หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
nu
Joined: พฤหัสฯ. ก.ย. 06, 2012 11:57 am
394
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - nu
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: “Stay The Course” / หนังสือเล่มสุดท้ายของ Jack Bogle
สุดอยอดไปเลย ขอบคุณมากครับคุณผักกาด
โดย
nu
ศุกร์ ม.ค. 25, 2019 11:30 pm
0
1
Re: จุดเปลี่ยนของชีวิต
ด้วยระดับ Valuation ของหุ้นไทยในปัจจุบัน ไม่รู้ว่าคนรุ่นหลังๆจะมีโอกาสเปลี่ยนชีวิตได้ซักแค่ไหน
โดย
nu
อาทิตย์ ก.ย. 09, 2018 8:44 pm
0
6
Re: ทิศทางของ SET ไทย จะไปทางไหน เราจะดูอย่างไร
ลองทำเปรียบเทียบ earning yield เทียบกับ 10Y gov bond ดูครับ - earning yield คือ E/P ส่วนต่าง earning yield กับ 10y gov bond เรียกว่า earning yield gap
โดย
nu
จันทร์ ก.ค. 16, 2018 8:35 am
0
0
Re: อันตรายที่ซุกซ่อน “บาทแข็ง-เกินดุล”/ บากบั่น บุญเลิศ
C/A จะเทียบได้กับ Saving - Investment C/A ที่เกินดุลมหาศาล ก็พอจะบอกเป็นนัยๆ ได้อยู่แล้วว่าบ้านเราลงทุนไม่เพียงพอ, Domestic Demand น้อยเกินไป จนต้องไปใช้ Demand จากต่างประเทศ
โดย
nu
อังคาร ส.ค. 15, 2017 12:01 am
0
0
Re: IFRS9 รหัสนี้ที่มาพร้อมกับวิกฤตหรือโอกาส คุณพร้อมรึยัง?
ผมว่าต้องไปรอดูพวกที่่ขยายพอร์ตเร็วๆ อย่าง MTLS SAWAD จะโดนผลกระทบแค่ไหน
โดย
nu
จันทร์ มี.ค. 06, 2017 12:25 am
0
8
Re: งานวิจัยการลงทุนเน้นคุณค่า/ดร.สัมพันธ์ เนตยานันท์
ก่อน/หลัง 2009 นี่คนละเรื่องเลย
โดย
nu
อังคาร ต.ค. 25, 2016 5:29 pm
0
0
Re: กทม.เตรียมขึ้นแท่นเมืองรถติดที่สุดในโลก หุ้นไหนได้ประโยช
Mobile operators รถติด data usage พุ่ง
โดย
nu
ศุกร์ ก.ย. 16, 2016 9:09 am
0
2
Re: Bubble
บัฟเฟตพูดเกี่ยวกับทอง ในอีก 100 ปีข้างหน้า http://pantip.com/topic/30363911 ในบรรดาสินทรัพย์จำพวกนี้ อันดับหนึ่งคือ “ทองคำ” ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมของนักลงทุนที่กลัวสินทรัพย์อื่นๆ แทบจะทุกชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินกระดาษ (อันที่จริง สินทรัพย์หลายชนิดก็มีเหตุผลควรที่สมควรจะกลัวอยู่) อย่างไรก็ตาม ทองคำมีจุดอ่อนอยู่สองประการ คือ ตัวมันเองเอาไปใช้ประโยชน์อะไรไม่ค่อยได้ ทั้งยังไม่ทำให้เกิดผลิตผลอะไรขึ้นมาได้เลย จริงอยู่ที่ทองคำมีประโยชน์ในแง่ของอุตสาหกรรมและใช้เป็นเครื่องประดับได้ แต่อุปสงค์ในแง่ดังกล่าวมีอยู่จำกัด และไม่สามารถทำให้ทองเพิ่มปริมาณขึ้นได้ ถ้าคุณมีทองคำหนึ่งออนซ์ ทองคำนั้นย่อมมีปริมาณหนึ่งออนซ์เท่าเดิมตราบจนชั่วกัลปาวสาน สิ่งสำคัญที่ดึงดูดแฟนพันธุ์แท้ทองคำคือความเชื่อที่ว่า ผู้คนจะเกิดความกลัวในสินทรัพย์อื่นมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ความเชื่อดังกล่าวก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นความจริง ยิ่งไปกว่านั้น ราคาที่สูงขึ้นของทองคำก็ยิ่งทำให้คนมีความกระตือรือร้นอยากจะซื้อมัน จนดึงดูดให้ผู้ลงทุนเชื่อว่าการเพิ่มขึ้นของราคาทองเป็นไปตามข้อสรุปทางการลงทุนที่สมเหตุสมผลแล้ว นักลงทุนที่ชอบแห่ตามกันไม่ว่าจะเป็นการลงทุนประเภทไหน มักจะสร้างความจริงของตัวเองขึ้นมาเสมอ อย่างน้อยก็ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา ทั้งหุ้นอินเทอร์เน็ตและบ้านได้แสดงให้เห็นถึงภาวะความเฟ้อเกินไป อันเป็นผลมาจากการผสมผสานกันระหว่างข้อสรุปที่มีเหตุผลกับราคาที่เกินกว่าเหตุ ในภาวะฟองสบู่ มหาชนที่เคยลังเลสงสัย มักยอมศิโรราบต่อ “ข้อพิสูจน์” ที่ตลาด “จัดให้” และกลุ่มของผู้ซื้อก็จะขยายตัวออกไปอย่างใหญ่หลวง จนเพียงพอที่จะทำให้พฤติกรรมแห่ตามกันนั้นหมุนเวียนต่อไปเรื่อยๆ แต่แล้วฟองสบู่ที่โตเกินก็จะแตกโพละออก และเมื่อนั้น ภาษิตโบราณก็จักได้รับการตอกย้ำอีกครั้งหนึ่ง … “สิ่งที่คนฉลาดทำในตอนเริ่มต้น คนโง่จะทำมันในท้ายที่สุด” ณ วันนี้ คลังทองคำของโลกมีอยู่ประมาณ 170,000 เมตริกตัน หากเอาทองทั้งหมดมาหลอมรวมกัน เราจะได้ลูกบาศก์ทองคำที่มีความกว้างยาวลึกด้านละ 68 ฟุต (เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน ขนาดของมันวางลงบนสนามเบสบอลได้พอดิบพอดี) ณ ราคา 1,750 ดอลล่าร์ต่อออนซ์ ในเวลาที่ผมเขียนบทความนี้ ราคาของทองคำทั้งหมดในโลกจะมีมูลค่ารวมกันเท่ากับ 9.6 ล้านล้านดอลล่าร์ โดยเราจะเรียกสิ่งนี้ว่า “ก้อน A” เอาล่ะ ทีนี้มาสร้าง “ก้อน B” กันบ้าง ก้อน B ที่ว่านี้มีราคาเท่ากับก้อน A แต่เราสามารถใช้มันซื้อไร่นาทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา (จำนวน 400 ล้านเอเคอร์ ทำรายได้รวมกัน 2 แสนล้านเหรียญต่อปี) บวกกับบริษัท Exxon Mobil จำนวน 16 บริษัท (Exxon Mobil คือบริษัทที่ทำกำไรได้มากที่สุดในโลก โดยสมมุติว่าเรามีบริษัทนี้อยู่ 16 แห่ง แต่ละแห่งทำกำไรได้ปีละ 4 หมื่นล้านเหรียญ) หลังจากซื้อของดังกล่าวแล้ว เราจะยังเหลือเงินติดตัวไว้ใช้ราวๆ หนึ่งล้านล้านดอลล่าร์ (สมมุติว่าเราไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองใช้เงินเกินตัว) คุณพอจะใช้จินตนาการได้ไหมว่า จะมีนักลงทุนคนไหนในโลกที่มีเงิน 9.6 ล้านล้านดอลล่าร์ แล้วจะเลือกซื้อก้อน A แทนที่จะซื้อก้อน B ?!! นอกจากมูลค่าของทองจะถูกประเมินอย่างไม่สมเหตุสมผลแล้ว ราคาปัจจุบันยังทำให้ตัวมันถูกผลิตขึ้นปีละคิดเป็นมูลค่า 160,000 ล้านดอลล่าร์ ซึ่งผู้ซื้อ ไม่ว่าจะซื้อเพื่อเป็นเครื่องประดับหรือซื้อไปใช้ในทางอุตสาหกรรม รวมทั้งคนที่กำลังกลัวและนักเก็งกำไร จะค่อยๆ รับเอาอุปทานส่วนเพิ่มนี้ไว้เรื่อยๆ ก่อนที่ราคา ณ ปัจจุบันจะกลายเป็นราคาสมดุลในที่สุด ในเวลาหนึ่งศตวรรษนับจากนี้ ที่ดิน 400 ล้านเอเคอร์จะผลิตข้าวโพด ธัญพืช ค้อตต้อน และพืชผลอื่นๆ ได้อีกเป็นจำนวนมาก และจะผลิตผลผลิตที่มีคุณค่าเหล่านั้นต่อไป ไม่ว่าค่าเงินจะเป็นอย่างไรก็ตาม ในขณะที่ Exxon Mobil จะทำเงินปันผลให้กับเจ้าของอีกนับล้านล้านเหรียญ และจะเป็นเจ้าของสินทรัพย์มูลค่าหลายล้านล้านเหรียญเช่นกัน (อย่าลืมว่าคุณมี Exxon อยู่ 16 บริษัท) ในขณะที่ทองคำ 170,000 ตัน จะไม่เพิ่มปริมาณขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว และไม่สามารถสร้างผลิตผลอะไรใดๆ ได้ทั้งสิ้น คุณอาจลูบคลำก้อนทองคำนี้ด้วยความรัก แต่มันจะไม่มีปฏิกริยาตอบสนองใดๆ แน่นอน ต้องยอมรับว่า เมื่อคนในยุคหนึ่งร้อยปีนับจากนี้รู้สึกกลัว พวกเขาก็จะยังกระโดดเข้าหาทองคำอยู่นั่นเอง อย่างไรก็ตาม ผมมั่นใจว่า ก้อน A ที่มีมูลค่า 9.6 ล้านล้านเหรียญ จะทวีมูลค่าต่อไปในอนาคตในอัตราที่ด้อยกว่าก้อน B อย่างมากเป็นแน่แท้ เทียบกับ EXXON ตอนนี้อาจจะไม่สวยเท่าไหร่นะ
โดย
nu
จันทร์ ธ.ค. 14, 2015 8:57 am
0
0
Re: หุ้นพลังงานทางเลือกนี่มันหมดทางเลือกแล้วใช่ไหมครับ
หลังอเมริกาสามารถขุดน้ำมันบนบกด้วยวิธีใหม่ที่เรียกว่า Fracking ซึ่งทำให้ได้น้ำมันมากด้วยต้นทุนต่ำ ตามซ้ำด้วย 'โตโยต้า มิราอิ 'รถยนต์เติมไฮโดรเจน ไม่ง้อน้ำมัน ระยะวิ่ง 483 กม.ต่อการเติม 1 ครั้ง ไฮโดรเจนมันขุดจากใต้ดินไม่ได้นะครับ จะสร้างไฮโดรเจน ก็ต้องเอาพลังงานบางอย่างไปแลกกลับมา
โดย
nu
จันทร์ พ.ย. 30, 2015 9:49 am
0
2
Re: ในห้องร้อยคนร้อยหุ้นเงี๊ยบมาก หลายห้องไม่มีการเคลื่อนไหว
ผมคิดว่ามันเป็นเทรนด์ของเวปบอร์ดทุกเจ้าแหละนะครับ
โดย
nu
อาทิตย์ ต.ค. 11, 2015 10:18 pm
0
4
Re: มีหุ้นตัวไหน ตั้งแต่ต้นปี 2558 เป็นต้นมาราคาเพิ่มขึ้น
ทำไมต้องถามคำถามนี้ เพราะว่าในช่วงวิกฤติ หรือปีที่แย่นั้น ถ้าหากไม่มีหุ้นสามัญของบริษัทใดบริษัทหนึ่งเพิ่มขึ้นเลย โอกาสที่จะเป็นคือ หนึ่งหารด้วยสองยกกำลังจำนวนบริษัทที่จดทะเบียน คูณด้วยร้อยออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ที่เกิดขึ้น สิ่งที่ผมนั้นสอดคล้องกับพื้นฐานของวิชาสถิติ ที่ภาคการเงินนำมาประยุกต์ใช้คือ การกระจายตัวแบบระฆังคว่ำหรือ normal curve นั้นเอง ซึ่งปลายหางด้านซ้ายหรือด้านขวานั้นมีโอกาสเกิดน้อยมากๆๆ นั้นเอง ถ้าหากเกิดนั้นคือสิ่งที่ผิดปกติอย่างรุนแรง เกิดขึ้น อีกอย่างหนึ่งผมแสดงให้เห็นว่า ในวิกฤติก็ยังมีโอกาส หากคุณถือครองหุ้นที่ถูกต้อง ถูกเวลานั้นเอง :) 1.ผมว่าความน่าจะเป็นที่หุ้นจะขึ้นหรือลงมันไม่ได้เกิดแบบสุ่มนะ แล้วโอกาสขึ้นหรือลงก็ไม่ใช่ 50 50 2. ตรงกลางของ normal curve มันคือค่าเฉลี่ย ซึ่ง ไม่เท่ากับ 0 3. Set index มัน weight ด้วย mkt cap ผลกระทบของผลตอบแทนของหุ้นแต่ละตัวไม่เท่ากัน
โดย
nu
จันทร์ ก.ย. 07, 2015 10:36 am
0
2
Re: cpfครัวของโลกมี marketcap น้อยกว่า cpall เหมาะสมเปล่า
ก็ดูผลประกอบการซิครับ
โดย
nu
ศุกร์ ส.ค. 14, 2015 8:22 am
0
7
Re: ระเบิดเวลาประเทศไทย/ ดร.วีรไท สันติประภพ
ตอนนี้ดร.วีรไท มีตำแหน่งเป็นทางการคือเป็น ซุปเปอร์บอร์ด รสก. และเข้าใจว่าน่าจะช่วยงานในหลายๆส่วนด้วย เอาเป็นว่าผลจะติดตามผลงานของท่านครับ
โดย
nu
พฤหัสฯ. มี.ค. 12, 2015 8:03 pm
0
1
Re: PE ตลาดที่20 เท่า ในปัจจุบัน เหมือนกันกับปี 40 จริงหรอ?
PE ตลาดตอนนี่้ถูกบิดเบือนไปเยอะ - การขาดทุนสต็อกน้ำมันของบริษัทในกลุ่มพลังงาน - หุ้นที่ขึ้นเยอะๆมัก free float ต่ำ มีแรงซื้อนิดเดียวก็ทำให้ราคาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เช่นพวก IPO ที่มักจะมี free float 25-30% หรือจะเอาชัดๆ ก็ BAY ที่ free float จริงๆ ราวๆ 2-3%ของหุ้นทั้งหมด (แต่ดันมีน้ำหนักใน SET Index ตั้ง 3%) - หุ้นกลางๆ เล็กๆ ขึ้นมาเยอะมากจนเริ่มมีผลกับ index โดยรวม ตัวอย่างที่ผมว่าชัดลองเปรียบเทียบ .......................SAWAD.......MTLS............TISCO market cap......42,750......41,976...........37,228 2ตัวแรกใหญ่กว่า TISCO ซึ่งมีทั้งธนาคาร บล. บลจ. และอื่นๆ Asset size..........8,591........8,776.........317,673 equity...............3,432.........5,106...........25,823 NP.......................854............544.............4,249 PE ...................50.02.........77.14................8.76 PB ...................12.46...........8.22...............1.45 free float..........29.52.........25.43.............74.26 mkt cap ที่ใหญ่ ทำให้ตอนนี้ SAWAD MTLS มีผลต่อ index มากกว่า TISCO ด้วยซ้ำ ถ้าจะข้ามไป MAI ตอนนี้ EA มี market cap 117,495 ลบ. ใหญ่กว่า EGCO, RATCH, TOP, BANPU และใหญ่กว่า BCP ถึงกว่า 2 เท่า (แม้แต่ SUPER ยังมี mkt cap ใหญ่กว่า BCP ด้วยซ่้ำ) ไม่แปลกใจ ทำไม BMW ถึงฉลองยอดขายสูงสุดต่อเนื่อง 4 ปีซ้อน ในขณะที่ยอดขายรถโดยรวมลดกว่า 30%
โดย
nu
อังคาร มี.ค. 03, 2015 8:56 am
0
28
Re: คุณธันวา อดีตนายกสมาคมthaiviหวนคืนสังเวียนธุรกิจ
Asset ของ TOT ที่มีค่ามากๆคือ เสาที่ได้ไปจาก AIS ดูจากที่ TRUE ทำ TRUEIF ก็ได้มูลค่าตลาดไปกว่า 6 หมื่นล้าน ถ้า TOT เอามาทำบ้างไม่น่าหนีแสนล้านครับ
โดย
nu
ศุกร์ พ.ย. 07, 2014 11:00 am
0
1
Re: ในตลาดมีหุ้นตัวไหนที่มีหน่วย logistic กระจายสินค้าตัวเอง
BIG-C CPALL
โดย
nu
อังคาร พ.ย. 04, 2014 4:58 pm
0
0
Re: รายชื่อหุ้นที่ ROE สูงกว่า 25% เป็นเวลา 5 ปีต่อเนื่อง
อย่าลืมดู P/BV ของหุ้นเหล่านี้ด้วยนะครับ
โดย
nu
อังคาร พ.ย. 04, 2014 4:57 pm
0
0
Re: รบกวนถามเรื่องfree floatสำคัญไฉนครับ
ข้อมูล Free float บางตัวดูแล้วก็ตลกครับ อย่างเช่นลองดู free float ของ BAY เป็นตัวอย่างได้ครับ
โดย
nu
ศุกร์ ก.ย. 19, 2014 8:21 am
0
0
Re: อุตสาหกรรมหรือบริษัทอะไรได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้นบ้าง
ประกันก็เสียประโยชน์นะครับ ต้องmark to market ราคาพันธบัตรที่ปรับตัวลดลงจากยิลด์เดิมต่ำกว่าท้องตลาด ไม่เชิงนะครับ อยู่ที่ว่า บ.ประกันลงบัญชีอย่างไร ถ้าลงบัญชีเป็น Hold to mat. ก็ไม่ต้อง mark to market
โดย
nu
อังคาร ก.ค. 22, 2014 10:09 pm
0
1
Re: ทำไมบางบริษัทถึงไม่มีคะแนน CG score ทั้ง ๆ ที่อยู่มานาน
NOBLE 5 ดาว!!!! O_o
โดย
nu
พุธ ก.ค. 16, 2014 11:20 am
0
10
Re: ถามความเห็นวิธีลงทุนเเบบ value สำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชี
ขอบคุณคุณ Nu ที่ตั้งข้อสังเกตไว้ครับ ซึ่งมันก็ตรงกับที่ผมตั้งข้อสังเกตไว้นิครับ ว่าต่ำผิดปกติหรือเปล่า ผมก็ Check Yield Curve ตลอดทุกอาทิตย์ครับว่าเป็นเช่นไร ซึ่งในกรณีของกองทุนตราสารหนี้แบบนี้ แสดงไปถึงระดับตัวตราสารหนี้ที่ถือเลยละครับ ซึ่งถ้ารู้ตราสาร ถ้าขยันหน่อยก็ตรวจสอบไปที่ http://www.thaibma.or.th ว่าผลตอบแทนเป็นเช่นไร การวัดผลตอบแทนของตราสารหนี้นั้นมี ตัววัดที่เปรียบเทียบอยู่ด้วย ซึ่งเป็นค่ากลางของอุตสาหกรรม อยู่ด้วย การลงบัญชีการมีรับรู้ตามระยะเวลาที่ถือครอง /รับรู้ตามมูลค่ายุติธรรม (จุดนี้ผมเองก็รู้ไม่หมด) แต่ที่สำคัญ ทุกครั้งที่ บริษัทจัดการกองทุนรวมส่งมาถึงมือนั้น ผลตอบแทนมันแบ่งออกเป็นส่วนสองคือ ส่วนของลูกค้าและนายจ้างที่สมทบ ทั้งสองส่วนนั้น ผลตอบแทนออกมาเท่ากันแป๊บเพราะลงทุนในกองทุนเดียวกัน ส่วนเรื่องที่ว่า ผลตอบแทนมาหรือน้อยนั้น เดี๋ยวมาว่ากันที่หลังละกัน จริงๆๆว่าไปแล้ว กองทุนสำรองเลี้ยงชีวิตในระบบนี้ก็เป็นตัวปัญหาในอนาคต เมื่อ ประชาชนเกิดตั้งแต่ 2480- 2535 เกษียณตัว มันทำให้เป็นภาระของกองทุนสำรองเลี้ยงชีวิตทุกที่จ่ายเงินออกมาจากองทุนตัวนี้ แต่เงินไหลเข้าน้อยกว่าเงินไหลออก แต่แก้ไขสิ่งนี้ได้จาก การที่ลดค่าเงิน/ปั้มเงินออกมาในระบบมากๆๆ หรือ ขึ้นอัตราเงินเดือนของประชาชนผู้ที่เกิดปี 2535 ให้มีเงินเดือนในอัตราที่สูงกว่า ทุกอย่างมีทางแก้ไขเสมอ :) น่าจะมีการเข้าใจผิดหลายข้อครับ 1. กองทุนมีการ mark to market ทุกวันครับ (หรืออย่างน้อยก็วันที่มีเงินเข้าออกจากกอง) แบบเดียวกับกองทุนรวมทุกประการ ไม่เกี่ยวกับนโยบายบัญชีครับ 2. ฺำืBenchmark ของกองทุนฯ ตามนี้ครับ http://www.aimc.or.th/2011/23_infostats_provident_benchmark.php ดูแล้วผลตอบแทน 1.xx% น่าจะมีอะไรผิดพลาดครับ อย่าลืมว่าเงินที่เราใส่มันทยอยใส่ทุกเดือน ดังนั้นระยะเวลาลงทุนของเงินแต่ละก้อนจะไม่เท่ากัน ถ้าเอาผลตอบแทนมาหารเงินต้นตรงๆจะไม่ได้อัตราผลตอบแทนต่อปีจริงๆ เพื่อให้เห็นภาพผมลองทำตัวเลขเล่นๆ ถ้าเราฝากเงิน 100 บาท ทุกเดือนเท่าๆกัน ที่อัตราดอกเบี้ย3% ต่อปี สิ้นปีจะได้เงิน 12,196 คิดเป็นผลตอบแทน 196 บาท จากเงินต้น 12,000 บาท หรือ 1.64% ครับ 3. ผลตอบแทนส่วนของสมาชิกกับนายจ้างต้องเท่ากันอยู่แล้วครับเพราะลงทุนในกองทุนฯเดียวกัน แต่จำนวนเงินอาจจะต่างเพราะนายจ้างอาจสมทบมากกว่าลูกจ้างได้ครับ (กม. บอกว่าสบทบไม่ต่ำกว่าลูกจ้าง) 4. กองทุนฯ เป็นของเฉพาะบุคคลครับ เงินใครเงินมัน คนที่เกษียณก็ได้เงินเฉพาะส่วนที่ตัวเองสะสมมา ส่วนคนที่ยังไม่เกษียณก็ลงทุนอยู่ในกองทุนฯต่อไป ที่คุณ miracle กังวลอันนั้นน่าจะเป็นเงินประกันสังคมมากกว่าครับ
โดย
nu
พุธ มิ.ย. 11, 2014 8:52 am
0
1
Re: ถามความเห็นวิธีลงทุนเเบบ value สำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชี
ขอบคุณที่ตั้งคำถามมาครับ เดี๋ยวผมเอารายละเอียดมาให้ดูละกันว่า กองทนุสำรองเลี้ยงชีพที่ผมเป็นสมาชิกนั้นมีนโยบายอย่างไร มาแสดงให้ดู กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบอกมาแค่นี้ ------------------------------------------------------ ประเภทกองทุน : มีหลายนโยบาย (Sub Fund) • ระดับความเสี่ยง : ตามนโยบายลงทุนจากความเสี่ยงต่ำ – ความเสี่ยงสูง Sub Fund 1 : ความเสี่ยงต่ำ เงินฝาก ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ ------------------------------------------------------ พอดีบริษัทลงทุนใน Master fund โดยมี Sub Fund หลายๆตัว ซึ่งตัวที่บริษัทเลือกให้เป็น Sub Fund 1 ซึ่งมีนโยบายแบบนี้ จะได้ชัดเจนว่า ทำไมที่ผมบอกว่าได้ 1% เพราะอะไร ถ้าหากอยากรู้ลึกๆๆ ต้องไปเปิดผลประกอบการเอา ซึ่งไม่ได้บอกไว้อย่างละเอียดว่านโยบายว่า ลงทุนในตราสารหนี้อายุยาวเท่าไร หรือ อายุสั้นเท่าไร กองทุนประเภทนี้ ไม่ค่อยโชว์ผลประกอบการเป็นสาธารณะเท่าไร ถ้าเปิดมา สาธารณะคงจะอึ้งกิ้มกี่ว่า ทำไมเกิดอะไรขึ้นก็เป็นไปได้ครับ อีกอย่างหนึ่ง บริษัทไม่ได้บอกด้วยว่า ใช้ Fund manager บริหารงานกี่ท่านในแต่ละกอง ซึ่งที่ผมเจอในบางบริษัทจัดการกองทุนรวม บอกไว้ว่า กองทุนนี้มี Fund manager ดูแลกี่ท่าน ซึ่งผมก็จะเปิดประเด็นต่อไปว่า กองทุนในประเทศไทยมันมีจำนวนกองทุนที่มากมาย ขนาดกองทุนที่ใหญ่มากๆ แต่มี Fund manager ที่ขึ้นทะเบียนไม่เกิน 300 ท่านในการบริหาร ต้องถามย้อนกลับไปว่า จำนวน Fund Manager เพียงพอในการบริหารกองทุนเหล่านั้นหรือเปล่า ประกอบด้วย :) ดูจากนโยบายแล้วน่าจะเป็นนโยบายความเสี่ยงต่ำสุด แต่ยังไงกองตราสารหนี้ปีที่แล้วยังไงไม่น่าได้แ่ค่ 1% ครับ เพราะเงินฝากก็ได้ เกือบๆ 3% พันธบัตรอายุ 2 ปี total return ก็ได้ราวๆ 3.6% ผสมกองยังไงก็ไม่ลงมา 1.xx % คุณ miracle ลองเช็ค statement ก่อนนะครับ อย่างที่เคยบอกว่า จะเอาผลตอบแทนที่เกิดระหว่างปี หาร ด้วยเิงินต้น ตรงๆไม่ได้ เพราะเิงินไม่ได้เข้าพร้อมกันทั้งหมด ตัวเลขเป๊ะๆต้องดูตัวเลขที่กองทุนบอกว่าได้ผลตอบแทนเท่าไหร่ ใน - statement - ข้อมูลที่ บลจ นำเสนอ เช่นตอนประชุมสามัญประจำปี - ถาม HR หรือ กรรมการ
โดย
nu
จันทร์ มิ.ย. 09, 2014 1:42 pm
0
0
Re: ถามความเห็นวิธีลงทุนเเบบ value สำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชี
ผมคิดว่ามีหลายประเด็นที่มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนครับ ตอบ จขกท. ก่อน จริงอย่างที่คุณ zephyr ว่าครับ การเลือกนโยบายการลงทุนเป็นการเลือก Asset Allocation โดยทั่วไป ถ้ายังลงทุนอยู่กับกองทุนฯอีกนาน ก็สามารถเลือกนโยบายที่มีหุ้นเยอะๆได้ครับ ซึ่งในระยะยาวจะให้ผลตอบแทนสูงกว่า กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ มีเป้าหมายเพื่อการเกษียณครับ การเปลี่ยนนโยบายการลงทุนจึงควรมองยาวๆ ไม่ควรใช้เพื่อ timing ตลาด ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ประเด็นผลตอบแทนของกองทุนฯ อันนั้นขึ้นอยู่นโยบายการลงทุนของกองทุน เช่น กองตราสารหนี้ก็ยังแบ่งเป็นตราสารหนี้ระยะสั้น ตราสารหนี้ภาครัฐ ตราสารหนี้ทั่วไป แล้วก็เป็นกองผสม(ซึ่งจะกำหนดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไม่เกินกี่%) กองหุ้น เป็นต้น ที่คุณ miracle บอกว่าได้ไม่เกิน 1% คงต้องไปดูว่าเป็นกองทุนฯที่มีนโยบายลงทุนยังไง ที่คุณ tg32401 บอกว่าได้ 1% นิดๆ ผมคิดว่าต่ำผิดปกติครับ ปีที่แล้วดอกเบี้ยลด กองตราสารหนี้น่าจะได้เกิน 3% ผมคิดว่าคุณ tg32401 ลองเช็ค statement ดีๆครับ เพราะ เรามีการนำส่งเงินเข้ากองทุนฯ ระหว่างปีด้วย ดังนั้นเอาผลตอบแทนที่เกิดขึ้นระหว่างปีหารเงินต้นรวมตรงๆไม่ได้ (นึกภาพว่า เงินที่เราส่งเดือน 6 ถึงสิ้นปีเท่ากับลงทุนไปแค่ 6เดือน/ เงินที่เราส่งเดือน 12 เท่ากับยังไม่ได้ลงทุนเลย) ทั้งนี้หากอยากได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น คงต้องเพิ่มสัดส่วน risky asset เช่นพวกหุ้น หุ้นต่างประเทศครับ (ทำใจกับตราสารหนี้เถอะครับ ดอกเบี้ยต่ำเตี้ย upside แทบไม่มี) -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ประเด็นเรื่องภาษี เงินกองทุนฯ มี 4 ส่วน เงินที่เราส่ง ผลประโยชน์จากเงินที่เราส่ง เงินนายจ้างส่ง ผลประโยชน์จากเงินที่นายจ้างส่ง เงินส่วนที่มาจากนายจ้างและผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น นายจ้างสามารถกำหนดเงื่อนไขการจ่ายได้ครับ บางที่ใจดี ก็ให้ไปเลยโดยไม่มีเงื่อนไข บางที่ก็มีเงื่อนไขให้มากขึ้นตามอายุงาน เช่น 3ปี ให้ 30% 5ปีให้ 50% 10ปี ให้100% ต้องไปดูข้อบังคับกองทุนครับ ในกรณีที่เราอยู่กับกองทุนจนครบเงื่อนไขยกเว้นภาษี (คุ้นๆว่า อายุ 55 + อยู่กับกองทุนครบ 5 ปี) เงินที่ได้รับทั้ง 4 ก้อน ไม่ต้องเสียภาษี แต่ถ้าไม่ครบ เงินเฉพาะ ผลประโยชน์จากเงินที่เราส่ง เงินนายจ้างส่ง ผลประโยชน์จากเงินที่นายจ้างส่ง ที่ต้องเอาไปคำนวนเสียภาษี ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ประเด็นเรื่องนโยบายการลงทุน ตอบคุณ Nevercry.boy ที่ถามว่าโทรไปหาบลจ.ที่บริหารเลยได้ไหม คำตอบคือทำไม่ได้ครับ นโยบายการลงทุนกำหนดโดยกรรมการกองทุนครับ บลจ. รับหน้าที่บริหารตามที่กรรมการกำหนดให้ครับ
โดย
nu
ศุกร์ มิ.ย. 06, 2014 10:07 pm
0
0
Re: บริษัทที่ได้รับใบอนุญาติ เช่่นกลุ่มสื่อสาร Advanc,dtac
สิ่งที่ AIS DTAC TRUE ได้คือสิทธิ์บนคลื่น 2.1Ghz นี่ครับ ไม่เกี่ยวกับเทคโนโลยี หากเทคโนโลยีพัฒนาไป 4G 5G 6G 3เจ้าเขาก็สามารถอัพเกรดระบบให้ไปใช้เทคโนโลยีที่ดีขึ้นไปได้ ดังนั้นผมเลยมองว่า obsolete ไม่น่าจะเกิด แต่ต้องดูคือเวลาไลเซ่นหมดอายุจะหาคลื่นใหม่มาใช้ทันหรือไม่มากกว่า
โดย
nu
พฤหัสฯ. ก.พ. 20, 2014 8:52 am
0
1
Re: บริษัทที่ได้รับใบอนุญาติ เช่่นกลุ่มสื่อสาร Advanc,dtac
ขอเป็นหมอดู ทำนายอนาคต เรื่องความเป็นไปได้ในอีกด้านตรงข้ามกับที่จขกท. ตั้งประเด็น ทั้ง 3 ราย ต้องมีการดิ้นรน ขอ license เพิ่มเติมแน่ๆ .... license มีอายุ 15 ปี กิจการของไทยใช้มันไปแค่ 1 ปีกว่าเอง (ได้มาก่อนปีหม่ 2013) แต่อายุขัย 3G ที่เหลือบนโลกล่ะ? เข้าใจใช่ไหมครับ ว่าผมหมายถึงอะไร ปล. ไม่เกี่ยวกับคำถามในกระทู้ แต่มีคำแนะนำ signature จขกท. เป็นข้อความที่ดี เพราะคำกล่าวของปรมาจารย์ ที่ปูบัฟฟ์ว่า เขาใช้หลักของท่านนี้ 15% ที่เหลืออีก 85% ของอ. Ben Graham แต่การแสดงผลเพี้ยน ควรแก้จากปัจจุบัน ....มหาศาล :Philip A. Fisher เมื่อเขียนติดกัน เครื่องหมาย colon (ตา) + P (ปากแลบลิ้น) ไปตรงกับโค๊ด emotion คนแลบลิ้น เป็น ....มหาศาล: Philip A. Fisher อย่างน้อย ย้าย colon ให้ห่างจาก P ถ้าตามหลักภาษา ติดตัวอักษรสุดท้ายคือ "ล" ... ถ้าตามหลักใจตัวเอง วางกลางๆ จะแสดงผลได้แบบนี้ ....มหาศาล :Philip A. Fisher ไปเป็น -> ....มหาศาล: Philip A. Fisher [/size] ไม่เข้าใจครับ รบกวนขยายความได้ไหมครับ?
โดย
nu
พุธ ก.พ. 19, 2014 8:47 pm
0
0
Re: ตัวอย่างการ Write off ของสัมปทานมือถือ
ตอบเท่าที่รู้ ไม่รับรองความถูกต้องนะครับ 1. AIS น่าจะทยอยตัด 1800 ไปหมดแล้ว เพราะสัมปทาน 1800 มันหมดอายุไปแล้ว 2. คลื่น 900 AIS ไม่น่าจะต้องตัดอะไรอีก เพราะทรัพย์สินที่ใช้ทำธุรกิจได้โอนให้ TOT ไปแล้ว ที่ผ่านมา AIS ก็ทยอยตัดเหมือนตัดค่าเสื่อมตามอายุของสิทธิ์
โดย
nu
พุธ ก.พ. 12, 2014 8:39 am
0
0
Re: ถามประสบการณ์ข้อมูลที่ IRให้เชื่อถือได้มากแค่ไหนครับ
ต้องแยกให้ได้ว่าอันไหนเป็น Fact อันไหนเป็น opinion ครับ
โดย
nu
พฤหัสฯ. ต.ค. 31, 2013 1:07 pm
0
1
Re: ภาษีกาฝาก แบ่งกันกิน
เห็นได้ชัดว่าทุกคนเห็นด้วยแบบมีเงื่อนไขทั้งนั้น
โดย
nu
พฤหัสฯ. ต.ค. 31, 2013 1:06 pm
0
2
Re: ท่านเจ้าสัวคิดแบบนี้ คนอ่านคิดอย่างไรครับ
จำนำ VS ประกันรายได้ จำนำใช้เงินมากกว่ามหาศาล ถ้านับเป็น จำนวนเงิน มันก็"น่าที่จะ" ลงไปถึงชาวนามากกว่า (2 ปี รัฐบาลใช้เงินไปกับจำนำข้าว 6แสนล้าน++ นะครับ) แต่ถ้านับเป็น สัดส่วน ที่ชาวนาได้จริงๆ เทียบกับเงินที่ใช้ทั้งหมด ผมว่าประกันรายได้จะดีกว่า ยิ่งถ้าเอาผลข้างเคียงของนโยบายมาดู จำนำข้าวชาวนาจะเน้นปริมาณ เพราะอัพไซด์ของราคาถูกจำกัด จึงต้องเพิ่มปริมาณ ประกัน ชาวนาจะกลับมาดูแลเรื่องคุณภาพมากกว่า จำนำ เพราะมีโอกาสที่จะขายข้าวได้ราคาดีกว่าราคากลาง นโยบายมหภาคเป็นการจัดสรรทรัพยากรระหว่างบุคคล ดังนั้นจะมีผล 2 ด้านเสมอ (มีคนได้ คนเสีย) ดังนั้น นักเศรษฐศาสตร์ มักมีคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เพราะแต่ละคนจะให้น้ำหนักของคน 2 กลุ่มไม่เท่ากัน แต่นโยบายจำนำข้าว เป็นนโยบายเดียวที่นักเศรษฐศาสตร์ทุกสำนักเห็นตรงกันว่า "ล้มเหลว"
โดย
nu
จันทร์ ต.ค. 28, 2013 6:50 am
0
14
Re: ว่าด้วยความเสี่ยงของ CPALL ในการออกหุ้นกู้
ที่น่ากลัวคือ จังหวะที่ CPALL ต้องระดมเงินจากตลาดทุน เป็นจังหวะที่เงินในตลาดทุนไหลออก หุ้นกู้แสนล้าน ถ้าออกต้นปีน่าจะทำง่ายกว่าตอนนี้เยอะ
โดย
nu
อังคาร ส.ค. 27, 2013 5:21 pm
0
0
Re: แปลก Yield ของพันธบัตร 1 เดือนมากกว่า ดอกเบี้ย กนง
จัดมาตามรูป https://fbcdn-sphotos-a-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash3/1146517_570559776322984_2044330150_n.jpg แต่ตามรูปมันแปลกจริงๆ ถ้าช่วงไหนที่ ดอกเบี้ยพันธบัตรอยู่สูงมันจะเพิ่มดอกเบี้ย กนง ช่วงต่ำกว่า แสดงว่า กนง ไม่ปรับดอกเบี้ย :) รูปชัดเจนครับว่าดอกเบี้ย 1 เดือนต่ำกว่า R/P มานานแล้ว ดอกเบี้ย 3 เดือนใกล้เคียงกับ ดอกเบี้ย R/P ------------------------------------------------------------------------- ลองดูเพิ่ม พวกส่วนต่างดอกเบี้ย 10ปีกับ 2 ปี อาจเห็นอะไรเพิ่มขึ้นครับ เอาสองรูปประกอบกันซิครับ ตอนนี้มันเป็นคานงัดอยู่ โดยที่จุดปลายด้านหนึ่งคือ อายุสั้นที่สุดคือ 1 เดือนกับอีกด้านหนึ่งอายุยาวสุด (ประมาณ 50-60 ปี) ถ้ากดด้านที่สั้นลง ด้านยาวต้องขึ้น ตามธรรมชาติ แต่ถ้าหากไม่เป็นไปตามธรรมชาติ ตัวสั้นกดลง ตัวยาวไม่ขึ้นแต่กดลงด้วย งานนี้ซิ น่าแปลกซึ่งเป็นมาแล้ว เมื่อการลดดอกเบี้ยครั้งก่อนหน้านี้ อีกอย่างถ้าดอกเบี้ยระยะสั้นขึ้น ดอกเบี้ยระยะยาวลดลง อันนี้คือธรรมชาติ แต่ถ้าหากเจอดอกเบี้ยสั้นขึ้นด้วย ดอกเบี้ยระยะยาวขึ้นด้วย งานนี้ซิ ไม่ใช่ธรรมชาติ ที่ผมดูรูปนี้เจอคือ กนง กดดอกเบี้ยให้ลดลง แต่หากดอกเบี้ยไปขึ้นดอกเบี้ยของ กนง และ มากกว่า มีสิทธิ์ที่ปรับ ดอกเบี้ย กนง ตามในอดีต ครับ อดีตเป็นเหมือนสมุดบันทึก ปัจจุบันเป็นสิ่งที่เดินตามรอยอดีตเสมอ ถ้าหากมนุษย์ไม่เปลี่ยนพฤติกรรม :) ฺีBullish steepening, Bearish steepening, Bullish flattening, Bearish flattening ไม่เห็นแปลกตรงไหน มันมีมานานแล้วครับ เป็นไปตามภาวะตลาด Fundflow ภาวะ-การคาดการณ์เศรษฐกิจ ย่อหน้าหลังผมอ่านไม่เข้าใจ ขอโทษด้วยครับ
โดย
nu
จันทร์ ส.ค. 26, 2013 9:28 am
0
1
Re: แปลก Yield ของพันธบัตร 1 เดือนมากกว่า ดอกเบี้ย กนง
จัดมาตามรูป https://fbcdn-sphotos-a-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash3/1146517_570559776322984_2044330150_n.jpg แต่ตามรูปมันแปลกจริงๆ ถ้าช่วงไหนที่ ดอกเบี้ยพันธบัตรอยู่สูงมันจะเพิ่มดอกเบี้ย กนง ช่วงต่ำกว่า แสดงว่า กนง ไม่ปรับดอกเบี้ย :) รูปชัดเจนครับว่าดอกเบี้ย 1 เดือนต่ำกว่า R/P มานานแล้ว ดอกเบี้ย 3 เดือนใกล้เคียงกับ ดอกเบี้ย R/P ------------------------------------------------------------------------- ลองดูเพิ่ม พวกส่วนต่างดอกเบี้ย 10ปีกับ 2 ปี อาจเห็นอะไรเพิ่มขึ้นครับ
โดย
nu
อาทิตย์ ส.ค. 25, 2013 9:28 pm
0
0
Re: แปลก Yield ของพันธบัตร 1 เดือนมากกว่า ดอกเบี้ย กนง
ยืนยันด้วยรูปละกัน https://fbcdn-sphotos-g-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn1/546885_570279406351021_552357596_n.jpg รูปหนึ่งรูปแทนคำเป็นล้านคำพูด :) ลองใส่ดอกเบี้ยนโยบายเข้ามาด้วยซิครับ ผมดูด้วยตาแบบไม่มีข้อมูล เส้นดอกเบี้ย 1 เดือน น่าจะต่ำกว่าหรือพอๆกับ R/P มาตลอด ตัวที่ใกล้เคียง R/P ที่สุดน่าจะเป็น 3 เดือน
โดย
nu
เสาร์ ส.ค. 24, 2013 7:18 am
0
0
Re: แปลก Yield ของพันธบัตร 1 เดือนมากกว่า ดอกเบี้ย กนง
ยืนยันด้วยรูปละกัน https://fbcdn-sphotos-g-a.akamaihd.net/hphotos-ak-prn1/546885_570279406351021_552357596_n.jpg รูปหนึ่งรูปแทนคำเป็นล้านคำพูด :) ลองใส่ดอกเบี้ยนโยบายเข้ามาด้วยซิครับ ผมดูด้วยตาแบบไม่มีข้อมูล เส้นดอกเบี้ย 1 เดือน น่าจะต่ำกว่าหรือพอๆกับ R/P มาตลอด
โดย
nu
เสาร์ ส.ค. 24, 2013 7:17 am
0
0
Re: แปลก Yield ของพันธบัตร 1 เดือนมากกว่า ดอกเบี้ย กนง
ผมว่าก็ปกตินะ เห็นดอกเบี้ยสั้นๆต่ำกว่า R/P มาตั้งนานแล้ว
โดย
nu
พฤหัสฯ. ส.ค. 22, 2013 11:41 pm
0
0
Re: Are you prepared for DOW 150,000 ? !!!...
Michael's way of looking at the long-term technical setup was unique and deserved more attention. http://www.thereformedbroker.com/2013/06/10/are-you-ready-for-dow-150000/ พี่แงซายนี่บูลตลอดเลยนะครับ แซวขำๆครับ
โดย
nu
จันทร์ ก.ค. 29, 2013 6:05 pm
0
0
Re: ธุรกิจเดินเรือ ถึงเวลา กลับมา หรือยัง
ผมมีได้คุยกับเพื่อนที่ทำงานเกี่ยวกับด้านสินเชื่อมา ทางสินเชื่อเค้ามองว่าเรือเนี่ยเป็นสินค้าที่มูลค่าน้อยและเอาไปขายต่อได้ยากคือมองเป็นแค่เศษเหล็กอะครับ สินทรัพย์ของบริษัทเรือเยอะจริงแต่การด้อยค่าของเรือผมว่ามองข้ามไม่ได้เลย อยากให้เราระลึกไว้เสมอดีกว่าว่าอุตสาหกรรมเดินเรือจะดีขึ้นก็ต่อเมื่อเศรษฐกิจโลกพลิกฟื้นตัวเพราะมันเป็นอุปสงค์เกี่ยวเนื่องต่อให้ราคา freight ถูกแค่ไหน แต่ไม่มีผู้ซื้อ-ผู้ขาย เรือก็ไม่ถูกจองหรอกครับแล้วจากสถานการณ์ปัจจุบันผมยังไม่เห็นสัญญาณที่ชัดเจนเลยว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวแล้ว ตลาดหุ้นที่ราคาพุ่งพรวดๆผมไม่ได้มองว่ามันเป็นการฟื้นของเศรษฐกิจโลกแต่เป็นการเสพติด QE มากกว่าครับ ก็ไม่เชิงนะครับ เพราะดูจาก demand ของ Dry bulk มันก็เพิ่มขึ้นทุกปี แต่ที่ค่าระวางตกมันมาจาก Supply เรือที่ออกมาเยอะเกินไป
โดย
nu
พุธ ก.ค. 17, 2013 5:36 pm
0
4
Re: ธุรกิจเดินเรือ ถึงเวลา กลับมา หรือยัง
บริษัทเรือเจ๊งกันใหญ่ เมื่อไหน่จะมีเรื่องดีๆมั่งนะ Excel Maritime Files for Bankruptcy After Voting Extended http://about.bloomberglaw.com/legal-news/excel-maritime-files-for-bankruptcy-after-voting-extended/ STX Pan Ocean Bankruptcy Filing Reflects Global Slump in Shipping http://online.wsj.com/article/SB10001424127887324904004578535041285632524.html
โดย
nu
จันทร์ ก.ค. 08, 2013 11:08 pm
0
1
Re: กลับไปอเมริกากันทำไม??
Date 1 mo 3 mo 6 mo 1 yr 2 yr 3 yr 5 yr 7 yr 10 yr 20 yr 30 yr 06/03/13 0.03 0.05 0.08 0.14 0.30 0.50 1.03 1.53 2.13 2.92 3.27 06/04/13 0.05 0.04 0.08 0.14 0.32 0.48 1.05 1.55 2.14 2.95 3.30 06/05/13 0.04 0.05 0.08 0.14 0.30 0.48 1.02 1.52 2.10 2.90 3.25 06/06/13 0.04 0.05 0.08 0.14 0.30 0.48 1.01 1.49 2.08 2.89 3.23 06/07/13 0.04 0.04 0.07 0.14 0.32 0.52 1.10 1.59 2.17 2.98 3.33 06/10/13 0.04 0.05 0.08 0.14 0.32 0.55 1.13 1.62 2.22 3.03 3.36 06/11/13 0.05 0.05 0.08 0.14 0.34 0.57 1.12 1.61 2.20 3.00 3.33 06/12/13 0.04 0.05 0.08 0.14 0.34 0.57 1.15 1.64 2.25 3.04 3.37 06/13/13 0.04 0.05 0.08 0.14 0.32 0.55 1.11 1.60 2.19 2.99 3.33 06/14/13 0.04 0.05 0.08 0.13 0.29 0.49 1.04 1.53 2.14 2.95 3.28 06/17/13 0.05 0.05 0.08 0.13 0.27 0.49 1.06 1.57 2.19 3.01 3.35 06/18/13 0.04 0.05 0.08 0.13 0.27 0.48 1.07 1.58 2.20 3.00 3.34 06/19/13 0.04 0.05 0.08 0.13 0.31 0.58 1.24 1.76 2.33 3.09 3.41 06/20/13 0.03 0.05 0.09 0.14 0.33 0.62 1.31 1.84 2.41 3.18 3.49 06/21/13 0.02 0.05 0.09 0.13 0.38 0.70 1.42 1.95 2.52 3.26 3.56 06/24/13 0.01 0.06 0.11 0.16 0.42 0.73 1.48 2.02 2.57 3.27 3.56 06/25/13 0.03 0.06 0.11 0.17 0.43 0.74 1.49 2.03 2.60 3.31 3.60 http://www.treasury.gov/resource-center/data-chart-center/interest-rates/Pages/TextView.aspx?data=yield Yield ของ พันธบัตร 10 ปี เพิ่มขึ้นตลอดทางเลย Yield เพิ่มคือ ราคาพันธบัตรลดลงมาตลอดทาง แถมด้วย ราคาพันธบัตรระยะ 1 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้นตลอดทางเลย ในช่วงนี้ ตลาดนี้มองว่า ในอนาคตดอกเบี้ยขึ้นแน่นอน แต่ดอกเบี้ยระยะสั้น ยังเท่าเดิม QE คือ กด Yield Curve ทั้งเส้นเลย งานนี้ดูกันต่อไปว่า ตายหมู่ในตลาดตราสารหนี้ยังคงอยู่อีกหรือไม่ สำหรับพันธบัตรระยะยาว ส่วนในประเทศไทย ถ้าหาก กองทุนตราสารหนี้ (กบข กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนตราสารหนี้ บริษัทประกันภัย/ประกันชีวิต ธนาคารพาณิชย์) ถ้าหากเป็นตราสารหนี้ที่ตั้งใจถือครองจำครบกำหนด (ประเด็นคือ บริษัทมีปัญญาในการถือครองแล้วไม่กระทบต่อหนี้สินด้วย) สามารถใช้วิธีการตัดจำหน่าย แทนการ Mark to Market ซึ่งวิธีนี้ ไม่มีผลต่อเหตุการณ์ดังกล่าว กลับเป็นผลดีด้วยซ้ำว่า กำไรดีเกินควร ดังนั้น สภานักบัญชี ควรจะพิจารณาให้ใช้วิธี mark to market ทั้งหมด เพื่อสะท้อนให้เห็นภาระของบริษัท ถึงแม้นว่า บริษัทต้องการถือครองจนครบกำหนด เพราะ บริษัทจำเป็นต้องคำนวณเรื่องความเสี่ยงที่เกิดจาก Duration ของตราสารหนี้ หากเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความเสี่ยงด้านตลาดอยู่แล้ว :) กองทุนทั้งหลายต้อง mark to market ทั้งหมดนะครับ ส่วนพอร์ตบริษัทขึ้นอยู่กับว่าแบ่งเป็นอะไร เพือค้า เื่ผื่อขาย ถือจนครับ ก็จะทำบัญชีแยกกันไปอะไรทำนองนี้ จะให้ mark ทั้งหมดคงไม่เหมาะกับทุกบริษัทครับ เช่น บริษัทประกัน ถ้าอยู่ๆด้านสินทรัพย์ถูก mark แต่หนี้สินไม่ mark เกิดยิลล์เด้งขึ้นแรงๆ บริษัทเจ๊งไม่รู้ตัวเลยนะครับ
โดย
nu
พฤหัสฯ. มิ.ย. 27, 2013 11:17 am
0
1
Re: ธุรกิจเดินเรือ ถึงเวลา กลับมา หรือยัง
http://www.lloydslistintelligence.com/llint/dry-bulk/baltic-dry-index.htm;... Index ที่ขึ้นเยอะเป็นของ cape size นะครับ บริษัทในไทยไม่น่าจะได้ประโยชน์อะไรมากมาย
โดย
nu
พฤหัสฯ. มิ.ย. 27, 2013 11:10 am
0
1
Re: ฟรี! ระบบข้อมูลงบการเงินย้อนหลัง อัตราส่วนงบการเงิน และข
สนใจขอทดลองครับ
[email protected]
โดย
nu
เสาร์ ก.พ. 23, 2013 8:22 pm
0
0
Re: TOP 10 กองทุนหุ้นไทย ตั้งแต่ต้นปี
จากที่ลองไล่ๆดูหุ้นที่แต่ละ บลจ. ถือ พบสิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งว่า หุ้นหลักๆที่แต่ละที่ถือหนักๆ มักไม่ค่อยเหมือนกัน ประมาณว่าหุ้นใครหุ้นมัน
โดย
nu
จันทร์ ก.พ. 04, 2013 10:16 pm
0
1
Re: ทำไม BOT ไม่ลดดอกเบี้ยนโยบาย
สมัยก่อน BOT จะทำอะไรมันก็เรื่องในอดีต (BOT ขึ้นดอกเบี้ยเป็นเงื่อนไขส่วนหนึ่งที่ทางรัฐบาลไปทำไว้กับ IMF นะครับ) คำุถามมันอยู่ที่ว่าปัจจุบัน BOT สามารถทำอะไรได้บ้าง และควรทำอะไรมากกว่าครับ
โดย
nu
จันทร์ ก.พ. 04, 2013 9:22 am
0
11
Re: ทำไม BOT ไม่ลดดอกเบี้ยนโยบาย
1. ลดดอกเบี้ย เห็นใจคนที่เขาฝากเงินกินดอกเบี้ยกันบ้างนะครับ อย่ามัวแต่มองมุมคนเล่่นหุ้น 2. ถ้าคิดว่าลดดอกเบี้ยแล้วหยุดเงินไหลเข้าได้ คำถามคือเราต้องลดดอกเบี้ยเหลือเท่าไหร่ครับ? - ดอกเบี้ย 3M Libor อยู่ที่ 0.3% ตราปเท่าที่ดอกเบี้ยไทยสูงกว่านี้ ก็จะเกิด Positive Carry อยู่ดี แปลว่าเราต้องลดดอกเบี้ยลงไปขนาดนั้นหรือเปล่า? 3. เศรษฐกิจกำลังร้อนแรง การลดดอกเบี้ยไม่ยิ่งไปกระตุ้นการเก็งกำไรหรือครับ 4. ลองดูเรื่องนี้ครับ Impossible trinity http://en.wikipedia.org/wiki/Impossible_trinity ก่อนปี 40 BOT และรัฐบาลไทยผยองเกินไป คิดว่าจะฝืนสิ่งนี้ได้ - ถ้าเราจะกลับมาฝืนให้ FX ไม่เป็นไปตามกลไกตลาดสิ่งที่ BOT ทำได้คือ 1.ต้องควบคุมเงินทุนเข้าออก (Capital Control/ Tobin Tax/....) เอาไหมครับ? หรือ 2. ยอมสูญเสียอิสระในการดำเนินนโยบายการเงิน (เช่นที่ HK จะ Fix ค่าเงิน และดำเนินนโยบายการเงินตาม US แต่ด้วยอยู่คนละ Economics Cycle ทำให้ HK เจอฟองสบู่อสังหาฯแทน) เอาไหมครับ? คิดว่าแบบไหนเหมาะกับประเทศไทยครับ? 5. ความเป็นอิสระในการดำเนินนโยบายการเงินมีความสัมพันธ์โดยตรงกับเสถียรภาพของเศรษฐกิจ ลอง Google หางานวิจัยของ World Bank หรือ IMF ได้ครับ ก่อน 40 เป็นยังไงไม่รู้ แต่หลังจากนั้นมา BOT ทำหน้าที่ดูแลเสถียรภาพของเศรษฐกิจได้ดีเลยทีเดียว
โดย
nu
อาทิตย์ ก.พ. 03, 2013 9:53 pm
0
16
Re: จองงาน Money Talk@SET ช่วงเช้า สำหรับสมาชิกสมาคม 350 ที่
จอง 1 ที่ครับ
โดย
nu
พฤหัสฯ. ม.ค. 03, 2013 8:39 am
0
0
Re: เมื่อตลาดหุ้นไทย PE 18 เท่า!!!!
ไม่ทราบเหมือนกันว่าความคาดหวังนักวิเคราะห์สูงหรือเปล่า เพราะไม่ได้เป็นผู้วิเคราะห์นะคะ เห็นใน Paper ที่เค้าทำมาจึงเรียนให้ทราบ แต่คิดว่าน่าจะเป็นเพราะใช้ PER ตั้งต้น 17.xx มาจาก PER ที่ตลาดประกาศ ก็ยังน่าจะเป็น 12 เดือน หรือ 4 ไตรมาสย้อนหลัง 17 นั้นก็มีช่วงทับซ้อนน้ำท่วมมาด้วย ซึ่งน่าจะเป็นค่าเฉลี่ยให้ได้ EPS ต่ำ เวลาเปรียบเทียบกัน น่าจะเอา แอปเปิล เทียบแอปเปิล สาลี่ เทียบสาลี่ trial PE ปี 55 เทียบปี 56 หรือ Forward PE ปี 55 กับ ปี 56 เรากำลังพูดอยู่จากการวัดคนละฐานกัน น่ะค่ะ ซึ่งอาจทำให้ผู้อื่นสับสน เลยต้องชี้แจงต่ออีกหน่อย ที่เราพูดถึง 18 เท่า เพราะกระทู้เค้าตั้งไว้อย่างนี้ แต่นั่นเป็น Trial PER ตลาด แต่เป็นสิ่งที่ผู้คนรับรู้ ซึ่งไม่ได้สะท้อนภาพของอนาคต แต่ที่บอกให้ใจชื้นว่า Forward PER ยังมีโอกาสได้เห็น 13 (ถ้านักวิเคราะห์คาดได้ถูกเป๊ะนะ) 13 เป็นเรื่องของการคาดการณ์ โดย Consensus หรือของโบรกใดโบรกหนึ่ง แล้วแต่เราเอามาอ้างอิง Actual ออกมาอาจไม่ตรงกับ Forecast ก็ได้ ถ้าให้เห็นภาพ ลองหยิบบริษัทใดบริษัทหนึ่ง เอา EPS 4 ไตรมาสย้อนหลัง เช่น 3/55 2/55 1/55 และ 4/54 มารวมกัน แล้วหาค่า PER คิดว่าได้ค่า PERต่างจาก เอา EPS ปี2555F ซึ่งคาดการณ์โดย Consensus นะคะ เพราะ EPS 55F เกิดจาก ไตรมาส 1-4/55 (4/55 ยังเป็น Forecast อยู่) ยังเห็นว่าตัวที่เอามาคิดเป็นตัวต่างกัน ไม่ควรเปรียบเทียบกัน ----------------------------------------------------------------- ตลาดเกิดการซื้อขายได้เพราะผู้คนในตลาดมีความเห็นที่ต่างกัน ุถ้าอย่างนั้นคงต้องถามคุณ vajiralux ล่ะครับคิดว่าตอนนนี้ PE ตลาดเป็นเท่าไหร่ คิดว่าปีหน้า EPS จะเติบโตซักเท่าไหร่ แล้วลองคำนวนกลับดูนะครับว่ามันสิ่งที่คิดไว้มัน imply การเติบโตซักกี่ %
โดย
nu
ศุกร์ ธ.ค. 28, 2012 9:38 am
0
0
Re: เมื่อตลาดหุ้นไทย PE 18 เท่า!!!!
ทำไมได้ EPS growth 38% หรือ 30-40% ล่ะ หายังไงหรือคะ ถ้า 18/13 = 38% (13 เป็นเป้าหน้า 18 เป็นจุดสตาร์ท) คิดว่าโบรกเกอร์ที่ประมาณการออกมาไม่น่าจะใช้วิธีคิดแบบนั้น แต่คิดว่าใช้ตัวที่มี Market Cap สูง และเป็นหุ้นที่เค้า Cover ประมาณสักมากกว่า 80% ของ Cap รวม เป็น Proxy นะคะ ในเปเปอร์ดังกล่าว คิด EPS growth ได้ราว 15% แต่ใน Bloomberg Consensus ได้ผลสรุปออกมาที่ 20.5% ยังเชื่อว่า PER เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งที่น่าระมัดระวังเท่านั้น แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของการตัดสินใจว่าหุ้นถูกแพง PER 13 เท่าคิดจากค่า Forcast Earnings ส่วน PER 18 เท่า เป็น Trial PER ประกาศโดยตลาดหลักทรัพย์ (SET 1400 อาจจะ 19 เท่าแล้วนะ)น่าจะได้มีการรวมขาดทุน-กำไรไตรมาส 4/54 เข้าไปด้วย(4 quarter ย้อนหลัง) ซึ่งยังเห็นผลกระทบเรื่องน้ำท่วมเข้ามาอยู่ ยิ่งบางกิจการเพิ่งมากำไรดีช่วงไตรมาส 2/55 แสดงว่า PER 18 เท่า ยังมีผลกระทบน้ำท่วมรวมอยู่ 1-2 ไตรมาส ซึ่งปัจจัยน้ำท่วมคงเป็น One Time Loss ไปแล้ว เป็นไปได้ว่า Forward PER ของปี 2555 อาจจะไม่ถึง 18 เท่า และปี 2556 ก็ลดต่ำไปจากปี 2555 อีก ถ้าจะเบี่ยงเบนไม่มาก แต่ไม่น่าใช่ Growth 30-40% ที่ว่าน่ะค่ะ ต้องขออภัย การเปรียบเทียบสองค่า PER 18 กะ 13 ไม่ได้อยู่บนฐานเดียวกัน ไม่ได้กำลังจะเปรียบ PER ปี 55 กะปี 56 ด้วยค่ะ ผมเอามาเทียบบัญติไตรยางค์ธรรมดาๆเลยครับ ณ สิ้นเดือน 11 Index 1,324 จุด Set index P/E = 17.08 เท่า ->EPS ตลาด = 77.51 ตอนนี้ index 1397 -> P/E ตลาด = 18.05 เท่า ถ้าจะทำให้ P/E ปีหน้าเหลือ 13 เท่า EPS ตลาดต้องเท่ากับ 107.46 -> EPS ตลาดต้องโต 38.64% อันนี้คงไม่ใช่วิธีที่นักวิเคราะห์ใช้หรอกครับ แต่ผมลองคิดย้อนกลับเช็คดูว่าสิ่งที่นักวิเคราะห์บอกออกมามันดูสมจริงแค่ไหน ซึ่งต่อให้มีน้ำท่วมทำให้ EPS ตลาดต่ำกว่าความเป็นจริง แต่การคาดหวังกำไรโต 38.64% มันก็น่าหวาดเสียวอยู่
โดย
nu
พฤหัสฯ. ธ.ค. 27, 2012 8:56 pm
0
0
Re: เมื่อตลาดหุ้นไทย PE 18 เท่า!!!!
Trailing P/E = 18 เท่า Forward P/E = 13เท่า อืมมม P/E ลงขนาดนั้น นี่คาดว่า EPS ตลาดปีหน้าโต 38% เลยเหรอครับ ล้อเล่นใช่ไหม
โดย
nu
พฤหัสฯ. ธ.ค. 27, 2012 2:07 pm
0
4
Re: จริงหรือไม่ที่หุ้นเติบโตไม่ใช่หุ้นอสังหาริมทรัพย์
อสังหาฯอาจจะเทียบได้กับกลุ่มรับเหมาก่อสร้างด้วยซ้ำครับ ซื้อที่มา ก่อสร้าง ขายหมด จบข่าว
โดย
nu
พฤหัสฯ. ธ.ค. 20, 2012 8:44 am
0
2
Re: ยุคทองของประเทศไทย
กลุ่มธุรกิจไทยใหญ่ล้วนเกิดมากจากการผูกขาดหรืออำนาจรัฐไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ลองไล่ตาม market cap ไ้ด้เลยครับ กลุ่มปตท. ก็มาจากรัฐวิสาหกิจ กลุ่มธนาคาร ก็ต้องมีใบอนุญาต กลุ่มสื่อสาร ก็สัมปทาน กลุ่มTHBEV ก็มาจากผูกขาดเหล้า ที่ผ่านๆมาบริษัทไทยไปต่างประเทศส่วนใหญ่ มักเจ็บกลับมาเป็นประจำ (ส่วนใหญ่นะครับไม่ทั้งหมด) ผมล่ะหวั่นใจว่าถ้าไม่อยู่ในบ้าน บริษัทไทยจะไหวหรือเปล่า
โดย
nu
พฤหัสฯ. ธ.ค. 06, 2012 9:51 am
0
2
52 โพสต์
of 2
ต่อไป
ชื่อล็อกอิน:
nu
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
พฤหัสฯ. ก.ย. 06, 2012 11:57 am
ใช้งานล่าสุด:
-
โพสต์ทั้งหมด:
394 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.02% จากโพสทั้งหมด / 0.09 ข้อความต่อวัน)
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว