หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
tumkrub
Joined: พุธ ต.ค. 10, 2012 3:17 pm
33
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - tumkrub
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: เปิดโผ18หุ้นไร้ฟองสบู่
ควรบริโภคข้อมูลด้วยความระวัง ผมคิดว่าต้องไปดูไส้ในของการเติบโตครับ บางตัวอาจเป็น wind fall บางตัวอาจเป็น one time/ few times transactions ฯลฯ ซึ่งไม่ยั่งยืน แต่อาจทำให้ค่าเฉลี่ยในการเติบโตสูง อย่างไรก็ดีผมว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการศึกษา และล่อนหุ้น ในใจคุณน่ะครับ
โดย
tumkrub
พฤหัสฯ. มี.ค. 21, 2013 10:20 am
0
0
Re: MK สุกี้
เข้าแถวรอเป็นเจ้าของด้วยครับ
โดย
tumkrub
พุธ ก.พ. 13, 2013 5:18 pm
0
0
Re: ทำไม BOT ไม่ลดดอกเบี้ยนโยบาย
ขอคิดอีกมุมครับ ว่า ทำไม กระทรวงการคลัง ไม่ขึ้นภาษีสำหรับเงินร้อนที่มาหากำไรในบ้านเรา ซึ่งก็น่าจะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลงได้ครับ สำหรับเรื่องอัตราดอกเบี้ย ผมว่าก็เป็นเพียงเครื่องมือตัวหนึ่งเท่านั้น แต่ด้วยปริมาณเงินจาก USA และ Japan ที่ดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน ทำให้เงินในภูมิภาคนี้เต็มไปด้วยเงินที่เข้ามาแสวงหากำไรระยะสั้นทั้งนั้น คิดดูครับว่าทั้ง USA และ Japan ดำรงอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมากจริงๆ (0.25-0.5%) คนส่วนใหญ่ก็ต้องเอาเงินออกมาลงทุนนอกบ้านแน่นอน แต่สิ่งที่ประเทศไทยควรคิดคือ วิธีการหาประโยชน์ จากสภาวะที่เงินต่างประเทศ เข้ามาเยอะๆ แบบนี้ดีำกว่าครับ
โดย
tumkrub
จันทร์ ก.พ. 11, 2013 2:37 pm
0
1
Re: สรุปใจความสำคัญจากงาน “เปิดมุมมองการลงทุนรับเศรษฐกิจปี 2
ขอคาราวะครับ
โดย
tumkrub
ศุกร์ ก.พ. 01, 2013 10:37 am
0
0
Re: ณ เวลานี้ ยังพอจะหาหุ้นคุณค่าได้อีกมั้ย
ขอบคุณทุกท่านครับ อย่างที่คุณ Unstablemind บอก เห็นด้วยครับ ผมกำลังติดกับดักความคิดที่ว่า เราน่าจะได้ MOS ที่เพิ่มขึ้นกว่านี้ ถ้าตลาด PE ไม่สูงอย่างขณะนี้ ตอนนี้กำลังทำการบ้านหาหุ้นตัวที่ยังไม่สะท้อนความบ้าคลั่งของนายตลาด จากราคาหุ้นที่ forward looking ahead มากกว่า 3 ปี รวมทั้งกำลัีงศึกษาเรื่องเกี่ยวกับ knowledge society (พัฒนาต่อมาจาก information society) ด้วย information ที่เต็มไปหมดแทบจะสำลัก ไม่รู้ว่า่อันไหนเอาไปทำอะไรต่อได้บ้าง ถ้ามีใครจะระบบระเบียบ สร้างแนวคิดจาก information ที่มีอยู่กลาดเกลื่อนแล้วใช้ประโยชน้ต่อยอดได้ น่าจะเป็นสิ่งที่ดีต่อธุรกิจ และ สังคมโดยรวมครับ ซึ่งผมมองว่า knowledge society น่าจะเป็นสิ่งที่กำลังจะเกิดใน 5 ปีนี้ คุณ VIM ครับ ที่บอกว่าอาทิตย์ก่อนยังมีนักลงทุนวีไอชื่อดังบางท่านซื้อหุ้นเพิ่มอยู่เลย มันอยู่ในอุตสาหกรรมไหนเหรอครับ (ไม่ต้องบอกชื่อหุ้นก็ได้ครับ) เผื่อไปศึกษาต่อครับ
โดย
tumkrub
พฤหัสฯ. ม.ค. 31, 2013 12:19 pm
0
1
Re: VI อดทนกับความยั่วยวนตอนนี้กันยังไงครับ
เวลาที่หุ้นขึ้นเยอะ ๆ แบบนี้ ควรระวังในหลาย ๆ เรื่องครับ เรื่องหนึ่งที่จะต้องระวังเหมือนกันคือ หุ้นที่เราซื้อไว้มันขึ้นเพราะอะไร เพราะตลาดดี หรือเพราะผลประกอบการดี อย่าให้การขึ้นของหุ้นโดยไม่มีเหตุผลรองรับ เป็นกับดักทำร้ายตัวเองเป็นอันขาด เช่น จริง ๆ หุ้นมีผลประกอบการไม่เป็นไปอย่างที่เราคาดการณ์ไว้ แต่หุ้นก็ยังขึ้น แต่ที่หนักกว่านั้นคือ เราคิดว่าเราวิเคราะห์ถูก ผมเชื่อว่าตลาด ณ เวลานี้ คนส่วนหนึ่งที่ได้กำไร อาจจะเผลอคิดว่า "เรามันก็เซียน" เหมือนกัน อันนี้ก็ถือเป็นความน่ากลัวยามตลาดเป็นขาขึ้นครับ เห็นด้วยครับกับคุณ leky ผมว่าเรารู้ตัวและเข้าใจว่า เราซื้อเพราะเหตุผลอะไร คือมีสติรู้เวลาซื้อ โดยไม่ตกเป็นทาสอารมณ์ของนายตลาด ผมว่าก็ซื้อไปเุถอะครับ เพราะอย่างน้อยมันได้ผ่านการไตร่ตรองอย่างมีสติแล้ว แต่ถ้าไม่มี ไม่รู้ ไม่เข้าใจว่าจะซื้อเพราะเหตุผลอะไร ผมว่าอย่าไปยุ่งเลยครับ ผมเชื่อว่าการพลาดบางโอกาส มันไม่ใช่วิกฤตครับ
โดย
tumkrub
พฤหัสฯ. ม.ค. 17, 2013 11:08 am
0
0
Re: อุตสาหกรรมน้ำมันพืช
ผมมีสมมุติฐาน (หรือความเชื่อ)ที่ว่า การทำการค้าตั้งแต่ต้นจนจบ หรือจากต้นน้ำ ไปถึงปลายนั้น เป็นสิ่งที่บริษัทในอุตสากรรมนี้ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากสามารถทำให้บริษัทป้องกันความเสี่ยงจากการผันผวนของราคาใน tier ใด tier หนึ่งได้ โดยสามารถที่จะทำ blending cost ก่อนถึงผู้บริโภค เช่นกรณีที่ผลปาล์มดิบราคาแพง เจ้าของสวนปาล์มได้ประโยชน์ ซึ่งส่งผลให้ผู้ผลิต CPO (โรงงานสกัดน้ำมันดิบ) ต้องซื้อวัตถุดิบแพงขึ้น แต่วัตถุดิบที่แพงขึ้นก็ถูกส่งต่อไปยังผู้ผลิตน้ำมันบรรจุขวด (โรงงานกลั่นน้ำมันปาล์มทั้งหลายนั้นเอง) ทำให้ผู้ผลิตบรรจุขวดต้องมีต้นทุนเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ดีผู้ผลิตบบรจุขวดไม่สามารถขึ้นราคาให้กับผู้บริโภคสุดท้ายได้ เนื่องจากมาตรการควบคุมราคาจากรัฐ มองแบบนี้ในแง่ของโรงหีบ บ.ไหนที่เป็นเจ้าของสวนปาล์มด้วยก็จะได้ประโยชน์สูงสุดเวลา CPO เป็นขาขึ้นเช่นกันครับ เพราะแทนที่จะกินแค่ส่วนต่างระหว่างผลปาล์มสดกับราคา CPO นอกจากนั้นก็ยังมีความเสี่ยงที่จะไม่มีผลผลิตป้อนโรงหีบ เพราะราคาผลปาล์มสดหรือ CPO ที่สูงมักจะมาพร้อม ๆ กับการขาดแคลนของวัตถุดิบคือ ผลปาล์มสดครับ ถ้ารูปการณ์เป็นอย่างตัวอย่างนี้ ผู้ผลิตบบรจุขวด หรือโรงกลั่นจะเป็นผู้ที่เสียประโยชน์มากที่สุด ดังนั้นพวกโรงกลั่นจึงต้องหาทาง mitigate risk ของตัวเอง โดยง่ายที่สุดคือการ push cost ให้ผู้ซื้อ ซึ่งอาจจะด้วยวิธีการขายสิ่งที่ไม่ถูกควบคุมให้มากขึ้น (เช่นส่งออกมากขึ้น) หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่สินค้าพื้นฐานเพิ่มขึ้น หรือการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วยการลดส่วนสูญเสีย หรือเพิ่ม Yield ในการผลิต ปัญหาคือน้ำมันปาล์มเองบางครั้งก็ถูกควบคุมไม่ให้ส่งออกครับ โดยเฉพาะเวลาที่ของในประเทศขาดแคลน ยังไม่นับว่าโดยรวมไทยยังสู้มาเลเซียกับอินโดนีเซียไม่ได้ครับ อีกวิธีหนึ่งที่จะแก้ปัญหาการควบคุมราคาน้ำมันปาล์มขวดคือ ขายในรูปแบบการบรรจุแบบอื่นครับ เท่าที่ทราบมาการควบคุมราคาจะทำในกรณีน้ำมันขวดขนาด 1 ลิตรครับ และอีกวิธีหนึ่งซึ่งคนที่เป็นพ่อค้ามักทำก็คือ การซื้อกิจการแบบ vertical integration (ซื้อกิจการต้นน้ำเพื่อควบคุม cost และซื้อกิจการปลายน้ำ เพื่อควบคุมช่องทางการตลาด หรือ selling price) ซึ่งกำไรแต่ละ tier จากต้นน้ำ หรือ ปลายน้ำจะถูกส่งมาในรูปแบบของการปันผลทำให้บริษัทอยู่รอดได้ ดังนั้นการที่ LST ถือหุ้นใน UPOIC ก็น่าจะสอดคล้องกับกลยุทธ์ที่กล่าวมานี้ครับ และถ้าพิจารณามูลค่าแบบ quick (and dirty) ด้วย market value ที่ 70% ของ UPOIC ที่ถือโดย LST นั้นจะมีมูลค่าประมาณ 2,560 ล้านบาท ในขณะที่ LST นั้นมี market value อยู่ที่ 3,312 ล้านบาท ซึ่งหมายความว่าถ้า LST ตัดมูลค่ากิจการของ UPOIC ออกไปมูลค่า LST แท้ๆ นั้นเพียงแค่ 750 ล้านบาทเท่านั้น (ซึ่งผมมองว่าถูกมากกว่าความเป็นจริง เนื่องจากมูลค่าทดแทนแค่แครื่องจักรสำหรับโรงงานก็เกือบ 500 ล้านบาทแล้ว ซึ่งยังไม่รวมมูลค่าอื่นๆ เช่นเงินสดประมาณ 300 ล้านบาท, สินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน เช่น ยี่ห้อ “หยก” ฯลฯ ) ในกรณีของ UPOIC กับ LST นั้นมีความเป็นไปได้ครับที่เค้าจะทำแบบนั้นเพื่อลดความเสี่ยง เพราะประโยชน์ในหลาย ๆ ด้าน เช่น 1) ป้องกันการขาดแคลนวัตถุดิบ โดยเฉพาะตอนที่ CPO ราคาสูง อย่างน้อยก็มีบ.ลูกคอยป้อนวัตถุดิบให้บางส่วน 2) ลดความเสี่ยงจากมาร์จิ้นที่ต่ำหรือติดลบ ในกรณีที่ CPO ราคาสูงจนราคาขายน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ไม่สามารถครอบคลุมต้นทุนการผลิตได้ ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นได้เลยครับว่า บ.ทั้งสองอยู่ในเครือเดียวกันแต่อัตราการจ่ายเงินปันผลต่างกันมาก UPOIC จ่ายเงินปันผลราว ๆ 90% ของกำไร ในขณะที่ LST จ่ายจริง ๆ ไม่เกิน 50% ของกำไร ดูเหมือนเค้าเองก็ต้องการให้กำไรเกือบทั้งหมดในส่วนของ UPOIC ไหลเข้ามาใน LST ครับ มองแบบนี้ อาจมีข้อบกพร่องในส่วนการคิดมูลค่าแบบ quick and dirty ของผมอยู่ แต่อยากให้พิจารณาข้อมูลเชิง qualitative หรือกลยุทธ์การ vertical integration มากกว่า ซึ่งผมคิดว่าน่าจะชดเชย หรือ outweight การคิดมูลค่าแบบ quick and dirty ด้านบนได้ครับ จะว่าไปกรณีของ CPI การจะทำกำไรได้ดี ผมว่าต้องอยู่ในสถานะที่ CPO ราคาไม่สูงเกินไปด้วยซ้ำ (ไม่เหมือนกับ UPOIC VS UVAN) เพราะถ้า CPO ราคาสูงเกินไปก็อาจจะไปขาดทุนตรงน้ำมันขวด แต่ถ้า CPO ราคาพอดี ๆ ให้มีมาร์จิ้นในส่วนของน้ำมันขวดที่ดีบ้าง โดยรวม ๆ มันก็อาจจะดีขึ้น และกำไรก็จะไม่ผันผวนครับ แต่ก็ยอมรับว่าสุดท้ายมันก็จะรู้สึกขัด ๆ กันครับ ขอบคุณสำหรับความเห็นน่ะครับ อย่างที่คุณ leky ว่าไว้ กำไรเกือบทั้งหมดของ UPOIC ไหลมาที่ LST นั้นคือ rationale ที่เพิ่มให้ผมอีกข้อว่าซื้อ UPOIC ผ่าน LST น่าสนใจกว่าครับ อย่างไรก็ดี ผมขอเพิ่มเติมจุดเสี่ยง หรือจุดตาย เพื่อประกอบการตัดสินใจ อีกจุดหนึ่งของ LST (จริงๆ เป็นของ UPOIC) ก็คือ การต่อสัญญาสัมปทานพื้นที่ปลูกปาล์มของ UPOIC ถ้าถูกยกเลิกต่อสัมปทาน จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อ UPOIC ทันที และ LST ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ 70% ที่ได้รับกระแสเงินจาก UPOIC ก็คงต้องหาแผนการณ์หรือกลยุทธ์อื่นมารองรับ เพื่อลดผลกระทบจาก UPOIC
โดย
tumkrub
พฤหัสฯ. ม.ค. 03, 2013 5:11 pm
0
0
Re: อุตสาหกรรมน้ำมันพืช
ผมมีสมมุติฐาน (หรือความเชื่อ)ที่ว่า การทำการค้าตั้งแต่ต้นจนจบ หรือจากต้นน้ำ ไปถึงปลายนั้น เป็นสิ่งที่บริษัทในอุตสากรรมนี้ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากสามารถทำให้บริษัทป้องกันความเสี่ยงจากการผันผวนของราคาใน tier ใด tier หนึ่งได้ โดยสามารถที่จะทำ blending cost ก่อนถึงผู้บริโภค เช่นกรณีที่ผลปาล์มดิบราคาแพง เจ้าของสวนปาล์มได้ประโยชน์ ซึ่งส่งผลให้ผู้ผลิต CPO (โรงงานสกัดน้ำมันดิบ) ต้องซื้อวัตถุดิบแพงขึ้น แต่วัตถุดิบที่แพงขึ้นก็ถูกส่งต่อไปยังผู้ผลิตน้ำมันบรรจุขวด (โรงงานกลั่นน้ำมันปาล์มทั้งหลายนั้นเอง) ทำให้ผู้ผลิตบรรจุขวดต้องมีต้นทุนเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ดีผู้ผลิตบบรจุขวดไม่สามารถขึ้นราคาให้กับผู้บริโภคสุดท้ายได้ เนื่องจากมาตรการควบคุมราคาจากรัฐ ถ้ารูปการณ์เป็นอย่างตัวอย่างนี้ ผู้ผลิตบบรจุขวด หรือโรงกลั่นจะเป็นผู้ที่เสียประโยชน์มากที่สุด ดังนั้นพวกโรงกลั่นจึงต้องหาทาง mitigate risk ของตัวเอง โดยง่ายที่สุดคือการ push cost ให้ผู้ซื้อ ซึ่งอาจจะด้วยวิธีการขายสิ่งที่ไม่ถูกควบคุมให้มากขึ้น (เช่นส่งออกมากขึ้น) หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่สินค้าพื้นฐานเพิ่มขึ้น หรือการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วยการลดส่วนสูญเสีย หรือเพิ่ม Yield ในการผลิต และอีกวิธีหนึ่งซึ่งคนที่เป็นพ่อค้ามักทำก็คือ การซื้อกิจการแบบ vertical integration (ซื้อกิจการต้นน้ำเพื่อควบคุม cost และซื้อกิจการปลายน้ำ เพื่อควบคุมช่องทางการตลาด หรือ selling price) ซึ่งกำไรแต่ละ tier จากต้นน้ำ หรือ ปลายน้ำจะถูกส่งมาในรูปแบบของการปันผลทำให้บริษัทอยู่รอดได้ ดังนั้นการที่ LST ถือหุ้นใน UPOIC ก็น่าจะสอดคล้องกับกลยุทธ์ที่กล่าวมานี้ครับ และถ้าพิจารณามูลค่าแบบ quick (and dirty) ด้วย market value ที่ 70% ของ UPOIC ที่ถือโดย LST นั้นจะมีมูลค่าประมาณ 2,560 ล้านบาท ในขณะที่ LST นั้นมี market value อยู่ที่ 3,312 ล้านบาท ซึ่งหมายความว่าถ้า LST ตัดมูลค่ากิจการของ UPOIC ออกไปมูลค่า LST แท้ๆ นั้นเพียงแค่ 750 ล้านบาทเท่านั้น (ซึ่งผมมองว่าถูกมากกว่าความเป็นจริง เนื่องจากมูลค่าทดแทนแค่แครื่องจักรสำหรับโรงงานก็เกือบ 500 ล้านบาทแล้ว ซึ่งยังไม่รวมมูลค่าอื่นๆ เช่นเงินสดประมาณ 300 ล้านบาท, สินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน เช่น ยี่ห้อ “หยก” ฯลฯ ) มองแบบนี้ อาจมีข้อบกพร่องในส่วนการคิดมูลค่าแบบ quick and dirty ของผมอยู่ แต่อยากให้พิจารณาข้อมูลเชิง qualitative หรือกลยุทธ์การ vertical integration มากกว่า ซึ่งผมคิดว่าน่าจะชดเชย หรือ outweight การคิดมูลค่าแบบ quick and dirty ด้านบนได้ครับ
โดย
tumkrub
พฤหัสฯ. ม.ค. 03, 2013 3:02 pm
0
1
Re: เรียน สมาชิกสมาคมฯ ทุกท่าน เรื่องนายกสมาคมฯ คนใหม่
ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านด้วยครับ
โดย
tumkrub
ศุกร์ ธ.ค. 28, 2012 12:47 pm
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
tumkrub
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
พุธ ต.ค. 10, 2012 3:17 pm
ใช้งานล่าสุด:
อังคาร พ.ย. 08, 2016 8:08 pm
โพสต์ทั้งหมด:
33 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.00% จากโพสทั้งหมด / 0.01 ข้อความต่อวัน)
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว