มือใหม่มาก มีเงินทุน 500,000 อยากได้ผลตอบแทน 20% ต่อปี อยากได้ปันผลอย่างน้อย 10,000 ต่อเดือน  ปีหนึ่งก็คือ 120,000 บาท โดยทั่วๆไปหุ้นให้ปันผลประมาณ 5% นั่นคือต้องมีพอร์ตใหญ่ประมาณ 2.4 ล้านบาทครับ (120,000/0.05) ถ้าเริ่มต้นด้วยเงิน 500,000 บาทและทำได้ผลตอบแทนทบต้น 20% ต่อปี  ต้องใช้เวลาประมาณ 9 ปี เพื่อให้พอร์ตกลายเป็น 2.4 ล้าน (500,000*1.2^9) อยากได้แบบความเสี่ยงต่ำๆ  ไม่ต้องหาหนังสืออ่าน  มันยากมาก  ไม่งั้นทุกคนคงรวยกันไปหมดแล้ว  อย่างที่เค้าว่ากันว่า High Risk High Return คุณอยากได้ผลตอบแทนสูงๆโดยไม่มีความเสี่ยง  มันคงไม่เกิดขึ้นง่ายๆ ความเสี่ยงนั้นเรากำจัดไม่ได้  แต่เรา จำกัด มันได้โดยการเพิ่มพูนความรู้และความเข้าใจในสิ่งที่เราลงทุน โดย smart_investor จันทร์ พ.ค. 05, 2008 11:25 pm

ESOP ของ WG กับ HOMEPRO เรื่อง ESOP ของ WG ที่เป็นประเด็นขึ้นมา ผมคิดว่ามาจากเงื่อนไขที่ไม่เหมาะสม 3 อย่าง 1. จำนวน ESOP ที่ออกเทียบกับปริมาณหุ้นสามัญที่มีคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงมาก 2. การกระจาย ESOP ที่ได้ให้แก่ผู้บริหารผู้หนึ่งมากจนเกินไป(หรือเปล่า?) 3. ราคาแปลงสภาพที่ต่ำกว่าราคาตลาดมาก ไม่พูดถึง HMPRO ละกันนะครับ  แต่ผมพูดถึงการออก ESOP ในเมืองไทยที่ผมเห็นส่วนมากก็มักจะมีเงื่อนไขที่ไม่เหมาะสมทั้งนั้น แต่ส่วนมากจะเป็นเรื่องราคาแปลงสภาพที่ต่ำกว่าราคาตลาดมาก  ทำให้พอหมด silent period ผู้บริหารที่ได้ ESOP ก็ทยอยขายทำกำไรออกมาทันที  ไม่ได้ถือต่อเพื่อเป็นเจ้าของ ทีนี้พอเป็นของ WG มันดันไม่ใช่แค่เรื่องราคาแปลงสภาพอย่างเดียวน่ะสิครับ  เลยอาจทำให้หลายๆท่านเกิดความรู้สึกรับไม่ได้ขึ้นมา ผมกลับคิดว่าถ้า WG เปลี่ยนเงื่อนไขหลายๆอย่าง เช่นปริมาณการออก  ESOP แค่ 0.25%  แล้วกระจายกันให้ทั่วๆหน่อย  ถึงราคาแปลงสภาพจะเป็น10 บาทเหมือนเดิม  เผลอๆมันจะผ่านมติไปตั้งแต่ปีที่แล้วรึเปล่าก็ไม่รู้นะครับ (คนอื่นผมไม่รู้  แต่ผมคงโหวตผ่านนะครับ) โดย smart_investor เสาร์ เม.ย. 26, 2008 1:57 pm

เครดิตภาษี เงินปันผล ปีนี้ช้ากว่าทุกปี??? ผมยื่นไปตั้งแต่วันที่ 11 ก.พ.  ยังไม่ได้คืนเลย  พอโทรไปถามวันนี้  เจ้าหน้าที่บอกว่าได้ครับเอกสารครบแล้ว จะพิจารณาและจ่ายเช็คคืนให้ใน 90 วัน  ผมเลยถามว่าไม่ใช่ 15 วันเหรอครับ  เค้าก็ตอบว่าตามกฎหมายแล้ว 90 วันค่ะ  เซ็งเลยครับ โดย smart_investor ศุกร์ ก.พ. 29, 2008 10:18 am

รอมาตั้งนาน คิดว่า ราคาถูกแล้ว ซื้อเสร็จตกทุกวันเลย ผมยังรออยู่ครับ ขอให้มี MOS มากกว่านี้แล้วค่อยเข้าครับ โดย smart_investor พุธ พ.ย. 21, 2007 6:33 pm

ช่วยรบกวนเพื่อนๆ น้องๆ ช่วยวิจารณ์พอร์ทด้วย เอ่อ ถามนิดครับ มีหุ้นกู้แปลงสภาพ แล้วมีข้อเสียอย่างไรหรอครับ ผมก็สนใจมากตัวนี้ มีหุ้นกู้แปลงสภาพ ก้อต้องดูราคาแปลงสิครับว่าเท่าไร  ถ้าราคาหุ้นเกินราคาแปลงไปมากๆ ก็เตรียมใจรับ dilution effect กันละ อืมแต่ถ้า growth เยอะจริงๆ ก็คงพอจะช่วยกันได้มั๊งครับ โดย smart_investor อังคาร ก.ย. 25, 2007 12:01 am

ขอความเห็น พอร์ตใครเป็นแบบนี้บ้าง ดูภาพพอร์ตโดยรวมแล้ว ผมไม่แนะนำให้ล้างพอร์ตหมดนะครับ  อุตส่าห์ทนถือมาได้ขนาดนี้  แต่น่าจะลองพิจารณาว่าที่ผ่านมาผิดพลาดไปตรงไหนบ้าง  จะได้ไม่พลาดเหมือนเดิมอีก ผมมองหุ้นที่อยู่ในพอร์ตเป็นสองกลุ่มหลัก 1. หุ้นปั่น / หุ้นตามข่าว / หุ้นผีบอก  ถ้าจะเล่นหุ้นประเภทนี้ผมแนะนำว่าต้องเล่นเร็วและกล้า cut loss ครับ  ถ้าหุ้นไม่ขึนไปอย่างที่เค้าว่ากันแต่ตกลงมาแทนต้องมีจุดทิ้งครับ จะเป็น 5,10 หรือ 15% ก็ว่ากันไป 2. หุ้นมีพื้นฐานแต่เข้าผิดจังหวะ  ถ้าพื้นฐานยังดีอยู่ ก็คงพอถือได้  แต่ต้องอาศัยเวลาหน่อยให้มันฟื้นตัว  แต่ถ้าพื้นฐานเปลี่ยนแล้วแย่ลง ก็ต้องคิดอีกที หุ้นในกลุ่มที่หนึ่งน่าจะขายทิ้งแล้วเอาเงินไปลงทุนหุ้นที่เราเข้าใจมันครับ นี่เป็นความเห็นส่วนตัวของผมสำหรับหุ้นบางตัวในพอร์ตของคุณครับ - KH ถือได้  รอตามข่าวการปรับรายได้ประกันสังคม  ถ้าปรับขึ้นมาก  น่าจะทำให้กำไรต่อหุ้นดีขึ้น - PSL ถือไว้ก่อน แล้วหมั่นเข้าไปดูค่าระวางเรือที่ http://www.dryships.com/index.cfm?get=report ถ้าค่าระวางยังเป็นขาขึ้นอยู่  ก็น่าจะพอถือแล้วรอขายที่ราคาทุนได้  แต่ถ้าค่าระวางเป็นขาลงก็เตรียมสละเรือไว้ก็ดีนะครับ - CP7-11 ต้องตามข่าวเรื่องโลตัสที่จีนครับ  น่าจะเป็นปีหน้าช่วงไตรมาส1-2 ถึงจะเคลี่ยร์  ราคาตอบครับข่าวนี้มาระดับหนึ่งแล้ว  ถ้าเคลียร์ได้ตามข่าว ราคาก็น่าจะดีดกลับไปได้ สำหรับตัวอื่นๆ ความรู้ไม่พอครับ รอให้ท่านอื่นๆมาให้ความเห็นเพิ่มเติมดีกว่าครับ โดย smart_investor พฤหัสฯ. ก.ย. 13, 2007 1:52 pm

ไม่มีหัวข้อ โดย smart_investor อังคาร ส.ค. 28, 2007 9:20 pm

ใครถือหุ้นตัวไหน ได้กำไรเป็นท่วมมากทีสุด ถือนานแค่ไหน จริงๆแล้วถ้านับหุ้นที่เคยได้กำไรจากการ เล่นหุ้น เป็นท่วมๆ ก็จะมีมากกว่านี้หน่อยนึงครับ  แต่ผมว่านับเฉพาะการ ลงทุน ดีกว่าครับ  พวกที่เป็นการเก็งกำไรหรือหุ้นปั่นนี่ปัจจุบันเลิกแล้วครับ ถ้าเอาตามช่วงเวลาที่ซื้อก็ตามนี้ครับ UMS ซื้อช่วง Oct-2005 ทุนเฉลี่ยประมาณ 15.10 (ก่อนแตกพาร์) ขายหมดแล้ว     Jul-2007 ราคาขายเฉลี่ย  21.80 (หลังแตกพาร์) เหคุผลในการซื้อช่วงนั้นหลักๆเป็นเรื่องของแนวโน้มพลังงานทดแทน  เนื่องจากราคาน้ำมันสูงขึ้นเป็นอย่างมาก  ทำให้ผู้ประกอบการหันมาใช้ถ่านหินแทน   และอีกส่วนนึงเป็นเรื่องของโครงการคลังสินค้าที่จะช่วยเพิ่มปริมาณการเก็บได้อย่างมีนัยสำคัญครับ สรุป  กำไร 189%  ในระยะเวลาประมาณ 1 ปี 10 เดือน KH   ซื้อช่วง Feb-2006 ทุนเฉลี่ยประมาณ 3.08         ยังคงถืออยู่ ปัจจุบัน (27-Aug-2007) ราคา  9.10 เหตุผลในการซื้อ มาจากการได้มีโอกาสอ่านบทความการวิเคราะห์ของพี่ IH ครับ ว่ากำไรของ KH จะเติบโตแบบก้าวกระโดด จากการรับเหมาจ่ายจากภาครัฐเฉพาะผู้ป่วยนอก ส่วนผู้ป่วยในเปลี่ยนเป็นเหมาจ่ายตามจริง, และจากการที่รัฐบาลปรับเงินให้กับโรงพยาบาลที่เข้าโครงการ 30 บาทต่อหัวเพิ่มขึ้น สรุป  กำไร 195% (Unrealized gain)  ในระยะเวลาประมาณ 1 ปี 6 เดือน SNC ซื้อช่วง Sep-2006 ทุนเฉลี่ยประมาณ 5.40 ยังคงถืออยู่ ปัจจุบัน (27-Aug-2007) ราคา  15.70 ตัวนี้หลักๆแล้วมาจาการอ่านข้อมูลในร้อยคนร้อยหุ้นครับ  ชอบตรงที่กำไรเติบโต ปันผลต่อเนื่อง และมีแนวโน้มการเติบโตของกำไรขึ้นเรื่อยๆ  โดยอาศัยช่วงทีรายได้ของ SNC เพิ่ม แต่ Gross Margin ตกจากการผลิตและขาย Metal Sheet เป็นจังหวะเข้าซื้อครับ สรุป  กำไร (Unrealized gain) 191%  ในระยะเวลาประมาณ 1 ปี สุดท้ายอยากขอฝากหลายๆท่านไว้ครับว่าตัวเลขที่เห็นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของ Port ผมซึ่งแสดงไว้เฉพาะตัวที่ได้กำไรเป็นท่วมๆ ตามที่พี่ Jeng กำหนดไว้  จริงๆแล้วใช่ว่าหุ้นทุกตัวที่ซื้อหรือลงทุนจะได้กำไรขนาดนี้ครับ  มันก็มีตัวที่ขาดทุนรวมอยู่ด้วยครับ   ดังนั้นสำหรับหลายๆท่านที่ยังคงเป็นมือใหม่เช่นเดียวกับผม  อยากจะฝากให้ทำการบ้านในบริษัทที่ตนเองลงทุนอยู่ให้ดี   เพื่อ จำกัด ความเสี่ยงจากการลงทุนให้ได้มากที่สุดครับ โดย smart_investor จันทร์ ส.ค. 27, 2007 2:04 pm

คิดย่างไรกับ 3 วันแดงเดือด สำหรับผม ถ้าหุ้นลงมาเยอะๆ แล้วรู้สึกว่าหุ้นถูกมากๆ แต่ไม่มีเงินซื้อแล้วละก้อ ผมใช้ Margin เลยครับ เป็นท่าไม้ตายของผม แต่ช่วงนี้ผมยังใครจะรับก็เชิญไปก่อนเลยครับ  ผมเป็นประเภทชอบต่อราคา  ถ้าไม่ได้ถูกจริงๆ ก็ยังไม่ยอมซื่อครับ โดย smart_investor พุธ ส.ค. 01, 2007 10:02 pm

Re: มือใหม่ครับ ฝากตัวด้วยครับ ขอปรึกษาหน่อยครับผม ตอนแรกคิดไว้ว่าจะลงทุนในกองทุนรวมต่างๆ สัก 300,000 และอีก 100,000 ลงทุนในหุ้นแบบเน้นคุณค่า จัดพอร์ตยาวๆ ไปเรื่อยๆ ไม่ทราบว่าพอไหวไหมครับ ถ้ามีเงินอยู่ 400,000 แล้วเริ่มต้นลงทุนอย่างนี้ ผมว่ามันเสี่ยงเกินไปหรือเปล่าครับ   โดยประสบการณ์ของผมในช่วงเริ่มตันมันเป็นช่วงของการเรียนรู้ มีทั้งถูกและผิด  รวมทั้งเงินต้นบางส่วนอาจหายได้   กว่าจะเข้าที่เข้าทาง หาแนวทางของตัวเอง รวมทั้งสร้างความมั่นใจได้ก็ต้องซักระยะนะครับ ผมคิดว่าน่าจะลดสัดส่วนการลงทุนเมื่อเทียบกับเงินเก็บลงให้อยู่ในระดับที่ถึงเสียหายไปเราก็ไม่เดือดร้อน   แล้วเมื่อเรามั่นใจมากขึ้นกับการลงทุนของเราค่อยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนก็ไม่สายครับ โดย smart_investor จันทร์ ก.ค. 30, 2007 9:51 am

หวัดดีครับ ปล.ช่วงนี้เห็นหุ้นขึ้นแล้วกลุ้มน่ะครับ เนื่องจากยังไม่มีหุ้นในพอร์ตเลย กลัวหุ้นดีราคาถูกจะหมดซะก่อน เฮ้อ..เครียด ไม่ต้องไปกลัวหุ้นขึ้นครับ  ไว้ไปศึกษาหาความรู้ให้แน่นก่อน โอกาสในตลาดหุ้นมีอยู่ตลอดครับ  อยู่ที่ว่าเราจะหาเจอมั๊ย โดย smart_investor พุธ ก.ค. 25, 2007 1:26 pm

แงๆๆ ขายแล้วขึ้นอีกแล้ว ผมคิดว่าสื่งที่คุณทำเป็นการ take profit มากกว่าครับ เพราะถ้าเป็นผมเวลาผมขายหุ้นก็เพราะผมมองว่ามัน over value ไปแล้ว ณ ราคาที่เกินกว่านี้มันอาจจะเสี่ยงเกินที่เราจะรับได้ เราก็ขายออกไป ส่วนการที่ขายไปแล้วมันขึ้นต่อไปอีก ก็คิดซะว่ามันเกินขอบข่ายความรู้ของเรา  เมื่อเราไม่รู้ก็อย่าไปเสี่ยงดีกว่าครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่เชื่อว่าขายหมูย่อมดีกว่าติดดอยครับ โดย smart_investor จันทร์ ก.ค. 16, 2007 10:34 pm

รวยแบบผ่อนส่ง ดีกว่า ที่ จขกท ถามอ่ะครับ แต่คงไม่ดีกว่าที่พี่ akekarat ลงทุนแน่ๆครับ อย่างท่านดร.นิเวศน์ เองก็ลงทุนใน rmf ltf เพื่อเอาผลประโยชน์ทางภาษี แต่ซื้อในวันสุดท้ายของทุกปี คือถ้าเสียภาษีใน rate สูงๆ 20%-30% ขึ้นไป ผมว่าก็คุ้มแล้ว ผมคิดว่าการลงทุนใน RMF หรือ LTF นั้นดีครับโดยเฉพาะคนที่ฐานภาษี 20% ขึ้นไป แต่ผมไม่ค่อยชอบหลักการที่ซื้อช่วงปลายปีปฏิทินที่1 แล้วไปขายต้นปีปฏิทินที่5 เท่าไรครับ เพราะมันเหมือนกับเราสร้าง pattern ในการซื้อและขายขึ้นมาโดยไม่ได้พิจารณาถึงความถูกและแพงของกองทุนที่ซื้อ โดยส่วนตัวผมจะไม่ซื้อ LTF ในช่วงตลาดกระทิงครับ  แต่ผมจะซื้อในช่วงตลาดเหงาๆ  รอจังหวะไปเรื่อยๆครับ  เพราะผมมั่นใจในอารมณ์ของนายตลาดว่าแม้วันนี้ผมจะคว้าโอกาสไว้ไม่ทัน  แต่ก็ยังจะมีโอกาสให้ผมอีกเรื่อยๆ โดย smart_investor พุธ มิ.ย. 13, 2007 11:41 pm

คุยหนักๆนะ ชีวิตลูกจ้างสำคัญกะชีวิตการลงทุนอย่างไร I would suggest that all of you continue working, contributing to national economy, and of course continue your investment (in clever and proper manners). ยกมือเห็นด้วยเต็มที่ครับในจุดนี้ ก่อนนี้ผมเคยตั้งเป้าหมายจะมีอิสระภาพทางการเงิน  จากนั้นก็จะลาออกจากงานที่ทำ แต่หลังจากคิดให้ดีๆแล้วผมกลับค้นพบตัวเองว่า ถึงแม้ในอนาคตผมจะมีอิสรภาพทางการเงินแล้วก็ตาม ผมก็จะยังคงทำงานประจำและก็ยังคงลงทุนควบคู่กันไป แต่ไม่ใช่เพราะอยากได้เงินและไม่รู้จักพอนะครับ   ผมกลับรู้สึกว่ามันเป็นการตอบแทนสังคมครับ  เพราะผมเรียนจบมาได้ก็จากมหาลัยของรัฐ  ใช้เงินของหลวงมาก็ตั้งมาก  ก็อยากตอบแทนประเทศชาติด้วยการสร้างงาน อีกอย่างผมคิดว่าการที่เราแต่ละคนจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้นั้น  นอกจากจะต้องพึ่งความสามารถของตนเองแล้ว อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญก็คือการได้รับถ่ายทอดประสบการณ์และความรู้จากผู้ที่ประสบความสำเร็จในสายอาชีพนั้น ในอนาคตผมอยากเป็นคนๆหนึ่งที่ได้ถ่ายทอดประสบการณ์การทำงานของผมเพื่อช่วยเหลือคนอื่นให้ประสบความสำเร็จครับ โดย smart_investor อังคาร มิ.ย. 05, 2007 11:01 pm

โอว เรา ตกรถอีกแล้วหรือนี่ ผมกลับไม่กลัวเรื่องตกรถครับ  แต่สิ่งที่ผมกลัวมากกว่าคือการติดดอย ผมขอเกาะหุ้นที่เราศึกษาและมั่นใจไปเรื่อยๆดีกว่าครับ  ถ้าเราเห็นโอกาสซื้อเพิ่ม เราก็ซื้อ  ให้ความรู้สึกมั่นใจกว่า ตอนนี้คงเป็นช่วงเวลาของการผึกทักษะ"อดทน" ครับว่าเราจะทำได้ดีแค่ไหน  จะสามารถทนดูหุ้นคนอื่นเค้าวิ่งอย่างกระต่าย  ในขณะที่หุ้นของเราเดินไปอย่างเต่าได้หรือไม่ โดยส่วนตัวผมค่อนข้างเชื่อมั่นครับว่าการที่เราจะประสบความสำเร็จได้นั้น เราต้องรู้จักเฝ้ารอโอกาส  และเมื่อโอกาสนั้นมาถึงก็อย่าไปกลัวที่จะคว้ามันไว้ (หมายถึงว่าเวลาหุ้นพื้นฐานดีๆราคาตกลงมากๆ  ต้องกล้าซื้อครับ) โดย smart_investor อาทิตย์ มิ.ย. 03, 2007 10:04 am

อัตราส่วนเงินลงทุนกับเงินใช้จ่าย โดยปกติผมจะเหลือเงินไว้ไม่ตำกว่า 6 เดือนครับ เพราะเราอาจจะต้องมีการใช้เงินกรณีฉุกเฉินเช่น อุบัติเหตุ หรือ เข้าโรงพยาบาลเป็นต้น ซึ่งเราไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ และแม้ว่าเราจะสามารถขายหุ้นได้เงินมาภายใน 3 วันก็ตาม  แต่เราก็ไม่สามารถทราบอารมณ์ของนายตลาด ณ เวลานั้นได้  ซึ่งทำให้เราอาจจะต้องขายหุ้นของกิจการที่ดีไปในราคาที่ขาดทุนได้ครับ โดย smart_investor พฤหัสฯ. พ.ค. 24, 2007 5:35 pm

ไม่มีหัวข้อ โดย smart_investor จันทร์ พ.ค. 21, 2007 9:18 pm

ไม่มีหัวข้อ โดย smart_investor พุธ พ.ค. 16, 2007 12:16 pm

ไม่มีหัวข้อ โดย smart_investor อังคาร พ.ค. 15, 2007 11:10 pm

เงิน 300000 บาท Glow ,ppm,ntv,ccet,se-ed,scc,drt สำหรับการเริ่มลงทุน ผมคิดว่าเงิน 300,000 ก็ถือว่าไม่มากไม่น้อยเกินไปครับ แต่พอร์ตควรจะโตกว่านี้พอสมควรจึงจะลาออกมาเป็นนักลงทุนเต็มตัวครับ เพราะงั้นแนะนำให้รีบหางานใหม่ที่ตัวเองชอบเร็วๆครับ  จะได้ไม่ต้องเอาของเก่ามาใช้ ส่วนหุ้นในพอร์ต  ผมอยากแนะนำให้ลดจำนวนหุ้นในพอร์ตลงครับ  ด้วยพอร์ตขนาดนี้ผมว่ามีหุ้นซัก 3-4 ตัวก็น่าจะเพียงพอ  เพื่อที่เราจะได้มีเวลาศึกษาแต่ละตัวอย่างจริงจัง และค้นหาหุ้นที่สามารถสร้างกำไรได้อย่างเป็นกอบเป็นกำพบครับ ส่วนเรื่องหุ้นรายตัวขอไม่ comment นะครับ  เพราะเดี๋ยวเข้าข่ายชี้นำราคาหุ้น   :D โดย smart_investor จันทร์ พ.ค. 14, 2007 3:09 pm

พี่ๆที่ขอเครดิตภาษีสูงๆโดนตรวจสอบบ้างไหมครับ เราสามารถเพิ่มโอกาสได้เครดิตภาษีเพิ่มเติมมากกว่านี้ได้ป่าวเพราะว่าแค่ภาษีบุคคลธรรมดาก็เสียมากกว่าได้ภาษีคืนครับ งั้นคงต้องไปหาบริษัทที่จ่ายภาษีในอัตราสูงๆ พี่เทพเป็นไงครับจ่ายภาษี 50% รับรองว่าคุณ sarayuth007 จ่ายภาษีไม่ถึง 50%แน่ เครดิตคืนได้อื้อซ่าเลยครับ เอ  แต่หุ้นแบบนี้มันก็หายากแฮะ  แหะ แหะ แหะ :wink: โดย smart_investor อาทิตย์ พ.ค. 13, 2007 9:03 pm

งบ PTT Q1 กำไรลดฮวบ กำไรลดลง 5% นี่เรียกว่า "ฮวบ" เลยเหรอครับ ผมว่าลดลงนิดเดียวเองนะครับ  ดีกว่าที่ผมคิดไว้เสียอีก แต่ถ้าราคาหุ้นลงแบบ "ฮวบฮาบ" เนี่ยสิ  อาจเป็นโอกาสที่ผมจะได้เป็นผู้ถือหุ้น PTT กะเค้ามั่ง   :) โดย smart_investor อาทิตย์ พ.ค. 13, 2007 10:29 am

ใครขาย cp7-11 ออกไปก่อนมันขึ้นรอบนี้บ้าง ผมคิดว่าหลายๆท่านที่ขายคงมีเหตุผลของตัวเองอยู่แล้วครับ PE สูงปรี๊ด 26-27 เท่าอย่างนี้ E ต้องโตอีกเท่าไรถึงจะตาม P ทันครับเนี่ย ส่วนตัวผมคิดว่าขายก็ไม่แปลก  ส่วนถ้าจะถือต่อก็คงต้องถามว่าสบายใจหรือไม่ MOS พอหรือเปล่า  ถ้าคิดว่ายัง ok ก็ถือต่อไปครับ แต่ถ้าคิดจะซื้อเราคงต้องมาดูในแง่ของพื้นฐานธุรกิจว่าจะสามารถเติบโตให้ทันราคาหุ้นที่วิ่งไปดักรอไว้แล้วได้หรือไม ปล. ผมไม่ได้มีหุ้นตัวนี้นะครับ เป็นแค่ความเห็นส่วนตัวเฉยๆ โดย smart_investor ศุกร์ พ.ค. 11, 2007 7:48 pm

ดีเหลือเกิน ขอขำด้วยคนครับ  ที่ผ่านมาเห็นมีแต่เชียร์ขายกันนี่ครับ  :rofl: แต่พอคนเริ่มเชียร์กันมากๆเนี่ย  รู้ึสึกเริ่มอันตรายนิดๆครับ ยิ่งถ้าทุกโบรกเชียร์ซื้อนี่ยิ่งต้องระวังประวัติศาสตร์ซ้ำ้รอย  ดอยคอยอยู่เชียว :doi: โดย smart_investor ศุกร์ พ.ค. 11, 2007 4:30 pm

Kimeng ไม่มีค่าคอมขั้นต่ำ สำหรับ internet แล้ว แล้ว cash account มันต่างกับ credit account หรือ credit balance ยังไงเหรอครับ :? Cash account ต่างกับ credit balance มากครับ  อธิบายง่ายๆก็คือ cash account นั้นเราใช้เงินของเราเล่นหุ้น  จะได้กำไรหรือขาดทุนก้อเรื่องของเราครับ ส่วน credit balance นั้นคือไปกู้เงินคนอื่นมาเล่นครับ  ต้องเสียดอกเบี้ยในอัตราประมาณ 6%(ลองไปเช็คตัวเลขล่าสุดดูครับ  ผมไม่ค่อยได้ update เรื่องนี้นัก)  ข้อดีคือถ้าเล่นได้กำไรก็จะเพิ่มขึ้นเร็ว  แต่ถ้าขาดทุนก็จะหมดตัวเร็วยิ่งกว่าครับ ยกตัวอย่าง credit balance เช่นเราเปิดบัญชี credit balance แล้วเรามีหุ้น PTTEP อยู่ ห้าแสนบาท  ไม่มีเงินซื้อหุ้นแล้วอยากกู้งินมาซื้อหุ้น PTTEP เพิ่มอีก ก็จะสามารถซื้อหุ้น PTTEP ได้อีกห้าแสนบาท ตรงนี้ค้องไปเช็คดูในรายชื่อหุ้นที่ทางโบรกอนุญาตให้เล่น margin ครับ  มีทั้งให้แบบ 50/50, 60/40, 70/30 และบางตัวไม่ยอมให้เล่น margin เลย  อย่าง PTTEP จะเป็นแบบ 50/50 คือมีเงินส่วนของเรา 50 ก็กู้มาเล่นได้ 50 มาต่อครับ หลังจากใช้บัญชี credit balance กู้เงินมาซื้อ PTTEP แล้วเราก็จะมีมูลค่าทรัพย์สิน หนึ่งล้านบาท ครับ (ผมใช้คำว่าทรัพย์สินเพราะมันมีทั้งส่วนของเรา และส่วนของเจ้าหนี้ครับ)  หากหุ้นตัวนี้ขึ้น สิ่งที่เราต้องทำก็แค่ขายหุ้นเรานำเงินไปใช้หนี้บวกดอกเบี้ย  กำไรส่วนที่เหลือก็เป็นของเรา แต่ถ้าหุ้นตกลงมาถึงจุดนึง  ทางโบรกซึ่งอยู่ในฐานะเจ้าหนี้ก็กลัวหนี้สูญซิครับ  เค้าก็จะเรียกให้เรานำเงินสดมาวางเพิ่มในบัญชีเพื่อรักษาสมดุลของทรัพย์สินในส่วนของเราและเจ้าหนี้ครับ  ปัญหาจะอยู่ตรงที่หากเราไม่สามารถนำเงินมาวางเพิ่มได้  เราก็จะถูกบังคับขายหุ้นในราคาขาดทุนเพื่อนำไปใช้หนี้ครับ คร่าวๆก็ประมาณนี้ครับ ผมขอแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวเกี่ยวกับ credit balance ที่น่าจะเป็นประโยชน์ดังนี้ครับ 1.หุ้นที่ผมสนใจหลายๆตัวไม่สามารถใช้ margin เล่นได้ เนื่องจากเป็นหุ้นตัวเล็กๆ ที่ตลาดไม่ให้ความสนใจ  หรือถ้าได้ margin ก็จะเป็นแบบ 70/30 2.อย่าใช้วงเงิน margin จนหมดครับ  ให้เผื่อเหลือไว้ว่าถ้าหุ้นตกเราจะได้ไม่ต้องไปหาเงินมาใส่เพิ่ม โดย smart_investor พฤหัสฯ. พ.ค. 10, 2007 6:04 pm

Kimeng ไม่มีค่าคอมขั้นต่ำ สำหรับ internet แล้ว บัญชี cash balance balance account มันต่างกับ cash account ยังไงครับ ขอบคุณครับ ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดนะครับ Cash account ที่คุณ Tatandchin ใช้อยู่ปัจจุบัน เวลาสั่งซื้อและสั่งขาย จะต้องชำระเงิน/ได้รับเงินใน T+3 วันครับ  นั่นคือสมมติวันนี้เราซื้อหุ้น 1,000,000 บาท  เราไม่จำเป้นต้องมีเงิน 1,000,000 บาทในวันนั้น  สำคัญคือในวันที่ T+3 ให้เราโอนเงินเข้าบัญชีนั้นครับ ส่วน Cash balance account นั้นเวลาจะเปิดบัญชีต้องเอาเงินไปฝากไว้กับโบรกเกอร์ก่อนครับเช่นฝากไว้ 1,000,000 บาท ก็จะได้วงเงินเท่านั้นในการซื้อหุ้น  ซึ่งมี่ความต่างกันดังนีั้ครับ * เมือใช้วงเงินเต็มแล้ว  อยากซื้อหุ้นเพิ่ม  ต้องขายหุ้นเดิมทิ้งก่อนเพื่อให้ได้วงเงิินคืนมาแล้วนำวงเงินนี้ไปซื้อหุ้นใหม่  จะใช้วิธีซื้อก่อนแล้วขายเพื่อให้ net กันเหมือนกรณี cash account ไม่ได้ หรือไม่อย่างนั้นก็ต้องฝากเงินเข้าไปใน cash balance account เพิ่มก่อนจึงจะซื้อหุ้นเพิ่มได้ * ถ้าหากเราฝากเงินไว้ในพวกตราสารหนี้  แล้วใช้วิธีซื้อหุ้นก่อน จากนั้นค่อยขายหน่วยลงทุนเพื่อให้ได้เงินใน T+2 แล้วนำไปชำระค่าหุ้นในวันที่ T+3 จะใช้ได้เฉพาะกรณี cash account เท่านั้น  ไม่สามารถใช้กับพวก cash balance account ไ้ด้ * สุดท้าย  หากคิดเล่น net settlement (ซึ่งผมคาดว่าพวกเราคงไม่เล่นกัน) บัญชีแบบ cash account จะสะดวกกว่า เพราะไม่ต้องมีเงินจริงในบัญชีครับ  ถึงเวลาก็โอนหรือรับเงินเฉพาะส่วนต่าง   ไม่เหมือน cash balance account ที่ต้องมีเงินเต็มจำนวนจริงๆ ทั้งจำนวน * แต่ถ้าจำไม่ผิดเงินที่ฝากไว้ใน cash balance account จะได้ดอกเบี้ยสูงกว่าออมทรัพย์ทั่วไปพอสมควรครับ โดย smart_investor พฤหัสฯ. พ.ค. 10, 2007 11:07 am

การปันผลเป็นหุ้นทำไปเพื่ออะไรครับ ็เกิด dilution effect ตามมาอีก  ท้ายสุดราคาหุ้นก็ตก  แต่เราได้หุ้นเพิ่ม ก็เท่าั้นั้น ขอบคุณพี่ Kao ที่ช่วยขยายความครับ  ในความหมายของผมก็คือเีราได้หุ้นเพิ่ม  แต่มูลค่าหุ้นก็จะลดลงในสัดส่วนเดียวกับการปันผลเป็นหุ้นครับ  ทำให้ท้ายที่สุดแล้ว shareholder's wealth เท่าุ้เดิม อันนี้คือในระยะสั้นนะครับ แต่ในระยะยาวแล้ว  การที่บริษัทเก็บเงินสดไว้  แล้วสามารถนำไปสร้างมูลค่าเพิ่มได้จนกิจการขยายไปได้มากจนหุ้นขึ้นเอาๆ ก็มีตัวอย่างให้เห็นครับ  เช่น Mint เป็นต้น โดย smart_investor พฤหัสฯ. พ.ค. 10, 2007 9:26 am

การปันผลเป็นหุ้นทำไปเพื่ออะไรครับ ช่วยให้บริษัทเก็บเงินสดไว้ได้และก็เป็นการเพิ่มฐานทุนของบริษัทให้ใหญ่ขึ้นด้วยครับ แต่โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบนะ เพราะมันก็เกิด dilution effect ตามมาอีก  ท้ายสุดราคาหุ้นก็ตก  แต่เราได้หุ้นเพิ่ม ก็เท่าั้นั้น อ้อ แต่ถ้าจ่ายปันผลเป็นหุ้นอย่างเดียวเนี่ย เีราต้องไปเสียภาษีอีกครับ  ถ้าจะให้ดีต้องปันเป็นเงินมาให้ด้วย จะได้หักกลบลบหนี้กันไป อ้อ ข้อดีอีกอย่างนึงน่าจะเป็น การนำไปเครดิตภาษีคืนได้ครับ โดย smart_investor พุธ พ.ค. 09, 2007 11:07 pm

MCS ทำไมราคาลงมาเยอะจังครับ ที่ผม post เรื่องค่าเิงินเพราะ ผมมองว่าปี 50 นี้การแข็งค่าขึ้นมาของเงินบาทจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลประกอบการครับ เดี๋ยวอีกไม่กี่วันก็คงทราบแล้วครับว่ากระทบมากน้อยขนาดไหน ว่าแต่ดร.ชิ นี่แกขายหุ้นครบรึยังครับ   :roll: ที่ราคาไม่ไปไหนไกลก็เพราะหุ้นแกมาขวางเป็นภูเขาน้ำ้แข็งอยู่ด้วยนะ ผมว่า แล้วมันก็ทำให้ผู้ถือหุ้นไม่มั่นใจด้วยครับว่าทำมั๊ย ทำไมเจ้าของขายจัง แต่ถ้ามองในแง่ของ dividend payout ratio ผมอบหุ้นตัวนี้นะครับ  รู้สึกว่าเค้าก็แฟร์ดี :) โดย smart_investor พุธ พ.ค. 09, 2007 10:49 pm

บทเรียนจาก Game หุ้น ถ้า KBANK 22 บาทละก้อ น่าจะประมาณปี 2544 หรือก่อนหน้านั้นนะครับ ก่อนช่วงตลาดกระทิงปี 45 ตอนปี 45 นั้นจำได้แม่นว่าขายหมู KBANK ไปแถวๆ 30 บาท  แต่พี่แกเล่นวิ่งไป 50 บาทเฉยเลย  อุตส่าห์ถือมาเป็นปีๆ โดย smart_investor พุธ พ.ค. 09, 2007 10:39 pm

อยากทราบวิธีการเลือกหุ้น ลองอ่านกระทู้ตะแกรงร่อนหุ้นดูก่อนครับ ในนั้นให้หลักการต่างๆเยอะมากครับ  เป็นคัมภีร์การลงทุนได้ทีเดียว หลังจากอ่านจบ  ผมว่าน่าจะได้ theme การลงทุนที่เหมาะกับตัวเอง เมื่อได้หลักการเป็นแนวปฏิบัติแล้ว  ค่อยมาหาวิธีการจากห้องร้อยคนร้อยหุ้นก็ไม่สายครับ เป็นคำแนะนำจากมือใหม่เหมือนกัน  คงไม่ว่ากันนะครับ โดย smart_investor พุธ พ.ค. 09, 2007 12:18 am

MCS ทำไมราคาลงมาเยอะจังครับ 3. ปัจจุบันบาททรงๆ อยูที่ 29-30 บาท ต่อ 100 เยน จุดนี้ละครับที่ผมว่าน่ากลัว Q1 ปีที่แล้ว บาทอยู่ที่ 33.5-34.5 บาทต่อร้อยเยน เท่ากับว่าบาทแข็งมาประมาณ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ อย่างนั้น MCS ต้องทำกำไรเพิ่มกี่เปอร์เซ็นต์ จึงจะทำ EPS ให้ได้เท่าเดิม  และจะทำอย่างไรให้ EPS ปีนี้ ไม่น้อยกว่าปีที่แล้ว ผมว่านี่น่าจะเป็นปัญหาหลักของ MCS ในการที่จะรักษาการ growth ในปีนี้นะครับ โดย smart_investor อังคาร พ.ค. 08, 2007 1:04 pm

ชาวVIทำใจยังไงครับ เวลาหุ้นที่เราเลือกเข้ามาปั๊บ ราคามันก็ตก แนะนำให้ "รอ" ครับ ถ้าเราคิดมาดีและมั่นใจในบริษัทที่เลือกมาแล้วละก็ ให้เวลาแก่บริษัทที่เราเป็นเจ้าของแสดงศักยภาพในการทำกำไรออกมา เดี๋ยวหุ้นมันก็ขึ้นไปเองครับ ส่วนเรื่องการเข้าซื้อแล้วแต่่สไตล์แต่ละคนครับ  เพราะการทยอยซื้อเป็นไม้ๆ  ถ้าเจอหุ้นประเภทพุ่งไม่หยุด  เราก็เสียโอกาสในการเก็บของถูกได้นะครับ สำหรับ PSL มันเป็นหุ้นวัฏจักร  รายได้ผันผวนตาม demand โลก  ขึ้นแรงได้  ก็ลงได้แรง  ต้องระวังระดับนึงครับ โดย smart_investor พฤหัสฯ. พ.ค. 03, 2007 9:57 pm

สนใจงบการเงิน AOT ผมเองก็มองว่า AOT ในระยะยาวน่าสนใจนะครับ เพราะนอกจากจะมีความผูกขาดแล้วรายได้ยังค่อนข้างมั่นคง รายจ่ายก็ ไม่ต้องไปฝากชีวิตกับพวกต้นทุน น้ำมัน หรือ วัตถุดิบที่ผันผวนซะเหลือเกิน แถมแนวโน้มการเดินทางโดยเครื่องบินของคนส่วนใหญ่ในอนาคตก็น่าจะเพิ่มขึ้น  รวมถึงการท่องเที่ยวที่น่าจะเติบโตขึ้นในอนาคตอีก แต่ในระยะสั้นคือช่วง 1-2 ปีนี้ ผมยังไม่แน่ใจว่าผลจากค่าใช้จ่ายเรื่องการย้ายสนามบินและค่าเสื่อมจะส่งผลกระทบมากแค่ไหน ถ้าเป็นผมก็คงใช้วิธี wait and see แล้วหาจังหวะที่ดีในการลงทุนครับ เพราะคาดเดาเหมือนท่าน Ryuga ว่ากำไรน่าจะยังไม่แน่นอนไปอีกหลาย Q  :roll: โดย smart_investor พฤหัสฯ. พ.ค. 03, 2007 10:11 am

พี่ๆว่า หุ้นโรงแรมโอเรียลเต็ล OHTL เป็นยังไงมั่งครับ แล้วที่ว่า โบรกเกอร์ไม่ได้อะไรนี่หมายความว่ายังไงครับ คงหมายถึงหุ้นไม่มี volume ถึงออกบทวิเคราะห์ไป ก็มีการซื้อขายไม่มาก ได้ค่าคอมไม่คุ้มทุนกับค่า research ครับ โดย smart_investor จันทร์ เม.ย. 30, 2007 4:18 pm

เชิญชวนผู้ถือหุ้น WG ไปประชุมครับ เปิดเผยตรงนี้ได้เปล่าครับ พี่ลูกอิสาน หรือบอกคร่าว ๆ ก็ได้ เพราะประเด็นในที่ประชุมเรื่องสภาพคล่องของกองทุน โดยที่ MDX เอาเงินไปเพิ่ม 100ล้าน ก็ร้อน ๆ เหมือนกัน ผมอาจจะเข้าใจผิด  เลยอยากถามคุณ akekarat ครับว่าตกลงทาง WG ใช้เงินกับทาง Prop Fund นี้ทั้งหมด 100 ล้าน  หรือว่ามีการใส่เพิ่มไปอีก 100 ล้านรวมเป็น 200 ล้าน เท่าที่ผมฟังเข้าใจนั้น  ทาง WG ลงเงินไปทั้งหมด 100 ล้านนะครับ โดย smart_investor ศุกร์ เม.ย. 27, 2007 10:31 am

เชิญชวนผู้ถือหุ้น WG ไปประชุมครับ พรุ่งนี้ก็รู้แล้วครับว่าเสียงคัดค้านจะถึง 900,000หุ้นหรือไม่ ยิ่งถ้าเกิน 1.785ล้านหุ้นจะมันส์มิใช่น้อย  :lol: แต่ถ้ามีผู้เข้าประชุมใกล้เคียงกับปีที่แล้วคือประมาณ 12 ล้านหุ้น  เสียงคัดค้านที่ 1.2 ล้านหุ้นเพียงพอในการทำให้มติตกแล้วใช่มั๊ยครับ :? โดย smart_investor พุธ เม.ย. 25, 2007 11:08 pm

เชิญชวนผู้ถือหุ้น WG ไปประชุมครับ ผมอยากจะต่อรองในหลายๆประเด็นเลยครับ   แต่ก็มีความเห็นคล้ายกับพี่ๆหลายๆ คนดังนี้ครับ 1. จำนวนหุ้นที่ออก ESOP มากเกินไปครับ เป็นได้ไหมที่จะลดให้เหลือสัก 2% 2. ราคาใช้สิทธิ์ควรใช้ราคาเฉลี่ยย้อนหลัง หรือตั้งให้สูงกว่าราคาตลาดไปเลย แบบที่ตอน TICON ทำ 3. การกระจาย ESOP ให้กรรมการเพียง 2 ท่านผมคิดว่าน้อยเกินไป น่าจะมีการกระจายให้พนักงานคนอื่นๆที่ทุ่มเททำงานบ้าง 4. เห็นในเอกสารระบุว่าเป็นโครงการ ESOPครั้งที่ 1  ผมกลัวมันจะมีครั้งที่ 2,3,4 ตามมาเรื่อยๆ รึเปล่าครับ  คงต้องขอคำชี้แจง โดย smart_investor พุธ เม.ย. 25, 2007 10:23 pm

centel ต่ำที่สุดในรอบ 52 สัปดาห์ ผมกลับมองว่าประเด็นอยู่ความสามารถในการทำกำไรโดยภาพรวมมากกว่าครับ เพราะี่ centel นั้นตกลงมาจากราคาหุ้นที่ PE สูงถึง 20 เท่า  จนถึงตอนนี้ PE ก็ประมาณ 16 เท่า ซึ่งก็ยังคงสูงอยู่ การที่หุ้นจะรักษาระดับ PE สูงขนาดนี้ได้ ต้องมีการเจริญเติบโดของกำไรที่น่าประทับใจให้เห็นครับ หาก centel ไม่สามารถแสดงศักยภาพการทำกำไรให้เห็นได้ ราคาก็อาจจะลงไปได้อีกครับ แต่หากเราแน่ใจว่า centel มีความแข็งแกร่ง สามารถพลิกฟิ้นได้   ตอนนี้ก็อาจเป็นช่วงเวลาที่ดีในการเก้บของได้ ขึ้นอยู่กับความเข้าใจในธุรกิจที่เรามีมากกว่าครับ สุดท้ายก็คงเป็นไปตามคำพูดของคุณ naris ที่ว่า "ระยะสั้นตามข่าว-ระยะยาวตามผลกำไร" โดย smart_investor พุธ เม.ย. 25, 2007 1:02 pm

เชิญชวนผู้ถือหุ้น WG ไปประชุมครับ ลางานไว้แล้ว  ขอติดสอยห้อยตามไปด้วยคนครับ โดย smart_investor อังคาร เม.ย. 24, 2007 11:30 pm

ผู้โดยสารโปรดทราบ ปรัชญา wrote : มีความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนหรือเปล่าครับ นี่คงเป็นปัจจัยลบตัวนึงที่ไม่สามารถมองข้ามได้ครับพี่ปรัชญา  เพราะรายได้เป็น USD ทั้งนั้น แถมค่าเงินเล่นแข็งค่าขึ้นจากปีที่แล้วเป็น 10% เลย แต่ผมยังเชื่อว่าด้วยระดับค่าระวางระดับนี้ กับราคาน้ำ้มันซึ่งเป้นต้นทุนหลักในปัจจุบัน น่าจะมีการเติบโตของกำไรที่โดดเด่นได้ ก็ต้องดูกันต่อไปครับ โดย smart_investor จันทร์ เม.ย. 23, 2007 10:57 pm

ผู้โดยสารโปรดทราบ ตอนนี้ค่าระวางจะ 6000 แล้วครับ คงต้องมาดูกันว่าเรือกำลังจะออกจากท่า หรือ บรรทุกสินค้ามากไป (Free float เยอะเหลือเกิน) จนล่มปากอ่าว :) โดย smart_investor จันทร์ เม.ย. 23, 2007 6:56 pm

อยากทราบวิธีลงทุนในหุ้นค่ะ 1. 29 ปี 2. ชาย 3. 5 ปีกว่า 4. โดยหลักๆแล้วผมจะใช้วิธีหา growth stock ที่ยัง undervalue อยู่ จากนั้นก็ใช้การ Buy and Hold จนกว่าพื้นฐานของหุ้นจะเปลี่ยนครับ 5. เพราะเคยใช้วิธีอื่นๆแล้วไม่ประสบความสำเร็จครับ เช่นเล่นหุ้นเก็งกำไรตามข่าว  กว่าข่าวจะมาถึงรายย่อยอย่างผม ก็ติดดอยครับ  เจ้ามือกำไรอย่างเดียว หรือใช้วิธีการเล่นรอบก็มักจะขายหมูเป็นประจำครับ ขายไปเพราะคิดว่าเดี๋ยวมันก็ลงมาให้ซื้อใหม่  ปรากฎว่ามันวิ่งขึ้นอย่างเดียว 6. รายได้หลักปัจจุบันก็มาจากเงินดือนกับโบนัส แต่ก็เริ่มมีรายได้จากเงินปันผลเข้ามาแล้ว โดยปัจจุบันรายได้จากเงินปันผลคิดเป็นประมาณ 2 % ของรายได้ทั้งปี (รายได้ตามความหมายของผมยังไม่ได้หักค่าใช้จ่ายต่างๆนะครับ) ส่วนเป้าหมายอีก 20 ปีข้างหน้าก็ต้องการให้รายได้จากเงินปันผลเป็นเลข 7 หลักต่อปีครับ โดย smart_investor ศุกร์ เม.ย. 20, 2007 10:48 am

ขอคำปรึกษาเกี่ยว ILINK ทีคับ กรณีของ ILINK นั้น  ที่คุณ nanosec ยังไม่ได้รับเอกสารสิทธิ์จองซื้อหุ้นเพิ่มทุนก็ถูกต้องแล้วครับเพราะว่าหุ้นยังไม่ถึงวัน XR  ต้องรอหลังวันที่ได้สิทธิ์ก่อนครับ ในความเห็นส่วนตัวนะครับ  ซักวันที่ 26-28 เม.ย. ถ้ายังไม่ได้รับเอกสารอะไรค่อยตามก็ได้ครับ  เพราะกำหนดใช้สิทธิ์ตั้งวันที่ 2-9 พ.ค. แน่ะ เวลาถมเถครับ  ส่วนจะตามที่ใครนั้นผมคิดว่าน่าจะเป็นทางบริษัทหรือจะให้ทางโบรกเกอร์เราประสานงานก็น่าจะได้  อันนี้ไม่แน่ใจเพราะเวลาได้สิทธิ์เพิ่มทุนทีไรผมก็ได้เอกสารทุกทีครับ  ไม่เคยไม่ได้รับ โดย smart_investor พุธ เม.ย. 04, 2007 9:12 pm

ขอคำปรึกษาเกี่ยว ILINK ทีคับ เวลาเราได้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุน  ทางบริษัทจะส่งหนังสือไปให้ที่บ้าน หรือตามที่อยู่ที่เราให้ไว้ครับ   จากนั้นเราก็ตอบไปว่าต้องการหรือไม่ต้องการใช้สิทธิ์ครับ  ถ้าต้องการใช้สิทธิ์ก็เตรียมเงินไว้ด้วยครับ  โดยปกติจะใช้พวกดราฟท์ (ไม่มีระบบ ATS นะครับ)  สุดท้ายก็ส่งเอกสารไปให้โบรกเกอร์ของเราดำเนินการต่อให้ครับ  หรือจะไปยื่นเองก็ได้ถ้าสะดวก เดี๋ยวพอมีหนังสือส่งมาที่บ้าน ลองอ่านดูก็น่าจะเข้าใจครับ  แต่มีเรื่องนึงที่สำคัญนะครับในการถือหุ้นผ่าน XR ก็คือเรามีจำนวนหุ้นเป็นสัดส่วนที่หารลงตัวสำหรับการเพิ่มทุนหรือไม่   ถ้าเราถือหุ้นในสัดส่วนที่ไม่เหมาะสมก็จะเสียประโยชน์ในการใช้สิทธิ์ครับ (เช่น สิทธ์เพิ่มทุน 4 ต่อ 1 เราก็ควรจะมีหุ้น 400, 800 หรือ 1200  ไม่ควรเป็น 500 หรือ 600  ประมาณนี้ครับ) โดย smart_investor พุธ เม.ย. 04, 2007 8:27 pm

พอไหวไหม นิทานอีสปของ WG เพื่อน จำได้ว่าสมัย Ticon เค้าให้ราคาใช้สิทธิอีสปไว้สูงกว่าราคาตลาดช่วงนั้นอีก ปรากฎว่าผู้ลงทุนกลับมีความรู้สึกมั่นใจว่าผู้บริหารต้องสร้างผลกำไรได้สูงจนราคาหุ้นขึ้นไปได้สูงกว่าราคาตลาดขณะนั้นอีก แล้วก็เป็นจริง ได้ประโยชน์ทั้งผู้บริหารและผู้ถือหุ้นด้วย เห็นด้วยกับคุณเพื่อนครับว่า ESOP ที่ดีควรจะให้ราคาสูงกว่าราคาตลาดเพื่อเป็นการจูงใจผู้บริหารและพนักงานให้ตั้งใจทำผลงานให้ดี   แต่แปลกดีครับ  ผมกลับไม่ค่อยเห็นบริษัทในประเทศไทยทำแบบนั้น  ส่วนใหญ่ออก ESOP แต่ละครั้ง  ทำอย่างกับ Grand Sales แน่ะเรียกได้ว่าลด แลก แจก แถมทีเดียว  อย่างกรณีนี้ก็ให้ส่วนลดถึงเจ็ดสิบกว่าเปอร์เซ็นต์จากราคาตลาดทีเดียว แต่ก็อย่างว่าครับ  ขืนให้ราคาใช้สิทธิสูงกว่าราคาตลาดก็อาจทำให้ผู้บริหารสนใจแต่เรื่องการสร้างราคาหุ้นแทนการพัฒนาบริษัทก็ได้ สำหรับกรณี WG หากไม่เห็นด้วย เราคงต้องรวมพลังผู้ถือหุ้นครับ  ผมคิดว่าอย่างน้อยๆ ก็น่าจะได้เกิน 5% นะ เพื่อให้ทางบริษัทเข้าใจความรู้สึกของผู้ถือหุ้นอย่างพวกเรา โดย smart_investor พฤหัสฯ. มี.ค. 29, 2007 11:47 am

ทำไม AIT xd แล้วร่วงจัง คับ ราคาร่วงตามทฤษฎีครับ ราคาปิดวันก่อนหน้า = 24.60 บาท ปันผลเป็นเงิน         =   1.22 บาท ราคาวันนี้ควรจะเป็น = 24.60-1.22 = 23.38 บาท แต่มีการปันผลเป็นหุ้นด้วยอัตรา 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ดังนั้นราคาวันนี้จึงเป็น =23.38*2/3 = 15.60 ครับ โดย smart_investor อังคาร มี.ค. 27, 2007 4:36 pm