
คุณเคยถือหุ้นจนราคาเพิ่ม ๑ เด้งกี่ตัวและถือจนเจ๊งมากี่ตัว ?
- murder_doll
- Verified User
- โพสต์: 1608
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณเคยถือหุ้นจนราคาเพิ่ม ๑ เด้งกี่ตัวและถือจนเจ๊งมากี่ตั
โพสต์ที่ 61
Hmpro ของเรามีแค่ตัวเดียวเอง 

เงินทองเป็นของมายา
ข้าวปลาคือของจริง
ข้าวปลาคือของจริง
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณเคยถือหุ้นจนราคาเพิ่ม ๑ เด้งกี่ตัวและถือจนเจ๊งมากี่ตั
โพสต์ที่ 64
พวกตระกูลเด้งทั้งหลายทั้งแหล่
UEC (อันนี้เด้งแรกของชีวิต)
BOL
IFEC
SCNYL(ปัจจุบันเป็นSCBLIF)
BLA (IPO)
TCC
NIPPON
ARIP (IPO และเป็นหุ้นที่ได้เด้งเร็วที่สุด แค่ วันแรกของการเข้าซื้อขาย)
เฉลี่ยปีละ 1 ตัว
UEC (อันนี้เด้งแรกของชีวิต)
BOL
IFEC
SCNYL(ปัจจุบันเป็นSCBLIF)
BLA (IPO)
TCC
NIPPON
ARIP (IPO และเป็นหุ้นที่ได้เด้งเร็วที่สุด แค่ วันแรกของการเข้าซื้อขาย)
เฉลี่ยปีละ 1 ตัว

- TBJTBT
- Verified User
- โพสต์: 404
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณเคยถือหุ้นจนราคาเพิ่ม ๑ เด้งกี่ตัวและถือจนเจ๊งมากี่ตั
โพสต์ที่ 66
พวกที่ได้เกิน 1 เด้ง (ไม่นับปันผล)
GFPT : เริ่มซื้อ 31 บาทก่อนแตกพาร์
CPF : เริ่มซื้อ 9.55 บาท ซื้อเฉลี่ยไปเรื่อยๆ ตอนราคาปรับฐาน
MODERN : เริ่มซื้อ 26 บาทก่อนแตกพาร์ ตัวนี้แค่ปันผลก็จุใจแล้ว
CPN เริ่มซื้อ 23 บาท ซื้อเฉลี่ยไปเรื่อยๆ ตอนราคาปรับฐาน
SINGER : เริ่มซื้อ 4-6 บาท ซื้อเฉลี่ยอีกครั้ง ตอนราคาปรับฐานครั้งใหญ่ (พอซื้อเฉลี่ยไ้ปเลยทำให้ไม่ถึงเด้งแล้ว)
กลุ่มที่เจ๊งสนิทใจ
BNP Paribas : ธนาคารยักษ์ใหญ่แห่งฝรั่งเศส ซื้อเพราะใช้สิทธิพนักงาน(บริษัทลูก) ได้ส่วนลดพอควร
ใครก็บอกว่าดีๆ แจ๋วๆ สุดยอด พี่ๆที่ทำงาน รวมถึงหัวหน้าบอก มีเท่าไหร่ให้ใส่ให้หมด
เราก็จัดไปก่อนซับไพรม์หลายปีอยู่ ราคาหุ้นเกิน 80 ยูโร ที่อัตราแลกเปลี่ยนเกือบๆ 50 บาท
ตอนนั้นอย่ามาถามนะว่า PE BV EPS Yield คืออะไร ผมไม่รู้ทั้งนั้น 555
หลังจากโดนแฮมเบอเกอร์เข้าไป ยังไม่ทันฟื้นเท่าไหร่เลย โดนกรีซกระหน่ำเข้าไปอีก
ตอนนี้ราคาหุ้นเหลือไม่ถึง 30 ยูโร อัตราแลกเปลี่ยน 38-41 บาท (ขาดทุน 2 ต่อ)
ช่วงที่ราคาดิ่งสุดๆนี่คิดเป็นเงินไทยแล้ว ลบ > 90% เห็นครั้งแรกลมแทบใส่ 555
ยังไม่ขาย เก็บไว้ดูเล่นๆ ตอนนี้ชิวมากๆ
ประสบการณ์ครั้งนี้สอนให้รู้ว่า
อย่าลงทุนในที่ทำในสิ่งที่เราไม่รู้ ไม่มีความเชี่ยวชาญ
อย่าลงทุนเพียงเพราะเขาบอกกันต่อๆมาว่า ดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ (หุ้นพรายกระซิบ)
อย่าลงทุนแล้วถือหุ้นไว้เฉยๆ ติดตามผลงานมันบ้าง 1-2 ไตรมาสต่อครั้งก็๋ยังดี
และที่สำคัญ ฝึกจิตใจผมได้ดีพอสมควรเลยทีเดียวในครั้งนี้
กลุ่มที่ซื้อแล้วขาดทุน (ไม่ถึงกับเจ๊ง)
CIMBT : ลองเล่นหุ้นปั่นดู วันเดียว หายไป 30% โชคดีที่เล่นไม่เยอะ จำไว้เป็นบทเรียน
PTTEP : ซื้อสมัยยังไม่ค่อยอะไรกับการลงทุนแบบเน้นคุณค่ามากนัก ซื้อแล้วราคาก็ลง
แล้วเราก็ไปซื้อเฉลี่ยเพิ่ม ราคาก็ยังลงต่อ นานวันเข้าก็ถอดใจ ขายออกมา
หลังจากนั้นราคาวิ่งกระจุยกระจาย ครบสูตรแมงเม่า
TNH : ซื้อตามเซียนสมันนั้น (ไม่โทษใครทั้งนั้น) พองบไตรมาสถัดไปออกมาไม่ดีอย่างที่คิด ราคาค่อยๆย่อลง
ซื้อเฉลี่ยเข้าไปอีก งบไตรมาสถัดไปไม่ดีอีก เลยยอมขายขาดทุนออกมา
TGCI : มองเป็นหุ้นกลับตัว แต่ซื้อช้าเกินไป มัวแต่มองไป มองมา พอซื้อแล้ว EPS ก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับพบตัวอื่นที่มั่นใจมากกว่าเลยขายออกไปซื้อตัวนั้นๆ
GFPT : เริ่มซื้อ 31 บาทก่อนแตกพาร์
CPF : เริ่มซื้อ 9.55 บาท ซื้อเฉลี่ยไปเรื่อยๆ ตอนราคาปรับฐาน
MODERN : เริ่มซื้อ 26 บาทก่อนแตกพาร์ ตัวนี้แค่ปันผลก็จุใจแล้ว
CPN เริ่มซื้อ 23 บาท ซื้อเฉลี่ยไปเรื่อยๆ ตอนราคาปรับฐาน
SINGER : เริ่มซื้อ 4-6 บาท ซื้อเฉลี่ยอีกครั้ง ตอนราคาปรับฐานครั้งใหญ่ (พอซื้อเฉลี่ยไ้ปเลยทำให้ไม่ถึงเด้งแล้ว)
กลุ่มที่เจ๊งสนิทใจ
BNP Paribas : ธนาคารยักษ์ใหญ่แห่งฝรั่งเศส ซื้อเพราะใช้สิทธิพนักงาน(บริษัทลูก) ได้ส่วนลดพอควร
ใครก็บอกว่าดีๆ แจ๋วๆ สุดยอด พี่ๆที่ทำงาน รวมถึงหัวหน้าบอก มีเท่าไหร่ให้ใส่ให้หมด
เราก็จัดไปก่อนซับไพรม์หลายปีอยู่ ราคาหุ้นเกิน 80 ยูโร ที่อัตราแลกเปลี่ยนเกือบๆ 50 บาท
ตอนนั้นอย่ามาถามนะว่า PE BV EPS Yield คืออะไร ผมไม่รู้ทั้งนั้น 555

หลังจากโดนแฮมเบอเกอร์เข้าไป ยังไม่ทันฟื้นเท่าไหร่เลย โดนกรีซกระหน่ำเข้าไปอีก
ตอนนี้ราคาหุ้นเหลือไม่ถึง 30 ยูโร อัตราแลกเปลี่ยน 38-41 บาท (ขาดทุน 2 ต่อ)
ช่วงที่ราคาดิ่งสุดๆนี่คิดเป็นเงินไทยแล้ว ลบ > 90% เห็นครั้งแรกลมแทบใส่ 555
ยังไม่ขาย เก็บไว้ดูเล่นๆ ตอนนี้ชิวมากๆ

ประสบการณ์ครั้งนี้สอนให้รู้ว่า
อย่าลงทุนในที่ทำในสิ่งที่เราไม่รู้ ไม่มีความเชี่ยวชาญ
อย่าลงทุนเพียงเพราะเขาบอกกันต่อๆมาว่า ดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ (หุ้นพรายกระซิบ)
อย่าลงทุนแล้วถือหุ้นไว้เฉยๆ ติดตามผลงานมันบ้าง 1-2 ไตรมาสต่อครั้งก็๋ยังดี
และที่สำคัญ ฝึกจิตใจผมได้ดีพอสมควรเลยทีเดียวในครั้งนี้
กลุ่มที่ซื้อแล้วขาดทุน (ไม่ถึงกับเจ๊ง)
CIMBT : ลองเล่นหุ้นปั่นดู วันเดียว หายไป 30% โชคดีที่เล่นไม่เยอะ จำไว้เป็นบทเรียน
PTTEP : ซื้อสมัยยังไม่ค่อยอะไรกับการลงทุนแบบเน้นคุณค่ามากนัก ซื้อแล้วราคาก็ลง
แล้วเราก็ไปซื้อเฉลี่ยเพิ่ม ราคาก็ยังลงต่อ นานวันเข้าก็ถอดใจ ขายออกมา
หลังจากนั้นราคาวิ่งกระจุยกระจาย ครบสูตรแมงเม่า
TNH : ซื้อตามเซียนสมันนั้น (ไม่โทษใครทั้งนั้น) พองบไตรมาสถัดไปออกมาไม่ดีอย่างที่คิด ราคาค่อยๆย่อลง
ซื้อเฉลี่ยเข้าไปอีก งบไตรมาสถัดไปไม่ดีอีก เลยยอมขายขาดทุนออกมา
TGCI : มองเป็นหุ้นกลับตัว แต่ซื้อช้าเกินไป มัวแต่มองไป มองมา พอซื้อแล้ว EPS ก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับพบตัวอื่นที่มั่นใจมากกว่าเลยขายออกไปซื้อตัวนั้นๆ
- TBJTBT
- Verified User
- โพสต์: 404
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณเคยถือหุ้นจนราคาเพิ่ม ๑ เด้งกี่ตัวและถือจนเจ๊งมากี่ตั
โพสต์ที่ 67
ตัวบรรจงเต็มบรรทัด เขียน:พวกที่ได้เกิน 1 เด้ง (ไม่นับปันผล)
GFPT : เริ่มซื้อ 31 บาทก่อนแตกพาร์
CPF : เริ่มซื้อ 9.55 บาท ซื้อเฉลี่ยไปเรื่อยๆ ตอนราคาปรับฐาน
MODERN : เริ่มซื้อ 26 บาทก่อนแตกพาร์ ตัวนี้แค่ปันผลก็จุใจแล้ว
CPN เริ่มซื้อ 23 บาท ซื้อเฉลี่ยไปเรื่อยๆ ตอนราคาปรับฐาน
SINGER : เริ่มซื้อ 4-6 บาท ซื้อเฉลี่ยอีกครั้ง ตอนราคาปรับฐานครั้งใหญ่ (พอซื้อเฉลี่ยไ้ปเลยทำให้ไม่ถึงเด้งแล้ว)
กลุ่มที่เจ๊งสนิทใจ
BNP Paribas : ธนาคารยักษ์ใหญ่แห่งฝรั่งเศส ซื้อเพราะใช้สิทธิพนักงาน(บริษัทลูก) ได้ส่วนลดพอควร
ใครก็บอกว่าดีๆ แจ๋วๆ สุดยอด พี่ๆที่ทำงาน รวมถึงหัวหน้าบอก มีเท่าไหร่ให้ใส่ให้หมด
เราก็จัดไปก่อนซับไพรม์หลายปีอยู่ ราคาหุ้นเกิน 80 ยูโร ที่อัตราแลกเปลี่ยนเกือบๆ 50 บาท
ตอนนั้นอย่ามาถามนะว่า PE BV EPS Yield คืออะไร ผมไม่รู้ทั้งนั้น 555![]()
หลังจากโดนแฮมเบอเกอร์เข้าไป ยังไม่ทันฟื้นเท่าไหร่เลย โดนกรีซกระหน่ำเข้าไปอีก
ตอนนี้ราคาหุ้นเหลือไม่ถึง 30 ยูโร อัตราแลกเปลี่ยน 38-41 บาท (ขาดทุน 2 ต่อ)
ช่วงที่ราคาดิ่งสุดๆนี่คิดเป็นเงินไทยแล้ว ลบ > 90% เห็นครั้งแรกลมแทบใส่ 555
ยังไม่ขาย เก็บไว้ดูเล่นๆ ตอนนี้ชิวมากๆ![]()
ประสบการณ์ครั้งนี้สอนให้รู้ว่า
อย่าลงทุนในที่ทำในสิ่งที่เราไม่รู้ ไม่มีความเชี่ยวชาญ
อย่าลงทุนเพียงเพราะเขาบอกกันต่อๆมาว่า ดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ (หุ้นพรายกระซิบ)
อย่าลงทุนแล้วถือหุ้นไว้เฉยๆ ติดตามผลงานมันบ้าง 1-2 ไตรมาสต่อครั้งก็๋ยังดี
และที่สำคัญ ฝึกจิตใจผมได้ดีพอสมควรเลยทีเดียวในครั้งนี้
กลุ่มที่ซื้อแล้วขาดทุน (ไม่ถึงกับเจ๊ง)
CIMBT : ลองเล่นหุ้นปั่นดู วันเดียว หายไป 30% โชคดีที่เล่นไม่เยอะ จำไว้เป็นบทเรียน
PTTEP : ซื้อสมัยยังไม่ค่อยอะไรกับการลงทุนแบบเน้นคุณค่ามากนัก ซื้อแล้วราคาก็ลง
แล้วเราก็ไปซื้อเฉลี่ยเพิ่ม ราคาก็ยังลงต่อ นานวันเข้าก็ถอดใจ ขายออกมา
หลังจากนั้นราคาวิ่งกระจุยกระจาย ครบสูตรแมงเม่า
TNH : ซื้อตามเซียนสมันนั้น (ไม่โทษใครทั้งนั้น) พองบไตรมาสถัดไปออกมาไม่ดีอย่างที่คิด ราคาค่อยๆย่อลง
ซื้อเฉลี่ยเข้าไปอีก งบไตรมาสถัดไปไม่ดีอีก เลยยอมขายขาดทุนออกมา
TGCI : มองเป็นหุ้นกลับตัว แต่ซื้อช้าเกินไป มัวแต่มองไป มองมา พอซื้อแล้ว EPS ก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับพบตัวอื่นที่มั่นใจมากกว่าเลยขายออกไปซื้อตัวนั้นๆ
เพิ่มเติม
ตัวที่ซื้อแล้วขาดทุนเยอะๆนั้น เกือบทั้งหมดเป็นมาจากสมัยที่ยังลงทุนด้วยวิธีของนักเก็งกำไร
ที่ไม่มีอาวุธอะไรไปสู้กับคนอื่นๆในตลาดได้เลย พอมารู้จักการลงทุนแบบเน้นคุณค่าแล้ว
ผลตอบแทน กับความสบายใจกลับเพิ่มพูนกว่าสมัยก่อนอย่างมากมาย
คงมีเพียง TGCI เท่านั้นพี่ยอมรับว่าพลาดจริงๆ (ยังดีที่ใส่เข้าไปไม่ถึง 5% ของพอร์ต)
ส่วน TNH สมัยนั้นยังไม่เรียกตัวเองว่าเป็นนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าละกัน
แค่รู้จักเว็บ ThaiVI ใหม่ๆ และที่สำคัญซื้อเพียงเพราะว่าโรงพยาบาลมันอยู่ใกล้บ้าน
เป็นธุรกิจที่เรารู้จัก (เราหลอกตัวเองว่าเรารู้จัก 555)
แล้วมีเซียนในเว็บนี้ถืออยู่ เพียงแค่นั้น
ปล. รู้สึกเป็นหนี้บุญคุณเว็บนี้ และคนในเว็บนี้อย่างไรไม่รู้





-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 310
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณเคยถือหุ้นจนราคาเพิ่ม ๑ เด้งกี่ตัวและถือจนเจ๊งมากี่ตั
โพสต์ที่ 68
ที่เจ๊งหนักก็ SC ครับ
เล่นตามเพื่อนโดยคำแนะนำของโบรคเกอร์เพิ่งเข้าทำงานครับ
ขึ้นไปถึง 80 ถ้าจำไม่ผิดแล้วขายไปตอน 25 หนักเลยเพราะมีครึ่งพอร์ตเลย
ก็เป็นบทเรียนครับก็เห็นหลายตัวตอนนี้เล่นแบบเดิมเลยครับปั่นหุ้นที่เป็นข่าว
ส่วนผมเลิกซื้อหุ้นแบบไล่ราคาแล้ว
ต้องดูราคาพื้นฐานกับปันผลและอื่นประกอบเสมอ
เล่นตามเพื่อนโดยคำแนะนำของโบรคเกอร์เพิ่งเข้าทำงานครับ
ขึ้นไปถึง 80 ถ้าจำไม่ผิดแล้วขายไปตอน 25 หนักเลยเพราะมีครึ่งพอร์ตเลย
ก็เป็นบทเรียนครับก็เห็นหลายตัวตอนนี้เล่นแบบเดิมเลยครับปั่นหุ้นที่เป็นข่าว
ส่วนผมเลิกซื้อหุ้นแบบไล่ราคาแล้ว
ต้องดูราคาพื้นฐานกับปันผลและอื่นประกอบเสมอ
-
- Verified User
- โพสต์: 1734
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณเคยถือหุ้นจนราคาเพิ่ม ๑ เด้งกี่ตัวและถือจนเจ๊งมากี่ตั
โพสต์ที่ 69
จริงๆแล้ว ผมคิดว่า
กำไรมากี่เด้ง เจ๊งมาเท่าไร
ก็ไม่สำคัญเท่ากันว่า
กำไรส่วนเกินทุนทั้งหมด
ที่เราได้มาจากการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียน และการกระทำของคนในตลาดหุ้น
ต้องมากกว่ายอดขาดทุนทั้งหมด
ข้อดีของการลงทุน ไปตามการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียนก็คือ
บางทีเราขาดทุนจากการกระทำของคนในตลาดหุ้น
แต่จะได้รับชดเชยคืน จากการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียน
คนที่เล่นแบบเก็งกำไร ยิ่งระยะสั้นมากเท่าไร
ก็ยิ่งไม่มีทางได้รับการชดเชยในส่วนนี้ครับ

กำไรมากี่เด้ง เจ๊งมาเท่าไร
ก็ไม่สำคัญเท่ากันว่า
กำไรส่วนเกินทุนทั้งหมด
ที่เราได้มาจากการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียน และการกระทำของคนในตลาดหุ้น
ต้องมากกว่ายอดขาดทุนทั้งหมด
ข้อดีของการลงทุน ไปตามการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียนก็คือ
บางทีเราขาดทุนจากการกระทำของคนในตลาดหุ้น
แต่จะได้รับชดเชยคืน จากการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียน
คนที่เล่นแบบเก็งกำไร ยิ่งระยะสั้นมากเท่าไร
ก็ยิ่งไม่มีทางได้รับการชดเชยในส่วนนี้ครับ





- Tibular
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 522
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คุณเคยถือหุ้นจนราคาเพิ่ม ๑ เด้งกี่ตัวและถือจนเจ๊งมากี่ตั
โพสต์ที่ 70
คลายเครียด เขียน:จริงๆแล้ว ผมคิดว่า
กำไรมากี่เด้ง เจ๊งมาเท่าไร
ก็ไม่สำคัญเท่ากันว่า
กำไรส่วนเกินทุนทั้งหมด
ที่เราได้มาจากการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียน และการกระทำของคนในตลาดหุ้น
ต้องมากกว่ายอดขาดทุนทั้งหมด
ข้อดีของการลงทุน ไปตามการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียนก็คือ
บางทีเราขาดทุนจากการกระทำของคนในตลาดหุ้น
แต่จะได้รับชดเชยคืน จากการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียน
คนที่เล่นแบบเก็งกำไร ยิ่งระยะสั้นมากเท่าไร
ก็ยิ่งไม่มีทางได้รับการชดเชยในส่วนนี้ครับ
![]()
![]()
![]()
![]()
เห็นด้วยมากครับพี่คลายเครียด
เราควรสนใจการกระทำของคนในบริษัทจดทะเบียนให้มากขึ้น
ส่วนการกระทำของคนในตลาดหุ้นถือเป็นโอกาสให้เราซื้อขายหุ้นได้ในราคาที่ดี
วอแรน เคยเขียนจดหมายถึงผู้ถือหุ้นเบิร์คไซร์ว่า ถึงเค้าชอบที่จะซื้อหุ้นทั้งบริษัท
มากกว่า แต่ราคาที่ซื้อทั้งบริษัท นอกตลาดมักจะสมเหตุผล คือไม่ได้ส่วนลดมากมายนัก
ผิดกับการซื้อบางส่วนของธุรกิจในตลาดหุ้น ตลาดหุ้นมักจะให้ส่วนลดมากกว่า
และมักจะได้ราคาดีเกินไปในการขาย
ตัววอแรนเอง ชอบที่จะให้ตลาดหุ้นกำหนดราคาหุ้นให้เหมาะสมกับธุรกิจ
เพราะผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนใกล้เคียงกับการทำธุรกิจ ซึ่งวอแรนคิดว่า
เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลของการลงทุนมากที่สุด