หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
chartchai madman
Joined: ศุกร์ ก.พ. 23, 2007 9:20 pm
7514
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - chartchai madman
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
news
Symbol THAI Source THAI Headline สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อยไตรมาสที่3(F45-3) Date/Time 05 Nov 2008 17:31:44 สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อยไตรมาสที่3(F45-3) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สอบทาน (หน่วย : พันบาท) สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน งบการเงินรวม ไตรมาสที่ 3 งวด 9 เดือน ปี 2551 2550 2551 2550 กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 426,201 (971,089) (6,611,635) 2,531,975 กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 0.25 (0.57) (3.89) 1.49 งบการเงินเฉพาะกิจการ ไตรมาสที่ 3 งวด 9 เดือน ปี 2551 2550 2551 2550 กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 291,318 (999,114) (6,643,942) 2,492,353 กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 0.17 (0.59) (3.91) 1.47 ประเภทรายงานของผู้สอบบัญชีในงบการเงิน ไม่มีเงื่อนไขและมีข้อสังเกต
โดย
chartchai madman
พุธ พ.ย. 05, 2008 7:32 pm
0
0
news
KEST และบ.ย่อย Q3/51 กำไรสุทธิ 89.21 ลบ. สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อยไตรมาสที่3(F45-3) บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) สอบทาน (หน่วย : พันบาท) สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน งบการเงินรวม ไตรมาสที่ 3 งวด 9 เดือน ปี 2551 2550 2551 2550 กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 89,206 201,027 429,688 368,025 กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 0.16 0.36 0.77 0.67 งบการเงินเฉพาะกิจการ ไตรมาสที่ 3 งวด 9 เดือน ปี 2551 2550 2551 2550 กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 88,606 200,882 428,601 368,139 กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 0.16 0.36 0.77 0.67
โดย
chartchai madman
ศุกร์ ต.ค. 24, 2008 12:55 pm
0
0
ถึงหมอเค
ถึงหมอเคที่เคารพ ผมยังไม่ได้หายไปไหนครับ ช่วงนี้ผมกำลังเซ็งสุดขีดกับชีวิตการลงทุนของผม แม้ที่ผ่านมามันจะให้ผมตอบแทนดีพอสมควร แต่เมื่อเร็วนี้ผมกับพบว่าวิธีการและกลยุทธ์ที่ผมใช้ตลอดมาในการลงทุน กับแพ้วิธีการและกลยุทธ์แบบไม่ต้องใช้สมองมากนักในการเลือกหุ้น(ผมแพ้ ป.4) ผมต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ในการกลับมาศึกษาและทบทวนพอสมควร แต่รับรองว่ายังไม่ได้ออกจากสนามการลงทุนครับ หุ้นในพอร์ตยังอยู่ ครับ โดยเฉพาะ ptt,pttep,egco,stanly,tvo ตอนนี้ยังไม่ซื้อเพิ่มตัวใดอีก เก็บสะสมเงินเดือน,ปันผล และกลับไปศึกษาทบทวน หาทางพิสูจน์ให้กระจ่างแจงก่อนว่า กลยุทธ์แบบไม่ใช้สมองมันชนะพอร์ตการลงทุนของผมได้ติดต่อกันหลายๆปีได้อย่างไร ขอแสดงความนับถือ chartchai madman
โดย
chartchai madman
จันทร์ ก.ค. 14, 2008 9:20 pm
0
0
เพราะผมแน่ๆเลย
สงสัยคุณภาพเวบแย่ลงเพราะผมแน่ๆเลย copy & post มั่วไปหมด ต่อไปจะเน้นคุณภาพให้มากขึ้นครับ :cry: แต่ ไม่เชื่อ ก็อย่าลบหลู่นะครับ ลองดูข้อมูลที่เก็บไว้1ปีที่ผ่านไปสิครับ ข้อมูลระหว่าง02เม.ย2550 -8เม.ย.2551 อันดับ click yield% (ไม่รวมปันผล) 1)snc 37.93 2)ilink 25.25 3)ptl 117.46 4)ums 81.96 5)se-ed 56.48 6)cpall 66.40 7)uec 91.72 8)tnh -21.52 9)oishi 26.53 10)pttep 56.48 11)trc 106.40 12)wg -1.80 13)tr 101.43 14)stpi 130.96 15)psl -52.35 สรุปแล้วอย่างน้อยก็ปีที่แล้ว1ปีแหระที่ผมสังเกตุดู 15อันดับแรก ผลตอบแทนชนะสูตรมหัศจรรย์วีไอ ไปเรียบร้อยแล้ว รวมถึงชนะผลตอบแทนของพอร์ทผมไปแบบไม่ติดฝุ่นเลย :cry: :cry: :cry: ส่วนปีต่อๆไปจะเป็นอย่างไร ปีหน้าจะมารายงาน
โดย
chartchai madman
อาทิตย์ พ.ค. 25, 2008 12:21 am
0
0
top loser
Top loser jan-may08 Prior close %loser Rich 11.40 --- 7.7 -32.46 Mpic 17.00---- 4.84 -71.52 Metro 11.00--- 3.36 -69.45 Sh 3.00---- 1.16 -61.33 Adam 7.35--- 3.10 -57.82 Team 7.35---- 3.44 -53.20 Bliss 11.6----- 6.3 -45.69 Ircp 12.40--- 6.90 -44.35 Metco 197---- 118 -40.10 Manrin 22---- 13.20 -40.00 Uec 8.70---- 5.50 -36.78 Ties 2.36----- 1.50 -36.44 Tasco 26.50--- 17.20 -35.09 Thai 39.25--- 26.00 -33.76 Rich 11.40 --- 7.7 -32.46 Cawow 5.75---- 4.00 -30.43 Dsgt 6.50--- 4.60 -29.23 Mbax 3.76---- 2.68 -28.72 Tpcorp 13.80----10 -27.10 Ktc 31.00-----22.60 -27.10 Snc 13.00---- 9.55 -26.54 Tbank 13.00--- -9.60 -26.15 Msc 4.04---- 3.00 -25.74 Becl 23.80-----17.90 -24.79 Tsi 10.50-----8.05 -23.33 Bsec 3.96---- 3.04 -23.23 . . . Top 86.50---- 67.50 -21.97 . . Tr 76------ 60 -21.05 Tpp 7.60---- 6.00 -21.05 Mdx 4.00---- 3.16 -21.00 Pdi 37.50-----29.75 -20.67 Prin 3.20----- 2.54 -20.63 Work 19.50---- 15.50 -20.51 Ccet 7.00- --- 5.60 -20.00 . . Rs 2.98----- 2.42 -18.79 Trc 6.00--- 4.90 -18.33 เอาตัวไหนดีพี่เจ๋ง กระซิบผมด้วยคร๊าบบบบบ :lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
โดย
chartchai madman
เสาร์ พ.ค. 24, 2008 11:34 pm
0
0
news12/05/08
ลุ้นถกเอฟทีเอ อาเซียน-ออสซี รอบนี้ได้ข้อยุติ โพสต์ทูเดย์ ลุ้นเจรจาเอฟทีเอ อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ นัดสุดท้ายที่ฮานอย ถกสินค้าลดภาษีสำเร็จ หลังสามฝ่ายตั้งเป้าลงนามให้ทันเดือน ส.ค.นี้ นายวินิจฉัย แจ่มแจ้ง รองอธิบดี กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ หัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายไทยในการเจรจาเพื่อ จัดทำความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ อาเซียน ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ได้มีการประชุมครั้งที่ 14 ที่นครบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย เพื่อผลักดันให้การเจรจาการค้าเสรีมีความคืบหน้า โดยทั้งสองฝ่ายคาดหวังว่าประเด็นที่เหลือจะสามารถหาข้อยุติกันได้ทุกเรื่องในการเจรจาครั้งที่ 15 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 2-7 มิ.ย. ที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายมีการลงนามกันได้ในเดือน ส.ค.นี้ ทั้งนี้ การเจรจาจัดทำเอฟทีเอสามารถหาข้อสรุปได้แล้วหลายเรื่อง ได้แก่ ข้อบทมาตรการด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช มาตรฐานกฎระเบียบทางเทคนิค และขั้นตอนการประเมินความสอดคล้อง พิธีการศุลกากร ทรัพย์สินทางปัญญา และความร่วมมือทางเศรษฐกิจ สำหรับเรื่องการค้าสินค้า ทางฝ่ายออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ต้องการ ให้มีการลดภาษีเหลือ 0% คิดเป็น 96% ของรายการสินค้าทั้งหมด แต่มีอาเซียนบางประเทศทำไม่ได้ โดยสามารถทำได้ แค่ 90% ของรายการสินค้าทั้งหมด เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ส่วนไทยยืนยันว่าไม่มีปัญหา โดยได้ยึดกรอบเอฟทีเอ ที่ไทยได้ทำสองฝ่ายกับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์เป็นเกณฑ์ แต่ทั้งนี้ ไทยไม่ได้ให้ไปมากกว่ากรอบเอฟทีเอที่เคยทำไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม หากเอฟทีเออาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ มีผลบังคับใช้ ไทยจะได้ประโยชน์เพิ่มเติมจากกรอบเอฟทีเอเดิมที่ไทยทำไว้กับ 2 ประเทศ จากการที่ 2 ประเทศมีการลดภาษีเร็วกว่าเดิมในสินค้าบางรายการของกลุ่มสิ่งทอ รองเท้า และสินค้ารถยนต์ รวมทั้ง จะได้ประโยชน์จากการกำหนดแหล่งกำเนิดสินค้าที่ง่ายขึ้น โดยเฉพาะสินค้าสิ่งทอ ในด้านการค้าบริการ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ อยากให้นำระบบการให้การปฏิบัติเยี่ยงคนในชาติโดยอัตโนมัติ (Automatic MFN) มาใช้ คืออาเซียนไปเจรจาเอฟทีเอกับประเทศอื่นๆ และให้สิทธิพิเศษต่างๆ มากกว่าข้อตกลงที่ทำกับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ก็ต้องให้สิทธินั้นกับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์โดยอัตโนมัติ ซึ่งอาเซียนไม่ยอม เพราะเห็นว่าข้อตกลงการค้าเสรีแต่ละฉบับมีความสมดุลโดยตัวของมันเองอยู่แล้วระหว่างคู่เจรจาทั้ง 2 ฝ่าย ส่วนประเด็นที่ยังเป็นปัญหา เช่น เรื่องแรงงานและสิ่งแวดล้อม ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ได้หยุดที่จะผลักดันให้มีการเจรจาในเรื่องนี้แล้ว แต่ในเรื่องการจัดซื้อโดยรัฐ ยังมีความพยายามให้มีการจัดทำเป็นเอกสารที่ไม่อยู่ในข้อตกลง ซึ่งทางฝ่ายอาเซียนยังไม่ยินยอม http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=business&id=237546
โดย
chartchai madman
จันทร์ พ.ค. 12, 2008 1:33 pm
0
0
news12/05/08
แฟชั่นแบรนด์เนมแห่ชิงเค้กตลาดไทย โพสต์ทูเดย์ ซีเอ็มจี คาดอนาคตตลาดแฟชั่นแข่งดุ เหตุแบรนด์ต่างประเทศชิงยอดขายแบรนด์ไทยจากค่าเงินบาทแข็ง-เอฟทีเอ นายจักรพงษ์ เฉลิมชัย ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัท เซ็นทรัลเทรดดิ้ง ผู้ผลิต นำเข้าเสื้อผ้า และจัดจำหน่ายเสื้อผ้า ในห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลและโรบินสัน กล่าวว่า ช่วง 4 เดือนที่ผ่านมามีแบรนด์เสื้อผ้าจาก ต่างประเทศถูกนำเข้ามาทำตลาด ในประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 10 แบรนด์ จากนักลงทุนต่างชาติที่มองการทำตลาดในไทยระยะยาวจาก 2 ปัจจัยบวกสนับสนุน คือ 1.ค่าเงินบาทไทยที่แข็งค่า ขึ้นเรื่อยๆ และ 2.มาตรการภาษีที่มีแนวโน้มลดลงจากข้อตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างประเทศต่างๆ (เอฟทีเอ) ที่ประเทศไทยร่วมลงนามกับประเทศต่างๆ เช่น จีน ญี่ปุ่น เป็นต้น พร้อมคาดว่านับจากนี้ไป จะมีแบรนด์เสื้อผ้าจากต่างประเทศนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่ง ผลให้ตลาดเสื้อผ้าแฟชั่นในประเทศไทยในอนาคตจะแข่งขันรุนแรง และเป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะกระทบต่อยอดขายของสินค้าแบรนด์เนมท้องถิ่น หรือ โลคัล แบรนด์ นายจักรพงษ์ กล่าวว่า สำหรับเสื้อผ้าบุรุษยี่ห้อเอสแฟร์ ซึ่งเป็นแบรนด์ไทยนั้น ปีนี้ตั้ง เป้าเติบโต 15% จากปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตเพียง 5% โดยยอดขายของเอสแฟร์ ในปีนี้จะ มีสัดส่วนของการส่งออกเพิ่ม ขึ้นจาก 10% เป็น 20% โดยในอนาคตเตรียมรุกทำตลาดในต่างจังหวัดมากขึ้นด้วย http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=business&id=237521
โดย
chartchai madman
จันทร์ พ.ค. 12, 2008 12:48 pm
0
0
news12/05/08
ประกันโตสวนศก. โพสต์ทูเดย์ เศรษฐกิจชะลอตัวไม่กระทบลูกค้าประกันไตรมาสแรกส่งเงินต่อเนื่องดันเบี้ยรับรวมโต 14% สูงกว่าจีดีพี 2 เท่า สมาคมประกันชีวิตไทย รายงาน ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปี 2551 ของธุรกิจประกันชีวิตทั้งระบบมีเบี้ยรับรวม 5.12 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากงวดเดียวกันของปี 2550 ที่มีจำนวน 4.50 หมื่นล้านบาท เติบโตสูงกว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจหรือจีดีพี ซึ่งอยู่ที่ 6% ทั้งนี้ ลูกค้าใหม่ยังคงมีการซื้อประกันเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเงิน 1.04 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% และมีกลุ่มลูกค้าที่ซื้อประกันชีวิต ซึ่งชำระเบี้ยครั้งเดียวเป็นเงิน 4,284 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47% ลูกค้าเก่าต่ออายุกรมธรรม์ตั้งแต่ปีที่ 2 ขึ้นไปเป็นเงิน 3.64 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 87% ที่มีอัตรา ความยั่งยืนของกรมธรรม์ 85% นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต ผลประกอบการเดือน ม.ค. มี.ค. 2551 นั้น บริษัทมีเบี้ยประกันรับรวมสูงถึง 3,830 ล้านบาท นับเป็นการเติบโตสูงถึง 33% เป็นเบี้ยประกันปีแรก 1,495 ล้านบาท เติบโต 29% และเบี้ยประกันต่ออายุ 2,335 ล้านบาท เติบโต 36% นายอภิรักษ์ ไทพัฒนกุล กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยประกันชีวิต กล่าวถึงผลประกอบการของบริษัทในช่วงไตรมาสแรก ปี 2551 ว่า สามารถผลิตเบี้ยประกันรับที่เกิดจากธุรกิจใหม่ได้ 1,666 ล้านบาท โดยเป็นเบี้ยประกันรับปีแรก 1,350 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12% เบี้ยประกันรับปีต่อไป 5,330 ล้านบาท เติบโต 8% เบี้ยประกันรับรวม 7,115 ล้านบาท เติบโต 9% นางบุษรา อึ๊งภากรณ์ ผู้อำนวยการสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวว่าไตรมาสแรกของปี 2551 ระหว่าง เดือน ม.ค.-มี.ค. มีผู้สมัครสอบตัวแทนทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 56,055 คน เพิ่มจากปีก่อนในระยะเดียวกัน ซึ่งมี ผู้สมัครสอบ 44,785 คน หรือ เพิ่มขึ้น 25.16% ในจำนวนนี้ เข้าสอบ 41,275 คน สอบผ่าน 24,209 คน หรือ 58.65% ของผู้เข้าสอบ http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=finance&id=237504
โดย
chartchai madman
จันทร์ พ.ค. 12, 2008 12:46 pm
0
0
news12/05/08
ธนาคารโลกชี้จีนไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ นายจัสติน ลี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ ธนาคารโลก กล่าวว่า ผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลงอย่างมากและต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่า จะเกิดขึ้นจนถึงสิ้นปีนี้นั้น อาจส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยกับจีน เนื่องจากสินค้าที่จีนผลิตและส่งออกไปยังสหรัฐฯนั้น ส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่เกิดจากการผลิตที่เน้นการใช้แรงงานคนเป็นส่วนใหญ่ ที่สำคัญเป็นสินค้าอุปโภค และบริโภคประจำวัน ที่มีความจำเป็นอย่างมากต่อชีวิตความเป็นอยู่ และการใช้ชีวิตของคนอเมริกัน ดังนั้น การส่งออกของจีนในปีนี้ และปีหน้ายังคงแข็งแกร่งต่อ พ่อค้าจีนเแห่ตุนแร่เหล็ก มั่นใจปรับขึ้นแน่ 85% ขณะนี้ผู้ประกอบการเหล็กนั้นพยายามนำเข้าแร่เหล็กกันอย่างเต็มที่ ทำให้ที่ท่าเรือเทียนจินขณะนี้มีเรือที่บรรทุกแร่เหล็กจากออสเตรเลียมาอยู่เป็นจำนวนมากถึง 70,000 ตัน ปัจจุบันการเจรจาระหว่างวิสาหกิจเหล็กของจีนกับทางผู้ประกอบการแร่เหล็กของออสเตรเลียยังไม่ลงตัว การเซ็นสัญญาระยะยาวระหว่างผู้ประกอบการจีนกับซัพพลายเออร์ของอินเดียก็ยังไม่ได้รับการอนุมัติ ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ การนำเข้าเหล็กจำนวนมากของจีน ย่อมเป็นการผลักดันให้ซัพพลายเอ้อร์ต่างประเทศมีโอกาสขึ้นราคาสินค้ามากขึ้น จีนเตรียมขยาย 3G ใน 10 เมืองใหญ่หลังโอลิมปิก นายคุณ วั่น กัง รัฐมนตรีประจำสำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจีน(CAST) ได้ประกาศ ว่าจะนำ 1 ใน 4 ของเทคโนโลยียุค 3G ซึ่งจีนได้คิดค้นและพัฒนาขึ้น มาประเดิมใช้ใน 10 เมืองใหญ่ จากเดิมมีการทดสอบระบบไปแล้ว 8 เมือง ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ เทียนจิน เสิ่นหยาง กว่างโจว เซินเจิ้น เซี่ยเหมิน และเกาฉินหวงเต่า แต่ในอีก 2 เมืองใหญ่และรายละเอียดปลีกย่อยในส่วนของเวลารวมถึงขอบเขตพื้นที่ใช้งาน ยังไม่มีรายงานเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ในเชิงพาณิชย์นั้น ทางCAST ได้เผยว่ายังไม่พร้อมที่จะนำมาใช้ในช่วงโอลิมปิกที่จะถึงนี้ เกาหลีใต้สั่งเพิ่มสำรองยาต้านไวรัสไข้หวัดนก ขณะการแพร่ระบาดลุกลามเกือบทั่วประเทศ กระทรวงเกษตรของเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ไข้หวัดนกได้แพร่ระบาดไปเกือบทั่วประเทศแล้ว แม้จะได้มีการฆ่าสัตว์ปีกทั้งเป็ดและไก่ทั่วทั้งประเทศเมื่อเดือนเมษายนกว่า 6,700,000 ตัว แล้วก็ตาม ประธานาธิบดี ลี เมียง บัค ของเกาหลีใต้ ประกาศให้เพิ่มปริมาณสำรองยาต้านเชื้อไวรัส เพื่อคลายความวิตกของประชาชน หลังเชื้อไวรัสไข้หวัดนกระบาดไปเกือบทั่วประเทศ UN เตรียมทุ่มงบบริจาค 187 ล้านดอลล์ช่วยเหลือเหยื่อพายุไซโคลนนาร์กิสในพม่า องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ออกแถลงการณ์ว่า สมาชิกยูเอ็นจาก 192 ชาติจะบริจาคเงินจำนวน 187 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยพายุไซโคลนนาร์กิสในพม่ากว่า 1 ล้าน 5 แสนคน แม้รัฐบาลทหารพม่าจะยังคงไม่อนุญาตให้ความช่วยเหลือจากต่างประเทศเข้าไปภายในประเทศก็ตาม อย่างไรก็ตาม รัฐบาลทหารพม่ายังคงแบ่งรับแบ่งสู้เรื่องการเปิดรับความช่วยเหลือ และยังคงจำกัดความช่วยเหลือจากนานาชาติที่ต้องการเข้าถึงจุดที่เป็นอันตรายที่สุดหลังจากพายุไซโคลนนาร์กิสถล่ม ติดตาม Morning Brief ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 8.00 น. ช่องทางการรับชม Money Channel: True Visions ช่อง 80, จานดาวเทียม Samart DTH ช่อง 08 และเคเบิลทีวีท้องถิ่นทั่วประเทศ ช่อง 30 http://www.moneychannel.co.th/Menu6/MorningBrief/tabid/104/newsid553/54975/Default.aspx
โดย
chartchai madman
จันทร์ พ.ค. 12, 2008 12:31 pm
0
0
news12/05/08
CEO ซิตี้กรุ๊ปเผยจะขายทรัพย์สิน 12 ล้านล้านบาท นายวิคราม พันดิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคาซิตี้กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯและของโลก เตรียมเปิดเผยแผนธุรกิจของธนาคารครั้งสำคัญ ที่เน้นการแก้ไขวิกฤติผลประกอบการของธนาคารที่ย่ำแย่เป็นประวัติกาณณ์ ที่เกิดจากวิกฤติการเงินสินเชื่อในสหรัฐฯคาดว่า แผนดังกล่าว นำไปสู่การตัดขายสินทรัพย์ของธนาคารมูลค่า 4 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 12.8 ล้านล้านบาท นอกจากนี้แผนดังกล่าวยังครอบคลุมไปถึงการปลดพนักงานธนาคารออกอีกจำนวนหนึ่ง ธนาคารซิตี้กรุ๊ปเตรียมขายทิ้งธุรกิจสินเชื่อบุคคลที่ญี่ปุ่น ธนาคารซิตี้กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยต่อไปว่า กำลังพิจารณา ยุบ และขายทิ้ง สายงานธุรกิจสินเชื่อผู้บริโภคของธนาคาร CFJKK ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นธนาคารร่วมทุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นดับดับที่ 5 เพื่อต้องการลดภาระในการประกอบการของธนาคารไม่เพียงเฉพาะในสหรัฐฯเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงทั่วโลกอีกด้วย ทั้งนี้การตัดสินใจดังกล่าวเป็นไปตามแผนงานการขายสินทรัพย์ของธนาคารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯและของโลกที่วางเป้าหมายไว้ถึง 12.8 ล้านล้านบาท http://www.moneychannel.co.th/Menu6/MorningBrief/tabid/104/newsid553/54975/Default.aspx
โดย
chartchai madman
จันทร์ พ.ค. 12, 2008 11:55 am
0
0
news12/05/08
น้ำมันดิบทะลุกว่า 126 เหรียญสร้างสถิติพุ่งขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดในรอบ 1 ปี Posted on Monday, May 12, 2008 ราคาน้ำมันดิบนิวยอร์กทำสถิติใหม่แตะ 126.27 เหรียญ ราคาน้ำมันดิบนิวยอร์ก สหรัฐฯ และเบรนท์อังกฤษทะเลเหนือ พุ่งขึ้นสร้างสถิติราคาซื้อขายสูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ในรอบ 25 ปีและ 20 ปีตามลำดับ เป็นเวลา 1 สัปดาห์ติดต่อกัน โดยราคาซื้อขายสูงสุดระหว่างวันที่พุ่งผ่าน 126 เหรียญ และราคาซื้อขายสูงสุดระหว่างวันของตลาดนิวยอร์กขึ้นแตะ 126.27 เหรียญต่อบาเรล ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์อังกฤษทะเลเหนือก็สร้างสถิติใหม่ที่บาเรลละ 125.90 เหรียญเช่นเดียวกัน ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกพุ่งเท่าตัวจากปีที่แล้วถึงปัจจุบัน ราคาปิดของน้ำมันดิบในของทั้ง 2 ตลาด ยังสร้างสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ด้วยเช่นกัน โดยราคาปิดของ Nymex อยู่ที่ 125.96 เหรียญ เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้ากว่า 2% ส่วนราคาปิดของเบรนท์อยู่ที่บาเรลละ 125.40 เหรียญ ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบมีส่วนต่างที่ทะยานเพิ่มสูงขึ้นนับจากต้นปีจนถึงเมื่อคืนที่ผ่านมาหากเปรียบเทียบเป็นเงินดอลลาร์จะสูงถึง 100% และเปรียบเทียบเป็นสกุลเงินยูโรจะเพิ่มขึ้น 75% และทะยานขึ้นถึง 74% เมื่อเทียบเป็นสกุลเงินเยน เงินเหรียญสหรัฐฯอ่อนค่าต่อเนื่อง กดดันราคาน้ำมันดิบพุ่ง ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทะยานขึ้นถึง 8.3% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งกลายเป็นสถิติสูงสุดรายสัปดาห์ในรอบ 14 เดือน และยังคงผลักดันให้ราคาน้ำมันดิบทะยานพุ่งเข้าใกล้บาเรลละ 127 เหรียญ เกิดจากภาวะการอ่อนค่าลงของค่าเงินเหรียญสหรัฐฯเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินสำคัญทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง ตามด้วยตัวเลขกำลังการผลิตน้ำมันดิบจาประเทศไนจีเรียในเดือนเมษายนที่ต่ำสุดในรอบ 10 ปี สาเหตุจากการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของบริษัทสัญชาติต่างประเทศของฝ่ายหัวรุนแรง ประธานกลุ่มโอเปกเชื่อเห็นแน่ราคาบาเรลละ 200 เหรียญหากเงินดอลลาร์อ่อนค่าอีก นายชาคิป เคอิล ประธานกลุ่มโอเปก และรัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันแอลจีเรีย กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นราคาน้ำมันดิบที่ 200 เหรียญต่อบาเรล หากเงินเหรียญสหรัฐฯยังคงอ่อนค่าลงต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด ด้านนายโชคริ กราเนม ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจผลิตน้ำมันของลิเบีย เนชั่นแนล ออยล์ กล่าวว่า กลุ่มโอเปก ซึ่งผลิตน้ำมันดิบป้อนทั่วโลกรวมกว่า 40% อาจตัดสินใจจัดการประชุมของกลุ่มก่อนกำหนดการปกติ ที่จะมีขึ้นในเดือนกันยายนนี้ หลังแนวโน้มราคาน้ำมันดิบทะยานพุ่งสูงขึ้นอย่างไม่สิ้นสุดและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ รอยัลดัชท์เชลล์ที่สิงคโปร์เตรียมปิดซ่อมโรงกลั่นในเดือนมิถุนายน บริษัทรอยัลดัชท์ เชลล์ ที่สิงคโปร์ ประกาศว่า ในเดือนหน้าจะปิดซ่อมโรงกลั่นน้ำมันสำเร็จรูป ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ตามด้วยการสั่งปิดหน่วยการกลั่นน้ำมันสำเร็จรูปอีก 2 แห่ง ซึ่งทั้งหมดตั้งอยู่ในสิงคโปร์ ทั้งนี้เพื่อเป็นไปตามกำหนดการปิดซ่อมบำรุงตามปกติ ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันกลั่นสำเร็จรูปของรอยัลดัชท์ เชลล์ที่สิงคโปร์ หายไปจากตลาดราว 1.1 1.3 แสนบาเรล ทั้งนี้ 90% ของนำมันที่ผลิตได้วันละ 5 แสนบาเรล จะส่งขายในภูมิภาคเอเชีย รอยัลดัชท์ เชลล์ ในไนจีเรีย ชี้สูญน้ำมันดิบวันละ 3 หมื่นบาเรล บริษัทรอยัลดัชท์เชลล์ในไนจีเรีย เปิดเผยว่า ผลจากการโจมตีของกบฎหรือกลุ่มหัวรุนแรงในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้กำลังการผลิตน้ำมันดิบของเชลล์ที่ไนจีเรีย หายไปจากตลาดมากถึงวันละ 3 หมื่นบาเรล ทำให้สูญเสียรายได้สูงถึงวันละ 409 ล้านเหรียญไนร่า ทั้งนี้กำลังการผลิตของรอยัลดัชท์เชลล์ที่ไนจีเรีย มีกำลังการผลิตน้ำมันดิบมากถึงครึ่งหนึ่งของทั้งประเทศที่สามารถทำได้ถึงวันละ 2.1 ล้านบาเรล และเป็นที่คาดกันว่า เหตุรุนแรงดังกล่าวยังคงเกิดขึ้นตลอดทั้งปีนี้ ราคาน้ำมันดิบนิวยอร์กในเอเชียถูกทำลายสถิติเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ย้อนไปดูราคาน้ำมันดิบนิวยอร์กสหรัฐฯและน้ำมันดิบเบรนท์อังกฤษทะเลเหนือ มีราคาซื้อขายในตลาดเอเชียเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาพบว่า ทะยานพุ่งสูงขึ้นทำลายสถิติซื้อขายสูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติการณ์ โดยราคาน้ำมันดิบไนเม็กซ์ที่เอเชียพุ่งทะลุ 125.12 เหรียญ เพิ่มขึ้น 1.43 เหรียญ หรือ 1% สอดรับกับราคาน้ำมันดิบเบรนท์อังกฤษพุ่งสูงสุดระหว่างวันเป็นสถิติใหม่ที่บาเรลละ 124.44 เหรียญ เพิ่มขึ้น 1.60 เหรียญ KPMG ชี้ผู้บริหารพลังงานเชื่อราคาน้ำมันจะต่ำกว่า 100 เหรียญในช่วงสิ้นปี KPMG บริษัทให้บริการที่ปรึกษาชั้นนำของโลก เปิดเผยผลสำรวจผู้บริหารในวงการพลังงานกว่า 300 คน พบว่า 55% ของผู้บริหารมองว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะลดต่ำกว่า 100 เหรียญสหรัฐฯต่อบาเรลในช่วงสิ้นปีนี้ ขณะที่ 21% มองว่า ราคาจะอยู่ที่ 101-110 เหรียญสหรัฐฯต่อบาเรล มีเพียง 9% เท่านั้นที่มองว่าราคาน้ำมันดิบจะอยู่เหนือกว่า บาเรลละ 120 เหรียญในช่วงสิ้นปี ทั้งนี้บรรดาผู้บริหารของบริษัทพลังงานชั้นนำระบุว่า จะเพิ่มการลงทุนราว 10% ในการสำรวจเพื่อการผลิตน้ำมัน เชฟร่อน ยักษ์ผลิตน้ำมันของสหรัฐฯเตรียมปลดคนงานกว่า 1,000 คน เชฟร่อน คอร์ปอเรชั่น ยักษ์ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ในสหรัฐฯ และอันดับต้น ๆ ของโลก กล่าวว่า ตามแผนการปรับโครงสร้างทางการเงินของบริษัท จะมีการปรับลดพนักงานของบริษัท ด้วยโครงการเกษียณก่อนกำหนดและวิธีการอื่น ๆ ซึ่งรวมกันแล้วจะต้องมีพนักงานออกจากงานทั้งสิ้น 1,100 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีพนักงานถึง 300 คน จะต้องเกษียณก่อนกำหนด และทั้งหมดทำงานอยู่นอกสหรัฐฯ ทั้งนี้คาดว่า กระบวนการทั้งหมดในการลดจำนวนพนักงานจะสิ้นสุดลงในปีหน้าเป็นอย่างช้า http://www.moneychannel.co.th/Menu6/MorningBrief/tabid/104/newsid553/54975/Default.aspx
โดย
chartchai madman
จันทร์ พ.ค. 12, 2008 11:53 am
0
0
news12/05/08
Breaking News โอเปกอาจนัดหารือฉุกเฉิน หลังราคาน้ำมันวิ่งทำสถิติสูงสุดไม่หยุด เหนือ 125-126 $ Posted on Saturday, May 10, 2008 การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรํฐ เทียบกับเงินสกุลหลักของโลก ประกอบกับปัญหาภายในไนจีเรีย ก็ยังคงสร้างแรงกดดันให้เกิดการโยกเงินเข้ามาเก็งกำไรราคาน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด สัญญาซื้อขายล่วงหน้าของน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ของตลาดไนเม็กซ์ แห่งนิวยอร์ก ส่งมอบเดือนมิถุนายน ทะยานขึ้นทำสถิตสูงสุดใหม่ ที่บาร์เรลละ 126.20 ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนจะอ่อนตัวลงมาซื้อขายใกล้เคียงระดับ 126.00 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนมิถุนายนเช่นเดียวกัน ก็พุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ นับจากปี 1988 เป็นต้นมา แตะ 125.90 ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปรับฐานลงมาปิด บริเวณ 125.40 ดอลลาร์สหรัฐ การทะยานตัวของราคาน้ำมันดิบทำสถิติสูงสุดใหม่นี้ เกิดขึ้นติดต่อกัน 5 วันทำการของสัปดาห์ คิดเป็นอัตราเร่ง 8% และทำให้เมื่อเปรียบเทียบกับต้นปีนี้ ราคาน้ำมันดิบกระชากตัวขึ้นมาแล้วไม่น้อยกว่า 25% การดีดตัวของราคาน้ำมันครั้งนี้ กลายเป็นประเด็นที่เทรดเดอร์ และนักวิเคราะห์ต้องออกโรงมาติงแล้วว่า มีการเก็งกำไรราคากันรุนแรงเกินไปแล้ว อย่างนายวิกเตอร์ ชุม หุ้นส่วนอาวุโส แห่งบริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงาน เพอร์วิน แอนด์ เกิร์ตซ์ ในสิงคโปร์ บอกว่า ตลาดน้ำมันในเวลานี้เต็มไปด้วยพวกซึ่งต้องการดันราคาให้ขึ้นลิ่ว ๆ ขณะที่นายทัตสึโอะ นาเกยามะ นักวิเคราะห์จากคาเนตสึ แอสเสต แมเนจเมนต์ ในโตเกียว มีมุมมองว่า การที่มีสถานการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศ อย่างเช่น อิหร่าน และไนจีเรีย คอยสร้างความหวาดผวาไม่หยุดหย่อน ตลอดจนราคาน้ำมันเตาที่พุ่งขึ้นมา ก็ถือเป็นเหตุผลทำให้ตลาดไต่ขึ้นไปได้อยู่เหมือนกัน ทว่าสิ่งที่น่าวิตกก็คือ การทะยานตัวของราคา มีอัตราเร่งแรงเกินไปแล้ว แม้แต่ประธานองค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ยังออกโรงระบุเลยว่า หากเงินดอลลาร์สหรัฐยังไม่หยุดอ่อนค่า อาจได้เห็นราคาน้ำมันดิบ พุ่งทะลุ บาร์เรลละ 200 ดอลลาร์สหรัฐ เหมือนที่โกลด์แมน แซคส์ ซึ่งเป็นวาณิชธนกิจระดับแนวหน้าของสหรัฐ กล่าวไว้ในต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้านนายซาเลม เอล บาดรี เลขาธิการโอเปก ได้ออกมาแถลงย้ำจุดยืนของโอเปกอีกครั้ง ว่า เวลานี้เห็นกันชัดเจนอยู่แล้วว่าในตลาดไม่ได้ขาดแคลนน้ำมันดิบเลย หากแต่เป็นเพราะพัฒนาการในตลาดการเงิน และการที่พวกกองทุนเก็งกำไรพากันเข้าสู่ตลาดซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันกันมากขึ้น จนผลักดันให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น แม้แต่นักเศรษฐศาสตร์ และนักวิเคราะห์หลายราย ยังอกมาแสดงความเห็นตรงกับเลขาธิการกลุ่มโอเปก ว่า ตลาดน้ำมันที่กำลังอยู่ในภาวะกระทิงเปลี่ยววิ่งไม่ยอดหยุดเช่นนี้ มีแรงขับดันจากพวกกองทุนเก็งกำไรซึ่งเข้าไปเล่นในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ แต่พวกเขาก็โต้แย้งว่า แม้ปริมาณน้ำมันดิบในตลาดไม่ได้ขาดแคลน แต่หากโอเปกประกาศเพิ่มการผลิตมากขึ้น ก็น่าจะมีผลทางด้านจิตวิทยา ฉุดราคาน้ำมันไม่ให้ขึ้นต่อได้เช่นกัน และแนวคิดดังกล่าว ก็มีผลให้แกนนำผู้ค้าน้ำมันในกลุ่มโอเปกบางราย เผยว่า อาจต้องจัดประชุมฉุกเฉิน ก่อนหน้าการประชุมตามปกติในเดือนกันยายน เพื่อทบทวนความเป็นไปได้ในการเพิ่มกำลังการผลิต ยุติปัญหาราคาไร้เสถียรภาพ โดยนายชอกรี้ กาเนม ตัวแทนจากลิเบีย ได้ให้สัมภาณ์กับสำนักข่าวบลูมเบอร์ก ว่า กลุ่มโอเปกอาจต้องนัดหารือเพื่อส่งสัญญาณบางอย่าง เพื่อสร้างเสถียรภาพของระดับราคาน้ำมัน ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานอ้างแหล่งข่าวในโอเปกรายหนึ่งด้วยว่า โอเปกอาจจะพิจารณาเพิ่มการผลิต ก่อนหน้าการประชุมรัฐมนตรีน้ำมันตามกำหนดในเดือนกันยายน หากราคาน้ำมันดิบยังกระโจนพรวดไม่ยอมหยุด โดยให้ความเห็นด้วยว่า อาจต้องพูดคุยกันถึงการเพิ่มกำลังการผลิตให้เกินกว่าวันละ 500,000 บาร์เรล เพื่อยุติปัญหาราคา มันนี่ ชาเนล - วรนนท์ อัศวพิริยานนท์ http://www.moneychannel.co.th/BreakingNews/tabid/98/newsid533/54920/Default.aspx
โดย
chartchai madman
จันทร์ พ.ค. 12, 2008 11:50 am
0
0
update 07/05/08
CASE STUDY2: HOT HITS STOCKS IN TVI WEB BOARD : ซึ่งเป็นหุ้นในกระดานร้อยคนร้อยหุ้นโดยยึดเอารายชื่อ10อันดับแรกที่มีจำนวนครั้งคลิกเข้าไปดูมากที่สุด(สำรวจ ณ.30/04/08)ดังมีรายชื่อดังนี้ Tvi hot hit survey 04/08 1)snc 595,284 2)ilink 244,091 3)ptl 232,860 4)ums 222,887 5)se-ed 220,762 6)cpall 213,157 7)uec 204,507 8)tnh 189,474 9)oishi 179,186 10)pttep 171,770 จากการสำรวจหลังสุด30/04/08 ยังไม่มีหุ้นใดตกจาก10อันดับแรก จึงไม่ต้องปรับพอร์ท ในพอร์ทนี้มีปันผลเข้ามาดังนี้ -snc รับปันผลหุ้นละ0.25บาท จ่าย25/04/08ได้เงิน0.25*26,601 เท่ากับ6,650บาท นำไปซื้อหุ้นเพิ่มได้622หุ้น รวมมีหุ้นในพอร์ท27,223หุ้น -pttep รับปันผลหุ้นละ1.67บาท 11/04/08 ได้เงิน 1.67*2,130 เท่ากับ 3,557บาท นำไปซื้อหุ้นเพิ่มได้ 22หุ้น รวมมีหุ้นในพอร์ท2,152หุ้น -ilink รับปันผล หุ้นละ0.32บาท ในวันที่30/04/08 ได้เงินเท่ากับ 0.32*22,600 เท่ากับ7,232 บาท นำไปซื้อหุ้นเพิ่มได้990หุ้น รวมมีหุ้นในพอร์ท 23,590หุ้น -ums รับปันผลหุ้นละ1.50บาท วันที่20/03/08 ได้เงินทั้งหมด 1.50*12,483 เท่ากับ18,724บาท นำไปซื้อหุ้นเพิ่มได้680หุ้น รวมมีหุ้นในพอร์ท 13,163หุ้น -oishi รับปันผลหุ้นละ2บาท 24/04/08 ได้เงินทั้งหมด 2*12,220 เท่ากับ24,440บาท นำไปซื้อหุ้นเพิ่มได้ 815 หุ้น รวมมีหุ้นในพอร์ท13,035หุ้น หุ้น ปริมาณที่ถือ เงินลงทุน ราคาล่าสุด มูลค่าตลาด กำไร|ขาดทุน SNC 27,223 200,113.65 10.70 291,286.10 + 45.56 % PTTEP 2,152 197,843.56 166.00 357,232.00 +80.75 % ILINK 23,590 201,140.00 7.30 172,207.00 -14.38 % SE-ED 26,671 200,088.59 9.45 252,040.95 +25.96 % CPALL 29,700 323,730.00 10.20 302,940.00 -6.42 % TNH 30,240 234,720.00 6.15 185,976.00 -20.77 % UMS 13,163 234,825.00 28.75 378,436.25 +61.16 % UEC 26,800 234,500.00 6.95 186,260.00 -20.57 % OISHI 13,035 323,830.00 29.00 378,015.00 +16.73 % PTL 53,565 324,068.25 7.45 399,059.25 +23.14 % เงินลงทุนเริ่มต้น 2,000,000 บาท มูลค่าพอร์ต 2,903,451.60 บาท 1ปีได้กำไร 903,451.60บาท ผลตอบแทน+ 45.17%
โดย
chartchai madman
พุธ พ.ค. 07, 2008 10:54 pm
0
0
update 02/05/08
ผลการทดลองครบ1ปี ความจริงต้องอัพเดท ตั้งแต่สิ้นมีนาคม51 แต่เพื่อรอให้ครบรอบ1ปีของการทดลองพอดีจึง เลื่อนออกมาสรุปผลสิ้นเม.ย.51 ครับ ผลการทดลองครบ1ปี ปรากฏผลดังนี้ Case study 1 ***CASE STUDY 1: การทดลองลงทุนในหุ้นที่มีค่าเฉลี่ย roe และ roa เฉลี่ย13ปีหลังสุดมากกว่าหรือเท่ากับ12 % 10 อันดับแรก ซึ่งประกอบด้วยหุ้น10บริษัทดังนี้ 1)PR 2)SAUCE 3)TF 4)TUF 5)TVO 6)APRINT 7)ADVANC 8)NTV 9)THRE 10)TPCORP ในไตรมาสนี้มีปันผล ดังนี้ -thre ปันผลหุ้นละ 00.20บาท จ่ายปันผล11/04/08 ได้เงิน 37,851*0.20 เท่ากับ7,570บาท นำไปซื้อหุ้น ในราคาหุ้นละ6.05บาท ได้จำนวน 1,251หุ้น รวมมีหุ้นในพอร์ท 39,102หุ้น -tuf จ่ายปันผลหุ้นละ0.56บาท 25/04/08 ได้เงิน 9,205*0.56 เท่ากับ 5,154.80บาท นำไปซื้อหุ้น ได้จำนวน265หุ้น รวมมีหุ้นในพอร์ท หุ้น ปริมาณที่ถือ เงินลงทุน ราคาล่าสุด มูลค่าตลาด กำไร|ขาดทุน PR 1,839 198,444.91 98.00 180,222.00 -9.18 % SAUCE 2,000 198,444.91 132.00 264,000.00 +33.04 % TF 406 205,260.19 492.00 199,752.00 -2.68 % TUF 9,470 199,346.93 19.40 183,718.00 -7.84% TVO 31,810 198,044.01 20.80 661,648.00 +234.09% TPCORP 10,000 200,449.40 10.80 108,000.00 -46.12% THRE 39,102 202,854.79 6.00 234,612.00 +15.66% NTV 1,500 202,955.01 111.00 166,500.00 -17.96% APRINT 14,300 189,424.68 13.70 195,910.00 +3.42% ADVANC 2,793 204,308.05 93.00 259,749.00 +27.14% เงินลงทุน 2,000,000 บาท มูลค่าของพอร์ต 2,454,111 บาท กำไร 454,111 บาท ผลตอบแทนของพอร์ตผ่านไป1ปี ได้ผลตอบแทน 22.71 %
โดย
chartchai madman
ศุกร์ พ.ค. 02, 2008 11:13 pm
0
0
news29/04/08
ลุ้นครม.วันนี้ขึ้นน้ำตาล5บาท/กก. โพสต์ทูเดย์ จับตา ครม.ขึ้นราคาน้ำตาล 5 บาท/กก. อุ้มชาวไร่ ลือ สุวิทย์ สั่งโรงงานหยุดขายชั่วคราวรอราคาใหม่เพื่อทำกำไร แหล่งข่าวจากกระทรวงอุตสาห กรรม เปิดเผยว่า ในการประชุม ครม.วันที่ 29 เม.ย. นี้ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.อุตสาห กรรม จะเสนอให้มีการปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำตาลทรายอีก 5 บาท/กก. ตามมติของคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) การปรับราคาครั้งนี้จะส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำตาลทรายจากปัจจุบันอยู่ที่ กก.ละ 17.50 บาท เป็น 22.50 บาท/กก. น้ำตาลทรายขาวธรรมดาจาก 16.50 บาท/กก. เป็น 21.50 บาท/กก. และน้ำตาลสีรำจาก 16 บาท/กก. เป็น 22 บาท/ก.ก. ทั้งนี้ ราคาดังกล่าวยังไม่รวมค่าบรรจุภัณฑ์อีก 75 สต./กก. และเป็นราคาในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ส่วนราคาในต่างจังหวัดจะเป็นราคาที่บวกเพิ่มขึ้นตามค่าขนส่งด้วย การปรับขึ้นราคาดังกล่าวจะทำให้ชาวไร่อ้อยมีรายได้เพิ่มมา 6,500 ล้านบาท ซึ่งในหลักการจะต้องนำเงินที่ได้ไปใช้หนี้คืนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ที่ยังมีหนี้เก่าค้างอยู่ 1.7 หมื่น ล้านบาท แต่ในที่ประชุมมีการถกเถียงระหว่างชาวไร่กับโรงงานน้ำตาล เนื่องจากชาวไร่ต้องการได้เงินบางส่วนจากการขึ้นราคาเข้าสู่ระบบแบ่งปันผลประโยชน์ ไม่ใช่นำเงินไปใช้หนี้เก่าให้ ธ.ก.ส.ทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมีกระแสข่าวว่า นายสุวิทย์ ได้สั่งการให้โรงงานน้ำตาล 47 แห่ง ระงับการจำหน่ายน้ำตาลโควตา ก. (ขายในประเทศ) โควตา ข. (เพื่อส่งออกโดยบริษัทอ้อยและน้ำตาลไทย) และโควตา ค. (ส่งออกโดยโรงงานน้ำตาล) เป็นการชั่วคราว จนกว่ามติการปรับขึ้นราคาน้ำตาลจะผ่านความเห็นชอบจาก ครม. ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณให้โรงงานรอจำหน่ายราคาน้ำตาลใหม่ที่จะได้กำไรเพิ่มขึ้น นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ในวันที่ 29 เม.ย. จะเสนอขอปรับราคาอ้อยขั้นต้นเพิ่มอีก 107 บาท/ตันอ้อย เป็น 807 บาท/ตันอ้อย ส่วนจะมีการขึ้นราคาน้ำตาลอีก หรือไม่ อยู่ที่ กอน.ที่จะเสนอมา สำหรับกรณีที่มีข่าวสั่งโรงงานน้ำตาลระงับห้ามจำหน่ายน้ำตาลนั้น เป็นการดำเนินการเพื่อตรวจสอบตัวเลขปริมาณน้ำตาลทรายที่มีอยู่ในโรงงานว่ามีจำนวนเท่าใด เพื่อนำข้อมูลมาใช้ในการพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายต่อไป http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=business&id=235079
โดย
chartchai madman
อังคาร เม.ย. 29, 2008 1:23 pm
0
0
news29/04/08
ศก.ซึม-ฝนเร็ว ดึงคนใช้ไฟน้อย คาดเอฟทีไม่ขึ้น โพสต์ทูเดย์ สนพ.เชื่อยอดใช้ปีนี้ต่ำกว่าเป้าหมาย 23,300 เมกะวัตต์ จากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แถมฤดูฝนมาเร็วกว่าปกติ นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า ปริมาณการใช้พลังไฟฟ้าสูงสุด (พีค) ในภาพรวม 3 เดือนแรกของปี 2551 (ม.ค.-มี.ค.) เพิ่มสูงขึ้น โดยในเดือน ม.ค. 2551 อยู่ที่ 20,733 เมกะวัตต์ สูงขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 4.95% ส่วนเดือน ก.พ. อยู่ที่ 20,708 เมกะวัตต์ สูงขึ้นจากช่วงเดียวกัน 0.56% และเดือน มี.ค. 2551 อยู่ที่ 22,112 เมกะวัตต์ สูงขึ้นจากช่วงเดียวกัน 0.22% ในขณะที่อัตราการใช้ไฟสูงสุดตอนนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 เม.ย. อยู่ที่ 22,568 เมกะวัตต์ แต่ยังต่ำกว่าเมื่อเทียบกับตัวเลขไฟพีคที่คาดการณ์ไว้จะเกิดขึ้นในปีนี้ที่ระดับ 23,300 เมกะวัตต์ ทั้งนี้ ปริมาณการใช้ไฟฟ้าที่สูงขึ้นถือว่ามีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวลง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์ราคาน้ำมันแพง ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ภาคประชาชน ภาคอุตสาหกรรม ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าที่ลดลงตามไปด้วย นอกจากนี้ยังมีผลจากมาตรการรณรงค์ประหยัดพลังงานของภาครัฐที่รณรงค์อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการส่งเสริมการใช้อุปกรณ์ประหยัดไฟฟ้า (เบอร์ 5) ทำให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญการประหยัดพลังงาน เมื่อพิจารณาตัวเลขไฟพีคที่เกิดขึ้น คาดว่าปริมาณการใช้ไฟฟ้าตลอดปี 2551 จะต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ที่ 158,994 ล้านหน่วย และคาดว่าไฟพีคที่จะเกิดขึ้นในปี 2551 จะต่ำกว่าที่ประมาณไว้ที่ 23,300 เมกะวัตต์ เนื่องจากภาวะฝนตกที่มาเร็วกว่ากำหนด นายวีระพล กล่าว แหล่งข่าวจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ปริมาณฝนที่มาเร็วกว่าปกติทำให้การผลิตไฟฟ้าหันมาใช้น้ำได้มากขึ้น และช่วยบรรเทาต้นทุนการผลิตไฟฟ้าได้บ้าง และในการคำนวณอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) งวดถัดไปมีความเป็นไปได้ที่จะไม่ปรับขึ้น หรือคงอัตราเดิมไว้ http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=business&id=235118
โดย
chartchai madman
อังคาร เม.ย. 29, 2008 1:19 pm
0
0
news29/04/08
บีโอไอไฟเขียว 6โครงการลงทุน ต่อยอดอีโคคาร์ โพสต์ทูเดย์ บอร์ดเล็กบีโอไอ ไฟเขียว 6 โครงการลงทุนอุตสาหกรรมยานยนต์ เกือบ 2,000 ล้านบาท ต่อยอดโครงการลงทุนอีโคคาร์ นายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการส่งเสริมการลงทุน ได้อนุมัติโครงการส่งเสริมการลงทุนที่เกี่ยวกับการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์และยานพาหนะ จำนวน 6 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 1,996 ล้านบาท สำหรับรายละเอียดโครงการที่ได้รับอนุมัติเช่น 1.บริษัท อินทิเกรเทดพรีซิชั่น เอ็นจิเนียริ่ง (ประเทศไทย) ขอขยายกิจการผลิตชิ้นส่วนโลหะขึ้นรูปสำหรับยานพาหนะ และงานอุตสาหกรรมอื่นๆ มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 149.2 ล้านบาท 2.นายสมพงษ์ เผอิญโชค ขอรับการส่งเสริม (ขยายกิจการ) ผลิตชิ้นส่วนยานพาหนะ ชุดหุ้มเบาะ เบาะที่นั่ง และ SHIFTER ประเภทละ 1 แสนชุด มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 747.2 ล้านบาท 3.บริษัท เซนต์โกเบน ซีคิวริท (ไทยแลนด์) ขอรับการส่งเสริม (ขยายกิจการ) ผลิตกระจกนิรภัยเทมเปอร์ มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 336 ล้านบาท 4.บริษัท บางกอก นากัทสึ ขอรับการส่งเสริมผลิตสายพานตีนตะขาบ มูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 325.2 ล้านบาท ฯลฯ การอนุมัติของคณะอนุกรรมการครั้งนี้ จะเป็นการขยายลงทุนให้โครงการอีโคคาร์พัฒนาเร็วยิ่งขึ้น เพราะชิ้นส่วนยานยนต์จัดเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมในการเข้ามารองรับตลาดรถยนต์ที่กำลังพัฒนาจึงเป็นหัวใจสำคัญ หลังจากได้ประมาณการว่าจะเริ่มผลิตจริงในปี 2553 ซึ่ง นอกจากจะช่วยเพิ่มยอดการส่งออกของไทยได้แล้ว จะช่วยประหยัดการนำเข้าน้ำมันได้ ส่วนมูลค่าการลงทุนในกลุ่มผลิตชิ้นส่วนอีโคคาร์ประมาณการว่าจะอยู่ประมาณ 1.4 แสนล้านบาท นายสุวิทย์ กล่าว http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=business&id=235117
โดย
chartchai madman
อังคาร เม.ย. 29, 2008 1:17 pm
0
0
news29/04/08
กูรูโฆษณาชี้ ครึ่งปีแรกแย่ โพสต์ทูเดย์ คาราทฯ ชี้อุตฯ โฆษณาครึ่งปีแรกซึม ของแพง น้ำมันพุ่ง ปิดทีไอทีวี หวังครึ่งหลังดันยอดรวมโต 6-7% นายวิชัย สุภาสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาราท (ประเทศไทย) กล่าวว่า สถานการณ์โดยรวมของอุตสาหกรรมโฆษณาในครึ่งปีแรก ไม่ดีนัก เนื่องจากสภาวะการเมืองไม่นิ่ง ราคาน้ำมันและสินค้าที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้โฆษณา ไม่กล้าลงทุน ขณะที่ตัวเลขไตรมาสแรก ลดลง 3% ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเปลี่ยนทีไอทีวี เป็นทีวีสาธารณะ ไม่มีโฆษณา ทำให้เม็ดเงินโฆษณาผ่านสถานีทีไอทีวีส่วนหนึ่งหายไป ปกติงบโฆษณาที่ใช้ผ่านทีไอทีวี ปีละ 8,000 ล้านบาท เมื่อไม่สามารถโฆษณาได้ ทำให้งบโฆษณาส่วนหนึ่งหายไปจากอุตสาหกรรมโฆษณา โดย 60% จะหมุนเวียนในช่องที่เหลืออีก 40% ใช้ไปกับสื่ออื่นๆ นายวิชัย กล่าว อย่างไรก็ตาม มองว่าในช่วงครึ่งปีหลัง อุตสาหกรรมโฆษณามีแนวโน้มขยายตัวมากกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากการกลับมาลงทุนด้านการโฆษณา การเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ เชื่อว่าจะทำให้ทั้งปีอุตสาหกรรมขยายตัว 6-7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่าน มา สำหรับบริษัท คาราทฯ ตั้งเป้าการเติบโตที่ 14% ในปีนี้ หรือมีรายได้รวม 7,400 ล้านบาท นายวิชัย กล่าวว่า สำหรับ คาราทฯ มีแผนลงทุนสื่อนอกบ้านมากขึ้นในปีนี้ เพื่อรองรับการขยายตัวของสื่อนี้ เนื่องจากมีราคาถูกกว่าสื่อโทรทัศน์ รวมทั้งมีแผนจะซื้อกิจการบริษัทด้านสปอร์ต มาร์เก็ตติง คาดว่าจะสรุปได้ปีนี้ และเริ่มให้บริการในต้นปีหน้า นอกจากนี้ บริษัทในกลุ่ม อีจิส มีเดีย ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ คาราททั่วโลก มีนโยบายให้บริษัท ในเครือ ร่วมหาวิธีลดภาวะโลกร้อน ภายใต้โครงการกรีนบีน โปรเจกต์ โดยตั้งเป้าหมายให้ทุกบริษัทในเครือ ลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้อย่างน้อย 20% ซึ่งในประเทศไทยตั้งเป้าลด 32% และจะเป็นแคมเปญใหญ่ของคาราทฯ ในปีนี้ ทั้งนี้ เม็ดเงินโฆษณาไตรมาสแรกของปี 2551 มูลค่า 2.07 หมื่นล้านบาท ลดกว่าไตรมาสแรกของปี 2550 ที่มีมูลค่า 2.15 หมื่นล้านบาท อยู่ลบ 3.67% โดยปัจจัยสำคัญอยู่ที่การถดถอยของการใช้งบโฆษณาทางโทรทัศน์ ตลอด 3 เดือนแรกของปี มีมูลค่า 1.17 หมื่นล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ที่ทำได้ 1.27 หมื่นล้านบาท ประมาณ 7.67% http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=business&id=235078
โดย
chartchai madman
อังคาร เม.ย. 29, 2008 1:16 pm
0
0
news29/04/08
- เจพีมอร์แกน : เจพีมอร์แกนฯ มองต่างชาติเข้าใจการลงทุนไทยมากขึ้น หลัง รมว.คลังไปโรดโชว์ > ผู้บริหารกลุ่มธนาคารเจพี มอร์แกน เชส และ บล.เจพี มอร์แกน(ปท.ไทย) มองว่าหลังจาก รมว.คลังไปโรดโชว์ต่างประเทศจะทำให้นักลงทุนต่างชาติเข้าใจการลงทุนไทยมากขึ้น โดยกลุ่มเจพี มอร์แกน เองก็ยังให้น้ำหนักการลงทุนในไทย เนื่องจากมองว่าอัตราการเติบโตของกำไร บจ. ใน ตลท. ปีนี้จะสูงถึง 14% และเศรษฐกิจก็น่าจะปรับตัวดีขึ้นด้วย โดยแนะให้ลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร, อสังหาริมทรัพย์ และวัสดุก่อสร้าง ขณะที่กลุ่มพลังงาน แนะนำให้เข้าซื้อ PTTEP และ BANPU ซึ่งเมื่อวานนี้(28 เม.ย.) กลุ่มธนาคารเจพี มอร์แกนฯ ได้จัดบรรยายข้อมูลเกี่ยวกับตลาดทุนไทยโดยมีกองทุนเข้าฟังประมาณ 43 กองทุน มูลค่าพอร์ตลงทุนราว 1 แสนล้านบาท (ที่มา : รอยเตอร์ 28 เม.ย.) โดยบริษัทหลักทรัพย์ ไซรัส จำกัด ประจำวันที่ 29 เมษายน 2551 http://www.thunhoon.com/home/
โดย
chartchai madman
อังคาร เม.ย. 29, 2008 10:45 am
0
0
news28/04/08
Energy (Oil) ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์อีกครั้ง ความเห็นนักวิเคราะห์ : ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์อีกครั้ง จากเหตุการณ์ท้วงนัดหยุดงานของคนงานที่โรงกลั่นอิเนออส ในเมืองแกรนจ์เมาธ์ สกอตแลนด์ ซึ่งเป็นโรงกลั่นหลักที่ซับพลายน้ำมันเบนซินและดีเซลประมาณ 10% ของอังกฤษ ส่งผลให้ BP ต้องปิดท่อลำเลียงน้ำมันในภูมิภาคทะเลเหนือซึ่งส่งน้ำมันราว 40% ของผลผลิตน้ำมันทั้งหมดในอังกฤษ นอกจากนี้ จากข่าวการโจมตีสถานีตำรวจในไอร์แลนด์ ซึ่งเป็นสถานีตำรวจในบอนนี ไอร์แลนด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานีส่งออกน้ำมันและก๊าซใหญ่ที่สุดของไนจีเรีย (ไทยโพสต์, ไอ เอ็น เอ็น, IQ BIZ) คำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐาน :เหตุการณ์ผิดปกติที่เข้ามากระทบอุปทานน้ำมันยังคงเป็นประเด็นสนับสนุนการปรับตัวสูงขึ้นของราคาน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่อง โดยส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า NYMEX ปรับขึ้นทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 119.93 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งคาดว่าอย่างน้อยในระยะสั้นความตึงตัวในตลาดน้ำมันจะยังสนับสนุนให้ราคาน้ำมันทรงตัวในระดับสูงหุ้นที่ได้รับประโยชน์ยังคงได้แก่ หุ้นกลุ่มน้ำมันโดยเฉพาะ upstreamได้แก่ PTTEP (ซื้อ ราคาเหมาะสม 182 บาท) , PTT (ซื้อ ราคาเหมาสม 421 บาท ทั้งนี้ PTTEP มีส่วนใน Valuation PTT 29%) สำหรับหุ้นกลุ่มโรงกลั่นราคาน้ำมันที่ทรงตัวสูงมีโอกาสทำให้ไตรมาส 2 มีโอกาสมีกำไรจากสต็อกน้ำมัน อย่างไรก็ตาม พื้นฐานของโรงกลั่นอิงกับค่าการกลั่นมากกว่าราคาน้ำมัน ทั้งนี้ โรงกลั่นที่ SCIBS แนะนำ ซื้อ ได้แก่ TOP(ราคาเหมาะสม 112 บาท) , PTTAR (ราคาเหมาะสม 56 บาท) BCP-DR1 (ราคาเหมาะสม 21.50 บาท) โดยบริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด ประจำวันที่ 28 เมษายน 2551
โดย
chartchai madman
จันทร์ เม.ย. 28, 2008 12:27 pm
0
0
news28/04/08
AH-TRUปีนี้โต15% STANLYขอแค่5% ทันหุ้น- เจาะผลงานหุ้นชิ้นส่วนไตรมาส 1/2551 AH-TRU-STANLY เปิดปากแค่น่าพอใจ บอกเป้าทั้งปี AH-TRU เป้ารายได้โต 15% ส่วน TRU ขอเกาะกระแสยอดขายรถยนต์โตแค่ 5% ส่วนภาพรวมหุ้นชิ้นส่วนเริ่มแรงซื้อดันดัชนีบวกสวนตลาด นายเย็บ ซู ซวน ประธานเจ้านห้าที่บริหาร บริษัท อาปิดก้ ไฮเทค จำกัด (มหาชน) AH เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/2551 จะออกมาดีกว่าช่วงเดียวกันของปืที่แล้วเนื่องจากยอดขายปรับเพิ่มขึ้นตามอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เติบโค โดยในปีนี้บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้ 15% จากปี 2550 ที่มีรายได้รวม 9,700 ล้านบาท กำไรสุทธิ 350 ล้านบาท
โดย
chartchai madman
จันทร์ เม.ย. 28, 2008 11:40 am
0
0
news26/04/08
ยุโรป-สหรัฐบุกเอเชียเผ่นวิกฤตเครดิต โพสต์ทูเดย์ นายแบงก์ทั่วโลกจ้องตะครุบตลาดเอเชีย คาด นักลงทุนจากตะวันตกหนีซับไพรม์หันมาซบตลาดแถบนี้อีกไม่นาน สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า บรรดานายธนาคารและนักวิเคราะห์ที่เข้าร่วมประชุมสินเชื่อปรับโครงสร้างที่สิงคโปร์ระบุว่า บรรดานักลงทุนจากสหรัฐและยุโรปต่างสนใจที่จะเข้าลงทุนในตลาดสินเชื่อของเอเชีย เนื่องจากมีโครงสร้างที่ซับซ้อนน้อยกว่าตลาดตะวันตก และมีส่วนผูกพันกับภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในระดับที่น้อยกว่า คาดว่านักลงทุนจากประเทศตะวันตกจะหลั่งไหลเข้าตลาดสินเชื่อของเอเชียหลังจากที่แรงกดดันจากวิกฤตสินเชื่อเริ่มคลายตัวลงแล้ว เราเชื่อว่าตลาดเอเชีย คือตลาดสินเชื่อที่น่าดึงดูดใจมากที่สุดในโลก วิกเตอร์ ฮอร์ต รองประธานยุทธศาสตร์สินเชื่อเอเชียของมอร์แกน สแตนเลย์ กล่าว ด้านเฮนรี ชาร์เพนเทียร์ จากมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส กล่าวว่า ตลาดสินเชื่อในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ของเอเชียสามารถต้านทานภาวะขาลงของตลาดอสังหาริมทรัพย์สหรัฐได้ และยังมีความโปร่งใสมากกว่า เข้าถึงแหล่งข้อมูลได้ง่าย รวมทั้งยังมีความหลากหลายด้านภูมิศาสตร์ที่เอื้อต่อการลงทุน ด้านจอยซ์เหลียง และชินาซึ ฮานิ จากเมอร์ริล ลินช์ ชี้ว่า ตลาดพันธบัตรที่อิงกับหลักทรัพย์ในเอเชียจะขยายตัวถึง 15% ในปีนี้โดยมีมูลค่าการลงทุนสูงถึง 4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1.26 ล้านล้านบาท) ทั้งนี้ ภูมิภาคเอเชียยกเว้น ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ถือเป็นผู้ขายพันธบัตรที่อิงกับหลักทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา โดยมีสัดส่วนการออกพันธบัตรถึง 45% ตามมาด้วยอินเดียที่ 30% ไต้หวันและจีนที่ 6% มาเลเซีย 5% สิงคโปร์ 4% และไทย 1% ส่วนประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากนี้มีสัดส่วนการออกที่ 4% ของปริมาณทั้งหมดในภูมิภาค โนมูระ โฮลดิงส์ บริษัทลงทุนหลักทรัพย์อันดับ 1 ของญี่ปุ่นไม่ อาจรอดพ้นพิษสินเชื่อเน่าเมื่อพบกับภาวะขาดทุนสุทธิสูงถึง 6.78 หมื่นล้านเยน (ราว 2.05 หมื่นล้านบาท) เมื่อช่วงปีที่ผ่านมา หลังจากที่เคยกวาดกำไรมาถึง 1.75 แสนล้านเยน (ราว 5.31 หมื่นล้านบาท) เมื่อปีก่อนหน้า รวมแล้วรายได้หล่นลงถึง 22.2% ที่ 1.59 ล้านล้านเยน (ราว 4.82 แสนล้านบาท) ก่อนหน้านี้ โนมูระประกาศแผนการปลดพนักงานถึง 400 ตำแหน่ง หรือ 30% ของแรงงานทั้งหมดในสหรัฐ เนื่องจากได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤตซับไพรม์ และได้ถอนตัวจากธุรกิจซับไพรม์ในสหรัฐมาตั้งแต่เดือน ต.ค.ปีที่แล้ว ด้านนักวิเคราะห์จากสำนักงานแรงงานรัฐนิวยอร์กของสหรัฐ เตือนว่า วิกฤตการณ์สินเชื่อที่กำลังขยายวงกว้างอย่างรวดเร็วอาจส่งผลให้มีการปลดพนักงานในย่านธุรกิจการเงินวอลสตรีตถึง 3.6 หมื่นตำแหน่ง หรือคิดเป็นสัดส่วนถึง 1 ใน 5 ของตำแหน่งงาน ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจการเงินของสหรัฐและเศรษฐกิจของรัฐนิวยอร์ก จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา บ่งชี้ว่า กำลังมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น เจมส์ บราวน์ นักวิเคราะห์ของ สำนักงานแรงงานรัฐนิวยอร์ก กล่าวและเสริมว่า วอลสตรีตเคยจ้างงานในอัตราสูงสุดถึง 200,300 ตำแหน่ง เมื่อช่วงเดือน ธ.ค. ปี 2543 เพียง 9 เดือนก่อนที่จะเกิดเหตุวินาศกรรมสหรัฐ 9/11 จนส่งผลสะเทือนครั้งใหญ่ต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้ ตัวเลขคาดการณ์ของบราวน์สูงกว่าตัวเลขประเมินของสำนักงานงบประมาณรัฐนิวยอร์กที่ระบุไว้เมื่อเดือน มี.ค. ถึง 2 เท่าตัว โดยตัวเลขประเมินก่อนหน้านี้ระบุว่า วอลสตรีตจะปลดพนักงานในอัตราสูงถึง 2 หมื่นตำแหน่ง http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=business&id=234578
โดย
chartchai madman
เสาร์ เม.ย. 26, 2008 6:46 pm
0
0
news26/04/08
ดันกม.ปราบแอบซูมหนังในโรง ร้องธุรกิจ2หมื่นล้านสูญกว่าครึ่ง โพสต์ทูเดย์ เอ็มพีเอ จับมือสมาพันธ์ภาพยนตร์ฯ ผลักดันกฎหมาย ฟันพวกแอบซูมหนังโรง ทำธุรกิจหนังไทยทรุดหนัก นายเทียนชัย ปิ่นวิเศษ ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย สมาคมผู้สร้างภาพยนตร์แห่งสหรัฐอเมริกา (Motion Picture Association : MPA) กล่าวว่า กำลังทำงานร่วมกับสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ เพื่อผลักดันกฎหมายป้องกันการแอบถ่าย เพื่อดำเนินคดีอย่างจริงจังกับผู้ลักลอบแอบถ่ายภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์ ซึ่งนับวันปัญหานี้จะรุนแรงขึ้นและวิกฤตหนัก โดยเฉพาะกับภาพยนตร์ไทย ปกติหนังเข้าฉายวันพฤหัสบดี แค่วันศุกร์ก็มีแผ่นละเมิดลิขสิทธิ์ หรือแผ่นผีวางขายแล้ว สถานการณ์การละเมิดลิขสิทธิ์สินค้าภาพยนตร์ในเมืองไทยยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ละเมิดไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทุกวันนี้แพร่กระจายเร็วมากผ่านอินเทอร์เน็ต นายเทียนชัย กล่าว ทั้งนี้ ปัญหาหลักของการละเมิดลิขสิทธิ์ขณะนี้อยู่ที่การแอบถ่ายในโรงภาพยนตร์ผ่านโทรศัพท์และกล้องดิจิตอล มีการทำเป็นขบวนการ 4-6 คน ผลัดกันถ่ายคนละ 10-20 นาที จากนั้นจึงนำไปลงเว็บไซต์เปิดให้ดาวน์โหลด ล่าสุดการละเมิดมีมากถึง 60-65% ของมูลค่าตลาด 2 หมื่นล้านบาท http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=business&id=234607
โดย
chartchai madman
เสาร์ เม.ย. 26, 2008 6:43 pm
0
0
news26/04/08
มิตซูฯเท7,000ล.ในไทย โพสต์ทูเดย์ มิตซูบิชิ เฮฟวี่ฯ ปักหลักในไทย เดินหน้าลงทุนกว่า 7,000 ล้านบาท เปิดโรงงานผลิตเทอร์โบชาร์จเจอร์หลัก 1 ใน 3 ฐานทั่วโลก นายคัตสุฮิเกะ โยชิดะ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี (เอ็ม เอชเอ) ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า บริษัทได้ตัดสินใจลงทุนมูลค่ากว่า 2.2 หมื่นล้านเยน (ประมาณ 7,000 ล้านบาท) ในประเทศไทย เพื่อก่อตั้งโรงงานผลิตเทอร์โบชาร์จเจอร์ในประเทศไทย โดยคาดว่าจะก่อสร้างโรงงานเรียบร้อยในช่วงเดือน ม.ค. 2551 และเริ่มเดินสายการผลิตได้ในเดือน เม.ย.ปีเดียวกัน การลงทุนในครั้งนี้จะทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 3 ฐานการผลิตเทอร์โบชาร์จเจอร์ขนาดใหญ่ของมิตซูบิชิ นอกเหนือไปจากที่ประเทศญี่ปุ่นและเนเธอร์แลนด์ ซึ่งนอกเหนือจากการลงทุนในประเทศไทย ก็จะ มีการลงทุนเพิ่มใน 2 ฐานการผลิต ที่เหลือเช่นกัน โดยบริษัทตั้งเป้าหมายว่าในปี 2554 จะมีกำลังการผลิตทั่วโลก 6.9 ล้านชิ้นต่อปี โดยการลงทุนทั้งหมดใช้งบประมาณกว่า 4.4 หมื่นล้านเยน (ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท) ทั้งนี้ โรงงานที่ประเทศญี่ปุ่น จะมีการผลิตสมองกล (Cartridge) เพิ่มขึ้นจาก 8 แสนชิ้น เป็น 3 ล้านชิ้นต่อปี พร้อมเพิ่มการประกอบ จาก 5 แสนชิ้นเป็น 1.4 ล้านชิ้น ขณะที่โรงงานในไทย จะมีกำลังการผลิตสมองกล 2.5 ล้านชิ้น และไลน์ประกอบ 5 แสนชิ้นต่อปี ซึ่งกำลังการผลิตสมองกล ส่วนที่เหลือจะส่งไปยังโรงงานประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่จะประกอบเพิ่มจาก 8 แสนชิ้น เป็น 2.8 ล้าน ชิ้นต่อปี เรามองที่ศักยภาพในด้าน คลัสเตอร์ชิ้นส่วน และแรงงานที่มีความชำนาญสูงในประเทศไทย จึงตัดสินใจมาลงทุน ที่นี่ นายโยชิดะ กล่าว นอกจากนี้ ยังได้ก่อตั้งบริษัท มิตซูบิชิ เทอร์โบชาร์จเจอร์ เอเชีย (เอ็มทีเอ) ขึ้นมาดูแลการ บริหารงานในประเทศไทยขณะที่ตลาดส่งออกจะเป็นลักษณะการเทรดอินระหว่างบริษัทลูกของเอ็มเอชเอ จึงยังไม่ได้ให้ดูแล http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=business&id=234592
โดย
chartchai madman
เสาร์ เม.ย. 26, 2008 6:42 pm
0
0
news26/04/08
น้ำมัน225ดอลล์ ชี้รอไม่นานแค่4ปี โพสต์ทูเดย์ น้ำมันร้อนฉ่ายาว คาดอีก 4 ปี ราคาเพิ่มเท่าตัว ธนาคารซีไอบีซี ของแคนาดาระบุว่า ราคาน้ำมันมีแนวโน้มที่จะถีบตัวขึ้นมาถึง 150 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ภายในปี 2553 และถึง 225 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ภายในปี 2555 หรือคิดเป็นเท่าตัวจากระดับราคาในปัจจุบัน ซีไอบีซีระบุว่า ตัวเลขประมาณการกำลังการผลิตน้ำมันของสำนักงานพลังงานสากล (ไออีเอ) มีความผิดพลาด โดยมีอัตราสูงกว่าความเป็นจริงถึง 9% เนื่องจากนับรวมปริมาณก๊าซธรรมชาติเหลว ซึ่งไม่สามารถนำมาใช้กับยานพาหนะได้ ไม่ว่าเราได้ผ่านถึงช่วงเวลาที่ราคาน้ำมันถีบตัวถึงระดับสูงสุดหรือไม่นั้น ยังเป็นสิ่งที่ต้องจับตากันต่อไป แต่ขณะนี้เริ่มเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ภาพรวมของปริมาณการผลิตน้ำมันบ่งชี้ถึงภาวะขาดแคลนอย่างเหนือความคาดหมาย เจฟฟ์ รูบิน นักวิเคราะห์ของซีไอบีซี กล่าว รายงานระบุว่า ปริมาณความต้องการน้ำมันในตลาดโลกจะปรับสูงขึ้นตามปริมาณรถยนต์ที่มียอดขายสูงขึ้นทุกปี โดยเมื่อปีที่แล้วยอดขายรถยนต์ในรัสเซียพุ่งขึ้นถึง 60% และ 30% ในบราซิล ส่วนในจีนเพิ่มขึ้น 20% นอกจากนี้ การเปิดตัวรถยนต์ราคาถูก เช่น รถยนต์ของทาทา มอเตอร์ ที่มีราคาเพียง 2,500 เหรียญสหรัฐ (ราว 7.8 หมื่นบาท) จะเอื้อให้ชาวอินเดียหลายล้านคนแห่ซื้อรถยนต์มาครอบครอง ด้านกลุ่มวุฒิสมาชิกของสหรัฐนำโดยชาร์ลส์ ชูเมอร์ ได้ยื่นจดหมายร้องเรียนต่อประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช แห่งสหรัฐ ให้ขัดขวางข้อตกลงซื้อขายอาวุธกับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันเป็นสินค้าหลัก (โอเปก) หากทางกลุ่มไม่ยอมเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อดึงราคาให้ปรับลดลง ด้านราคาทองคำในตลาดฮ่องกงปรับลดลงอย่างฮวบฮาบหลังปิดตลาดวันที่ 25 เม.ย. โดยราคาปรับลงมาอยู่ที่ 882.00-883.00 ออนซ์ต่อเหรียญสหรัฐ หลังจากที่ราคาเคยค้างอยู่ที่ 900 เหรียญสหรัฐ ก่อนหน้านั้น 1 วันที่ 902.00-903.00 ออนซ์ต่อเหรียญสหรัฐ http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=business&id=234573
โดย
chartchai madman
เสาร์ เม.ย. 26, 2008 6:34 pm
0
0
news25/04/08
ประเมินทิศทางราคาข้าวแพงยาว5ปี โพสต์ทูเดย์ นักวิชาการไทย ฟันธง แนวโน้มราคาข้าวแพงต่อเนื่องไปอีก 5 ปี นายนิพนธ์ พัวพงศกร คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวในงานสัมมนา เรื่อง สถานการณ์ราคาข้าว : โอกาสของชาวนาไทย ว่า ราคาข้าวแพงจะเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ใช่เกิดขึ้น ปีเดียว แต่จะต่อเนื่องอีก 5 ปี สวนทางกับนักวิจัยในต่างประเทศที่ระบุว่า สถานการณ์ราคาข้าวจะแพง ต่อเนื่องไปถึง 10 ปี ตอนนี้ราคาข้าวปรับสูงขึ้นไปเหมือนฟองสบู่ จึงเป็นโอกาสทองของไทย แม้ว่ากลางปีนี้ ประเทศเวียดนามจะมีผลผลิตออกมา แต่ยังไม่ทราบปริมาณที่แท้จริง และอาจทำให้ราคาข้าวอ่อนตัวลงเพียงเล็กน้อย เพราะปริมาณความต้องการทั่วโลกยังสูง นายนิพนธ์ กล่าว ด้านนายสมพร อิศวิลานนท์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า สาเหตุที่ข้าวแพง เนื่องจากปริมาณสต๊อกข้าวโลกลดลงจาก 140 ล้านตันในปี 2544 เหลือต่ำกว่า 60 ล้านตันในปัจจุบัน โดยราคาข้าวหอม มะลิเดือน เม.ย. ปีนี้ เทียบกับปีที่แล้ว ปรับสูงขึ้นจาก 8,526 บาท/ตัน เป็น 1.9 หมื่นบาท/ตัน เพิ่มขึ้น 123% สำหรับข้าว 15% เพิ่มจาก 5,769 บาท/ตัน เป็น 1.46 หมื่นบาท/ตัน หรือเพิ่มขึ้น 153% ซึ่งในยุค ที่ข้าวราคาแพงชาวนาไม่ควรหลงระเริงใช้จ่ายเงิน แค่ควรนำไปจ่ายหนี้ เพราะเมื่อราคาข้าวลงจะมีหนี้เพิ่มและควรเก็บข้าวไว้รับประทานด้วย นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า กรณีที่ญี่ปุ่นมีการล้มประมูลข้าว มองว่าไม่เป็นเรื่องที่น่ากลัวทางการค้าข้าว เพราะขณะนี้ยังไม่มีประเทศใดเสนอประมูลซื้อข้าว นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การกำหนดราคาข้าวสารจำเป็นต้องผูกพันกับราคาข้าวเปลือก ให้ มีจุดคุ้มทุนที่เกษตรกรอยู่ได้และ มีกำลังใจพัฒนาคุณภาพข้าว http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=business&id=234400
โดย
chartchai madman
ศุกร์ เม.ย. 25, 2008 7:30 pm
0
0
news25/04/08
แอลซีดี-สลิมทีวีช่วยซัมซุง โพสต์ทูเดย์ ซัมซุงฟุ้ง แอล ซีดีทีวี สลิมทีวี ดันยอดขายภาพและเสียงโตสวนเงินเฟ้อ นายอาณัติ จ่างตระกูล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาสแรกที่ผ่านมา บริษัทมีอัตราการเติบโตในกลุ่มธุรกิจภาพและเสียงสูง ถึง 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะปัจจุบันคนไทยนิยมเลือกใช้โทรทัศน์ในกลุ่ม แอลซีดีทีวีและสลิมทีวีเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ในปีนี้คาดว่าตลาดรวมตลาดโทรทัศน์เติบโต 3% แบ่งเป็นแอลซีดีทีวี เติบโต 117% จำนวน 5 แสนเครื่อง สลิมฟิต เติบโต 150% จำนวน 8 แสนเครื่อง ขณะที่แฟลททีวีอัตราเติบโตลดลง 26% จำนวน 1.4 ล้านเครื่อง และคาดว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้าแฟลททีวีจะหมดไปจากตลาด อย่างไรก็ตาม บริษัทเตรียมใช้งบประมาณราว 1,000 ล้านบาท โฆษณาประชาสัมพันธ์ ผ่านสื่อครบวงจร รวมถึงจัด รายการส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง มุ่งจัดรายการส่งเสริมการขายร่วมกับตัวแทนจำหน่าย โดยในปีนี้จะทยอยเปิดตัวสินค้ากลุ่มภาพและเสียงตลอดปีกว่า 100 รายการ สำหรับกลยุทธ์ด้านการตลาด จะออกสินค้าใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ ในทุกกลุ่ม เน้นกลยุทธ์ ซีรีส์ มาร์เก็ตติง โดยชูจุดเด่นสินค้าในกลุ่มฟูลเอชดี แอลซีดีทีวี ซีรีส์ 7 พลาสมาซีรีส์ 4 เอชดีทีวี 3 มิติ เป็นต้น ซึ่งการทำตลาดอย่าง ต่อเนื่องในครั้งนี้ คาดว่ายอดขายในปีนี้จะโต 40% รวมถึงเป็นส่วนแบ่งอันดับ 1 ในกลุ่มโทรทัศน์ อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อว่าคนไทยยังมีกำลังซื้อสูง แม้ว่า ค่าครองชีพและราคาสินค้ายังปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ค่าจ้างแรงงานขยับตามด้วย โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรมีรายได้เพิ่ม จึงเป็นโอกาสให้สินค้าของบริษัท เข้าถึงกลุ่มต่างจังหวัดและกลุ่มรากหญ้า เชื่อว่าจะเป็นโอกาสให้ ซัมซุงเข้าถึงกลุ่มเกษตรกรมากขึ้น เพราะมีรายได้และกำลังซื้อ ซึ่งบริษัทจะจัดแคมเปญกระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลดช่องว่างระหว่างคนกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดลง นายอาณัติ กล่าว นอกจากนี้ ยอดขายโทรทัศน์ในช่วงไตรมาส 3 และ 4 นี้ ตลาดภาพและเสียงจะเติบโตมาก เพราะเป็นช่วงแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ที่ประเทศ และบอลยูโร ซึ่งบริษัทเตรียมเปิดตัวโทรทัศน์กลุ่มต่างๆ ในช่วงนั้น ประมาณ 40-50 รุ่น โดยคาดว่ายอดขายในช่วงดังกล่าวจะโต 30% http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=business&id=234396
โดย
chartchai madman
ศุกร์ เม.ย. 25, 2008 7:28 pm
0
0
news25/04/08
เสื้อผ้าทยอยย้าย รง.ผลิตจีนมาไทย โพสต์ทูเดย์ ฐานการผลิตภาคอุตสาหกรรมหวนกลับไทย หลังค่าแรงจีนพุ่ง 23% และรัฐบาลจีนเลิกอุ้มภาคอุตสาหกรรมในประเทศ นางพัชรวรรณ บุญนำทรัพย์ กรรมการบริหาร บริษัท ซานตา บาบาร่า อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้ ผลิตและจัดจำหน่ายเสื้อผ้าแบรนด์ โปโล แอนด์ ยีนส์ บาย ซานตา บาบาร่า โปโล แอนด์ แรคเก็ต คลับ กล่าวว่า เนื่องจากรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ยกเลิกนโยบายการสนับสนุนการผลิตภาคอุตสาห กรรมภายในประเทศ เช่น การ ลดภาษีที่ดินและภาษีเครื่องจักร เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการจีนสามารถยืนได้ด้วยตัวเอง ประกอบกับการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ทำให้ปัจจุบันค่าแรงในจีนพุ่งขึ้น 23% ส่งผลให้ค่าแรงในไทยเทียบกับค่าแรงจีน มีต้นทุนใกล้เคียงกันหรือต่างกันเพียง 5% จากเดิมที่มีส่วนต่างกันมากถึง 25% ดังนั้นนักลงทุนซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าต่างๆ จึงหันกลับมาจ้างแรงงานไทยและโรงงานอุตสาหกรรมในประเทศไทยเป็นฐานการผลิตแทน เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอ เครื่องหนัง รองเท้า กระเป๋า เป็นต้น เพราะแรงงานไทยมีข้อได้เปรียบเรื่องคุณภาพและมีฝีมือที่ดีกว่า ซึ่งจะส่งผลให้ปีนี้ภาพรวมการรับจ้างผลิตเพื่อการส่งออก หรือโอดีเอ็ม ของบริษัท จะโตขึ้น 1015% จากปีก่อน ที่มียอดขายประมาณ 500 ล้านบาท นางพัชรวรรณ กล่าว สำหรับภาพรวมของแบรนด์ โปโล แอนด์ ยีนส์ บาย ซานตา บาบาร่า โปโล แอนด์ แรคเก็ต คลับ ปีนี้ได้เปิดตัวสินค้าสำหรับเด็ก หรือ โปโล จูเนียร์ จับกลุ่มลูกค้าเด็กอายุตั้งแต่ 414 ปี ซึ่งเป็นตลาดใหม่ ที่มีช่องว่างทางการตลาด และ เสื้อผ้าหลายแบรนด์ได้หันเข้ามารุกในตลาดนี้มากขึ้น โดยในปีนี้ตั้งเป้าที่ จะขยายสาขาของกลุ่มเด็กให้ได้ 6 สาขา ด้วยงบการลงทุน 20 ล้านบาท ทั้งนี้ สินค้าที่จับกลุ่มวัยรุ่นอายุ 14-25 ปี แบรนด์ โปโล ยีนส์ ซึ่งบริษัทพัฒนาเองมา 2 ปีแล้ว มีแผนที่จะส่งออกไปต่างประเทศเพิ่มขึ้น เช่น ไต้หวัน จีน ญี่ปุ่น เกาหลี จากปัจจุบันที่ส่งออกไปประเทศอินเดีย เวียนนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะเปิดแฟล็กชิปสโตร์ในประเทศจีน 2 แห่ง คือ ปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ ลงทุน 30 ล้านบาท เพราะจีนเป็นตลาดที่ใหญ่มีศักยภาพ ส่วนการเปิดแฟล็กชิปสโตร์ในไทยคาดอีก 12 ปีจะเปิด ด้านนายสมเกียรติ โชคประจักษ์ชัด ผู้จัดการทั่วไปสายบริหารสินค้า A1A บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป กล่าวว่า ภาพรวมตลาดเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายชายไตรมาสแรกโตมากถึง 20% ขณะบริษัทปีนี้ตั้ง เป้าโต 15% http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=business&id=234375
โดย
chartchai madman
ศุกร์ เม.ย. 25, 2008 7:25 pm
0
0
news25/04/08
CFO บริษัท ไมโครซอฟท์ เตรียมซื้อกิจการยาฮูรอบใหม่ นายคริส ลิดเดลล์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน (CFO) บริษัท ไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ไมโครซอฟท์กำลังพิจารณาเสนอซื้อกิจการบริษัท ยาฮู อินคอร์ปอเรชั่น เจ้าของเว็บไซต์ยาฮู ด้วยวิธีการเสนอซื้อกิจการแบบไม่เป็นมิตร ภายในต้นสัปดาห์หน้า หากผู้บริหารของยาฮูไม่รีบตัดสินใจต่อข้อเสนอของบริษัท ไมโครซอฟท์ ที่ยื่นไปก่อนหน้านี้กว่า 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้ CFO ไมโครซอฟท์ชี้แจงเพิ่มเติมว่า หัวใจสำคัญของการเสนอซื้อกิจการในครั้งนี้ อยู่ที่ความรวดเร็วในการตัดสินใจ สตาร์บัคส์ถอนธุรกิจขายเพลงและหนังสือ บริษัท สตาร์บัคส์ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นเจ้าของเครือข่ายสตาร์บัคส์ ร้านกาแฟชื่อดังของโลก ตัดสินใจถอนการลงทุนในบริษัท สตาร์บัคส์ เอ็นเทอร์เทนเม้นต์ ซึ่งมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเพลงและขายหนังสือ ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวเป็นไปตามแผนการปรับโครงสร้างของธุรกิจครั้งใหญ่ หลังต้องประสบกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้กระทบต่อผลประกอบการของทั้งกลุ่ม และยังต้องการกลับไปเน้นหัวใจของธุรกิจเครือข่ายร้านกาแฟเป็นหลัก ติดตาม Morning Brief ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 8.00 น. http://www.moneychannel.co.th/Menu6/MorningBrief/tabid/104/newsid553/53518/Default.aspx
โดย
chartchai madman
ศุกร์ เม.ย. 25, 2008 6:19 pm
0
0
news25/04/08
บีพี เผยเหตุประท้วงที่โรงกลั่นสก๊อตแลนด์ยืดเยื้อ บริษัท บริติช ปิโตรเลียม (BP) เปิดเผยว่า การประท้วงหยุดงานของแรงงานผลิตน้ำมันที่โรงกลั่นน้ำมันในเมืองเกรนจ์เมาท์ ที่มีขึ้นมาแล้ว 3 วัน และจะต่อเนื่องไปในวันสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ อาจส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำมันดิบที่ส่งผ่านท่อฟอร์ตี้ส์ หรือท่อส่งน้ำมันดิบทะเลเหนือได้ ซึ่งจะกดดันให้ปริมาณน้ำมันดิบในบริเวณดังกล่าวลดลงอย่างมาก หรือประมาณ 2 แสนบาร์เรลต่อวันที่อาจเริ่มทยอยหายออกจากตลาด หากการประท้วงเกี่ยวกับการตกลงเรื่องเงินบำนาญไม่สามารถหาข้อยุติได้ทันก่อนถึงวันอาทิตย์นี้ http://www.moneychannel.co.th/Menu6/MorningBrief/tabid/104/newsid553/53518/Default.aspx
โดย
chartchai madman
ศุกร์ เม.ย. 25, 2008 6:17 pm
0
0
news25/04/08
คลังสหรัฐฯมั่นใจมาตรการต่าง ๆ จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวได้ในครึ่งปีหลัง Posted on Friday, April 25, 2008 คลังสหรัฐฯเชื่อเศรษฐกิจอาจฟื้นตัวในครึ่งปีหลังนี้ นายเดวิด แม็คคอร์มิค รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ที่ดูแลฝ่ายการต่างประเทศ กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจฟื้นตัวขึ้นบ้างในครึ่งปีหลัง หลังจากผ่านการทดสอบในครึ่งปีแรกไปแล้ว ในขณะเดียวกันตลาดทุนสหรัฐฯ ก็อาจมีสัญญาณที่ดีขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้ การฟื้นตัวที่จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังจะมีสาเหตุหลักมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ มูลค่ากว่า 1.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4.8 ล้านล้านบาท ซึ่งจะสร้างงานให้กับชาวสหรัฐฯมากถึง 5 แสนคนในสิ้นปีนี้ S&P ชี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯถดถอยในระดับปานกลาง สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) บริษัทชั้นนำด้านการจัดอันดับความน่าเชื่อถือในการลงทุนจากสหรัฐฯ กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังเข้าสู่ช่วงถดถอย แต่จังหวะการชะลอตัวดังกล่าวอยู่ในระดับปานกลาง จากการใช้จ่ายของประชาชนสหรัฐฯไม่ได้ลดน้อยล มากเท่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งภาวะถดถอยที่เกิดขึ้นมาจากวิกฤติสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงลุกลาม แต่ก็เป็นไปได้ว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐฯ เริ่มส่งสัญญาฟื้นตัวขึ้นแล้ว ยอดขายบ้านในสหรัฐฯ ตกต่ำในรอบเกือบ 17 ปี ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐฯประจำเดือนมี.ค. ทรุดลงต่ำสุดในรอบเกือบ 17 ปี โดเหลือเพียง 526,000 หน่วย หรือคิดเป็น 8.5% เมื่อคิดแบบ 12 เดือน ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวตกต่ำลงมาใกล้เคียงกันกับในปี 1991 หรือปี 2534 ที่มียอดขายบ้านใหม่เพียง 575,000 หน่วย โดยมีต้นเหตุจากความเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อบ้านเพื่อที่อยู่อาศัยจากธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินต่าง ๆ รวมถึงภาวะราคาบ้านที่ยังคงตกต่ำต่อเนื่องจากการชะลอซื้อบ้านด้วย ผลประกอบการธนาคารเครดิตสวิสกรุ๊ปทรุดหนักในรอบ 5 ปี ธนาคารเครดิตสวิสกรุ๊ป ธนาคารที่มีขนาดใหญ่อันดับ 2 ในสวิตเซอร์แลนด์ ประกาศผลประกอบการรายไตรมาสที่ย่ำแย่ครั้งแรกในรอบ 5 ปี ด้วยผลขาดทุนที่สูงมากถึง 5.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.664 แสนล้านบาทในไตรมาส 1/51 ซึ่งเป็นผลมาจากวิกฤติสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Subprime) ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/50 ทั้งนี้ อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารดังกล่าวอยู่ที่ 9.8% ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ระดับ 10% ที่ปรึกษาทั่วไปของ FED ต้อนรับกองทุนต่างชาติ นายสก๊อต อัลวาเลส ที่ปรึกษาทั่วไปของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) แถลงต่อกรรมาธิการสายการเงินและธนาคารแห่งรัฐสภาสหรัฐฯ ว่า FED ยินดีรับการตัดสินใจลงทุนของกองทุนเพื่อความมั่งคั่งแห่งชาติจากทั่วทุกมุมโลก ที่สนใจเข้าไปลงทุนธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินประเภทอื่น ๆ ในสหรัฐฯที่กำลังประสบปัญหาทางการเงินหลังได้รับผลกระทบจากวิกฤติสินเชื่อด้อยคุฯภาพ (Subprime) จนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ ที่ปรึกษาทั่วไปของ FED มั่นใจว่าหากมีการเข้ามาลงทุนของกองทุนดังกล่าวจริง จะไม่เป็นภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจ ธนาคารกลางสหรัฐฯเผยเงินกู้เสริมสภาพคล่องยังพุ่งต่อ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เปิดเผยว่า มูลค่าการปล่อยกู้สภาพคล่องของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) แบบดั้งเดิม หรือปล่อยกู้โดยผ่านไปยังตัวแทนต่าง ๆ ในระบบการเงิน ซึ่งแตกต่างจากการปล่อยกู้โดยตรง ไปยังธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐฯเมื่อสัปดาห์ก่อนยังคงเพิ่มขึ้น โดยมีเม็ดเงินปล่อยกู้เพิ่มขึ้น 2.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 9.24 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้มูลค่าเฉลี่ยเงินกู้เสริมสภาพคล่องในระบบการเงินสหรัฐฯ ขึ้นมาอยู่ที่ 1.07 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 3.42 แสนล้านบาท สะท้อนถึงภาวะสภาพคล่องที่ยังมีปัญหา ประธานแบงก์ชาติยุโรปชี้ สหรัฐฯ ต้องเน้นเงินดอลล์แข็ง นายฌอง คล๊อด ทริเช่ต์ ประธานธนาคารกลางกลุ่มประเทศสมาชิกเหรียญยูโรในกลุ่มสหภาพยุโรป (ECB) กล่าวว่า สหรัฐฯ ต้องดำเนินนโยบายสนับสนุนการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐอย่างเข้มข้นมากกว่าในอดีต เพราะหากไม่เพิ่มความเข้มข้นในนโยบายดังกล่าว จะกลายเป็นการเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้นอย่างไม่สิ้นสุดกับภาวะเสรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบด้านเศรษฐกิจไปทั่วโลกในขณะนี้ นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินยูโรเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐอีกด้วย http://www.moneychannel.co.th/Menu6/MorningBrief/tabid/104/newsid553/53518/Default.aspx
โดย
chartchai madman
ศุกร์ เม.ย. 25, 2008 6:16 pm
0
0
news25/04/08
แนวโน้มดี...แต่ตอนนี้แพง 25 เมษายน พ.ศ. 2551 00:00:00 กระแสการเล่นหุ้นเล็กในกลุ่มเกษตรและอาหารเครื่องดื่ม ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง และหนาแน่นจากเหตุของการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าเกษตรและอาหารในตลาดโลก ซึ่งหวั่นเกรงกันว่าโลกจะประสบกับการขาดแคลนอาหารรอบใหญ่ในปีนี้ถึงปีหน้า กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : จากการลดลงของพื้นที่เพาะปลูก การปรับตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ การเพิ่มขึ้นของประชากร ภัยแล้ง และความต้องการที่เพิ่มขึ้นของจีนและอินเดีย จากการที่ประชาชนเริ่มอยู่ดีกินดีเพิ่มขึ้น (การเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค) กระแสการตื่นตัวของราคาสินค้าเกษตรโดยเฉพาะ ข้าว ข้าวสาลี ข้าวโพด เริ่มส่งผลอย่างรุนแรงไปยังการเล่นสินค้าเกษตรล่วงหน้าในตลาดชิคาโกของบรรดานักเก็งกำไร ที่ไม่ต่างจากการเข้าเก็งกำไรในตลาดน้ำมันก่อนหน้านี้ โดยปริมาณการเข้าซื้อสินค้าเกษตรล่วงหน้าบางรายการอย่างข้าว มีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ คือปริมาณสัญญาการซื้อเพิ่มขึ้นถึง 219% สัญญาทั้งปี 2550 มีเพียง 25,572 สัญญา เริ่มเฉพาะต้นปี 2551 ถึงปัจจุบันเพิ่มขึ้นถึง 81,619 สัญญา) ส่วนข้าวสาลีเพิ่มขึ้นถึง 137% ๐ แรงซื้อทั้งที่เป็นความต้องการที่แท้จริง และแรงซื้อเก็งกำไรในสินค้าเหล่านี้ ถือเป็นผลดีต่อผู้ผลิตในประเทศไทยอย่างน้อยต่อไปถึงปีหน้า เพราะดูแล้ว แหล่งผลิตสำคัญๆ ในเอเชียอย่างอินเดีย จีน เวียดนาม กำลังออกนโยบายลดการส่งออกข้าว เพื่อไม่ให้เกิดการขาดแคลนในประเทศ ประกอบกับปีนี้ภัยแล้งน่าจะไม่ยิ่งหย่อนกว่าปีที่ผ่านๆ มา ตรงนี้จะส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตร และอื่นๆ ปรับตัวขึ้น ภาวะที่ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวขึ้น ผู้ผลิตคือชาวนาจะได้ประโยชน์ แต่ที่น่าจะได้ประโยชน์กว่านั้น น่าจะเป็นผู้ผลิตสินค้าเกษตรแปรรูป ทั้งจากข้าว น้ำมันปาล์ม อ้อย และข้าวโพด เนื่องจากสามารถผลักภาระของต้นทุนวัตถุดิบไปยังผู้บริโภค จากผลของภาวะเงินเฟ้อนั่นเอง ๐ รูปด้านซ้ายเราแสดงดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ของ CRB กับดัชนีกลุ่มอาหาร และเครื่องดื่มในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา พบว่าการเคลื่อนไหวของดัชนีกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม จะตอบสนองกับการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าในตลาดโลกได้ดีกว่ากลุ่มสินค้าเกษตร และเมื่อจับเอาเงินเฟ้อมาเปรียบเทียบกับดัชนีกลุ่มอาหารเครื่องดื่ม พบว่าในช่วงตั้งแต่ปี 2546 ถึง 2551 อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลต่อดัชนีกลุ่มอาหารเครื่องดื่มถึง 0.41 (ค่าสหสัมพันธ์) ตรงนี้แสดงว่าค่าครองชีพที่สูงขึ้นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้ผลิตในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ปรับราคาสินค้า ซึ่งเริ่มเห็นได้ชัดในช่วงปลายปี 2550 ผลจากแนวโน้มที่ราคาสินค้าของผู้ผลิตในกลุ่มนี้จะได้ปรับราคาสินค้าขึ้นไปอีก จนที่สุดจะทำให้ผลดำเนินงานดีขึ้นตามลำดับ ทำให้เกิดแรงซื้อหุ้นในกลุ่มนี้เข้ามามากอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในตลาดหุ้นไทย ดังจะเห็นได้จากราคาหุ้นในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มต่างปรับตัวขึ้นมามากตั้งแต่ต้นปี 2551 ถึงปัจจุบันแล้วแต่ว่าหุ้นนั้นๆ จะเกี่ยวโยงกับราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกมากหรือน้อย ซึ่งแน่นอนที่สุดตอนนี้ทุกคนมุ่งไปที่แหล่งคาร์โบไฮเดรต และพืชทดแทนน้ำมัน ๐ ระดับราคาหุ้นผู้ผลิตน้ำมันพืชของไทยตั้งแต่ต้นปี ถึงปัจจุบันทุกตัว Outperform กว่า SET นำโดย LST TVO CPI UPOIC และ UVAN โดยระดับราคาปรับตัวขึ้นตั้งแต่ 20 ถึง 100% เหตุที่มองว่าระดับราคาหุ้นในกลุ่มนี้เริ่มจะแพง เนื่องจากมองว่าอัตราการทำกำไรของบริษัทเหล่านี้จะตามไม่ทัน และบางตัวโดยพื้นฐานแล้ว ยังถือว่าไม่ชัดเจนที่พอจะมีพื้นฐาน และมีนักวิเคราะห์เข้าไปวิเคราะห์ก็จะมีแต่ TVO และ KSL โดยพื้นฐาน แล้วในปีนี้คาดว่า TVO จะมีกำไรสุทธิที่ประมาณ 1,505 ล้านบาท EPS ที่ 2.41 บาท ราคาหุ้นปัจจุบัน 21.5 บาท บริษัทจะเทรดกันที่ค่า P/E ปี 2551 ที่ 8.9 เท่าเทียบกับค่า P/E ของผู้ผลิตน้ำมันปาล์มในมาเลเซียที่ 9.4 เท่า ดังนั้นโอกาสที่ระดับราคาจะขึ้นไปอีกเทียบเท่าค่า P/E ในมาเลเซีย จะอยู่ที่ 22.7 บาท ถือว่าเหลือ Gap น้อยมาก และแนะนำเล่นเก็งกำไร ส่วนตัวอื่นๆ ให้ระวังแรงขายทำกำไร ๐ ความเด่นของหุ้นในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มหรือแม้แต่กลุ่มเกษตร แม้จะยังมีปัจจัยหนุนอยู่แต่เมื่อกลับมาดูระดับราคาหุ้นเทียบกับความสามารถในการทำกำไรในหุ้นหลายๆ ตัว จะพบว่าเริ่มแพง คือความสามารถในการทำกำไรเริ่มตามไม่ทันราคาหุ้นที่วิ่งขึ้นไปแล้ว ดังจะเห็นได้จากค่า P/E ของหุ้นในกลุ่มอาหาร และเครื่องดื่มในขณะนี้ เทรดกันที่ค่า P/E สูงที่สุดเท่าที่ปรากฏมา (จากรูปล่างขวา) ตรงนี้ย้ำว่าให้ระวังแรงขายทำกำไรออกมา และเลือกตัวเล่นอย่าง KSL เนื่องจากจะมีรายได้จากการสร้างโรงน้ำตาลแห่งใหม่ การเพิ่มกำลังการผลิตเอทานอล และโรงผลิตไฟฟ้า คาดว่าในปี 2551 บริษัทจะมีกำไรสุทธิที่ประมาณ 1,087 ล้านบาท EPS ที่ 0.7 บาท โดยมีราคาเป้าหมายที่ 16 บาทเพิ่มจากเดิมที่ 14.5 บาท Stock Hilight: เกียรติก้อง เดโช ที่มา:บล.ซิกโก้ http://www.bangkokbiznews.com/2008/04/25/WW13_1310_news.php?newsid=251487
โดย
chartchai madman
ศุกร์ เม.ย. 25, 2008 5:51 pm
0
0
news25/04/08
หุ้นเกษตร-อาหารยิ้มรับส่งออก หุ้นส่งออกลิงโลดรับยอดส่งออกมี.ค.พุ่ง 14.41% โดยเฉพาะกลุ่มเกษตร และอาหาร สดใสแซงกลุ่มอื่น ได้ทีราคาสินค้าขยับขึ้นตามราคาข้าว ส่วนยานยนต์รับอานิสงส์ค่ายรถยักษ์ใหญ่สั่งออร์เดอร์เพิ่ม ขณะที่กลุ่มอิเลคทรอนิกส์ยังโดนพิษบาทแข็ง รอลุ้นออร์เดอร์เพิ่มหนุนราคาหุ้น ชูCPF-TVO-TIPCO-TUF รับประโยชน์สูงสุด ตามด้วยSTANLEY และSAT นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์โกลเบ็ก จำกัด กล่าวว่า ยอดส่งออกที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยในเดือนมีนาคม2551ขยายตัวขึ้น 14.41% หรือคิดเป็นมูลค่า 14,764 ล้านเหรียญสหรัฐ เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มส่งออก โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจเกษตร และอาหาร ซึ่งราคาสินค้ามีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นตามราคาข้าว ซึ่งหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลดี ได้แก่ บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) CPF จากราคากุ้งแช่แข็งมีทิศทางปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง และ บริษัทไทยยูเนียน โปรเซ่นส์ โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) TUF เนื่องจากราคาปลาทูน่าที่เพิ่มสูงขึ้น ยอดส่งออกที่เพิ่มสูงขึ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มการเกษตร และกลุ่มอาหารที่มีราคาที่เพิ่มขึ้นตามราคาข้าว นายวรุตม์ กล่าว นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มยานยนต์ได้รับผลดีจากราคาหุ้นที่จะปรับเพิ่มขึ้น คือ บริษัท ไทยสแตนเลย์-การไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) STANLY และบริษัท สมบูรณ์ แอ็ดวานซ์ จำกัด (มหาชน) SAT เนื่องจากบริษัทฮอนด้า และบริษัทโตโยต้า ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ และสั่งซื้อสินค้าจาก STANLY และ SATเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม แนวโน้มค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น อาจส่งผลให้บริษัทจดทะเบียนที่มีรายได้ส่งออกอิงกับเงินดอลลาร์มีต้นทุนสินค้าเพิ่มสูงขึ้นแต่ผลกำไรกลับลดลง ขณะเดียวกันในเดือนมี.ค.2551 ไทยยังมีดุลการค้าเกินดุล และเกินดุลบัญชีเดินสะพัด ส่วนการที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพราะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรง อีกทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ยังตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นถ้าเทียบกับค่าเงินดอลลาร์ ดังนั้นคาดว่ายอดส่งออกในไตรมาส 2/2551อาจชะลอตัวลง ไทยยังเป็นคู่ค้ากับสหรัฐถึง 11% ขณะเดียวกันถ้าภาคส่งออกของไทยไม่มีการหาตลาดใหม่เข้ามาทดแทนสหรัฐ และเชื่อว่าในไตรมาส 2/2551 ภาคส่งออกจะชะลอตัว นายวรุตม์ กล่าว นายสิทธิพร เจนในเมือง ผู้อำนวยการฝ่ายที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หุ้นกลุ่มหลักที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการส่งออกคือ กลุ่มเกษตรเป็นหลัก โดยหุ้นที่น่าสนใจและแนะนำซื้อ ได้แก่ CPF ให้ราคาเหมาะสม 6.00-7.00 บาท เพราะคาดว่าในอีก 1-2 ปีข้างหน้าหากวิกฤติราคาอาหารเพิ่มสูงขึ้น จะทำให้บริษัทได้รับประโยชน์เพราะเป็นบริษัทที่ผลิตอาหารแบบครบวงจร และจะเป็นบริษัทที่ส่งออกมากที่สุด ส่วนบริษัทน้ำมันพืชไทย จำกัด(มหาชน)TVO แนะนำซื้อ ให้ราคาเหมาะสม 22.00 บาทเพราะจะได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อราคาน้ำมันพืชด้วยขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ราคาน้ำมันพืชปรับราคาเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ส่วนบริษัท สับปะรดไทย จำกัด (มหาชน) TIPCO แนะนำซื้อ ให้ราคาเหมาะสม 6.50-7.00 บาท และTUF ให้ราคาเหมาะสม 22.00-23.00 บาท เพราะราคาที่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่องและมองว่าในอนาคตยอดส่งออกจะเติบโตดีต่อเนื่องเช่นกัน ขณะที่กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ มองว่ายังได้รับแรงกดดันของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และยอดสั่งซื้อของต่างประเทศอาจลดน้อยลง ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านที่มีค่าเงินอ่อนค่า เช่น อินเดียอาจจะมีออร์เดอร์สั่งซื้อสูงกว่าประเทศไทย ด้านน.ส.จิตติมา อังสุวรังษี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ฟาร์อีสท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอาจทำให้การลงทุนในกลุ่มส่งออกเบาบางลง โดยเฉพาะกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่มีรายได้อิงกับดอลลาร์สหรัฐเป็นหลัก แต่หากมีบริษัทใดบริษัทหนึ่งมียอดสั่งซื้อเข้ามามากขึ้นจะเห็นราคาหุ้นปรับตัวดีขึ้นได้ สำหรับหุ้นที่ฝ่ายวิจัยแนะนำยังเป็นหุ้นขนาดใหญ่ เช่น CCET และ SVI ส่วนส่งออกประเภทอาหารแช่แข็ง คือ CPF จะได้รับผลกระทบจากมาตรการกีดกั้นภาษีของสหภาพยุโรป (EU) ทำให้ยอดส่งออกอาจลดน้อยลง อย่างไรก็ตาม สินค้าที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากส่งออกที่ขยายตัวมากที่สุด คือ สินค้าเกษตรเนื่องจากราคาข้าวที่ปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้แม้ว่าภาคส่งออกไทยจะขยายตัว แต่ปัญหาสหรัฐไม่คลี่คลาย ทำให้ยอดส่งออกของกลุ่มอิเลคทรอนิกส์ และCPF อาจได้รับผลกระทบ ซึ่งหุ้นที่ฝ่ายวิจัยแนะนำซื้อคือ TVO ให้ราคาเหมาะสม 26.50 บาท ซึ่งเชื่อว่าจะเติบโตดีสุดในกลุ่ม TVO(24 เม.ย.)ปิดที่ 22.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท มูลค่าซื้อขาย 76.67 ล้านบาท http://www.thunhoon.com/home/
โดย
chartchai madman
ศุกร์ เม.ย. 25, 2008 10:38 am
0
0
news24/04/08
แบงก์ชาติญี่ปุ่นอาจเมินเสียงเรียกร้องขึ้นดอกเบี้ย เหตุเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจปฏิเสธเสียงเรียกร้องให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศชะลอตัว นักเศรษฐศาสตร์ที่บลูมเบิร์กนิวส์เชื่อว่า บีโอเจอาจระบุในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจรายปีว่า เศรษฐกิจของญี่ปุ่นในปีนี้จะชะลอตัวลงต่ำกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้เมื่อ 6 เดือนก่อน นายมาซาอากิ ชิรากาว่า ซึ่งเข้ารับตำแหน่งเป็นผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่นกล่าวว่า นโยบายต้องมีความยืดหยุ่น และเตือนว่า การคงอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมไว้ในระดับที่ต่ำไปอาจทำให้ขาดเสถียรภาพ นักวิเคราะห์จีนคาดยูโรอ่อนจะช่วยลดยอดเกินดุลการค้าระหว่างจีน-ยุโรป หัวหน้านักวิเคราะห์ประจำกระทรวงพาณิชย์ของจีนกล่าวให้สัมภาษณ์กับมาร์เก็ต นิวส์ อินเตอร์เนชั่นแนลในวันนี้ว่า เขาคาดว่ายอดเกินดุลการค้าระหว่างจีนและประเทศในสหภาพยุโรปนั้นจะเป็นเพียง ปรากฏการณ์ในระยะสั้น และคาดว่ายอดเกินดุลการค้าระหว่างจีนและประเทศยุโรปจะปรับตัวลดลง เนื่องจากสกุลเงินยูโรมีแนวโน้มอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์ นายหลี่กล่าวว่า ค่าเงินยูโรที่แข็งค่าขึ้นทำให้บริษัทจีนใช้สกุลเงินยูโรในการทำธุรกรรมส่งออกมากขึ้น จีนหนุนบริษัทต่างชาติจดทะเบียนในตลาดหุ้นจีนหวังดูดเม็ดเงินลงทุนตปท. กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยในแถลงการณ์บนเว็บไซต์ว่า จีนจะสนับสนุนให้บรรดาบริษัทต่างชาติเข้าดำเนินการจดทะเบียนซื้อขายบนตลาดหลักทรัพย์ของจีน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ นอกจากนี้ จีนยังหวังที่จะกระตุ้นให้บริษัทต่างชาติมีส่วนร่วมในการปรับโครงสร้างองค์กรรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ในประเทศด้วยเช่นกัน จีนคาดราคาอสังหาริมทรัพย์ Q2 สูงขึ้น หลังนักลงทุนหนีตลาดหุ้นมาลงทุนอสังหาฯ ราคาที่ดินจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์สูงขึ้น โดยนักลงทุนเริ่มปลีกตัวออกจากตลาดหุ้นที่ซบเซาและหันมาลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น ดังนั้นรัฐบาลต้องดูแลราคาอสังหาริมทรัพย์ให้มีเสถียรภาพ เพราะราคาอสังหาริมทรัพย์ที่สูงขึ้นส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากอุปทานที่ดินที่ขยายตัวขึ้น ราคาอสังหาริมทรัพย์ใน 70 เมืองหลักของจีน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10.7% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนมี.ค. ติดตาม Morning Brief ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 8.00 น http://www.moneychannel.co.th/Menu6/MorningBrief/tabid/104/newsid553/53393/Default.aspx
โดย
chartchai madman
พฤหัสฯ. เม.ย. 24, 2008 1:26 pm
0
0
news24/04/08
ยอดขายโตโยต้าทั่วแซงหน้า GM ในไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทโตโยต้ามอเตอร์ คอร์ปอเรชั่นสามารถทำยอดขายรถยนต์ทั่วโลกในไตรมาส 1/51 มากกว่า เจนเนอรัลมอเตอร์ (GM) เป็นผลสำเร็จ โดยโตโยต้ามียอดขายรถยนต์ทั่วโลกในไตรมาส 1/51 อยู่ที่ 2.41 ล้านคัน ขณะที่ GM ชี้ว่า มูลค่ายอดขายทรุดลงในไตรมาส 1/51 น้อยกว่า 1% ในทางตรงกันข้าม มูลค่าการขายของโตโยต้ากลับพุ่งสูงถึง 2.4% ทั้งนี้ 64% ของยอดขาย GM มาจากนอกสหรัฐฯ http://www.moneychannel.co.th/Menu6/MorningBrief/tabid/104/newsid553/53393/Default.aspx
โดย
chartchai madman
พฤหัสฯ. เม.ย. 24, 2008 1:24 pm
0
0
news24/04/08
ราคาข้าวล่วงหน้าที่ชิคาโก้พุ่งทำลายสถิติครั้งใหม่ของโลก ราคาข้าวส่งมอบล่วงหน้าเดือนก.ค. 51 ซื้อขายที่ตลาดล่วงหน้าชิคาโก้ (ซีบอท) คืนที่ผ่านมา พุ่งขึ้นสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ที่ 24.85 เหรียญต่อ 100 ตัน หรือ เพิ่มขึ้น 2.5% ส่งผลให้ราคาข้าวส่งมอบล่วงหน้าที่ตลาดดังกล่าวเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่านับตั้งแต่เดือนก.ย. 50 ในขณะที่ราคาส่งมอบข้าวปัจจุบันถีบตัวสูงมากกว่า 80% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงคืนที่ผ่านมา ทั้งนี้นักค้าข้าวในตลาดส่งมอบล่วงหน้ามองว่า มีโอกาสสูงที่ราคาข้าวจะทะยานขึ้นแตะ 30 เหรียญต่อ 100 ตัน วอลล์มาร์ทสั่งห้ามซื้อข้าวเกินคนละ 4 ถุง วอลล์มาร์ท ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่อันดับ 1 ของสหรัฐฯและของโลก ประกาศมาตรการจำกัดจำนวนการซื้อข้าวถุงขนาด 9 กก. บางชนิด ได้แก่ ข้าวหอมมะลิ และข้าวบาษมาติ ในห้างทุกสาขา โดยอนุญาตให้ซื้อได้เพียงคนละ 4 ถุง หลังจากราคาข้าวส่งมอบล่วงหน้าที่ตลาดชิคาโก้พุ่งทำลายสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์อย่างไม้สิ้นสุด ซึ่งมีสาเหตุมาจากความกังวลที่ประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่หลายแห่งรวมตัวกันไม่ส่งออกข้าว เพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อในประเทศ บราซิลสั่งหยุดส่งออกข้าวชั่วคราวหวั่นคนบราซิลไม่พอกิน นายไรโฮลด์ สตีเฟ่น รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรของบราซิล ตัดสินใจประกาศหยุดการส่งออกข้าวจากบราซิลไปยังตลาดโลกชั่วคราว เพื่อต้องการสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนชาวบราซิลว่า จะมีปริมาณข้าวบริโภคในประเทศอย่างเพียงพอในช่วง 6-8 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรของบราซิลชี้ว่า หลายประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลกตัดสินใจยกเลิกการส่งออกข้าว ซึ่งทำให้ที่สุดแล้วบราซิลก็ต้องพิจารณาไปในทิศทางเดียวกัน ส่งผลให้ราซิลไม่สามารถประมูลข้าวเพื่อขายให้ประเทศในกลุ่มละตินอเมริกาและแอฟริกาได้ในจำนวน 5 แสนตัน กลุ่มประเทศละตินลงขันตั้งกองทุนแก้วิกฤติราคาข้าว กลุ่มประเทศในละตินอเมริกานำโดย ประธานาธิบดีฮูโก้ ชาเวสแห่งเวเนซูเอล่า ประกาศตัวเป้นแกนนำในการจัดทำโครงการแก้ไขวิกฤติราคาข้าวแพงและปัญหาความยากจนมูลค่า 100 ล้านเหรียญ หรือราว 3.2 พันล้านบาท โดยร่วมกับประเทศโบลิเวียและนิคารากัว ทั้งนี้ ผู้นำสูงสุดแห่งเวเนซูเอล่า ออกมาประณามภาวะวิกฤติราคาอาหารแพงเป็นประวัติการณ์ในครั้งนี้ว่า เปรียบเสมือนเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนยากจนทั่วโลก และยังเป็นจุดตกต่ำของเศรษฐกิจทุนนิยมของชาติตะวันตกที่เป็นต้นเหตุครั้งนี้ http://www.moneychannel.co.th/Menu6/MorningBrief/tabid/104/newsid553/53393/Default.aspx
โดย
chartchai madman
พฤหัสฯ. เม.ย. 24, 2008 1:22 pm
0
0
news24/04/08
นักเศรษฐศาสตร์อเมริกันชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯเกือบหยุดนิ่ง ผลสำรวจภาวะและความคิดเห็นทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งจัดทำโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ส์ล่าสุดพบว่า บรรดานักเศรษฐศาตร์ในสหรัฐฯ ประเมินว่า เศรษฐฏิจสหรํฐฯเกือบจะหยุดนิ่งในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ หลังจากนั้น เศรษฐกิจสหรัฐฯจะเริ่มหดตัวลงในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ อย่างไรก็ตาม หากเศรษฐกิจสหรัฐฯเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้ ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะไม่รุนแรง และกินเวลายาวนานเหมือนเมื่อครั้งที่เคยเกิดขึ้นในครั้งสุดท้ายในช่วงปี 2533 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดวิกฤติธุรกิจดอทคอมล่มสลายจากการให้กู้ยืมสูงมากจนเกินไป ผู้บริหาร GE ชี้ตลาดทุนสหรัฐฯดีขึ้นเล็กน้อย นายเจฟเฟอรี่ อิมเมลท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทเจนเนอรัลอิเลคทริค (GE) กล่าวว่า ภาวะตลาดทุนสหรัฐฯเริ่มดีขึ้น นับตั้งแต่สิ้นสุดไตรมาส 1/51 อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจสหรัฐฯในภาพรวมยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ผู้บริหาร GE กล่าวต่อไปว่า เศรษฐกิจของสหรํฐฯดีขึ้นเล็กน้อย และยังอยู่ในสถานการณ์ที่ดีกว่าเมื่อครั้งเกิดวิกฤติทางการเงินจากสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Subprime) ในช่วงแรก ซึ่งผลกระทบที่มีต่อแบร์สเติร์นส์ ซึ่งทำให้ GE มีความยากลำบากในธุรกิจ ผู้บริหาร GE เผยวิกฤติบ้านสหรัฐฯรุนแรงกว่าในอดีต นายอิมเมลท์ยังกล่าวอีกว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯในขณะนี้อยู่ในภาวะยากลำบากมากกว่าในยุคปี 2544 หรือในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันสหรัฐฯกำลังประสบกับวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ที่เลวร้ายมากที่สุดครั้งหนึ่งนับตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ (ยุค Great Depression) ทำให้ GE มีความจำเป็นต้องตั้งเป้าหมายในการปรับลดต้นทุนครั้งใหญ่ของบริษัท ด้วยการลดต้นทุนลงสูงถึง 3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 9.6 หมื่นล้านบาท ประธานก.ล.ต.สหรัฐฯ เตรียมสั่งธนาคารเพิ่มการสำรองเงินสด นายคริสโตเฟอร์ ค็อกซ์ ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของสหรัฐฯ กล่าวว่า ก.ล.ต.เตรียมพิจารณาให้บรรดาธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินทุกประเภทในสหรัฐฯเพิ่มปริมาณการกันสำรองเงินสดมากขึ้นกว่าเดิม ท่ามกลางภาวะวิกฤติทางการเงินและระบบสินเชื่อ รวมไปถึงตลาดการเงินที่ตึงตัวไม่สิ้นสุดในขณะนี้ ทั้งนี้ ก.ล.ต.สหรัฐฯเฝ้าติดตามสัดส่วนเงินสำรองของสถาบันกาเรงินที่มีผลประกอบการตกต่ำอย่างหนัก เช่น แบร์สเติร์นส์ โกลแมนด์แซ็ค และเลห์แมนบราเธอร์ เป็นต้น บริษัทการเงินแอมแบ็คในสหรัฐฯขาดทุนกว่า 5 หมื่นล้านบาท บริษัทแอมแบ็ค ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่ออกและรับประกันการจัดจำหน่ายตราสารหนี้รวมถึงพันธบัตรชั้นนำแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ ต้องประสบกับผลประกอบการในไตรมาส 1 ที่ตกต่ำอีกครั้ง ด้วยผลขาดทุนที่ทรุดหนักถึง 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 5.1 หมื่นล้านบาท หลังมีความจำเป็นต้องตัดหนี้สูญมากถึง 3.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือราว 9.92 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ราคาหุ้นของแอมแบ็ค ไฟแนนเชียลทรุดลงถึง 97% เมอร์ริลลินช์ส่งสัญญาณปลดพนักงานที่ลอนดอน บริษัทหลักทรัพย์เมอร์ริลลินช์เริ่มส่งสัญญาณเตือนพนักงานของบริษัทในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เกี่ยวกับการปรับลดพนักงาน ตามแผนลดต้นทุนครั้งใหญ่ หลังต้องขาดทุนอย่างหนักจาก Subprime โดยเฉพาะในสายงานธุรกิจด้านการลงทุนในสินทรัพย์คงที่ การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ และสายงานค้าเงินตราต่างประเทศ ทั้งนี้ การส่งสัญญาณให้พนักงานในกรุงลอนดอน ได้รับทราบถึงการปลดพนักงานออกในครั้งนี้ ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 80 คนนั้น เป็นส่วนหนึ่งในการปลดพนักงานทั่วโลกถึง 4 พันคน http://www.moneychannel.co.th/Menu6/MorningBrief/tabid/104/newsid553/53393/Default.aspx
โดย
chartchai madman
พฤหัสฯ. เม.ย. 24, 2008 1:20 pm
0
0
news24/04/08
ราคาปิดน้ำมันดิบในตลาดโลกยังทำลายสถิติเป็นประวัติการณ์ Posted on Thursday, April 24, 2008 ราคาปิดน้ำมันดิบทั้ง 2 ตลาดทำลายสถิติเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าราคาน้ำมันดิบซื้อขายสูงสุดระหว่างวันในคืนที่ผ่านมาจะไม่สร้างสถิติใหม่ แต่ราคาปิดของตลาดน้ำมันดิบนิวยอร์ก สหรัฐฯ และเบรนท์อังกฤษทะเลเหนือ ยังคงสร้างสถิติปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ในรอบ 25 ปีและ 20 ปีตามลำดับ โดยราคาปิดที่ตลาดไนเม็กซ์ปิดที่ 118.30 เหรียญต่อบาเรล ส่วนราคาปิดน้ำมันดิบเบรนท์อังกฤษทะเลเหนือก็สร้างสถิติใหม่ที่บาเรลละ 116.46 เหรียญเช่นเดียวกัน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบมีส่วนต่างที่ทะยานเพิ่มสูงขึ้นนับจากต้นปีจนถึงเมื่อคืนที่ผ่านมาสูงถึง 24% และหากพิจารณาจากราคาตั้งแต่ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันก็จะทะยานขึ้นถึง 88% และพุ่งขึ้นกว่า 5 เท่าในรอบ 6 ปีที่ผ่านมา เมอร์ริลลินช์ชี้ได้เห็นแน่ราคาน้ำมันดิบ 150 เหรียญต่อบาเรลปีนี้ นายฟรานซิสโก้ แบรนช์ หัวหน้าสายงานวิจัยตลาดลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์ บริษัทหลักทรัพย์เมอร์ริลลินช์ เปิดเผยเกี่ยวกับแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก รวมถึงความต้องการใช้น้ำมันดิบจากประเทศเกิดใหม่ เช่น จีนและอินเดียวในคืนที่ผ่านมาว่า 4 ประเทศสำคัญได้แก่ จีน อินเดีย รัสเซีย และตะวันออกกลาง จะมีความต้องการใช้น้ำมันดิบรวมกันมากกว่าสหรัฐฯในปีนี้ นายแบรนช์ชี้ว่ามีโอกาสสูงมากที่ราคาน้ำมันดิบส่งมอบล่วงหน้าจะพุ่งขึ้นทำลายสถิติที่บาเรลละ 150 เหรียญในปีนี้ http://www.moneychannel.co.th/Menu6/MorningBrief/tabid/104/newsid553/53393/Default.aspx
โดย
chartchai madman
พฤหัสฯ. เม.ย. 24, 2008 1:18 pm
0
0
news24/04/08
ปัจจัยด้านอุตสาหกรรม ประเด็นข่าว : ปริมาณสำรองถ่านหินโรงไฟฟ้าในจีนลดลงเหลือ 12 วันจากระดับปกติที่ 15 วัน (Xinhua News Agency) ความเห็นและคำแนะนำ : ประเด็นในเรื่องการลดลงของปริมาณสำรองถ่านหินของโรงไฟฟ้าในจีนคาดจะทำให้ความกังวลเกี่ยวกับภาวการณ์ขาดแคลนถ่านหินในตลาดโลกตึงตัวขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากจีนยังคงเป็นประเทศที่ทรงอิทธิพลจากการเป็นผู้บริโภคถ่านหินรายใหญ่ที่สุดของโลกและที่ผ่านมาการบริโภคที่เติบโตอย่างรวดเร็วได้ทำให้อุปทานถ่านหินที่เคยส่งออกสู่ตลาดโลกลดลงเรื่อยๆโดย SCIBS ประเมินว่าในปี 2551 จีนน่าจะมีแนวโน้มเป็น Net Importer จากที่ส่งออกลดจาก 25 ล้านตันในปี 2549 มาเป็น 2.18 ล้านตันในปี 2550 ทั้งนี้ ในระยะสั้นประเด็นดังกล่าวคาดจะทำให้ราคาถ่านหิน BJI พุ่งขึ้นอีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลบวกต่อหุ้นถ่านหินอย่าง LANNA (ซื้อ ราคาเหมาะสม 21.50 บาท) และ BANPU (ถือ ราคาเหมาะสม 492 บาท) โดยบริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด ประจำวันที่ 24 เมษายน 2551
โดย
chartchai madman
พฤหัสฯ. เม.ย. 24, 2008 12:54 pm
0
0
news23/04/08
ครม.ขอ12ปีใช้หมื่นล้าน ขึ้นมหาอำนาจทางเกษตร ครม.ขอ12ปีใช้หมื่นล้าน ขึ้นมหาอำนาจทางเกษตร เพิ่มที่ดินปลูกข้าว-พืชพลังงาน นายกฯฉุนด่าเวิลด์แบงก์"มึง-กู" พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุกโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)เมื่อวันที่ 22 เมษายนว่า ครม.เห็นชอบยุทธศาสตร์รองรับวิกฤตอาหารและพลังงานโลกตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยให้ตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการเรื่องอาหารและพลังงานรองรับสถานการณ์วิกฤตอาหารและพลังงานโลกขึ้นมาดูแล มีนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เป็นประธาน ตั้งกก.ดันไทยเป็นบิ๊กสินค้าเกษตร สำหรับคณะกรรมการชุดนี้มีหน้าที่กำหนดมาตรการและแนวทางพัฒนาการผลิตและการตลาดของสินค้าอาหารและพลังงาน รวมถึงสนับสนุนการศึกษาวิจัย แปรรูปเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร และกำหนดพื้นที่เพาะปลูกที่ชัดเจนระหว่างพืชอาหารและพืชพลังงาน ดูแลเกษตรกรให้ได้รับความเป็นธรรมจากการเช่าพื้นที่ทำการเกษตร ควบคุมปริมาณการผลิตออกสู่ตลาด ทำให้ผู้บริโภคได้บริโภคอาหารในราคาพอเหมาะ และถ้าสามารถผลิตพืชทดแทนมาเป็นพลังงานได้ เราก็จะลดนำเข้าสินค้าพลังงาน "ถ้าเราผลิตครบวงจรมีการดูแลเป็นอย่างดี ไทยจะกลายเป็นประเทศมหาอำนาจด้านสินค้าเกษตร ฉะนั้น ครม.จึงถือเรื่องนี้เป็นวาระแห่งชาติ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนระยะสั้นระยะยาวเพื่อให้แก้วิกฤตอาหารและพลังงานเกิดผลเป็นรูปธรรมมากที่สุด"พล.ต.อ.วิเชียรโชติกล่าว จัดที่ราชพัสดุให้ชาวนาเช่า20บ./ปี นอกจากนี้ รัฐบาลยังเห็นความสำคัญเรื่องพื้นที่เพาะปลูก ซึ่งเกษตรกรมีปัญหาไม่มีที่ดินของตัวเอง ดังนั้น ครม.จึงมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีแสดงความคิดเห็น ให้กระทรวงการคลังไปสำรวจพื้นที่ราชพัสดุทั่วประเทศ ที่ไม่ได้ใช้ทำกิจกรรม ไม่อยู่ในเขตป่าสงวน ให้นำมาจัดสรรให้เกษตรกรเช่าปลูกพืชอาหารและพืชพลังงานในอัตรา 20 บาทต่อปี รวมถึงปัญหาปุ๋ยแพง ซึ่งนายกฯจะใช้โอกาสที่ได้พบผู้นำต่างประเทศหาแหล่งปุ๋ยถูกมาให้เกษตรกรไทย ครม.ทุ่มหมื่นล.ผลักดันยุทธศาสตร์ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.เกษตรฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ครม.เห็นชอบยุทธศาสตร์รองรับวิกฤติอาหารโลกระยะเวลา 12 ปี ใช้งบประมาณกว่า 10,000 ล้านบาท วางเป้าหมายให้ปรับโครงสร้างบริหารการดูแลพื้นที่เกษตรให้ชัดเจนภายใน 2 ปี ส่วนระยะกลาง 5 ปี นอกจากนี้ ยังมอบให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปดูรายละเอียดการออกกฎข้อบังคับควบคุมพื้นที่เพาะปลูกทางการเกษตรที่มีอยู่ 130 ล้านไร่ ไม่ให้นำไปใช้ประโยชน์ด้านอื่น เพื่อส่งเสริมให้ปลูกสินค้าเกษตรทั้งปาล์ม มันสำปะหลัง พืชพลังงานทดแทน โดยเฉพาะพื้นที่การปลูกข้าวให้เพิ่มขึ้นจาก 57 ล้านไร่เป็น 60 ล้านไร่ เพื่อเพิ่มผลผลิตให้ได้ 30 ล้านตันข้าวเปลือก จี้มท.ใช้กม.เช่าที่ดินดูแลเกษตรกร นายสมศักดิ์กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังเป็นห่วงเรื่องราคาสินค้าเกษตร จึงเน้นให้มีการบริหารจัดการให้เหมาะสม โดยเป้าหมายหลักต้องการให้คนในประเทศมีอาหารบริโภคอย่างเพียงพอ ส่วนการส่งออกเป็นเป้าหมายรอง ซึ่งแผนดังกล่าวเป็นไปตามข้อเรียกร้องจากที่ประชุมธนาคารโลก ที่ให้ประเทศต่างๆร่วมแก้วิกฤติอาหารโลก นอกจากนี้ ที่ประชุมกำชับให้กระทรวงมหาดไทยใช้ พ.ร.บ.การเช่าที่ดินเพื่อการเกษตร 2524 อย่างเข้มงวด ป้องกันไม่ให้เจ้าของที่ดินบอกเลิกสัญญากับเกษตรกรอย่างกะทันหัน เพื่อฉวยโอกาสในช่วงราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้นจนทำให้เกษตรกรเดือดร้อน เพราะหากเจ้าของที่ทำผิดกฎหมายมีโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 50,000-500,000บาท หมักของขึ้นอัดเวิล์ดแบงค์ ด้านนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีกล่าวภายหลังประชุมครม.ถึงสถานการณ์น้ำมันแพง และรายงานของธนาคารโลกที่ระบุถึงสถานการณ์ขาดแคลนอาหารและพลังงานทั่วโลกว่า ที่ประชุมครม.ได้นำเรื่องวิกฤติน้ำมันและพลังงาน รวมถึงเรื่องอาหารเข้าหารือเป็นวาระแรก รวมถึงหาทางออกเรื่องปุ๋ยแพง ซึ่งตนอยากให้เกษตรกรหันมาใช้ปุ๋ยอินทรีย์มากขึ้น นอกจากประหยัดแล้วยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลจะดูแลประชาชนในภาวะน้ำมันแพงอย่างไร นายสมัครกล่าวว่า เราพยายามดูแลทำทุกอย่าง จะดูสิจะบ้าไปขนาดไหน เมื่อก่อนบอกถึง 100 ก็บ้ากันแล้ว ตอนนี้มาถึง 117 ตนถามนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกฯ และรมว.คลังว่า เวลาพวกเวิร์ลแบงค์ มันพูดกัน ด่ามันบ้างหรือเปล่า "มันมาด่าเราว่าเอาพื้นที่ปลูกข้าวไปปลูกอะไร ไปปลูกพืชน้ำมัน ปลูกอย่างโน้นอย่างนี้ ผมบอกแล้ว ว่ามันหรือเปล่าว่าพวกมึงค้าน้ำมันกันแบบนี้ไม่มีเหตุผล ขึ้นเอาๆ แบบไม่มีเหตุผล ถามหรือเปล่า เขาบอกเขาพูดนอกวงไม่ได้พูดในที่ประชุม แต่หนังสือไทยก็เอาสิ บอกว่านายกรัฐมนตรีไทยบ่นว่า พวกไปสุมหัวประชุมเวิร์ลแบงค์ พูดกัน แต่มาดูแคลนเรื่องอาหารการกินกลัวโลกจะขาดแคลน เลขาธิการสหประชาชาติ ออกมาชี้แจงบอกให้ช่วยดูผลิตผลหน่อย แล้วไอ้พวกขายน้ำมันทำเศรษฐกิจโลกปั่นป่วนช่วยจัดการบ้างหรือเปล่า ไม่มีเหตุผลขึ้นราคากันตามใจชอบทำเศรษฐกิจโลกปั่นป่วน พอข้าวแพงหน่อยทำมาชี้นิ้วว่า อย่าไปปลูกเพื่อแทนน้ำมัน"นายสมัครกล่าว น้ำมันแพง-สต็อกข้าวลดดันราคาพุ่ง ในส่วนนายสุเมธ เหล่าโมราพร รองกรรมการผู้จัดการบริหาร กลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ซีพี อินเตอร์เทรด เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวถึงสถานการณ์ข้าวปัจจุบันเป็นวิกฤตหรือโอกาสของข้าวไทยว่า ในวันที่ 5 พฤษภาคม ฟิลิปปินส์จะเปิดประมูลข้าวขาว 25% อีก 5 แสนตัน จะส่งผลให้ราคาข้าวในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้นไปอยู่ที่ 1,400 เหรียญสหรัฐต่อตัน ทั้งนี้ ความต้องการข้าวในตลาดโลกยังมีสูง บางประเทศยังไม่สั่งซื้อ เช่น อิรัก อิหร่านและอินโดนีเซีย ขณะที่ปริมาณสต็อกข้าวโลกลดลง โดยช่วงต้นปี 2551 สต็อกข้าวมีปริมาณเพียง 77 ล้านตัน แต่ความต้องการบริโภคอยู่ที่ 450 ล้านตัน คิดเป็น 17 % ของความต้องการบริโภคทั่วโลก ส่งผลให้ผู้บริโภคบางประเทศซื้อข้าวเพิ่มขึ้นจาก 3 ถุงเป็น 6 ถุง เพราะเกรงข้าวล็อตใหม่ที่จะสั่งซื้อจะมีราคาแพงขึ้น นายสุเมธกล่าวด้วยว่า ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นแตะ 120 เหรียญต่อบาร์เรลเป็นแรงผลักดันให้ความต้องการพืชที่จะนำไปผลิตพลังงานทดแทนมากขึ้น ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรปรับขึ้นตาม โดยเฉพาะราคาข้าว ทำให้ผู้ประกอบการข้าวถุงต้องปรับขึ้นราคาข้าวถุง 5 กิโลกรัม ซึ่งทางบริษัทฯจำหน่ายข้าวตราห้างฉัตร ได้ปรับขึ้นราคาจำหน่ายแล้ว ขณะนี้ราคาข้าวหอมมะลิราคาอยู่ที่ 190-195 บาทต่อ 5 กิโลกรัม ข้าวขาวราคาอยู่ที่ 170บาทต่อ 5 กิโลกรัม มีสิทธิ์ซื้อข้าวถุงละ200บ. ผู้บริหาร บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด เครือเจริญโภคภัณฑ์ ยังกล่าวยอมรับว่า ราคาข้าวหอมมะลิบรรจุถุงขนาด 5 กิโลกรัม ที่วางจำหน่ายในห้างค้าปลีกอาจจะขยับราคาขึ้นถึง 200 บาทต่อถุง เนื่องจากต้นทุนราคาข้าวสารที่ปรับสูงขึ้นอยู่ที่ กิโลกรัมละ 35 บาท ทำให้ราคาต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 170-180 บาทต่อถุง 5 กิโลกรัม เมื่อบวกค่าขนส่ง ก็น่าจะทำให้ราคาข้าวถุงขยับราคาใกล้เคียง 200 บาท แต่สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทยยืนยันว่า จะผลิตข้าวถุงให้เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค และมั่นใจจะไม่เกิดภาวะขาดแคลนอย่างแน่นอน บิ๊กซีรับข้าวถุงไม่พอจำหน่าย ด้านน.ส.จริยา จิราธิวัฒน์ รองประธานฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร บริษัท บิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงสถานการณ์จำหน่ายข้าวถุง ว่า ความต้องการซื้อข้าวถุงของบิ๊กซีเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อวัน 10-25% ขณะที่ราคาข้าวถุงทุกยี่ห้อที่ส่งมาจำหน่ายในห้างเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10-30% ตามภาวะตลาด แต่ปริมาณยังไม่เพียงพอจำหน่ายตามความต้องการ โดยผู้ผลิตแจ้งว่าไม่มีสต็อกเพียงพอ จากเดิมห้างบิ๊กซีมีผู้ประกอบการข้าวถุงส่งสินค้าให้มากกว่า 20 ยี่ห้อ ขณะนี้เหลือเฉลี่ยต่อวัน 5-6 ยี่ห้อ และจำนวนข้าวที่ส่งจากเดิมขณะนี้เหลือไม่ถึง 50% แม้ห้างฯ จะลดการคิดเครดิตเทอมจาก 60-80 วัน เหลือไม่เกิน 30 วัน แต่ห้างยังไม่ได้รับข้าวเพียงพอต่อความต้องการ ห้างฯ จึงจำกัดการซื้อของผู้บริโภค โดยให้เฉลี่ยครอบครัวละไม่เกิน 3 ถุง และราคาที่จำหน่ายในปัจจุบันข้าวขาว 5% ขนาด 5 กิโลกรัม ประมาณ 150 บาท ข้าวหอมมะลิ 100 % ราคา 180-210 บาท นอกจากปัญหาข้าวไม่เพียงพอแล้ว สินค้าที่จะตามมาคือ ราคาน้ำมันถั่วเหลือง ที่มีแนวโน้มปรับราคาขึ้น ทำให้น้ำมันถั่วเหลืองบางยี่ห้อมีปริมาณ พาณิชย์เข็นธงฟ้าสินค้าเกษตรฯ ส่วนนายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 25 เมษายน - 4 พฤษภาคม กรมฯจัดงาน"ธงฟ้า Outlet Sale" ที่อาคารแสดงสินค้า กรมส่งเสริมการส่งออก ถ.รัชดาภิเษก โดยนำสินค้าเกษตร และสินค้าอุปโภคบริโภคมาจำหน่ายให้ผู้บริโภคโดยตรงในราคาถูก อาทิ ข้าวสาร เนื้อสุกร ผัก ผลไม้ อาหารสำเร็จรูป ต่างๆ เสื้อผ้า เครื่องแบบนักเรียน และอุปกรณ์การเรียน เพื่อลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชน สหรัฐ-IMFโวยปท.ห้ามส่งออกข้าว มีปฏิกิริยาจากต่างประเทศที่ออกมาติงมาตรการห้ามส่งออกข้าวของผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก รวมถึงไทยด้วย โดยนายไมเคิล ยอสต์ ผู้บริหารของสำนักงานบริการด้านเกษตรต่างประเทศของรัฐบาลสหรัฐกล่าวว่า รัฐบาลต่างๆควรหลีกเลี่ยงการกำหนดมาตรการห้ามส่งออกเพื่อปกป้องผู้บริโภคในประเทศจากราคาอาหารที่พุ่งขึ้น แต่ควรลงทุนเพื่อเพิ่มผลผลิต โดยปรับปรุงการผลิต ศึกษาด้านพันธุศาสตร์ที่ดีขึ้น ใช้เทคโนโลยีการเพาะเมล็ดพันธุ์ที่ทันสมัย และการใช้ชลประทานระบบน้ำหยดอย่างกว้างขวางขึ้น นอกจากนี้ การห้ามส่งออกเป็นสิ่งที่ผิดพลาด ที่ทำให้เกิดการจำกัดทางการค้า ทำให้ประชาชนกักตุนอาหาร เช่นเดียวกับ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) แถลงในทางเดียวกันว่า ประเทศตลาดเกิดใหม่ควรที่จะใช้ระบบโครงข่ายความคุ้มครองทางสังคมช่วยเหลือผู้บริโภคที่ต้องรับมือราคาอาหารที่แพงขึ้น แทนที่จะใช้วิธีการบิดเบือนตลาดผ่านทางการจำกัดปริมาณการส่งออกข้าว ปากว่าตาขยิบฉวยขายข้าวเอง นางอลิซาเบธ วอร์ด ประธานและซีอีโอของสหพันธ์ข้าวสหรัฐ กล่าวว่า ผู้ส่งออกข้าวสหรัฐกำลังขายข้าวมากยิ่งขึ้นในตลาดใหม่ๆ อย่างในจอร์แดน และตุรกี หลังจากประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่จำกัดปริมาณการขายข้าวเพื่อสกัดกั้นภาวะเงินเฟ้อด้านราคาอาหารภายในประเทศ รวมถึงฟิลิปปินส์ที่ซื้อข้าวจากสหรัฐเป็นมูลค่า 75 ล้านดอลลาร์ในลักษณะข้อตกลงเชิงพาณิชย์ระหว่างสองประเทศครั้งแรก แสดงให้เห็นว่า ประเทศที่ต้องการข้าวจะแสวงหาจากผู้ขายข้าวอย่างจริงจังในที่ใดก็ตามที่สามารถหาได้ ทั้งนี้ ราคาข้าวจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปอีกประมาณ 1-2 ปี http://www.naewna.com/news.asp?ID=105657
โดย
chartchai madman
พุธ เม.ย. 23, 2008 6:41 pm
0
0
news23/04/08
กฟผ.รับมืออุณหภูมิร้อนสุดแห่งปี [23 เม.ย. 51 - 04:26] นายพิบูลย์ บัวแช่ม ผู้อำนวยการฝ่ายควบคุมระบบกำลังไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่มีอุณหภูมิร้อนที่สุดของปี ส่งผลให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีค) อยู่ที่ระดับ 22,568 เมกะวัตต์ เป็นระดับที่สูงสุดในขณะนี้ แต่ยังต่ำกว่าเมื่อเทียบกับเป้าหมายไฟพีคที่กำหนดไว้ในปีนี้จะอยู่ที่ 23,300 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าระดับพีคน่าจะเกิดขึ้นในเดือน เม.ย.นี้ ทั้งนี้ เมื่อปีที่ผ่านมา ระดับพีคเกิดขึ้นในวันที่ 24 เม.ย. 50 ที่ระดับ 22,586 เมกะวัตต์ ใกล้เคียงกับตัวเลขไฟพีคในปัจจุบัน ซึ่งต้องยอมรับว่าอุณหภูมิของประเทศเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ กฟผ.ต้องมีความพร้อมในการเตรียมโรงไฟฟ้า เดินเครื่องเฉพาะเชื้อเพลิงที่มีต้นทุนต่ำ เช่น น้ำ ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ ส่วนน้ำมันเตาจะพยายามใช้ให้น้อยที่สุด แต่ในช่วงวันที่ 2-11 เม.ย. แหล่งก๊าซธรรมชาติในพม่ามีปัญหาทั้งแหล่งเยตากุน และแหล่งอาทิตย์ ไม่สามารถจัดส่งให้ได้ ทำให้ กฟผ.ต้องหันมาใช้น้ำมันเตามากถึง 200 ล้านลิตร จากปกติช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.ของทุกปีจะใช้เพียง 40-50 ล้านลิตร นอกจากนี้ ในปีนี้ต้องยอมรับว่าปริมาณน้ำในเขื่อนน้อยกว่าปีก่อน เนื่อง จากต้องจัดสรรน้ำไปให้ภาคเกษตรไว้ใช้เพาะปลูกมากขึ้น ประกอบกับการพัฒนาก๊าซธรรมชาติแหล่งอาทิตย์ ยังจัดส่งไม่ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ทำให้ต้องหันมาใช้น้ำมันเตาเพิ่มขึ้น ในช่วงสงกรานต์ 9 วัน 200 ล้านลิตร แต่ช่วงนี้เริ่มทยอยจัดส่งมาให้แล้ว จึงลดปริมาณการใช้น้ำมันเตาลงเหลือ 40-50 ล้านลิตร อย่างไรก็ตาม แม้การผลิตไฟฟ้าต้องเพิ่มสัดส่วนการใช้น้ำมันเตาแต่กระทรวงพลังงานได้ให้นโยบายมาชัดเจนว่า จะไม่ผลักภาระไปยังค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ไปให้ประชาชนรับผิดชอบ เนื่องจากการจัดส่งก๊าซธรรมชาติที่ล่าช้าตามเงื่อนไขทางผู้รับสัมปทานจะต้องเข้ามาดูแลปัญหาที่เกิดขึ้นพร้อมกับรับผิดชอบ. http://www.thairath.co.th/news.php?section=economic&content=87116
โดย
chartchai madman
พุธ เม.ย. 23, 2008 6:27 pm
0
0
news23/04/08
ธปท.ปรับขึ้นเศรษฐกิจ 51 โต 4.8-6% [23 เม.ย. 51 - 04:24] นางสาวดวงมณี วงศ์ประทีป ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สายนโยบายการเงิน แถลงข่าวปรับขึ้นประมาณการเศรษฐกิจปี 2551 เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และราคาสินค้าเกษตรที่ดีขึ้นในตลาดโลกที่ดีขึ้นมาก ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกปีนี้ของไทยไม่ลดต่ำลงอย่างที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ซึ่งเป็นแรงผลักดันที่สำคัญให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวดีขึ้น นอกจากนั้น ยังมีผลดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล จึงปรับขึ้นประมาณการเศรษฐกิจในปีนี้เป็น 4.8-6% จากประมาณการเดิมที่ 4.5-6% ทั้งนี้ ธปท.ได้ปรับขึ้นการคาดการณ์ราคาสินค้าเกษตรสำคัญ 12 ชนิด ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกของไทยจากเดิมคาดว่าราคาจะสูงขึ้น 7% เพิ่มขึ้นเป็น 35% จากระยะเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มการคาดการณ์ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกเพิ่มขึ้นจาก 4.8% เป็น 14.2% รวมทั้งปรับเพิ่มประมาณการราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยในปี 2551 จาก 85.5 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เป็น 112.6 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล แต่ได้ปรับลดประมาณการกดการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกลงจากเดิมคาดว่าจะขยายตัว 4.9% ลงมาเหลือ 4.5% ราคาสินค้า และราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งมาตรการควบคุมราคาของรัฐที่อาจจะไม่ทำให้ราคาลดลงมากนัก ส่งผลให้แรงส่งผ่านของปัจจัยราคาต่อต้นทุนการผลิตจะรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ธปท.จึงได้ปรับประมาณการเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้น จาก 2.8-4% เป็น 4-5% และเพิ่มประมาณการเงินเฟ้อพื้นฐานจาก 1.3-2.3% เป็น 1.5-2.5% โดยความเสี่ยงที่สำคัญในขณะนี้ คือ ความเชื่อมั่นของประชาชน และนักลงทุน ซึ่งยังไม่อยู่ในระดับที่น่าพอใจ หากสามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ก็จะส่งผลดีต่อการลงทุน และการบริโภค ด้านนายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยว่า ในเดือน มี.ค.51 มีมูลค่าส่งออก 14,764.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 14.4% ขยายตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 14,604.7 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 32.68% เกินดุลการค้า 159.8 ล้านเหรียญฯ โดยสินค้าเกษตร และอุตสาหกรรมการเกษตร ขยายตัวสูงถึง 32% ส่วนการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น จากราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นมาก โดยน้ำมันมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 21% จากเดิม 10% นอกจากนั้น การนำเข้าสินค้าทุน และวัตถุดิบก็เพิ่มขึ้น ขณะที่ 3 เดือนแรก (ม.ค.-มี.ค.) 51 มีมูลค่าส่งออก 41,715.9 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 20.8% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 42,898.3 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 38% ขาดดุลการค้า 1,182.4 ล้านเหรียญฯ. http://www.thairath.co.th/news.php?section=economic&content=87113
โดย
chartchai madman
พุธ เม.ย. 23, 2008 6:26 pm
0
0
news23/04/08
ทุนสแกนดิเนเวียลง1.9หมื่นล. พัฒนาอสังหาฯเมืองท่องเที่ยว โพสต์ทูเดย์ กลุ่มทุนสแกนดิเนเวียสยายปีกลงทุนอสังหาฯ ไทย คาดปีนี้มูลค่าทะลุ 1.9 หมื่นล้าน เน้นบุกหัวเมืองท่องเที่ยว นายปฏิมา จีระแพทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่า ในปีนี้คาดว่ากลุ่มทุนชาวสแกนดิเนเวียประกอบด้วย ชาวสวีเดน ฟินแลนด์ เดนมาร์ก และนอร์เวย์ จะเข้ามาลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไทยคิดเป็นมูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 1.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีมูลค่าโครงการ 1 หมื่นล้านบาท โดยจะเน้นพัฒนาโครงการประเภทวิลล่าและคอนโดมิเนียมในจังหวัดท่องเที่ยว ทั้งนี้ กลุ่มทุนชาวสแกนดิเนเวียเริ่มเข้ามาลงทุนธุรกิจอสังหาฯ ในไทยเมื่อปี 2546 โดยโครงการแรกคือ โครงการหมู่บ้านสแกนดิเนเวีย ที่บางแสน จ.ชลบุรี ส่วนการพัฒนาโครงการกลุ่มสแกนดิเนเวียมีมากที่สุดใน จ.ระยอง รวม 809 ยูนิต ประกอบด้วยบ้านพักแบบวิลล่า และคอนโด มูลค่าโครงการ 4,800 ล้านบาท ตามด้วยหัวหิน 468 ยูนิต มูลค่า 4,105 ล้านบาท และพัทยา 259 ยูนิต รวมมูลค่าโครงการ 1,550 ล้านบาท ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทยเป็นที่สนใจของนักลงทุนชาวสแกนดิเนเวียอย่างมาก โดยการเมืองไม่มีผลต่อการตัดสินใจลงทุน เพราะส่วนใหญ่มาลงทุนเพื่อการพักผ่อน ซึ่งหากมีการปรับแก้กฎหมายเช่น ให้ชาวต่างชาติถือครองที่ดินได้มากกว่า 30 ปี รวมถึงการแก้ระยะเวลาในการให้วีซ่ายาวนานจะเป็นการดี นายปฏิมา กล่าว สำหรับผู้พัฒนาโครงการรายใหญ่ของกลุ่มสแกนดิเนเวียในระยองและพัทยา ได้แก่ บริษัท เกรนเอเชีย และโลแกน ประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมาจะเป็นการลงทุนในนามบุคคลเป็นหลัก แต่ขณะนี้กลุ่มทุนจากสแกนดิเนเวียสนใจจะเข้าลงทุนเพื่อเข้ามาถือหุ้นในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทยที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในหลายบริษัทด้วย ทั้งนี้ ในปี 2549 มีนักท่องเที่ยวชาวสแกนดิเนเวียเดินทางมาไทย 645,361 คน เพิ่มขึ้นเป็น 757,734 คนในปี 2550 http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=business&id=233956
โดย
chartchai madman
พุธ เม.ย. 23, 2008 5:55 pm
0
0
news23/04/08
จยย.เริ่มยิ้มออกยอดขาย3เดือนโต2% โพสต์ทูเดย์ ตลาดรถจักรยานยนต์ไตรมาสแรกดีเกินคาด ทำยอดขายไป 4.35 แสนคัน เติบโต 2% นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า เปิดเผยถึงยอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2551 ว่าตลาดมีความคึกคักและตื่นตัวอย่างมาก เนื่องมาจากปัจจัยด้านบวกหลากหลายประการ ส่งผลให้ปริมาณยอดจดทะเบียนป้ายวงกลมสะสมนับตั้งแต่เดือน ม.ค.มี.ค. มีจำนวนรวมทั้งสิ้นสูงถึง 435,069 คัน เมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าซึ่งมีจำนวน 426,172 คันแล้ว มีอัตราการขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น 2% ทั้งนี้ ฮอนด้ายังครองตลาดด้วยการมียอดจดทะเบียน 298,136 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 69% ยามาฮ่า 110,777 คัน คิดเป็น 25% ซูซูกิ 18,861 คัน คิดเป็น 4% คาวาซากิ 2,395 คัน คิดเป็น 1% ที่เหลือเป็นจักรยานยนต์ยี่ห้ออื่นๆ โดยหากคิดแยกประเภทแล้ว รถจักรยานยนต์แบบครอบครัวมีส่วนแบ่ง 50% และรถจักรยานยนต์แบบเอ.ที. มีส่วนแบ่ง 46% สำหรับปัจจัยบวกที่ส่งผลต่อตลาดโดยตรง ประกอบไปด้วยปัจจัยทางด้านสภาพตลาดที่เป็นช่วงของฤดูการขาย ส่งผลให้บรรดาค่ายผู้ผลิตรายใหญ่ต่างโหมกระตุ้นตลาดด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์รถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ๆ พร้อมการจัดกิจกรรมส่งเสริมการจำหน่ายในรูปแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มเป้าหมายหลักซึ่งโดยส่วนใหญ่คือกลุ่มเกษตรกรนั้น มีกำลังซื้อเพิ่มมากขึ้น อันเป็นผลเนื่องมาจากการมีราคาสูงขึ้นของสินค้าทางด้านการเกษตร นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสริมจากความชัดเจนในด้านการเมือง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นในการบริโภคมีเพิ่มมากขึ้น แนวโน้มของตลาดในช่วงไตรมาสต่อไป คาดว่ายังคงมีความคึกคักและตื่นตัว โดยเฉพาะจากนโยบายของทางภาครัฐบาลที่เตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจสู่ระดับฐานราก นายธีระพัฒน์ กล่าว ด้านนายอดิศักดิ์ โรหิตะศุน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า คาดว่ายอดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ทั้งปีจะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาคือ 1.65 ล้านคัน เนื่องจากปีนี้รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้มีเม็ดเงินอัดสู่ระบบเศรษฐกิจ อีกทั้งราคาพืชผลทางการเกษตรดีขึ้น ทำให้เกษตรกรมีกำลังซื้อและนำเงินมาจับจ่ายใช้สอยรวมทั้งซื้อรถจักรยานยนต์เพื่อเป็นพาหนะในการเดินทาง ทำให้จากนี้ไปยอดขายในแต่ละเดือนน่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียง 2 แสนคัน http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=business&id=233959
โดย
chartchai madman
พุธ เม.ย. 23, 2008 5:53 pm
0
0
news23/04/08
ข้าวขายดีดันดุลการค้าฟื้น โพสต์ทูเดย์ ส่งออก มี.ค. ทำลายสถิติสูงสุดอีกแล้ว มูลค่าทะลุ 1.47 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 14.4% พลิกกลับมาเกินดุล 160 ล้านเหรียญสหรัฐ นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ส่งออกเดือน มี.ค. มีมูลค่า 14,764 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 14.4% เป็นตัวเลขการส่งออกที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ สำหรับการนำเข้ามีมูลค่า 14,604 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 32.68% ส่งผลให้ไทยกลับมาเกินดุลการค้าครั้งแรกรอบปีนี้ 160 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังจากที่ในช่วง 2 เดือนแรกขาดดุลการค้าติดต่อกัน ขณะที่การส่งออกสินค้าเฉลี่ย 3 เดือนแรก (ม.ค.-มี.ค.) ปีนี้ มีมูลค่า 41,716 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม ขึ้น 20.8% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 42,898 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 38% ส่งผลให้ดุลการค้าไทย 3 เดือนแรก ไทยยังขาดดุลอยู่ 1,182 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินบาทประมาณ 53,660 ล้านบาท การส่งออกในเดือน มี.ค. ที่ ขยายตัวเพิ่มมากขึ้นนั้น เป็นผลจาก สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร ส่วนใหญ่ส่งออกได้เพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า โดยมีการขยายตัวสูงถึง 32% สินค้าสำคัญที่ส่งออกได้เพิ่มขึ้น เช่น ข้าว เพิ่มขึ้น 143.8% อาหารทะเลกระป๋อง เพิ่มขึ้น 29.6% กุ้งแช่แข็งและแปรรูป 1.6% ยางพารา เพิ่มขึ้น 23.9% ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เพิ่มขึ้น 39.7% อาหาร เพิ่มขึ้น 17.5% ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 11.8% สินค้าสำคัญที่ส่งออกเพิ่มขึ้นเกิน 15% เช่น ยานยนต์และส่วนประกอบ เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก อัญมณีและเครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์ยาง สิ่งพิมพ์และกระดาษ สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้น 10-15% เช่น วัสดุก่อสร้าง เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เภสัชและเครื่องมือแพทย์ สำหรับการนำเข้าในเดือน มี.ค. ที่เพิ่มขึ้น เป็นผลจากการนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิง เพิ่มขึ้น 64.7% http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=business&id=233893
โดย
chartchai madman
พุธ เม.ย. 23, 2008 5:51 pm
0
0
news23/04/08
โลตัสท้าชนบิ๊กซี ชุดนร.แค่63บาท โพสต์ทูเดย์ 2 ยักษ์ค้าปลีก เทสโก้-บิ๊กซี ใจตรงกัน ประกาศถล่มชุดนักเรียนเฮาส์แบรนด์ต่ำสุด 63 บาท ดึงกำลังซื้อผู้ปกครองภาวะเงินเฟ้อ นายกวิน สัณฑกุล กรรมการและประธานบริหาร ฝ่ายการตลาด บริษัท เอก-ชัย ดีสทริบิวชั่น ซิสเทม ผู้บริหารร้านค้าปลีก เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า บริษัทใช้งบรวมกว่า 120 ล้านบาท จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้ารับเปิดเทอม ภายใต้แคมเปญ โรล แบ็ค ทู สคูล โดยมีสินค้ากลุ่มชุดนักเรียนและอุปกรณ์การศึกษาต่างๆ ในราคาประหยัด 444 รายการ โดยเฉพาะสินค้าชุดนักเรียนที่เป็นตราสินค้าของตัวเอง หรือเฮาส์แบรนด์ 2 ยี่ห้อ คือ เทสโก้ และ คุ้มค่า สำหรับชุดนักเรียนยี่ห้อคุ้มค่า เป็นแบรนด์สินค้าราคาประหยัด จำหน่ายเริ่มต้นชุดละ 63 บาท ส่วนชุดนักเรียนยี่ห้อเทสโก้ จะแข่งขันในระดับเดียวกับชุดนักเรียนยี่ห้อชั้นนำ แต่ใช้กลยุทธ์ราคาที่ถูกกว่าแบรนด์คู่แข่งราว 10-20% โดยตั้งเป้ายอดขายทั้งสองแบรนด์ 2 ล้านชุด เพิ่มจาก 1.5 ล้านชุดในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังคาดในช่วง 1 เดือนของการจัดแคมเปญ จะมีรายได้จากกลุ่มสินค้าต้อนรับเปิดเทอมอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 60% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา เนื่องจากสินค้าที่นำมาร่วมรายการมีจำนวนเพิ่มขึ้น และการขยายสาขาของเทสโก้ โลตัส เพิ่มมากขึ้น ด้าน น.ส.จริยา จิราธิวัฒน์ รองประธานฝ่ายการตลาดและการสื่อสาร บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ผู้บริหารห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี กล่าว ว่า ปีนี้บริษัทได้จัดโครงการ ธงฟ้า ราคาประหยัด แบ็คทูสกูล ร่วมกับกรมการค้าภายในต่อเนื่อง โดย นำสินค้าประเภทชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียนต่างๆ มาจำหน่ายในราคาพิเศษ อาทิ ชุดนักเรียน รองเท้านักเรียน กระเป๋านักเรียน เครื่องเขียนและอุปกรณ์การเรียนแบรนด์ชั้นนำ โดยมีราคาต่ำกว่าท้องตลาด 5-20% http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=business&id=233891
โดย
chartchai madman
พุธ เม.ย. 23, 2008 5:42 pm
0
0
news23/04/08
รัฐบาลสมัครลดภาษีหนุนคนซื้อบ้าน โพสต์ทูเดย์ ครม. คลอดมาตรการลดภาษีกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ 0.01% กระตุ้นคนมีบ้าน สั่ง ธอส.ฟื้นบ้านมือสอง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นภาษีอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติมตามที่กระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยลดค่าธรรม เนียมจดทะเบียนการโอน และการ จำนองอสังหาริมทรัพย์จากอัตรา 2% และ 1% ตามลำดับ เหลือ 0.01% ทั้งนี้ มาตรการนี้จะมีผลครอบ คลุมถึงอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคาร บ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว อาคารพาณิชย์ หรืออาคารพร้อมที่ดิน ซึ่งมีเนื้อที่รวมไม่เกิน 1 ไร่ ที่อยู่นอกโครงการจัดสรร ซึ่ง เป็นมาตรการทั่วไปให้ประชาชน ที่ต้องการซื้อบ้านได้รับประโยชน์ กำหนดให้มีผลบังคับใช้ถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา จนถึงวันที่ 28 มี.ค. 2552 มาตรการดังกล่าวเป็นการ ช่วยบรรเทาภาระด้านต่างๆ ให้แก่ประชาชนเป็นการเพิ่มเติม เพื่อ สนับสนุนให้คนมีบ้านเป็นของตัวเองมากขึ้น นพ.สุรพงษ์ กล่าว สำหรับมาตรการกระตุ้น เศรษฐกิจที่ผ่านความเห็นชอบของ ครม. เมื่อวันที่ 4 มี.ค. ที่ผ่านมานั้น ประกอบด้วย การยกเว้นภาษีเงิน ได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้สุทธิ 1.5 แสนบาท การยกเว้นภาษี กำไรสุทธิ 1.5 แสนบาทแรกให้กับ ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีทุน จดทะเบียนชำระแล้วไม่เกิน 5 ล้านบาท การลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะจาก 3% เหลือ 0.1% รวมถึงการคงภาษีมูลค่าเพิ่มที่ 7% ออกไปอีก 2 ปี หรือจนถึงวันที่ 30 ก.ย. 2553 นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธ์ รมช.คลัง กล่าวว่า ได้ให้นโยบายธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ไปศึกษาเพื่อพัฒนาตลาดซื้อขายบ้านมือสอง โดยอาศัยเทียบข้อมูลจากต่างประเทศ และให้พิจารณาว่าจำเป็นต้องใช้มาตรการภาษีเพิ่มเติม หรือการสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาการซื้อขายบ้านมือสองยังไม่คึกคักเท่าที่ควร http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=finance&id=233899
โดย
chartchai madman
พุธ เม.ย. 23, 2008 5:40 pm
0
0
news23/04/08
บริษัทกลางฯลุยขายประกันออนไลน์ โพสต์ทูเดย์ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยฯ จับมือกสิกรไทยจ่ายเบี้ยประกันออนไลน์ นายสมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กลางคุ้มครอง ผู้ประสบภัยจากรถ กล่าวว่า บริษัท กลางฯ ได้ร่วมมือกับธนาคาร กสิกรไทย ในการพัฒนาเครื่องออกกรมธรรม์พีวีอาร์แมชชีน (PVR Machine) เพื่อให้สามารถบริการ รับชำระค่าสินค้าและบริการต่างๆ ด้วยบัตรเครดิตได้โดยตรงและพร้อมให้บริการแก่ตัวแทนและจุดขายของบริษัท การออกกรมธรรม์ประกันภัยแบบออนไลน์ได้ทันที เพื่อเอื้อให้ ตัวแทนและจุดขายของบริษัท สามารถทำธุรกรรมทางการเงินกับธนาคารผ่านบัตรเครดิตเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าและตัวแทนขาย ในการรับชำระค่าสินค้าและบริการ นายสมพร กล่าว นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า การชำระค่าสินค้าและบริการด้วยบัตรเครดิตผ่านเครื่องพีวีอาร์ จะเพิ่มโอกาสทางธุรกิจของธนาคารในการเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียม และเงินฝากจากธุรกิจประกันภัยอีกด้วย สำหรับขั้นตอนการสมัครเข้าร่วมโครงการรับชำระเงินผ่าน บัตรเครดิตจากเครื่องพีวีอาร์ของ ตัวแทนจุดขายไม่มีขั้นตอนยุ่งยาก เพียงแค่ตัวแทนจุดขายกรอกแบบฟอร์มการพิจารณาร้านค้ารับบัตรเครดิตของธนาคารกสิกรไทย และเปิดบัญชี หรือมีบัญชีประเภทใด ก็ได้กับทางธนาคาร แล้วส่งแบบฟอร์มให้ธนาคารอนุมัติ ก่อนลงโปรแกรมบนเครื่องให้แก่ตัวแทนและจุดขาย สามารถรับชำระค่าสินค้าและบริการจากลูกค้าผ่านระบบเครดิตได้ทันที http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=finance&id=233911
โดย
chartchai madman
พุธ เม.ย. 23, 2008 5:39 pm
0
0
news23/04/08
10กองทุนยักษ์เพิ่มน้ำหนักเอเชีย โพสต์ทูเดย์ ธนาคารเอชเอสบีซี สำรวจผู้จัดการกองทุนชั้นนำ 10 แห่ง พบไตรมาสแรกเน้นถือเงินสดมากกว่าลุยหุ้นและพันธบัตร ผลสำรวจของธนาคารเอชเอส บีซี เปิดเผยว่า ผู้จัดการกองทุน 62% ให้น้ำหนักมากขึ้นกับการถือเงินสด เทียบกับการสำรวจช่วงไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา พบว่ามีเพียง 25% เท่านั้น นอกจากนี้ 38% ของผู้จัดการกองทุนเหล่านี้ยังได้ ลดน้ำหนักการลงทุนในตราสารหุ้น โดยให้น้ำหนักกับตลาดหุ้นในเอเชียแปซิฟิก ด้านตลาดพันธบัตร กลุ่มสำรวจให้น้ำหนักน้อยลง 50% ผู้จัดการกองทุนที่ร่วมในการสำรวจครั้งนี้ทั้ง 10 แห่ง ได้แก่ อลิอันซ์ เบิร์นสไตน์ อินเวสเมนท์, อลิอันซ์ โกลบอล อินเวสเตอร์, แบริ่ง แอสเซ็ท แมเนจเมนท์, แบล็คร็อค เมอร์ริล ลินช์ แมเนเจอร์, ฟิเดลิตี้ อินเวสเมนท์ แมเนจเมนท์, อินเวสโค แอสเส็ท แมเนจเมนท์ และ เจเอฟ แอสเส็ท แมเนจเมนท์ แอนด์ ชโรเดอร์ ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2007 ยอดเงินกองทุนภายใต้การบริหารของบริษัทจัดการกองทุนที่ร่วมในการสำรวจทั้ง 10 แห่ง มีจำนวน 4.85 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 152 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2006 คิดเป็น 16.2% นายบรูโน ลี ผู้อำนวยการ บริหาร แผนกบริหารความมั่งคั่ง ฝ่ายบุคคลธนกิจ ธนาคารเอชเอสบีซี กล่าวว่า นักลงทุนมีแนวโน้มที่จะรักษาสภาพคล่องในมือไว้ให้พร้อมสำหรับการลงทุนเมื่อตลาดเปิดโอกาสและให้ผลตอบแทนที่ดี นักลงทุนยังเป็นห่วงผลกระทบต่อเนื่องจากวิกฤตซับไพรม์และภาวะวิกฤตของตลาดสินเชื่อทั่วโลก พันธบัตรจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเลี่ยงความผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลก นายลี กล่าว นายลี กล่าวว่า ในไตรมาส สุดท้ายของปีที่แล้ว ผู้จัดการกองทุนหลายแห่งพักเงินไว้ในกองทุน ที่ลงทุนในตลาดเงิน ซึ่งภายในไตรมาสเดียวให้ผลตอบแทนสูงถึง 7.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ http://www.posttoday.com/newsdet.php?sec=finance&id=233905
โดย
chartchai madman
พุธ เม.ย. 23, 2008 4:46 pm
0
0
mai
Symbol yr roa roe D/E Chuo 2007 6.53 12.64 2.31 2006 6.97 13.46 2.32 2005 10.39 33.10 2.63 2004 5.65 10.26 7.27 gfm 2007 28.02 24.03 0.12 2006 20.49 18.00 0.12 2005 35.13 31.55 0.11 2004 23.24 18.63 0.17 ILINK * 2007 17.65 20.67 0.35 ILINK 2006 33.61 43.05 0.64 ILINK 2005 24.46 29.31 0.56 ILINK 2004 21.59 21.67 0.47 PICO * 2007 11.53 15.90 0.92 PICO * 2006 19.78 24.45 0.68 PICO * 2005 14.40 16.29 0.53 PICO * 2004 17.29 17.40 0.53 TMW 2007 11.17 11.36 0.33 TMW 2006 11.80 13.04 0.39 TMW 2005 18.10 20.16 0.45 TMW 2004 16.97 16.35 0.42 PPM 2007 9.12 12.37 1.36 PPM 2006 19.22 38.35 1.26 PPM 2005 7.64 10.31 2.84 PPM 2004 12.66 16.27 1.11 SWC 2007 15.66 20.04 0.69 SWC 2006 11.70 13.75 0.53 SWC 2005 12.55 15.28 0.53 SWC 2004 20.88 22.13 0.57 BOL * 2007 24.91 29.75 0.46 BOL * 2006 18.78 22.07 0.47 BOL 2005 9.35 10.46 0.47 BOL 2004 10.69 11.46 0.42 UMS * 2007 41.44 64.01 1.09 UMS * 2006 29.73 41.13 0.95 UMS 2005 37.27 43.78 0.79 UMS 2004 46.53 38.89 0.23
โดย
chartchai madman
พุธ เม.ย. 23, 2008 2:39 pm
0
0
3925 โพสต์
of 79
ต่อไป
ต่อไป
ชื่อล็อกอิน:
chartchai madman
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
งานอดิเรก:
value stock
ความถนัด:
investor
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
ศุกร์ ก.พ. 23, 2007 9:20 pm
ใช้งานล่าสุด:
ศุกร์ ต.ค. 24, 2008 1:05 pm
โพสต์ทั้งหมด:
7514 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.40% จากโพสทั้งหมด / 1.14 ข้อความต่อวัน)
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว