หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
Lady
:+:__ ไม่มีเงิน ก้อมีความสุขได้
Joined: อังคาร ม.ค. 02, 2007 3:19 pm
45
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - Lady
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
เห็นคนจบการศึกษามากจังคับ
การศึกษา มีไว้กรอง สัตว์เศรษฐกิจ ยิ่งเรียนสูง ยิ่ง กรอง ผู้มีความสามารถมาก และ เมื่อมาทำงาน ก็ยิ่งกรอง เข้าไปอีก ทั้งเรียนสูงมากๆ และ ตำแหน่งสูงมากๆ ความเป็นคนก็เริ่มลดลงเท่านั้น คำพูดด้านบน ถูกต้อง 1 % ต้องเอาใจหน่อยเดี๋ยวคนแย้งเยอะ แต่ก็ดูไปเถิด พวกที่เรียนจบสูงๆ แล้วลอกคนระหว่างเรียน ลอกจนกระทั่งจบดร. ก็ยังมีเลย หันกลับไปดูชาวบ้าน ชาวไล่ ชาวนา ที่การศึกษาน้อยๆ และต้องอยู่กันอย่าง ช่วยเหลือกัน ไม่ช่วยกัน ก็แย่ ผลคือ หลายๆคนกลับมาน้ำใจมาก เท่าที่อ่าน เหมือนคุณ Jeng ไม่ได้แย้งข้อความด้านบนนี่คะ เหมือนคุณสองคนเข้าใจด้านเดียวกันเลยค่ะ แต่เราเห็นด้วย 50 % ค่ะ ที่ว่าการศึกษาช่วยพัฒนา มนุษย์ แต่พัฒนาแค่ ไอคิว และ ความสามารถเชิงทฤษฎี ค่ะ ที่เหลือ อีก 50 % เป็นการพัฒนาด้าน อีคิว และ ความอดทน ซึ่งน่าจะมาจากปัจจัย ด้านอื่นมากกว่า เช่น - คนที่จบแค่ ม.3 แล้วต้องออกมาทำงานหาเงินเรียนภาคค่ำ ได้พัฒนาความอดทน และความพากเพียร - คนที่จบแค่ ปวช. , ปวส. แล้วทำงานเลยได้พัฒนาประสบการณ์ทำงานจริง ส่วนจะเรียนไปด้วย หรือ ทำงานอย่างเดียว แล้วค่อยเรียนต่อ ก็ อีกเรื่อง - คนที่จบปริญญาตรี แต่ไม่เคยรู้จักระบบของการเริ่มงาน ไม่ได้จบสายเฉพาะ เช่น แพทย์ หรือ วิศวะ แต่จะเรียกเงินเดือน เดือนแรก สูง ๆ ( อันนี้ เอาตัวอย่างจากคนรู้จักค่ะ เพิ่งจบ ป.ตรี การโรงแรม แต่ไปเรียกเงินเดือน 12,000 - 15,000 พอทางบริษัท ต่อรองไม่ถึงหมื่น ก้อลองทำ เพราะคิดว่างานสบายไม่ต้องทำอะไร พอถึงเวลาจริง ๆ ทำไม่ได้ เข้า - ออก มาหลาย บริษัทแล้ว ล่าสุดทำงานกะดึก เงินเดือน 10,000 แต่ถ้าผ่านโปรฯ เงินเดือน อัพ เป็น 12,000 บาท แต่ไม่รู้จะผ่านมั้ย เพราะคุณเธอเริ่มงาน 4 ทุ่ม แต่ไปสายประจำ บางที 4 ทุ่ม เพิ่งตื่น กว่าจะถึงที่ทำงาน ก็ปาไป 5 ทุ่ม กว่า ๆ ) - คนที่จบ ป.ตรี แล้ว เรียน โท ต่อ อันนี้ ก้อ อาจจะ อีโก้ สูงไปนี้ดด เพราะคิดว่า สามารถ เลือกงานได้ เลือกองค์กรได้ แต่ความสามารถคุณจะได้ตามที่องค์กรคาดหวังหรือไม่ ก็อีกเรื่องนึง สรุปแล้ว วุฒิที่จบ , สายที่จบ , คณะ , แขนง , เอก อะไรก็แล้วแต่ ถ้าคุณได้งานที่ตรงกับที่จบมา ก็ดีไป ถ้าไม่ตรง แต่ไม่อยากเตะฝุ่นไปเรื่อย ๆ ก็ทำให้นายจ้างเห็นถึงความสามารถ เงินเดือนน่าจะอัพขึ้นได้ไม่ยากนะคะ * เดี๋ยวนี้ บางที่เน้นประสบการณ์ มากกว่าวุฒิ อีกค่ะ *
โดย
Lady
พุธ ก.พ. 14, 2007 2:45 am
0
0
อายุสัก 45 จะไปทำอะไร
รักษาได้หรือไม่ได้ไม่กลัวหรอกค่ะ กลัวตรงที่ว่า ยืดเวลาการตายไปเรื่อย ๆ ให้ทรมาณ นี่สิ ทุกข์ยิ่งกว่า
โดย
Lady
พุธ ก.พ. 14, 2007 1:35 am
0
0
ปกติแล้วสาวๆชอปปิ้งอะไรบ่อยสุดครับ
กำ !!! ยิ่งอ่านไป ยิ่งรู้สึกว่า เราใช่ผู้หญิงรึป่าว 1. เครื่องสำอางค์ - แป้งพัฟ ไม่ซื้อ ไม่ใช้ , แป้งเด็ก กระป๋องเล็กติดกระเป๋า อยู่ได้ประมาณ 3 เดือน , ลิปมัน ใช้ยันหมดแท่ง ประมาณครึ่งปี 2. ร้านเสริมสวย - อย่าหวังว่าจะได้เป็นลูกค้าประจำ เพราะ ปีนึง ไดร์ผม หรือ หนีบผม ไม่ถึง 10 ครั้ง สระเสร็จยังไม่ทันแห้ง ก้อออกไปทำงานแล้ว 3. เสื้อผ้า + ตุ้มหู - ยอมรับว่าอันนี้ บ่อยพอสมควรเหมือนผู้หญิงทั่วไป แต่ที่ซื้อบ่อยๆ แทบทุกเดือน ทุกสัปดาห์ คือ หนังสือรถ , บ้าน , มือถือ , โน๊ตบุ๊ค ซื้อทีละหลายๆ เล่มด้วยสิ เฮ่อ
โดย
Lady
พุธ ก.พ. 14, 2007 1:29 am
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Lady
พุธ ก.พ. 14, 2007 1:14 am
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Lady
อาทิตย์ ก.พ. 04, 2007 10:30 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Lady
อาทิตย์ ก.พ. 04, 2007 10:15 pm
0
0
คงเสียไปนานแล้วค่ะ
อายุ 45 เหรอ ป่านนั้นคงตายไปแล้วล่ะ ขออยู่ถึงแค่ 30 ปลาย ๆ ก็พอ เต็มที่ไม่เกิน 45 นั่นแหละ ขอให้วันนั้น เราทำงานเก็บเงินให้ คุณพ่อ คุณแม่ เต็มที่แล้ว ถึงเวลาที่เราไป อย่างน้อยได้ตอบแทนด้วยการที่มีทรัพย์.สมบัติ พอที่ พ่อ-แม่ เราไม่ต้องลำบากตอนแก่ ก็พอใจแล้ว * ปล. ที่คาดว่าจะตายเร็ว อย่าคิดไปถึงเรื่อง HIV นะ พอดีว่าเป็นโรคภูมิแพ้มานานแล้ว , ปอดทะลุตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ , เป็นโรคกระเพาะเรื้อรัง , โรคเกล็ดเลือดไม่แข็งตัว และ สุดท้าย ไต น่าจะใกล้เสื่อมสภาพแล้ว * ขออยู่อีก 20 ปี เศษ ๆ ก็พอ ขอแค่ได้เห็น พ่อ-แม่ ไม่ลำบาก ก็ตายตาหลับแล้ว
โดย
Lady
พฤหัสฯ. ก.พ. 01, 2007 4:37 am
0
1
อะไรคือคุณสมบัติ ของนักการเงินที่เก่งคับ
ในความคิดนะคะ นักการเงินที่เก่งเนี่ย ต้องรู้จักวิธีการนำเงินที่มีอยู่ ไปบริหารให้เกิดกำไร หรือไม่ให้ผลตอบแทนบกพร่องไปจากเดิม ( ความคิดส่วนตัวนะคะ ซึ่งอาจจะแตกต่างไปจากใครหลาย ๆ คน ก็ได้ค่ะ )
โดย
Lady
พฤหัสฯ. ก.พ. 01, 2007 4:18 am
0
0
ตำนาน "สมเด็จพระนเรศวร"
อยากรู้นิดนึงอะครับ พระราเมศวร หายไปไหนเหรอครับ เห็นว่าโดนดึงไปพม่าพร้อมๆักันเลย หรือว่าแค่ไม่มีความจำเป็นในเรื่องแค่นั้นครับ น่าจะมีบทบาท ในภาคที่ 2 มั้งคะ ( ถ้าเข้าใจไม่ผิดอ่ะนะ )
โดย
Lady
พฤหัสฯ. ก.พ. 01, 2007 4:04 am
0
0
หอบเงินบาทไปแลกยูเอสที่สิงคโปร์ แล้วหอบกลับมาแลกบาทที่ไทย
อีกวิธีนึงที่พอจะแนะนำได้ ( อย่าเอาตำรวจมาจับก็ละกันนะ ) เปิดบริษัทแค่ในนาม ว่าทำเกี่ยวกับนำเข้า-ส่งออก หรือธุรกิจใกล้เคียงกันประมาณนี้ แค่นี้ ก้อไม่มีปัญหาในการโอนหรือ โยกย้ายเงินข้ามสกุลแล้วนิ ใช่ป่ะคะ
โดย
Lady
พฤหัสฯ. ก.พ. 01, 2007 3:58 am
0
0
ค่าเงินบาทต่อดอลล์ ทำไมต่างกันตั้งบาทนึง ? ระหว่างตลาดใน/นอก
ที่ต่างกัน เพราะช่วงเวลาไงคะ อย่างเช่นตอนเช้า และ บ่าย จะเป็น ตลาดยุโรป กับ ตลาดนิวยอร์ค เพราะฉนั้น ธนาคารที่โหวตราคาเข้ามา ก็คือธนาคาร ของสองสกุลเงินนั้น ๆ ถัดมา ช่วงบ่ายจะเป็น ตลาดอเมริกา กับ ตลาดโตเกียว ราคาก็จะเปลี่ยนไปอีกเรทนึง ( งง มั้ยอ่ะ )
โดย
Lady
พฤหัสฯ. ก.พ. 01, 2007 3:37 am
0
0
ปกติแล้วสาวๆชอปปิ้งอะไรบ่อยสุดครับ
แป้งพัฟครับ คอนเฟิร์ม !!! ... คำตอบนี้ คงสำหรับผู้หญิงทั่วไปค่ะ แต่สำหรับเค้า ไม่ซื้ออ่ะ เพราะไม่ใช้เลย ใช้แต่แป้งเด็ก กับ ลิปมัน จบ รองมาคือ เสื้อผ้า แล้วอันดับสุดท้าย คือ ทอง !!! 555
โดย
Lady
พฤหัสฯ. ก.พ. 01, 2007 3:32 am
0
0
เห็นคนจบการศึกษามากจังคับ
บางคนที่จบใหม่ ๆ ไม่คิดถึงเรื่องจำเป็นว่าต้องได้งาน หรือไม่ได้งาน อีกทั้งยังเลือกงานสบาย ๆ และให้ผลตอบแทนสูง โดยที่ไม่ได้ดูตลาดแรงงานเลย ว่าตอนนี้สังคมต้องการคนที่จบสาขาไหน คุณสมบัติอย่างไรบ้าง คนเราสมัยนี้ รักสบาย แต่อยากได้ค่าแรงสูง โดยที่ไม่เคยประเมินความสามารถของตัวเองอ่ะค่ะ ผู้จ้างที่ไหนก็คงไม่อยากได้ คนที่มีความสามารถ ไม่คุ้มกับค่าจ้างหรอกค่ะ จริงมะ
โดย
Lady
พฤหัสฯ. ก.พ. 01, 2007 3:25 am
0
0
คุณว่า..พนักงานMK เต้นกันสวยเปล่า
ผมเคยไปทาน แถวสยาม ช่วงเต้น เห็นพนักงานชายเต้นแบบทำหน้าเซ็งโลกยังไงก็ไม่รู้ :( ที่สาขาเซ็นทรัลพระราม 3 ไม่เฉพาะพนักงานชายนะคะ พนักงานหญิง ก็เป็นเหมือนกันค่ะ ดูแล้วสงสาร มากกว่าจะเพลิดเพลินเนอะ
โดย
Lady
พฤหัสฯ. ก.พ. 01, 2007 3:18 am
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Lady
พฤหัสฯ. ก.พ. 01, 2007 3:02 am
0
0
มีค่ะ
นอกจาก saxobank ยังมี fxcm.com forex.com gcitrading.com ลองเข้าไปดูอ่ะค่ะ :wink:
โดย
Lady
พฤหัสฯ. ก.พ. 01, 2007 2:57 am
0
0
มีเงินน้อยจะลงทุนอย่างไรดีครับ
ทยอย ซื้อทองเก็บไว้ น่าจะดีนะคะ
โดย
Lady
พฤหัสฯ. ก.พ. 01, 2007 2:36 am
0
0
เห็นด้วย
จริง ๆ เห็นด้วยกับ คุณปรัชญา นะคะ แต่ทำไงได้ เนื่องจากเช่ากันมา 10 กว่าปีได้ ( ถ้าจำไม่ผิด ประมาณ 15 - 17 ปี อ่ะค่ะ ) แล้วผู้เช่าไม่เคยมีปัญหาให้ลำบากใจเลย จ่ายค่าเช่าตรงทุกครั้ง ( ค่าเช่าจ่ายโดยโอนเข้าบัญชีธนาคาร ไม่ต้องตามไปเก็บ ) เลยเหมือนกับน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า ยังไงเราก็ต้องบูรณะมันอยู่แล้ว อะไรประมาณเนี้ย แต่จะเอาข้อคิดของคุณปรัชญา ไปประยุกต์ใช้นะคะ ขอบคุณค่ะ :wink:
โดย
Lady
พุธ ม.ค. 31, 2007 11:48 pm
0
0
เห็นด้วยกับคุณ jody4003 ค่ะ
เห็นด้วยกับคุณ jody4003 ค่ะ ตรงที่ เรื่องจุกจิกมันเยอะ อะไรที่เสื่อมโทรม เช่น รั้วร้าว หลังคารั่ว กำแพงน้ำซึม ประมาณเนี้ย เจ้าบ้านก็ต้องไปดูแลเอง ( คนอื่นออกเงินรึป่าวไม่รู้ แต่ของเค้า 1 - 2 ปี จะเช็คสภาพบ้าน แล้วก็ซ่อมแซมส่วนที่เสื่อมโทรม ให้โดยเราออกค่าใช้จ่ายหมด และไม่เก็บค่าเช่าเพิ่มด้วยค่ะ :wink: )
โดย
Lady
พุธ ม.ค. 24, 2007 1:04 am
0
0
หาเรื่องมาแข่งขันกันดีกว่า (เรื่องความพอเพียงครับผม)
จริง ๆ ก้อไม่เชิงประหยัด ถามว่าพอใจมั้ย ยังไม่พอค่ะ ไม่ได้อยู่ที่ประหยัด หรือฟุ่มเฟือย ไม่ได้คิดว่าต้องเก็บเงินให้เยอะ ๆ หรือ น้อย แต่ เมื่อไหร่ ที่เราจากไป แล้วพ่อแม่ สุขสบายกับทรัพย์สินที่เราทำเก็บไว้ " เมื่อนั้นคือความพอเพียง " พ่อแม่ เลี้ยงเรามาอย่างสุขสบายทั้งกาย-ใจ และมันคือการลงทุน โดยไม่แสวงหากำไร
โดย
Lady
ศุกร์ ม.ค. 12, 2007 2:18 am
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Lady
ศุกร์ ม.ค. 12, 2007 1:26 am
0
0
แฟน " ปีศาจแดง " " Man U " เชิญทางนี้..
อ่า แฟนหงส์ แอบย่องมา ดูลาดเลา อิอิ
โดย
Lady
ศุกร์ ม.ค. 12, 2007 12:07 am
0
0
Re: gonzalez
แพ้ทางหมดทั้ง อาร์เซ เชลซี แมนยู เศร้าจิงๆ แม่นเลย แต่เศร้ากว่าค่ะ แฟนผี มานเหยียบย่ำซ้ำเติม ทู้กวัน เลย :cry:
โดย
Lady
พฤหัสฯ. ม.ค. 11, 2007 1:35 am
0
0
ขอความช่วยเหลือ มีงบ 35,000 +- เหมาะกับโน๊ตบุ๊ครุ่นไหนดีครับ
[quote="ForrestGump"]ยังเลือกไม่ได้ครับ คุณปุย ณ ดูไบ ตอนนี้ผมติดปัญหา เรื่อง wireless router modem ว่าจะติดชั้น 1 ทะลุไปบ้านชั้นสามได้หรือไม่
โดย
Lady
พฤหัสฯ. ม.ค. 11, 2007 1:11 am
0
0
ขอความช่วยเหลือ มีงบ 35,000 +- เหมาะกับโน๊ตบุ๊ครุ่นไหนดีครับ
แง่ว อ่านมาจนหมด ไม่มีใครเอ่ยถึง SVOA เลยซักคน ใช้ SVOA อยู่ค่ะ ซื้อมาหลายเดือนแล้ว ราคาปกติ 23,900 แต่อัพแรมเพิ่ม 512 MB ซื้อประกันเพิ่มอีก 3 ปี รวมแล้วไม่เกิน 3 หมื่น พอใจในการใช้งานเกือบทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องแบตเตอรี่ อยู่ได้แค่ 2 ชม. เองค่ะ * งานที่ทำอยู่ เป็นงานที่ต้องใช้คอมตลอดทั้งวันตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึง ตี 3 ( เช็คเป็นระยะน่ะค่ะ ไม่ใช่นั่งหน้าจอตลอดเวลา ) ถ้าถึงเวลาต้องเปลี่ยน เครื่องต่อไปจะเน้นเรื่องแบตเตอรี่ ก่อนเลย *
โดย
Lady
พฤหัสฯ. ม.ค. 11, 2007 1:02 am
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Lady
พฤหัสฯ. ม.ค. 11, 2007 12:39 am
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Lady
พฤหัสฯ. ม.ค. 11, 2007 12:33 am
0
0
แข่งด้วยคนค่ะ
อืม เอาสมัยเด็ก ๆ เลยมั้ย คือ คุณแม่ให้เงินไปโรงเรียนเท่าไหร่ เหลือกลับเท่านั้น ( บางวันเหลือมากกว่าเดิมด้วย เพราะชอบรับจ้างเพื่อนทำงานฝีมือ อย่างเช่น ป.5 คุณแม่ให้เงินไปเรียน 80 บาท แต่เหลือกลับบ้าน 200 - 300 กว่าบาท เพราะมีการบ้านจัดสวนถาด ได้ค่าจ้างถาดละ 60 ) พอจบ ม.ปลาย จะเข้ามหาวิทยาลัยคุณพ่อจะซื้อรถให้ แต่ไม่เอา ขอใช้รถคันไหนก็ได้ ที่คุณพ่อไม่ค่อยได้ขับ ถ้าวันไหนจะใช้คันนี้ ก็นั่งแท็กซี่ไปแทน ไม่ใช่ว่าสิ้นเปลืองค่าแท็กซี่นะคะ แต่จำเป็น เพราะนั่งรถเมล์ไม่เป็น ( ไม่ใช่รวย หรือทำตัวเว่อร์นะ เป็นเพราะตอนเด็ก ๆ ขึ้นรถเมล์ครั้งแรกในชีวิต แล้วตกรถเมล์ เลยกลัวบันไดรถเมล์จนถึงทุกวันนี้ ) ตอนนี้ ทำงานอยู่แถวรัชดา เงินเดือน 4 หมื่น ปลาย ๆ ไม่ขับรถไปทำงาน เพราะโดยสารรถไฟใต้ดิน ไป + กลับ 44 บาท ถูกกว่าค่าน้ำมันรถอีก แถมรถไม่ติดด้วย หน้าไม่แต่ง แค่ทาลิปมัน กับแป้งเด็ก จึงไม่ต้องเปลืองค่าเครื่องสำอางค์ วันไหนตื่นสายไม่ได้สระผม จะสระร้านในตึกแค่ 80 บาท ( หาได้ถูกสุดเท่านี้ ปกติร้านตามตึกออฟฟิศทั่ว ๆ ไป ราคาจะอยู่ที่ 150 บาท ) ค่าอาหาร ทานกลางวันอย่างเดียว ขนมปังนิดหน่อย ทุกสิ้นเดือนจะจดรายรับ ( ไม่เท่ากันทุกเดือนเพราะมีค่าคอมฯ ) หักลบด้วยรายจ่าย เหลือเท่าไหร่ เอาไปซื้อทองมาเก็บ ทุกเดือน ^^ และกำลังเลือกวงเงินในการทำประกันกรณีเสียชีวิต ไว้ให้คุณพ่อ คุณแม่ เป็นผู้รับผลประโยชน์ เผื่อไปก่อนวัยอันสมควร โดยที่ยังไม่ได้เลี้ยงดูท่าน อิอิ ^^ Ps. สู้พี่ลูกอิสานไม่ได้ แต่แค่นี้พอใจมากแล้วค่ะ ^^
โดย
Lady
พฤหัสฯ. ม.ค. 11, 2007 12:29 am
0
1
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Lady
พุธ ม.ค. 10, 2007 11:54 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
Lady
พุธ ม.ค. 10, 2007 11:50 pm
0
0
ท่านผู้รู้กรุณาเอากฏหมายนอมีหนี้มาโพสต์หน่อยครับ
ครม.ไฟเขียวกม.ต่างด้าว ลงดาบ"นอมินี"-ทุนนอกกระเจิง "กุหลาบแก้ว"ไม่รอด-หุ้นรูด17จุด Source - เว็บไซต์แนวหน้า (Th) Wednesday, January 10, 2007 01:19 ครม.เห็นชอบหลักการแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ระบุ ธุรกิจโทรคมนาคม-เกษตร-ขนส่ง -สิ่งพิมพ์ -ที่ดิน อ่วมหนัก ติดโผบัญชี 1 และ 2 กุหลาบแก้วไม่รอดพ.ร.บ.ต่างด้าวใหม่ ส่วนค้าปลีกรอดตัว เหตุอยู่ในบัญชี ที่3 "ก้องเกียรติ" ชี้ต่างชาติจะไม่มีการลงทุนใหม่ และทยอยถอนเงินหนีไทย หุ้นตกใจร่วง 17 จุด ส่วนตลาดหุ้นยันมีแค่ 15 บจ.เท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ ส่วนนักวิชาการออกโรงหนุน ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันที่9 ธ.ค.ได้เห็นชอบร่างแก้ไข พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)การประกอบธุรกิจคนต่างด้าว โดยได้ข้อสรุปว่า 1.ได้ทำคำจำกัดความชัดเจนว่าบริษัทต่างชาติ คือ บริษัทที่มีชาวต่างชาติถือหุ้นเกิน 50% โดยจดทะเบียนในประเทศไทย ซึ่งรวมถึงกรณีที่ให้ชาวไทยถือหุ้นแทนหรือที่เรียกว่านอมินีด้วย 2. กรณีที่นักกฎหมายเคยสอนชาวต่างชาติหลบเลี่ยงกฎหมายโดยที่ให้ถือหุ้นไม่เกิน 50% แต่มีสิทธิออกเสียง หรือVoting Right มากกว่าผู้ถือหุ้นชาวไทยนั้น ขณะนี้ได้ทำให้ชัดเจนว่าหากเป็นบริษัทสัญชาติไทยนั้นสิทธิออกเสียงของผู้ถือหุ้นชาวต่างชาติก็ต้องไม่เกิน 50% เช่นกัน โดยเชื่อว่าเมื่อพิจารณาตามกฎเกณฑ์แบบใหม่แล้ว บริษัทต่างๆ ที่จดทะเบียนในประเทศไทยจะต้องผิดข้อใดข้อหนึ่งแน่นอน ดังนั้นรัฐบาลจึงมีวิธีให้บริษัทที่ทำผิดเกณฑ์ใหม่ดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง คือ 1.ในกรณีที่ถือหุ้นไม่เกิน 50% ไม่มีนอมินี แต่ผิดตรงสิทธิออกเสียงของชาวต่างชาติเกิน 50% นั้น หากเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจในบัญชีที่ 3 เช่น บริการทั่วไป ธุรกิจค้าปลีก-ส่ง นั้นจะต้องมาแจ้งกับกระทรวงพาณิชย์ภายใน 1 ปี และหลังจากนั้นก็สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยไม่ต้องทำการไปลดสั่ดส่วนหุ้นที่เป็นนอมินี หรือการออกเสียงของชาวต่างชาติแต่อย่างใด ดังนั้นบริษัทใดก็ตามที่อยู่ประกอบกิจการในบัญชีที่ 3 ไม่ได้รับผลกระเทือนใดๆ แน่นอน "ถือว่าบริษัทที่ประกอบธุรกิจที่อยู่ในบัญชีที่ 3 ไม่อันตราย ไม่ใช่ธุรกิจด้านความมั่นคง หรืออาชีพสงวนให้คนไทย แต่เป็นอาชีพที่รอควาพร้อมของคนไทย ซึ่งส่วนใหญ่นั้นทำอยู่มานานแล้ว ไม่ได้มีความตั้งใจเลวร้ายเมื่อแจ้งแล้วก็ดำเนินการต่อไป แต่ถ้าหากเป็นบริษัทที่อยู่ในบัญชี 3 แต่เข้ามาจดทะเบียนภายหลังที่การแก้ไข พ.ร.บ.ดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแล้ว ก็จะต้องทำตามกฎใหม่ แต่บริษัทที่อยู่ในบัญชีที่ 1 คืออาชีพสงวนคนไทย เช่น ด้านการเกษตรกร วิทยุกระจายเสียง หนังสือพิมพ์ ค้าที่ดิน ทำนาทำไร่ สกัดสมุนไพร และบัญชีที่ 2 ได้แก่ ธุรกิจประเภทที่กระทบกับความมั่นคง เช่น การขนส่งทางน้ำ อากาศ บก กิจการการบินในประเทศ โทรคมนาคม อาวุทธยุทปกร มีสิทธิในการออกเสียงของชาวต่างชาติเกิน 50% นั้นต้องมาแจ้งกับกระทรวงพาณิชย์ภายใน 1 ปี และจะต้องดำเนินการปรับลดสัดส่วนการออกเสียงให้ไม่เกิน 50% ภายใน 2 ปี ส่วนกรณีมีนอมินีถือหุ้นเกิน 50% นั้นจะต้องมาแจ้งให้กระทรวงพาณิชย์ทราบภายใน 90 วัน และทยอยลดหุ้นให้เหลือไม่เกิน 50% ภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่กฎหมายออก นอกจากนี้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรยังยืนยันว่า ในปัจจุบันบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในธุรกิจบัญชีที่ 1-3 มีจำนวนเพียงไม่เกิน 2 หมื่นบริษัทเท่านั้น ซึ่งไม่มีธุรกิจการผลิดขนาดใหญ่ๆ อยู่ในทั้ง 3 บัญชีดังกล่าวเลย พร้อมระบุอีกว่าในทางตรงกันข้ามกลับมีบริษัทที่ไม่ถูกบรรจุอยู่ในทั้ง 3 บัญชีถึง 5.4 แสนบริษัท ที่นักลงทุนชาวต่งชาติสามารถเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ หรือจะถือหุ้นทั้ง 100% เลยก็ได้ และประเทศอื่นๆ ต่างก็ใช้กฎเกณฑ์แบบเดียวกันนี้มาแล้วทั้งสิ้น ส่วนเรื่องของระยะเวลาการปรับตัวที่เหมาะสม หรือให้เป็นที่พอใจของทุกฝ่ายนั้นไม่มีใครสามารถบอกได้ แม้ชาวต่างชาติอยากขอเวลาปรับตัว 3 ปี แต่นักลงทุนไทยบอกควรให้แค่ 6 เดือน เราจึงคิดว่าเวลาที่ออกมาเป็นกลางที่สุดแล้ว เพราะเชื่อว่าเวลา 1 ปี ก็น่าจะทยอยขายหุ้นให้เข้าเกณฑ์ใหม่ได้ ----------- ข่าวเยอะมาก อ่านจนตาลาย เลยเอามาบางส่วนค่ะ เพราะที่เหลือเป็นข่าวการซื้อขายหุ้น ----------------
โดย
Lady
พุธ ม.ค. 10, 2007 3:06 am
0
0
ระเบิดลูกต่อไป "ปรับลดความเชื่อมั่น"
เพราะนโยบายภาครัฐไม่สนับสนุนการลงทุนของต่างชาติ ขณะที่ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการซื้อขายของตลาดหุ้นไทยวานนี้ ( 9 ม.ค.) ว่า ดัชนีปิดตัวในแดนลบที่ระดับ 616.75จุด ลดลง 17.07 จุด หรือ2.69 % มูลค่าการซื้อขาย21,808.91 ล้านบาท โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัว ต่ำสุดที่ 615.66จุด ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 273.94 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ406.27 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 680.20 ล้านบาท นายสิทธิเดช ประเสริฐรุ่งเรือง ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ อยู่ในลักษณะที่ซึมอย่างต่อเนื่อง เพราะนักลงทุนไม่มั่นใจในเรื่องพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ต่างด้าว ซึ่งตลาดหลักทรัพย์และกระทรวงการคลังจะชี้แจงเรื่องดังกล่าวให้แก่นักลงทุนต่างประเทศในวันที่ 10 ม.ค. นายชัย จีระเสรีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มองว่าทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ จะยังคงปรับตัวลงต่อเนื่อง เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับประเด็นเรื่องของพ.ร.บ.ต่างด้าว ซึ่งก็จะส่งผลทำให้นักลงทุนต่างประเทศเทขายหุ้นออกมา ทั้งนี้แนะนำให้นักลงทุนจับตามอง ทิศทางของนักลงทุนต่างประเทศเป็นหลัก รวมทั้งปัจจัยเรื่องของ พ.ร.บ. ต่างด้าวว่าทางการจะชี้แจงให้นักลงทุนต่างชาติเข้าใจได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนทิศทางนักลงทุนต่างประเทศ ฝ่ายวิจัยคาดว่านักลงทุนต่างชาติจะยังคงเป็นผู้ขายสุทธิออกมาอย่างต่อเนื่องอีกวัน ดังนั้นฝ่ายวิจัยจึงประเมินกรอบแนวรับอยู่ที่ 604-608 จุด ส่วนแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 625-628 จุด
โดย
Lady
พุธ ม.ค. 10, 2007 2:49 am
0
0
ทำไมเมืองไทยต้องมีกม.ห้ามต่างชาติถือหุ้นเกิน 51%
ต้องศึกษา การวางตนแบบเรียบง่ายได้แล้วครับ ใครมีหนังสือ วัฒนธรรม ภูฎาน บ้างครับ จะลองไปศึกษาดู อิอิ พูดเล่น เท่าที่รู้ค่อนข้างแน่ชัดคือ บัญชี1 กับ บัญชี2 ไม่ค่อยมีปัญหา จะมีปัญหาก็บัญชี3 อิเล็กก็อยู่ในบัญชี3 ครม.เห็นชอบหลักการแก้ไข พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ระบุ ธุรกิจโทรคมนาคม-เกษตร-ขนส่ง -สิ่งพิมพ์ -ที่ดิน อ่วมหนัก ติดโผบัญชี 1 และ 2 ส่วนค้าปลีกรอดตัว เหตุอยู่ในบัญชี ที่3 ส่วนตลาดหุ้นยันมีแค่ 15 บจ.เท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ ดังนั้นรัฐบาลจึงมีวิธีให้บริษัทที่ทำผิดเกณฑ์ใหม่ดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง คือ 1.ในกรณีที่ถือหุ้นไม่เกิน 50% ไม่มีนอมินี แต่ผิดตรงสิทธิออกเสียงของชาวต่างชาติเกิน 50% นั้น หากเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจในบัญชีที่ 3 เช่น บริการทั่วไป ธุรกิจค้าปลีก-ส่ง นั้นจะต้องมาแจ้งกับกระทรวงพาณิชย์ภายใน 1 ปี และหลังจากนั้นก็สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยไม่ต้องทำการไปลดสั่ดส่วนหุ้นที่เป็นนอมินี หรือการออกเสียงของชาวต่างชาติแต่อย่างใด แต่ถ้าหากเป็นบริษัทที่อยู่ในบัญชี 3 แต่เข้ามาจดทะเบียนภายหลังที่การแก้ไข พ.ร.บ.ดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแล้ว ก็จะต้องทำตามกฎใหม่ คือ ต้องมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นและสิทธิในการออกเสียงของชาวต่างชาติไม่เกิน 50% แต่บริษัทที่อยู่ในบัญชีที่ 1 คืออาชีพสงวนคนไทย เช่น ด้านการเกษตรกร วิทยุกระจายเสียง หนังสือพิมพ์ ค้าที่ดิน ทำนาทำไร่ สกัดสมุนไพร และบัญชีที่ 2 ได้แก่ ธุรกิจประเภทที่กระทบกับความมั่นคง เช่น การขนส่งทางน้ำ อากาศ บก กิจการการบินในประเทศ โทรคมนาคม อาวุทธยุทปกร มีสิทธิในการออกเสียงของชาวต่างชาติเกิน 50% นั้นต้องมาแจ้งกับกระทรวงพาณิชย์ภายใน 1 ปี และจะต้องดำเนินการปรับลดสัดส่วนการออกเสียงให้ไม่เกิน 50% ภายใน 2 ปี ส่วนกรณีมีนอมินีถือหุ้นเกิน 50% นั้นจะต้องมาแจ้งให้กระทรวงพาณิชย์ทราบภายใน 90 วัน และทยอยลดหุ้นให้เหลือไม่เกิน 50% ภายใน 1 ปี นับตั้งแต่วันที่กฎหมายออก เท่าที่ทราบคร่าว ๆ อ่ะค่ะ
โดย
Lady
พุธ ม.ค. 10, 2007 2:44 am
0
0
ผลกระทบจากมาตราการนี้ อยู่ในขอบเขตความรู้ของเราหรือไม่
ขอต่อในแง่ของจินตนาการ ในเรื่องของเจ๊ นะคะ พอดีคุณพ่อ เป็นผู้จัดตลาดและเป็นผู้ค้าในตลาดด้วยเหมือนกัน เลยพอจะเข้าใจความรู้สึก เจ๊ บ้าง คือการขึ้นค่าที่ และค่าต่อสัญญา เนี่ยไม่ใช่เรื่องแปลก มันต้องดูรายละเอียดก่อนหน้าที่คุณจะเช่าที่ 4,000 บาท ถ้าตลาด หรือ ตึกยังใหม่อยู่ผู้จัด หรือ เจ๊ จะไม่เก็บค่าหัวเตียงหรือค่าเช่าสำหรับเจ้าประจำ ค่าเช่าก็ถูกหน่อย เพราะต้องการดึงผู้ค้ามาเช่า พอผู้เค้าเยอะพอที่ตั้งเป้าขั้นต่ำไว้ ( หรืออาจจะติดตลาด เกินคาดเลยก็ได้ ) บวกกับระยะเวลาอีก 1ปี สามารถทำให้คนรู้จักตึกหรือตลาด ได้เป็นจำนวนมาก ( ช่วง 1 ปีนี้ เจ๊ ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการประชาสัมพันธ์ แจกของ,ใบปลิว หรือวิธีไหนก็แล้วแต่ เพื่อดึงผู้ซื้อเข้าตึก ) จากนั้นจึงกำหนดราคาใหม่ ในช่วงเวลาที่ผู้ค้ามีกำไรอยู่ตัวแล้ว จะมีค่าต่อสัญญาของตึก หรือถ้าเป็นตลาดคือค่าหัวเตียง ปีละครั้ง และ ค่าเช่าต่อเดือน (อยู่ที่ เจ๊ แกจะพิจารณาว่า ตึกของเจ๊มีศักยภาพในการทำกำไรให้ผู้ค้าได้แค่ไหน ไม่ใช่ว่าผู้จับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นมาแค่ 50 % แต่ดันเพิ่มค่าเช่าซะเว่อร์ เป็น 100 - 200% นี่ก็ออกแนวหน้าเลือด ) หลังจากปรับราคาใหม่แล้ว ผู้ค้าก็พิจารณาเอาเอง พอใจก็ต่อสัญญา ไม่พอใจจะย้ายไปที่อื่น ก็เป็นสิทธ์ของคุณ แต่โดยปกติแล้ว การที่ค่าเช่า ถูก หรือ แพง ไม่ได้หมายความว่า " ค่าเช่าแพงแล้วเราจะเสียเปรียบเสมอไป " ถ้าเช่าต่อ มีกำไรดี หักลบแล้ว ยังไง ก็อยู่ได้สบาย ๆ กับหาที่เช่าใหม่ถูก ๆ แต่ไม่รู้จะขายได้มั้ย และต้องใช้เวลาอีกเท่าไหร่ กว่าร้านเราจะเข้าที่ และมีลูกค้าประจำ Ps. แต่พ่อเค้าใจดีนะ วันไหนฝนตก ขายไม่ได้ ไม่เก็บค่าเช่าเต็ม แต่ถ้าวันไหนขายดีพ่อเก็บค่าเช่าเท่าเดิม ไม่มีเก็บเพิ่ม .... รักพ่อจัง ^^ ไม่ทราบว่าจะมีประโยชน์ในแง่คิด ตามหัวข้อรึป่าว แต่เห็นว่า เป็นอีกแนวนึงที่ มาจากด้านของเจ๊ น่ะค่ะ
โดย
Lady
พุธ ม.ค. 10, 2007 2:14 am
0
0
ไม่ไหว ลงใหญ่แล้ว
ตอนนี้ ก็ไม่ต้องดู ไม่ต้องภาวนา ไม่ต้องขาย ไม่ต้องซื้อ ไม่ต้องทำอะไร ภาคใต้ฝนตกหนัก รอพายุสงบแล้วค่อยโผล่หัวออกมาอีกที ว่าจะทำอย่างไรต่อไปครับ เห็นด้วยมากมาย ก่ายกอง ( แต่คนที่ลงไปแล้ว แล้วยังไม่ถอนทุนคืน จะกระทบมากมั้ยอ่ะคะ )
โดย
Lady
พุธ ม.ค. 10, 2007 12:40 am
0
0
ขอบคุณค่ะ
ขอบคุณสำหรับ ทุกความคิดเห็นค่ะ แล้ว ก้อ คิดว่า ตัวเอง อาจจะใจร้อนไปหน่อย ศึกษา อีก ซักพัก จะดีกว่า ยังไง ช่วยแนะนำด้วยนะคะ
โดย
Lady
พฤหัสฯ. ม.ค. 04, 2007 12:55 am
0
0
มีสมาชิกท่านไหน มีคอนโด/บ้าน ให้เช่า เพื่อเก็บผลประโยชน์บ้าง
สำหรับเค้า มองว่าดีอ่ะ แต่พอดีว่า ไม่ได้ซื้อเองอ่ะค่ะ คุณแม่ ซื้อไว้ให้ ตั้งแต่ ตอนท้องเค้าอ่ะ บ้านตอนนั้น ซื้อมา 2 แสน แล้วคนที่เช่า ก้อ เช่ามา 10 กว่าปีแล้ว ถึงวันนี้ ราคาประเมิณ อยู่ที่ ประมาณ 2 ล้าน แล้วค่ะ ( แต่อย่างว่าแหละ มันใช้ระยะเวลานาน เจอคนเช่าดี ก้อดีไป เจอคนเช่าไม่ดี บ้านโทรมเร็วอีก )
โดย
Lady
พุธ ม.ค. 03, 2007 2:40 pm
0
0
มีเพื่อนเขาอยากลงทุนซื้อทองคำแบบทีละนิด ทุกๆเดือน ช่วยแนะนำห
แหม อยากรู้จัก เพื่อนเจ้าของกระทู้จังเลยนะคะ นิสัยเหมือนกันมาก ๆ ถึงมากที่สุด คือ เงินมีเท่าไหร่ ลงกับ Notebook และ มือถือหมด เดือน 2 เดือน เปลี่ยนที อัพที เลยเปลี่ยนมาเป็น เงินเดือนออกเมื่อไหร่ ก่อนกลับบ้านจะแวะซื้อทองก่อน เลยทุกครั้ง ปกติ ซื้อ เดือนละ 1 บาท แต่บางเดือนอยากใช้เงินทำอย่างอื่นบ้าง ก้อจะซื้อ แค่ 50 สต. เคยคิดเหมือนกันว่าอยากซื้อเป็นทองแท่ง แต่ขั้นต่ำ อย่างที่ว่าอ่ะค่ะ 5 บาท มันก้อ ไม่พอซื้อต่อเดือน ถ้าจะเก็บเป็นเงิน แล้วไปซื้อทีเดียว ก้อไม่ได้ เพราะเดี๋ยวก้อ เบิกมาใช้หมด เลยแก้ปัญหาตื้น ๆ ที่คิดได้ตอนนี้ คือ 1. เลือกที่ลายธรรมดา ๆ ค่ากำเหน็ดไม่แพง ( เมื่อก่อนเลือกแต่สวย ๆ บางทีกำไล 2 บาท แต่พ่นทราย 3 กษัตริย์ พอจะขายคืนร้าน ทำไมลงเลย หายไปร่วมหมื่น ) 2. ซื้อเก็บมันไว้อย่างนั้นแหละ ไม่ใส่ ไม่เอาไปแปลงสภาพเป็นทองแท่ง เพราะคิดว่า ทองถ้าเราไม่ใส่ ยังไงน้ำหนักก้อไม่หาย ( ทองที่เราใส่บางทีน้ำหนักมันหายไงคะ อย่างเช่น ตุ้งติ้งหลุดบ้าง สร้อยขาดแล้วข้อต่อ หายไปบ้าง หรือว่าไปขูดกับปูน ( พอดีว่าเป็นคนชอบนอนติดฝาผนัง แล้วเวลาพลิกตัว ข้อมือชอบขูดกับกำแพงบ่อย ๆ บางทีขูดจนมองเห็นเลยว่าทองมันติดไปกับปูน ) แต่ถ้าใครมีความคิดแนวอื่นที่ดีกว่านี้ จะขอบคุณมากเลยค่ะ
โดย
Lady
พุธ ม.ค. 03, 2007 2:35 pm
0
0
สำหรับคุณปลาทะเลค่ะ
ถ้าสะกดชื่อผิด ขอโทษด้วยนะคะ " สิงคโปร์--3 ม.ค.-- ( ตลาดญี่ปุ่นหยุดทำการ จึงไม่มีข่าว โตเกียว อ่ะค่ะ ) ยูโรรักษาความแข็งแกร่งไว้ได้เมื่อเทียบเยนและดอลลาร์ ขณะที่ความต้องการสกุลเงินที่ให้ผลตอบแทนสูงช่วยหนุนปอนด์และดอลลาร์ออสเตรเลียให้แข็งค่าขึ้นต่อไป ยูโรอยู่ที่ 1.3284 ดอลลาร์ในช่วงการซื้อขายที่ตลาดเอเชีย หลังจากทะยานขึ้น 0.6 % เมื่อวานนี้ และดีดตัวข้ามแนวต้านที่ 1.3245 ดอลลาร์ได้ในระหว่างวัน ยูโร/เยนอยู่ที่ 157.75 เยน ซึ่งใกล้เคียงกับสถิติสูงสุดที่ทำไว้เมื่อวานนี้ที่ 157.90 เยน โดยเทรดเดอร์กล่าวว่านักเก็งกำไรต้องการให้ยูโรทะยานขึ้นเหนือ 158.00 เยนซึ่งเป็นระดับที่มีความสำคัญต่อออปชัน นักลงทุนคาดว่าการซื้อขายส่วนใหญ่จะเป็นการทำ carry trade ในช่วงปีใหม่ โดยการทำ carry trade คือการที่นักลงทุนกู้ยืมสกุลเงินที่คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำเพื่อนำไปซื้อสินทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูง นายชาราดา เซลวานาธาน นักยุทธศาสตร์การลงทุนสกุลเงินของธนาคารบีเอ็นพี พาริบาส์กล่าวว่า "การทำ carry trades เป็นจุดสนใจในตลาด โดยสภาพคล่องยังคงอยู่ในระดับสูงมาก และไม่มีเหตุผลใดที่จะทำให้การทำ carry trade ไม่ได้รับความนิยมในช่วงนี้" "นั่นคือสาเหตุที่ทำให้สกุลเงินในยุโรปรักษาระดับไว้ได้เป็นอย่างดี และเป็นเหตุผลที่ทำให้สกุลเงินที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงอย่างเช่นดอลลาร์ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์อยู่ในระดับที่ดีในช่วงนี้" นายปีเตอร์ พอนทิคิส นักยุทธศาสตร์การลงทุนของบริษัทซันคอร์ป กล่าวว่า เยนยังคงเป็นสกุลเงินที่นักลงทุนเลือกใช้เป็นทุนในการทำ carry trade มากกว่าฟรังก์สวิส นายพอนทิคิสกล่าวว่า "นักการเมืองและข้าราชการญี่ปุ่นยังไม่มีความเห็นที่ตรงกันในเวลานี้ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในญี่ปุ่นในตอนนี้ ดังนั้นจึงอาจเป็นการปลอดภัยที่จะกู้ยืมเงินเยนในช่วงนี้" นักลงทุนมีแนวโน้มจะกู้ยืมเงินเยนเพื่อนำไปซื้อสกุลเงินที่ให้ผลตอบแทนสูง เช่น ปอนด์, ดอลลาร์ออสเตรเลีย และดอลลาร์นิวซีแลนด์ ดอลลาร์ออสเตรเลียขยับขึ้นสู่ 0.7983 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2005 และถ้าหากสามารถไต่ขึ้นเหนือ 0.7989 ดอลลาร์สหรัฐ ดอลลาร์ออสเตรเลียก็จะขึ้นไปแตะจุดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2004 ดอลลาร์ออสเตรเลีย/เยนทะยานขึ้นสู่ 94.77 เยน ซึ่งถือเป็นจุดสูงสุดในรอบกว่า 9 ปี ปอนด์พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดรอบ 1 เดือนที่ 1.9749 ดอลลาร์ โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า อังกฤษอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ 5.25 % ในช่วงต้นปีนี้ ปอนด์/เยนขึ้นไปแตะจุดสูงสุดรอบ 8 ปีที่ระดับใกล้ 234.58 เยนเมื่อวานนี้ ดอลลาร์ปรับตัวเงียบเหงาอยู่ที่ 118.71 เยน อ่อนลงจาก 118.85 ในช่วงท้ายที่ตลาดนิวยอร์ค ขณะที่การที่ตลาดโตเกียวปิดทำการในวันนี้ทำให้สภาพคล่องเบาบาง ตลาดยังคงคาดการณ์ถึงการลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้งจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปีนี้ และรายงานจากการประชุมเดือนธ.ค.ของเฟดที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ อาจจะช่วยบ่งชี้แนวโน้ม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เฟดได้กล่าวอย่างเข้มงวดเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ แม้ว่าตลาดคาดถึงการลดอัตราดอกเบี้ย และผู้ที่ต้องการขายดอลลาร์จะมองหาสิ่งบ่งชี้ถึงท่าทีที่อ่อนลงของเฟด จะมีการเปิดเผยตัวเลขภาคการผลิตสหรัฐของสถาบันการจัดการด้านอุปทาน (ISM) ในวันนี้ ขณะที่จะมีการเปิดเผยรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนธ.ค.ในวันศุกร์ ตัวเลขที่ระดับต่ำกว่า 50 ในดัชนี ISM ซึ่งดิ่งลงต่ำกว่าระดับเฟื่องฟูหรือซบเซาเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีครึ่งในเดือนพ.ย. จะเน้นย้ำความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและอาจจะส่งผลกระทบต่อดอลลาร์ นอกจากนี้ "การอ่อนค่าของดอลลาร์ยังเกิดจากภาวะตามวัฏจักร" นายเซลวานาธานกล่าว "จุดสนใจของวันนี้จะอยู่ที่รายงานการผลิตของ ISM และความอ่อนแอใดๆในรายงานดังกล่าว จะทำให้ดอลลาร์ได้รับแรงกดดัน" นายโตชิโร มูโตะ รองผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ให้สัมภาษณ์กับนสพ.นิกเกอิโดยมีการตีพิมพ์ในวันนี้ว่า นโยบายการเงินที่สนับสนุนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ BOJ จะสอดคล้องกับการเน้นย้ำของนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีในด้านนโยบายสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม คำกล่าวนี้แทบไม่มีผลกระทบในทันทีต่อตลาด --จบ-- " ว่าแต่ เทรด สกุลไหนอยู่อ่ะคะ
โดย
Lady
พุธ ม.ค. 03, 2007 2:10 pm
0
0
สวัสดีปีใหม่ จากประนชมรมฯ
[quote="woody"][quote="Lady"][quote="woody"][quote="Lady"] พี่เพิ่งแต่งงานไปเมื่อตอนสิ้นปี รึป่าวคะ
โดย
Lady
พุธ ม.ค. 03, 2007 1:44 pm
0
0
สวัสดีปีใหม่ จากประนชมรมฯ
[quote="woody"][quote="Lady"] พี่เพิ่งแต่งงานไปเมื่อตอนสิ้นปี รึป่าวคะ
โดย
Lady
อังคาร ม.ค. 02, 2007 4:30 pm
0
0
สวัสดีปีใหม่ จากประนชมรมฯ
อืม ผมยังโสดก็ดีสิคับ ฮิฮิ พี่เพิ่งแต่งงานไปเมื่อตอนสิ้นปี รึป่าวคะ :)
โดย
Lady
อังคาร ม.ค. 02, 2007 3:48 pm
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
Verified User
ชื่อล็อกอิน:
Lady
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
อังคาร ม.ค. 02, 2007 3:19 pm
ใช้งานล่าสุด:
จันทร์ เม.ย. 16, 2007 4:36 pm
โพสต์ทั้งหมด:
45 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.00% จากโพสทั้งหมด / 0.01 ข้อความต่อวัน)
ลายเซ็นต์
:+:__ ไม่มีเงิน ก้อมีความสุขได้
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว