หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
Eragon
Joined: เสาร์ เม.ย. 14, 2007 10:02 am
271
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - Eragon
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: แจก EPS16YEAR (งบดุล,ราคา,19ปี,Ratio ต่างๆ,แบบเครดิตภาษี
ขอความอนุเคราะห์พี่ครรชิตอีกครั้ง
[email protected]
ขอบคุณมากครับ
โดย
Eragon
ศุกร์ ส.ค. 31, 2012 3:19 am
0
0
EURO : อีกครั้งหนึ่งที่ต้องคารวะจอมยุทธ หวงเฟยหง
ยึดอมยิ้มไปหรือครับ
โดย
Eragon
อาทิตย์ ก.พ. 07, 2010 1:22 pm
0
0
เล่นหุ้นปีนี้ 'อย่าไล่-รอร่วง' ค่อยๆ ซื้อ
มีใครซื้อหุ้นตัวเดียวกับเค้ามั่งเนี่ย
โดย
Eragon
พฤหัสฯ. ก.พ. 04, 2010 2:28 pm
0
0
เล่นหุ้นปีนี้ 'อย่าไล่-รอร่วง' ค่อยๆ ซื้อ
รวยหุ้นสูตรเสี่ยวิลลี่..วิรัตน์ อุดมสินวัฒนา เต่าชนะกระต่ายเพราะ"สม่ำเสมอ-อดทน" กระต่ายแพ้เพราะ"มั่นใจ-ประมาท" ถ้าสูตรรวยหุ้นแม่นยำเหมือนในตำราคงไม่มี เสี่ยวิลลี่ "เซียนหุ้นนอกตำรา" สูตรรวยหุ้นของ "เสี่ยวิลลี่" วิรัตน์ อุดมสินวัฒนา การเลือกหุ้นมีความยากระดับหนึ่ง การรู้จักจังหวะเข้า-ออกก็ยากขึ้นอีกระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่ยากที่สุดหาใช่สูตรที่เป็น "รูปธรรม" แต่เป็นเรื่องของความเชื่อที่ว่า ก้อนกรวดสักวันจะกลายเป็นทองคำ...หุ้นที่ไร้อนาคตคือหุ้นที่สร้างอนาคต ความเสี่ยงที่แฝงไว้ในความเชื่อที่น้อยคนจะเชื่อกลับกลายเป็นหุ้นที่สร้างความร่ำรวยให้กับวิรัตน์ นักลงทุนมักเรียกหุ้นพวกนี้ว่า "หุ้นเน่า-หุ้นขายฝัน" แต่หุ้นเหล่านี้มักถูก "สร้างราคา" จนน่าอัศจรรย์ใจในเวลาต่อมา สำหรับหุ้นพวกนี้วิรัตน์เรียกมันสวยหรูว่า "หุ้นเทิร์นอะราวด์" ซื้อตอนถูกๆ ไม่มีใครเห็นคุณค่า และรอขายตอนแพงๆ ตอนที่แมลงวันมารุมตอม หุ้นตัวล่าสุดที่ทำเงินให้เสี่ยวิลลี่เป็นกอบเป็นกำคือหุ้น ดราก้อน วัน (D1) ของ "เสี่ยจี้" จเรรัฐ ปิงคลาศัย ในบัญชีผู้ถือหุ้นเขามีอยู่ถึง 61.50 ล้านหุ้นมากเป็นอันดับที่สอง (ปัจจุบันขายไปแล้วบางส่วน) ขณะที่หุ้นตัวที่สร้างชื่อเสียงให้กับวิรัตน์คือหุ้น เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (MPIC) ตั้งแต่สมัยยังเป็น ทราฟฟิกคอร์นเนอร์ โฮลดิ้งส์ (TRAF) ครั้งนั้นวิรัตน์ได้กำไรไปอย่างอื้อซ่า! (เริ่มซื้อแถวๆ 1.80 บาท ก่อนจะถูกกระชากขึ้นไปทำนิวไฮ 21.90 บาท) "เสี่ยวิลลี่" ในตลาดหุ้นวัย 46 ปีรายนี้ มีชื่อเล่นจริงๆ ว่า "เฮียแป๊ะ" เป็นทายาทคนโต "รุ่นที่สาม" ของห้างหุ้นส่วนจำกัด โอ้วเฮียบเซ่งเชียงโงวกิม พื้นฐานครอบครัวอุดมสินวัฒนาทำธุรกิจค้าสเตนเลสมายาวนานนับ "ครึ่งศตวรรษ" ปัจจุบันเป็นผู้ค้าสเตนเลสรายใหญ่ติดอันดับต้นๆ ของเมืองไทย วิรัตน์จบปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์ (สาขาไฟฟ้ากำลัง) มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และจบโทบัญชีจุฬาฯ หลังจากคลุกคลีกับธุรกิจค้าสเตนเลสของตระกูลโดยรับผิดชอบด้านการเงิน ทำให้วิรัตน์เริ่มเห็นช่องทางเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว ในฐานะผู้บริหาร "พอร์ตกงสี" และในฐานะ "ตั๊วเฮีย" ของน้องๆ อีก 2 คน คือ สมศักดิ์ และ วิเศษ อุดมสินวัฒนา เมื่อต้นปี 2551 วิรัตน์เคยเล่าให้ฟังว่า พอร์ตหุ้นกงสีที่ดูแลมีมูลค่าประมาณ 500-800 ล้านบาท ยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์ ลงทุนในหุ้นประมาณ 10-15 บริษัท ผ่านโบรกเกอร์คู่ใจ 3 แห่งหลัก ได้แก่ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) บล.ธนชาต และ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ประธานกรรมการบริษัท บ็อกซ์ แอสเซ็ท จำกัด เจ้าของโครงการ Box Zone @ Ratchada บริหารพื้นที่หลังห้างเอสพลานาด รัชดาฯ เปิดเผยกับกรุงเทพธุรกิจ BizWeek ว่า หลังผ่านช่วงเศรษฐกิจตกต่ำรอบนี้ทำให้แนวคิดการลงทุนเปลี่ยนไปมาก เพราะช่วงที่มีปัญหาการเมืองและวิกฤติซับไพร์มจะใช้กลยุทธ์ "เข้าเร็ว-ออกเร็ว" ถือหุ้น 1 ตัวไม่เกิน 1 เดือน มีกำไร 10-15% ก็ขาย "วันนี้ผมเปลี่ยนแนวมาเน้นลงทุนยาวตั้งแต่ 3 เดือนถึง 1 ปี และเชื่อว่าตั้งแต่ปีหน้า (2553) เป็นต้นไปทุกอย่างจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เล่นหุ้นตอนนี้ต้องถือคติอดเปรี้ยวไว้กินหวานดีที่สุด" วิรัตน์กล่าวถึงสูตรการลงทุนที่แตกต่างจากนักลงทุนทั่วไปและเป็นกลยุทธ์ที่ประสบความสำเร็จมาตลอดแม้บางครั้งต้องใช้เวลาในการถือหุ้นค่อนข้างนานก็ตาม "ผมชอบทำอะไรสวนทางคนอื่น (แนวคิด Contrarian คือการลงทุนแบบสวนกระแส) อธิบายง่ายๆ คือ กล้าซื้อในขณะที่คนอื่นขาย และกล้าขายในตอนที่คนอื่น(แห่)ซื้อ เห็นได้จากหุ้น D1 วันนั้นแทบไม่มีใครสนใจคำพูดของ พี่จี้ (จเรรัฐ ปิงคลาศัย) จริงอยู่ผู้ชายคนนี้ชอบขายฝันพูดอะไรต้องเอา 10 หาร แต่อย่างน้อยเขาไม่มีทางทำให้ตัวเองเสียหน้าและเขาไม่มีทางโกยกำไรแบบ จุ๋มจิ๋ม ผมเกาะขบวนไปกับเขาผลสุดท้ายได้กำไรหุ้น D1 มหาศาลเลย" บทสัมภาษณ์ครั้งก่อน วิรัตน์อธิบายสไตล์การลงทุนของตัวเองไว้ว่า ปกติจะไม่ได้เทรดหุ้นทุกวัน แต่จะเก็บเป็นจังหวะ เล่นเป็นช่วงๆ ช่วงที่ทยอยสะสมก็จะ "ซื้อเก็บ" อย่างเดียวและชอบหุ้น High Risk...High Return โดยเฉพาะ "หุ้นเทิร์นอะราวด์" เพราะผลตอบแทนขาขึ้นมีโอกาสได้ Upside Gain มหาศาล สมมติเราตั้งงบประมาณซื้อหุ้นตัวนี้ไว้ 20 ล้านบาท โอกาสขาดทุนก็แค่ "ศูนย์" แต่ขาขึ้นมันไม่มีลิมิต การลงทุนในลักษณะนี้ ในมุมมองของ วิรัตน์ เขาให้ทัศนะว่า... "ผมมองต่างมุมว่า หุ้น TRAF (ปัจจุบันคือ MPIC) นี่แหละ คือ การตกปลาใน "บลูโอเชี่ยน" สำหรับหุ้นประเภทนี้ มีโอกาสเทิร์นอะราวด์สูง มันขึ้นกับว่าใครตาถึงและใครดวงดี คุณต้องมี 2 อย่าง (ถึงจะสำเร็จ) นั่นคือ เก่งกับเฮง" สำหรับวันนี้ เฮียแป๊ะ บอกว่า จะขอโฟกัสหุ้นในมือแค่ 5-6 ตัว ได้แก่ ดราก้อน วัน (D1) เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (MPIC) เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (WAVE) วโรปกรณ์ (VARO) ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น (TCC) และไทยง้วนเมทัล (TYM) โดยหุ้น D1 จะเป็นตัวที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ ปัจจุบันได้ทยอยขายออกไปบ้างเหลือหุ้นในมือ 4.48% หลังจากกลุ่มเตชะอุบลเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่และราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก ผมลงทุนหุ้น D1 ก็รูปแบบเดียวกับหุ้น MPIC ช่วงแรกๆ ตัวหุ้นไม่ได้น่าสนใจอะไรแต่พอมีชื่อตระกูลพูลวรลักษณ์ และเตชะอุบลเข้ามาลงทุนหุ้น 2 ตัวนี้ก็น่าสนใจขึ้นมาทันที ถ้าหุ้น D1 ลงมาแถวๆ 0.50 บาทก็จะเข้าไปเก็บเพิ่ม (ปัจจุบันอยู่ที่ 0.73 บาทขึ้นมาจาก 0.11-0.12 บาท)" ทายาทรุ่นที่สาม หจก.โอ้วเฮียบเซ่งเชียงโงวกิม บอกอีกว่า ถึงจะเก็บหุ้น D1 เพิ่มก็จะไม่ขอเป็นกรรมการบริษัทและจะถือหุ้นตัวนี้ต่อไป เพราะมองว่าธุรกิจมีอนาคต ที่ทยอยขายออกมาบางส่วนเพราะต้องการนำเงินไปลงทุนหุ้นตัวอื่น ตอนนี้เล็งๆ หุ้นกลุ่มก่อสร้างรายใหญ่อยู่ตัวหนึ่ง และหุ้นก่อสร้างอีกตัวที่ซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ เพราะไม่ว่ารัฐบาลชุดนี้จะอยู่ทนหรือไม่ทน แต่โครงการก่อสร้าง (ตามแผนไทยเข้มแข็ง 2555) ก็ต้องเดินหน้าต่อไป หุ้นกลุ่มก่อสร้าง "มาแน่นอน" (รีบเก็บตอนนี้ราคายังถูก) สำหรับหุ้นเวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (ของ ประชา มาลีนนท์) ปัจจุบันถืออยู่ 5.83% เฉลี่ยต้นทุนราวๆ 10 บาทต่อหุ้น (ราคาตลาด 13.60 บาท) เท่าที่รู้กลุ่มมาลีนนท์กำลังวางโครงสร้างธุรกิจใหม่ทั้งหมดคาดว่าไม่นานคงมีข่าวดี "ส่วนตัววโรปกรณ์ (VARO) ผู้นำเข้าอะลูมิเนียมแท่งก็เป็นอีกตัวที่ผมจะลงทุนต่อไป ตัวนี้ลงทุนมานาน 10 ปี (ลงทุนทั้ง 3 พี่น้อง) เหตุผลที่ชอบเป็นหุ้นที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่มโลหะ ที่สำคัญธุรกิจอะลูมิเนียมจะเป็นเครื่องชี้วัดอุตสาหกรรมโลหะได้เป็นอย่างดี และยังสอดคล้องกับธุรกิจหลักของครอบครัว" วิรัตน์อธิบายถึงหุ้นไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น (TCC) ตัวนี้อาจจะเป็น "เพชรในตม" อีกตัวหลังบริษัทเปลี่ยนมาทำธุรกิจถ่านหินและให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือ หุ้นตัวนี้ถือลงทุนมา 1 ปีแล้ว ปัจจุบันเหลือหุ้นประมาณ 1% มีต้นทุน 0.80-2 บาท สำหรับตัวไทยง้วนเมทัล (TYM) วันนี้มีอยู่ 0.77% คาดว่าจะถือลงทุนต่อไปหรืออาจซื้อเพิ่มเติม เพราะได้ยินมาว่ากลุ่มจิระพงษ์ตระกูลเขาสนใจจะลงทุนทำโรงงานเอทานอล ถ้าอดใจรออีกนิดคิดว่าได้กำไรแน่นอน นอกจากนี้ทายาทรุ่นที่สามของตระกูลค้าสเตนเลสเก่าแก่ ยังบอกอีกว่า สนใจลงทุนด้านอื่นๆ เหมือนกัน โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบันได้เช่าพื้นที่ 3,000 ตารางเมตร เพื่อทำโครงการ Box Zone @ Ratchada หลังโรงภาพยนตร์เอสพลานาด เดิมตั้งใจจะทำเป็นชอปปิงโซนเหมือนที่เมเจอร์ฯ รัชโยธิน แต่ไม่เวิร์ค เพราะทำเลไม่โดนใจวัยรุ่น "ผมเลยตัดสินใจแบ่งพื้น 1,000 ตารางเมตร มาทำร้านอาหารสูตรไทยโบราณ และห้องคาราโอเกะภายใต้ชื่อ นครคารา ลงทุน 20 ล้านบาท เปิดมาแล้ว 2-3 เดือน เสียงตอบรับค่อนข้างดี ส่วนพื้นที่อีก 2,000 ตารางเมตร จะแบ่งให้เช่าทำสปาหรือผับ คาดว่าจะเริ่มในปีหน้า" นอกจากนั้น เมื่อปีกว่าที่ผ่านมาได้เทคโอเวอร์โครงการบ้านเดี่ยวที่พัทยามาบริหาร จำนวน 30 ยูนิต มูลค่า 100 ล้านบาท ลงทุนเพิ่มเติมอีก 20 ล้านบาท ตอนนี้ขายได้แล้ว 2-3 ยูนิต ราคาขายหลังละ 8-12 ล้านบาท โอนให้ลูกค้าแล้ว 1 ยูนิต "ปีนี้ ผมคงไม่หวังยอดขาย เพราะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวยโครงการนี้ลูกค้าหลักเป็นชาวต่างชาติ คาดว่าจะเริ่มรุกการขายอย่างจริงจังตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป" นอกจากนี้ ได้ลงทุนซื้อที่ดินเปล่าบนเขาใกล้วัดฉลอง (วัดหลวงพ่อแช่ม) ที่จังหวัดภูเก็ต พื้นที่ 40 ไร่ และที่เชียงใหม่ ติดแม่น้ำปิงอีก 30 ไร่ คาดว่าจะนำที่ดินจังหวัดภูเก็ตไปทำโครงการกึ่งรีสอร์ทระดับ 4-5 ดาว มูลค่าโครงการประมาณ 1,000 ล้านบาท ส่วนที่ดินที่เชียงใหม่ อาจทำเป็นรีสอร์ท 6 ดาว โครงการประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ซึ่งทั้ง 2 โครงการจะทำร่วมกับพันธมิตร อาจเริ่มลงมือทำในปีหน้า วิรัตน์ แจกแจงให้ฟังว่า มูลค่าการลงทุนของตระกูลอุดมสินวัฒนาทั้งในส่วนของหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 800 ล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนหุ้นประมาณ 500 ล้านบาท ที่เหลือเป็นในส่วนของอสังหาริมทรัพย์และที่ดินเปล่า ปีนี้ ผมมองว่ายังไม่เหมาะที่จะควักเงินลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตราบใดที่เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกายังไม่ผ่านจุดต่ำสุด แต่ระหว่างนี้ได้เตรียมแนวทางไว้หมดแล้ว วันที่มั่นใจว่าเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวจริงๆ ก็จะเริ่มเดินหน้าทันที" วิรัตน์มีหลักยึดเรื่องการลงทุนไว้เสมอว่า...จะไม่ลงทุนอะไรที่เกินตัว และลงทุนในสิ่งที่ไม่คุ้มค่า เพื่อรักษาทรัพย์สมบัติให้สืบต่อไปในฐานะผู้นำรุ่นที่สามของห้างโอ้วเฮียบเซ่งเชียงโงวกิม http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/investment/20090805/66090/%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%88..%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B9%8C-%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2.html
โดย
Eragon
พฤหัสฯ. ก.พ. 04, 2010 2:12 pm
0
0
เล่นหุ้นปีนี้ 'อย่าไล่-รอร่วง' ค่อยๆ ซื้อ
หรือไปดูที่นี่ http://video.aol.co.uk/video-detail/-12/1588038236
โดย
Eragon
พฤหัสฯ. ก.พ. 04, 2010 2:05 pm
0
0
เล่นหุ้นปีนี้ 'อย่าไล่-รอร่วง' ค่อยๆ ซื้อ
ลองดูแนวลงทุนของเค้าดู ตกปลา(หุ้น)ใน'บลูโอเชี่ยน'..'วิรัตน์ อุดมสินวัฒนา' ใครจะว่าเป็นหุ้นเน่า-หุ้นไร้อนาคต-หุ้นขายฝัน ข้อด้อยของหุ้นเหล่านั้น สำหรับคน "ตาถึง" ก็ไม่ต่างจากการตกปลา (หุ้น) ใน "บลูโอเชี่ยน" High Risk ก็ High Return คนที่ประสบความสำเร็จไม่จำเป็นต้องมีความเชื่อเหมือนคนส่วนใหญ่ "เฮียแป๊ะ" วิรัตน์ อุดมสินวัฒนา นักธุรกิจพันล้าน หรือ "เสี่ยวิลลี่" เซียนหุ้น (เทิร์นอะราวด์) รายใหญ่ในตลาดหุ้น เจ้าของพอร์ตมูลค่า "หลายร้อยล้านบาท" จุดบรรจบระหว่างนักธุรกิจและเซียนหุ้นของเขา ก็คือ เขามองหุ้นและมองธุรกิจอย่างนักลงทุน และประเมินการลงทุนอย่างนักธุรกิจ มันไม่ใช่การเก็งกำไรเพื่อหวังส่วนต่างราคาหุ้นเพียง 10-20% แต่มันคือการเดิมพัน "กำไรก้อนโต" ด้วยการจำกัดความเสี่ยงน้อยครั้ง บนโอกาส "ได้" มากกว่า "เสีย" วิรัตน์มีความเชื่อส่วนตัวว่า การลงทุนหุ้นเทิร์นอะราวด์ผลตอบแทนขาขึ้นมีโอกาสได้ Upside Gain มหาศาล ไม่ต่างจากการตกปลาใน "บลูโอเชี่ยน" ขึ้นกับว่าใครตาถึง ในปี 2552 ที่ผ่านมา วิรัตน์เป็นคนหนึ่งที่ทำผลตอบแทน "แพ้ดัชนี" (SET Index ปรับขึ้น 63%) เจ้าตัวทำกำไรได้เพียง 25% แต่เขายังไม่ทิ้งแนวทางลงทุนหุ้นเทิร์นอะราวด์ และยังเชื่อในโอกาสที่มากับวิกฤติ เกมล่าเหยื่อชิ้นโตของวิรัตน์จะมองหากิจการที่ "ตกต่ำ" (ส่วนใหญ่กิจการขาดทุน) แต่มีวี่แววฟื้นตัวกลับมาทำกำไรได้ในอนาคต หรือมีพันธมิตรรายใหม่และมีสตอรี่ใหม่ๆ "..เสี่ยวิลลี่ชอบ" ในรอบปีที่ผ่านมาเขา "โกยกำไร" หุ้น 124 คอมมิวนิเคชั่นส (PR124) อย่างเป็นกอบเป็นกำ หลังยกระดับขึ้นเป็น "แกนนำ" ร่วมกับพันธมิตร (คุณากร เศรษฐี และกิ่งกาญจน์ สมิตานนท์) เจรจาซื้อหุ้นใหญ่ PR124 จากกลุ่มนิมิตร หมดราคี ในราคาหุ้นละ 0.35 บาท ก่อนที่ราคาหุ้นจะทะยานขึ้นไปหลายเท่าตัว เช่นเดียวกับที่ประสบความสำเร็จจากหุ้นขาดทุน-ขายฝัน ดราก้อน วัน (D1) ของ "เสี่ยจี้" จเรรัฐ ปิงคลาศัย ที่บ่มเพาะสัมพันธ์กันมา 3 ปี ทนถือหุ้นนานเป็นปีก่อนจะใส่พานขายให้กับตระกูลเตชะอุบลและพันธมิตร ได้กำไรอย่างคุ้มค่า...จุดเริ่มต้นแนวคิดการตกปลาในบลูโอเชี่ยน วิรัตน์เรียนรู้เส้นทางมาจากหุ้น ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC) ของ "เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล เข้าไปเสี่ยง "เก็บ" ช่วงที่กิจการตกต่ำและเดิมพันอัตราเสียเท่ากับ "สูญ" (เงินก้อนไม่ใหญ่ที่ลงทุน) บนเพดานกำไรที่ไร้ขีดจำกัด วิรัตน์ยอมรับกับ กรุงเทพธุรกิจ BizWeek ว่า ผลตอบแทนการลงทุนในปี 2552 ถือว่าพลาดเป้าอย่างแรง ทำกำไรได้เพียง 25% จากที่ควรต้องได้กำไรถึง 50% (เพราะเป็นปีทองของตลาดหุ้นไทย) เป็นเพราะหุ้นเวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (WAVE) และหุ้นเอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ (MPIC) สร้างผลตอบแทนได้อย่างน่าผิดหวัง จากผลกระทบเศรษฐกิจถดถอยและปัจจัยการเมืองในประเทศ แม้ว่าหุ้น MPIC จะเข้าสู่ช่วงเทิร์นอะราวด์แล้วราคาก็ยังไม่ขึ้น ถึงผลตอบแทนในปี 2552 จะไม่เข้าเป้า แต่ก็ได้กำไรจำนวนมากจากหุ้นตัวอื่นมาชดเชย โดยเฉพาะหุ้นดราก้อน วัน (D1) ที่ภูมิใจนำเสนอ "เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา ผมได้รับผลตอบแทนจากหุ้น D1 สูงถึง 50% มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 30% (ต้นทุน 0.30 บาท ราคาเคยขึ้นไปสูงสุดที่ 0.85 บาท) ตอนนี้ไม่เหลือหุ้น D1 ในพอร์ตแล้ว เหลือแต่วอร์แรนท์ D1-W1 ที่รอใช้สิทธิประมาณ 30-40 ล้านหุ้น ถ้าปีนี้ เศรษฐกิจฟื้นตัวชัดเจนแล้วราคา D1 ขึ้นแตะ 1 บาท (เท่าราคาใช้สิทธิ) ก็อาจแปลงวอร์แรนท์ ซึ่งความจริงราคาหุ้นควรเกิน 1 บาท ตั้งแต่กลางปี 2552 แล้ว แต่ติดปัญหาหนี้สินดูไบเวิลด์ ปัญหาเศรษฐกิจถดถอย และการเมืองในประเทศ พันธมิตรจากดูไบ จึงชะลอการลงทุนอย่างไม่มีกำหนด" ส่วนเหตุผลที่ขายหุ้น D1 ออกไปทั้งหมด ทั้งที่ยังเชื่อมั่นในฝีไม้ลายมือการบริหารของกลุ่ม "เสี่ยไมค์" สดาวุธ เตชะอุบล เพราะได้กำไรตามเป้าหมายแล้ว (ถอยดีกว่า) ถ้ากลุ่มเตชะอุบลมีแผนธุรกิจที่น่าสนใจก็คงจะแปลงวอร์แรนท์เป็นหุ้นแม่แน่นอน สำหรับหุ้น 124 คอมมิวนิเคชั่นส ตั้งแต่เข้าลงทุนเมื่อกลางปี 2552 ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนมากกว่า 100% แล้ว จากเป้าที่ตั้งไว้ตอนแรก 30% หากคิดจากราคาต้นทุน 0.35 บาท ราคาวันนี้ 0.94 บาท "กำไรเละ" "ภายในปีนี้ ผมตั้งใจจะแปลงวอร์แรนท์ PR124-W1 (ถืออยู่ 22.25 ล้านหุ้น) เมื่อราคาแม่ขึ้นไปยืน 1.50 บาท เพราะมองว่าอนาคตของบริษัทกำลังจะดี ผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่ (คุณากร เศรษฐี ถือสัดส่วน 25.75%) เขามีวิสัยทัศน์กว้างไกลมาก ขนาดคนที่คลุกคลีในแวดวงมีเดียยังคิดไม่ถึงเลย" ปัจจุบัน บมจ.124 คอมมิวนิเคชั่นส อยู่ระหว่างเปลี่ยนแปลงโครงสร้างองค์กรและจัดตั้งบริษัทย่อย 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท 124 คอมมิวนิเคชั่นส คอนซัลติ้ง จำกัด ประกอบธุรกิจประชาสัมพันธ์ซึ่งเป็นธุรกิจเดิม และ บริษัท เวิร์ค บาย ฮาร์ท จำกัด ประกอบธุรกิจใหม่ ได้แก่ ธุรกิจสื่อโฆษณา และการวางแผนสื่อแบบบูรณาการ เมื่อโครงการแอร์พอร์ตลิงค์เปิดใช้บริการบริษัทอาจได้สิทธิในการโฆษณา เซียนหุ้นเทิร์นอะราวด์ เล่าต่อว่า สำหรับหุ้น MPIC (ปัจจุบันเป็นกรรมการบริษัทอยู่) ปีนี้เชื่อว่าจะได้กำไรจากการลงทุนกลับคืนมาแน่นอน ยังเชื่อมือ 2 ผู้บริหาร เผด็จ หงษ์ฟ้า และ วิชา พูลวรลักษณ์ ซึ่งในปีนี้บริษัทมีแผน "เพิ่มรายรับ-ลดรายจ่าย" และมีแผนปรับ "จุดด้อย-เสริมจุดแข็ง" แต่คงให้รายละเอียดมากไม่ได้ เพราะถือเป็นคนวงใน ไม่ขาดทุนก็ถือว่าโอเคแล้ว สำหรับหุ้น เวฟ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (WAVE) ของประชา มาลีนนท์ ตัวนี้ถือว่า "เจ็บหนัก" ปีที่แล้วขาดทุนมากถึง 40% ราคาหุ้นเคยทะยานขึ้นไป 20 บาท แต่หากคิดจากราคาต้นทุน 16 บาท และราคาซื้อขายล่าสุด 11 บาท "...ผมก็ยังเศร้าอยู่ดี" วิรัตน์ยังปลอบใจตัวเองว่า หุ้น WAVE จะต้องกลับมา กลุ่มมาลีนนท์คงกลับมาทำธุรกิจโทรทัศน์แบบที่ตนถนัดจากเดิมที่หลงทางเล็กน้อย ยังมองดีว่าผลประกอบการในปี 2553 จะฟื้นตัวได้ ยังไงก็ต้องถือลงทุนต่อไป และเป็นหุ้นที่ "ติด" มานานที่สุด สำหรับวิธีการลงทุนของเซียนหุ้นรายนี้ เริ่ม "โฟกัส" และ "เฟ้น" เป้าหมายมากขึ้น จากเดิมเคยลงทุนมากกว่า 10 ตัว แต่วันนี้เหลืออยู่เพียง 5 ตัว (PR124, D1, MPIC, WAVE และ VARO) สำหรับหุ้นวโรปกรณ์ ผู้นำเข้าอะลูมิเนียมแท่ง ตัวนี้ลงทุนมานาน 10 ปี และคงถือต่อไป เพราะเป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับธุรกิจหลักของครอบครัว (หจก.โอ้ว เฮียบ เซ่ง เชียง โงว กิม ผู้ค้าสเตนเลสรายใหญ่) ด้านแผนการลงทุนในปี 2553 ตั้งงบลงทุนหุ้นเทิร์นอะราวด์ไว้ประมาณ 100 ล้านบาท กำลังเล็งจะเข้าลงทุนหุ้น 2 บริษัท บริษัทแรกอยู่ในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ mai โดยจะเข้าไปพร้อมกับกลุ่มเพื่อนๆ จากนั้นจะเข้าไปเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจจากรับเหมาก่อสร้างมาเป็นทำพลังงานทดแทนที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัยไม่ซ้ำใคร "ที่ผ่านมาผมอยากทำธุรกิจพลังงานทดแทนมานานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาส แต่เมื่อผู้ถือหุ้นในบริษัทนั้นเขาพูดว่า เหนื่อยแล้วไม่อยากทำบริษัทนี้แล้ว ผมเลยถือโอกาสไปเสนอโปรเจคนี้ซึ่งเขาก็ชอบ คาดว่าภายในไตรมาส 1 ปีนี้ จะได้ความชัดเจนของดีลนี้" ส่วนหุ้นเทิร์นอะราวด์ "อีกตัว" ตอนนี้ยังไม่มีเข้าตา คาดว่าภายในไตรมาส 2 จะเห็นภาพชัดเจนขึ้น ไม่แน่หุ้นตัวที่สองอาจได้ร่วมมือกับ จเรรัฐ ปิงคลาศัย (คนปั้นหุ้น D1) อีกครั้งก็ได้ เพราะเขามักจะมีดีลดีๆ มานำเสนออยู่บ่อยๆ ส่วนจะทำได้จริง (ตามที่ชอบโม้) หรือไม่ เป็นอีกเรื่องที่ต้องมาวิเคราะห์เอาเอง สำหรับเป้าหมายในปี 2553 วิรัตน์ มั่นใจว่า จะสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 50% ไม่น่าพลาด ประเมินจากหุ้น PR124 ที่มีกำไร "ตุน" ไว้แล้วค่อนข้างมาก บวกกับความหวังอยู่ที่หุ้นเทิร์นอะราวด์ตัวใหม่ที่ตั้งเป้าผลตอบแทนไว้ไม่ต่ำกว่า 30% ผลตอบแทนรวมปีนี้ จึงน่าจะดีกว่าปีที่ผ่านมา "ฟันธง"
โดย
Eragon
พฤหัสฯ. ก.พ. 04, 2010 2:02 pm
0
0
ยื่นภาษี 2552 กันแล้วหรือยัง
เรียนถามครับว่าผมใช้โปรแกรมคำนวณแบบ ภงด.90 ปี 52 V.1/2552 แต่ปุ่ม "จัดเก็บ" เป็นสีเทาทำให้ผมคลิกไม่ได้ครับ อยากเรียนถามว่าเป็นเพราะอะไรครับ ต้องไปคลิกที่หน้าที่ 10 ก่อนครับถึงจะจัดเก็บได้ เรียนถามอีกข้อครับ ในหน้า "กระดาษทำการเงินปันผลผู้มีเงินได้" คอลัมน์ "ไม่ได้รับเครดิตภาษี" มันตกขอบจอ เลยอยากเรียนถามว่าพอมีวิธีแก้ไหมครับ (ลองปรับ Resolution จอแล้วก็ไม่ได้ผลครับ" มีแถบเลื่อนอยู่ด้านล่างครับ
โดย
Eragon
อังคาร ก.พ. 02, 2010 2:27 pm
0
0
เอาประวัติ 7-11 มาฝากให้อ่านเล่น
เพิ่งรู้เหมือนกัน ขอบคุณมากครับ
โดย
Eragon
พุธ ม.ค. 06, 2010 7:02 pm
0
0
พบอีกหนึ่งสุดยอดVI กับ IH..คเชนทร์ moneytalkdaily พฤหัส24ธค
ในที่สุดก็ต้องเปิดเผยตัวตนจนได้ หลังจากที่ล่องหนมานาน หนึ่งในตำนานนักลงทุนหุ้นคุณค่าที่ผมต้องนับถือความรู้ความสามารถและมุมมองต่างๆอย่างยิ่ง :D คนแรกที่ชวนให้ซื้อหุ้นเรือตั้งแต่เรือทั้งกลุ่มยังปริ่มๆน้ำจนแล่นฉิว ขึ้นมา 30 เท่าได้มั๊ง(ถ้าจำไม่ผิด) .....ย้ำว่า 30 เด้ง :shock: คนแรกที่กล้าบอกว่าหลังเปลี่ยน Business Model หุ้น TICON น่าจะไปถึง 20 บาท และมี Market Cap หมื่นล้าน ทั้งที่ตอนนั้น ดูเหมือน Dr. ไม่ค่อยเห็นด้วย แต่ก็ไปถึงได้จริงๆ คนแรกที่ออกมาแนะนำวิธีการลงทุนอีกเยอะแยะที่ทำให้ผมต้องไม่พลาดดูแน่นอน
โดย
Eragon
พุธ ธ.ค. 23, 2009 5:19 pm
0
0
ผลประกอบการไตรมาส3/52
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 13 ชั่วโมง 50 นาทีที่แล้ว บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) แจ้งผลประกอบการ(รวมบริษัทย่อย) งวดไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2552 สรุปได้ดังนี้ สอบทาน/ก่อนตรวจสอบ สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน (หน่วย : พันบาท) ไตรมาส 3 งวด 9 เดือน ปี 2552 2551 2552 2551 กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 151,977 376,130 782,493 1,476,801 กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 0.0502 0.1107 0.2388 0.4409
โดย
Eragon
เสาร์ พ.ย. 07, 2009 6:59 am
0
0
ผลประกอบการไตรมาส3/52
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 13 ชั่วโมง 23 นาทีที่แล้ว บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) แจ้งผลประกอบการ งวดไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2552 สรุปได้ดังนี้ สอบทาน/ก่อนตรวจสอบ สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน (หน่วย : พันบาท) ไตรมาส 3 งวด 9 เดือน ปี 2552 2551 2552 2551 กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 386,381 467,658 972,085 1,289,624 กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 1.61 1.95 4.05 5.37
โดย
Eragon
เสาร์ พ.ย. 07, 2009 6:53 am
0
0
ผลประกอบการไตรมาส3/52
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- 12 ชั่วโมง 35 นาทีที่แล้ว บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) แจ้งผลประกอบการ(รวมบริษัทย่อย) งวดไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2552 สรุปได้ดังนี้ สอบทาน/ก่อนตรวจสอบ สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน (หน่วย : พันบาท) ไตรมาส 3 งวด 9 เดือน ปี 2552 2551 2552 2551 กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 65,183 76,060 210,071 210,827 กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 0.10 0.12 0.32 0.32
โดย
Eragon
เสาร์ พ.ย. 07, 2009 6:47 am
0
0
หุ้น VI ตัวไหนจะได้รับประโยชน์เต็มที่ จาก 3G และไทยเข้มแข็ง
ตามด้วยอันนี้ AISดึงทีโอทีร่วมวง3G ชงถือหุ้นบวกกำไร15% โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 พฤศจิกายน 2552 11:18 น. เอไอเอสเสนอแผนร่วมทุนให้ทีโอที ทันทีที่ได้ใบอนุญาต 3G 'วิเชียร' ชี้ผ่าทางตันปัญหาสัมปทาน 2G เดิม และสร้างพลังให้ 3G ใหม่ เปิดทางให้ทีโอทีถือหุ้นสุงสุด 30% ด้วยแนวคิดแปรสัญญาสัมปทาน แปลงโครงข่ายให้เป็นหุ้น พร้อมผลประโยชน์สุงสุด 15% จากรายได้ ย้ำมีเวลา 2 ปีดำเนินการก่อนสัมปทานหมดอายุปี 2015 นายวิเชียร เมฆตระการ หัวหน้าคณะผู้บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ เอไอเอสกล่าวว่าทันทีที่เอไอเอสได้ใบอนุญาตให้บริการโทรศัพท์มือถือในระบบ 3G จากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เอไอเอสจะทำเรื่องเสนอไปยังบริษัท ทีโอที เพื่อเสนอแผนการร่วมทุนหรือการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระหว่างเอไอเอสกับทีโอที 'แนวคิดผมคือเปลี่ยนโครงข่ายให้เป็นหุ้น โดยให้ทีโอทีเข้ามาถือหุ้นในเอไอเอส ได้สูงสุดถึง 30% เพียงแต่สิทธิขาดในการบริหารยังต้องเป็นของเอไอเอส' แผนการเป็นพาร์ตเนอร์ดังกล่าวเกิดภายใต้ยุทธศาสตร์ win-win หรือมีแต่ผู้ชนะ โดยที่เอไอเอสเห็นว่าสัญญาสัมปทาน 2G เดิมจะหมดอายุในปี 2015 หรืออีกประมาณ 5 ปี โครงข่ายที่เอไอเอสลงทุนไปทั้งหมดนับจนถึงปัจจุบันมีค่าหลายหมื่นล้านบาทหรืออาจถึงแสนล้านบาทและเอไอเอสยังมีความต้องการใช้โครงข่าย 2G ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป การเป็นพาร์ตเนอร์โดยทีโอทีเข้ามาถือหุ้นเอไอเอสจะทำให้ได้ประโยชน์คือ 1.ทีโอทีไม่ต้องกังวลเรื่องการถ่ายโอนลูกค้าจาก 2G เดิมไปยัง 3G ใหม่ เพราะทีโอทียังได้ประโยชน์จากส่วนแบ่งรายได้ของลูกค้าไม่ว่าจะเป็นลูกค้า 2G หรือ 3G 2.เอไอเอสพร้อมเสนอผลประโยชน์ให้ทีโอทีได้มากกว่าค่าธรรมเนียมที่ต้องเสียให้กทช.คือ 6.5% โดยเอไอเอสสามารถบวกเพิ่มให้อีก 5% หรือให้ได้เต็มที่ถึง 15% 3.ทำให้การลงทุนโครงข่าย 3G ของทีโอทีมีทางเลือกและมีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น เพราะทีโอทีกับเอไอเอส สามารถกำหนดยุทธศาสตร์ร่วมกันได้ว่าใครจะลงทุน 3G ในพื้นที่ไหน ทำให้มีความได้เปรียบกว่าผู้ให้บริการหรือผู้ได้รับใบอนุญาตรายอื่น 4.เป็นทางรอดให้ทีโอทีในระยะยาว ว่าไม่ต้องกังวลกับรายได้จากสัมปทานของเอไอเอสที่จะหายไปหลังหมดอายุสัมปทานในปี 2015 แต่ทีโอทีจะกลายเป็นผู้ถือหุ้นในเอไอเอส 30% ซึ่งทำให้ทีโอทีจะได้ผลตอบแทนในรูปเงินปันผลตามสัดส่วนการถือหุ้น ผลประโยชน์จากส่วนแบ่งรายได้สูงสุดไม่เกิน 15% ซึ่งถึงแม้ไม่สูงเท่าส่วนแบ่งรายได้จากสัมปทาน 2G ในปัจจุบัน แต่ทีโอทีจะมีรายได้ระยะยาวตราบเท่าที่ถือหุ้นในเอไอเอส และ5.การถือหุ้นในเอไอเอสจะทำให้เกิดพลังผนึกหรือ synergy ระหว่างสินค้าและบริการรวมทั้งฐานลูกค้าทั้ง 2 บริษัท 'ผมให้เวลา 2 ปีสำหรับแผนร่วมทุนครั้งนี้ในการดำเนินการ เพราะหากนานกว่านั้นจะทำให้โครงข่าย 2G เดิมก็จะเริ่มไม่มีความหมายแล้วเพราะเอไอเอสจะทุ่มทุกอย่างลงบนโครงข่าย 3G ใหม่ ' เขาย้ำว่าแผนการร่วมทุนดังกล่าวไม่ใช่เรื่องใหม่ มีการพูดกันมาก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแต่ช่วงเวลานี้เหมาะสมที่สุดที่จะตัดสินใจ ซึ่งเข้าใจว่าเป็นเรื่องที่ยากพอสมควรเพราะต้องผ่านการพิจารณาจากกระทรวงการคลังและคณะรัฐมนตรี แต่เชื่อว่าแนวทางดังกล่าวจะเป็นทางแก้ปัญหาสิ่งที่คาราคาซังกันอยู่โดยเฉพาะเรื่องสัญญาสัมปทาน และยังเป็นโอกาสที่ดีสำหรับทีโอทีในการแข่งขันในธุรกิจโทรศัพท์มือถือด้วย 'ทั้งหมดเป็นแนวคิด แต่ผมว่าถึงเวลาแล้ว ส่วนเรื่องการตีราคาต่างๆ ก็ให้บริษัทที่ปรึกษาการเงิน ซึ่งเป็นคนกลางเข้ามาตีราคา ในฐานะผู้บริหารเอไอเอสผมต้องสร้างความมั่นใจให้ผู้ถือหุ้นเห็นว่าหลังหมดสัมปทานในปี 2015 แล้วเอไอเอสก็ยังอยู่ในธุรกิจในฐานะผู้นำ ส่วนด้านทีโอที ถ้ายังคิดกอดสัญญาสัมปทานไปโดยไม่มีแผนรองรับไว้ล่วงหน้าก็น่าเป็นห่วงมาก หากนำผลประโยชน์ขึ้นชั่งกันระหว่างสัมปทานอีกประมาณ 5 ปีกับการเปลี่ยนเป็นหุ้นในเอไอเอสแล้วมีผลประโยชน์ระยะยาว ก็น่าจะตัดสินใจได้ไม่ลำบากนัก' นายวิเชียรกล่าวถึงการประมูล 3G ของกทช.ว่าเอไอเอสพร้อมสู้ราคาไม่ว่าจะเป็นความถี่ 15 เมกะเฮิรตซ์หรือ 10 เมกะเฮิรตซ์ โดยมีตัวเลขอยู่ในใจแล้วว่าสามารถสู้ราคาได้กี่เท่าของราคากลาง โดยที่หากได้รับใบอนุญาตเมื่อไหร่ก็พร้อมสั่งของและติดตั้งโครงข่ายที่จะสามารถให้บริการได้เร็วที่สุดภายในเวลาเพียง 3-4 เดือน ทั้งนี้ แนวคิดแปลงโครงข่ายเป็นหุ้นของเอไอเอส ดูสมเหตุสมผลหากพิจารณาประกอบกับรายงานที่ทีโอทีเสนอครม.เศรษฐกิจถึงการประมูล 3G ของกทช.ที่จะส่งผลกระทบต่อสัญญาสัมปทาน 2G ปัจจุบันของทีโอทีคือ1.อาจมีการโอนลูกค้า 2G ภายใต้สัญญาสัมปทานเดิม ไปโครงข่ายใหม่ 3Gในกรณีผู้รับสัมปทานเดิมของทีโอทีได้รับการจัดสรรคลื่นความถี่และใบอนุญาต 3G จาก กทช. เนื่องจากประเมินว่าภาระค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับใบอนุญาตใหม่จะน้อยกว่าส่วนแบ่งรายได้ในแต่ละปีที่จะต้องจ่ายให้ทีโอที ตามสัญญาสัมปทานเดิมกล่าวคือคาดว่าการจ่ายค่าใบอนุญาตใหม่ประมาณปีละ 6.5% ของรายได้ (มาจากค่าใบอนุญาต 2.5% และค่า Universal Service Obligation Fund 4%) เปรียบเทียบกับการจ่ายเป็นค่าส่วนแบ่งรายได้ 20% ถึง 30% 2.ตลาดโทรศัพท์มือถือในปัจจุบันมี Penetration Rate เกือบ 100% แล้ว และมีต้นทุนการหาลูกค้าใหม่ (Subscriber Acquisition Cost) ที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นวิธีการการหาลูกค้าที่ดีที่สุด คือการโอนลูกค้า 2G ที่เอกชนดูแลอยู่ภายใต้สัญญาสัมปทานเดิมไป โครงข่าย 3Gผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการโอนลูกค้าดังกล่าว ทำให้ส่วนแบ่งรายได้ของทีโอทีลดลงและท้ายที่สุดจะทำให้ภาครัฐได้รับประโยชน์จากการดำเนินงานของทีโอทีในรูปของภาษีเงินได้และเงินปันผลลดลงตามไปด้วย (ปี 2551ทีโอที จ่ายภาษีเงินได้ 2,600 ล้านบาท เงินปันผล 5,500 ล้านบาท) 3.การนำทรัพย์สินของรัฐไปใช้ประโยชน์บนโครงข่าย 3G สัญญาสัมปทานในรูปแบบ BTO (Build Transfer Operate) คือ การสร้างและโอนให้รัฐ และให้เอกชนผู้รับสัมปทานมีสิทธิในการใช้ทรัพย์สินและสิทธิในการบริหารจัดการ มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะมีการนำอุปกรณ์ระบบ 3G มาติดตั้งเพิ่มเติมบนทรัพย์สินของโครงข่าย 2G เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ฉะนั้นมาตรการกำกับดูแล การควบคุมและการตรวจสอบจะซับซ้อนยิ่งขึ้น อาจมีข้อพิพาท และในที่สุดเพิ่มต้นทุนด้านการดำเนินงาน แก่ ทีโอที
โดย
Eragon
พุธ พ.ย. 04, 2009 6:16 pm
0
0
หุ้น VI ตัวไหนจะได้รับประโยชน์เต็มที่ จาก 3G และไทยเข้มแข็ง
ข่าวนี้น่าสนใจ 3G มาน้ำตาใครไหล !!! โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 พฤศจิกายน 2552 10:57 น. หากการประมูล 3G บนความถี่มาตรฐาน 2.1 กิกะเฮิรตซ์ ของกทช.ทำให้ประเทศไทยมีระบบโทรศัพท์มือถือ 3G แบบชั่วข้ามคืน อาจเห็นผู้ประกอบการบางรายดีใจจนแทบกลั้นน้ำตาไม่ไหว เพราะสามารถตักตวงผลประโยชน์มหาศาลจากทรัพยากรความถี่ของชาติที่อดีตได้แค่สิทธิในการให้บริการ ในขณะที่รัฐวิสาหกิจบางแห่งอาจต้องกลืนเลือดน้ำตาคลอเบ้า เพราะนับวันยิ่งถูกทิ้งห่างกาชื่อทิ้งจากสารบบผู้ให้บริการโทรคมนาคมชั้นนำของประเทศ ถ้าวิเคราะห์แบบฟันธง เกม 3G ของผู้เล่นแต่ละรายต่างมีกลยุทธ์และเป้าหมายที่แตกต่างกัน 1.บริษัท ทีโอที เป้าหมายหลักวันนี้คือต้องการยืดเวลาการประมูล 3G ของกทช.ออกไปให้นานที่สุด เพื่อให้บริการ 3G ของตัวเองมีเวลาสร้างฐานลูกค้า โดยเริ่มปฐมบทในวันที่ 3ธ.ค. เปิดให้บริการในกทม.และปริมณฑลก่อน พร้อมแผนวางโครงข่าย 3G ทั่วประเทศ 2 หมื่นล้านบาท ทีโอทีไม่มีความต้องการประมูลไลเซ่นส์ 3G ของกทช.และทีโอทียังเห็นว่าการประมูล 3G ของกทช.ไม่มีผลกระทบอะไรกับทีโอที เพียงแต่จะทำให้เกิดการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น ในขณะเดียวกันทีโอทีเป็นห่วงบริษัทสัมปทานอย่างเอไอเอส ที่อาจตุกติกใช้ประโยชน์จากโครงข่าย 2G จากสัมปทานเดิม ต่อยอดสร้างโครงข่าย 3G เพราะทุกวันนี้ทีโอทีหมดปัญญาในการตรวจสอบทรัพย์สินต่างๆที่เอกชนโอนมาให้ รวมทั้งปัญหาการถ่ายโอนฐานลูกค้าของเอกชนจะทำให้ส่วนแบ่งรายได้หายไปอย่างมีนัยสำคัญ เกมของทีโอทีคือยื้อเวลาประมูล 3G พร้อมทั้งโยนโจทย์เรื่องโครงข่าย 2G ให้รัฐหาทางช่วยเหลือ 2.บริษัท กสท โทรคมนาคม วันนี้กสทเป็นหนึ่งใน 4 ที่คาดว่าจะได้รับใบอนุญาต 3G จากการประมูลของกทช.แน่นอน อยู่ที่ว่าจะจับมือกับพันธมิตรในช่วงเวลาไหนถึงจะเหมาะสมที่สุด ปัญหาของกสทเช่นเดียวกับทีโอที คือ กลัวในเรื่องการถ่ายโอนลูกค้าที่จะทำให้ส่วนแบ่งรายได้หายไป แต่กสทกลายเป็นองค์กรที่ดูเซ็กซี่ขึ้นทันตาเห็น เพราะจะมีโครงข่าย CDMA ที่จะถูกพัฒนาให้เป็น 3G ทั่วประเทศหลังจากซื้อกิจการฮัทช์เรียบร้อย ฐานลูกค้าที่ได้พร้อมสถานที่ติดตั้งสถานีฐานจะเป็นแรงดึงดูดพาร์ตเนอร์ต่างชาติให้มาร่วมประมูล 3G กสทจะเป็นผู้ให้บริการรายเดียวที่มี 2 เทคโนโลยี 3G คือ CDMA / EV-DO กับ WCDMA บนความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ที่จะประมูลไลเซ่นส์กทช. สำหรับธุรกิจสื่อสารไร้สายหรือโทรศัพท์มือถือ 3G ดูเหมือนกสทจะอยู่ในตำแหน่งที่ดูดีกว่าทีโอทีไปแล้ว 3.เอไอเอส วันนี้ 3G เป็นความจำเป็นมากถึงมากที่สุดสำหรับเอไอเอส เพราะปัจจุบันซูเปอร์ 3G ของเอไอเอสในพื้นที่ให้บริการเทียบความเร็วกับ 3G ดีแทคแล้ว เอไอเอสดูเหมือนจะช้ากว่าอย่างเห็นได้ชัด เพราะความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ของเอไอเอสมีข้อจำกัดมากเหมือนถนนมีแค่ 4 เลนแต่มีรถทุกชนิดวิ่งแออัดยัดเยียด ต่างจากดีแทคที่ถนนกว้างกว่าแถมยังมีเลนพิเศษให้ข้อมูลวิ่งต่างหาก เอไอเอสจึงต้องทำทุกวิธีให้การประมูล 3G เกิดโดยเร็ว เพื่อชิงความถี่จำนวน 15 เมกะเฮิรตซ์ ต่อยอดบริการ รักษาความเป็นผู้นำในตลาดผู้ให้บริการมือถือต่อไป 4.ทรูมูฟ สำหรับการประมูล 3Gทรูมูฟมาในแนวชอบของดีราคาถูก ไม่อยากให้ราคากลางหรือราคาเริ่มต้นประมูลสูงเป็นหมื่นล้านบาท เพราะเกรงสู้พวกมีต่างชาติหนุนหลังไม่ไหว ทรูมูฟเป็นโอเปอเรเตอร์อีกรายที่ต้องการ 3G บนความถี่มาตรฐาน เพราะทุกวันนี้ได้แค่ทดสอบ โดยอาศัยความถี่ 850 เมกะเฮิรตซ์ของกสท ซึ่งคาราคาซังไม่สามารถเปิดบริการเชิงพาณิชย์เก็บเงินได้ เนื่องจากต้องผ่านการพิจารณาคณะกรรมการตามพรบ.ร่วมทุนปี 2535 ทรูมูฟต้องการไลเซ่นส์ 3G เพื่อมาต่อยอดบริการคอนเวอร์เจนซ์ สร้างนิยายรักที่สวยงาม ไว้หาพันธมิตรต่างชาติที่ถึงตอนนั้นจะยอมรับเงื่อนไขขนเงินมาลงทุนแต่อำนาจบริหารเป็นของกลุ่มทรู 5.ดีแทค วันนี้แทบจะไม่ต้องออกอาวุธอะไรมากนัก ใช้กลยุทธ์ mee too คือใครออกแรงให้ประมูล 3G โดยเร็ว ดีแทคก็ได้ด้วย ถ้าใครยื้อประมูล ดีแทคก็ยังมีบริการ HSPA หรือ 3G บนความถี่ 850 เมกะเฮิรตซ์ที่เปิดให้กลุ่มเป้าหมายทดสอบอยู่ ซึ่งการใช้งานอยู่ในระดับน่าพอใจอย่างมาก เหลือแต่เพียงขั้นตอนตามพรบ.ร่วมทุนปี 2535 เท่านั้นที่ยังทำให้ไม่สามารถเก็บค่าบริการได้ ดีแทคจะเป็นโอปอเรเตอร์ที่จะมีความถี่ 3G 2 ย่านคือ 850 เมกะเฮิรตซ์ในปัจจุบันและ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ในอนาคตที่ได้จากการประมูล 6.คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) จากการกระเหี้ยนกระหือรือที่จะประมูล 3G ให้ทันภายในปีนี้ ก็ออกอาการถอดใจ หลังส่งเรื่องให้กฤษฎีกาตีความรัฐธรรมนูญมาตรา 47 วรรค 2 ว่ากทช.ชุดนี้มีอำนาจจัดประมูลหรือไม่ เพราะอาจเกิดปัญหาฟ้องร้องวุ่นวายถ้าประมูลไปแล้วกฤษฎีกาตีความว่ากทช.ไม่มีอำนาจ ซึ่งหลังจากถูกกระแสสังคมต้านหนักไม่ว่าเรื่องนอมินีต่างชาติ ราคากลาง และปัญหาความมั่นคง ดูเหมือนกทช.พยายามหาทางออกเพื่ออธิบายสังคมโดยเฉพาะเรื่องราคากลางเคาะที่ 4,600 กับ 5,200 ล้านบาท ส่วนปัญหานอมินีต่างชาติ กทช.ดูจะมั่นใจมากเพราะบริษัทลูกๆของโอปอเรเตอร์ต่างก็ได้ไลเซ่นส์จากกทช.มาหลายใบแล้ว โดยไม่ถูกตีตกในประเด็นไม่ใช่นิติบุคคลสัญชาติไทย ส่วนผู้บริโภค การมี 3G ประโยชน์ได้รับสูงสุดคือการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูงการส่งภาพ เสียงและข้อมูลได้พร้อมกัน การสื่อสารในรูปแบบวิดีโอ สตรีมมิ่ง ที่คาดว่ายังมีกลุ่มคนสัก 10% ที่พร้อมใช้บริการในรูปแบบแปลกใหม่ที่ได้ประโยชน์ทั้งความบันเทิงและการใช้ในธุรกิจ ซึ่งในมุมผู้บริโภค ไม่ว่า 3G จะมาเร็วหรือมาช้า แต่ค่าบริการเป็นหัวใจสำคัญที่สุดที่กทช.จะต้องคำนึงถึง ****ประชาพิจารณ์ 9 เรื่อง ในการประชุมบอร์ดกทช.เมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมากทช.ได้สรุปหัวข้อประชาพิจารณ์ 3G ในวันที่ 12พ.ย.52ถี่ยิบ 9 เรื่องเพื่อตอบข้อสงสัยในการทำประชาพิจารณ์ครั้งที่ผ่านประกอบด้วย 1.คุณสมบัติผู้เข้าร่วมการประมูล 2.ระยะเวลายื่นความจำนงของผู้สนใจเข้าร่วมประมูล3G จากเดิมกำหนดไว้ 30 วันเปลี่ยนเป็น 45-60 วัน 3.ข้อกำหนดเรื่องการลงทุนโครงข่ายแบ่งเป็น 2 เรื่องใหญ่ คือควรกำหนดให้ผู้ประกอบการลงทุนเองกี่เปอร์เซ็นต์ และควรให้มีการเช่าใช้โครงข่ายผู้อื่นได้กี่เปอร์เซ็นต์ 4.การลงทุนโครงข่ายควรกำหนดพื้นที่การลงทุนด้วยหรือไม่ 5.ควรเปิดโอกาสให้ผู้ชนะการประมูลผ่อนจ่ายค่าไลเซ่นส์ในระยะ 6เดือนหรือ 1 ปีหรือไม่ 6.การโอนย้ายลูกค้าจาก 2 G ไป 3 G 7.เรื่องความมั่นคงกทช.ควรกำหนดประเด็นใดเพิ่มเติมอีกหรือไม่ 8.การใช้โครงข่ายพื้นฐานร่วมกันและ9. MVNO ควรบังคับให้ทำด้วยไหม บทสรุปส่งท้ายของ 3G ในวันนี้ พล.อ.ชูชาติ พรหมพระสิทธิ์ ประธานกทช.กล่าวยืนยันว่ารู้สึกดีใจที่ทุกภาคส่วนของสังคมออกมาให้ความเห็นและเสนอแนะแนวทางต่างๆเพื่อให้การประมูล 3G ออกมาดีที่สุด โดยย้ำว่าทุกเรื่องที่กทช.ทำต้องอธิบายกับสังคมได้ และถ้าหากกฤษฎีกาตีความว่ากทช.ไม่มีอำนาจ ก็จบไม่ต้องดำเนินการประมูล กทช.ชุดนี้ทำได้แต่เพียงเตรียมการล่วงหน้าเท่านั้น
โดย
Eragon
พุธ พ.ย. 04, 2009 6:11 pm
0
0
บัญญัติ 10 ประการสำหรับนักลงทุน (เขียนเองครับ)
winkung แห่ง Value Investing กับ คนจนที่อยากรวย แห่ง สินธร เป็นฝาแฝดหรือเปล่า http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I8464112/I8464112.html
โดย
Eragon
ศุกร์ ต.ค. 23, 2009 4:30 pm
0
0
มาบตาพุด
สรุปแล้วโดนทุกบริษัท แต่วันนี้ PTL กับ IRP บวกแรงสวนซะเลย :lol: :lol: :lol:
โดย
Eragon
พุธ ก.ย. 30, 2009 9:00 pm
0
0
หุ้นรับเหมาตัวไหน...มีมูลค่าน่าสนใจในสายตา VI
เดาว่าเป็น SYNTEC
โดย
Eragon
อาทิตย์ ก.ย. 20, 2009 12:07 pm
0
0
เล่าเรื่องสัมปทานมือถือ
[quote="edd"]เท่าที่ทราบ TOT จะเปิดให้บริการ 3G อย่างเป็นทางในวันที่ 5 ธ.ค. 52 นี้ โดยจะให้บริการ ทั้งในส่วนของ retail และแบบ MVNO ด้วย พี่คิดว่าจะได้เปรียบเจ้าอื่นไม๊คับ
โดย
Eragon
ศุกร์ ก.ย. 18, 2009 3:20 pm
0
0
เล่าเรื่องสัมปทานมือถือ
[quote="Eragon"]ราคาค่าใบอนุญาตมีการคาดการณ์ว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 100-150 M $US
โดย
Eragon
อาทิตย์ ก.ย. 13, 2009 12:55 pm
0
0
เล่าเรื่องสัมปทานมือถือ
ยังไม่เข้าเรื่องหุ้นเลย :lol: :lol: :lol: ประโยชน์ที่ได้รับจากใบอนุญาต 3G แน่นอนว่าทั้ง ADVANC DTAC และ TRUE ได้ประโยชน์แน่นอน แต่ก็ต้องแลกด้วยเงินก้อนใหญ่ บวกกับการต้องหาเงินมาลงทุนเพิ่มมหาศาล เพราะต้องลงอุปกรณ์ใหม่ทั้งหมด TRUE น่าห่วงที่สุด เพราะทุกวันนี้ขาดทุนสะสมมโหฬาร ไม่พ้นต้องเพิ่มทุน ADVANC และ DTAC ถึงแม้อาจไม่ถึงกับเพิ่มทุน แต่ก็ต้องกู้มาเพิ่มแน่นอน
โดย
Eragon
อาทิตย์ ก.ย. 13, 2009 12:24 pm
0
0
เล่าเรื่องสัมปทานมือถือ
มีใบอนุญาตเยอะขนาดนี้หมายถึงมีผู้เล่นในตลาด 3G อย่างน้อย 5 ราย มองในระดับประเทศแล้ว ผมว่าเยอะเกินไป ซัก 3 รายก็น่าจะพอแล้ว เพราะอะไร อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องทั้งชุมสาย สถานีฐาน สายไฟเบอร์ จนถึงตัวเครื่องลูก เกือบ 100% ต้องนำเข้า การลงทุนด้านนี้ จะมีส่วนหนึ่งที่เหลือใช้ หมายถึงแบ่งกันใช้งานก็ได้ แต่การแข่งขันทำให้ต่างคนต่างลงทุน ขับรถไปตามถนนหลวงแล้วลองแหงนหน้าดูสายที่พาดอยู่บนเสาไฟฟ้าดูสิครับ ทำไมมันต้องมีตั้งหลายเส้น สาย Optical Fiber Cable พาดเส้นเดียวก็พอแล้ว เหลือเฟือสำหรับแบ่งใช้ทุก Operator ข้างในมีจำนวน Core มากน้อยราคาก็ใกล้เคียงกัน เพราะต้นทุนส่วนใหญ่อยู่ที่เปลือกที่หุ้ม ถ้าลดจำนวนสายที่เดินลงได้ ประเทศชาติก็ลดการขาดดุลลงได้หลายหมื่นล้าน เสาอากาศก็เหมือนกัน อยู่ติดๆกันตั้งหลายต้น มีต้นเดียวก็พอแล้ว แบ่งๆกันใช้ก็ได้ แต่เพราะการแข่งขัน ก็ต้องต่างคนต่างทำ เหล็กก็ต้องนำเข้า ต้นนีงนี่เลข 7 หลักเลยนะครับ หมื่นสถานีก็ต้องหมื่นต้น มี 5 เจ้า ทุกเจ้าต้องลงทุนเองหมด คิดดูว่าประเทศชาติลงทุนสูญเปล่าไปเท่าไหร่
โดย
Eragon
อาทิตย์ ก.ย. 13, 2009 12:08 pm
0
0
เล่าเรื่องสัมปทานมือถือ
ราคาค่าใบอนุญาตมีการคาดการณ์ว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 100-150 M $US ดูจากประเทศที่เขาเปิดให้บริการก่อนแล้ว แต่ราคาจริงเป็นเท่าไหร่ ก็ต้องรอดูกันต่อไป เพราะใช้วิธียื่นซองประมูล ใครให้ราคาดีที่สุดก็เอาไป ที่น่าจะแย่งกันมากก็น่าจะเป็นความถี่ที่มี Bandwidth 15MHz ซึ่งมากกว่าอีก 3 ความถี่ เงื่อนไขหนึ่งคือ ใครประมูลได้แล้ว ก็หมดสิทธิ์ประมูลต่อ ดูแบบนี้แล้ว ก็น่าจะได้รับใบอนุญาตครบทุกราย ถูกแพงก็ว่ากันอีกที
โดย
Eragon
อาทิตย์ ก.ย. 13, 2009 11:17 am
0
0
เล่าเรื่องสัมปทานมือถือ
เงื่อนไขของสัมปทานที่ทั้งหมดเป็นแบบเดียวกันคือ BTO (Built-Transfer-Operate) ผู้รับสัมปทานลงทุนจัดสร้างเครือข่ายเสร็จแล้ว ต้องโอนไปให้เจ้าของสัมปทานก่อน แล้วจึงจะเอากลับมาทำธุรกิจต่อได้ นั่นหมายถึงทรัพย์สินที่ลงทุนเกี่ยวกับการให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นชุมสาย สถานีฐาน ข่ายเชื่อมโยงต่างๆ สายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสง แม้แต่เสาอากาศวิทยุ ก็ตกเป็นของเจ้าของสัมปทานคือ TOT และ CAT ทั้งหมด ดังนั้น การเปิดให้บริการภายใต้ใบอนุญาต 3G ใหม่ แต่ละแห่งจึงต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด
โดย
Eragon
อาทิตย์ ก.ย. 13, 2009 11:01 am
0
0
เล่าเรื่องสัมปทานมือถือ
ผมรวบรมเวลาที่เหลือของสัมปทานมือถือทั้งหมด ตามนี้ครับ ระยะเวลาที่เหลือของสัมปทาน (จากปัจจุบัน พ.ศ.2552) ลำดับที่ ผู้ให้สัมปทาน ผู้รับสัมปทาน เวลาสัมปทาน ปีที่เริ่มต้น ปีที่สิ้นสุด ระยะเวลาที่เหลือ 1 TOT ADVANC 25 ปี พ.ศ.2533 พ.ศ.2558 6 ปี 2 CAT DTAC 27 ปี พ.ศ.2534 พ.ศ.2561 9 ปี 3 CAT TRUE 22 ปี พ.ศ.2539 พ.ศ.2556 4 ปี 4 CAT DPC 22 ปี พ.ศ.2539 พ.ศ.2556 4 ปี DPC เป็นสัมปทานของ CAT ที่ ADVANC ซื้อต่อมาจากผู้ให้บริการเดิม จะเห็นว่าคนที่หมดสัมปทานก่อนคือ TRUE กับ DPC เหลืออีกแค่ 4 ปี ส่วน DTAC ได้เปรียบที่สุด เพราะมีเวลาถึง 9 ปี ตอนที่ DTAC รับสัมปทานมา ได้ความถี่ใช้งานมาเยอะมาก ใช้ยังไงก็ไม่หมด ก็เลยแบ่งความถี่มาขายต่อ ทำให้ต้องมีการแก้สัญญา กับ CAT และกลายเป็นผู้ให้บริการเพิ่มอีก 2 ราย
โดย
Eragon
อาทิตย์ ก.ย. 13, 2009 10:58 am
0
0
เล่าเรื่องสัมปทานมือถือ
15 MHz ที่หายไป เป็นความถี่ที่ กทช.อนุญาตให้ ACT Mobile บริษัทที่เคยร่วมทุนระหว่าง TOT และ CAT ใช้งาน แต่ตอนนี้ CAT ขายหุ้นให้ TOT หมดแล้ว ความถี่ที่ TOT ใช้งานอยู่ในช่วงความถี่ 1965-1980 MHz และ 2155 2170 MHz แบบนี้แสดงว่าผู้ให้บริการ 3G ย่านความถี่นี้ ก็จะมี 5 ราย มากพอสำหรับผู้ให้บริการเดิม รวมถึงรายใหม่ด้วย[/img]
โดย
Eragon
อาทิตย์ ก.ย. 13, 2009 10:45 am
0
0
เล่าเรื่องสัมปทานมือถือ
ว่าจะมาตั้งแต่ตอนเย็น แต่มาซะดึกเลย คงไม่ว่ากันนะครับ เริ่มต้นกันที่ความถี่กันก่อนดีกว่า 3G ที่กำลังจะเปิดประมูลอยู่ในช่วงความถี่(Uplink) 1920-1980MHz และ (DownLink) 2110-1270 MHz สังเกตุว่าความถี่ที่ให้จะมาเป็นคู่ และมี Bandwidth 60 MHz ตามข่าวเห็นว่าจะเปิดประมูลใบอนุญาต 4 ราย โดยเอาความถี่ที่ว่ามานี้ แบ่งเป็น 15 MHz 1 ราย และ 10 MHz อีก 3 ราย ถ้ารวม Bandwidth ทั้งหมดก็แค่ 45 MHz แต่จริงๆทั้งหมดมี Bandwidth 60 MHz อ้าว...แล้ว...หายไปไหนอีก 15 MHz :roll: ถ้าดูตามนี้แล้ว ผู้ให้บริการ 3G ก็น่าจะมีอย่างน้อย 4 ราย มากไปหรือน้อยไปแล้วแต่จะพิจารณากันนะครับ [/img]
โดย
Eragon
อาทิตย์ ก.ย. 13, 2009 1:11 am
0
0
เล่าเรื่องสัมปทานมือถือ
ช่วงนี้ข่าวเกี่ยวกับการเปิดประมูลใบอนุญาต 3G กำลังร้อน เกือบทุกโบร๊กเชียร์ซื้อหุ้น Telecom ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น ADVANC DTAC TRUE เหตุผลแทบทุกโบร๊กให้เหมือนกันคือผลประโยชน์ที่ต้องจ่ายให้เจ้าของสัมปทานเดิมลดลง ทำให้น่าจะมีกำไรดีขึ้น คิดเป็น% เท่านั้นเท่านี้ จริงๆแล้ว มันจะเป็นไปตามที่ว่าหรือเปล่าไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ หุ้นกลุ่มนี้วิ่งรับข่าวไปไกลพอสมควร อยากแชร์ความคิดเห็นหน่อยว่าแต่ละท่านคิดกันยังไง ขอขุดกระทู้ขึ้นมาก่อน พรุ่งนี้เย็นๆจะมาแชร์ด้วย วันนี้เพิ่งกลับจากกรุงเทพ ขอพักก่อน
โดย
Eragon
ศุกร์ ก.ย. 11, 2009 9:17 pm
0
0
ตั้งเป้าหมาย retire ที่อายุเท่าไหร่ และ พอร์ตใหญ่แค่ไหน
ท่าน dome@perth คงยกย่องท่าน Sunrise ในเรื่องความรอบรู้เกี่ยวกับเรื่องหุ้นน่ะครับ ไม่เกี่ยวกับอายุตัว :lol: :lol: :lol:
โดย
Eragon
พฤหัสฯ. ส.ค. 27, 2009 3:49 pm
0
0
แจก EPS16YEAR (งบดุล ย้อน 19 ปี,ราคา,Ratio,แบบเครดิตภาษี)
ขอเวอร์ชั่นใหม่ด้วยคนครับ
[email protected]
ขอบคุณมากครับพี่ครรชิต
โดย
Eragon
อังคาร พ.ค. 26, 2009 12:12 pm
0
0
พบ กูรูหุ้นคุณค่าไทย ดร.นิเวศน์ พุธ พฤหัสนี้ moneytalk daily
มาเตือนว่าใกล้สี่ทุ่มแล้ว :8) :8) :8)
โดย
Eragon
พฤหัสฯ. พ.ค. 21, 2009 9:42 pm
0
0
พบ กูรูหุ้นคุณค่าไทย ดร.นิเวศน์ พุธ พฤหัสนี้ moneytalk daily
ดูแล้วก็เพิ่งรู้ว่าทีมงานที่จัด Money Talk เขาเป็นเพื่อนซี๊กันมาตั้งแต่สมัยเรียนจุฬา และดูเหมือนคนที่มีบทบาทมากในการที่ ดร.นิเวศน์ ได้ไปเรียนต่อโทฯและเอก จนกระทั่งเปลี่ยนสายวิชาชีพมาเป็นด้านการเงิน และเป็นตำนานแห่ง VI ในที่สุด นอกจากความมุ่งมันของท่านเองแล้ว ก็คือ ดร.ไพบูรย์ฯ อืมมมมม น่านับถือทั้ง 2 ท่าน
โดย
Eragon
พฤหัสฯ. พ.ค. 21, 2009 10:25 am
0
0
ดูอย่างไรว่าบริษัทจะต้องเพิ่มทุน
ผมว่าต้องรอท่านพระอาทิตย์ขึ้นมาตอบ :lol: :lol: :lol:
โดย
Eragon
พฤหัสฯ. พ.ค. 14, 2009 4:04 pm
0
0
ใช้กองไฟ
สงสัยอาเหลียงจะใบ้หุ้น แต่ตอนนี้หุ้นถ่านก็ร้อนกันหมดทุกตัวเลยนะ :lol:
โดย
Eragon
ศุกร์ พ.ค. 08, 2009 4:41 am
0
0
ท่องเที่ยวเดินทาง / ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
แต่ระยะสั้นนี้เจอกับไข้หวัดหมูนี่ดิ :? :x
โดย
Eragon
จันทร์ เม.ย. 27, 2009 10:34 pm
0
0
สอบถามเรื่องการยื่นภาษี
กรณีภรรยาไม่มีเงินได้ แต่ทำประกันชีวิต ค่าเบี้ยประกันสามารถนำมาลดหย่อนของสามีได้ไหมครับ ถามเจ้าหน้าที่สรรพากร..บอกว่าไม่ได้ แต่คุ้นๆว่าเคยเห็นในเว็บสรรพากรว่าลดหย่อนได้ :roll:
โดย
Eragon
จันทร์ ก.พ. 23, 2009 3:43 pm
0
0
สอบถามเรื่องการยื่นภาษี
[quote="tingku"][quote="Eragon"]เงินบริจาคสนับสนุนการศึกษา
โดย
Eragon
ศุกร์ ก.พ. 20, 2009 6:02 am
0
0
สอบถามเรื่องการยื่นภาษี
เงินบริจาคสนับสนุนการศึกษา ที่หักลดหน่อยได้ 2 เท่าของเงินที่บริจาคนี่ต้องมีเงื่อนไขอะไรพิเศษหรือเปล่าครับ ดูจากรายชื่อโรงเรียนในเว็บของสรรพากรก็เห็นว่าลดหย่อนได้ 2 เท่า แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าลดหย่อนได้เท่าเดียว แล้วยังไงถึงลดได้ 2 เท่าละครับ :roll:
โดย
Eragon
พฤหัสฯ. ก.พ. 19, 2009 12:25 pm
0
0
ผมประสาทมั้ยครับ...
คลื่นความร้อนแถวโน้น...คงมีผลกับคุณแล้วล่ะ :lol: :lol: :lol: ว่าแต่...อยู่อุตสาหกรรมไหนหรือครับ เผื่อจะเดาถูก
โดย
Eragon
ศุกร์ ก.พ. 06, 2009 10:49 pm
0
0
สอบถามเรื่องการยื่นภาษี
[quote="charun"][quote="Eragon"]เจ้า Link สอบถามการคืนภาษี นี่คลิกแล้วไม่ไปไหนเลย :evil: คลิกมาหลายวันแล้ว
โดย
Eragon
พุธ ก.พ. 04, 2009 11:24 am
0
0
สอบถามเรื่องการยื่นภาษี
เจ้า Link สอบถามการคืนภาษี นี่คลิกแล้วไม่ไปไหนเลย :evil: คลิกมาหลายวันแล้ว จะให้ส่งอะไรเพิ่มเติมจะได้รีบส่ง :twisted:
โดย
Eragon
พุธ ก.พ. 04, 2009 10:50 am
0
0
รายได้ปีละประมาณ 1 ล้านได้ปันผลจากหุ้นหลายตัวมาก
ยื่นด้วยครับ รายได้ หนึ่งล้าน เสียภาษีอย่างมากอัตรา 20% บริษัทในตลาดส่วนใหญ่เสียภาษี 20-30% ยกเว้นที่ได้ BOI ถ้ายื่นรวม...แม้แต่บริษัทที่จ่าย 20% เราก็ยังได้ 10%ที่หัก ณ ที่จ่ายคืนอยู่ดี สมัยก่อนเคยฟังผู้บริหารระดับสูงของกรมสรรพากรบรรยายให้ฟัง ตอนนั้นบริษัทส่วนใหญ่ในตลาดเสียภาษี 30% เค้าคำนวณให้ดูเลยว่าไม่ว่าเราจะเสียภาษีอัตราไหน(แม้แต่คนเสีย 37%ก็เถอะ) เครดิตภาษีเงินปันผลก็จะได้เงินคืน..หรืออย่างมากก็เสมอตัว(กรณีเสีย 37%) ทุกกรณี แต่ปัจจุบันต้องดูให้ดีว่าเราเสียภาษีอัตราไหน แล้วบริษัทที่จ่ายปันผลเสียภาษีอัตราไหน ถ้าอัตราเสียภาษีที่เราจ่ายเท่ากันหรือต่ำกว่า ก็รวมปันผลไว้เครดิตภาษีเถอะครับ ได้คืนมากกว่าแน่นอน ดีที่สุดก็ลองคำนวณดูก่อนครับว่ายื่นรวมกับไม่ยื่น...อย่างไหนเราได้ประโยชน์กว่า
โดย
Eragon
อังคาร ม.ค. 20, 2009 9:16 pm
0
0
เล่าเรื่องสัมปทานมือถือ
มีงานวิจัยของ TDRI เกี่ยวกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทำเมื่อประมาณปี 2544-2545 เก็บรายละเอียดเกี่ยวกับสัมปทานมือถือได้ดีทีเดียว และน่าจะใช้อ้างอิงเรื่องระยะเวลาที่เกิดเหตุการณ์ต่างๆได้ดีกว่าที่ผมเล่าให้ฟังแต่แรก เพราะผมไม่ได้จดไว้ อาศัยจำเอาจากที่ตัวเองประสบมา คลาดเคลื่อนไปก็มากเพราะเหตุการณ์เกิดนานมากแล้ว และงานวิจัยนี้น่าจะตอบคำถามอีกหลายๆท่านได้ดีทีเดียว ลองดูที่นี่ครับ http://www.tdri.or.th/reports/unpublished/survey/c_11.pdf
โดย
Eragon
อังคาร ม.ค. 20, 2009 8:45 pm
0
0
เล่าเรื่องสัมปทานมือถือ
แค่นี้ก่อน...ต้องเตรียมตัวไปทำงานแล้วครับ
โดย
Eragon
อังคาร ม.ค. 20, 2009 7:17 am
0
0
เล่าเรื่องสัมปทานมือถือ
ยังไม่หมดครับ ส่วนที่ DTAC ต้องจ่ายให้ TOT ยังมีอีก จะเชื่อมระบบเข้าหากัน...ต้องมี Network ต้องมี Trunk เชื่อมเข้าหากัน ส่วนนี้ TOT คิดเงินอีกครับ แรกๆถ้าจำไม่ผิดวงจร E1 ขนาด 2 Mbps(30 วงจรโทรศัพท์) คิดค่าใช้เดือนนึงเป็นแสนบาท ต่อมาลดเหลือ 75,000 บาท หลังสุดนี่ไม่ทราบแล้วว่าคิดเดือนละเท่าไหร่ เพราะไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องแล้ว ลองคิดดูเองนะครับว่าการเชื่อมโยง 2 ระบบเข้าด้วยกัน...ต้องใช้กี่วงจร ค่าใช้จ่ายตรงนี้อีกมหาศาลเลยครับ ต่อมา DTAC ก็มีการเจรจากับ TOT ใหม่ เรื่องผลประโยชน์ตรงนี้ร่วมกับค่า AC สุดท้าย กลายเป็นว่า DTAC ตกลงแบ่งหุ้นเกินปล่าให้ TOT ไปส่วนนึง ถ้าจำไม่ผิดน่าจะประมาณ 11% แต่ตอนหลังมีการเพิ่มทุน สัดส่วนตรงนี้เลยลดลง TOT ได้ประโยชน์จาก DTAC ไม่น้อยกว่าที่ได้จาก AIS เลยนะครับ :twisted:
โดย
Eragon
อังคาร ม.ค. 20, 2009 7:15 am
0
0
เล่าเรื่องสัมปทานมือถือ
มาที่ประเด็นการจ่ายผลประโยชน์กรณี Prepaid ประมาณปี 2543-2544 AIS เริ่มเอาระบบเติมเงิน (Prepaid) มาให้บริการ ซึ่งไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่กรณีของ DTAC ที่ต้องจ่ายค่า AC จะให้บริการยังไง เพราะติดที่ AC เดือนละ 200 บาท ถ้าผู้ใช้บริการใช้งานน้อย DTAC ขาดทุน ก็เลยขอเจารจากับ TOT ใหม่ ขอเปลี่ยนจากค่า AC เป็นการเหมาจ่ายเป็น % ของรายได้ เฉพาะกรณี Prepaid นะครับ ตกลงกันที่ 18% นั่นคือรายได้ Prepaid ได้เท่าไหร่ ต้องส่งให้ TOT 18% นี่สัมปทานของ CAT นะครับ แต่ต้องจ่ายส่วนแบ่งให้ TOT มหาศาลเลย ก็เลยกลายเป็นต้องจ่าย 2 เด้ง ต้นทุนแพงกว่า AIS เยอะ
โดย
Eragon
อังคาร ม.ค. 20, 2009 6:55 am
0
0
เล่าเรื่องสัมปทานมือถือ
มาแล้ว...ขออภัยหายไปหลายวัน ช่วงนี้อยู่ในระหว่างประเมินผลงาน เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาว่าจะเข้ามาเล่าต่อ...ก็ดันอยู่ต่างจังหวัด จริงๆเข้ามากรุงเทพ เพราะปรกติผมอยู่ต่างจังหวัด(งงมั๊ย) ขอแก้เรื่องเวลาสัมปทานนิดนึง ผมบอกเวลาเริ่มต้นผิดไป ปี 2529-2530 เป็นปีที่ องค์การโทรศัพท์เอาระบบ NMT470 มาให้บริการ ตามด้วย การสื่อสารเอาระบบ AMP800 มาให้บริการ สัมปทานของ AIS น่าจะเริ่มประมาณปี 2531-32 ตามมาด้วย TAC ประมาณ 2532 จำได้ว่าแก้ไขครั้งหลังสุดอายุสัมปทานของ TAC เป็น 27 ปี (แต่ไม่แน่ใจว่าเริ่มปีไหน) ดังนั้นอายุสัมปทานน่าจะหมดในปี 2559-2560 แต่ข้อมูลจากเวบของ DTAC บอกว่าหมดในปี 2561 ก็จะมีเวลาอีกประมาณ 8-9 ปีครับ ผู้บริหารของทั้ง TOT และ CAT กำลังเร่งเจรจาขอเปลี่ยนจากสัมปทานที่เหลือให้เป็นการร่วมทุนแทน เพราะถ้ารอให้หมดเวลาสัมปทาน มันคงยุ่งน่าดูเลย
โดย
Eragon
อังคาร ม.ค. 20, 2009 6:39 am
0
0
เล่าเรื่องสัมปทานมือถือ
บอกก่อนว่าไม่แน่ใจนะครับว่าคืนนี้จะเล่าต่อได้แค่ไหน :oops: โดนโทรศัพท์เร่งเรื่องงานอีกแล้ว :evil: :twisted: :twisted: :twisted:
โดย
Eragon
พุธ ม.ค. 14, 2009 6:59 pm
0
0
เล่าเรื่องสัมปทานมือถือ
โห...ไม่นึกว่าจะมีคนสนใจเยอะขนาดนี้ ขออภัยหลายๆท่านที่เมื่อวานไม่ได้มาเล่าต่อ...งานยุ่งจริงๆ
โดย
Eragon
พุธ ม.ค. 14, 2009 5:47 pm
0
0
วิธีดูหุ้น telecom sector โดย hongvalue
ไม่เป็นไรครับพี่ พรุ่งนี้ว่างๆค่อยมาให้ข้อมูลก็ได้ครับ เพราะผมไม่รีบร้อนอะไร เอาสะดวกอาจารย์ที่จะให้ความรู้ดีกว่า :P เพื่อไม่ให้กระทู้เดิมของท่าน hongvalue ผิดไปจากวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้เดิม ขออนุญาตไปเปิดกระทู้ใหม่...ว่ากันเฉพาะสัมปทานมือถือก่อน ที่นี่ครับ http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=36702
โดย
Eragon
อังคาร ม.ค. 13, 2009 12:09 am
0
0
เล่าเรื่องสัมปทานมือถือ
ดึกแล้วนะนี่...ปรกติผมเป็นเด็กดี(แต่ตอนนี้อายุไม่เด็กแล้ว)...สามทุ่มก็หลับแล้ว นี่เห็นว่าเสี่ยเมืองเลยรออยู่...ก็เลยถ่างตามาเล่าให้ฟัง พรุ่งนี้จะมาเล่าต่อแล้วกัน
โดย
Eragon
จันทร์ ม.ค. 12, 2009 11:28 pm
0
0
105 โพสต์
of 3
ต่อไป
Verified User
ชื่อล็อกอิน:
Eragon
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
เสาร์ เม.ย. 14, 2007 10:02 am
ใช้งานล่าสุด:
-
โพสต์ทั้งหมด:
271 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.01% จากโพสทั้งหมด / 0.04 ข้อความต่อวัน)
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว