็นคนที่มีเงินมากพอที่จะทำ  ซึ่งก็บังเอิญมักจะเป็นคนเดียวกันเนื่องจากคนมีเงินมักจะเก็บที่ดินไว้เป็นสมบัติด้วย  เช่นเดียวกัน  บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่ขายบ้านและคอนโดมิเนียมบางแห่งเองนั้น   เมื่อเห็นว่าธุรกิจทำศูนย์การค้าทำกำไรได้งดงาม   แถมเป็นรายได้ที่สม่ำเสมอซึ่งจะทำให้หุ้นของบริษัทมีค่ามากขึ้น  ก็เข้ามาทำธุรกิจศูนย์การค้าเป็นรายได้เสริมด้วย  กลุ่มต่าง ๆ  เหล่านี้  แม้ว่าจะไม่ใช่  “มืออาชีพ”  จริง ๆ  ในธุรกิจทำศูนย์การค้าและคงไม่สามารถ  “ทำลาย”  ผู้นำในวงการได้   แต่ในบางช่วงบางตอนที่พวกเขาเข้ามามาก ๆ  และรวดเร็วอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงนี้  ก็น่าจะทำให้ทุกคน  “เหนื่อย”  ได้เหมือนกัน
	ตลาดของศูนย์การค้าที่พอจะยังเติบโตหรือยังมี “เท้า”  ของคนที่ยังไม่ได้เข้าห้างมากนักก็คือตลาดในหัวเมืองในต่างจังหวัด  อย่างไรก็ตาม  ประเด็นชี้ขาดก็คือ  กำลังซื้อของคนในจังหวัดนั้นเพียงพอที่จะ  “เข้าห้าง”  มากน้อยแค่ไหน  ประเด็นก็คือ  ห้างจะต้องมีตำแหน่งทางการตลาดที่เหมาะสมกับรายได้ของผู้คนในท้องถิ่น  มิฉะนั้น  ศูนย์การค้านั้นก็อาจจะไม่ประสบความสำเร็จ  และทั้งหมดนั้นก็คือ  ภาพของธุรกิจศูนย์การค้าที่ดูเหมือนว่าจะดีและบูมมาก   แต่ก็ดูเหมือนว่าจะมีคนเข้ามาแข่งขันกันมากมายจนกำลังจะกลายเป็น “สงคราม”  ที่ทุกคนเสียหายกันหมด

pipatc
Verified User
โพสต์: 5826
ผู้ติดตาม: 0

Re: ศึกชิงเท้า/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ขอบพระคุณในแง่คิด ดี ๆ ครับ
เกล้า
Verified User
โพสต์: 1165
ผู้ติดตาม: 0

Re: ศึกชิงเท้า/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 3

โพสต์

โอ้วครั้งที่ผ่านมาไม่นาน..เกิดศึกชิงตา..
ก็มา ศึกชิงเท้ากันอีก..ขอบพระคุณสำหรับบทความ ครับ :D
ควรทุ่มเทเจริญให้มาก..ในงานที่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง..
bennn
Verified User
โพสต์: 412
ผู้ติดตาม: 0

Re: ศึกชิงเท้า/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ขอบคุณครับ
ธุรกิจนี้ location ตัวแปรหลักเลยครับ
แต่ถ้าวาง position กับบริหารจัดการ ถ้าทำไม่ดีก็เจ๊งครับ
ใจกลางเมืองก็มีมาแล้ว

คอมมิวนิตี้มอล บางที่เริ่มแย่แล้วครับ
มีคนเยอะเฉพาะตอนเปิดใหม่ๆ
ผมว่ามองตอนห้างเปิดใหม่ๆมักจะวิเคราะห์อะไรได้ไม่ค่อยตรงนะครับ คนเห่อกัน
บางที่พอบูม คนไปถ่ายรูปกันเยอะช่วง 2 เดือนแรก
ภาพประจำตัวสมาชิก
xavi
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 123
ผู้ติดตาม: 0

Re: ศึกชิงเท้า/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 5

โพสต์

ผมมองปัญหาของ Community Mall ที่เกิดขึ้น ณ เวลานี้ว่าเป็นเรื่อง "ราคา" สินค้าเป็นหลัก

เพราะหลักการของ Community นั้น ลักษณะโดยทั่วไปจะมีพื้นที่เล็กกว่าห้างใหญ่ๆ ต้องการจับตลาดของกลุ่มคนในละแวกใกล้ๆนั้น ให้มาใช้จ่ายใช้สอยให้มากหรือบ่อยครั้งที่สุด หรือคิดง่ายๆก็เหมือนกับเป็น "ตลาดประจำชุมชน" แถวๆนั้น

แต่โครงสร้างค่าเช่าพื้นที่นั้นถูกคำนวนมาไม่ต่างจากร้านค้าในห้างสักเท่าไร ทำให้ร้านค้าที่มาเช่นนั้นตั้งราคาต่ำๆไม่ได้ เราก็เลยเห็นแต่ร้านพวก Wine, Hob, ร้านอาหารญี่ปุ่น, เกาหลี ใน Community เต็มไปหมด แต่ค่าใช้จ่ายต่อหัวของการกินนั้นค่อนข้างสูง (ผมคิดว่าน่าจะ 300 บาทเป็นต้นไปครับ) คนทั่วๆไปก็เลยไปกินบ่อยๆไม่ได้ ต้องรอให้เป็นช่วงพิเศษ เช่น ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ หรือปลายเดือน ถึงจะพอไปใช้จ่ายไหว :wall: ดังนั้นส่วนใหญ่จะเห็นเลยว่าวันธรรมดา โดยเฉพาะในช่วงเช้าหรือบ่ายนี่พวก Community Mall ถ้าทำเลไม่ดีจริง หรือ Concept ออกแบบไม่ดีจริง ร้านค้านั่งเหงาตบยุงกันหลายที่ครับ

ครั้นจะหาบริการอย่าง Bank เพื่อเป็นแม่เหล็กให้คนมาใช้บริการมาลง ในตอนนี้ก็ยากเพราะส่วนใหญ่ในพื้นที่ใกล้เคียงก็จะมีสาขา Stand Alone ออกมาอยู่แล้ว หรือไม่ก็ลงห้างไปแล้ว หรือหากมอง Super Market ส่วนใหญ่พวกนี้ก็ไม่รอ Community เช่นเดียวกัน พวก Big C, Tesco ขนาดสัก 300-1,000 ตร.ม. ช่วงหลังก็เริ่ม Stand Alone เยอะ

ผมคิดว่าถ้าจะทำ Community จริงๆ ให้คนเข้าเยอะ และ ร้านค้าอยู่ได้ ต้องเป็นลักษณะเหมือนกับเป็น "ตลาดประจำชุมชน" แต่ต้อง "สะอาด สะดวก และ ราคาไม่แพง" :mrgreen: ครับ หลักการก็คงเหมือนกับที่ CPALL หรือ BIGC เข้าไปตีร้านโชว์ห่วยนั่นเอง แต่เปลี่ยน Scale เป็น ไปชนกับตลาดในชุมชนแทน น่าจะเข้าทางกว่าเยอะ ไม่ต้องไปแข่งกับห้างใหญ่ๆโดยตรงครับ
OPC
Verified User
โพสต์: 87
ผู้ติดตาม: 0

Re: ศึกชิงเท้า/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 6

โพสต์

xavi เขียน:ผมมองปัญหาของ Community Mall ที่เกิดขึ้น ณ เวลานี้ว่าเป็นเรื่อง "ราคา" สินค้าเป็นหลัก

เพราะหลักการของ Community นั้น ลักษณะโดยทั่วไปจะมีพื้นที่เล็กกว่าห้างใหญ่ๆ ต้องการจับตลาดของกลุ่มคนในละแวกใกล้ๆนั้น ให้มาใช้จ่ายใช้สอยให้มากหรือบ่อยครั้งที่สุด หรือคิดง่ายๆก็เหมือนกับเป็น "ตลาดประจำชุมชน" แถวๆนั้น

แต่โครงสร้างค่าเช่าพื้นที่นั้นถูกคำนวนมาไม่ต่างจากร้านค้าในห้างสักเท่าไร ทำให้ร้านค้าที่มาเช่นนั้นตั้งราคาต่ำๆไม่ได้ เราก็เลยเห็นแต่ร้านพวก Wine, Hob, ร้านอาหารญี่ปุ่น, เกาหลี ใน Community เต็มไปหมด แต่ค่าใช้จ่ายต่อหัวของการกินนั้นค่อนข้างสูง (ผมคิดว่าน่าจะ 300 บาทเป็นต้นไปครับ) คนทั่วๆไปก็เลยไปกินบ่อยๆไม่ได้ ต้องรอให้เป็นช่วงพิเศษ เช่น ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ หรือปลายเดือน ถึงจะพอไปใช้จ่ายไหว :wall: ดังนั้นส่วนใหญ่จะเห็นเลยว่าวันธรรมดา โดยเฉพาะในช่วงเช้าหรือบ่ายนี่พวก Community Mall ถ้าทำเลไม่ดีจริง หรือ Concept ออกแบบไม่ดีจริง ร้านค้านั่งเหงาตบยุงกันหลายที่ครับ

ครั้นจะหาบริการอย่าง Bank เพื่อเป็นแม่เหล็กให้คนมาใช้บริการมาลง ในตอนนี้ก็ยากเพราะส่วนใหญ่ในพื้นที่ใกล้เคียงก็จะมีสาขา Stand Alone ออกมาอยู่แล้ว หรือไม่ก็ลงห้างไปแล้ว หรือหากมอง Super Market ส่วนใหญ่พวกนี้ก็ไม่รอ Community เช่นเดียวกัน พวก Big C, Tesco ขนาดสัก 300-1,000 ตร.ม. ช่วงหลังก็เริ่ม Stand Alone เยอะ

ผมคิดว่าถ้าจะทำ Community จริงๆ ให้คนเข้าเยอะ และ ร้านค้าอยู่ได้ ต้องเป็นลักษณะเหมือนกับเป็น "ตลาดประจำชุมชน" แต่ต้อง "สะอาด สะดวก และ ราคาไม่แพง" :mrgreen: ครับ หลักการก็คงเหมือนกับที่ CPALL หรือ BIGC เข้าไปตีร้านโชว์ห่วยนั่นเอง แต่เปลี่ยน Scale เป็น ไปชนกับตลาดในชุมชนแทน น่าจะเข้าทางกว่าเยอะ ไม่ต้องไปแข่งกับห้างใหญ่ๆโดยตรงครับ
วิเคราห์ขาดเลยครับ ผมเห็นภาพหมดเลยครับ!!!
ภาพประจำตัวสมาชิก
romee
Verified User
โพสต์: 1850
ผู้ติดตาม: 0

Re: ศึกชิงเท้า/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ยุคนึง ห้างเยอะกว่านี้อีกนิครับ

ที่หายๆไปหรือแทบจะเกลี้ยง ก็บิ๊กคิง อิมพีเรียลเวิร์ล พาต้า(เกือบหายหมด)
ในกทม. โรบินสันก็หายไปเยอะ

จำได้เมื่อก่อนห้างนี้แหละ รวมทุกอย่างไว้หมด ทั้งโรงหนัง สวนสนุก โบลิ่ง สเกต เกะ อาหาร ดูคอนเสิร์ต เหล่หญิง ตู้เกม เรียนพิเศษ :B

แต่เดี๋ยวนี้มีแบบแยกออกไป เป็นแต่ละด้านเลยนิ
You only live once, but if you do it right, once is enough.
ภาพประจำตัวสมาชิก
chukieat30
Verified User
โพสต์: 3531
ผู้ติดตาม: 0

Re: ศึกชิงเท้า/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ขอบคุณในมุมมองท่านอาจารย์ ดร นิเวศน์ ครับ
ถ้าคุณตีลูกตามไทเกอร์ คุณก้ไม่มีทางจะเหนือกว่า ไทเกอร์ จงนำวงสวิงของไทเกอร์มาปรับใช้ให้เหมาะกับคุณ

หวิ่งชุนหวอซาน หวิ่งชุนยิปมันจีทคุดโด้ พื้นฐานก้มาจากหวิ่งชุน แม้ชื่อจะต่าง
แต่หวิ่งชุนก้คือ หวิ่งชุน
ทำวันนี้ให้ดี ทำพรุ่งนี้ให้ดีกว่า และทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด
BHT
Verified User
โพสต์: 1822
ผู้ติดตาม: 0

Re: ศึกชิงเท้า/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 9

โพสต์

เห็นด้วยเลยครับ ทำห้างแบบคอมมูนิตี้ แต่เก็บค่าเช่าแบบห้างติดแอร์ไฮโซ แล้วก็ขายของแบบแพงๆ ชาวบ้านไหนจะมาเดิน ถ้ามีพวกโลตัส บิ๊กซี อยู่ในนั้นด้วย ก็ขายพวกนี้ได้อย่างเดียวแหละครับ ผมก็ไปมาหลายที่ ดูแล้วคงนานๆไปสักครั้ง ไม่เหมือนห้างสรรพสินค้าติดแอร์ เพราะมีทุกอย่างไปทำธุรกรรมทุกอย่างได้ในที่เดียว
ภาพประจำตัวสมาชิก
Linzhi
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1464
ผู้ติดตาม: 1

Re: ศึกชิงเท้า/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 10

โพสต์

หลังๆ ผมก็เริ่มเห็นว่า คนมาเช่าห้าง เริ่มได้ประโยชน์มากกว่าคนให้่เช่า
เหมือนเราจะเลือก platform หรือ content provider :mrgreen:
ก้าวช้า ๆ และเชื่อในปาฎิหารย์ของหุ้นเปลี่ยนชีวิต
There is no secret ingredient. It's just you.
ภาพประจำตัวสมาชิก
MO101
Verified User
โพสต์: 3226
ผู้ติดตาม: 0

Re: ศึกชิงเท้า/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 11

โพสต์

สงสัยเดือนหน้า คงมีศึกชิงใจ :D
prajuvb
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 456
ผู้ติดตาม: 0

Re: ศึกชิงเท้า/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 12

โพสต์

อจ.นิเวศน์มีพรสวรรค์2อย่างครับคือ
1.เรื่องหุ้น และ
2.การประพันธ์
สังเกตุจากการคิด"คำ"ใหม่ๆโดนใจและการขมวดเรื่องให้จบลงแบบสวยงามทุกครั้ง
แบบเดียวกับหม่อมคึกฤทธิและกิมย้ง
teevalue
Verified User
โพสต์: 355
ผู้ติดตาม: 0

Re: ศึกชิงเท้า/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 13

โพสต์

ขอบคุณครับอาจารย์และคนโพสด้วยนะครับ
gripen
Verified User
โพสต์: 276
ผู้ติดตาม: 0

Re: ศึกชิงเท้า/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 14

โพสต์

:shock:
ปล่อยให้เงินทำงาน...$$$
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 0

Re: ศึกชิงเท้า/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 15

โพสต์

ขอบคุณมากๆครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
kongkiti
Verified User
โพสต์: 5830
ผู้ติดตาม: 2

Re: ศึกชิงเท้า/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ขอบคุณ อ. และคุณ little wing ครับ
เมื่อวันเสาร์ ไปเดิน Fashion Island คนเยอะมาก โดยเฉพาะใน Home Pro (แถวนั้นคนรวยเริ่มอยู่เยอะ สงสัยซื้อของขึ้นบ้านใหม่ แต่ผมไม่ได้อยู่แถวนั้นนะครับ ยังไม่รวย ;p)
ส่วนห้าง Promenade ข้างๆ แอบเงียบนิดนึง

และศึกนี้ดูเหมือนผู้ที่ได้ประโยชน์ที่สุดคือ Content Provider เหมือนที่คุณ Linzhi comment ไว้นะครับ
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee

FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
anonyme
Verified User
โพสต์: 135
ผู้ติดตาม: 0

Re: ศึกชิงเท้า/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

โพสต์ที่ 17

โพสต์

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ครับ
โพสต์โพสต์