แนะนำเว็บไซด์อีบุ๊คค่ะ ขออีเมล์ด้วยครับ จะส่งให้ โดย GrahamDodd อาทิตย์ ต.ค. 11, 2009 9:08 am

มาช่วยกัน discuss กองทุนอสังหาริมทรัพย์ Freehold ผมเข้าใจว่า สำหรับ leasehold นั้น มันเหมือนกับเราไปเซ้งตึกไว้ 30 ปี พอหมดสัญญา ก็ต้องคืนตึกให้กับเจ้าของ เพราะเราใช้ประโยชน์ไปแล้วครบ 30 ปีตามสัญญา ดังนั้น จึงไม่มีมูลค่าเหลือเมื่อถึงเวลานั้น ในขณะที่ freehold จะเสมือนกับเราเป็นเจ้าของตึกเองเลย ดังนั้น จึงไม่มีกำหนดว่าจะครบกี่ปี ถ้าราคาตึกขึ้นจนน่าพอใจ ก็ขายออกไปได้ อยากให้ผู้รู้จริงช่วยไขข้อสงสัยด้วยครับ รวมถึงวิธีคิดผลตอบแทนของการลงทุนแต่ละประเภท เพราะเคยศึกษาจากตำราแล้วก็ยังงงอยู่ดี ไม่เข้าใจครับว่าจะหามูลค่าที่เหมาะสมได้อย่างไร ขอบคุณครับ โดย GrahamDodd จันทร์ ต.ค. 05, 2009 3:22 pm

Financial Statement Analysis โดย John J. Wild และคณะ มีแนะนำหนังสือเศรษฐศาสตร์ชื่อ Naked Economics โดย Charles Wheelan ครับ คนแต่งเขียนให้ผู้ที่สนใจทั่วไปอ่าน ไม่ต้องมีพื้นฐานมาก่อนก็จะสามารถเข้าใจหลักเศรษฐศาสตร์และการประยุกต์คิดได้ แม้จะตีพิมพ์มากว่า 5 ปีแล้ว แต่สำหรับคนที่ยังไม่ค่อยเข้าใจเศรษฐศาสตร์ รับรองได้ครับว่ามีประโยชน์และรู้เรื่องกว่า 80% แน่นอน ผมซื้อจาก Kinokuniya 613 บาท โดยมีสารบัญคือ 1. The power of markets 2. Incentive Matter 3. Government and the Economy I 4. Government and the Economy II 5. Economics of Information 6. Productivity and Human Capital 7. Financial Markets 8. The power of organized interest 9. Keeping score 10. The Federal Reserve 11. Trade and Globalization 12.Development Economics ปล แต่ก่อนโพสต์กระทู้นี้ได้ แต่ตอนนี้ทำไม่ได้แล้ว ไม่รู้เพราะอะไร โดย GrahamDodd พุธ ม.ค. 16, 2008 7:56 pm

CCET วิ่งไม่มีย่อเลย วิ่งเร็วจนตามไม่ทันเลยครับ ดูตั้งแต่ไม่ถึง 5 บาท ก็ไม่กล้าคว้า เพราะไม่มีความรู้ด้านอิเล็คทรอนิคส์ เสี่ย ส. ถือวอร์แรนต์อยู่เยอะ จะไม่ให้พุ่งได้อย่างไร โดย GrahamDodd พุธ มิ.ย. 27, 2007 7:57 pm

เรียนถามที่แม่ทัพหู และ ท่านอื่นๆเรื่องค่าเงินบาท http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I5283475/I5283475.html ไปอ่านเจอในพันธ์ทิพย์คะ เลยเอามาแชร์ หน้านี้หายไปแล้วครับ ไม่รู้โดนเอาออกไปหรือเปล่า โดย GrahamDodd จันทร์ มิ.ย. 25, 2007 8:53 pm

minor ขอบคุณมากครับคุณ GrahamDodd :D พอจะเข้าใจมากขึ้นแล้วครับ อันนี้จาก 56-1 ตอนนี้ minor ถือหุ้น mint ประมาณ 19% ถ้าคิดจากมูลค่าตลาดของ mint ก็ประมาณ 7-8,000 ล้าน ในขณะที่มูลค่าทั้งบริษัทของ minor ประมาณ 5,000 ล้าน เท่ากับว่าตลาดไม่ได้ให้มูลค่ากับธุรกิจหลักของ minor เลย สาเหตุที่ minor ลงทุนใน mint หลายท่านอาจจะทราบเป็นเพราะ mint มีการลงทุนค่อนข้างมาก ต้องเพิ่มทุนบ่อยๆ ทำให้สัดส่วนของตระกูลไฮเนคกี้ลดลงเรื่อยๆ เพื่อป้องกันการถูกเทคโอเวอร์ เลยวางแผนให้ minor ซึ่งตระกูลไฮเนคกี้ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ทำการกู้เงินเพื่อไปซื้อหุ้น mint ทำให้ตระกูลนี้ยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ mint ต่อไป ครับ แปลกดีครับที่ตลาดไม่ให้มูลค่าธุรกิจอื่น ๆ ของไมเนอร์เลย  ส่วนเรื่องที่ไมเนอร์ลงทุนในมินท์ ผมเคยคิดว่า เป็นเพราะเจ้าของเห็นว่า ธุรกิจของไมเนอร์มีการแกว่งตัวของกำไรค่อนข้างมาก การให้เข้าไปถือหุ้นโรงแรมอาหารเสมือนเป็นการสร้างเสถียรภาพให้กับธุรกิจนี้มากขึ้น และเป็นการเพิ่มมูลค่าธุรกิจด้วย เพราะคุณไฮเนคกี้ย่อมทราบดีที่สุดว่าราคาที่ให้เข้าซื้อดีหรือไม่ดีครับ อ้อ ถ้ามีสมาชิกท่านใด ต้องการเสนอการวิเคราะห์เรื่องการขายบริษัทเครื่องบินของไมเนอร์ เชิญได้เลยนะครับ จะได้เห็นหลาย ๆ มุม ขอบคุณครับ โดย GrahamDodd พฤหัสฯ. มิ.ย. 21, 2007 3:14 pm

minor จาก annual report 2006 เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 บริษัทได้ลงทุนในหุ้นบุริมสิทธิของบริษัทที่จัดตั้งใหม่ คือ บริษัท ไมเนอร์  แอร์คราฟ โฮลดิ้ง จำกัด จำนวน 490 หุ้น เป็นจำนวนเงิน 12,250 บาท บริษัทดังกล่าวมีหุ้นสามัญทั้งหมดจำนวน   510 หุ้น ที่มีราคาตามมูลค่าจำนวน 12,750 บาท ซึ่งถือโดยบุคคลภายนอก  อย่างไรก็ตาม บริษัทมีสิทธิได้รับเงินปันผล        ร้อยละ 99.99 ของเงินปันผลที่มีการประกาศจ่าย นอกจากนี้บริษัทมีสิทธิออกเสียงร้อยละ 99.99 และมีอำนาจในการควบคุมนโยบายการเงินและการดำเนินงานในบริษัทดังกล่าว ดังนั้นบริษัทจึงรวมงบของบริษัท ไมเนอร์ แอร์คราฟ โฮลดิ้ง จำกัด ที่สัดส่วนร้อยละ 99.99 ของงบการเงินในการจัดทำงบการเงินรวม ต่อมาเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 บริษัทได้ขายเงินลงทุนในหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัท ไมเนอร์ เอวิเอชั่น จำกัด จำนวน 300,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 100 ให้แก่บริษัท ไมเนอร์ แอร์คราฟ โฮลดิ้ง จำกัด เป็นจำนวนเงิน 19.4 ล้านบาท ที่ราคาตามบัญชี ความเห็นส่วนตัว จากข้อมูลข้างต้น ทำให้เข้าใจว่า บริษัท ไมเนอร์ แอร์คราฟ โฮลดิ้ง จำกัด มีหุ้นสามัญและบุริมสิทธิรวมกัน 1,000 หุ้น เป็นมูลค่า 25,000 บาท นอกจากนี้ ต่อมายังมีการซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัท ไมเนอร์ เอวิเอชั่น จำกัด จำนวน 300,000 หุ้น  ที่ 19.40 ล้านบาท จากข้อมูลเท่านี้ ทำให้ประเมินว่า ส่วนต่างของมูลค่าคือ 323ล้าน ลบด้วย 20 ล้านบาทโดยประมาณ น่าจะเป็นกำไรจากการขายไปครับ แต่มีจุดที่ดูแล้วสับสนคือ มูลค่าเงินลงทุนในแบบวิธีส่วนได้ส่วนเสียของบริษัท ไมเนอร์ เอวิเอชั่น จำกัด ซึ่ง ณ สิ้นปี 2549 มีส่วนผู้ถือหุ้นติดลบ 14 ล้านบาท แต่ ณ สิ้นปี 2548 ยังมีส่วนผู้ถือหุ้นเป็นบวกอยู่ 21.5 ล้านบาท ถ้าภายในหนึ่งปี กิจการดำเนินการได้ขาดทุนถึง 35 ล้านบาท กิจการนี้ก็ไม่น่าขายไปโดยได้ราคาดีขนาดนี้นะครับ คิดว่า น่าจะมีสินค้าคงเหลือในบริษัท ซึ่งก็คือเครื่องบินอยู่ด้วย ทำให้ราคาขายทั้งหมดถึงสูงขนาดนี้ได้ และนั่นหมายความว่า บริษัทมีหนี้สินในระดับสูงที่เดียว ซึ่งเงินที่นำมาซื้อเครื่องบินนี้ น่าจะได้จาก MINOR เอง (ถ้ากู้ธนาคาร ผมเป็นนายธนาคารคงไม่ให้ยืม เพราะส่วนทุนต่ำเกินไป ให้สังเกตเงินให้กู้ยืมแก่บริษัทย่อยมีถึง 730 ล้านบาท ดูหมายเหตุ 9 เพิ่มเติม) นอกจากนี้ จำนวนหุ้นสามัญทำไมกลายเป็น 205,490 หุ้น ได้ก็น่าสงสัยครับเพราะไม่มีการประกาศทาง SET หรือแจ้งมาให้ทราบเลย ดังนั้น เนื่องจากข้อมูลที่เปิดเผยมาไม่เพียงพอ สิ่งที่ดีที่สุดคือ เราไม่สามารถสรุปเรื่องกำไรได้เลย แต่ถ้าให้ผม เดา คิดว่า ไม่น่าเกิดกำไรจากการขายสักเท่าไรครับ ถ้าคุณลูกอิสานพอมีเวลา ลองโทรไปถามโดยตรง น่าจะได้คำตอบที่ชัดเจนและชัวร์ครับ เป็นอย่างไรช่วยมาบอกกันด้วยครับ ขอบคุณครับ โดย GrahamDodd พุธ มิ.ย. 20, 2007 8:48 pm

รบกวนออกความคิดเห็นตัว BFIT ด้วยครับ ราคาที่ 5.5 - 6.0 บาท ถือว่าไม่แพงครับเพราะ 1. BFIT ถือหุ้น BSEC 50% ซึ่งมูลค่าตลาดประมาณ 1000 ล้านบาท    ดังนั้นที่ราคา 5.5-6 บาท จะเสมือนเราได้หุ้น BSEC ที่ราคาตลาด 2.7-2.9 บาทต่อหุ้น(P/BV=1) แถม O/S Loan ของ BFIT อีกกว่า 1000 ล้านบาท มาฟรี ๆ 2. O/S Loan ของ BFIT มีหนี้สูญค่อนข้างต่ำ คือไม่เกิน 4% ของพอร์ต แต่จะมีปัญหาที่คาอยู่เล็กน้อยคือ เรื่องนโยบายการบัญชีแบบใหม่ที่กำหนดโดยธปท(ถ้าจำไม่ผิด) ให้ตั้งสำรองมากขึ้นเป็นพิเศษ (รายละเอียดตรงนี้ลองไปอ่านกันเองนะครับ) 2. BFIT พึ่งเปิดพอร์ตลงทุนในตลาดหุ้นเมื่อต้นปี 500 ล้านบาท ถ้าดูจาก SET INDEX เป็นหลัก ตอนนี้ควรได้กำไรไม่ต่ำกว่า 10-15% แล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่รับประกันว่าราคาจะขึ้นครับ โดย GrahamDodd จันทร์ มิ.ย. 11, 2007 8:26 pm

วิชัย วชิรพงศ์ ตอนผมซื้อ MANRIN โดย GrahamDodd พุธ มิ.ย. 06, 2007 9:03 pm

Financial Statement Analysis โดย John J. Wild และคณะ [quote="BHT"][quote="chatchai"]Analysis of financial statement ของ White, Sondhi. โดย GrahamDodd พุธ มิ.ย. 06, 2007 8:39 pm

กองทุนอสังหา ขอบคุณครับ 10% ที่ว่า คือเวลาที่ได้เงินปันผลจากกองทุน 1 บาท จากเงินเริ่มต้นของเรา 10 บาทที่นำไปซื้อหน่วยลงทุนครับ ผมสังเกตเห็นเวลาที่คนอื่น ๆ คุยกัน ใช้ตัวเลขผลตอบแทนแบบนี้ และสงสัยมาตลอดว่ามันรวมเงินต้นหรือไม่ และคนอื่น ๆ ที่คิดว่าผลตอบแทนดีเหลือเกิน เขารู้หรือไม่ ก็เลยเอาขึ้นมาพูดอีกทีครับ คุณ mf ช่วยเข้ามาตอบทำให้เคลียร์ขึ้นมาก ขอบคุณน่ะครับ โดย GrahamDodd อังคาร มิ.ย. 05, 2007 5:12 pm

Financial Statement Analysis โดย John J. Wild และคณะ The Psychology of Investing = จิตวิทยาการลงทุน ISBN: 974-92665-8-7 โดย GrahamDodd อังคาร มิ.ย. 05, 2007 2:53 pm

กองทุนอสังหา ขอบคุณครับ มันเหมือนเอาเงินปันผลที่ดูสูงมาหลอกคนทั่วไปให้ซื้อเลยนะครับ ปัญหานี้ จริง ๆ แล้วกลต น่าจะบังคับให้มีการเปิดเผยที่ชัดเจนก่อนที่จะส่งเสริมเรื่องกองทุนอสังหานะครับ เพราะเท่าที่เคยคำนวณดู คนที่ได้ผลประโยชน์คือเจ้าของอสังหา ที่นำเงินสิทธิทั้งก้อนซึ่งมีขนาดใหญ่ไปใช้โดยมีต้นทุนต่ำมาก ๆ เลยนะครับ ดังนั้น ถ้าผลตอบแทน 10% ต่อปี จากเงินต้น 10 บาท ก็หมายความว่า เราควรจะได้รับเงิน 1 บาททุกปีเป็นเวลา 30 ปี ดังนั้นกำไรของเราจึงเท่ากับ 30-10 = 20 บาท และดังนั้น จึงมองเสมือนว่า ใน 30 ปีที่ผ่านไป เงินต้นเราโตแค่สองเท่า เท่านั้นเอง!!!! (เหมือนซื้อพันธบัตรดอกเบี้ย 5% สามสิบปี แต่ความเสี่ยงสูงกว่า) ผมเข้าใจอย่างนี้ถูกไหมครับ โดย GrahamDodd จันทร์ มิ.ย. 04, 2007 10:55 am

กองทุนอสังหา ไม่ทราบว่า มีใครรู้เกี่ยวกับกองทุนอสังหาสมุย หรืออีกหลาย ๆ กองทุน ในเรื่องต่อไปนี้ไหมครับ 1. ผลตอบแทนที่อยู่ประมาณ 9-10% นั้น เป็นผลตอบแทนแบบ compound rate หรือไม่ 2. สิทธิการเช่าจะหมดไปใน 30 ปี ไม่ทราบว่า ผลตอบแทนที่ได้ตลอดช่วงอายุ 30 ปี มีการหักส่วนเงินต้นที่ต้องหายไปหรือยัง เพราะท้ายที่สุด อสังหาชิ้นนั้น ๆ ก็ต้องคืนเจ้าของไป 3. กองทุนแบบนี้ ราคาในตลาดควรลดลงทุกปี โดยนำเงินต้นลบออกด้วยค่าเสื่อมแบบตัดเส้นตรงและเงินปันผลหรือไม่ 4. มีใครเคยลองประเมินมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดที่จะได้รับตลอดช่วงอายุหรือไม่ครับ ตอนนี้สงสัยมากเลยครับ รบกวนผู้รู้ช่วยบอกด้วย โดย GrahamDodd อาทิตย์ มิ.ย. 03, 2007 2:47 pm

Financial Statement Analysis โดย John J. Wild และคณะ 1. The Psychology of Investing หาซื้อเป็นภาษาไทยได้ที่ร้านหนังสือใหญ่ ๆ ทั่วไปอย่างจุฬา หรือ คิโนะคุนิยะครับ 2. Analysis of  Financial Statement, White Sondhi หาซื้อได้จากศูนย์หนังสือจุฬาครับ เล่มละไม่เกิน 900 บาท เหมือนที่คุณ chatchai ว่าไว้ครับว่าดีจริง ๆ (แต่อ่านยากมาก ๆ ) 3. Poor Charlie's Almanack: The Wit and Wisdom of Charles T. Munger ซื้อได้จาก www.poorcharliesalmanack.com ครับ อย่าลืมเลือก 2nd edition อาทิตย์ที่ผ่านมาผมไปดูร้านหนังสือจุฬาอีกครั้ง พบว่ามีหนังสือวิเคราะห์งบการเงินออกมาอีก 2 เล่ม แต่เปิดดูแล้วคิดว่า ยอมทนอ่านของ white sondhi ดีกว่าครับ โดย GrahamDodd อาทิตย์ มิ.ย. 03, 2007 2:42 pm

Financial Statement Analysis โดย John J. Wild และคณะ นอกเรื่องนิดนึงครับ ไม่ว่าเราจะวิเคราะห์ได้ละเอียด และฉลาดแค่ไหน แต่ถ้าผู้บริหารไว้ใจไม่ได้ก็จบเห่ครับ เพราะเขาฉลาดกว่าเราเป็นแน่ เหมือนที่เบนจามิน เกรแฮม เคยสอนลูกศิษย์เขาไว้ครับ ว่าความเชื่อใจกันสำคัญมากถึงขั้นที่ว่า ถ้าไว้ใจแล้วก็ไม่ต้องกลัวโดนหลอก นอกจากนี้ อยากแนะนำหนังสือ The Psychology of Investing โดย John R. Nofsinger ที่คุณ WEB แปลไว้ครับ ทุกวันนี้ผมเสียดายที่ไม่ได้อ่านตั้งแต่แรก ทำให้ผมขาดทุนส่วนที่ควรจะได้เป็นล้านบาทไปเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว มาวันนี้ ได้อ่านครบสองรอบ ทำให้เท่าทันสิ่งที่ตัวเองคิดมากขึ้นมากครับ โดยอาศัยหลักจากหนังสือเล่มนี้แหละครับ โดย GrahamDodd จันทร์ พ.ค. 28, 2007 8:20 pm

Financial Statement Analysis โดย John J. Wild และคณะ อ้อ อย่าลืมทำแบบฝึกหัดท้ายบทส่วนใหญ่ด้วยนะครับ ทุกข้อให้ข้อคิดที่ดี เพิ่มประสบการณ์ในการวิเคราะห์ได้ครับ ปล เมื่อซื้อหนังสือของอาจารย์ White ซึ่งมีขายที่จุฬาแล้ว อย่าลืมซื้อเฉลยด้วยนะครับ รู้สึกว่าเล่มละ 25$ โดย GrahamDodd ศุกร์ พ.ค. 25, 2007 8:49 pm

Financial Statement Analysis โดย John J. Wild และคณะ สำหรับผู้เริ่มต้นนะครับ แนะนำ บทที่ 2 3 4 6 7 8 9 10 11 13 โดย GrahamDodd ศุกร์ พ.ค. 25, 2007 8:46 pm

Financial Statement Analysis โดย John J. Wild และคณะ อย่างนั้น คุณก็ลำบากแล้วครับ เพราะหนังสือการวิเคราะห์งบการเงินภาษาไทยที่ดี ๆ ยังไม่เห็นในตลาดเลยครับ แม้แต่หนังสือชื่อ มิติใหม่ของการวิเคราะห์งบการเงินของสำนักพิมพ์ธรรมนิติ สำหรับคนไม่เคยรู้เรื่องอะไรมาก่อน อ่านแล้วก็วิเคราะห์ไม่เป็นหรอกครับ มีแต่คอนเซปท์แต่ไม่มีตัวอย่างเป็นรูปธรรมให้เห็น ไม่มีแบบฝึกหัดให้ทดลอง (แต่ถ้าท่านใดรู้และพอแนะนำได้ ช่วยบอกด้วยนะครับ) ส่วนเล่มภาษาอังกฤษที่ดี ก็อ่านยากครับ เช่น Analysis of financial statement ของ White, Sondhi. ต้องคิดกันบรรทัดต่อบรรทัด เขาแทบไม่มีประโยคไร้สาระใส่ลงไปเลยครับ คุณอ่าน Intelligent Investor ภาษาไทย คุณก็ได้แค่ข้อสรุปว่า มันต้องมี margin of safety, อย่าให้อารมณ์(ตลาด)มาเหนือเหตุผลที่อยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง, และถ้าไม่รู้เรื่องอะไรนัก ก็อย่าไปซื้อหุ้นที่ P/BV และ P/E สูง ๆ มันไม่คุ้ม มันเป็นหนังสือสำหรับป้องกันนักลงทุนไม่ให้ติดกับดักทางจิตวิทยาครับ ก็ยังไม่สามารถวิเคราะห์งบการเงินได้อยู่ดี โดย GrahamDodd พฤหัสฯ. มี.ค. 22, 2007 9:50 pm

คนไม่มีงานประจำ แต่ได้รับเงินปันผล สามารถรับภาษีคืนได้ไหม ขอบคุณทุกท่านครับ ที่อุตส่าห์เข้ามาตอบให้ ผมตั้งคำถามพลาดไปเล็กน้อยครับ คำถามคือว่า ถ้าผมเป็นบุคคลที่ไม่มีรายได้อะไรเลย นอกจากเงินปันผล จะทำอย่างไรเพื่อให้ได้ภาษีคืนครับ ขอบคุณนะครับ โดย GrahamDodd พุธ มี.ค. 21, 2007 4:43 pm

Financial Statement Analysis โดย John J. Wild และคณะ หนังสือเล่มนี้ เหมาะกับคนที่มีพื้นฐานทางบัญชีและการเงินเบื้องต้นมาบ้างแล้ว แต่ต้องการเสริม concept ของการวิเคราะห์ให้แน่นมากยิ่งขึ้น เพราะแทบทั้งเล่ม เป็นการบรรรยายเกือบหมด มีตัวอย่างให้บทละไม่เกิน 3 ตัวอย่างครับ จะทำโจทย์ก็กระวนกระวายว่าทำไปแล้วถูกต้องหรือเปล่า เพราะไม่มีคำตอบท้ายบทครับ ปล ผมเคยสงสัยเรื่อง EBITDA มานาน ว่าเอาไว้ทำอะไรและมีข้อเสียอย่างไร ก็ได้คำตอบบางส่วน จากหนังสือเล่มนี้ดังนี้ครับ เนื่องจาก EBITDA คือ Earning ที่ยังไม่หักค่าเสื่อมราคาออกไป ดังนั้น เราอาจเขียนใหม่อย่างหยาบ ๆ ได้ว่า EBITDA ใกล้เคียงคับ Net Income + Depreciation&Amortization ซึ่งผู้ใช้งบบางคนคำนวณเพื่อเป็นตัวแทนกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม มันมีข้อบกพร่องดังนี้ 1. การบวกค่าเสื่อมราคากลับเข้าไป  บางคนตีความหมายว่า ไม่มีรายจ่ายที่เกิดจากการใช้สินทรัพย์ระยะยาว ซึ่งไม่ถูกต้อง เพราะสินทรัพย์ระยะยาวเมื่อใช้ไปนานเข้า ก็ต้องมีการเสื่อมสภาพ ดังนั้น รายจ่ายจากการใช้สินทรัพย์ระยะยาวมีอยู่จริง 2. ผู้ใช้งบบางท่าน ไปตีความหมายว่า การบวกค่าเสื่อมราคากลับเข้าไป เป็นการบ่งบอกว่า มีการเตรียมเงินไว้สำหรับซื้อสินทรัพย์ระยะยาวที่จะนำมาแทนที่สินทรัพย์เดิมที่ใช้อยู่ ซึ่งไม่ถูกต้อง เพราะ การบวกค่าเสื่อมราคากลับเข้าไปไม่ได้เป็นการสร้างเงินสด  เป็นเพียงการหักกลบกับค่าเสื่อมราคาที่ถูกหักออกจากกำไรสุทธิเท่านั้น เงินสดมีแหล่งที่มาจากกิจกรรมดำเนินงานหรือจัดหาเงินทุน ซึ่งไม่ใช่ค่าเสื่อมราคา 3. Net Income+Depreciation&Amortization ไม่รวมการเปลี่ยนแปลงใน working capital ซึ่งเป็นส่วนที่เหลือของกระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงใน working capital มักจะเป็นส่วนประกอบที่มีขนาดใหญ่ของกระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน โดย GrahamDodd ศุกร์ มี.ค. 09, 2007 7:44 pm

ดร.นิเวศน์ แนะนำหนังสือ " ร้อยเล่ห์กลโกง เจ้ามือหุ้น & ยืนอ่านผ่าน ๆ ก็พอแล้วครับ ตัวอักษรเต็มไปหมด แต่เนื้อหาจริง ๆ สรุปได้บทละไม่เกิน 2 ประโยค โดย GrahamDodd ศุกร์ มี.ค. 09, 2007 7:30 pm

น.พ.ประกิตเผ่า เรื่องนี้ คิดได้เพียง 2 แบบครับ 1. ครอบครัวคุณหมอต้องการยึดทรัพย์จากคุณหมอจริงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว 2. คุณเปเป็นตัวการจริง ต้องการหลอกเอาเงินจากคุณหมอ ในความเห็นส่วนตัว ผมคิดว่า ข้อ1 มีความเป็นไปได้น้อยครับ เหมือนที่คนส่วนใหญคิดว่า แม่ตัวเองไม่น่าทำกับลูกตัวเองอย่างนั้น นอกจากนี้ การจะเอาใครสักคนเข้าโรงพยาบาลบ้า ไม่ว่าสติดีหรือไม่ดี เข้าไปก็บ้าแน่ ๆ ครับ เจ้าตัวบอกไม่บ้า คนอื่นก็ว่ามันบ้า เจ้าตัวบอกว่าบ้า คนอื่นก็ว่าเออ มันบ้า ดังนั้นการเอาคนสติดีเข้าเหมือนเป็นการฆาตกรรมนะครับ สำหรับข้อ 2 ไม่สามารถพูดอะไรได้มาก เพราะไม่รู้จักกับคุณเปเป็นการส่วนตัว หวังแต่เพียงว่า เรื่องนี้จะคลี่คลายในทางที่ดีและถูกต้องมากที่สุดได้ ไม่อยากเห็นคนที่เราเคยคิดว่าดีมีอันเป็นไป โดย GrahamDodd พุธ ก.พ. 28, 2007 3:44 pm

หนังสือ 9 เล่มที่ต้องอ่านในชีวิตนี้ ไปที่นี่เลยครับ http://www.michaelcovel.com/archives/001062.html เพื่อดาวน์โหลด โดย GrahamDodd พฤหัสฯ. ก.พ. 22, 2007 4:20 pm

หนังสือ 9 เล่มที่ต้องอ่านในชีวิตนี้ มีหนังสือแนะนำ แต่ต้องขอโทษครับ ที่ไม่ได้เปิด topic ใหม่ เพราะไม่มี authority ที่จะทำได้ อยากให้ลองอ่าน Reminescence of stock operator ตั้งแต่หน้าประมาณ 180 เป็นต้นไป สามารถไปดาวน์โหลด PDF ได้จาก web ครับ (ผมไม่ได้บันทึกเก็บไว้ เลยระบุให้เลยไม่ได้) โดย GrahamDodd พฤหัสฯ. ก.พ. 22, 2007 1:32 pm

หุ้นตัวไหน เป็นหุ้นตัวแรกที่คุณซื้อครับ RGR ครับ ปัจจุบันคือหุ้น MINT นั่นเอง ซื้อไว้ตั้งแต่ปี 2547 เพราะสนใจหุ้นโรงแรม เป็นหุ้นตัวเดียวที่โบรกเกอร์แนะนำให้ผม แล้วทำกำไรเมื่อคิดเป็นเปอร์เซนต์ได้ดีที่สุดครับ แต่ปัจจุบันไม่ได้ถือแล้ว ไปเปลี่ยนเป็น MINOR แทน โดย GrahamDodd อังคาร ก.พ. 20, 2007 1:52 pm

เพื่อนๆพี่ๆแบ่งเงินลงทุนในหุ้นกี่ % กันครับ โดยส่วนตัวแล้ว ผมถือหุ้น 300% ของเงินผมครับ (เงินอีก 200% มาจากคนอื่น) อยากแนะนำให้ดู preference ของตัวเองว่าเป็นอย่างไร และถ้าพึ่งเริ่มอยากให้เริ่มน้อย ๆ ครับ หัดสังเกตหุ้นหลาย ๆ ตัว ว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไร เกิอะไรขึ้นกับมันบ้าง แม้ผมจะไม่ได้ออกไปทางนักเก็งกำไร แต่ก็เคยติดตามบริษัทที่ลือชื่อหลายตัวเช่น N-PARK แล้วได้ประสบการณ์พอสมควรเลยครับ เช่น หุ้นไม่มีผลประกอบการในอดีตที่น่าเชื่อถือได้ อย่าไปซื้อครับ ราคารูดลงแบบไม่มีพื้น ทุกปีมีแต่ค่าใช้จ่ายมหาศาล แต่ไม่มีกำไรเป็นเรื่องเป็นราว ปีก่อนใครคิดว่า 0.60 บาทต่อหุ้น เป็นราคาที่ต่ำแล้วเพราะ P/BV = 0.60 มาดูปีนี้จะหนาวครับ โดยสรุปแล้ว มือใหม่ ให้เริ่มโดยใส่ในหุ้นในจำนวนที่เสียไป 70% ก็ไม่เป็นไรครับ ที่เหลือเก็บเข้าธนาคาร และหาเวลาศึกษาตำราและสังเกตการณ์ครับ โดย GrahamDodd อังคาร ก.พ. 20, 2007 1:48 pm

แจก EPS16YEAR (งบดุล ย้อน 19 ปี,ราคา,Ratio,แบบเครดิตภาษี) รบกวนพี่ครรชิตส่งให้ผมด้วยครับ ที่ [email protected] ขอบคุณมากครับ โดย GrahamDodd ศุกร์ ก.พ. 16, 2007 2:15 pm

หนังสือ 9 เล่มที่ต้องอ่านในชีวิตนี้ สำหรับคนที่อยากอ่าน The general theory of employment...ของ Keynes. อยากแนะนำให้อ่าน "เล่าเรื่องเศรษฐกิจภาพรวม" เขียนโดย ปรีชา ทิวะหุต ก่อนครับ รับรองว่า สนุกมาก ๆ และทำให้เราเข้าใจภาพรวมและสภาวะแวดล้อมที่ทฤษฎีนี้เกิดขึ้นครับ โดย GrahamDodd ศุกร์ ก.พ. 16, 2007 1:47 pm