หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
benzkanin
Joined: อังคาร ม.ค. 28, 2020 4:53 pm
118
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
2
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - benzkanin
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: ที่พึ่งทางใจของการลงทุนหุ้นเทคที่ขาดทุน
ขอบคุณมากๆเลยคร๊าบบบ
โดย
benzkanin
พุธ พ.ค. 12, 2021 8:54 pm
0
0
Re: รับจองมีตติ้งวีไอภาคใต้ ไตรมาส 1/2564
จอง 1 ที่ครับ
โดย
benzkanin
จันทร์ พ.ค. 03, 2021 7:56 pm
0
0
Re: เป็นนักลงุทนปัจจัยพื้นฐานคนเดียวท่ามกลางคนรอบตัวที่เป็นสายอื่น มีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจกันอย่างไรบ้างครับ
ขอบคุณมากคับ
โดย
benzkanin
พุธ ก.พ. 03, 2021 12:30 pm
0
1
Re: การประเมินมูลค่าหุ้นเทคโนโลยีที่ขาดทุน
ขอบคุณ อ ตี่ และ อ หลินมากๆครับ
โดย
benzkanin
เสาร์ ม.ค. 23, 2021 5:25 pm
0
1
Re: รับจองมีตติ้งวีไอภาคใต้ ไตรมาส 3/2563
เสียดายรอบนี้ติดธุระ ไม่ได้ไปครับ
โดย
benzkanin
ศุกร์ ต.ค. 23, 2020 11:00 am
0
1
Re: **เปิดรับสมัคร** Thai VI Global Forum เปิดประตูสู่หุ้นต่างประเทศ
สมัครร่วมงานครับ
โดย
benzkanin
ศุกร์ ต.ค. 09, 2020 9:01 pm
0
0
Re: **เปิดรับจอง** CV@AUCT บมจ. สหการประมูล - (วิสิท 18 ก.ย.63)
จอง1 ที่(ไปเองครับ)
โดย
benzkanin
พฤหัสฯ. ก.ย. 03, 2020 10:01 am
0
0
Re: ทำไมเราต้องลงทุนหุ้นต่างประเทศ? มาแชร์กันครับ
ผมไปลงทุนต่างประเทศ เพราะ หุ้นไทยช่วงหลังปี 2012 มันเริ่มแพงครับ พอไปดูหุ้น Tech ที่สหรัฐฯ ดู Forward P/E Google หรือ FB อยู่ที่ 10 เท่า ทั้งๆ ที่หุ้นไทย P/E เกือบ 20 ผมก็เลยเริ่มไป ตอนแรกก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตอนที่ผมไป Present หุ้น Google ชวนนักลงทุนไทยด้วยกันไปต่างประเทศ ถึงไม่มีใครสนใจไปด้วยแม้แต่คนเดียว คิดย้อนกลับไปก็คงจะเป็นอย่างที่ LinZhi ว่า คือ Status Quo Bias คนที่ฟัง Present คงจะรู้สึกว่าจะเหนื่อยไปทำไม ทั้งๆ ที่ไอ้ที่ทำอยู่ในไทยกำลังออกดอกออกผล วิธีการเดิมๆ ก็รวยดีอยู่แล้ว ในขณะที่โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่ได้แคร์เรื่องความรวยอะไรมากมาย ผมแคร์เรื่องวิธีการมากกว่าผลลัพธ์ ผมรู้สึกชอบและปรารถนาความไม่มีตัวตน การที่พอร์ตเริ่มใหญ่ในไทย ทำให้ความมีตัวมีตนเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นภาระที่รู้สึกอยากสลัดมันทิ้ง การไปต่างประเทศ ไปเป็น nobody น่าจะมีความสุขมากกว่า แถมธุรกิจที่ต่างประเทศก็ศึกษาสนุกกว่า ว้าวกว่าเยอะ แถมไม่มีเรื่องที่น่าตะขิดตะขวงใจอย่างเรื่อง Governace และ Coruption แบบเมืองไทย ตอนปี 2014 ผมลองศึกษาและลงทุนหุ้นจีนดู แต่สุดท้ายก็รู้สึกว่าไปไม่รอด เพราะ รู้สึกว่าติดตามยาก แถมช่วงนั้นอยากใช้เวลากับการปฏิบัติธรรมมากกว่า เลยขายหมูหุ้นตกรถกันไปหลายเด้ง ปี 2020 รอบนี้ผมกลับมาลงทุนจีนใหม่ ด้วยมุมมองใหม่ๆ ว่ากิจการอะไรที่จะสร้าง Positive Impact ได้แรงๆ ให้กับคนจีนสังคมจีน และมีแนวโน้มที่จะแพร่ขยายไปสู่ประเทศอื่นๆ ช่วงปี 2018 พอผมเห็นปัญหาเรื่อง Deglobalization ช่วงต้นปี Valuation หุ้นไทยก็แพง ผมเลยล้างพอร์ตไทยที่เหลือไปต่างประเทศทั้งหมด ผมสังเหตุว่าในช่วงที่ผ่านมานักลงทุนไทยเริ่มที่จะสนใจหุ้นต่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ จนช่วงปีนี้รู้สึกว่ากระแสจะแรงมาก ซึ่งเท่าที่เห็นกระแสมันก็เป็นแบบนี้กันทั้งโลกไม่ใช่แค่ในประเทศไทย และผมเชื่อว่ากระแสแบบนี้แหละที่มันจะก่อให้เกิดฟองสบู่ลูกที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ตอนที่ผมเริ่มเอาเงินออกไปต่างประเทศตอนปี 2012-2013 ผมก็คิดมาตลอดว่า วันหนึ่งผมคงต้องเอาเงินกลับเข้ามาในไทยเพื่อเอามาใช้จ่าย โดยตั้งใจจะหามาหุ้นที่ปลอดภัยเน้นถือกินปันผลในระยะยาว ผมรอเวลาที่ตลาดหุ้นไทยจะอยู่ใน Valuation ที่พอที่จะเหมาะสมกับการลงทุน ก็มอง SET เอาไว้ที่ประมาณ 1,000 จุด พอมันลงมาแตะ ช่วง COVID ผมเลยลองปรึกษาพี่ที่นับถือคนหนึ่งว่าถ้าอยากจะเอาเงินกลับไทยบางส่วน ควรจะเอาไปลงทุนอะไร แต่คำตอบกลับเป็นเรื่องที่ผมแปลกใจมาก พี่เค้าบอกผมว่า ผมควรที่จะเอาเงินเอาไว้ที่ต่างประเทศ แทนที่จะเอากลับไทย ไม่รู้สิ ผมคิดว่าถ้าผมได้รับคำแนะนำแบบนี้ สมมติฐานที่คิดเอาไว้ว่า จะเกิดฟองสบู่ลูกที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ คงจะจริง เพราะ ถ้าการลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะ หุ้น Tech เป็นทางเลือกเดียวที่เหลือในการลงทุน (There Is No Alternative - TINA) ก็ไม่แปลกที่ราคาหุ้น Tech จะแพงขนาดนี้ ตอนนี้ผมหาไม่เจอแล้วว่ามีหุ้น Tech อะไรถูกๆ หุ้นต่างประเทศที่ผมถืออยู่ทุกวันนี้ คือ หุ้นที่ถือโดยอาศัยความเชื่อล้วนๆ เชื่อในตัวสินค้า เชื่อในตัวบริการ เชื่อว่านี่คือกิจการที่จะทำให้โลกนี้ดีขึ้น เชื่อว่าในตัวผู้ก่อตั้ง เชื่อในทีมบริหาร แต่ไม่มีความเชื่อเลยแม้แต่น้อยว่า Valuation ณ ขณะนี้จะเป็น Valuation ที่เรามั่นใจว่าจะได้กำไร ตามหลักการการลงทุนแบบเน้นคุณค่า ไม่เหมือนกันลงทุนในช่วงก่อนๆ หน้าที่ทุกครั้งที่ซื้อ ผมซื้อด้วยความมั่นใจพอสมควรว่าน่าจะกำไร หากกิจการพัฒนาการไปตามทิศทางที่ควรจะเป็น ด้วยเหตุนี้ การลงทุนในช่วงนี้ ผมเลยทำใจเอาไว้เลยว่า ผมจะขาดทุนแน่ๆ ในระยะสั้น ผมจึงต้องอาศัยความเชื่ออีกชุดหนึ่งที่เข้ามาประกอบการลงทุน เพื่อที่จะสามารถถือลงทุนในระยะยาวได้ โดยพยายามที่จะเชื่อให้ได้ว่า ถึงแม้ว่าผมจะขาดทุน อย่างน้อยกิจการนี้ก็ทำให้ชีวิตของคน ชีวิตของผู้บริโภคดีขึ้น เป็นธุรกิจมีผู้บริหารมี Passion เป็นองค์กรที่ถูกผลักดันด้วยเจตนาที่ดีที่พยายามจะสร้างผลกระทบในเชิงบวกให้กับสังคม เป็นเงินส่วนที่ผมตั้งใจว่าจะบริจาคให้กับการกุศลทั้งหมดตอนตาย แต่ตอนนี้อยากจะเอามาลงทุนสนับสนุนคนที่ทำสิ่งดีๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม และนี่ก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกถึงความจำเป็นในการเอาเงินบางส่วนกลับประเทศไทย เอามาลงทุนอะไรบางอย่างที่ปลอดภัย เพราะถ้าฟองสบู่แตกสักวัน อย่างน้อยเราก็ยังมีเงินเหลือเอาไว้ใช้จ่ายบ้าง เงินที่อยู่ต่างประเทศก็เป็นเงินที่ตั้งใจที่เอาไว้ใช้บริจาคอยู่แล้ว คิดแบบนี้อาจจะพอทำให้ลงทุนได้โดยสงบ และไม่รบกวนกับการศึกษาธรรม และปฏิบัติธรรมของผม ดังนั้นสำหรับคนที่จะคิดไปต่างประเทศช่วงนี้ ผมขอเตือนไว้เลยนะครับ ว่าไม่ง่าย แถมหุ้นราคาแพง แต่หุ้นแพงไม่ได้หมายความว่าจะไม่แพงขึ้นไปอีก ไม่ได้หมายความว่าจะมีโอกาสได้กำไร จริงๆ แล้วช่วงฟองสบู่นี่ คนเล่นหุ้นจะรวยกันเร็วมาก กำไรง่ายกันซะจนคิดว่าเราเป็นเซียนหุ้นอัจฉริยะ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วคนเล่นทุกคนก็ได้กันหมด ฝีมือจะวัดกันจริงๆ ต้องไปวัดกันตอนฟองสบู่แตก ว่าจะเอาตัวรอดกันยังไง แต่การที่หุ้นในช่วงนี้แพง ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีพื้นฐาน ไม่มีทฤษฎีรองรับนะครับ เพราะ ถ้าเราลองใช้หลักการ First Principle ดู ย้อนกลับไปที่รากฐานหลักที่สุดของระบบเศรษฐศาสตร์ ระบบเศรษฐศาสตร์ในอดีตที่ใช้มาถึงปัจจุบัน เป็นหลักที่พยายามทำความเข้าใจ และพยายามหาแนวทางที่ทำให้ Economic Agent (มนุษย์โดยรวม) มีความสุข (Maximize Utility) แต่ปัญหา คือ ข้อจำกัดของระบบเศรษฐศาสตร์ดั้งเดิมที่ถูกสร้างขึ้นมาจากเงื่อนไขที่ว่าทรัพยากรต่างๆ ที่มีอยู่อย่างจำกัด (Scarcity) เลยทำให้ได้ข้อสรุปว่าตัวเลขการบริโภคหรือการผลิต จะเป็นตัวแทนของความสุขของมนุษยชาติ จึงทำให้เกิดตัวเลข GDP การจ้างงาน และ Inflation ตามมา ทั้งๆ ที่ข้อสมติฐานเรื่อง Scarcity กำลังถูกทำลายลงด้วย Technology Innovation Technology Breakthru ที่เกิดขึ้นในระดับ Exponential ที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กันในช่วงนี้และกำลังจะเกิดขึ้นต่อไป ทำให้ระบบเศรษฐกิจของเราที่เดินทางจากยุค Scarcity ในอดีต มาสู่ยุค Post-Scarcity อย่างในปัจจุบัน และกำลังเดินหน้าไปสู่ยุค Abundance Economy ซึ่งสุดท้ายแล้วหากเทคโนโลยีของเราสามารถเปลี่ยนแปลงพลังงานจากดวงอาทิตย์ที่มีมากมายมหาศาลมาเป็นทรัพยากร (มวล) และ พลังงานได้ ยุคยูโธเปียที่จะมาถึงในอนาคต จะทำให้ระบบเศรษฐกิจเปลี่ยนรูปแบบไปอย่างสิ้นเชิง อย่างล่าสุดเทคโนโลยีพลังงาน Solar ก็ได้เดินทางมาถึงจุด Inflection Point เมื่อกลางปี 2019 ที่ผ่านมา เมื่อค่าใช้จ่ายในการผลิตไฟฟ้าจาก Solar ถูกกว่าต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าจากโรงงานถ่านหินแล้ว ถูกในระดับที่ว่า ถ้าเราปิดโรงงานไฟฟ้าถ่านหินทั้งหมด แล้วสร้างโรงไฟฟ้าจากพลังงาน Solar ก็คุ้มกว่าที่จะทำแล้ว เลยทำให้หุ้น Solar วิ่งอย่างรุนแรงตลอดช่วงที่ผ่านมา ลองจินตนาการดูว่าชีวิตของคุณที่ทุกอย่างเป็นของฟรี กับ มีเทียบกับชีวิตที่ต้องเสียเงินซื้อของ ชีวิตแบบไหนดีกว่ากัน ในมุมของผู้บริโภคแล้ว ของฟรีย่อมดีกว่าของที่เสียเงิน แต่ถ้าดูตัวเลขทางเศรษฐศาสตร์แล้ว ถ้าทุกอย่างเป็นของฟรี GDP จะเท่ากับศูนย์ ในขณะที่ถ้าทุกอย่างเสียเงิน GDP จะมีค่ามากกว่าศูนย์ จะเห็นได้ว่าตัวเลขทางเศรษฐศาสตร์ในยุค Scarcity มันเอามาใช้ในยุค Abundance ไม่ได้อีกต่อไป (จริงๆ แล้ว ในทางเศรษฐศาตร์ เราต้องไปดูที่ Consumer Surplus มากกว่า แต่ Consumer Surplus เป็นสิ่งที่วัดค่าได้ยากมาก) ในยุค Abundance หมายความว่า คนจะไม่มีปัญหาเรื่องอาหารการกิน ไม่มีปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย และยารักษาโรคอีกต่อไป หากเราจะ Maximize Utility หรือ Maximize Happiness แล้ว ความสุขของคนในบันได Maslow จะไปอยู่ที่ 3 ขั้นสุดท้าย และการจะ Maximize Utility ของคน ก็คือการเล่นกับเคมีในสมองของคน COVID-19 ทำให้เกิด Digital Transformation ในระดับก้าวกระโดด และนั่นทำให้ต้นทุนที่ทำให้เกิดเคมีในสมองหลายๆ อย่างหายไป เมื่อข้อจำกัดในการเคลื่อนย้ายสิ่งที่เป็น Physical เกิดขึ้น การเดินทาง ขนบธรรมเนียม เดิมๆ ก็หายไป หากพิจารณาในแง่มุมนี้แล้ว Digital Transformation ที่เกิดขึ้นในช่วง COVID-19 ทำให้เกิด Quantum Leap ของปฏิกิริยาทางเคมีในสมองของคน ยกตัวอย่างเช่น ในอดีตการจะเข้าไปฟัง เข้าไปพูดคุยกับคนเก่งๆ คุณต้องได้รับเชิญ จอง เดินทางไปฟังสัมมนา แต่ COVID-19 ได้เปิดโอกาสใหม่ๆ อย่างที่ไม่เห็นเป็นมาก่อน อย่างในช่วงที่ผ่านมานักลงทุนกระเหรี่ยงๆ จากประเทศด้อยพัฒนาอย่างผม ได้รับโอกาสฟังคนเก่งๆ ระดับโลก ออกมาพูดนู้นพูดนี่ แชร์นู้น แชร์นี่เยอะแยะเต็มไปหมด ผ่านทาง Webinar ทาง Zoom ทาง YouTube อย่างที่ไม่มีโอกาสตอนก่อนเกิด COVID-19 ความพยายามในการติดต่อ สื่อสาร แชร์ข้อมูลในช่วงที่ผ่านมามากเป็นประวัติการณ์ และทำให้เคมีในสมองของผมเกิดขึ้นมากมายมหาศาล ซึ่งผมเชื่อว่าคนหลายๆ คนในโลกอาจจะได้มีโอกาสเปลี่ยนชีวิตตัวเองจริงๆ ในช่วงที่ผ่านมา และถ้าหากเรานับกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามจำนวน Connection และ Activity ทางข้อมูลที่เกิดขึ้นผ่านทาง Connection แล้ว จะพบว่าการสื่อสารทางข้อมูลที่มีคุณภาพในช่วงที่ผ่านมาก้าวกระโดดอย่างเหลือเชื่อ ซึ่งผมเชื่ออย่างแรงกล้าว่า ตัวเลขจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่พัฒนามาจากทฤษฎีทางเศรษฐศาตร์แบบดั้งเดิม มันไม่สะท้อนต่อพัฒนาการของมวลมนุษยชาติ ณ ขณะนี้ ตอนนี้เราอยู่ในขอบเขต พื้นที่ ที่ทฤษฎีดั้งเดิมต่างๆ ใช้ไม่ได้อีกต่อไป และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่อาจจะเข้ามารองรับว่า ทำไมกิจการหลายๆ ตัว Valuation ถึงแพงหูฉี่ เพราะ จริงๆ แล้วปริมาณและคุณภาพของ Connection ที่เกิด Activity ทาง Digital ไม่สะท้อนมาที่ตัวเลขทางการเงินอะไรเลย เป็นผลที่ทำให้ Valuation ดูอะไรไม่ได้อีกต่อไป อย่างไรก็ตามตลาดที่คึกคักแบบนี้ ของปลอมมันจะปนเข้ามาเยอะมาก และถือแม้จะเป็นของจริง แต่ความรุนแรงจากการแข่งขันในอนาคตก็ทำให้อนาคตมีความไม่แน่นอนสูงมาก และเมื่อคนยอมรับใน Valuation แบบ P/S ได้ Focus ไปที่ TAM ที่ผู้บริหารและนักวิเคราะห์มโนขึ้น ซึ่งมันอาจจะเป็นจริงหรือไม่จริงก็ได้ การที่เข้ามาลงทุนในช่วงนี้ โดยไม่รู้และไม่เข้าใจกิจการนั้นจริงๆ มีวิธีการในการติดตามกิจการนั้นๆ อย่างถูกต้อง มันอาจจะเป็นหนทางแห่งความตายของคุณได้เลย คำถามที่คุณควรถาม คือ ทำไมคุณถึงได้เปรียบที่เหนือกว่าคนอื่น และถ้าคุณคิดว่าคุณไม่ได้มีข้อได้เปรียบที่มากกว่าคนอื่นเค้า คุณต้องถามตัวเองต่อว่าคุณมี Money Management และ Risk Management อย่างไร แต่ถ้าคุณมั่นใจว่ามีข้อได้เปรียบคนอื่น คุณเก่งกว่าคนอื่น ก็เล่นไปเถอะครับ อัดไปเถอะครับ ถือตัวเดียวสัดส่วนเยอะๆ แบบสมัยที่คุณเล่นหุ้นไทยเถอะครับ ถ้าคุณเก่งจริง ถ้าคุณเหนือว่าจริง คุณรวยแน่นอนกับตลาดแบบนี้ ------------------------------------------------------------------------------------ จากประสบการณ์ที่ไปลงทุนต่างประเทศมาประมาณ 8 ปี แม้ว่าผมจะรู้สึกว่าผมไม่ค่อยรู้อะไรเท่าไร ยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไร ก็ยิ่งรู้ว่าตัวเองรู้น้อยขนาดไหน แต่ผมก็ขออนุญาตแชร์ข้อมูลอะไรสักเล็กน้อยเผื่อจะเป็นประโยชน์นะครับ (ขออภัยหากสิ่งที่แชร์ไม่เป็นประโยชน์ และทำให้เสียเวลาในการอ่าน) 1) ในการเอาเงินออกไปลงทุนต่างประเทศ ถ้าคุณมีสินทรัพย์เกิน 100 ล้านบาท ผมแนะนำว่าเปิดพอร์ตกับ Interactive Broker (IBKR) แล้วเอาเงินออกทางช่อง QI (Qualified Investor) ที่ ธปท เปิดเอาไว้ดีกว่าครับ เพราะ ที่ IBKR เป็น Broker เดียวที่ผมศึกษามาว่านักลงทุนไทยสามารถเปิดพอร์ตได้โดยตรง และ เปิดง่าย สัปดาห์เดียวก็เรียบร้อย ค่าธรรมเนียมถูก Access Product ได้เยอะมาก จะเล่น Futures Option จะกู้ Margin ดอกก็ถูกเหลือเกิน จะ Short หุ้นก็ทำได้สบายมาก หรือจะเขียนโปรแกรมให้ Trade อัตโนมัติก็ทำได้ 2) นักวิเคราะห์ที่ต่างประเทศเค้าเก่งกันมากครับ ที่มีให้อ่านฟรี หรือเสียเงินเล็กน้อยให้อ่านจากเน็ต ผมคิดว่าคุณภาพยังสู้บทวิเคราะห์จาก House ใหญ่ๆ อย่าง BOAS, GS, MS, CITI ไกลอยู่ครับ (ผมว่า Broke ฝั่ง US ดีกว่าทางฝั่งยุโรปเยอะครับ) เวลาพวกนี้เค้าวิเคราะห์กัน นักวิเคราะห์ที่ตามอุตสาหกรรมหนึ่งๆ คือ เค้าทุ่มเทชีวิตและเวลาในการติดตาม Sector นั้นๆ ทำ Paper ที่ดีที่สุด เพื่อให้กองทุนระดับโลกอ่าน ดังนั้นเวลาผมจะศึกษาอุตสาหกรรมอะไรใหม่ๆ อย่างล่าสุด ผมศึกษาพวก Health Tech ผมจะเริ่มจาก Paper ของ House พวกนี้ เวลาเค้าเล่าเกี่ยวกับอุตสาหกรรมนี้ มันเป็นภาพที่ทั้งกว้างและลึก Paper บทวิเคราะห์อันหนึ่งความยาวเป็นร้อยหน้าครับ หนังสือที่เราคิดว่าอ่านกันเยอะแล้ว มาเจอบทวิเคราะห์ของ House ใหญ่ๆ เค้าทำนี่มันสุดๆ จริงๆ มันจะช่วยให้เราประหยัดเวลาทำการบ้านของเราไปเยอะมาก 3) ดังนั้นถ้าไม่ได้เน้นเรื่องซื้อขายค่าธรรมเนียมถูกๆ ผมแนะนำว่าให้เอาเงินออกทาง QI ไปเปิดพอร์ตกับ Broker ใหญ่ๆ ที่สิงคโปร์เลยครับ Access ที่เข้าถึง Paper พวกนี้นี่ คุ้มค่า คุ้มความพยายามมากๆ ถ้าคุณเน้นเรื่องการวิเคราะห์ในเชิงลึก ที่แนะนำว่าควรเปิดพอร์ต Access System ของเค้าเลย เพราะว่า มันจะมี Paper Thematic หรือ Paper Industry แปลกๆ ที่คุณควรเข้าไปขุดขึ้นมาอ่านเอง ถ้าคุณไปขอ Paper เป็นหุ้นรายตัว สุดท้ายสิ่งที่คุณได้มันจบแค่นั้น แต่ถ้าคุณได้ไปอย่าง Paper ที่เขียนในเชิงวิเคราะห์ Theme วิเคราะห์ Industry มันจะขยายความเข้าใจ และ Investment Universe ของคุณ ที่คุ้มค่าความพยายามในการเปิดพอร์ต และค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้นมากๆ 4) เมื่อคุณได้ Access ไปที่ Paper ดีๆ และถ้ามีโอกาสได้ Conference Call ดู Presentation ของนักวิเคราะห์ ได้ฟังคนเก่งๆ มากเข้าๆ คุณจะยิ่งรู้สึกว่าตัวว่าเราเล็กลงยิ่งกว่าเดิม ความรู้สึกของผมทุกวันนี้ คือ ยิ่งได้รู้ ยิ่งได้อ่าน ยิ่งได้ฟัง ตัวตนของผมทุกวันนี้ แทบจะกลายเป็นผุยผงไปแล้วครับ ความมั่นใจที่มีมากถูกทำลายหมดจนสิ้นซาก ได้กลายเป็นคนที่ไร้ตัวตน เป็น Nobody สมความตั้งใจ พยายามเอาชิ้นส่วน ผุยผงที่กองอยู่ตามพื้นมาเขี่ยๆ ดู ว่ายังพอเหลืออะไรที่จะเอามาใช้ในการลงทุนได้บ้าง ดังนั้น นี่คือ คำเตือนนะครับ ว่าถ้าอยากที่จะรักษาอัตตาอันยิ่งใหญ่คับฟ้าของตัวเองเอาไว้ อย่าอ่านมากหรือศึกษามากจนเกินไป ยิ่งรู้ว่าคนระดับโลกเค้าเก่งกันขนาดไหน ยิ่งเสีย Self ครับ ถ้าอยากรักษาอัตตาตัวเองเอาไว้ รู้ไม่ต้องมาก แต่ให้รู้มากกว่าคนไทยอื่น แล้วพูดให้มากๆ เผยแพร่ให้มากๆ โดยหลักทางพุทธแล้ว การพูดมากๆ จะเป็นการพอกพูนอัตตา (อัตตวาทุปาทาน) การอ่าน การฟังมากๆ จะเป็นการทำลายอัตตา พยายาม Balance การพูดกับฟังเพื่อรักษาอัตตา รักษาความมั่นใจ เพื่อการอยู่รอดของตัวเองในระยะยาว 5) กำไรและความสำเร็จในการลงทุนไม่ได้หมายความว่า คุณต้องเก่งกว่าคนอื่น คุณต้องรู้มากกว่าคนอื่น คุณรู้ไม่ต้องมาก คุณแค่รู้ในสิ่งที่สมควรรู้ และโชคดีบ้าง แค่นี้ก็พอแล้วครับ อย่างที่พี่ WEB เคยพูดๆ ติดขำๆ ให้ผมฟังว่า เราต้องรู้จักทำบุญ ไหว้พระ สวดมนต์เอาไว้บ้าง เพราะ เรื่องที่เราไม่รู้มันยังมีอยู่อีกเยอะจริงๆ 6) เครื่องมือ เครื่องไม้ แนวคิดที่มืออาชีพต่างประเทศเค้าใช้กันมันสุดๆ จริงๆ ครับ เค้าใส่ Assumption เอาไว้เลยว่างบแต่บรรทัด ตัวเลขไหน เค้าให้ความสำคัญ พองบออก Feed เข้าระบบอัตโนมัติ ระบบทำการโยนซื้อขายอัตโนมัติตอนงบออก ดังนั้น เกมส์ๆ นี้ คำถาม คือ คุณจะเอาตัวรอดให้ได้อย่างไร ในเมื่อคุณแพ้เรื่องความเร็วและความสามารถในการวิเคราะห์งบแน่ๆ แถม Valuation ไม่ใช่เพื่อนของเราอีกไปแล้ว 7) เพื่อนของเราบางทีเค้าก็อาจจะหลงทางเหมือนเรา หรือหลงทางยิ่งกว่าเรา เวลาคนหลงทางเจอกัน คุยกันก็นึกว่าอีกคนรู้ทาง คุยกันไปคุยกันมาก็ยิ่งคิดกันไปเองว่าเราพึ่งอีกคนได้ เพราะ มันดูเก่งดีนะ งั้นลอกหุ้นมันละกัน ลอกกันไปลอกกันมา สุดท้ายเรากำลังลอกข้อสอบคนที่ไม่รู้เหมือนกันทั้งคู่ ซึ่งจริงๆ ผมว่าไม่มีใครรู้อะไรจริงๆ หรอกว่าอนาคตมันจะเป็นยังไง การลงทุนมันถึงยาก และทำไมเราถึงต้องมี Margin Of Safety ถึงแม้ว่าผมจะลงทุนมาก่อน 8 ปี ผมบอกได้เต็มปากเต็มคำเลยครับ ว่า ทุกวันนี้ผมก็หลงทางอยู่เหมือนกัน อย่ามาถามทางผมว่าเดินไปทางไหนจะประสบความสำเร็จ เอาแค่ว่าเดินผ่านไปทางไหนมาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาแล้วยังไม่ตาย ยังมีชีวิตอยู่ แค่นั้นพอ 8) เมื่อเริ่มลงทุนในต่างประเทศ คุณกำลังเดินเข้าไปในเขาวงกตที่ดูดดื่ม กลืนกินเวลาคุณเป็นอย่างมาก บอกได้เลยครับว่าศึกษาเท่าไรก็ไม่จบ อ่านเท่าไรก็ไม่พอ ดังนั้นแบ่งเวลาให้ดี ทำเท่าที่ทำได้ ได้แค่ไหนก็พอแค่นั้น สุดท้ายตอนตายเราก็เอาเงินไปไม่ได้สักบาท สุขภาพทางกายและใจของเรา ครอบครัว และคนรอบๆ ตัวสำคัญกว่าครับ ที่สำคัญทรัพย์ที่พระพุทธเจ้าบอกว่าเอาไปได้หลังความตาย มี 7 อย่างครับ สั่งสม ก็สั่งสมสิ่งที่เอาไปได้หลังความตายนิดนึง เพราะ เงิน ความสำเร็จในชาตินี้ ยังไงก็เอาข้ามไปไม่ได้ สุดท้ายถ้าคุณลงทุนต่างประเทศ โดยเน้นไปที่ความสุขและความสนุกในการได้เห็นและศึกษากิจการดีๆ ทำสิ่งดีๆ ที่เป็นประโยชน์ให้กับโลก ใส่เงินเข้าไปตามระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมกับความเข้าใจและ Valuation มีความเชื่อ และทัศนคติที่ถูกต้อง มีเครื่องมือหน้าตักอย่างเหมาะสม คุณจะสนุกกับมันครับ แม้ว่าในระยะสั้นอาจจะผิดพลาด ผิดหวัง แต่ความสนุกจากการศึกษา และความเพียรพยายามที่ใส่มันเข้าไปเรื่อยๆ ในระยะยาวแล้ว ผมเชื่อว่ามันจะออกดอกออกผลอย่างแน่นอนครับ ขอบคุณมากนะคับ
โดย
benzkanin
จันทร์ ส.ค. 17, 2020 9:49 pm
0
0
Re: กระทู้รับสมัครหลักสูตรการลงทุนแบบเน้นค่า รุ่น 17
สมัครเรียน
โดย
benzkanin
จันทร์ ส.ค. 03, 2020 9:02 am
0
0
Re: รับจองมีตติ้งวีไอภาคใต้ ไตรมาส 2/2563
จอง 1 ที่ครับ
โดย
benzkanin
เสาร์ ก.ค. 18, 2020 8:24 pm
0
0
Re: **เปิดรับสมัคร VI 101 ** - วันนี้ 10.00 น.
ลงทะเบียน
โดย
benzkanin
ศุกร์ ก.ค. 10, 2020 10:00 am
0
0
Re: **เปิดรับ** CV@DOHOME บมจ. ดูโฮม - (วิสิท 5 ก.พ.63)
ขอ 1 ที่ครับ
โดย
benzkanin
พุธ ม.ค. 29, 2020 10:11 am
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
benzkanin
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
อังคาร ม.ค. 28, 2020 4:53 pm
ใช้งานล่าสุด:
อาทิตย์ มิ.ย. 20, 2021 6:25 pm
โพสต์ทั้งหมด:
54 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.01% จากโพสทั้งหมด / 0.06 ข้อความต่อวัน)
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว