หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
usa.s
Joined: จันทร์ มี.ค. 26, 2012 11:11 pm
6
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - usa.s
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: สาระน่ารู้: กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานและกำไรต่อหุ้นปรับลด
ขอสรุปตามความเข้าใจของผมล่ะ ถ้าเป็นกรณีของการรวมพาร์และแตกพาร์ ให้คิดเสมือนกิจกรรมดังกล่าวดำเนินการ ณ ต้นปีของงบการเงินนั้นๆเลย (ไม่มีผลของด้านเวลามาคำนวณ) แต่ถ้าเป็นกรณีของการปันผลด้วยหุ้น หรือ เพิ่มทุน ในระหว่างงบการเงิน อันนี้คิดตามสัดส่วนของเวลาที่หุ้นเพิ่มทุน หรือ หุ้นปันผลนั้นคงเหลือในปีของงบการเงินนั้น (มีผลไม่เต็มปี) จึงเอามารวมกับปริมาณหุ้นเดิมที่มีอยู่แล้วนำมาคิดเป็นตัวส่วนของ กำไรต่อหุ้นพื้นฐาน ต่อไป ใช่หรือไม่ครับ :) การรวมพาร์ การแตกพาร์ และการปันผลด้วยหุ้นนั้น ให้คิดเสมือนทำตั้งแต่วันแรกของปีทั้งหมดค่ะ แต่ในกรณีที่เพิ่มทุน หรือซื้อหุ้นคืนนั้นที่เราจะคิดตามสัดส่วนเวลาจริงคือมีผลไม่เต็มปีค่ะ ทั้งนี้จะยกตัวอย่างในกรณีของการปันผลหุ้นให้ดูค่ะ สมมติใน 1 ปีบริษัทมีกิจกรรมเกี่ยวกับทุนดังนี้ 1 มกราคม: จำนวนหุ้นที่ถือเริ่ม เป็น 150,000 หุ้น 1 พฤษภาคม: ซื้อหุ้นคืน 30,000 หุ้น กลายเป็น 150,000 – 30,000 = 120,000 หุ้น 1 กรกฎาคม: ปันผลหุ้น 50% ต้องออกหุ้นเพิ่ม = (150,000-30,000) *50% = 60,000 หุ้น กลายเป็น = 120,000 + 60,000 = 180,000 หุ้น 1 พฤศจิกายน: ออกทุนเพิ่ม 30,000 หุ้น กลายเป็น 180,000 + 30,000 = 210,000 หุ้น 1 ธันวาคม: จำนวนหุ้น ณ วันสิ้นปี กลายเป็น 210,000 หุ้น การคิดจำนวนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วในกรณีนี้จะเป็นไปตามนี้ค่า 1 มกราคม : (จำนวนหุ้น: 150,000) * (factor ส่วนของหุ้นปันผล: 1.5) * (อัตราส่วนเวลา: 2/12) จำนวนเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก = 25,000 1 พฤษภาคม: (จำนวนหุ้น: 120,000) * (factor ส่วนของหุ้นปันผล: 1.5) * (อัตราส่วนเวลา: 3/12) จำนวนเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก = 45,000 1 กรกฎาคม: (จำนวนหุ้น: 180,000) * (อัตราส่วนเวลา: 5/12 ) จำนวนเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก = (A *B*C)= 75,000 1 พฤศจิกายน: (จำนวนหุ้น: 210,000) * (อัตราส่วนเวลา: 2/12) จำนวนเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก = (A *B*C)= 35,000 ดังนั้นจำนวนเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้ว สำหรับปี คือผลรวมของทั้งหมด 25,000+45,000+75,000+35,000 = 180,000 หุ้น สังเกตว่า เราต้องคูณจำนวนหุ้นที่เรามีก่อนหน้าวันออกปันผล คือออกวันที่ 1 มกราคม และ1 พฤษภาคม ด้วยเลข 1.5 เพื่อทำให้เป็นเสมือนว่าหุ้นที่ออกปันผลได้มีมมาตั้งแต่ต้นปีค่ะ
โดย
usa.s
อังคาร เม.ย. 03, 2012 10:50 pm
0
5
Re: สาระน่ารู้: กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานและกำไรต่อหุ้นปรับลด
เนื่องจากกำไรต่อหุ้นปรับลดนั้นมีผลกระทบจากการที่บริษัทออก Warrant ,ออก ESOP หรือออก หุ้นกู้แปลงสิทธิ ,หุ้นบุริมสิทธิ์แปลงสภาพ ซึ่งกระทบโดยตรง แต่คำถามของผมคือ หากบริษัทมีการแตกพาร์ หรือรวมพาร์ มันหารคือจำนวนหุ้นที่นำมาใช้เป็นตัวหารกำไรต่อหุ้นเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นมีผลกระทบต่อ กำไรต่อหุ้นพื้นฐาน และ กำไรต่อหุ้นปรับลด อย่างไง ในสว่นของการแตกพาร์ ทำให้กำไรต่อหุ้นพื้นฐานดูเหมือนลดลงแต่จริงๆมันเท่าเดิม เพราะสัดส่วนของหุ้นมันเพิ่มขึ้น แต่ในส่วนของการรวมพาร์ เช่น พาร์ 0.1 บาท เป็น พาร์ 1 บาท รวมจาก 10 หุ้นเดิมเป็น 1 หุ้นใหญ่ ส่วนนี้มีผลกระทบอย่างไงละครับ :) ขอบคุณสำหรับคำถามนะคะ :D ก่อนอื่นขออนุญาตตอบเฉพาะผลกระทบจากการคำนวณทางบัญชีนะคะ สำหรับการวิเคราะห์ เพื่อการลงทุนอื่นๆ ขออ้างอิงไปที่กระทู้ของอาจารย์ sun_cisa2 นะคะ http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=46&t=51694 ในการรวมพาร์(reverse stock split)นั้น ผู้ถือหุ้นจะมีจำนวนหุ้นลดลงตามสัดส่วนเดิม เช่นตัวอย่างจากที่คุณ miracle ยกมาคือ จากเดิม 1 หุ้นพาร์ 0.1 บาท เมื่อมีการรวมหุ้น 1 ต่อ 10 จะทำให้ทุกๆหุ้นสามัญจำนวน 10 หุ้นที่ผู้ถือหุ้นมีกลายเป็นหุ้นใหญ่หุ้นเดียว พาร์ 1 บาท นั่นหมายถึงจำนวนหุ้นสามัญของบริษัทที่ปรากฎในงบการเงินหลังการรวมพาร์ จะน้อยลง 10 เท่า (หาร 10 ของจำนวนเดิม) กำไรเฉลี่ยต่อหุ้นก็จะมากขึ้น 10 เท่าด้วย ถ้าตัวเลขอื่นๆไม่มีการเปลี่ยนแปลง เช่นถ้าบริษัทมีกำไรส่วนของหุ้นสามัญ 10 ล้านบาท จำนวนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้ว มี 10 ล้านหุ้น กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานก็จะเป็น 1 บาทต่อหุ้นสามัญ หากบริษัทมีการรวมพาร์ 1 ต่อ 10 ในระหว่างปี จำนวนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้ว ก็จะมีค่าเป็น 1 ล้านหุ้นแทน กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานก็จะกลายเป็น 10 บาทต่อหุ้น (เวลาคิด weighted average ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้ว ให้ทำเสมือนว่าการรวมพาร์ทำมาตั้งแต่วันแรกของปีเสมอ แม้ว่าการรวมจริงๆเกิดขึ้นเมื่อไหร่ในปีก็ตาม) กำไรต่อหุ้นนั้นเปรียบเสมือนเป็นค่าที่บ่งบอกว่าบริษัทได้กำไรเท่าไหร่เมื่อเฉลี่ยต่อหุ้นสามัญหนึ่งหุ้น เมื่อกำไรต่อหุ้นมากขึ้นเพราะการรวมพาร์ ก็เหมือนว่าหุ้นที่เราถือตัวใหญ่ขึ้น มีค่า ทั้งราคาพาร์ ราคาซื้อขายหุ้น รวมถึงกำไรต่อหุ้น มากขึ้น แต่ถ้าเราไม่ได้ซื้อหรือขายเพิ่มจากเดิม มูลค่าพาร์ของหุ้นทั้งหมดที่เราถือของบริษัท ทั้งก่อนและหลังการรวมพาร์ก็ยังมีค่าเท่าเดิมอยู่ดีค่ะ การคิดกำไรต่อหุ้นปรับลดก็จะใช้วิธีคิดในลักษณะเดิมค่ะ เพียงแค่ใช้การปรับปรุงจาก จำนวน weighted average ที่ได้ใหม่จากการรวมพาร์ และใช้การคำนวณจำนวนหุ้นสามัญที่คาดว่าจะต้องออกในอนาคตตามจำนวนสัดส่วนที่เราได้รวมพาร์ไปค่ะ สมมติว่ามีหุ้นกู้แปลงสิทธิ 1,000,000 หุ้น ซึ่งสามารถแปลงเป็นหุ้นสามัญได้ 1 ต่อ 1 ก่อนการรวมพาร์ ถ้าดูตัวอย่างที่เพิ่งยกไป จำนวนหุ้นสามัญที่จะนำมาคิดกำไรต่อหุ้นปรับลดหลังรวมพาร์ จะใช้ตัวเลข 1,000,000/10 = 100,000 หุ้น ซึ่งนำไปปรับได้เป็น 1,000,000+100,000 หรือ 1,100,000 หุ้น นำไปหารออกจากกำไรสุทธิส่วนของหุ้นสามัญ 10 ล้านบาทที่ต้องปรับผลกระทบของหุ้นกู้แปลงสิทธิ์นี้ออกไป จะได้กำไรต่อหุ้นปรับลดหลังรวมพาร์ค่ะ โดยการคำนวณ weighted average สำหรับคำนวณกำไรต่อหุ้นใหม่ สำหรับหุ้นปันผล(stock dividend) หรือการแตกพาร์(stock split) ก็คิดในลักษณะเดียวกันค่า
โดย
usa.s
อาทิตย์ เม.ย. 01, 2012 12:30 am
0
3
Re: สาระน่ารู้: กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานและกำไรต่อหุ้นปรับลด
จำนวนเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นสามัญสำหรับปีคือ 10 ล้านหุ้น ซึ่งคำนวณได้ดังนี้ ((9/12) x 10 ล้านหุ้น + (6/12) x 5 ล้านหุ้น) = 10 ล้านหุ้น นั่นคือจำนวนเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วของปีที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัทถือหุ้นสามัญ 10 ล้านหุ้นที่ออก ณ วันที่ 1 มีนาคม เป็นเวลาทั้งหมด 9 เดือน และถือหุ้นสามัญ 5 ล้านหุ้นที่ออก ณ วันที่ 1 กรกฎาคม เป็นเวลาทั้งหมด 6 เดือน นับตั้งแต่ 1มีนาคม ถึง สิ้นปี ต้องเป็น 10 เดือนหรือเปล่าครับ ใช่แล้วค่ะ โจทย์ที่พิมพ์ไว้ต้องเป็นสิบเดือน ขอโทษด้วยนะคะ จะพิมพ์ไว้เป็นวันที่ 31 มีนาคมแต่อาจจะพิมพ์ตกไป ขอบคุณมากๆที่ช่วยบอกนะคะ เดี๋ยวแก้เลยค่า :D
โดย
usa.s
ศุกร์ มี.ค. 30, 2012 8:14 pm
0
1
Re: กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานและกำไรต่อหุ้นปรัดลด
เพิ่มเติมและแก้ไข จะใช้ EPS เทียบเลยไม่ได้ ใช้เปรียบเทียบตัวเองได้ในลักษณะ time series EPS A = 10 EPS B = 1 บอกเพียงว่าหุ้น A 1 หุ้นให้ผลตอบแทน 10 บาท หุ้น B 1 หุ้นให้ผลตอบแทน 1 บาท ดูเหมือน A จะดีกว่า B แต่ถ้า A ราคาหุ้น 70 บาท ส่วน B ราคา 5 บาท หุ้นใดให้ผลตอบแทนดีกว่า ต้องตอบว่า B เพราะลงทุน 5 บาท ได้ 1 บาท หรือ 20% ส่วน A ลง 70 บาทได้ 10 บาทหรือ 14.3% จึงเป็นที่มาของการเปรียบเทียบว่าหุ้นถูกหุ้นแพง คือ ดู P/E ประกอบด้วย โดยเบื้องต้น P/E สูงๆ แนวโน้มจะแพงกว่า แต่ก็ไม่เสมอเพราะมีองค์ประกอบหลายอย่างต้องดูเพิ่ม เช่น future growth or future opportunity, relative market risk, D/E, payout ratio (อัตราการจ่ายปันผล), ROE เป็นต้น แต่แบบเร็วๆ คร่าวๆ ก็ดู P/E อุตสาหกรรมเทียบเคียง หรือ blue chip ในกลุ่มเดียวกัน ขอบคุณอาจารย์ที่ช่วยตอบคำถามเกี่ยวกับการเงินและการลงทุนให้เพิ่มเติมค่ะ
โดย
usa.s
พุธ มี.ค. 28, 2012 6:31 pm
0
0
Re: กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานและกำไรต่อหุ้นปรัดลด
"กำไรต่อหุ้นบอกถึงความสามารถในการสร้างผลตอบแทนของบริษัท ช่วยให้สามารถเปรียบเทียบผลการดำเนินงานสำหรับงวดเดียวกันของกิจการต่างๆ" สมมุติว่า บริษัท A กำไรต่อหุ้น = 10 บาท บริษัท B กำไรต่อหุ้น = 1 บาท แสดงว่าบริษัท A ผลการดำเนินงานดีกว่าบริษัท B ? คำตอบคือใช่ค่ะ ถ้า บริษัท A และบริษัท B มีลักษณะโครงสร้างเหมือนกันในด้านอื่นๆทุกประการ บริษัทที่มีกำไรต่อหุ้นมากกว่าย่อมหมายถึงผลการดำเนินงาน(ในการสร้างกำไรทางบัญชี)ดีกว่าค่ะ แต่ในความเป็นจริงไม่มีบริษัทไหนในโลกที่จะเหมือนกันเป็นฝาแฝดแน่นอนค่ะ ความแตกต่างในด้านต่างๆยกตัวอย่างเช่น - ทุนของบริษัทประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวนมากกว่า EPS ย่อมมีค่าน้อยกว่า (ตัวหารมากกว่า) แม้กำไรสุทธิส่วนของหุ้นสามัญจะเท่ากัน โดยจำนวนหุ้นที่มากกว่าก็อาจเป็นไปได้จากหลายสาเหตุอีก เช่นบริษัทใช้ทุนจากการกู้ยืมมากกว่าหุ้น หรืออาจเป็นเพราะหุ้นสามัญเหล่านั้นมี book value ต่อหุ้นเล็กกว่า - กำไรต่อหุ้นนั้น คำนวณจากกำไรสุทธิซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากนโยบายทางบัญชีของบริษัท เช่น วิธีการรับรู้รายได้ หรือการประมาณการทางบัญชี เช่นการประมาณการด้อยค่าของสินทรัพย์ ที่แตกต่างกันไป ดังนั้นเราจึงควรดูค่ากำไรต่อหุ้น นี้อย่างระมัดระวัง ว่ามีข้อแตกต่างใดของสองบริษัทที่อาจส่งผลให้กำไรต่อหุ้นของบริษัทนี้มากหรือน้อยจากค่าที่ควรจะเป็นหรือไม่ กำไรต่อหุ้นเป็นเพียงค่าๆหนึ่งในการช่วยเปรียบเทียบ ผลประกอบการ ของบริษัท แต่หากจะประเมิน ผลตอบแทนจากการลงทุน ให้ใกล้เคียงความถูกต้องที่สุดนั้น อาจต้องดูตัวเลข และอัตราส่วนหลายๆรายการของแต่ละบริษัทประกอบกันไปด้วยค่ะ
โดย
usa.s
พุธ มี.ค. 28, 2012 4:36 pm
0
4
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
usa.s
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
จันทร์ มี.ค. 26, 2012 11:11 pm
ใช้งานล่าสุด:
อาทิตย์ เม.ย. 29, 2012 10:49 am
โพสต์ทั้งหมด:
6 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.00% จากโพสทั้งหมด / 0.00 ข้อความต่อวัน)
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว