หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
keng56
jshgsgh
Joined: อังคาร ก.ค. 11, 2006 3:55 pm
431
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - keng56
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
** สิ้นสุดปี 2551 ผลประกอบการพอร์ตเป็นอย่างไรบ้างครับ **
ปี51 บวก 3.3% โชคดีที่หนีทันก่อนจะกลายเป็นขาดทุน
โดย
keng56
พุธ ม.ค. 07, 2009 1:26 am
0
0
cpall
11-7 = 4 :lol:
โดย
keng56
พุธ ต.ค. 29, 2008 10:28 pm
0
0
ของที่ระลึกมอบแด่พี่ครรชิตครับ
ยินดีด้วยครับ ขอบคุณมากสำหรับสิ่งดีๆที่มอบให้เสมอมา
โดย
keng56
จันทร์ ก.ค. 14, 2008 12:00 pm
0
0
แจก EPS16YEAR (งบดุล ย้อน 19 ปี,ราคา,Ratio,แบบเครดิตภาษี)
รบกวนขอรุ่น2007ด้วยครับ
[email protected]
ขอบคุณครับ
โดย
keng56
พฤหัสฯ. พ.ค. 01, 2008 4:26 pm
0
0
รับบริหารพอร์ต
[quote="Capo"]ผมดูให้แฟนอยู่ครับ ผมต้องรับประกันการขาดทุน 100% แต่ถ้ากำไรไม่มีแบ่งนะ
โดย
keng56
พฤหัสฯ. ม.ค. 17, 2008 8:20 pm
0
0
หุ้น CP ไฉนจึงร่วงหนัก
cpf กำไรq4จะต่ำกว่าq3 คาดว่าปีนี้จะจ่ายปันผล 15 สตางค์ (ปีนี้จ่ายครั้งเดียว) :wink:
โดย
keng56
พฤหัสฯ. ธ.ค. 06, 2007 9:39 pm
0
0
เชิญร่วมลงชื่อ รอ 10เด้งจาก ptt
copyมาให้อ่านขำๆ.... เรื่องเริ่มขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ..ทุกๆเช้าที่ฉันเห็นเค้า ...ทุกๆวัน..ฉันไม่เคยคิดจะซื้อเค้าเลย ...จนวันนึง ...แล้วฉันก็ขับไปทำงานตามปกติ แต่พอร์ตเขียวขึ้นอย่างประหลาด ...เครื่องยนต์ก็สะอาดเหมือนใหม่ ...หุ้นแปลกหน้าราคา High ที่ฉันปฏิเสธเค้า แต่พอมีเค้าอยู่ในพอร์ตจริงๆกลับดี เค้าคือ ...PTT เต็มพอร์ต ...มีเค้าติดพอร์ต คุณจะติดใจเหมือนฉัน เหมือนพี่โอ๊ต เหมือนพี่คนนี้ เหมือนอาเฮีย ...และก็เหมือนคุณแม่ด้วย ...... PTT ราคา 400 บาทคุณภาพที่คุณมั่นใจจาก PTT :-) :lol:
โดย
keng56
จันทร์ ต.ค. 29, 2007 11:04 pm
0
0
กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี
นับถอยหลังวิกฤตการณ์น้ำมัน? เศรษฐกิจโลก 25/10/2007 17:00:32 ในภาวะที่ราคาน้ำมันวิ่งขึ้นไม่หยุด มีคำเตือนที่ชวนขนลุกออกมาจากกลุ่มคลังสมองเมืองเบียร์ว่า ปริมาณการผลิตทองคำดำของโลกผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และนับจากนี้ไปจะลดลงต่อเนื่องจนเหลือเพียงครึ่งเดียวของระดับปัจจุบันภายในปี 2030 ขณะที่กูรูในตลาดระบุว่าหลักไมล์ใหม่ของราคาน้ำมันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะปัญหาในตะวันออกกลางเท่านั้น และถึงตอนนี้ไม่ต้องมีปัจจัยอะไรมากมาย ราคาก็สามารถวิ่งฉิวสัมผัสเลขสามหลักได้สบายๆ ไม่กี่วันหลังจากราคาน้ำมันดิบทะลุทะลวงทำสถิติใหม่เหนือระดับ 90 ดอลลาร์ ต้นสัปดาห์นี้ อิเนอร์จี้ วอตช์ กรุ๊ป (EWG) จากเยอรมนี ออกรายงานระบุว่า ศักยภาพการผลิตน้ำมันโลกขึ้นถึงระดับสูงสุดไปแล้วในปีที่ผ่านมา เร็วกว่าที่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่คาดคิด ทั้งยังว่าปริมาณการผลิตจะลดลงปีละ 7% ฮันส์-โจเซฟ เฟลล์ ผู้ก่อตั้ง EWG และสมาชิกรัฐสภาที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของระบบสนับสนุนพลังงานที่สามารถสร้างทดแทนได้ของเยอรมนี บอกว่าอีกไม่นาน โลกจะไม่สามารถผลิตน้ำมันได้ทันความต้องการ ซึ่งจะสร้างปัญหาอย่างมโหฬารให้กับเศรษฐกิจโลก โจเซฟ ชินด์เลอร์ ผู้เขียนรายงานฉบับนี้ สำทับว่าสัญญาณเตือนภัยที่น่าวิตกคือ การที่ปริมาณการผลิตน้ำมันดิ่งลงอย่างรุนแรงหลังจากเพิ่งผ่านช่วงพีคมาสดๆ ร้อนๆ ปีที่แล้ว รายงานฉบับนี้ขัดแย้งกับการคาดการณ์ของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (ไออีเอ) ที่บอกว่ายังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเกี่ยวกับซัปพลายน้ำมันในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม EWG ยืนกรานว่า การคาดการณ์ของตนอิงกับข้อมูลการผลิตจริง จึงน่าเชื่อถือมากกว่าการประเมินจากน้ำมันสำรองที่ยังอยู่ใต้ดิน กลุ่มนี้บอกว่า การประเมินของเจ้าหน้าที่ในอุตสาหกรรมที่ระบุว่า ปริมาณน้ำมันสำรองของโลกอยู่ที่ 1.255 กิกะบาร์เรล หรือเท่ากับ 42 ปีของซัปพลาย ณ ระดับอัตราบริโภคปัจจุบันนั้น แท้จริงแล้วน่าจะมีแค่ 2 ใน 3 เท่านั้น จากการผลิตน้ำมันโลกขณะนี้ที่ประมาณ 81 ล้านบาร์เรลต่อวัน (บีพีดี) EWG คาดว่าตัวเลขจะลดลงเหลือ 39 ล้านบีพีดีในปี 2030 ทั้งยังทำนายว่าปริมาณการผลิตก๊าซ ถ่านหิน และยูเรเนียมก็จะร่อยหรอลงเช่นเดียวกัน ชินด์เลอร์ยังสรุปว่า โลกกำลังเริ่มเข้าสู่ช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในระบบเศรษฐกิจ และการเปลี่ยนแปลงนี้จะถูกจุดชนวนโดยการลดลงของซัปพลายเชื้อเพลิงฟอสซิล และมีผลต่อชีวิตประจำวันในเกือบทุกแง่มุม ด้านเฟลบอกว่า โลกควรต้องเร่งพัฒนาพลังงานที่สามารถผลิตทดแทนได้ ขณะที่ผู้ผลิตและกลั่นน้ำมันก็ต้องหาทางนำเสนอผลิตภัณฑ์ในรูปแบบที่มั่นใจได้ว่ายั่งยืน ทันการณ์ เชื่อถือได้และเพียงพอ ตลอดจนถึงการยกระดับการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เพื่อช่วยผ่อนคลายภาวะโลกร้อน และสร้างหลักประกันว่าชีวิตจะดำเนินต่อไปอย่างเป็นปกติสุข ไม่ต้องพบเจอกับวิกฤตพลังงาน ขณะเดียวกัน ต่อมุมมองเกี่ยวกับราคา ผู้รู้บางคนมองว่า ปัจจัยผลักดันลึกๆ แล้วน่าจะมีมากกว่าสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนที่ราคาน้ำมันทะยานขึ้นไปแตะระดับ 88 ดอลลาร์ นักวิเคราะห์สารพัดสำนักฟันธงว่าเป็นเพราะทหารตุรกีล้ำเส้นเข้าไปทางด้านเหนือของอิรัก บางคนเชื่อว่าเรื่องนี้ยังมีผลให้ราคาทองคำทำสถิติสูงสุดในรอบ 27 ปี ทว่า ตลาดโภคภัณฑ์เคลื่อนไหววูบวาบไม่ได้มาจากแค่เหตุการณ์ในตะวันออกกลางอย่างเดียวเท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 15 เดือนนี้ ราคาทองแดง ตะกั่ว ถั่วเหลือง ฝ้าย น้ำตาล โกโก้จนถึงอาหารปศุสัตว์ ชวนกันทะยานขึ้นในอัตราเลขสองหลัก การพุ่งทะยานของสินค้าโภคภัณฑ์บางประเภทเหล่านี้มีสาเหตุโดยตรงมาจากภาวะน้ำมันแพง กล่าวคือมาตรการผลิตเอทานอลเพื่อใช้แทนน้ำมันส่งผลให้เกษตรกรปลูกข้าวโพดกันอึงคนึง และราคาผลิตผลรุดหน้าขึ้นเรื่อยๆ ในทางกลับกัน ราคาปศุสัตว์ก็แพงขึ้นตามต้นทุนพืชพันธุ์ธัญญาหารที่ใช้เลี้ยงสัตว์เหล่านี้ กระนั้น การที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ถีบตัวขึ้นยกแผงอาจสะท้อนถึงเสน่ห์ของเซ็กต์เมนต์นี้ในฐานะที่เป็น สินทรัพย์ทางเลือก ในสายตาเฮดจ์ฟันด์และไพรเวตอิควิตี้ นับจากฟองสบู่ยุคดอทคอมแตก นักลงทุนก็เริ่มกระจายความเสี่ยงออกจากเป้าหมายเดิมๆ ในหุ้นและพันธบัตรรัฐบาล อันเป็นที่มาของการเปิดตัวกองทุนที่เป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดโภคภัณฑ์และเทรดกันด้วยเงินตราหลายสกุล ทำให้สินค้าโภคภัณฑ์เข้าถึงนักลงทุนในวงกว้างและหลากระดับมากขึ้น ภาวะสินเชื่อตึงตัวเมื่อเร็วๆ นี้อาจมีส่วนผลักดันให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์วิ่งฉิวกว่านี้ เม็ดเงินที่หวังเก็งกำไรที่เคยหลั่งไหลเข้าสู่หุ้นกู้ที่ให้ผลตอบแทนสูง มาบัดนี้กำลังมองหาจุดหมายปลายทางใหม่ นอกจากนั้น สินค้าโภคภัณฑ์บางประเภท โดยเฉพาะทองคำ ยังถูกมองว่าเป็นการลงทุนที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากการอ่อนฮวบของดอลลาร์ โรบิน บาร์ นักยุทธศาสตร์ตลาดโลหะของยูบีเอส บอกว่านักลงทุนดูเหมือนมั่นอกมั่นใจว่า ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เป็นเดิมพันที่มีแต่ได้ไม่มีเสีย ไม่ว่าเศรษฐกิจโลกจะแข็งแรงมั่นคงหรืออ่อนปวกเปียกเข้าสู่ภาวะถดถอยที่ควบมาด้วยปัญหาเงินเฟ้ออย่างที่เกิดขึ้นในทศวรรษ 1970 ตลาดโภคภัณฑ์ก็จะเดินหน้าต่อไปอย่างไม่หวั่นไหว ปีเตอร์ ออพเพนไฮเมอร์ นักยุทธศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ ร่วมวงด้วยว่า เศรษฐกิจโลกจะฝ่าฟันปัญหาตลาดที่อยู่อาศัยอเมริกาไปได้ด้วยดี และว่าราคาโลหะขาขึ้นสะท้อนความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจในกลุ่ม BRICs (บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน) ที่สร้างการเติบโตของการบริโภคทั่วโลกมากกว่าเมืองลุงแซมถึงสองเท่า สำหรับกรณีที่น้ำมันมีแรงดึงดูดนักลงทุนเชี่ยวกรากมากขึ้นในระยะนี้นั้น เป็นเพราะตลาดอยู่ในภาวะที่ราคาซื้อขายเงินสดสูงกว่าราคาล่วงหน้า นักลงทุนจึงฟันกำไรเป็นว่าเล่นด้วยการซื้อสัญญาล่วงหน้าและรอให้ราคาขึ้นถึงระดับในตลาดซื้อขายทันที อย่างไรก็ตาม ฟรานซิสโก บลานช์จากเมอร์ริล ลินช์ บอกว่าปัจจัยสำคัญอยู่ที่การตึงตัวของซัปพลาย เนื่องจากซัปพลายน้ำมันลดลงวันละ 500,000 บาร์เรลในไตรมาส 3 ขณะที่ประเทศชั้นนำเข้าสู่ไตรมาส 4 ในภาวะที่ปริมาณน้ำมันสำรองลดต่ำสุดในรอบ 4 ปี เท่ากับว่าไม่ต้องมีปัจจัยหนุนส่งมากมายนัก ราคาน้ำมันก็มีสิทธิ์สัมผัสตัวเลขสามหลักได้ง่ายๆ ซึ่งถ้าเป็นจริงขึ้นมา ตลาดหุ้นก็อาจจะต้องเผชิญบททดสอบด้านความเชื่อมั่นครั้งสำคัญอีกหน
โดย
keng56
พฤหัสฯ. ต.ค. 25, 2007 9:25 pm
0
0
ตื่นมาต้มม่าม่ากิน... เช็คค่าเงินแล้วตกใจเลย
แสดงว่าจากนี้ไปมาม่าจะขายดิบขายดีสิครับ...ยินดีกับผู้ถือหุ้นด้วยครับ :lol:
โดย
keng56
ศุกร์ ส.ค. 17, 2007 12:34 am
0
0
คิดย่างไรกับ 3 วันแดงเดือด
มานับถอยหลัง...เหลืออีก 19 วัน... :lol:
โดย
keng56
พฤหัสฯ. ส.ค. 16, 2007 5:20 pm
0
0
คนนอนดึก
ไม่ได้แวะมานาน...โหลโหลด้วยคน... 8)
โดย
keng56
พฤหัสฯ. ส.ค. 16, 2007 1:39 am
0
0
คิดย่างไรกับ 3 วันแดงเดือด
ขายวันละ 5 พันล้าน อีกแค่ 20 วันเองก็หมดแระ :lol:
โดย
keng56
พุธ ส.ค. 15, 2007 7:01 pm
0
0
เรียนถามที่แม่ทัพหู และ ท่านอื่นๆเรื่องค่าเงินบาท
Currency Sell Buy USD 30.64 30.44 :shock:
โดย
keng56
พุธ ก.ค. 11, 2007 11:43 pm
0
0
+อะไรจะเป็นเหตุให้ SET หัวทิ่ม บ้างครับ?+
ถ้าสัปดาห์นี้ญี่ปุ่นขึ้นดอกเบี้ย และสัปดาห์หน้าไทยไม่ลดดอกเบี้ย ก็อาจขายทำกำไรแรงๆได้... 8)
โดย
keng56
อังคาร ก.ค. 10, 2007 7:41 pm
0
0
การซื้อขายนักเตะของลิเวอร์พูล
ดูข่าวแล้วเห็นใจฟาวเลอร์จัง อยากให้ได้ที่ลงเร็วๆ... :wink:
โดย
keng56
ศุกร์ ก.ค. 06, 2007 2:18 pm
0
0
การซื้อขายนักเตะของลิเวอร์พูล
:welcome: :welcome: :welcome:
โดย
keng56
พฤหัสฯ. ก.ค. 05, 2007 12:53 am
0
0
ถ้าดอกเบี้ยลงขนาดนั้น ดอกเบี้ยเงินกู้จะเท่าไรคับหรือไม่ลงตา
เห็นดอกเบี้ยพันธบัตร 10 ปี(ของไทย) บวกขึ้นมา เป็นสัญญาณว่าดอกเบี้ยจะกลับทิศรึเปล่า.. :roll:
โดย
keng56
พฤหัสฯ. มิ.ย. 28, 2007 12:14 am
0
0
เรียนถามที่แม่ทัพหู และ ท่านอื่นๆเรื่องค่าเงินบาท
Currency Sell Buy USD 31.75 31.25
โดย
keng56
พฤหัสฯ. มิ.ย. 28, 2007 12:07 am
0
0
มีใครยังถือ wg ไหมครับ
เพิ่งมาซื้อกะเขาตอน 42 แต่มีหน่อยเดียวเอง.. 8)
โดย
keng56
พุธ มิ.ย. 27, 2007 11:26 am
0
0
พี่ๆ ว่าหุ้นตัวไหนราคายังน่าเก็บเข้าอ้อมอกกันบ้างคับ
[quote="Boring Stock Lover"]ไม่ลอง iec เหรอ
โดย
keng56
ศุกร์ มิ.ย. 22, 2007 1:57 am
0
0
อเมริกาเล่นแรงจริงๆครับ ...
สธ.รอลุย CL หลัง 1 ก.ค.ลุ้นสหรัฐฯ พิพากษา GSP ผู้จัดการรายวัน:ในประเทศ-การเมือง 14/06/2007 23:40:08 ประธานต่อรองซีแอลเผยส่งข้อสรุปยา 3 รายการที่บังคับใช้สิทธิให้ หมอมงคล แล้ว ระบุหากยังไม่พอใจ อาจเจรจาต่อรองใหม่อีกรอบ คาดรอจังหวะท่าทีเส้นตายสหรัฐฯ ประกาศตัดจีเอสพีไทย 1 ก.ค.นี้ก่อนตัดสินใจสั่งซื้อยาต่อไป ด้าน หมอวิชัย ระบุข้อเสนอบังคับใช้สิทธิโดยสมัครใจของสมาคมบริษัทยายังไม่ความคืบหน้า นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ในฐานะประธานคณะกรรมการเจรจาต่อรองราคายาจำเป็นที่มีสิทธิบัตร กล่าวว่า ได้ส่งรายงานข้อเสนอต่างๆ ให้กับนพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนพ.วิชัย โชควิวัฒน เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะเป็นผู้ตัดสินใจในระดับนโยบายว่าจะดำเนินการอย่างไร ระหว่างการซื้อยาจากบริษัทเอ็มเอสดี หรือซื้อยาจากประเทศอินเดียต่อไป ส่วนจะมีการเสนอในรอบใหม่หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐมนตรีเช่นกัน เพราะหากยังไม่พอใจผลการเจรจาก็อาจสั่งให้มีการเจรจาต่อรองเพิ่มเติม โดยคณะกรรมการฯ จะเชิญบริษัทยาเจรจาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งตนคาดว่า หลายฝ่ายอาจจะรอจังหวะให้ผ่านวันที่ 1 กรกฎาคม เพื่อรอดูท่าทีสหรัฐฯ จะมีการตอบโต้ทางการค้าอย่างไรหรือไม่เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่จะประกาศตัดลดจีเอสพีของไทย ด้าน นพ.วิชัย โชควิวัฒน ผู้ทรงคุณวุฒิระดับ 11 และในฐานะประธานคณะกรรมการคณะกรรมการสนับสนุนการดำเนินงานเกี่ยวกับการใช้สิทธิตามสิทธิบัตรโดยรัฐ และในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า ความคืบหน้าการบังคับใช้สิทธิยาที่มีสิทธิบัตรขณะนี้ ยาพลาวิกซ์ ซึ่งพบว่ามี 2 ฟอร์ม คือ ที่ติดสิทธิบัตรและไม่ติดสิทธิบัตร ซึ่งยาพลาวิกซ์ที่ไม่ติดสิทธิบัตร อุตสาหกรรมยาภายในประเทศสามารถที่จะผลิตเองได้ แต่อาจมีราคาสูง กว่ายาที่ สธ.จะนำเข้ายาจากอินเดีย ซึ่งหากยาทั้ง 2 ตัวมีการขึ้นทะเบียนยากับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)แล้วอาจจะต้องมีการพิจารณา ทั้งเรื่องคุณภาพยา ราคา ความคุ้มค่าว่าจะซื้อยาจากอุตสาหกรรมภายในประเทศที่ผลิตได้ หรือยาจากอินเดียที่ราคาเม็ดละ 5 บาท ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นบริษัทยาในประเทศอาจจะลดราคายาลงเพื่อแข่งขันกับยาสามัญจากอินเดียก็เป็นได้ ส่วนการบังคับใช้สิทธิโดยสมัครใจ (Voluntary Licensing : VL) ที่สมาคมผู้วิจัยและผลิตเภสัชภัณฑ์ (PReMA) เสนอมานั้น ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากทางพรีมาส่งหนังสือเพื่อขอเลื่อนการประชุมออกไป ซึ่งความเห็นส่วนตัวแล้วมองว่าการทำวีแอลไม่ได้ผลนักกับประเทศไทย แต่ทางพรีมายืนยันว่าน่าจะเป็นทางออกที่ดีมีประโยชน์ อย่างไรก็ตามสธ.ยืนยันที่จะไม่ยกเลิกการทำซีแอลแลกกับการทำวีแอลอย่างแน่นอน ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเทศไทยมีความพร้อมในการที่จะทำวีแอลหรือไม่ นพ.วิชัยกล่าวว่า หากเขายินดีที่จะถ่ายทอดเทคโนโลยีให้โดยไม่มีข้อแม้ ก็มีองค์การเภสัชกรรม (อภ.) หรือแม้แต่อุตสาหกรรมยาภายในประเทศหลายรายซึ่งเป็นอุตสาหกรรมยาขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าการขายยาทั้งในประเทศและต่างประเทศใกล้เคียงกับอภ.ที่พร้อมและสามารถจะลงทุน พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อผลิตยาได้ ประธานต่อรองซีแอลเผยส่งข้อสรุปยา 3 รายการที่บังคับใช้สิทธิให้ หมอมงคล แล้ว ระบุหากยังไม่พอใจ อาจเจรจาต่อรองใหม่อีกรอบ คาดรอจังหวะท่าทีเส้นตายสหรัฐฯ ประกาศตัดจีเอสพีไทย 1 ก.ค.นี้ก่อนตัดสินใจสั่งซื้อยาต่อไป ด้าน หมอวิชัย ระบุข้อเสนอบังคับใช้สิทธิโดยสมัครใจของสมาคมบริษัทยายังไม่ความคืบหน้า นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ในฐานะประธานคณะกรรมการเจรจาต่อรองราคายาจำเป็นที่มีสิทธิบัตร กล่าวว่า ได้ส่งรายงานข้อเสนอต่างๆ ให้กับนพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนพ.วิชัย โชควิวัฒน เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะเป็นผู้ตัดสินใจในระดับนโยบายว่าจะดำเนินการอย่างไร ระหว่างการซื้อยาจากบริษัทเอ็มเอสดี หรือซื้อยาจากประเทศอินเดียต่อไป ส่วนจะมีการเสนอในรอบใหม่หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐมนตรีเช่นกัน เพราะหากยังไม่พอใจผลการเจรจาก็อาจสั่งให้มีการเจรจาต่อรองเพิ่มเติม โดยคณะกรรมการฯ จะเชิญบริษัทยาเจรจาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งตนคาดว่า หลายฝ่ายอาจจะรอจังหวะให้ผ่านวันที่ 1 กรกฎาคม เพื่อรอดูท่าทีสหรัฐฯ จะมีการตอบโต้ทางการค้าอย่างไรหรือไม่เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่จะประกาศตัดลดจีเอสพีของไทย ด้าน นพ.วิชัย โชควิวัฒน ผู้ทรงคุณวุฒิระดับ 11 และในฐานะประธานคณะกรรมการคณะกรรมการสนับสนุนการดำเนินงานเกี่ยวกับการใช้สิทธิตามสิทธิบัตรโดยรัฐ และในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า ความคืบหน้าการบังคับใช้สิทธิยาที่มีสิทธิบัตรขณะนี้ ยาพลาวิกซ์ ซึ่งพบว่ามี 2 ฟอร์ม คือ ที่ติดสิทธิบัตรและไม่ติดสิทธิบัตร ซึ่งยาพลาวิกซ์ที่ไม่ติดสิทธิบัตร อุตสาหกรรมยาภายในประเทศสามารถที่จะผลิตเองได้ แต่อาจมีราคาสูง กว่ายาที่ สธ.จะนำเข้ายาจากอินเดีย ซึ่งหากยาทั้ง 2 ตัวมีการขึ้นทะเบียนยากับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)แล้วอาจจะต้องมีการพิจารณา ทั้งเรื่องคุณภาพยา ราคา ความคุ้มค่าว่าจะซื้อยาจากอุตสาหกรรมภายในประเทศที่ผลิตได้ หรือยาจากอินเดียที่ราคาเม็ดละ 5 บาท ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นบริษัทยาในประเทศอาจจะลดราคายาลงเพื่อแข่งขันกับยาสามัญจากอินเดียก็เป็นได้ ส่วนการบังคับใช้สิทธิโดยสมัครใจ (Voluntary Licensing : VL) ที่สมาคมผู้วิจัยและผลิตเภสัชภัณฑ์ (PReMA) เสนอมานั้น ขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า เนื่องจากทางพรีมาส่งหนังสือเพื่อขอเลื่อนการประชุมออกไป ซึ่งความเห็นส่วนตัวแล้วมองว่าการทำวีแอลไม่ได้ผลนักกับประเทศไทย แต่ทางพรีมายืนยันว่าน่าจะเป็นทางออกที่ดีมีประโยชน์ อย่างไรก็ตามสธ.ยืนยันที่จะไม่ยกเลิกการทำซีแอลแลกกับการทำวีแอลอย่างแน่นอน ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเทศไทยมีความพร้อมในการที่จะทำวีแอลหรือไม่ นพ.วิชัยกล่าวว่า หากเขายินดีที่จะถ่ายทอดเทคโนโลยีให้โดยไม่มีข้อแม้ ก็มีองค์การเภสัชกรรม (อภ.) หรือแม้แต่อุตสาหกรรมยาภายในประเทศหลายรายซึ่งเป็นอุตสาหกรรมยาขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าการขายยาทั้งในประเทศและต่างประเทศใกล้เคียงกับอภ.ที่พร้อมและสามารถจะลงทุน พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อผลิตยาได้
โดย
keng56
พฤหัสฯ. มิ.ย. 14, 2007 11:55 pm
0
0
อเมริกาเล่นแรงจริงๆครับ ...
NGOมะกันแฉสหรัฐฯสุดแสบ ชี้ปากด่าไทยแต่ใช้CLเองเพียบ ผู้จัดการรายวัน:ในประเทศ-การเมือง 11/06/2007 21:48:55 วานนี้ (11 มิ.ย.) นายเบนจามิน โครห์มัล ผู้อำนวยการโครงการผู้บริโภคด้านเทคโนโลยี และผู้ประสานงานโครงการนวัตกรรมทางการแพทย์ องค์การความรู้นิเวศวิทยาระหว่างประเทศ จากสหรัฐอเมริกา กล่าวถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการใช้สิทธิ (CL) ในสหรัฐฯ ว่า สหรัฐเป็นประเทศที่มีการบังคับใช้สิทธิต่อสิทธิบัตรเป็นจำนวนมาก ซึ่งก่อนปี 1950 มีการใช้สิทธิกว่า 40,000 รายการ จนมีการตั้งศาลพิเศษดูแลเรื่องสิทธิบัตร การบังคับใช้สิทธิจึงลดน้อยลงเหลือ 12,000 กว่ารายการ แต่ก็ถือว่ามากอยู่ดี แต่กลับคัดค้านและไม่พอใจกับการบังคับใช้สิทธิของประเทศไทย ทั้งนี้ ที่ผ่านมาโครงการช่วยเหลือฉุกเฉินของประธานาธิบดีด้านเอดส์ หรือ Presidents Emergency Plan for AIDS Relief (PEPFAR) ของสหรัฐฯ มีการจัดซื้อยาสามัญ เอฟฟาไวเรนท์ ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่ประเทศไทยมีการใช้สิทธิ ในการส่งไปช่วยเหลือประเทศยากจน แม้ว่าจะไม่มีการทำซีแอล เนื่องจากไม่มีการซื้อและนำหน่ายยาเอฟฟาไวเรนท์ ในสหรัฐฯ แต่พฤติกรรมก็เข้าข่าย ปากว่าตาขยิบ และมีการปฏิบัติที่มี 2 มาตรฐาน คือ สหรัฐทำได้แต่ประเทศไทยทำไม่ได้ ทั้งนี้หากสหรัฐฯ เป็นห่วงบริษัทเอ็มเอสดี ซึ่งเป็นเจ้าของสิทธฺบัตรจะสูญเสียรายได้ ทำไมไม่จัดซื้อยาจากบริษัทเอ็มเอสดี นายเบนจามินกล่าวต่อว่า อีกประเด็นที่น่าสนใจ คือ ในปี 2549 ยาชื่อสามัญ โคลพิโดเกรล หรือในชื่อการค้า ยาพลาวิกซ์ มียอดขายสูงเป็นอันดับ 2 ของบรรดายาชื่อสามัญในสหรัฐฯ โดยมียอดขายมากกว่า 36,000 ล้านบาท เป็นผลให้เกิดคดีความกันระหว่างบริษัทซาโนฟี่ อเวนตีส และบริษัท อโปเท็กซ์ (Apotex) ของแคนนาดา ซึ่งซาโนฟี่ครอบครองสิทธิบัตรยานี้ในสหรัฐและไม่ยอมให้มีการจำหน่ายยาชื่อสามัญ เนื่องจากทำให้สูญเสียรายได้เป็นจำนวนมาก โดยที่ผลการตัดสินของศาลในสหรัฐฯ อนุญาตให้บริษัทอโปเท็กซ์ ขายยาชื่อสามัญที่มีการผลิตก่อนที่จะมีคำสั่งศาลสามารถที่จำหน่ายต่อได้ ขณะที่ประเทศไทยซาโนฟี่มียอดขายเพียง 700 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับบริษัทซาโนฟี่สูญเสียรายได้ในสหรัฐเองมากกว่าในประเทศไทย อย่างน้อย 50 เท่า ซึ่งเป็นสิ่งที่เทียบกันไม่ได้เลย ส่วนกรณีของบริษัทแอ็บบอต ลาบอราตอรีส ก็มีการร้องขอให้ศาลสหรัฐฯ สั่งอนุญาตให้สามารถใช้สิทธิตามสิทธิบัตรของบริษัทอื่น เนื่องจากบริษัทนั้นไม่ยินยอมด้วย ดังนั้น เท่ากับว่าแอ๊บบอตได้ใช้ประโยชน์จากการบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตรมากแล้ว ขณะนี้ยอดการจำหน่ายยาในยุโรป สหรัฐฯ กำลังลดลงเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็กลัวจะเสียตลาดในเอเชียด้วย ซึ่งการทำซีแอลของไทยทำให้ผลกระทบเป็นลูกโซ่ เนื่องจากเกิดการตื่นตัวของประเทศที่เสียเปรียบ ซึ่งบริษัทกลัวมากว่าประเทศไทยจะเป็นแบบอย่างให้ประเทศอื่นทำตามและลุกลามไปถึงยาอื่นๆ เพราะเมื่อมีการผลิตเยอะเยอะมีการแข่งขันมากราคายาก็จะลดลง รวมถึงกลัวว่า ประเทศไทยจะไม่ได้เป็นผู้นำเข้ายาจากประเทศอินเดียเพียงอย่างเดียวแต่กลัวว่าองค์การเภสัชกรรม (อภ.) จะมีศักยภาพในการผลิตยาได้เอง เป็นตัวแทนจำหน่ายในภูมิภาคแทบนี้ ซึ่งจะทำให้บริษัทยาสูญเสียมูลค่าทางการตลาดอีกมหาศาลนายเบนจามินกล่าว
โดย
keng56
จันทร์ มิ.ย. 11, 2007 11:47 pm
0
0
อเมริกาเล่นแรงจริงๆครับ ...
ถกซีแอลเหลว2บริษัทยายันไม่ลดราคาอีก ผู้จัดการรายวัน:ข่าวปก 06/06/2007 22:59:05 ผู้จัดการรายวัน เจรจาลดราคายาไม่คืบ แอ็บบอต-ซาโนฟี่ ยืนราคาเดิมไม่มีข้อเสนอใหม่ ขณะที่สธ.ให้โอกาสอีก ย้ำจะเลิกซีแอลหากยอมลดราคาสูงกว่ายาสามัญไม่เกิน 5% หรือมีโครงการพิเศษเสนอขอเจรจาใหม่ได้ทันที หมอศิริวัฒน์ ยันมีความเข้าใจกันมากขึ้น ขณะที่ยาต้านไวรัสเด็กพิจารณาปรับปรุงข้อเสนอใหม่เสนอ 12 มิ.ย.นี้ ด้านกรมบัญชีกลางพบเบิกค่ายาจากบัญชียานอกบัญชียาหลักแห่งชาติอื้อ สั่งตั้งคณะกรรมการกำหนดบัญชียานอกบัญชีที่เบิกจ่ายได้ให้โรงพยาบาลใช้เป็นมาตรฐานเดียวกัน วานนี้ (6 มิ.ย.) นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และประธานคณะกรรมการเจรจาต่อรองราคายาจำเป็นที่มีสิทธิบัตร กล่าวว่า การเจรจาต่อรองราคายาราคายาจำเป็นที่มีสิทธิบัตร ครั้งที่ 4 ซึ่งมีบริษัทที่เข้าร่วมเจรจา 2 ราย คือ บริษัท แอ็บบอต แลบอราตอรีส จำกัด เจ้าของยาต้านไวรัสเอดส์ คาเรตต้าสูตรตำรับพิเศษยาเม็ดเคลือบฟิล์มชื่อว่ายาอลูเวีย และบริษัท ซาโนฟี อเวนตีส (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของยาพลาวิกซ์ ซึ่งผลการเจรจาทั้ง 2 บริษัทยังคงยืนข้อเสนอเหมือนเดิมไม่มีข้อเสนอใหม่ใด กล่าวคือ บริษัท แอ๊บบอต แลบอราตอรีส จำกัด ได้ยืนยันราคายาอลูเวีย ที่ 1,000 เหรียญสหรัฐฯ/ปี อีกครั้ง โดยยังไม่รวมค่าส่งและภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งหากได้รวมค่าใช้จ่ายทั้งสองแล้ว จะทำให้มีค่าใช้จ่ายด้านยาที่คิดเป็นเงิน ไทยเท่ากับ 3,488 บาท/คน/เดือน ตามที่เคยเสนอมาก่อนแล้ว ซึ่งมีส่วนต่างถึงเกือบ 300 เหรียญ แถมยังมีเงื่อนไขว่ากระทรวง สาธารณสุขต้องไม่บังคับใช้สิทธิยาด้วย คณะกรรมการฯ เห็นว่าราคายาของแอ็บบอตฯ ยังแพงอยู่และขอให้ลดราคาลงอีก ตามนโยบายของสธ.ว่าหากบริษัทฯ เสนอราคาไม่เกิน 5 % ของราคายาสามัญ กระทรวงฯ ยินดีจะซื้อยาจากบริษัทฯ แต่หากบริษัท เสนอราคาเกินกว่านั้นนิดหน่อย จะต้องมีโครงการพิเศษเพิ่มเติมในลักษณะการกุศลแถมมา สธ.จึงจะรับพิจารณา ซึ่งทางบริษัทฯ รับทราบนโยบายดังกล่าวและจะนำไปพิจารณา และหากพร้อมที่จะลดราคายา ลงเท่ากับที่แจ้งไว้ก็สามารถเสนอราคาใหม่ได้ทันที รวมทั้งคณะกรรมการฯ ได้แจ้ง ราคายาสามัญของยาอลูเวียอยู่ที่ 695 เหรียญสหรัฐฯ/คน/ปี ไม่รวมค่าขนส่งและภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อเป็นฐานอ้างอิง ซึ่งบริษัทฯ รับข้อเสนอด้านราคานี้กลับไปพิจารณาอีกครั้งด้วย นพ.ศิริวัฒน์ กล่าวต่อว่า ส่วนบริษัท ซาโนฟี อเวนตีส (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของยาพลาวิกซ์ ผู้แทนบริษัทฯ มีการเจรจาเพื่อทำความเข้าใจให้ตรงกัน เกี่ยวกับโครงการพิเศษเพื่อขยายการเข้าถึงยาพลาวิกซ์ โดยการจัดเตรียมยาจำนวน 3.4 ล้านเม็ด/ปีที่มีคุณภาพสูงเช่นเดียวกับยาที่จำหน่ายเชิงพาณิชย์ โดยจัดทำในบรรจุภัณฑ์พิเศษ สำหรับผู้ป่วย ราว 34,000 คน ที่อยู่ภายใต้ระบบประกันสังคมและระบบหลักประกัน สุขภาพถ้วนหน้าซึ่งปกติไม่สามารถเข้าถึงยานี้ได้ โดยที่สธ.จะจ่ายเงินเพียง 1 ล้านเม็ด เท่านั้น ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายต่างเห็นชอบในหลักการพื้นฐานของโครงการดังกล่าว แต่คณะกรรมการฯ เห็นว่า หากคิดเป็นค่ายาแล้วพบว่ายายังมีราคาแพงอยู่ คณะกรรมการฯจึงเสนอนโยบายราคายาเช่นเดียวกับที่เสนอให้กับแอ็บบอตฯ ซึ่งทางบริษัทฯ เห็นว่าเรื่องราคายา หรือปริมาณยาที่ต้องการทั้งหมดเป็นเรื่องทางเทคนิครายละเอียด ที่น่าจะมีการพูดคุยในคณะทำงานเฉพาะ ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายเห็นด้วยที่จะให้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อพิจารณาประเด็นต่าง ๆ เพื่อหาข้อยุติให้เป็นที่พอใจของทั้ง 2 ฝ่ายต่อไป นพ.ศิริวัฒน์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ บริษัท เอ็มเอสดี ประเทศไทย จำกัดแม้จะไม่ได้มาร่วมเจรจา แต่มีข้อเสนอของที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงข้อเสนอพิเศษเพื่อขยายโอกาสการเข้าถึงยาเอฟฟาไวเรนซ์ สำหรับเด็กที่ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ด้วยการสนับสนุนยาน้ำเอฟฟาไวเรนซ์ชนิดแขวนตะกอนสำหรับการรักษาเด็กอายุกว่า 3 ปี จำนวน 2,500 คน/ปี พร้อมกับการสนับสนุนงบประมาณการตรวจวินิจฉัยผู้ป่วย และให้การสนับสนุนการฝึกอบรมบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการดูแลรักษาผู้ ติดเชื้อ ซึ่งบริษัทฯ จะได้มีการเสนอรายละเอียดโครงการที่ปรับปรุงให้พิจารณา อีกครั้งในวันที่ 12 มิ.ย.นี้ บริษัทเอ็มเอสดียังคงยืนอยู่ที่ราคาเดิมโดยให้เหตุผลไม่อยากลดราคายาแข่งกับยาสามัญ โดยมองว่าบริษัทยาต้นตำรับที่เป็นผู้วิจัยและพัฒนาการแข่งขันกับบริษัทยาสามัญไม่ใช่จุดเน้น ซึ่งเราก็เข้าใจจึงแจ้งนโยบายให้บริษัทเอ็มเอสดีเช่นเดียวกับอีก 2 บริษัท ส่วนมูลค่าของแถมโครงการยาต้านไวรัสเด็กก็จะต้องมีการพิจารณาต่อไป โดยให้เวลาคณะทำงานเป็นเวลา 2 สัปดาห์ นพ.ศิริวัฒน์ กล่าวด้วยว่า ความคืบหน้าในแง่สาระในวันนี้อาจไม่มีอะไรเพิ่มเติม แต่มีความเข้าใจกันเพิ่มมากขึ้น อย่างแอ็บบอตฯ ถึงแม้จะไม่มีอะไรใหม่ในการประชุมครั้งนี้ รวมทั้งยังไม่มีการขึ้นทะเบียนยา 7-8 ชนิด ที่มีการถอนการขึ้นทะเบียนก่อนหน้านี้ แต่ก็มีความกระตือรือร้นที่จะเข้าร่วมเจรจามากขึ้น และเมื่อได้รับทราบนโยบายของสธ.ครั้งนี้ อนาคตจึงน่าจะมีข้อเสนอโครงการพิเศษที่น่าสนใจมาเสนอกระทรวงฯ เมื่อถามว่า ได้มีการแจ้งให้ทั้ง 3 บริษัททราบหรือไม่ว่า สธ.จะต้องตัดสินใจซื้อยาทั้งที่มีการบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร ทั้ง 3 รายการ ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ หรือไม่ นพ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า คณะเจรจาฯ ไม่ได้มีการแจ้งเรื่องนี้ให้กับบริษัทยาทราบ เนื่องจากบริษัทยาอาจเข้าใจว่า เป็นการขู่มากเกินไป ทำให้บรรยากาศในการเจรจาที่เป็นไปอย่างสร้างสรรค์ เกิดความเข้าใจและมีการร่วมมือกันมากขึ้น สะดุดลงได้ **ยอดเบิกยานอกบัญชีพุ่งสูงลิ่ว วันเดียวกันนายปิยพันธุ์ นิมมานเหมินท์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ผลจากการตรวจสอบ พบว่ามีการเบิกค่ายาจากบัญชียานอกบัญชียาหลักแห่งชาติเป็นจำนวนมาก ซึ่งต้องสั่งซื้อจากต่างประเทศและมีราคาแพง และที่สำคัญ คือ จากการวิเคราะห์เชิงวิชาการจากข้อมูลที่ได้รับ พบว่า มีผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัวเป็นกลุ่มที่ได้รับยาที่ไม่จำเป็น ยาบางชนิดยังไม่ได้รับการพิสูจน์ประสิทธิผลการรักษา สรรพคุณไม่ชัดเจน ไม่มีข้อบ่งชี้ ค่าใช้จ่ายสูง และได้รับความเสี่ยงจากการใช้ยา ซึ่งนำไปสู่ภาวะสุขภาพที่แย่ลง เช่น เกิดอันตรายจากการ ใช้ยา เกิดอาการข้างเคียงจากการใช้ยาที่ไม่ใช่จากโรคที่เป็น และยังนำไปสู่ภาวะเชื้อดื้อยาซึ่งเป็นปัญหาระดับโลก อธิบดีกรมบัญชีกลางกล่าวเพิ่มเติมว่า การที่ต้องมีบัญชียาหลักฯ เพราะมีการใช้ยาเกินความจำเป็น การใช้ยาในปีหนึ่ง ๆ มีมูลค่าสูงหลายหมื่นล้านบาท โดยในปี 2549 งบประมาณด้านการรักษาพยาบาลสูงถึง 37,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2548 ถึง 25.95% ในขณะที่อัตราการเพิ่มของงบประมาณก่อนหน้านี้ (ค่ารักษาพยาบาลปี 2543 2548) จะเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยปีละ 11.52% จึงเห็นได้ว่าเป็นการสูญเสียเงินตราออกนอกประเทศในการนำเข้ายาสำเร็จรูปและวัตถุดิบจำนวนมาก จากปัญหาดังกล่าว จึงได้มีการตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาความเป็นไปได้เกี่ยวกับการกำหนดขั้นตอนการเบิกค่ายานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ ที่ให้เป็นดุลยพินิจของคณะกรรมการแพทย์ของโรงพยาบาลรับรองเพื่อประกอบการเบิกค่ายา ซึ่งอาจมีความแตกต่างกันในแต่ละโรงพยาบาลในการรับรอง โดยจะมีการกำหนดบัญชียานอกบัญชียาหลักแห่งชาติที่เบิกจ่ายได้ให้โรงพยาบาลใช้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อป้องกันการใช้ดุลยพินิจที่มีความแตกต่างกัน และมากำหนดเป็นบัญชียาหลักแห่งชาติฉบับใหม่ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการประมวลผล ทั้งนี้ คาดว่า สธ.จะประกาศใช้ปลายปี 2550 นี้ และกรมบัญชีกลางจะใช้บัญชียาหลักดังกล่าวอ้างอิงในการเบิกจ่ายเท่านั้น โดยที่บัญชียาหลักดังกล่าวต้องมีความครอบคลุมการรักษาทุกโรคและมีการปรับปรุงอย่างสม่ำเสมอ ทันต่อการเปลี่ยนแปลง โดยคำนึงถึงคุณภาพชีวิตที่ดี และไม่กระทบสิทธิการเบิกค่ารักษาพยาบาลของผู้มีสิทธิและบุคคลในครอบครัว หากจะมีการประกาศใช้กรมบัญชีกลางจะแจ้งให้ผู้มีสิทธิทราบล่วงหน้า รวมทั้งแจ้งโรงพยาบาลเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนด้วย
โดย
keng56
พฤหัสฯ. มิ.ย. 07, 2007 12:22 am
0
0
อเมริกาเล่นแรงจริงๆครับ ...
มุกใหม่สหรัฐฯช่วยพัฒนาไอทีส่งซิกบีบไทยห้ามใช้CLยาเพิ่ม ผู้จัดการรายวัน:ในประเทศ-การเมือง 05/06/2007 21:38:58 สหรัฐฯ มามุขใหม่ เสนอตัวช่วยเหลือไทยด้านการพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญา แทนรุกให้เร่งปราบปรามเพียงอย่างเดียว แต่ลึกๆ กลับส่งสัญญาณ ไม่ให้ไทยใช้ซีแอลอีก หากเห็นว่ายาราคาแพง และคนไทยเข้าไม่ถึงยา ให้ใช้กฎหมายการแข่งขันทางการค้าแก้ปัญหาแทน สธ.ต่อรองราคายาอีกรอบวันนี้ กรมควบคุมโรค เชียร์ซื้อยาเมิร์ก แถมยาเอดส์เด็กสมน้ำสมเนื้อ เผยมียอดผู้ป่วยเด็ก 3,000 ราย จำเป็นต้องได้รับยาต้านไวรัส ระบุยาน้ำเอฟฟาไวเรนท์ กินง่าย ผลข้างเคียงน้อยเหมาะกับเด็ก นางพวงรัตน์ อัศวพิศิษฐ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับรองปลัดกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯด้านทรัพย์สินทางปัญญาว่า สหรัฐฯเสนอที่จะให้ความช่วยเหลือไทยในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญา เช่น การฝึกอบรมผู้ตรวจสอบสิทธิบัตร การเชื่อมโยงฐานข้อมูลระหว่างกัน เพื่อให้ระบบทรัพย์สินทางปัญญาของไทยมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงติดตามถึงการแก้ไขปัญหาด้านทรัพย์สินทางปัญญาของไทย อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หารือถึงกรณีที่ไทยถูกจัดให้อยู่ในบัญชีประเทศที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ (พีดับบลิวแอล) ด้านทรัพย์สินทางปัญญา ตามกฎหมายการค้า มาตรา 301 พิเศษแต่อย่างใด รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า การหารือดังกล่าวสืบเนื่องมาจากการประชุมระหว่างสหรัฐฯ และอาเซียน ซึ่งสหรัฐฯเสนอให้ความช่วยเหลืออาเซียน รวมถึงไทยในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา ไม่ได้เกิดขึ้นหลังจากที่ไทยอยู่ในบัญชีพีดับบลิวแอล ซึ่งการเสนอความช่วยเหลือครั้งนี้เป็นแนวทางใหม่ที่สหรัฐฯยังไม่เคยดำเนินการมาก่อน จากก่อนหน้านี้ สหรัฐฯต้องการให้ไทยเร่งปราบปราม และป้องกันการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯในไทยเท่านั้น สำหรับการหารือครั้งนี้ สหรัฐฯได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษถึงกรณีที่ไทยอยู่ระหว่างการว่าจ้างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายแข่งขันทางการค้าพ.ศ.2542 ให้สอดคล้องกับกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อให้เกิดความสมดุล และความเป็นธรรมกับทั้งผู้บริโภค และเจ้าของสิทธิ อย่างไรก็ตาม แม้สหรัฐฯไม่ได้แจ้งว่าต้องการให้ไทยปรับปรุงแก้ไขกฎหมายแข่งขันทางการค้าอย่างไร แต่เชื่อว่า สหรัฐฯไม่ต้องการให้ไทยประกาศบังคับใช้สิทธิ (ซีแอล) ผลิตหรือนำเข้ายาที่มีสิทธิบัตรคุ้มครองในกรณีที่ยามีราคาแพง และผู้ป่วยไทยไม่สามารถเข้าถึงยาได้ แต่หากไทยต้องการซื้อยาราคาถูก นอกเหนือจากการเจรจากับบริษัทผู้ผลิตยาแล้ว ก็อาจใช้กฎหมายแข่งขันทางการค้ามากกว่าการประกาศซีแอล ทั้งนี้เพราะกฎหมายแข่งขันทางการค้าจะครอบคลุมถึงเรื่องการกำหนดราคาที่ต้องไม่สูงเกินไป เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้บริโภค อีกทั้งยังมีเกณฑ์อำนาจเหนือตลาด ซึ่งหากไทยเห็นว่า ผู้ผลิตผู้นำเข้ายามีอำนาจเหนือตลาด และผูกขาดยาแต่เพียงผู้เดียว ก็สามารถใช้กฎหมายดังกล่าวจัดการได้ทันที คาดว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะศึกษาแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้ และจะเสนอให้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายแข่งขันทางการค้าต่อไป ส่วนรัฐบาลจะเห็นด้วยหรือไม่ก็เป็นเรื่องของรัฐบาล กรมทรัพย์สินทางปัญญามีหน้าที่เสนอแนะเท่านั้น วันเดียวกันนพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) และในฐานะประธานคณะกรรมการเจรจาต่อรองราคายาจำเป็นที่มีสิทธิบัตร กล่าวว่า การเจรจาต่อรองราคายาราคายาจำเป็นที่มีสิทธิบัตร ครั้งที่ 4 ในวันนี้(มิ.ย.) ได้เชิญตัวแทนบริษัทยาทั้งหมดเข้าร่วมการเจรจาคือ บ.แอ็บบอต แลบอรสตอรีส จำกัด และบริษัท ซาโนฟี อเวนตีส (ประเทศไทย) จำกัด ยกเว้นบริษัทเอ็มเอสดี (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของยาต้านไวรัสเอฟฟาไวเรนท์ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาโครงการพิเศษ ช่วยเหลือยาต้านไวรัสสำหรับเด็ก 2,500 คนฟรี รวมทั้งบริษัทโนวาตีสที่ก่อนหน้านี้เสนอข้อเสนอในการขายยารักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ชื่อทางการค้าว่า กลิวิก (Glivec) ด้วย นพ.ศิริวัฒน์ กล่าวต่อว่า การเจรจาครั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขยังคงเปิดกว้าง ให้มีการต่อรองราคายา โดยยึดนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่ระบุว่าจะซื้อยาต้นแบบหากราคายามีส่วนต่างกับยาสามัญไม่เกินร้อยละ 5 จึงจะรับพิจารณา ซึ่งทางคณะกรรมการฯ ไม่ได้เสนอข้อต่อรองเป็นพิเศษกับทางบริษัทยา เพราะคงต้องอยู่ที่บริษัทยาจะต้องเป็นผู้พิจารณาเสนอราคาที่สมเหตุสมผลและได้ประโยชน์ร่วมกัน สำหรับโครงการยาเอดส์สำหรับเด็กที่ขณะนี้กำลังศึกษาผลดี ผลเสีย รวมทั้งมูลค่าราคายาเมื่อนำมารวมกับยาเอฟฟาไวเรนท์จะต้องเข้าเกณฑ์คือสูงกว่าราคายาสามัญไม่เกิน 5% และต้องคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านเอดส์ในเด็กด้วยว่ายาดังกล่าวมีความจำเป็นหรือไม่ เพราะของแถมที่เสนอให้ถึงจะฟรีแต่ก็ต้องใช้ประโยชน์ได้ รวมทั้งตัวเลขที่แท้จริงว่ามีมากน้อยเพียงใด หากเกินกว่า 2,500 ราย ก็ต้องเจรจาเพิ่มจำนวนยามากขึ้น อย่างไรก็ดีขณะนี้บริษัทยังไม่มีการนำมาขึ้นทะเบียนยากับทาง อย. นพ.ศิริวัฒน์กล่าวอีกว่า ส่วนค่าตอบแทนสิทธิบัตรยาให้กับบริษัทเอ็มเอสดี ตามกฎหมาย โดยที่ไทยมีการสั่งซื้อยาเอฟฟาไวเรนท์ไปแล้วนั้น ยังคงต้องมีการเจรจากันใหม่อีกครั้ง ส่วนจะรับหรือไม่รับหรือจะเรียนร้องเท่าใดนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่น่าจะยืดเยื้อยังไม่ได้ข้อยุติ เนื่องจากเอ็มเอสดีไม่ต้องการรับค่าชดเชยแต่ต้องการให้เลิกบังคับใช้สิทธิเหนือสิทธิบัตร ดังนั้นในการประชุมครั้งหน้าก็จะมีการเชิญบริษัทเอ็มเอสดีฯ มาร่วมประชุมอีกครั้งหนึ่ง ด้านนพ.ธวัช สุนทราจารย์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โครงการยาเอดส์สำหรับเด็ก 2,500 คน ที่เป็นการแถมฟรีของบริษัทเมิร์ก เป็นยาเอฟฟาไวเรนท์ชนิดน้ำ ซึ่งมีผู้ป่วยเด็กที่ติดเชื้อเอสไอวีที่ติดจากแม่สู่ลูกประมาณ 3,000 ราย ซึ่งอยู่ในข่ายจำเป็นต้องได้รับยาต้านไวรัส ปัจจุบันต้องใช้ยาจีพีโอเวียร์บดให้กับเด็กซึ่งเป็นวิธีที่ยุ่งยาก การรับประทานยาน้ำจะช่วยให้รับประทานง่ายยิ่งขึ้น รวมทั้งมีผลข้างเคียงน้อย เหมาะสำหรับเด็ก จึงนับว่าเป็นข้อเสนอที่ดี ความเห็นส่วนตัวมองข้อเสนอของเมิร์กครั้งนี้ หากสธ.ตัดสินใจซื้อยาเอฟฟาไวเรนท์ของเมิร์ก ก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อ เนื่องจากราคายาลดลงมากหากลดมากกว่านี้ก็อาจส่งผลต่อธุรกิจ เห็นใจทุกฝ่าย แต่ถ้าไทยไม่ทำซีแอลก็จะไม่ได้ยาในราคานี้ สำหรับยาต้านไวรัสเอดส์ชนิดยาสำหรับเด็ก สามารถคำนวณราคายาในฐานเดียวกับยาชนิดเม็ด ซึ่งยาน้ำทำยากกว่า ทำให้มีราคาแพงกว่ายาเม็ด อีกทั้งยาน้ำเป็นยาที่ผลิตเพื่อเด็กผลข้างเคียงน้อยกว่าและสรรคุณดีกว่ายาที่ใช้อยู่ในขณะนี้
โดย
keng56
พุธ มิ.ย. 06, 2007 12:22 am
0
0
สหพัฒน์ กุมขมับ คาดรายได้ทั้งเครือหาย6.5พันล้าน
รากหญ้าไม่แข็งแรงแล้วต้นหญ้าจะแข็งแรงได้อย่างไร แล้วถ้ารากหญ้าตายต้นหญ้าทำไงล่ะทีนี้..... :roll:
โดย
keng56
อังคาร มิ.ย. 05, 2007 11:30 pm
0
0
web ของ คุณ rockriverarm ถูกปิดครับ
[quote="qingwen"][quote="ลูกไม่ท้อ"]เห็นว่ารัฐบาลที่แล้ว สั่งปิดเว็บไปประมาณหมื่นกว่าเว็บ รัฐบาลนี้ก็เพิ่งสั่งปิดไปไม่ถึงร้อยเว็บ
โดย
keng56
อังคาร พ.ค. 29, 2007 11:36 pm
0
0
คนนอนดึก
1โหล12...2โหล24..... :lol:
โดย
keng56
เสาร์ พ.ค. 26, 2007 1:06 am
0
0
คนนอนดึก
แวะมาทักสักหน่อย เจ้าสำนักแวะมารับแขกแล้ว... 8)
โดย
keng56
พฤหัสฯ. พ.ค. 24, 2007 12:52 am
0
0
คนนอนดึก
ตีตั๋วนอนดึก..รอดูบอลครับ.. 8)
โดย
keng56
พฤหัสฯ. พ.ค. 24, 2007 12:48 am
0
0
วันนี้รู้สึกตื่นเต้นจังแฮะ
รอลุ้นครับ เดี๋ยวต้องไปหาเสบียงซักหน่อย.... :lvp: :lvp: :lvp:
โดย
keng56
พุธ พ.ค. 23, 2007 11:33 pm
0
0
Liverpool FC, แฟนหงส์ The Kop ทั้งหลายมาทางนี้
เจอมิลานอัดกลาง 5 ตัวก็น่าจะดี.....หรือให้เจิดเป็นหน้าต่ำไปเลยแต่ลงมาช่วยกลางได้.. :roll:
โดย
keng56
จันทร์ พ.ค. 21, 2007 5:27 pm
0
0
cp7-11 ปรับเปลี่ยนโครงสร้างการถือหุ้น ใน SLS แล้วครับ
ใช้เงิน ไม่ถึง 4000 ล้านบาทของ cpg ได้กำไรใน cp7-11 หลายหมื่นล้าน นับถือจริงๆ คงเป็นวิธีหาเงินไปโปะขาดทุนมั๊งครับ....เจ้าไหนรึจะสู้เจ้าสัว.. :lol:
โดย
keng56
ศุกร์ พ.ค. 18, 2007 12:41 pm
0
0
วันนี้ทำไม finance มาแรงจัง
กลุ่มนี้มาแสดงว่าใกล้หมดรอบ... :lol:
โดย
keng56
พฤหัสฯ. พ.ค. 17, 2007 5:36 pm
0
0
ทานวิตามินที่เป็นเม็ดมีผลดี/ผลเสีย อย่างไรบ้างครับ
โด๊ปวิตามินรวมเกินขนาดเสี่ยงสูง มะเร็งต่อมลูกหมากระยะลุกลาม ผู้จัดการรายวัน SECTION3:360 องศา รอบโลก 17/05/2007 10:44:06 เอเจนซี - ผลวิจัยระบุผู้ชายที่กินวิตามินรวมเกินขนาด อาจมีความเสี่ยงเพิ่มในการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากขั้นร้ายแรง โดยเฉพาะกลุ่มที่มีประวัติคนในครอบครัวเคยเป็นโรคนี้มาก่อน คนนับล้านกินวิตามินรวมเพราะเชื่อว่าเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ แม้มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์น้อยมากว่า วิตามินรวมช่วยป้องกันโรคเรื้อรัง นักวิจัยจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติของสหรัฐฯ พบว่า ผู้ชายที่กินวิตามินรวมเกินปริมาณที่แนะนำ คือมากกว่า 7 เม็ดต่อสัปดาห์ มีความเสี่ยงมากขึ้น 30% ในการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากระยะลุกลาม นักวิจัยติดตามผลผู้ชาย 295,344 คน ภายในระยะเวลากว่า 5 ปี เพื่อศึกษาว่ามีความเกี่ยวโยงระหว่างการใช้วิตามินรวมกับมะเร็งต่อมลูกหมากหรือไม่ โดย 1 ใน 3 กินวิตามินรวมวันละเม็ด และอีก 5% กินมากกว่า 7 เม็ดต่อสัปดาห์ ปรากฏว่าภายในระยะติดตามผล ผู้ชาย 10,241 คนถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ในจำนวนนี้1,746 คนเป็นมะเร็งระยะลุกลาม, 8,765 คนเป็นระยะเริ่มต้น และ 179 คนเสียชีวิต ดร.ไมเคิล เลซแมนน์ ผู้ทำการศึกษาเรื่องนี้เผยว่า ไม่พบความเกี่ยวพันระหว่างวิตามินรวมกับมะเร็งต่อมลูกหมากระยะเริ่มต้น แต่พบความเกี่ยวพันกับมะเร็งที่ลุกลามจากต่อมลูกหมากไปยังส่วนอื่นๆ ซึ่งเป็นไปได้ว่าการกินวิตามินรวมเกินขนาดอาจส่งผลน้อยมาก แต่จะส่งผลรุนแรงเมื่อเนื้อร้ายปรากฏขึ้น โดยการกระตุ้นให้เนื้อร้ายนั้นลุกลาม ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ระบุว่า ในกลุ่มผู้ชายที่กินวิตามินรวมมากเกินไป จะมีความเสี่ยงของมะเร็งที่มีความรุนแรงของโรคเพิ่มขึ้น 1 ใน 3 และเพิ่มขึ้นสองเท่าสำหรับมะเร็งต่อมลูกหมากที่ร้ายแรงถึงชีวิต ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับคนที่ไม่กินวิตามินรวมเลย นักวิจัยกล่าวว่า ความเกี่ยวพันดังกล่าวชัดเจนขึ้นในกลุ่มศึกษาที่มีคนในครอบครัวเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก และผู้ชายที่กินผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ประกอบด้วยซีเลเนียม, เบตาแคโรทีน และสังกะสี ปัจจุบัน ยังไม่มีรายงานการศึกษาฉบับใดที่พบว่า คนเราได้ประโยชน์จากการกินวิตามินรวมและแร่ธาตุ ขณะที่งานศึกษาบางฉบับกลับพบว่า วิตามินเอและธาตุเหล็กมีฤทธิ์เป็นพิษในระดับสูง ทั้งยังพบว่าเบตาแคโรทีนเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งปอดในผู้สูบบุหรี่ เลซแมนน์เสริมว่า ยังไม่สามารถระบุได้ว่า สารประกอบตัวใดในวิตามินหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่กระตุ้นมะเร็ง และจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป แต่ประเด็นสำคัญคือ ควรกินวิตามินตามปริมาณที่ระบุไว้ข้างขวดอย่างเคร่งครัด
โดย
keng56
พฤหัสฯ. พ.ค. 17, 2007 1:00 pm
0
0
เคยเป็นมะ ... แบบนี้อะครับ
ขอบคุณครับ ผมก็พยายามไม่เปิดหน้าจอเทรดครับ กลัวมือกดขายเองไม่รู้ตัว ตั้ง PIN ยาวๆ จะได้กดขายยากๆ ......แวะมาให้กำลังใจครับ.. :wink:
โดย
keng56
พฤหัสฯ. พ.ค. 17, 2007 2:26 am
0
0
เขาว่าแผ่นดินไหว
เกิดอาฟเตอร์ช็อคแล้ว 4.7 ริคเตอร์ เตือนปชช.ห่างจากจุดอันตรายไว้ก่อน IQ ข่าวทั่วไป 16/05/2007 18:02:30 กรมอุตุนิยมวิทยาเผยเกิดอาฟเตอร์ช็อคขนาด 4.7 ริคเตอร์เมื่อเวลาประมาณ 17.10 น. ในจุดเดิมที่เกิดแผ่นดินไหวเมื่อเวลา 15.57 น. และล่าสุดยังไม่มีรายงานความเสียหาย ประธานศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ระบุเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่รู้สึกแรงสั่นสะเทือนได้หลายพื้นที่ในประเทศจะเกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน แต่ไม่มีใครรู้ได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด ขณะที่อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เตือนประชาชนอยู่ห่างจากบริเวณใต้อาคารที่อาจเกิดอันตรายได้หากเกิดแผ่นดินไหว โดยเฉพาะจุดที่มีกระจก เหตุอาฟเตอร์ช็อคดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเกิดแผ่นดินไหวประมาณ 6.1 ริคเตอร์เมื่อเวลาประมาณ 15.57 น.ซึ่งศูนย์กลางอยู่บริเวณพรมแดนลาว-พม่า ห่างจาก จ.เชียงราย ประมาณ 95 กิโลเมตร หรือละติจูดที่ 21.1 องศาเหนือ ลองจิจูดที่ 100.32 องศาตะวันออก ลึกจากพื้นดิน 33 กิโลเมตร มีรายงานความรู้สึกสั่นไหวที่หลายจังหวัดทางภาคเหนือ และบนอาคารสูงในกรุงเทพมหานคร นายสมิทธ ธรรมสโรช ประธานศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่รู้สึกได้หลายพื้นที่ในประเทศจะเกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน แต่ไม่มีใครรู้ได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด ซึ่งทางศูนย์เตือนภัยฯ กำลังเตรียมพร้อมจะออกประกาศเตือนภัยอย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้ เพราะคาดว่าจะมีออฟเตอร์ช็อคตามมา ซึ่งอาคารที่มีรอยร้าวอาจจะเกิดอันตรายหรือแผ่นดินที่มีความชุ่มน้ำอาจถล่มลงมาได้ "เหตุการณ์ทำนองนี้จะเกิดขึ้นอีกแน่นอน แต่ไม่ทราบว่าเมื่อไหร่" นายสมิทธ กล่าว นายสมิทธ กล่าวว่า เหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในช่วงบ่ายวันนี้ถึง 6.1 ริคเตอร์ถือว่ามีความรุนแรงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ภาคเหนือ ซึ่งเป็นการเกิดตามแนวรอยเลื่อนแม่จันที่พาดผ่านจากเชียงรายมาถึงเชียงใหม่ โดยก่อนหน้านี้มีเหตุแผ่นดินไหวในแนวรอยเลื่อน ดังกล่าว 2 ครั้ง โดยครั้งแรกเกิดขึ้นขนาด 2 ริคเตอร์เมื่อเวลา 02.00 น.ของวันที่ 15 พ.ค.ที่ อ.แม่สรวย จ.เชียงใหม่ และต่อมาเมื่อเวลา 21.00 น.ของวันที่ 15 พ.ค.ขนาด 5.2 ริคเตอร์ในเขตประเทศลาว นายศุภฤกษ์ ตันศรีรัตนวงศ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวเป็นภัยธรรมชาติที่ไม่อาจพยากรณ์ได้ว่า จะเกิดขึ้นเมื่อใด แต่จะรู้เมื่อเกิดขึ้นแล้วเท่านั้น รวมทั้งการเกิดอาฟเตอร์ช็อคเช่นกัน ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา 4.7 ริคเตอร์แต่ไม่ได้เกิดผลกระทบถึงไทย ดังนั้นประชาชนควรจะระมัดระวังหากเกิดแผ่นดินไหว เหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดจากรอยเลื่อนที่เปลือกโลกที่ยังมีพลังงานอยู่จากบริเวณจีนตอนใต้พาดผ่านลงมาถึงบริเวณชายแดนไทย-ลาว-พม่า เชื่อว่าเขตกทม.อาจไม่ได้รับแรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงมากนัก เพราะไมได้อยู่ในแนวรอยเลื่อน เพียงได้รับอิทธิพลเท่านั้น แต่เหตุที่ในกทม.รับความรู้สึกได้จากเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวเนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นตึกสูง และมีสภาพดินอ่อน เจ้าหน้าที่ กรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานว่าประชาชนที่อยู่บนอาคารสูงในหลายพื้นที่ของกทม.รับรู้แรงสั่นสะเทือนจากเหตุแผ่นดินไหว ทั้งเขตคลองเตย เพชรบุรี, สีลม, เพลินจิต และพหลโยธิน เป็นต้น ขณะที่มีรายงานข่าวว่าอาคารหลายแห่งบริเวณอ.เชียงของ ซึ่งใกล้กับศูนย์กลางแผ่นดินไหว และบางพื้นที่ในจ.เชียงราย เกิดรอยร้าว และมีเศษปูนแตกออกมา พระธาตุจอมกิตติได้รับความเสียหาย แต่ไม่มีผู้ใดได้รับอันตราย
โดย
keng56
พุธ พ.ค. 16, 2007 6:05 pm
0
0
อเมริกาเล่นแรงจริงๆครับ ...
ยังงี้ต้องทำสารคดีผู้ที่ต้องทนทุกข์ทรมานด้วยโรคเอดส์ในประเทศไทยเผยแพร่ทั่วโลก....เพื่อเรียกคะแนนสงสารจากชาวโลก.. 8)
โดย
keng56
ศุกร์ พ.ค. 11, 2007 1:36 am
0
0
Liverpool FC, แฟนหงส์ The Kop ทั้งหลายมาทางนี้
:cheers: :cool: :cheers:
โดย
keng56
พุธ พ.ค. 02, 2007 5:49 pm
0
0
ศก.หัวทิ่ม-นำเข้าทรุดกดจีดีพี !!!!
คุณ thawattt วิเคราะห์ได้โดนใจดีครับ... :idea:
โดย
keng56
พฤหัสฯ. เม.ย. 26, 2007 11:30 pm
0
0
Chelsea [1 - 0] Liverpool
ดูเกมเมื่อคืนแล้วคิดถึงฟินแนนจัง... :(
โดย
keng56
พฤหัสฯ. เม.ย. 26, 2007 11:21 pm
0
0
ไม่น่าเชื่อว่าคนไทยเราจะตายเพราะความร้อนแบบคนยุโรป
ผู้เฒ่าวัย70 ปี ร้อนจัด เป็นลมเสียชีวิต ขณะลงจากรถเข้าซอยที่ ต.วังตระกู อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร ร.ต.ท. วุฒิศักดิ์ พันธุ์ยุทธพงษ์ ร้อยเวร สภ.อ.เมือง ได้รับแจ้ง พบศพผู้เสียชีวิต บริเวณถนนสายบางมูลนาก-วังตระกู หมู่ที่ 1 ต.วังตระกู อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุพบชายชรา นอนเสียชีวิตทราบชื่อคือ นายพัง โตคำ อายุ 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21 หมู่ที่ 1 บ้านวังตระกู ต.วังตระกู อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร จากการสอบสวนชาวบ้านที่พบเห็นในเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเสียชีวิต นายพัง ได้เดินทางไปเยี่ยมญาติที่โรงพยาบาลบางมูลนาก ขณะขึ้นรถสองแถวกลับบ้านได้บ่นกับคนในรถสองแถวว่าวันนี้อาการร้อนมากกว่าทุกวัน ขณะมาถึงซอยเข้าบ้านและจะลงรถสองแถว นายพัง ได้ล้มลงเนื่องจากเป็นลมเพราะอากาศร้อนและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
โดย
keng56
พฤหัสฯ. เม.ย. 26, 2007 12:18 am
0
0
ไม่น่าเชื่อว่าคนไทยเราจะตายเพราะความร้อนแบบคนยุโรป
วันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10637 แม่เฒ่าร้อนตายกลางทุ่ง เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 24 เมษายน ร.ต.ท.วิบูลย์ เจริญรัตน์ ร้อยเวร สภ.อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ รับแจ้งพบคนเสียชีวิตกลางทุ่ง ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพบศพนางจันทร์ ทัศบุตร อายุ 73 ปี อยู่เลขที่ 4 หมู่ 5 ต.หนองมะแซว อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ สอบสวนนายพัด อิ่มบุญสุ สามีให้การว่า ผู้ตายร่างกายแข็งแรง กลางวันออกไปอาบน้ำที่สระห่างจากหมู่บ้าน 300 เมตร ขากลับเดินลัดทุ่งมาท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าว และล้มฟุบลง นพ.อนิวัฒน์ เสงียมศักดิ์ แพทย์เวรประจำโรงพยาบาลอำนาจเจริญ กล่าวว่า สาเหตุน่าจะมาจากอากาศที่ร้อนจัด 42-43 องศาเซลเซียส ประกอบกับผู้ตายมีอายุมาก ทนต่อความร้อนไม่ไหว เป็นเหตุให้หมดสติและเสียชีวิต ซึ่ง จ.อำนาจเจริญ มีผู้สูงอายุเสียชีวิตจากอากาศร้อนหลายรายแล้ว จึงฝากเตือนประชาชนหากเป็นไปได้ไม่ควรออกไปตากแดด
โดย
keng56
พฤหัสฯ. เม.ย. 26, 2007 12:13 am
0
0
รู้สึกเห็นใจ มูลินธิวัดสวนแก้วครับ
น่าจะทำจตุคามรามเทพออกให้เช่า รวบรวมเงินอีกครั้ง ซื้อที่ดินนี้จากเจ้าของจริง ส่วนคนที่ขายให้ ผมไม่แน่ใจว่าทางพุทธจะต้องตกนรกหมกไหม้หรือไม่ เพราะของของตนก็ไม่ใช่แต่เอาไปขาย ได้เงินมาก็ไม่ต่างจากฉ้อโกง แต่ไหนแต่ไรมาวัดนี้ไม่เคยมีนโยบายทำวัตถุมงคลให้เช่าครับ...ท่านจะเน้นให้คนใช้หลักธรรมเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจแทนที่จะใช้วัตถุครับ.. 8)
โดย
keng56
พุธ เม.ย. 11, 2007 6:49 pm
0
0
คุณว่า PB จะไปได้ไกลเหมือน TF หรือ ปล่าว
รสกาแฟครับ ...เพิ่งลองกินดูก็อร่อยใช้ได้....ผมแค่สงสัยว่าทำไมมันมีหลายราคาจัง.....ปกติที่ซื้อประจำจะเป็นขนมปังไส้ถั่วแดงกับไส้เผือกไซส์เล็กอันละ5บาท แต่ไซส์นี้เคยไปดูตาม7-11ไม่มีขาย ใน7-11จะมีแต่อันละ9บาท....ก็เลยคิดว่าเค้าอาจจะทำในลักษณะเดียวกันคือทำอันเล็กลงในราคาที่ย่อมเยาลงเพื่อขายตามตลาดต่างจังหวัด... 8)
โดย
keng56
อังคาร เม.ย. 10, 2007 12:56 am
0
0
คุณว่า PB จะไปได้ไกลเหมือน TF หรือ ปล่าว
เผอิญวันนี้ได้มีโอกาสไปเดินห้างพอดีเลยครับ เค้กโรลของ PB ที่ผมเห็น 12 บาทนะครับ ระวังร้านเค้าเอาเปรียบโดยไม่รู้ตัวนะครับ วันนี้ซื้อเค้กโรลฟาร์มเฮาส์มา(ซื้อร้านโชวห่วยหน้าตลาด)..ทำไมมัน 10 บาทเองอะ....หรือว่ามันมีหลายขนาดเหมือนหนมปังสอดไส้ที่ในห้างอันละ 9 บาท แต่ตามตลาดอันเล็กกว่า 5 บาท... :roll: :roll: :roll:
โดย
keng56
จันทร์ เม.ย. 09, 2007 11:13 pm
0
0
UCL (QF) Roma - Man. United
คืนนี้ขอเชียร์ผี...อยากดูแดงเดือดนัดชิง.. :pray:
โดย
keng56
พุธ เม.ย. 04, 2007 2:38 pm
0
0
UCL (QF) PSV - Liverpool
วันนี้อยากเสมอแบบมีสกอร์จัง... :wink:
โดย
keng56
พุธ เม.ย. 04, 2007 12:27 am
0
0
ขอคำแนะนำที่เที่ยวค่ะ
ปกติช่วงกลางเดือนมิ.ย.-สิ้นเดือนก.ค. มรสุมจะเบาๆลงเยอะ ฝนมักทิ้งช่วงเนื่องจากร่องมรสุมจะเลื่อนเลยประเทศไทยขึ้นไปแถวจีนตอนใต้.....สามารถไปเที่ยวทะเลได้ครับ..เพียงแต่ฟ้าอาจไม่ใสเหมือนช่วงฤดูท่องเที่ยว.....ข้อดีอีกอย่างของช่วงนี้คือบรรดาโรงแรม รีสอร์ท ที่พักต่างๆลดกระหน่ำครับ.. 8)
โดย
keng56
พุธ เม.ย. 04, 2007 12:24 am
0
0
สงกรานต์ปีนี้ ?????
กรุงเทพน่าอยู่ที่สุดก็ช่วงสงกรานต์นี่ล่ะครับ... 8)
โดย
keng56
อังคาร เม.ย. 03, 2007 5:53 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
keng56
อังคาร เม.ย. 03, 2007 12:38 pm
0
0
282 โพสต์
of 6
ต่อไป
ต่อไป
ชื่อล็อกอิน:
keng56
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
งานอดิเรก:
vi
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
อังคาร ก.ค. 11, 2006 3:55 pm
ใช้งานล่าสุด:
อังคาร ม.ค. 17, 2012 12:52 am
โพสต์ทั้งหมด:
431 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.02% จากโพสทั้งหมด / 0.06 ข้อความต่อวัน)
ลายเซ็นต์
jshgsgh
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว