Re: ผลการลงทุนปี 2558 เป็นอย่างไรกันบ้างครับ ปี 2015 ขาดทุนไป -0.14% ลุ้นๆว่าจะไม่ขาดทุนแล้วเชียว :? ปีนี้มีพลาดหลักๆคือการปรับพอร์ตไปในตัวที่มีความเสี่ยงมากขึ้นและสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นตามที่ประเมินไว้ครับยังดีที่ หุ้นตัวหลักในพอร์ตที่ถือลงทุนมาหลายปียังเติบโตได้ดีอยู่ครับ โดย Sumotin จันทร์ ม.ค. 04, 2016 3:45 pm

Re: ส่อเค้าแล้ว วิกฤตครั้งใหม่เริ่มที่ไหน ผมว่ายากนะครับที่จะเป็นอย่างนั้น เรื่องราคาน้ำมันจะบอกว่า OPEC ลดกำลังการผลิตแล้วราคาสูงขึ้นจะเป็นผลดีต่อ OPEC ก็อาจจะไม่ใช่นะครับ ถ้าอัตราส่วนการเพิ่มเข้ากับลดลงเป็นแบบ 1:1 ก็จะทำให้ได้เม็ดเงินเท่าเดิมและยังไปเปิดช่องใน ผู้ผลิตที่ต้นทุนสูงกว่ามีโอกาสอยู่รอดด้วย ซาอุคงมีแผนการอยู่แล้วครับ ถ้ามันต่ำนานๆจริงก็ต้องลดรายจ่ายลง แต่ในข่าวเขียนว่าขาดทุนจากน้ำมันตกผมว่าสื่อสารผลิตนะครับ เพราะไม่มีทางขาดทุนแน่นอน ต้นทุน ซาอุนี่ระดับต่ำสุดต้นๆของโลกเลย สิ่งที่ลดลงคือส่วนต่างกำไรมากกว่าครับ จริงๆเคยทราบมาว่าการวางงบประมาณของประเทศในกลุ่ม ME มาจากการคาดการณ์การผลิตน้ำมัน และราคาด้วยครับ โดย Sumotin จันทร์ ต.ค. 26, 2015 9:25 am

Re: นักลงทุนแนว vi เปิดดูพอร์ทบ่อยแค่ไหน? ดูทุกวันครับเพราะผมต้องบันทึกข้อมูล เพราะเก็บข้อมูลเป็น NAV ไว้ โดย Sumotin พฤหัสฯ. ต.ค. 08, 2015 9:35 am

Re: ขอถามการลงทุนของคนที่จบสายการเงินกับคนทั่วไปครับ ทุกอย่างอยู่ที่ความพยายามครับ จบอะไรไม่สำคัญทุกอย่างศึกษากันได้ ทฤษฏีทางการเงินอาจจะไม่ได้ช่วยขนาดนั้นครับถ้าเน้นการลงทุนในหุ้น ความเข้าใจในธุรกิจ การมองอนาคต มีความสำคัญมากกว่าด้วยซ้ำ ซึ่งด้านการเข้าใจงบคนจบบัญชีจะได้เปรียบ แต่มุมมองอาจโดนปิดกันกับตัวเลขในปัจจุบันมากเกินไปเหมือนกัน ส่วนด้านการเงินสิ่งที่รู้หลักๆคือการทำ valuation แหละครับ ซึ่งตัวแปรต่างๆจริงๆก็ขึ้นอยู่กับ assumption อยู่ดี สรุปความได้เปรียบเสียเปรียบไม่มีหรอกครับ อยู่ที่ความพยายาม เท่านั้น โดย Sumotin พฤหัสฯ. ต.ค. 08, 2015 9:34 am

Re: อันตรายจากดอกเบี้ยต่ำ : ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ จากบทความผมจับใจความได้ว่า อันตรายจากดอกเบี้ยต่ำ ทำให้เงินฝากงอกเงยช้าลง คนออมเงินน้อยลง ผมฟังดูทำไมรู้สึกว่าไม่ค่อยรุนแรงเลยครับ ตอนอ่านหัวข้อคิกว่าจะมีผลกระทบรุนแรงหว่านี้ เพราะผมคิดว่าเงินออมงอกเงยช้าลง มันถูก offset โดยหนี้โตช้าลง คนทั่วไปอาจจะมีเงินออมหลักหมื่นหลักแสน แต่มักจะมีหนี้บ้าน, รถ, เงินกู้ธุรกิจ, เงินกู้นอกระบบ หลักล้าน เงินออมโตช้าลง 2% แลกกับหนี้โตช้าลง 2% ยังไงก็คุ้มครับ คนไทยมีหนี้ครัวเรือน 80% ของ GDP ผมคิดว่าถ้ามีตัวเลขเงินออมต่อ GDP ผมเดาว่าคงน้อยกว่า 80% ท่านอื่นๆ คิดว่ายังไงครับโปรดชี้แนะ ผมอาจจับประเด็นไม่ครบ ผมว่านะครับเอาไปเทียบกับหนี้ไม่ได้ครับ สมมุติคนวัย retired ของ EU ไม่มีรายรับอย่างอื่นเปรียบการรับดอกเบี้ยเป็น income เดียว แต่ต้องจ่าย expenses ต่างๆไม่ว่าจะเป็นค่ากินอยู่ ค่ารักษาพยาบาลต่างๆ ก็อาจทำให้ไม่สามารถอยู่ได้ก็เป็นได้ครับ ส่วนหนี้ถ้ามีโตช้าหรือไม่อาจต้องดูว่าดอกเบี้ยกู้ของเขาสมมติบ้านนั้นเป็น fixed rate หรือ floating rate ครับ อาจจะวิเคราะห์เพิ่มได้ แต่หลักๆผมมองว่าจะไม่ cover expenses ที่ใช้ในการดำเนินชีวิตครับ โดย Sumotin พฤหัสฯ. เม.ย. 16, 2015 4:25 pm

Re: การเปลี่ยนราคาเพิ่มทุนจากสภาวะตลาดที่แย่ เคยมีเคส มั้ยครับ ที่ประกาศราคาและสัดส่วนการเพิ่มทุนแล้ว ปรับเปลี่ยนเพราะราคาตลาดตกต่ำกว่าราคาเพิ่มทุนมากๆๆ มีครับ หุ้นที่ผมถือเคยปรับราคา RO ลง ในช่วงตลาดลง แต่ไม่ได้ต่ำกว่าเดิมและราคาตลาดมากนะครับ จาก 21 กว่าๆ มาเหลือ 19 ปลายๆ ครับ โดย Sumotin ศุกร์ มี.ค. 27, 2015 12:11 pm

Re: ปันผลเป็นหุ้นเพื่ออะไรครับ มองได้หลายมุมครับ ถ้าเรื่องตัวเงินชัดๆ ก็ตามที่คุณ newbie_12 บอกคือถ้าฐานเงินเดือนไม่สูงมีรายได้อื่นๆไม่มากก็จะ credit tax คืนได้ ครับ ส่วนมองในมุมการเงิน บริษัทอาจจะต้องการเงินไปลงทุนต่อซึ่งถ้า opportunity cost ของการลงทุนสูงกว่าการจ่ายปันผลระยะยาวควรจะทำให้ value บริษัทสูงขึ้นครับ ซึ่งถ้าในกรณีนี้จริงผมว่าไม่ต้องจ่ายปันผลก็ได้ แต่ที่จ่ายเหมือนจ่ายปลอบใจมากกว่า ส่วนประเด็นอื่นถ้ามีการจ่ายอาจเป็นการจ่ายตาม trend หรือได้คำแนะนำจาก FA ที่ใช้อยู่ก็อาจเป็นได้ครับ โดย Sumotin ศุกร์ มี.ค. 06, 2015 8:21 am

Re: คุณธันวา อดีตนายกสมาคมthaiviหวนคืนสังเวียนธุรกิจ คุณ Ii'8N มุมมองของผมนะครับ สำหรับ ทั้งสองแบบนั้นเหมือนกันตราบที่ผลประโยชน์ต่อประเทศโดยรวมนั้นเท่ากันครับ แต่สิ่งที่ชี้ประเด็นคือ ถ้าสัมปทานนั้นอยู่ที่หน่วยงานรัฐเลย และส่งเงินทั้งหมดเข้ารัฐ โดยไม่ได้นำมารวมในงบกำไรขาดทุนเพื่อหักต้นทุนอื่นๆออกก่อนจะเป็นรายได้ส่งเข้ารัฐนั้น ให้เป็นสิทธิของรัฐโดยตรงดีกว่าครับ ไม่ว่าสัมปทานจะถือโดยกระทรวงแทนก็ได้ครับ การที่ให้สิทธิแก่รัฐวิสาหกิจแล้วรัฐวิสาหกิจนั้นพึ่งแต่กำไรจากสัมปทานโดยไม่ได้ provide value added อื่นๆ ก็ไม่จำเป็นต้องมีส่วนรวมจากรายได้นี้ก็ได้ครับ ความเห็นผมประมาณนี้ครับ โดย Sumotin พฤหัสฯ. ม.ค. 15, 2015 2:37 pm

Re: คุณธันวา อดีตนายกสมาคมthaiviหวนคืนสังเวียนธุรกิจ จาไปทำอะไรได้ครับ คงไม่ต่างจากการบินไทย ที่นักการเมืองมากอบโกยแล้วก็จากไปทิ้งไว้แต่หนี้สินและธุรกิจที่โดนเอกชนเข้าไปแย่งทำ. ลองคิดดูถ้าไม่ให้แอรเอเซียมาเปิดสายการบินตามใจชอบการบินไทยคงไม่เจ๊ง ทีโอทีเช่นกันถ้าไม่ให้สัมปทาน3gกับคู่สัญญาเอกชนแบบราคาต่ำๆ ทีโอทีก็คงไม่ขาดทุน ผมว่าลองคิดอีกมุมหนึ่งนะครับ เรื่องการเริ่มของธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนสูง : ธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนสูงและ demand ยังไม่มีมากพอ ส่วนใหญ่จะเป็นหน้าที่ของรัฐโดยอาจจะใช้หน่วยงานรัฐหรือรัฐวิสาหกิจต่างๆ ในการลงทุนเพราะไม่มีเอกชนรายใดสายปานยาวพอเท่ารัฐได้ครับ อันนี้คือการเริ่มต้นครับ เรื่องประสิทธิภาพของประเทศและการแข่งขัน : หลังจากการเริ่มต้นไปแล้ว demand เริ่มมี value เริ่มเกิดขึ้นการแข่งขันในอุตสหกรรมต่างๆเป็นสิ่งที่ควรมีและไม่ควรจำกัดมากนักยกเว้นธุรกิจที่ทำได้ไม่กี่รายหรือรายเดียวเท่านั้น ไม่เช่นนั้นจะทำให้ value ของประเทศโดยรวมเสียหาย ดังนั้นการที่รัฐที่มาทำธุรกิจจะอยู่ได้ในระยะยาวต้องมีการพัฒนาและการแข่งขันครับ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศมากที่สุด ถ้าองค์กรไม่เคลื่อนที่ก็จะล้มไปเอง แต่ถ้ารัฐยังอุ้มต่อส่วนที่เสียหายคือประเทศนั้นเองครับ ปล. 3G ไม่ใช่สัมปทานนะครับ เป็นระบบใบอนุญาต ออกโดย กสทช. นะครับ ส่วนประเด็นการบินไทยมีหลายเรื่อง เช่นตัวอุสาหกรรมเองก็แข่งกันเดือดอยู่แล้วสายการบินระดับโลกเองก็เจ๊งกันมาแล้ว อย่างอื่นๆเช่นการซื้อเครื่องบินไม่มีประสิทธิภาพคือหลายรุ่นมากเกินไปอันนี้อาจจะมีการโกงหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงคนในองค์กรเองด้วยที่ไม่สามารถต่อต้านตรงจุดนี้ได้ด้วยครับ โดย Sumotin พุธ ม.ค. 14, 2015 4:19 pm

Re: ผู้ที่เลือกลงทุนในหุ้น PE ที่สูง มีแนวคิดอย่างไรกันครับ PE สำหรับผมมันสะท้อนอดีตเท่านั้นครับ บางบริษัทอยู่ในช่วงตั้งไข่หรือลงทุนสูงอาจทำให้กำไรต่ำ PE สูงได้เหมือนกัน ฉะนั้นการประเมินอนาคตจึงสำคัญไม่แพ้กันครับ แต่อนาคตก็ไม่แน่นอนนั้นคือความเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดขึ้น ในทางกลับกัน PE ต่ำก็ไม่ได้แปลว่ามันจะต่ำตลอดไป บางบริษัทมีสาเหตุของการต่ำด้วยครับเช่น อยู่ใน industry ที่ไม่โตแล้ว นับวันมีแต่จะแย่ลง ก็จะทำให้ PE สูงในอนาคตได้เช่นกันครับ สำหรับผมประเมินทั้งสองทางครับทั้ง PE และแนวโน้มในอนาคตด้วยครับ โดย Sumotin อังคาร ม.ค. 13, 2015 8:19 am

Re: POLL สรุปผลตอบแทนชาว Thaivi ประจำปี 2557 ผม vote 70-100% ครับ ใช้การคิดแบบ NAV นะครับได้ 90.42% ในปีที่ผ่านมาสำหรับ port ใหญ่ ส่วน port เล็กที่ take ความเสี่ยงมากกว่า (ถือหุ้นไม่เกิน 2 ตัว + margin) ได้ 365.55% ครับ สำหรับผมปีนี้น่าจะยากกว่าปีที่ผ่านมาเยอะเลย เพราะหุ้นส่วนใหญ่ขึ้นมาเยอะเมื่อเทียบกับกำไรที่สร้างได้ เพราะอย่างไรก็ตามอนาคตคาดเดาค่อนข้างยากครับ ปีที่ผ่านมายอมรับว่าโชคดีด้วยเข้าเป้าในตัวใหญ่ๆ ถึงจะมีผิดพลาดในการตัดสินใจแต่ก็ไม่ได้เสียหายอะไรมากเลยได้ return สูงใรปีที่ผ่านมาครับ ปีนี้ขอให้ทุกท่านโชคดีมีสุขนะครับ หวังสิ่งใดก็ให้ได้สิ่งนั้นนะครับ สาธุ โดย Sumotin จันทร์ ม.ค. 12, 2015 9:08 am

Re: จับตา: "ดิจิตัล อีโคโนมี" ยุทธศาสตร์ growth engine ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ :bow: โดย Sumotin ศุกร์ ต.ค. 31, 2014 9:31 am

Re: วิจัยแต่ไม่พัฒนา / คนขายของ ขอบคุณมากครับ ถ้าในมุมมองของบริษัทมันมีโอกาสทั้งถูกและผิดกับการทำ R&D แต่ผมเห็นด้วยกับการทำ R&D ในเชิงการสร้างสรรสิ่งใหม่ๆให้โลก ทั้งในมุมการลงทุนของประเทศและบริษัทต่างๆด้วยครับ ^^ บางบริษัทลงทุนวิจัยอาจจะไม่ได้เห็นผลใน 4-5 ปีบางการวิจัยใช้เวลาเป็น 10 ปี แต่ถ้าเป็น technology ที่เปลี่ยนโลกให้ดีขึ้นได้ผมว่ายังคุ้มค่าอยู่ครับ :bow: :bow: :bow: โดย Sumotin ศุกร์ ต.ค. 31, 2014 8:30 am

Re: Global Energy พลังงาน...จะไปทางไหนต่อ ? เห็นช่วงนึงมีข่าวถ่านหินโดนกดดันโดน shale gas น้ำมันคงจะไม่มีอะไรทดแทนใช่มั้ยครับ คงเป็นเรื่องดีมาน ซัพพลาย ใช่มั้ยครับ Shale Gas กับ Shale Oil ในหลายๆแหล่งมาพร้อมกันครับ คือมันไม่ได้แยกกันอย่างชัดเจนครับ ฉะนั้น US มีทั้ง Shale Oil, Shale Gas, Tight Oil ไรพวกนี้ด้วยครับ ถ่านหินและ Gas หลักๆเป็นด้าน Power sector ครับเลยผลกระทบโดยตรงส่วนน้ำมันภาคขนส่งเป็นหลักน่าจะโดนกระทบจากพลังงานประเภทอื่น เช่น EV hydrogen ในอนาคต ถ้าในปัจจุบัน ก็พวก Ethanol or bio-diesel ครับ ที่จะลดราคาน้ำมันลงได้ถ้าต้นทุนถูกพอ ที่เห็นๆใน brazil มีการใช้ Ethanol เยอะครับ โดย Sumotin พฤหัสฯ. ต.ค. 16, 2014 1:11 pm

Re: รู้ได้อย่างไรครับ? ว่าเราลงทุนผิด ผมคงดูผลประกอบการและการตอบสนองต่อ trend ที่เปลี่ยนไปของบริษัทครับ ผลประกอบการ ที่ผ่านมาและแนวโน้มเป็นอย่างไรบ้าง ส่วน trend คือดูผลกระทบของ external factors หรือ แนวโน้มของธุรกิจครับ และการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงนั้น เพราะผมก็เคยมีประสบการณ์ผิดทางมาหลายครั้งแล้วเหมือนกัน เช่น Cxxx มีช่วงนึงผลประกอบการโต net margin ดีขึ้นเท่าตัวทำให้เราประเมินอนาคตผล สุดท้าย net margin ตกต่ำลงจากการโดน suppliers กดราคา ตัวนี้เลยขาดทุนไป 50% ยังดีที่เป็นช่วงปีแรกๆของการลงทุน ทำให้จำเป็นประสบการณ์ได้ดีครับ โดย Sumotin อังคาร ต.ค. 14, 2014 8:14 am

Re: ปัจจัยอะไรที่จะทำให้หุ้นโรงกลั่นกลับไปรุ่งเหมือนในอดีต สิ่งที่น่ากลัวที่สุดสำหรับโรงกลั่นน้ำมัน คือ รถยนต์ไฟฟ้า วันก่อนดูหนังสารคดี รถไฟฟ้าของมิตซูบิชิ เป็นรถขนาด ซิตี้คาร์ วิ่งได้ 150 กม ต่อการชารต์ไฟหนึ่งครั้ง นั่งได้ 4 คน ถ้า เบียดๆแบบคนไทยก็ 5 คน คนใช้รถในสหรัฐอเมริกา ขับไปทำงาน สามารถขับ 3วันต่อการชารต์ไฟ หนึ่งครั้ง ความเร็วสูงสุด มากกว่า 100km/hour (จำตัวเลขแน่ๆไม่ได้) ถ้ามีการใช้รถไฟฟ้า ผมเชื่อว่าภายในเร็วๆนี้ (3-5ปี) การเติบโตของรถประเภทนี้จะเร็วมาก รถใชเครื่องยนต์ จะมีชตากรรมแบบเดียวกับ กล้องที่ใช้ Film รถยนต์ไฟฟ้าคือเมกกาเทรนด์ จะมีผลไปอีกหลายเรื่อง น้ำมัน ถ่านหิน แก๊ซ (น้ำมันส่วนมากจะเอาไปผลิตไฟฟ้าซึ่งจะกระทบ ต่อ ถ่านหิน และแก๊ซ) พืชน้ำมันก็มีผลกระทบด้วย โรงกลั่น ปิโตเคมี ปั้มน้ำมัน จะมีการเปลี่ยนแปลง สำหรับรถพลังงานไฟฟ้าตอนนี้ผมชอบ Tesla motor มากกว่าครับดูจับต้องได้ 4 ที่นั่งเหมือนกัน และวิ่งได้ 265 miles (424 กม.) ต่อ 1 การชาร์จ ลองปรับดูได้ตาม link ครับ http://www.teslamotors.com/goelectric#range http://www.teslamotors.com/models/features#/performance โดย Sumotin พฤหัสฯ. ก.ย. 25, 2014 3:44 pm

Re: ปัจจัยอะไรที่จะทำให้หุ้นโรงกลั่นกลับไปรุ่งเหมือนในอดีต มีตัวอื่นๆอีกที่สูงเหมือนกันครับ เช่นพวก Holly Frontier สังเกตว่าในช่วงที่ผ่านมา Refinery ใน US ทำกำไรได้ค่อนข้างดี อาจมาจาก crude price ที่ต่างกันใน US กับตลาดโลก เนื่องจากสภาพ ศก. และ ปริมาณ Shale Oil ที่สูงขึ้นด้วยครับ ส่วนตัวผมมองธุรกิจโรงกลั่น คงไม่รุ่งเหมือนในอดีตตอนนั้นน้ำมัน peak มากจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของจีนทำให้ Stock gain กันเยอะ ส่วนต่อจากนี้ราคาน้ำมันขึ้นมาถึงจุดที่มีพลังงานทดแทน เข้ามาแข่งได้ จึงทำให้มีเสถียรภาพ ส่วนต่อขยายก็เป็นการเพิ่มมูลค่าเป็นหลัก อย่างไรก็ตามทั้งหมดเป็น commodity products ยกเว้นแต่ petrochemical ที่ลงไปถึง end products or niche จะทำให้มี margin สูงอย่างไรก็ตาม พวกนี้ volume ไม่สูงมาก จะทำให้พวกค่า fixed cost กิน margin ไปเหมือนกัน ครับ โดย Sumotin อังคาร ก.ย. 23, 2014 8:51 am

Re: หุ้นที่มีรายได้หรือสาขาเติบโตในอนาคต โทดที ลืมดู...เท่าตัวเหรอ...ผมขอถอน.... :oops: สำหรับ MC ผมว่าเป็นไปได้นะครับ สำหรับ 3-6 ปี ถ้าดูระยะสั้น 3 ปีจะเป็นไปได้จากการ M&A ครับ ที่เห็นได้ชัดคือ Timedeco เข้ามาก็ทำให้โตประมาณ 10% กว่าๆ(แต่ margin ต่ำกว่า MC พอควร) ส่วน PoS MC เองก็จะมีการเติบโต ปีละ 100 PoS จากแผน โดยเมื่อปลายปีมีประมาณ 600 PoS ถ้าขยายได้ตามแผนปีละ 100 PoS หลวมๆ 6 ปี ก็ได้เท่าตัวเหมือนกันครับ ตอนนี้คงต้องมาดูที่ความสามารถในการแข่งขันแล้วก็ SSSG แล้วละครับว่าจะกลับมาได้ไหมจากสภาพ ศก. ในปัจจุบัน โดย Sumotin จันทร์ ก.ค. 07, 2014 11:38 am

Re: ทำไม กลต ให้ บริษัทจัดการกองทุนรวม บริษัทหลักทรัพย์ ประเ จริงๆผมว่ามีประโยชน์อยู่บ้างสำหรับ เห็นการพัฒนาการของนักลงทุนครับ คือถ้านักลงทุนในนี้มองก็อาจจะเข้าใจเรื่องความเสี่ยงและเหตุผลในการลงทุนที่ดีอยู่แล้ว แต่ว่ามือใหม่ หรือคนที่ไม่ได้สนใจในเรื่องการลงทุน การกรอกพวกนี้และเห็นการพัฒนาการก็เป็นประโยชน์นะครับ แต่อาจจะต้องปรับหลักให้เป็นมี update ปีละครั้งหรือ 2 ปีครั้ง และให้ข้อมูลมีการ link เชื่อมโยงกันภายใน 1-2 ปีจะได้ไม่ต้องมีการกรอกข้อมูลที่เหมือนเดิมครับ โดย Sumotin ศุกร์ ม.ค. 24, 2014 12:18 am

Re: วิธีหา Growth จาก ROE pay out ratio หรือ RR ดูตรงไหนครับผม payout ratio กับ RR คนละตัวกันครับ RR คือ retention ratio ส่วนที่เหลือจากการจ่ายปันผลครับ หรือ 1-payout ratio หาได้จาก 1. ดูตามนโยบายการจ่ายปันผลครับที่มีบอกไว้ทุกบริษัท 2. ดูจากอดีตว่ามีการจ่ายจริงเป็นกี่ % หักการจ่ายแบบพิเศษออก เพื่อหาอัตราจ่ายจริงเพราะบางบริษัทจ่ายเกินหรือขาดจากนโยบายเป็นประจำ โดย Sumotin พฤหัสฯ. ม.ค. 02, 2014 9:32 am

Re: วิธีหา Growth จาก ROE ผมมีความเห็นเพิ่มเติมจากตรงนี้ครับ อาจจะหุ้น scope จากข้อจำกัดของ model นี้ไปนะครับ แต่ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมจาก model นี้ 1. ถ้าบริษัทนั้นๆมี Cash ส่วนเกินอยู่ Cash นี้ก็สามารถนำมาใช้ลงทุนให้เกิด growth ได้ (เจอกับตัวที่บางบริษัท hold cash ไว้สูงหลายๆปี) 2. ถ้าบริษัทยังใช้ Capacity ไม่เต็ม 100% การเพิ่มกำลังผลิตให้เต็ม capacity ไม่ได้ต้องการเงินลงทุน จะเพิ่มแต่ Working Capital (อาจจะมี trigger ของ trend ของธุรกิจที่กำลังจะมา) 3. D/E ที่จะปรับสูงขึ้นได้ ถ้าบริษัทอยากใช้เงินกู้เพิ่มครับ (บางบริษัทไม่ใช้เงินกู้เลย แต่ก็ค่อนข้างยากที่จะปรับมาใช้) 4. อาจมีการลงทุนใหม่ หรือการขายแบบใหม่ ที่เพิ่ม value โดยไม่ได้ใช้เงินเท่า Historical ROE ขอบคุณครับ คุณ Rocker :cool: โดย Sumotin ศุกร์ ธ.ค. 13, 2013 2:09 pm

Re: ในภาวะการณ์แบบนี้ ยังมีใครรอลุ้นผลประกอบการ Q3 ไม๊ ส่วนตัวผมถือลงทุนระยะยาว ตัวที่ถือนานสุดตอนนี้ 5 ปี จากการลงทุน 7 ปีกว่าๆ ระยะสั้นอย่างรายไตรมาสผมไว้ check ผลประกอบการเฉยๆว่ายังเป็นไปตามที่เราคิดหรือเปล่า ส่วนภาวะการณ์ไหนก็ถือมาตลอด แม้ในช่วง อุ๋ย 100 จุด hamburger crisis etc. ก็ยังไม่เคยล้าง port เลยสักครั้งครับ โดย Sumotin อังคาร พ.ย. 12, 2013 8:48 am

Re: สอบถาม ที่ดิน มีน้ำมัน http://pantip.com/topic/30542684 มีคนถามคล้ายๆกันใน Pantip นำมาแชร์ครับ เห็นว่าสิทธิทรัพยากรใต้ดินนั้นเป็นของรัฐนะครับ ปล. ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมดูครับ โดย Sumotin พุธ ต.ค. 16, 2013 8:59 am

Re: ทำไมรัฐบาลไทยไม่ออก QE บ้าง ??? คุณ CARPENTER ครับ ไม่มีใครอยากให้ประเทศไม่พัฒนาหรอกครับ อย่างแรกผมว่าคุณลองอ่านเอกสารดูก่อนว่าข้อมูลที่อยู่ในนั้นเพียงพอหรอไม่ เพราะเขามีแยกต้นทุนเป็นรายโครงการย่อยด้วยซ้ำ มีทั้งรถไฟรางเดี่ยว รางคู่ รถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง การที่เราตั้งธงมาก่อน เราก็เกิดความไม่เชื่อถือในข้อมูล ถึงแม้เขาจะทำมาแล้วเราก็คิดว่าเขาไม่ได้ทำอยู่ดี ซึ่งไม่น่าจะเป็นกลางและถูกต้องซักเท่าไหร่ โครงการที่ยกมาก็ยกแต่โครงการที่คุณคิดว่าไม่ดี โครงการดีๆก็มีเยอะนะครับ มองให้เป็นธรรม ไม่มีคนทำถูกทุกเรื่องหรอกครับ แม้แต่ในเมืองนอกเองก็ตามครับ โดย Sumotin อาทิตย์ ต.ค. 13, 2013 6:03 pm

Re: ทำไมรัฐบาลไทยไม่ออก QE บ้าง ??? 2 ล้านล้าน เป็นสิ่งสกปรก ลองคิดดู มีใครกู้เงิน มาก่อนโดยยังไม่มีโครงการณ์ว่าจะทำอะไรอย่างไร และไม่บอกว่าจะคืนเงินกู้ ด้วยวิธีไหน อย่างไร เมื่อไหร่ แล้ว หนี้ นี้เป็นภาระของคนทั้งชาติในเวลา 50ปี ลูกหลาน เหลนต้องรับภาระ ไปอีกนาน คนรุ่นนี้ เห็นแก่ตัวไร้ความรับผิดชอบ คิดว่า เศรษฐกิจจะเติบโต หุ้นจะขึ้น แล้วพวกนักลังทุนหวังลมๆแล้งๆว่าจะได้เศษเงินนิดหน่อย ผมขอสาปแช่ง ขอให้คนคิด และกระทำ เพื่อโกงกิน เงินคนทั้งประเทศ จงได้รับผลกรรมอย่างรวดเร็ว http://www.dlt.go.th/th/pdf/movingForward.pdf ผมลองๆหาดูก็มีรายละเอียดเหมือนกันนะครับ มี EIRR ให้ด้วยว่าความคุ้มค่าเป็นเท่าไหร่ แล้วเรื่องจ่ายคืนเงินกู้ก็มีอยู่ตามข่าวเหมือนกันเห็นว่าจะเป็น zero coupon bond ที่มี maturity ต่างๆกันไปครับ และจากที่อ่านมา 2 ล้านล้านเป็นกรอบครับไม่ใช่กู้ทันที เพราะจริงการทำโครงการเข้าต้องมีแผนกันอยู่แล้ว เพื่อขอวงเงินนะครับ ส่วนตัวผมว่าต้องมีโครงการเพราะเป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศครับ เอาง่ายๆ ประเทศอื่นมี ประเทศเราไม่มี ความสามารถในการแข่งขันก็แพ้แล้ว ฐานการผลิตก็มีโอกาสย้ายไปมากขึ้น แล้ว ศก. ของประเทศเราก็จะช้ากว่าประเทศอื่นไปเอง อันนี้ผมว่าสำคัญต่อคนรุ่นหลังมากกว่าอีกครับ ประเทศไทยทะเลาะกันมากเกินไปในอดีต ทั้งเรื่องการสร้างรถไฟฟ้าที่มีแนวคิดมานานแล้ว หรือสนามบินหนองงูเหา (สุวรรณภูมิ) ก็หลายสิบปีแล้ว ถ้าคิดย้อนไปสร้างได้ตั้งแต่ตอนนั้น ประเทศคงพัฒนามากกว่านี้เยอะและเป็นการปิดโอกาสของประเทศอื่นด้วย เช่นสิงค์โปร์ เขาได้ประโยชน์จากการทะเลาะกันของเราเยอะ (southern seaboard ที่ไม่เกิดซักที) ผมมองเรื่องโกงเป็นคนละประเด็นกัน ถ้ากลัวเรื่องนี้ต้องให้มีการตรวจสอบที่ดี ไม่ใช่แย้งแต่ต้นแล้วก็ไม่ต้องทำอะไรกัน (ไม่ทำเท่ากับไม่ผิดเพราะไม่เคยทำอะไรเลย) ปล. หลุดจาก top pick เจ้าของกระทู้มาไกลแล้วครับ ขอโทษที เรื่อง QE อย่างที่ตอบไปข้างต้นผมว่ามีความแตกต่างกัน ครับ เพราะประเทศที่ออกเหล่านั้นมีปัญหาด้าน ศก. ออกมาเพราะปลดหนี้ภาคเอกชนโดยโอนไปเป็นหนี้รัฐแทน เพราะถ้าเอกชนเจ๊ง รัฐจะเจ๊งด้วย แต่ถ้ารัฐรับหนี้ไปก่อน เอกชนไม่เจ๊ง รัฐยังฟื้นได้ครับ โดย Sumotin อาทิตย์ ต.ค. 13, 2013 8:26 am

Re: ทำไมรัฐบาลไทยไม่ออก QE บ้าง ??? งบ2ลล มันก็คือจุดหมายเดียวกะคิวอีนี่แหละ ผลจะเป็นไง7ปีรู้กัน เข้าใจผิดหรือเปล่าครับ งบ 2 ล้านล้านลงโครงสร้างพื้นฐาน QE ของยุโรปและอเมริกา เข้าตลาดเงินและช่วยบริษัทที่ประสบปัญหาเป็นหลักนะครับ ทำไมไทยถึงไม่ทำ QE เพราะว่าเราไม่ได้อยู่ในสภาวะวิกฤต ศก. อำนาจต่อรองและความน่าเชื่อถือของสกุลเงินไม่ได้มีเท่ากับของประเทศใหญ่ๆเหล่านั้นนะครับ ไม่งั้นค่าเงินกระทบเยอะแน่ๆ โดย Sumotin จันทร์ ต.ค. 07, 2013 8:45 am

Re: Temasek ขอบคุณสำหรับบทความนะครับ SWFคืออะไรเหรอครับ SWF = sovereign wealth fund ครับ ง่ายๆคือเป็นกองทุนของประเทศครับ โดย Sumotin อาทิตย์ ก.ย. 22, 2013 4:42 pm

Re: ถ้า PE ของหุ้นส่วนใหญ่ในตลาด เกิน 60 เท่า VI จะเลือกถือเ ผมว่านะครับ ถ้า PE ตลาดขึ้นไปซัก 40x ก็ขายได้แล้วครับ ไม่ต้องรอถึง 60x หรอกครับ อย่างแรกคือ PE 40 เท่า คือ E/P ประมาณ 2.5% เท่านั้น ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่ไม่คุ้มค่าต่อความเสี่ยงที่จะได้รับเป็นแน่ อย่างที่สองคือ การรักษา growth ในระดับที่สูงขนาดนี้เป็นไปไม่ได้ในระยะยาว อย่างมาก 1-2 ปีก็เยอะแล้วครับ เพราะ ถ้าไม่ใช่บริษัทใน growth stage การเติบโตจะมีส่วน assets เติมตลาดเดิมที่ค่อนข้าง mature แล้ว ทำให้การ growth ในแนวทางใหม่ไม่สามารถทำได้สูง หรือถ้าจะทำได้อาจต้องมีการเพิ่มทุนที่ค่อนข้างสูงก็จะไม่ได้ส่งผลดีในระยะสั้นแน่ๆครับ ผมค่อนข้าง conservative ไม่ค่อยถือหุ้น PE ที่สูงเกินไป ยกเว้น time period ในอีก 2-3 ปีข้างหน้าจะมี growth ที่สูงจริงๆ ถึงจะยอมถือครับ โดย Sumotin จันทร์ ก.ค. 29, 2013 9:52 am

Re: การบริโภคในประเทศ แนวโน้มไม่ดีเลย ขอแสดงความคิดเห็นนิดนึงนะครับ คือว่า ผมอยู่ในอุตสาหกรรมรถยนต์ (ประเภทเดียวกับ sat แต่มาร์เก็ตแชร์ใหญ่กว่า (attg)) ตอนนี้ ในเครือ toyota ,hino ทุกค่าย order ลดลง ประมาณ 30 % ครับ ขอความรู้หน่อยครับ การลดลง 30% เป็น YoY หรือ QoQ แล้ว ปกติ order รถ เป็น seasonal หรือเปล่าครับ ขอบคุณครับ โดย Sumotin ศุกร์ มิ.ย. 28, 2013 8:48 am

Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่ การที่รัฐบาลขาดเงินสด เทียบได้กับ บริษัทขาดสภาพคล่อง แต่รัฐไม่สามารถเพิ่มทุนได้ มีแต่หารายได้มากขึ้น หรือกู้มาขึ้นเท่านั้น แต่บริษัททำได้คือ เพิ่มทุน และกู้เงิน เพื่อให้มีเงินสดมาหมุนเกิดสภาพคล่อง ถ้าบริษัทล้มเกิดใหม่ได้ แต่รัฐล้ม มันคือ คนทั้งชาติเป็นหนี้ รัฐจะล้มได้คือ แตกประเทศออก ประเทศเดิมล้มสลายจากความขัดแย้งในชาติ เช่น โซเวียต ยูโก เป็นต้น เขียนแบบนี้ไม่น่าโดนลบ เพราะเทียบเคียงให้เห็น ผมว่าของคุณ miracle คนละ point กันนะครับที่คุณ miracle ยกมาเป็นความขัดแย้งในชาติ ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการขาดสภาพคล่องของรัฐแต่อย่างใด ประเทศที่ ศก.พังที่ผ่านๆมาให้หลายๆประเทศ อาเจนติน่า ไทยต้มยำกุ้ง หรือประเทศอื่นๆที่ได้รับผลกระทบในช่วงนั้น ก็ไม่ได้มีการแตกประเทศแต่อย่างใด อีกอย่างการที่รัฐล้มในเชิงศก. นั้นยากครับ ถ้าเป็นการกู้เงินต่างประเทศก็ต้องมีการประนอมหนี้ haircut หรือขั้นชักดาบก็มี แต่ถ้าเป็นหนี้เงินบาท ก็พิมพ์แบงค์เพิ่มซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนั้นเอง ส่วนเรื่องระดับหนี้นั้นต้องดูแล้วแต่ประเทศเลย ประเมินง่ายๆก็ให้ดู Cashflow และ projected GDP growth ต่างๆดูว่าสามารถ coverage ได้หรือไม่ โดยปกติระดับหนี้มันต้องเยอะขึ้นเรื่อยๆอยู่แล้ว แต่สัดส่วนต่อรายได้ต้องคงไว้ในเกณฑ์ที่รับได้ครับ ส่วนประเทศอย่างในยุโรปมันมีกรอบที่ 60% แต่เขาไม่รักษามันเอง ทำให้เกิดปัญหากันไป อีกประเด็นคือเรื่องการลงทุน โดยต้องมีการกู้เพิ่มมันก็เป็นปกติอยู่แล้วสำหรับประเทศ อย่างที่คุณ miracle บอกแหละครับ ถ้าประเทศจะหาเงินมาก็จาก รายได้ทางภาษี และ การกู้เพิ่ม และเนื่องจากการเก็บจากรายได้ก็เปรียบเหมือนบริษัทใช้ในส่วนของ retained earning ของบริษัทมาลงทุนต่อ แต่ถ้าการลงทุนจำเป็นเพื่อเพิ่มความสามารถของประเทศหรือบริษัท ไม่งั้นก็ล้าหลักสู้ประเทศอื่นไม่ได้ความสามารถทางการแข็งขันลดลง รายได้ทางภาษีก็ลดลงไปด้วยจากการ ย้ายฐานการผลิตหรืออื่นๆ ฉะนั้นการกู้เพื่อการลงทุนทำให้หนี้ของประเทศเพิ่มก็จำเป็นในการสร้างความสามารถทางการแข็งขันอยู่ดี เพราะ infrastructure ไม่มีเอกชนรายไหนนอกจากรัฐที่จะมาช่วยสร้างให้อยู่ดีครับ ผมเห็นว่าการลงทุนนั้นต้องลงแต่ต้องมีการตรวจสอบที่ดีและการควบคุมเรื่อง budgeting ให้อยู่ในกรอบเป็นประเด็นสำคัญครับ โดย Sumotin พฤหัสฯ. พ.ค. 23, 2013 8:52 am

Re: ทำไมไม่จับรถหรูที่ใช้น้ำมันดีเซล 2 อย่างนี้มีข้อแตกต่างกันครับ คือ ดีเซลเนี่ยถ้าดูราคาเทียบกับราคาตลาดโลกการกลั่นออกมาขายไม่ได้ขาดทุนในระดับราคาที่ 29.99 เพราะส่วนที่ช่วยตึงตรงนี้คือการลดภาษี ในขณะที่ LPG ราคาหน้าโรงกลั่นเป็นราคาตรึงไว้ส่วนนึง ไม่ใช่ราคาตลาดโลกเลย ตรงนี้การใช้ที่ผิดประเภทก็เท่ากับต้องให้ภาครัฐที่จะอุดหนุนภาคครัวเรือนต้องไปอุดหุนภาคขนส่งด้วยทั้งๆที่ภาคขนส่งมีทางเลือกในการใช้พลังงานมากกว่า ภาคครัวเรือนคงไม่สามารถเปลี่ยนจากการ LPG ไปใช้ถ่านได้เหมือนในอดีตครับ ข้อมูลราคาโครงสร้างตาม link ครับ http://www.eppo.go.th/petro/price/pt-price-st-2013-05-09.xls โดย Sumotin พฤหัสฯ. พ.ค. 09, 2013 11:50 pm

Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่ ผมว่าทางแก้มีเสมอครับ ไม่ว่าจะวิธีใดก็ตาม ขอแค่ลดทิฐิทั้ง 2 ฝ่าย มาพูดคุยเหตุผลและหาทางออกร่วมกัน มันก็ผ่านพ้นไปได้เองครับ :wink: โดย Sumotin ศุกร์ พ.ค. 03, 2013 11:07 am

Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่ ผมว่ามีผลต่อ bond ที่ออกมาแล้วอยู่เหมือนกันนะครับ เพราะมีบางส่วนเป็น floating rate ถ้ามีการลดลงก็จะส่งผลกระทบต่อ return อยู่ดีครับ อีกอย่างที่เป็นผลกระทบต่อ bond ใหม่ที่จะออกตัวนี้ทำให้ demand ต่ำลง และในกรณีถ้าส่งผลกระทบต่อค่าเงิน return ของ bond เก่าก็จะได้รับผลกระทบต่อการแปลงค่าเงินกลับไปทำให้ total return ของการลงทุนใน fixed bond ต่ำลงอยู่ดี ถ้าเกิดกรณีนี้ขึ้นจริงก็คงมีการขายออกของต่างชาติในตลาด bond เกิดขึ้นแน่ครับ ยกเว้นแต่พวกที่ลงทุนยาวจริงๆ อาจทำ forward FX ไว้ก่อนเพื่อ lock return พวกนี้ก็คงไม่ได้ flow out ออกครับ ส่วนเรื่อง CPALL ผมว่าไม่เกี่ยวกันนะเงินกู้อาจจะไม่ได้ลดก็ได้ เพราะต้องดูว่าเป็น fixed or floating ครับ และอีกอย่าง ธนาคารพาณิชย์ บางที่ก็ไม่ชอบลดดอกเบี้ยตามดอกเบี้ยนโยบายเหมือนกันนะครับ โดย Sumotin ศุกร์ พ.ค. 03, 2013 10:10 am

Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่ จริงมีหลายวิธีที่จะคุมเงินไหลเข้าได้ ถ้าย้อนไปน่าจะปี 2006 ตอนนั้น หม่อมอุ๋ย ได้ออกมาตราการมาเหมือนกัน ที่กันเงิน 30% จากต่างชาติ (เท่าที่จำได้นะครับ) ทำให้หุ้นตกอย่างหนักในวันนั้น หลังจากนั้นตอนเย็นออกมาบอกว่ายกเว้นตลาดหุ้นในที่สุด ทำให้เกิดการดีดกลับขึ้นมา อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถหยุดความแข็งของค่าเงินได้ โจทย์ตอนนี้ต้องมาดูว่าเงินมันเข้าไปที่ไหนมาก ถ้ามันเข้า bond มากจริงการลดดอกเบี้ย น่าจะส่งผลที่สุด แต่ถ้าเงินไหลเข้า เข้ามาทาง real sector ผมว่าจะดีในระยะยาว เพราะจะเกิดการจ้างงานมากขึ้นในอนาคต แต่เงินในรูปแบบนี้ไม่ทำให้เงินแข็งค่าอย่างรวดเร็วนะสิเพราะต้องมีการ plan มีการก่อสร้างต้องใช้ระยะเวลา คือไม่อยากให้ ธปท. เข้าซื้อค่าเงินเพื่อสะกัดการเก็งกำไรอย่างเดียว เพราะมันเป็นวิธีที่ใช้กันมาในอดีต แล้วยังไม่เคยเห็นชนะสักที (การเข้าซื้อค่าเงินใช้ได้ในการรักษากรอบเงินในช่วงที่ flow ยังไม่สูงเท่านั้น) มองง่ายๆเงินทุนสำรองของประเทศมีเท่าไหร่ ที่จะไปสู้กับ flow เงินจากทั่วโลกครับ ส่วนประเทศอื่นๆ อย่าง ประเทศฟิลิปปินส์ และ ออสเตรเลีย คงต้องลงไปดูในรายละเอียดว่าเขามีการบริหารอย่างไรบ้าง โดย Sumotin ศุกร์ พ.ค. 03, 2013 9:37 am

Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่ มีคำถามที่ถามกลับว่า คลังมีเครื่องมือในการควบคุมค่าเงินบาทที่แข็งค่าคือ 1 ขึ้นภาษี 2 capital control ซึ่งทั้ง 2 มาตราการออกมาแล้วไม่ต้องใช้เวลาในการส่งผ่านมาตราการเหมือนลดดอกเบี้ยนโยบาย ที่ต้องรอธนาคารพาณิชย์ลดดอกเบี้ย ซึ่งบางครั้ง อาจจะไม่ลดตามก็ได้ แต่มาตราการการคลังที่มีในมือออกปุ๊บเห็นผลดังใจเลย จึงต้องคำถามกลับมาทำไมไม่ทำ :) ทั้ง 2 ข้อที่กล่าวมากระทบ real sector เป็นหลัก ส่วนเรื่องดอกเบี้ยส่งผลต่อ fund flow เป็นหลักมากกว่าครับ ถ้าเงินแข็งเพราะการลงทุนใน real sector จะส่งผลดีต่อประเทศโดยรวมมากกว่า แข็งตัวจาก fund flow นะครับ ดอกเบี้ยนี่มันไม่เกี่ยวกับ real sector เหรอคะ แล้วเวลาธุรกิจต่างๆ ผู้กู้ซื้ออสังหา ผู้ฝากเงินกินดอกเบี้ย เงินเฟ้อ พวกนี้ไม่ใช่ real sector เหรอคะ เกี่ยวสิครับ แต่มันจะมีส่วนทั้ง 2 ด้านใน real sector ไงครับ ทั้งด้านผู้กู้และให้กู้ ซึ่งผมไม่ได้บอกว่าไม่เกี่ยวกันนะครับ ผมบอกว่า fund flow เป็นหลัก เพราะถ้าลดดอกเบี้ย มีส่วนให้ธุรกิจมีต้นทุนที่ต่ำลง อาจเกิดเงินเฟ้อและฟองสบู่ได้ แต่มาตราการในการควบคุมในแต่ละ sector ก็ทำได้ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดอัตราส่วน ในการกู้ซื้ออสังหาต่างๆ จะเห็นว่า ลดดอกเบี้ยโดยหลักจะส่งผลดีต่อ real sector แต่ต้องระวังที่เงินเฟ้อในระดับที่มากเกินไปและฟองสบู่เท่านั้น เงินเฟ้อระดับปกติไม่เป็นปัญหาเพราะเงินเฟ้อทุกปีอยู่แล้ว โดย Sumotin ศุกร์ พ.ค. 03, 2013 9:00 am

Re: ทำไมคลังไม่เพิ่มภาษี และ ทำ capital control เพื่อทำบาทอ่ มีคำถามที่ถามกลับว่า คลังมีเครื่องมือในการควบคุมค่าเงินบาทที่แข็งค่าคือ 1 ขึ้นภาษี 2 capital control ซึ่งทั้ง 2 มาตราการออกมาแล้วไม่ต้องใช้เวลาในการส่งผ่านมาตราการเหมือนลดดอกเบี้ยนโยบาย ที่ต้องรอธนาคารพาณิชย์ลดดอกเบี้ย ซึ่งบางครั้ง อาจจะไม่ลดตามก็ได้ แต่มาตราการการคลังที่มีในมือออกปุ๊บเห็นผลดังใจเลย จึงต้องคำถามกลับมาทำไมไม่ทำ :) ทั้ง 2 ข้อที่กล่าวมากระทบ real sector เป็นหลัก ส่วนเรื่องดอกเบี้ยส่งผลต่อ fund flow เป็นหลักมากกว่าครับ ถ้าเงินแข็งเพราะการลงทุนใน real sector จะส่งผลดีต่อประเทศโดยรวมมากกว่า แข็งตัวจาก fund flow นะครับ โดย Sumotin ศุกร์ พ.ค. 03, 2013 8:26 am

Re: Recommended Reading by Warren Buffet in his 2013 Letter ขอบคุณมากครับ คุณ offshore-engineer :D โดย Sumotin พฤหัสฯ. เม.ย. 25, 2013 9:17 am

Re: รบกวนสอบถามวิธีคำนวนเครื่องคิดเลข Texas TI BAII Plus หน่ แบบที่ 1 ครับ โดย Sumotin อังคาร เม.ย. 16, 2013 5:54 pm

Re: Supply Shock กำลังจะมาอีกรอบ ผม อยู่ต่างจังหวัด จาก 225 มาเป็น 300 นี่ ถือว่าขึ้นเยอะนะครับ ได้เพิ่มขึ้นมา วันล่ะ 75 บาท ที่นี้ มาดูค่าครองชีพบ้าง เดี๋ยวนี้แพงหมดครับ ได้เพิ่มขึ้นมา 75 บาท ต่อวัน หรือ 2250 บาทต่อเดือน ที่นี้ลูกน้องผม จะอยู่ยัง ไง มาดูกัน ของที่ต้องใช้ในชีวิตประจำเดือน 1 เดือนนี้ มัน หลาย Item ครับ นับมาเลย 1. ของกินนี่กินทุกวันครับ ได้มาวันล่ะ 75 บาท แต่ก่อน ข้าวจานมื้อล่ะ 25 บาท แต่เดี๋ยวนี้ 35 บาท + อิชิตันทุกวัน อยากรวยเร็ว อย่างต่ำ ส่วนต่าง ก็ 10 บาท ต่อมื้อ x 3 ก็ 30 บาท แหล่ะ เหลือได้เพิ่มมาแค่ 45 บาท ต่อวัน หรือ 1350 บาท ต่อเดือนที่ได้เพิ่มขึ้นมา 2. ที่นี้ปัญหามันอยู่ที่ว่า ไอ้ 1350 บาท ที่ได้ขึ้นมา มันไม่พอแน่นอนครับ มาดูว่า อะไรขึ้นบ้าง - 1 เดือนเราซื้ออะไรบ้าง เอาแค่ของพื้นๆนะครับ น้ำมันพืช น้ำตาล ผัก หมู เป็ด ไก่ ปลา ผลไม้ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน - น้ำมัน ก๊าชหุงต้ม ค่าไฟ พวกนี้ขึ้นหมด ไข่ มะนาว ลูกล่ะ 9 บาท ทุกอย่างแพงขึ้นหมด ตัวหาร 1350 ด้วย สินค้าเหล่านี้ มันไม่พอแน่นอนครับเพราะ มันไม่สมดุลกัน สินค้าบางอย่างขึ้นแล้วไม่เคยลง 3. หลายครอบครัวยังมี ภาระ ส่งลูกเรียน ส่งงวดรถมอเตอร์ไซ ต้องเจ็บ ต้องป่วย 4. ยังมีสินค้าฟุ่มเฟือย ต้องกินดืม เที่ยวบ้าง นี่คือภาระของคนที่เป็นลูกจ้างแรงงาน ส่วนคนที่มีรายได้เยอะ แต่ผมรับประกันเลยว่า ท่าน รับรู้ แต่ " ไม่เข้าใจ" เพราะท่านไม่ได้สัมผัสกับมันตรงๆ สองสูง ท่านเข้าสัวนั้น ที่ผมคิดว่า สูงเร็วไปหน่อย ผมเห็นด้วยกับการปรับค่าแรง แต่ พวกปัจจัยสี่นี่มันขึ้นไปแรงมาก เพราะ ธุรกิจเค้าไม่มีเวลาปรับตัว เค้าก็ต้องปรับราคาเพื่อความอยู่รอดเหมือนกัน จะให้ไทย เปลี่ยนไปเป็นเหมือน สิงคโป หรือ เมืองนอก ในระยะเวลาอันสั้นนั้น เหมือนกับ กำลังจะบอกว่า SME ที่อยู่ไม่ได้ก็ต้องเปลี่ยนอาชีพ หรือ ออกไปสร้างฐานที่อื่น อันนี้ผมรับได้ครับ ถ้าเค้าบอกผมล่วงหน้า 3-4 ปีให้เตรียมตัว ถ้าคนไม่ได้รับผลกระทบจริงๆ ไม่รู้หรอกครับว่า เหนื่อยขนาดไหนกับการสร้างธุรกิจขึ้นมา จากรุ่นสู่รุ่น แล้วมาโดนนโยบาย_____ แบบนี้ เริ่มอิน พอแค่นี้ก่อน เหอะๆ เด๊๋ยวมาม่า ความเห็น คุณ Jazzman ก็น่าเห็นใจครับ แต่มองในมุมกลับบ้าง ถ้าไม่ขึ้นค่าแรงแล้วราคาของมันขึ้น แทบทุกปีอยู่แล้ว อย่างเช่น ราคาอาหารเนี่ยอย่างที่ผมบอกไปก่อนหน้า คือตอนนั้นบะหมี่แถวบ้านผม ราคา 25 พอราคาน้ำมันขึ้นไป peak ตอน 2008 ขึ้นราคาเป็น 30 หลังจากนั้นราคาน้ำมันตกไปมากกลับไม่ลดราคาลงอยู่ดี ฉะนั้นเท่าที่เห็นการปรับราคาอาหาร ไม่ได้ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบเท่านั้น ยังขึ้นอยู่กับความพึ่งพอใจและจังหวะของคนขายด้วย (เพราะขึ้นแล้วต่อให้ต้นทุนวัตถุดิบต่ำลงก็ไม่ลดราคาให้อยู่ดี) ส่วนเรื่องค่า น้ำมัน ค่าไฟต่างๆมีขึ้นมีลงนะครับ แต่ trend ค่าไฟแพงขึ้นเรื่อยๆอยู่แล้ว จากต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่สูงขึ้น มะนาว 9 บาท ปีนี้เข้าใจว่าผลผลิตน้อยเพราะแล้งจัดแต่ไม่ได้เป็นแบบนี้ทุกปีหรอกครับ ปีที่ผลผลิตเยอะก็ราคาตกต่ำ อันนี้ก็ต้องช่วยชาวไร่ ชาวนาเขาเหมือนกัน (ผมว่ากลุ่มเกษตกรนี้แหละน่าเห็นใจที่สุด) ส่วนเรื่อง SMEs ลำบากนั้น เป็น trend ที่เกิดกับประเทศที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกอยู่แล้ว ปลาใหญ่กินปลาเล็กเป็นสัจจะธรรม ปลาเล็กที่อยู่รอดได้ก็คงต้องรีบขยายหรือไม่ก็ไปในน่านน้ำใหม่ๆที่การแข่งขันไม่สูงแหละครับ ถ้าจากคำบอกเล่าของคุณ Jazzman มานี้คงเป็นธุรกิจที่ใช้คนมาก การปรับราคาขายยากเพราะไม่มีความแตกต่างจากจ้าวอื่น ทำให้เกิดภาระต้นทุนที่สูงขึ้นมาก คงต้องหาทางออกแบบนอกกรอบเข้ามาช่วยในการ add value ให้กับ products แล้วครับ ปล. ขอให้หาทางออกเจอนะครับ :D โดย Sumotin จันทร์ เม.ย. 15, 2013 8:28 pm

Re: Supply Shock กำลังจะมาอีกรอบ จริงๆ ค่าข้าวนี่ไม่น่าจะเป็น labor intensive ที่จำเป็นต้องขึ้นราคาตาม ค่าแรง 300 บาทที่เพิ่มขึ้นนะครับ อาจจะมีผมกระทบต่อต้นทุนบ้างจากพวกราคาวัตถุดิบ แต่ก็น้อยมากเพราะราคาวัตถุดิบหลักๆเป็น commodity products ซึ่งมีขึ้นมีลงอยู่ดี ผมว่าจริงๆ เป็นจังหวะฉวยโอกาสขึ้นราคามากกว่า ผมจำได้ช่วงราคาน้ำมันขึ้นไปสูงๆ บะหมี่แถวบ้านผมจาก 25 ขึ้นเป็น 30 บาท พอราคาน้ำมันลงไม่เห็นลดราคาบ้างเลย :( โดย Sumotin อังคาร เม.ย. 09, 2013 8:41 am

Re: "น้ำแข็งไฟ" อนาคตพลังงานของมนุษยชาติ Methane hydrate ผมว่ายังเป็นอนาคตอีกไกลครับต้องดูต้นทุนว่า competitive หรือเปล่าด้วย เพราะจริงๆอเมริกาก็มีเยอะเหมือนกัน ตัวที่สำคัญและมาในไม่เกิน 3 ปีนี้ก็คือ Shale Gas แหละครับ โดยประเทศที่ได้รับผลดีสุดคือ USA เพราะมีโครงสร้างของท่อก๊าซที่พร้อมที่สุด จริงๆจีนมีเยอะเหมือนกันแต่โครงสร้างพื้นฐานสู้ไม่ได้ครับต้องขยายให้ครอบคลุมอีกเยอะ และการมาของ Shale gas จะทำให้ราคาก๊าซในประเทศ US ต่ำต่อไป จริงๆแล้วราคาก๊าซใน US เริ่มต่ำลงตั้งแต่ปี 2005 แล้วจากการเริ่มของ shale gas ในบ้างพื้นที่ นอกจากก๊าซที่เพิ่มขึ้นนี้ยังไปช่วงอุตสหกรรมต่อเนื่องของ US พวก Petrochem ต่างๆด้วย ถ้าตามข่าวดูมีหลายๆบริษัทไปลงทุนใน US แล้ว เพราะต้นทุนมันจะถูกกว่าที่อื่นยกเว้น middle east ที่ยังเป็นที่ที่ถูกที่สุดอยู่ดี โดย Sumotin อังคาร เม.ย. 02, 2013 9:54 pm

Re: เปิดตำนาน"โครงการโฮปเวลล์" เห็นด้วยครับ หนี้ของเก่ายังใช้ไม่หมด(1.4 ล้านล้านบาท) ยังกู้เพิ่มอีก จุดจบก็เห็นเห็นกันอยู่ครับ ผมว่าต้องมองหลายมุมนะครับคุณ SAM11 การสร้าง infrastructure เป็นเรื่องหลักของรัญที่ต้องทำอยู่แล้วเพื่อผมประโยชน์ในด้านการแข่งขันกับประเทศอื่นๆ และการพัฒนา ศก. ในประเทศให้เกิดการทำธุรกรรมระหว่างกันมากขึ้น รวมทั้งยังมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นในระยะยาวอีกด้วย (เท่าที่เข้าใจไม่ได้จ่าย 2.2 ล้านๆที่เดียวมีช่วงเวลาในการพัฒนาหลายปี) โดยส่วนตัวผมส่งเสริมให้ทำ แต่ต้องมีการตรวจสอบที่ดีและชัดเจนครับ เพราะประเทศอื่นๆเข้าพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานกันอย่างต่อเนื่องนะครับ เอาง่ายๆ พม่าตอนนี้ก็เปิดให้มีการลงทุนให้มีการเข้าไปในประเทศมากมายเพื่อพัฒนาประเทศเขาโดยให้ต่างชาติถือหุ้นได้ 100% ด้วยซ้ำ(ถ้าจำไม่ผิดนะครับ) แต่ถ้ามาในไทยทำแบบนี้คงโดนข้อหาขายชาติเป็นแน่ :P โดย Sumotin พฤหัสฯ. มี.ค. 28, 2013 6:30 pm

Re: เปิดตำนาน"โครงการโฮปเวลล์" เห็นด้วยกับคุณ miracle ครับ ความผิดพลาดต้องเรียนรู้เพื่อมาปรับปรุง แต่โครงการที่สำเร็จก็ต้องเรียนรู้เช่นกัน (สนามบินสุวรรณภูมิ, BTS, etc.) เพื่อพัฒนาให้ดีขึ้น อันนี้จะสุดยอดมากๆครับ :D โดย Sumotin พฤหัสฯ. มี.ค. 28, 2013 5:50 pm

Re: ข้อมูล 2.22 ล้านล้าน แบบ รอบด้านครับ(เพื่อประโยชน์แก่การ คุณ canuseeme พอดีบางท่าน post ไปผิดกฎข้อ 1 ครับ เลยโดย lock ไป เห็นด้วยครับ การลงทุนนี้จะเปลี่ยนประเทศในเรื่องการลดต้นทุนการขนส่งและความสามารถในการแข่งขันโดยรวมของประเทศ และการ connect ระหว่างเมืองมากขึ้น น่าจะเกิดการหมุนเวียนในระบบ ศก. ในประเทศที่มากขึ้นครับ ถ้าคนสามารถเดินทางได้สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=47014 โดย Sumotin จันทร์ มี.ค. 25, 2013 11:06 pm

Re: จริงหรือ ที่ ปตท เอาเปรียบคนไทย ปตท จะเอาเปรียบหรือไม่ก็แล้วแต่ความคิดและข้อมูลที่ได้รับของแต่ละบุคคลครับ แต่ที่แน่ๆคนไทยโดนนักการเมืองเอาเปรียบแน่นอนครับ ตอนขายหุ้นใหม่ๆนักการเมืองอ้างสารพัดสุดท้ายก็แอบให้นอมินีในรูปกองทุนต่างประเทศต่างๆไปซื้อ ผมจำได้ตอนวันจองบางคนไปรอตั้งแต่เช้าสุดท้ายก็ไม่ได้แม้แต่หุ้นเดียว(นักการเมืองบอกว่าหุ้นน้อยไม่มีทางที่จะได้ทุกคน แต่กลับเอาหุ้นจำนวนมากไปให้กองทุนต่างประเทศ ถ้าเอาหุ้นส่วนนี้ไปกระจายให้ประชาชนที่สนใจจริงๆผมว่าน่าจะพอนะ แต่นักการก็ออกมาพูดอีกแหละว่าให้ต่างชาติมาถือราคาหุ้นจะได้มีสเถียรภาพมากกว่ารายย่อยชาวไทย ดูเลห์เหลี่ยมนักการเมืองเอาเถอะครับ(จะต้องให้บอกไหมครับว่านักการเมืองคนนั้นคือใคร จำได้ไหมเอ่ย) โกงกันไม่รู้จักพอ ประชาชนได้แต่มองตาปริบๆ บางคนน่าสมเพศมากกว่าตรงที่ไปเข้าข้างนักการเมืองอีกเช่น เค้าก็โกงทั้งนั้น โกงแล้วมีผลงานก็ช่างมันเถอะ เฮ้อ ขอให้ตัวเองได้แค่เศษเดนของเค้าก็พอใจแล้ว อย่าเปลี่ยนประเด็นไปไกลครับ ดูกฎของเวปบ้างนะครับ อีกอย่างช่วงที่เข้าหลังจาก IPO ราคา PTT ก็ต่ำกว่าจองอยู่เป็นปีเหมือนกันนะครับ บางช่วงลงไปถึง 29 บาทด้วยซ้ำ นี่ก็เป็นโอกาสให้นักลงทุนลงทุนได้ไม่ใช่หรือครับ?? ส่วนเรื่องข้อมูลมีอยู่เยอะแยะให้อ่านอยู่แล้วเลือกอยู่ว่าจะเชื่อฝ่ายไหน ลองคิดย้อนไปถึงเหตุผลกันบ้างก็ดีนะครับ ว่าืำทำไมต้องแปรรูป อย่างแรกประสิทธิภาพ อย่างที่ 2 ทรัพยากรในประเทศก็ลดลงเรื่อยๆ ถ้าไปทำให้บริษัทเป็นสากลและเข้าไปลงทุนในต่างประเทศ ก็ไม่ได้ทรัพยากรนั้นมาหรอกครับ นอกจากถ้าไม่ทำก็ซื้อตรงจากต่างประเทศเท่านั้นแหละครับ โดย Sumotin จันทร์ มี.ค. 25, 2013 1:00 pm

Re: "น้ำแข็งไฟ" อนาคตพลังงานของมนุษยชาติ ที่อยู่ของมีเทนรอบนี้ มันอยู่ใต้ทะเลลึกมิใช่หรือ ถ้าไม่ลึก มีเทน จะละเหยเป็นก๊าซ ไม่มีวันที่รวมกับน้ำได้ ที่รวมได้อยู่ภายใต้แรงกดดันอันมหาศาลจากน้ำทะเลลึก เดี๋ยวจะเป็นแบบหินน้ำมันที่เจอปัญหาขุดเจาะไม่ได้เพราะขาดแคลน้ำ อันนี้ขุดมิได้ เพราะลึกเกินไป :) ไม่ลึกไปหรอกครับ ไม่เกิน 2km ของ Petrobras มี pre salt deepwater น่าจะมากกว่า 10 km ครับ หลักๆพวกนี้ขึ้นอยู่กับต้นทุนครับ ถ้าราคาน้ำมันหรือ gas ไม่ถึงจุดคุ้มทุนก็ไม่มีคนทำอยู่ดีครับ โดย Sumotin จันทร์ มี.ค. 18, 2013 9:03 pm

Re: ถ้าลงทุนแบบนี้ จะได้หุ้นแบบใหน มีเงินลงทุน 5 แสนบาทแบ่งการลงทุนเป็น 1. กลุ่มแรก 250,000 บาท ลงทุระยะยาวจนกว่าพื้นฐานเปลี่ยน เพื่อหวังปันผลโดยเน้นผลตอบแทนไม่น้อยกว่า 7 % 2. กลุ่มเน้นหุ้นเติบโตลงทุน 100,000 บาท ระยะลงทุนเวลา 1 - 3 ปี ทยอยขาย - ซื้อเมื่อราคากำไรมากกว่า 1 เท่าตัว 3. หุ้นที่คิดว่าน่าจะ turn around ลงทุน 100,000 บาท ลงทุนยาวไม่เกิน 2 ปี ทยอยขายเมื่อกำไรมากกว่า 1 เท่า หรือขายทันที่เมื่อครบ 2 ปี 4. หุ้นการพนัน ( เก็งกำไร - ปั่น ) ลงทุน 50,000 บาทแบบซื้อ - ขายรายวัน ขอคำแนะนำครับหุ้นแต่ละกลุ่มมีอะไรบ้าง ถ้ายังต้องถามแบบนี้ลงแบบไหนก็เจ๊งครับ ลองกลับไปทบทวนตัวเองใหม่ดีกว่า เพราะการลงแต่ละแบบรูปแบบในการคิดก็ต่างกันเอามาปนกันจะมั่วได้ครับ อีกอย่างทำไมต้องมีจุดทยอยขายเมื่อถึง 1 เท่าตัว มันอาจไปได้ไกลกว่านั้นมากนะครับจริงๆแล้ว โดย Sumotin พฤหัสฯ. ก.พ. 21, 2013 7:58 am

Re: 300 บาทพ่นพิษ! รง.โคราชเจ๊งแล้ว 6 แห่ง เลิกจ้าง 800 ผมว่าค่าแรงขั้นต่ำก่อนปรับต่ำจริง แต่ฝีืมือแรงงานก็ต่ำด้วยใช่หรือไม่ การขึ้นค่าแรง 300 บาทสมควร แต่การขึ้นแบบหักดิบและไม่มีแนวทางในการปรับโครงสร้างฝีมือแรงงานสมควรหรือไม่ แนวทางที่รัฐบาลทำ ผมว่่าเราก็รู้กันอยู่นะครับว่าวัตถุประสงค์จริง ๆ แล้วเพื่ออะไร แล้วที่ผมได้ลองถามกับแรงงานรายวันว่ารายได้เป็นอย่างไร หลาย ๆ คนกลับบอกว่ารายได้ลดลง (ลด OT) และผมเชื่อว่าคนเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่อยู่ในสถานภาพจะพัฒนาได้ด้วยตนเอง ต้องได้รับการสนับสนุนจากองค์กรหรือรัฐ ถ้าปรับค่าแรง แต่ก็ต้องพัฒนาฝืมือขึ้นไปรองรับค่าแรงที่สูงขึ้น ก็แสดงว่าค่าแรงที่ผ่านมาไม่ได้ต่ำเกินไปจริง ๆ ดังนั้นเหตุผลน่าจะเป็นว่าอุตสาหกรรมของไทยต้องปรับเปลี่ยนจากอุตสาหกรรมแรงงานไปเป็นอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีเพราะอนาคตเราจะแข่งขันเรื่องต้นทุนไม่ได้ น่าจะถูกต้องมากกว่านะครับ ผมว่าอันนี้ก็มองมุมเดียวไปนะครับ ที่บอกแรงงานไม่มีฝีมือผมว่าไม่จริง แรงงานกับงานมันต้อง match กัน ธุรกิจที่ค่าแรงต่ำปกติก็เป็นธุรกิจที่ไม่ได้ใช้ฝีมือแรงงานอะไรอยู่แล้ว เมื่อเป็นธุรกิจที่ขึ้นกับแรงงานอย่างเดียว ผู้ประกอบการก็พยายามไม่ขึ้นค่าแรงอยู่แล้วเป็นธรรมดา แต่ต้องถามย้อนกลับไปว่าผู้ประกอบการอยากพัฒนาหรือเปล่า หรือขายอย่างที่เป็นๆมาก็พอ ถ้าเป็นเช่นนั้นไม่นานประเทศที่มีค่าแรงต่ำกว่าก็ต้องมาแทนที่อยู่ดี ถ้าอยากให้ภาคแรงงานมีฝีมือมากขึ้น ธุรกิจก็ต้องพัฒนาเหมือนกันไม่งั้นถึงมีฝีมือก็ไม่ได้งานที่ทำคุ้มกับความสามารถอยู่ดี ก็จะเกิดการสมองไหลไปทำงานเมืองนอกแทน การที่รัฐขึ้นค่าแรงทันทีก็เป็นการปรับฐานของคนกลุ่มใหญ่ของประเทศ (อย่ามองแค่ตัวเรานะครับ เราอาจจะมีโอกาส มีความรู้เยอะกว่าคนอื่น แต่คนอื่นๆที่ไม่มีโอกาสเขาก็ควรได้รับบ้างเหมือนกัน) ทั้งที่ผ่านมาค่าครองชีพขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อมีเงินมีอะไรมากขึ้นความกังวลเกี่ยวกับฐาน หรือการส่งเสริมลูกหลายให้ได้รับการศึกษาที่สูงขึ้นมันก็จะตามมาเองครับ ให้ปากกัดตีนถีบไปวันๆ ไม่มีเวลาคิดอะไรแล้วครับ ผมยกตัวอย่างเพื่อนผมเป็นผู้รับเหมา โทรมาบ่นกับผมเรื่องค่าแรงขึ้นต้องหารายได้เพิ่มอีกเท่านั้นเท่านี้ แต่ผมดูมันเองก็ขับเบนซ์ กินดีอยู่ดี ไปเที่ยวต่างประเทศ ผมจึงเห็นว่าเหตุมันเกินจากการได้ลดลง หรือไม่พยายามหารายได้มาเพิ่มเอง (ขี้เกียจ) ส่วนประเด็นเรื่องการเปลี่ยนอุตสาหกรรมไปเป็นเทคโนโลยี ผมมองกลับอีกมุมของคุณ Little Duck ครับ ผมมองว่างานต้องมาก่อนแล้วแรงงานจะตามมาเองถ้าผลตอบแทนสูงพอ ถ้ารอให้แรงงานมีแต่ไม่มีงานทำก็ไม่มีใครอยากฝึกตัวเองไปในสาขานั้นๆหรอกครับ เพราะผลตอบแทนมันเป็น negative หรือไปอีกทางหนึ่งคือไปทำที่เมืองนอกแทน โดย Sumotin พุธ ก.พ. 13, 2013 9:48 am

Re: คำถามที่สงสัยผมเป็นมือใหม่ครับ ถ้าเป็นผมนะครับ ผมต้องถามตัวเองก่อนว่าผมมีศึกษาตัวอื่นอยู่อีกไหม ถ้าผมไม่ได้ทำอะไร ก็ต้องดูว่าต่อจากนี้ไป บริษัทนี้จะโตไปอีกเท่าไหร่ โดยที่ผมหวัง return ต่อปีเท่าไหร่ ครับ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าผมหวัง return ที่ 20% ต่อปี ก็ประมาณการณ์ได้ว่าจาก fair value ที่ 100 ของปีนี้ ถ้าราคาอยู่ที่ 120 แปลว่า upside gain สำหรับปีหน้าผมหมดไปแล้ว อย่างไรก็ตามผมก็ต้องทบทวนตัวธุรกิจว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปไหม ถ้าพื้นฐานไม่เปลี่ยนแปลง และผมมีหุ้นอื่นที่ให้ผมตอบแทนมากกว่าผมจะขายครับ ในทั้ง 2 กรณี ปกติผมไม่ได้ยึดติดกับราคาทุนนะครับ ดูไว้เล่นขำๆ ที่ดูคือราคาปัจจุบันกับ potential upside ครับ ถ้ายังมี upside อยู่เยอะก็ยังสามารถถือลงทุนต่อได้ ในทางกลับกันราคาลงเพราะพื้นฐานเปลี่่ยน ก็ขายได้โดยไม่ต้องดูต้นทุนครับ โดย Sumotin พฤหัสฯ. ก.พ. 07, 2013 7:18 pm

Re: CIO กองทุนบัวหลวง พูดเรื่องการลงทุนครับ กองทุนเก่งๆในไทยมีครับ. จากที่ซื้อ LTF มาหลายๆปี​ โดยเฉพาะของปี 2009 ที่ขาย ปี 2013 (ต้นปี) ผมได้กำไร 160% กว่าๆ :roll: (เก็บประมาณ 4 ปี เฉลี่ย ปีละ 40%) แถมได้ส่วนลดภาษีอีก.. สรุป ผมก็ยังคงแบ่งเงินซื้อต่อไปครับ 5555 กำไร 160% ในสี่ปี ถ้าจะเฉลี่ยใช้ CAGR นะครับ ได้ประมาณ 27% ต่อไป ครับ เพราะเป็นเงินทบต้น ^^ อย่างไรก็ตามกองทุนดีๆก็มีถ้าเราไม่สามารถลงทุนได้ชนะกองทุนนี้ในระยะยาวก็ซื้อมันซะเลย โดย Sumotin พฤหัสฯ. ม.ค. 24, 2013 9:26 am