หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
kloysri
Joined: เสาร์ ก.ย. 24, 2011 6:39 am
125
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - kloysri
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
http://www.thairath.co.th/content/eco/209313
โดย
kloysri
ศุกร์ ต.ค. 14, 2011 5:45 pm
0
0
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
อ้อ ดูทีวีล่าสุด ข่าวว่ากทม ชั้นนอกคงไม่พ้นแน่นอน พวกบ้านเดีี่ยวโครง การชานเมืองทั้งหลาย ดิฉันขอให้ท่านๆ กั้นน้ำกันให้ทันน่ะค่ะ เพราะดิฉันเคยเจอประสบการณ์มาแล้วเมืีอปี 2538 น้ำทะลักเข้าบ้านที่นวธานี ทั้งสนามกอลฟ์ท่วมหมด!!!!!! หลังจากนั้นหกเดือนบอกขายขาดทุนไปเลยค่ะ
โดย
kloysri
ศุกร์ ต.ค. 14, 2011 5:39 pm
0
0
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
น้ำท่วมกทม คราวนี้ หวังว่าคงน้อยกว่าปี 2538 , 2526 ขอให้ท่านๆที่อยู่บ้านเดี่ยว ทาวเฮาวส์โชคดีทุกท่านน่ะค่ะ ขออภัยถ้ากล่าวอะไรไม่ถูกใจ คนบางคนค่ะ
โดย
kloysri
ศุกร์ ต.ค. 14, 2011 5:36 pm
0
0
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
ดิฉันขอจบกระทู้นี้แล้วน่ะค่ะ เจอคณอย่างคุนที่ตั้งขื้่อให้เหมือนกับนักลงทุนระดับโลกอย่าง warrent buffet แต่ความคิดและจิตใจต่างกันราวฟ้า กับเหว ไม่อยากเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือค่ะ
โดย
kloysri
ศุกร์ ต.ค. 14, 2011 12:55 pm
0
0
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
ดิฉันว่าคุณบุฟเฟต์คงมีอคติในใจมากมายเหลือเกิน ที่เขียนมานี่ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องหุ้นเลย จิตใจคุณนี่คงร้อนรุ่มมากๆ เพราะอะไรค่ะ ตอนนี้? ไม่สมเลยกับที่ตั้งชื่อตัวคุณเองให้เหมืิอนกันนักลงทุนที่เก่ง ระดับโลกขนาดนั้น ต่างราวฟ้ากับเหว
โดย
kloysri
ศุกร์ ต.ค. 14, 2011 12:53 pm
0
0
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
อยู่คอนโด ความรู้สึกเหมือนอยู่ Apartment ยิ่งระเบียงแล้วเอาผ้ามาตาก เหมือน Apartment ขนาดใหญ่ยังไงยังนั้น ยิ่งข้างบน ตํา ครก ตํา ส้มตําแล้ว สะเทือนมาถึงห้องเรา หรือ ห้องนอน ขย่มเตียง เสียงดังทั่วถึง แม้แต่ นาฬิกาปุก บางห้องเปิดดังๆ ก็ ปลุก ชาวบ้านไปด้วย พื้นที่สวน ปลูกต้นไม้ก็ไม่มี ได้กรรมสิทธิ์ห้องแต่ไม่มีที่ดิน ยังไง Condo ก็คือ Condo บ้าน ก็คือ บ้าน ความรู้สึกมันต่างกันครับ Home Sweet Home ไปอ่่านดูกฎหมายคอนโดใหม่น่ะค่ะ ใครบอกซื้อคอนโดแล้วไม่มีกรรมสิทธ์ในที่ดินค่ะ ถามคุณสมคืิด เจ้าพนักงานที่ดินที่มีอำนาจสูงสุดใน กทม ได้เลยค่ะ อ้อ แล้วเรื่องที่คุณเอ่ยถึงพวกเสียงดังนั้น สงสัยคุณคงอยู่พวกแฟลตนิรันด์ หรือปลาทองมามั้งค่ะ ถ้าพวกนั้น ดิฉันไม่เถึยงค่ะ
โดย
kloysri
ศุกร์ ต.ค. 14, 2011 12:47 pm
0
0
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
^^ "นักลงทุนที่ดีไม่ตัดสินใจบนความเห็นหรอกครับ" -_-' พิมพ์ผิดขนาดหนัก สิ่งที่ดิฉันเขียนคือ FACT จากประสบการณ์ที่อยู่คอนโดระดับบนมาค่ะ และก็มีบ้านเดี่ยวสองหลัง สองไร่หนึ่งหลังที่นวธานี อีกทีก็หนึ่งไร่แถววิภาวดี สโมสรราชพฤกษ์ ถ้าคุณข้างบนยังมีอคติอยู่บ้าง มันก็เรื่องของคุณค่ะ บัวใต้น้ำก็ยังเป็นบัวใต้น้ำวันยังค้่ำ ดิฉันบอกแล้วว่าอยู่ทั้งคอนโดและบ้านระดับเกรดบน มาสิบกว่าปีแล้ว อ่านดูให้กระจ่างน่ะค่ะ
โดย
kloysri
ศุกร์ ต.ค. 14, 2011 12:44 pm
0
0
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
ผมว่าถ้าน้ำท่วมหนักจริงๆ ตัดไฟตัดน้ำ อยู่คอนโดนี่ลำบากมากกว่าบ้านมากๆนะครับ ตัดไฟถ้าอยู่สักชั้น 20 จะเดินลงมายังไง ตัดน้ำ น้ำหมด จะทำอย่างไร ปล.คอนโดก็ขายดีกว่าบ้านเดี่ยว อยู่แล้วล่ะครับ แต่ไม่ใช่เพราะน้ำท่วมหรอก เพราะโลเกชั่นตะหาก คุณคงไม่เคยอยู่คอนโดระดับบนมาเลยน่ะค่ะ เขามีระบบไฟสำรองคะ น้ำก็มีค่ีะ อยู่ม่สิบปีไม่เคยมีการตัดไฟตัดน้ำเลยค่ะ ไฟการไฟฟ้าดับ จะมีระบบไฟสำรองให้ลิฟท์ใช้ได้ตลอดเวลา แล้วเรียกการไฟฟ้ามาซ่อมนี่ ครึ่งชึ่วโมงเรียบร้อยค่ะ เงินกองทุนส่วนกลางเราต้องมีมากพอที่จะจ่ายค่ากาแฟให้พวกช่างมาเร็วอยู่แล้ว
โดย
kloysri
ศุกร์ ต.ค. 14, 2011 12:12 pm
0
1
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
จขกท. พูดถึง คอนโด SIRI เรียนถามความเห็นนะครับ พักหลังตั้งแต่ SIRI มาทำคอนโด ภาพรวมสินค้า แนวคอนโด ออกมาดี กว่า Noble ไม่ทราบว่า จขกท. มีความเห็นอย่างไรบ้างครับ เท่าที่เคยรู้จักกับคุณอภิชาติน่ะค่ะ แกเป็นคนที่เน้นเรื่องคุณภาพเรื่องวัสดุก่อสร้างและเรื่องรสนิยมมากๆ และที่เห็นที่เคยทำบ้านเดี่ยวมานี่ ก็คุณภาพระดับเกรดเอจริงๆค่ะ เลยเชื่อมั่นค่ะ อีกอย่างอย่าง quattro นี่ แกซื้อไว้ให้หลายห้องมาก ไว้ให้ลูกๆอยู่กัน ถ้าเจ้าของอยู่ด้วยนี่ น่าจะรับประกันไปได้แล้วอีกเปราะหนึ่งค่ะ NOBLE ไม่ออกความเห็นค่ะ เพราะประสบการณ์น้อยกว่า SIRI มากๆ ในเรื่องการทำคอนโดและอสังหา
โดย
kloysri
ศุกร์ ต.ค. 14, 2011 12:09 pm
0
0
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
เมื่อเดือนที่แล้วก็เพิ่งโอนโครงการ Quattro ของ SIRI ไปสองห้องค่ะ ได้คนญี่ปุ่นมาทำสัญญาเช่าสองปีทันทีเลยค่ะ ได้ YILED เกือบ 8% คุ้มมากๆ ค่ะ ที่ชอบ SIRI ด้วยเพราะเจ้าของคือคุณอภิชาติ แกก็ซื้อให้ลูกๆ อยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกันค่ะ
โดย
kloysri
ศุกร์ ต.ค. 14, 2011 11:49 am
0
0
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
เรียนถามเพิ่มครับ แล้วคอนโดระดับบน เจ้าไหนสร้าง แล้ว โดนรวม จขกท.ประทับใจ มากถึงมากที่สุด และประทับใจในส่วนใดครับ อย่างเช่น ที่จอดรถ วัสดุตกแต่ง ระบบรักษาความปลอดภัย โถงส่วนกลาง ระบบไฟ น้ำ ของใช้ร่วมส่วนกลาง เป็นต้น ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับข้อมูลครับ ที่อยู่ปัจจุบันน่ะค่ะ คือ MODERNHOME TOWER ค่ะ ของกลุ่มคุณถนอม อังควัฒนา แต่ท่านเสียไปแล้วค่ะ FACILITIES ดีมากๆ สระว่ายน้ำปูด้วยกระเบื้องสิลาดลน่ะค่ะ มีฟิตเนสให้หนึ่งชั้นเลยค่ะ พื้นที่เฉพาะห้อง fitness ก็สามร้อยห้าสิบตารางเมตรแล้ว มีลานจอดฮฮ ให้ด้วย เจ้าของบริษัท JAs คือคุณพิชญ์ ท่านก็อยู่ที่นี่เหมือนกันค่ะ เจ้าของ GALAXY ทีทำเกมส์ก็ซื้อไว้สองฟลอร์เลย อีกที่ก็ของ siri ที่ชอบ เพราะเขาพิถิพิถันกับพวกวัสดุการก่อสร้างภายในมากๆ แต่แนะนำอย่างหนึ่งสน่ะค่ะ เราอยู่คอนโด จะให้ดีที่สุดนี่ เราต้องเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารนิติบุคคลด้วย เราจะได้พัฒนาคอนโดของเราให้ดียิ่งๆขึ้นไปค่ะ
โดย
kloysri
ศุกร์ ต.ค. 14, 2011 11:41 am
0
0
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
ขอบคุณ คุณ kloysri ครับ สำหรับข้อมูลและความคิดเห็น เห็นด้วยครับ สำหรับการลงทุน คอนโด ให้ลงทุน คอนโด ระดับไฮไปเลย จะดีกว่าลงทุนคอนโดระดับล่างและระดับกลางครับ ซึ่งผมก็ชอบลงทุนในคอนโดมีระดับมากกว่าครับ เพราะกลุ่มคนที่มาเช่า จะได้กลุ่มคนที่มีฐานะดี และไม่ค่อยมีปัญหา รวมถึงพูดคุยกันรู้เรื่องครับ สมัยก่อน เคยลงทุนในคอนโดระดับกลาง แต่เจอปัญหาคนเช่ามาก จนสุดท้ายขายหมด มาลงทุนในระดับบนแทนครับ คือถ้าคอนโดระดับกลางน่ะค่ะ ที่เคยซื้อไว้แล้วพอใช้ได้เลย คือการบริหารส่วนกลางดีมากๆ คือ LPN ตอนนี้เพิ่งโอนของ SIRI ไปอีกสองห้องค่ะ ได้คนเช่าต่างชาติทำสัญญาเช่าสองปีเลยค่ะ บริษัทเขาเช่าให้น่ะค่ะ เป็นพวกญี่ปุ่นน่ะค่ะ บ้านเดี่ยวบอกลาแล้วค่ะ คุณแม่ดิฉันอายุเจ็ดสิบปีแล้ว ยังบอกไม่เอาแล้วบ้านเดี่ยว ตอนนี้ก็อยู้่คอนโดด้วยกัน แต่เป็นเพนเฮ้าส์น่ะค่ะ
โดย
kloysri
ศุกร์ ต.ค. 14, 2011 11:36 am
0
0
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
อีกอย่างขายคอนโดดีๆ ต่อให้พวกต่างชาติ ได้ง่ายและสบายกว่าขายต่อ บ้านเดี่ยวมาก เพราะกฎหมายบ้านเราเอื้อให้ต่างชาติซื้อคอนโดได้เลย ข้อนี้มีใครจะเถึยงค่ะ
โดย
kloysri
ศุกร์ ต.ค. 14, 2011 11:22 am
0
0
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
CHRISTCHURCH@ NEW ZEALAND ดิฉันไปเที่ยวมาแล้วสามหน เป็นเมื้องสวยมากๆ ตึกสูงๆ ก็ไม่มีเลย น้อยมาก พอเกิดแผ่นดินไหว แล้ว พังเรียบทั้งเมืองเลย
โดย
kloysri
ศุกร์ ต.ค. 14, 2011 11:20 am
0
0
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
แล้วแผ่นดินไหว อยู่ไหนดีครับ คุณดูเมือง CHRISTCHURCH@ NEW ZEALAND หน่อยสิค่ะ แผ่นดินไหว แล้วบ้านเดี่ยวก็พังทั้งเมือง มันตายทั้งจนั้นแหล่ะค่ะ ถ้าเกิดจริงๆ
โดย
kloysri
ศุกร์ ต.ค. 14, 2011 11:18 am
0
0
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
นอกจากนี้ สมมติว่าหาก กทม. จมน้ำจริง ๆ ถึงจะอยู่ คอนโด ไม่ต้องกลัวจมน้ำ แต่การเดินทางไปไหนมาไหน ก็ยังคงลำบากอยู่ดีครับ และข้อเสียของการอยู่คอนโดก็คือ ถ้าเวลาปกติก็ไม่มีอะไร แต่ถ้าหากมีข่าวลือ เช่น มีคนตาย ก็จะส่งผลต่อจิตใจครับ ผิดกับ บ้านเดี่ยว ที่เราอยู่ของเรา หากมีใครเสีย ก็ถือว่าเป็นญาติเราครับ ฟังดูแล้วอาจจะนึกว่า ตลก แต่ผมเคยเจอผู้เช่าย้ายออกจาก คอนโด ที่ผมลงทุนไว้ เพราะมีคนตาย จนผมต้องขายคอนโดไปแล้ว เพราะหาคนเช่าไม่ได้ครับ คนที่มารับซื้อ ดีว่าเขายังไม่ทราบ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าหลังจากเขาทราบแล้วจะเป็นยังไง และอีกจุดหนึ่งที่ผมกลัวการอยู่คอนโด ก็คือ หากเกิด ไฟไหม้ หรือเหตุการณ์ร้ายแรง คนจะแตกตื่น แล้วเราจะสุ่มเสี่ยงมากครับ ผิดกับอาศัยบ้านเราเอง เป็นพื้นที่ส่วนตัว เวลาเกิดอะไร ก็ไม่มีคนมากมายเฮโลแตกตื่นกันครับ จากประสบการณ์อยู่คอนโดมาสิบปี และมีบ้านเดี่ยวเนื้อที่สองไร่ที่นวธานีด้วยน่ะค่ะ อยู่คอนโดที่เกรดสูงหน่อย สบายกว่าเยอะค่ะ คนใช้ขาดแคลนก็ไม่ต้องกลัว มีระบบ security ดีกว่าหมู่บ้านระดับบน ที่ดีกว่ามาก นิติบุคคลของคอนโดถ้าบริหารจัดการดีๆ แล้ว ไม่มีปัญหาค่ะ FACILITIES ก็ดีกว่าเยอะ ดีกว่าในหมู่บ้านระดับบนราคาเดียวกันเยอะมาก ตอนนี้ขายบ้านเดี่ยวออกหมดแล้วค่ะ เอาเงินเก็บมาหาซื้อคอนโดทำเลเกรดเอ และราคาระดับบนขึ้นไปหน่อย คุ้มกว่าเยอะ บอกขายออกมาหลายห้องแล้ว ขายง่ายกว่าบ้านเดี่ยวมาก
โดย
kloysri
ศุกร์ ต.ค. 14, 2011 11:17 am
0
1
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
ผมว่าผ่านไปสัก 2เดือนคนก็จะลืมเรื่องน้ำท่วมแล้วมั้งครับ เหตการณ์ครั้งนี้คงลืมยากค่ะ เพราะปีหน้ามันก็จะท่วมอีก มีบ้านเดี่ยวหรือทาวเฮาส์หาทางขายกัน แล้วมาซืิ้อคอนโดดีกว่า นี่คิดจากทุกคนในครอบครัวและเครือญาติกว่ายี่สิบคนแล้วน่ะค่ะ
โดย
kloysri
ศุกร์ ต.ค. 14, 2011 9:51 am
0
0
Re: ต่อไปนี้คอนโดจะขายดีกว่าพวกบ้านเดียวหรือทาวเฮาส์เยอะมากๆ
บริษัทที่เน้นขายคอนโดมากกว่าพวกบ้านเดี่ยว SIRI LPN SPALI มีบริษํทไหนอีก ช่วยกัน UPDATE หน่อย
โดย
kloysri
ศุกร์ ต.ค. 14, 2011 9:12 am
0
0
Re: น้ำท่วมกดดัน บริษัท หรือ sector ไหนบ้าง
Home ลงทุน-อุตฯ การค้า-ส่งออก ส่งออกเครียดน้ำท่วม-หนี้ยุโรป Air conditioners ส่งออกเครียดน้ำท่วม-หนี้ยุโรป วันอาทิตย์ที่ 09 ตุลาคม 2011 เวลา 09:47 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ การค้า-ส่งออก - การค้า-ส่งออก User Rating: / 0 ผู้ส่งออกเครียด 2 ปัจจัยเสี่ยงกระทบโค้งสุดท้ายต่อเนื่องปีหน้า น้ำท่วมใหญ่ทำฟาร์มไก่ภาคเหนือ-กลางจมน้ำ ผลผลิตรวมหายกว่า 30% โรงงานอาหารจมน้ำ วัตถุดิบเสียหาย ขนส่งมีปัญหา ข้าวจมบาดาล 4 ล้านตัน วิกฤติหนี้ยุโรป คู่ค้าแห่ต่อราคา ไก่แปรรูปขอลด 200 ดอลล์ต่อตัน จำนำข้าวราคาสูงพ่นพิษ โมเดิร์นเทรดหันซื้อข้าวหอมญวน-เขมร นางฉวีวรรณ คำพา นายกสมาคมส่งเสริมการเลี้ยงไก่แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทในเครือฉวีวรรณ ผู้ส่งออกไก่แปรรูปรายใหญ่ไปสหภาพยุโรป(อียู) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า จากน้ำท่วมครั้งใหญ่ในหลายจังหวัดพื้นที่ภาคเหนือ และภาคกลางของไทยในเวลานี้ มีผลให้ฟาร์มไก่เนื้อรวมถึงไก่ไข่ในเขตจังหวัด พิษณุโลก นครสวรรค์ ลพบุรี อยุธยา ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมขัง รวมถึงไก่จมหายไปกับกระแสน้ำคิดเป็นสัดส่วน 20-30% ของผลผลิตรวมในแต่ละพื้นที่ อย่างไรก็ดีผลผลิตที่หายไปดังกล่าวยังไม่ถึงกับทำให้โรงงานผลิตไก่แปรรูปเพื่อส่งออกขาดแคลนวัตถุดิบ ทั้งนี้สืบเนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ที่ส่งผลทำให้ผลผลิตไก่เนื้อ และไก่ไข่ของไทยในช่วงปลายปี 2553 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2554 ได้รับความเสียหายประมาณ 30% ของการผลิตในภาพรวม แต่ภายหลังสถานการณ์ดีขึ้น และจากราคาไก่เนื้อและไก่ไข่ปรับตัวสูงขึ้นจูงใจเกษตรกรเลี้ยงเพิ่ม ทำให้ผลผลิตไก่ในภาพรวมของประเทศเพิ่มขึ้น ดังนั้นปริมาณไก่ที่ได้รับความเสียหายในครั้งนี้จึงไม่ส่งผลกระทบรุนแรง แต่หากจากนี้ไปสถานการณ์น้ำท่วมรุนแรงขึ้นกว่าที่คาดคิดอาจส่งผลกระทบวัตถุดิบไม่เพียงพอได้เช่นกัน "สิ่งที่ผู้ส่งออกไก่มีความเป็นกังวลมากกว่าน้ำท่วมคือ ปัญหาวิกฤติหนี้สาธารณะที่เกิดขึ้นในยุโรปมีผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง ทำให้คู่ค้าได้ขอต่อรองราคาสินค้าสำหรับออร์เดอร์ปีหน้าที่ลดลงอย่างมาก เช่น จากราคา 5,200 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน เหลือเพียง 5,000 ดอลลาร์ต่อตัน แต่เราก็ยังแบ่งรับแบ่งสู้และขอประวิงเรื่องข้อตกลงราคาเอาไว้ เพราะที่ผ่านมา และจากนี้ไปแนวโน้มต้นทุนการผลิตจะสูงขึ้น ทั้งจากนโยบายค่าจ้าง 300 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท ที่จะเริ่มในปีหน้า และผลจากน้ำท่วมทำให้ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ทั้งข้าวโพด ปลายข้าว รำข้าว และน้ำมันที่ใช้เป็นส่วนผสมปรับตัวสูงขึ้น แต่สำหรับออร์เดอร์ไก่ไปอียูในปีนี้ไม่กระทบมาก เพราะส่วนใหญ่ได้ตกลงออร์เดอร์กันไปแล้ว ส่วนใหญ่เวลานี้อยู่ระหว่างการผลิตส่งมอบ ราคายังเป็นไปตามที่ตกลงกันไว้" ขณะที่นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า จากน้ำท่วมใหญ่ในครั้งนี้ ข้อมูลของทางการระบุนาข้าวได้รับความเสียหาย 6-7 ล้านไร่ ผลผลิตข้าวเปลือกหายไป 3-4 ล้านตัน จะทำให้โครงการรับจำนำข้าวเปลือกราคาสูงของรัฐบาลที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมศกนี้ในช่วงแรกๆ คงมีข้าวเข้าร่วมโครงการไม่มาก แต่ระยะต่อไปรวมถึงปีหน้าจะมีข้าวเข้าโครงการจำนวนมากอย่างแน่นอน เพราะราคาจูงใจ เกษตรกรจะแห่ปลูกเพิ่ม แต่สิ่งที่น่าห่วงมากกว่าในขณะนี้คือสถานการณ์ส่งออกข้าวของไทยในตลาดโลกได้หยุดชะงักลงแทบไม่มีคำสั่งซื้อใหม่ๆ เข้ามา มีปัจจัยสำคัญจากอินเดียได้กลับมาส่งออกข้าวอีกครั้ง ปากีสถานปีนี้ก็มีผลผลิตข้าวที่ดี ขณะที่ราคาข้าวหอมของเวียดนาม และกัมพูชา ราคาถูกกว่าไทย ทำให้คู่ค้าหันไปซื้อข้าวจากประเทศเหล่านี้เพิ่มขึ้น เฉพาะอย่างยิ่งข้าวที่วางขายตามโมเดิร์นเทรดที่ส่วนใหญ่เป็นข้าวเกรดพรีเมียม และวางแผนซื้อระยะยาวเป็นปี ในอนาคตหากราคาข้าวไทยสูงขึ้นไปอีกจากนโยบายรับจำนำราคาสูง ไทยอาจสูญเสียตลาดส่วนนี้ไปอย่างถาวร ซึ่งน่าเสียดาย ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรปที่ถดถอย ราคาข้าวที่สูงของไทยจะทำให้ลูกค้าทั้งสองตลาดไปซื้อข้าวจากประเทศอื่นเพิ่มขึ้น เพราะสู้ราคาข้าวไทยไม่ไหว ด้านนายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ผลกระทบน้ำท่วมครั้งนี้ทราบว่า มีผลทำให้โรงงานอุตสาหกรรมการผลิตอาหารหลายโรงได้รับผลกระทบเช่นกัน ทั้งในแง่น้ำท่วมตัวโรงงาน วัตถุดิบป้อนโรงงานได้รับความเสียหาย การขนส่งต่างๆ เกิดการติดขัด ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลความเสียหาย ส่วนผลกระทบจากเศรษฐกิจอียู ในส่วนสินค้าอาหารก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยการส่งออกไปยังประเทศกรีซมีแนวโน้มชะลอตัว แต่ในภาพรวมตลาดอียูยังไปได้เพราะอาหารเป็นสินค้าจำเป็น คาดในภาพรวมปีนี้การส่งออกสินค้าอาหารของไทยไปทุกตลาดทั่วโลกจะสามารถส่งออกได้มูลค่ากว่า 9 แสนล้านบาทตามเป้าหมายที่วางไว้ จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,677 9 - 12 ตุลาคม พ.ศ. 2554
โดย
kloysri
อังคาร ต.ค. 11, 2011 9:30 pm
0
0
Re: 'อสังหาฯ'เสี่ยงวิกฤติลูกโซ่หวั่นน้ำท่วมฉุดเศรษฐกิจ!!!!!!
Home ข่าวหน้า1 Big Stories รง.ล่มภาคผลิตเจ๊งยับ กระทบออร์เดอร์เลื่อนส่งออกช้ากว่ากำหนด Air conditioners รง.ล่มภาคผลิตเจ๊งยับ กระทบออร์เดอร์เลื่อนส่งออกช้ากว่ากำหนด วันอาทิตย์ที่ 09 ตุลาคม 2011 เวลา 08:50 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ ข่าวหน้า1 - Big Stories User Rating: / 0 แย่ดีที่สุด วิกฤติน้ำท่วมเกิดโดมิโนเอฟเฟกต์กระทบภาคการผลิตทั้งระบบ 2 ยักษ์อิเล็กทรอนิกส์โลก "มินีแบ-เวสเทิร์นดิจิตอล" ลุ้นระทึกรายวัน วิ่งปรับแผนจ้าละหวั่น ชี้กระทบแค่2ค่ายจะสูญเงินมหาศาล ร่อนหนังสือ แจ้งลูกค้าทั่วโลกกว่า 1,000 ราย ส่งมอบสินค้าล่าช้ากว่ากำหนด นิคมฯสหรัตนนครปิดไม่มีกำหนด วิริยะอ่วมรถยนต์จมบาดาลอื้อ "คลัง"ตั้งงบ อีก 1.5 พันล้านรับวิกฤติภัยน้ำท่วม-ภัยหนาว ใน 3 เดือน สถานการณ์น้ำท่วมในประเทศยังคงวิกฤติและไม่มีวี่แววจะคลี่คลาย ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดน้ำท่วมฉับพลันในอีกหลายจังหวัด ซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายยิ่งขึ้นสร้างความเสียหาย ส่งผลกระทบเศรษฐกิจหนักโดยมูลค่าความเสียหายครอบคลุมทั้งพื้นที่เกษตรกรรม ท่องเที่ยวและภาคอุตสาหกรรมและการผลิตเชื่อมโยงในจังหวัดต่างๆ รวมแล้วหลายแสนล้านบาท ++มินีแบชี้แจงลูกค้าทั่วโลก นายวุฒิชัย อุดมกาญจนนันท์ กรรมการบริษัทเอ็นเอ็มบี มินีแบ ไทย จำกัด หรือ"มินีแบ"ทุนรายใหญ่ด้านอิเล็กทรอนิกส์สัญชาติญี่ปุ่น เปิดเผย"ฐานเศรษฐกิจ"ว่าขณะนี้โรงงานผลิตชิ้นส่วนตลับลูกปืน และตลับลูกปืน(แบริ่ง)สำหรับเครื่องบินซึ่งตั้งอยู่ที่อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา และโรงงานมินีแบที่ลพบุรีที่ผลิตอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมทั้งหมดแล้ว โดยเฉพาะที่ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ที่เครื่องจักรตั้งอยู่ในพื้นที่ชั้นล่างทั้งหมด มีการผลิตแบริ่งจำนวน 50 ล้านชิ้น/เดือน ใช้แรงงานในสายการผลิตทั้งสิ้นประมาณ 10,000 คน ทั้งนี้หากโรงงานทั้ง 2 ส่วนนี้กระทบจากน้ำท่วมก็จะทำให้มินีแบเสียหายเป็นเงินมากกว่า 20,000 ล้านบาท โดยผลกระทบนี้ยังไม่รวมถึงโรงงานที่อยู่ในพื้นที่อ.บางปะอินและโรงงานที่ตั้งอยู่ในสวนอุตสาหกรรมโรจนะผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ล่าสุดทั้ง 2 แห่งนี้ก็ยกระดับเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมไปแล้ว โดยโรงงานทั้งหมดใช้แรงงานทั้งสิ้น 32,000 คน และบริษัทเตรียมรับมือโดยการกั้นคันดินและตุนกระสอบทรายไว้รอบโรงงานและเตรียมแผนอพยพหาที่อยู่ให้พนักงานบางส่วนแล้ว อย่างไรก็ตามผลที่เกิดขึ้นในขณะนี้แม้โรงงานจะยังไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทันทีในช่วงนี้แต่ก็รับผลกระทบในทางอ้อมไปแล้ว เนื่องจากแผนการผลิตเกิดการสะดุดเนื่องจากพนักงานที่อยู่ในจ.พระนครศรีอยุธยาบ้านอยู่อาศัยถูกน้ำท่วม ทำให้พนักงานมาทำงานไม่เต็มจำนวน เริ่มลดจำนวนลงเรื่อยๆ ประกอบกับเข้าทำงานล่าช้าไป 2-3 ชั่วโมง เนื่องจากเส้นทางถูกน้ำท่วม และการจราจรติดขัด "ฝ่ายขายของมินีแบเตรียมชี้แจงลูกค้าทั่วโลกมากกว่า 1,000 ราย ผ่านทางโทรศัพท์และเป็นลายลักษณ์อักษรกรณีอาจจะมีการส่งมอบสินค้าล่าช้า ก็อาจทำให้มินีแบเสียโอกาสทางการค้าได้เนื่องจากลูกค้าบางรายรอไม่ได้เพราะต้องเดินเครื่องตลอด 24 ชั่วโมง" ++บิ๊กWDเสี่ยงทั้ง2โรงงาน แหล่งข่าวจากบริษัท เวสเทิร์นดิจิตอล (ประเทศไทย)จำกัด หรือ WD ทุนสัญชาติอเมริกัน ตั้งโรงงานอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน และในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ซึ่งทั้ง 2 แห่งนี้มีขนาดกำลังการผลิตมากกว่า 30% ของตลาดโลกที่มีความต้องการใช้ฮาร์ด ดิสก์ ไดรฟ์/ปีประมาณ 650 ล้านชิ้น มีการใช้แรงงานทั้งสิ้น38,000 คน ผลิตเพื่อการส่งออกไปทั่วโลก 100% ที่มีการคาดการณ์ว่าถ้าไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้โรงงานจะได้รับผลกระทบเป็นมูลค่าความเสียหายที่เป็นตัวเลขหลักหมื่นล้านบาทขึ้นไป ล่าสุดWDยังไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม แต่นับจากนี้ไปยังต้องเฝ้าระวังและเตรียมมาตรการรับมือน้ำท่วมอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง เพื่อให้พ้นจากวิกฤติ โดยติดตามปริมาณน้ำต่อวัน มีการกันแนวเขื่อนดินและกระสอบทรายเสริมให้สูงขึ้นเกือบเมตร และเสริมความสูงของถนนอีก 50 เซนติเมตรให้สูงขึ้นจากแนวปกติ" "ฐานเศรษฐกิจ"ได้ต่อสายตรงไปยังดร.สัมพันธ์ ศิลปะนาฎ รองประธานบริษัท เวสเทิร์น ดิจิตอล(ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งติดภารกิจอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้รับการชี้แจงว่า ขณะนี้โรงงานเป็นพื้นที่เสี่ยงทั้ง 2 แห่ง แต่โชคดีที่พื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินเป็นพื้นที่สูง แต่ก็ต้องเฝ้าระวัง โดยบริหารความเสี่ยงทุกขณะเพื่อไม่ให้กระทบต่อการผลิตฮาร์ดดิสก์ ไดรฟ์ บริษัทจึงจำเป็นต้องวางแผนรับมือตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้กระทบถึงลูกค้าทั่วโลก ++ฮอนด้าขนรถหนี4-5พันคัน นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การเตรียมความพร้อมของโรงงานประกอบรถยนต์ของฮอนด้า ในเขตนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา ในขณะนี้ได้ร่วมมือกันทุกภาคส่วนเพื่อเพิ่มคันดินให้สูงขึ้นเพื่อกันไม่ให้น้ำเข้า ขณะเดียวกันได้สั่งให้พนักงานหยุดงานตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา เนื่องจากผู้ผลิตชิ้นส่วนที่ป้อนให้กับโรงงานฮอนด้าถูกน้ำท่วมและไม่สามารถส่งชิ้นส่วนมาประกอบได้ "เบื้องต้นเราได้เคลื่อนย้ายรถยนต์ที่เตรียมส่งมอบให้กับลูกค้าทั้งหมดออกจากบริเวณโรงงาน โดยได้รับความช่วยเหลือให้ไปจอดที่ ท่าอากาศยานดอนเมือง โดยฮอนด้าได้เคลื่อนย้ายที่รอส่งมอบให้กับลูกค้าจำนวน 4,000-5,000 คัน ไปจอดที่บริเวณอาคารคลังสินค้า 2 ที่สนามบินดอนเมืองแล้ว " ++เคอรี่ปรับแผนหลังลูกค้าจมน้ำ นายดุสิต บุญกาวิน ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจอาวุโส บริษัท เคอรี่ โลจิสติคส์(ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์กล่าวว่า มีลูกค้าอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนครกว่า 30 รายที่กระทบ และหนึ่งในนั้นก็มีลูกค้ารายใหญ่จากทุนญี่ปุ่นที่เข้ามาตั้งโรงงานมากถึง 8 โรงงาน ที่ขณะนี้ยังจมอยู่ในน้ำทั้งหมด โดยบริษัทดังกล่าวผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ให้กับค่ายฮอนด้า ที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ และรถค่ายอื่นที่มีฐานการผลิตอยู่ที่ระยองด้วย จากผลกระทบนี้ทำให้เคอรี่ โลจิสติคส์ ต้องปรับแผนรับมือจากขนส่งสินค้าและวัตถุดิบจากโรงงานไปท่าเรือหรือจากท่าเรือไปโรงงานก็ปรับเป็นให้บริการช่วยเหลือลูกค้าขนของหนีน้ำแทนโดยเคอรี่ โลจิสติคส์ จะมีคลังสินค้าขนาดใหญ่รองรับอยู่ 4 จุด ที่บางนา ศรีราชา แหลมฉบัง ระยอง โดยคาดว่าปีนี้จะมีลูกค้าใหม่ 50-60 ราย จากที่บริษัทมีลูกค้าทั่วประเทศมากกว่า 500 ราย ที่ให้บริการขนส่งทางบก ++สหรัตนนครเสียหาย3หมื่นล. ด้านนางมณฑา ประณุทนรพาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า ปริมาณน้ำในปีนี้ค่อนข้างมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยวิกฤติน้ำท่วมเฉียบพลันในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ตั้งแต่ 4 ตุลาคม 2554 มีโรงงานได้รับผลกระทบ 43 โรงงาน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้ต้องปิดโรงงานเป็นระยะเวลา 5 วัน หรือจนกว่าปริมาณน้ำจะลดลง ทั้งนี้ คาดว่านิคมฯสหรัตนนครใช้งบประมาณป้องกันน้ำท่วมไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท และมีโครงการยกคันดินถาวรเพิ่มความสูงเป็น 7 เมตร ลงทุนเพิ่มเติมประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มดำเนินการให้ทันภายในปี 2555 ++นิคมไฮเทคปิดชั่วคราว5วัน ส่วนนิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) ที่สถานการณ์น่าเป็นห่วงมาก ขณะนี้กนอ. ได้ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการหยุดประกอบกิจการเป็นการชั่วคราว 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 7-11 ตุลาคม 2554 เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดความเสียหายจากน้ำท่วมที่ปัจจุบันมีปริมาณน้ำเหนือไหลหลากและมีฝนตกต่อเนื่องส่งผลให้ระดับน้ำมีแนวโน้มสูงขึ้นเป็นลำดับ พร้อมกันนี้ กนอ. ได้ตั้งศูนย์บัญชาการน้ำท่วมที่สำนักงานนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนอุดมสรยุทธ ตำบลคลองจิก อำเภอบางปะอินแล้ว บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมาว่าจากสถานการณ์น้ำท่วมล่าสุดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยที่บริษัทฮานา เซมิคอนดักเตอร์ (อยุธยา) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท มีโรงงานตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรม ไฮเทค อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ดังนั้นเพื่อลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดจากเหตุการณ์น้ำท่วม บริษัทฮานา เซมิคอนดักเตอร์(อยุธยา)ฯ ได้ปิดทำการผลิตชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2554 ไปจนกว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลาย ทั้งนี้ลูกค้าทั้งหมดได้รับแจ้งถึงเหตุจำเป็นของวิกฤตการณ์ในครั้งนี้รวมถึงการเปลี่ยนแปลงในการส่งมอบสินค้า ++กนอ.ขอซอฟต์โลนฟื้นรง. นายนราพจน์ ทิวถนอม รองผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ออกมาระบุ ว่า หลังปัญหาน้ำท่วมคลี่คลาย ทาง กนอ.เตรียมจะเสนอไปยังรัฐบาลเพื่อขอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ ซอฟต์โลนแก่ผู้ประกอบการ-โรงงานที่เดือดร้อนผ่านทางธนาคารธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอี แบงก์)โดยเฉพาะโรงงานภายในนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนครที่เสียหาย รวมถึงโรงงานในนิคมฯ อื่นๆ ส่วนอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมต้องรอหลังน้ำลด สำหรับปัญหาโรงงานหยุด 3-5 เดือน จุดนี้ได้รับการยืนยันว่าจะไม่มีการเลิกจ้างหรือเอาคนออกแน่นอน และระหว่างที่หยุดงานก็จะมีการจ่ายเงินชดเชยตามความเหมาะสม ++ผู้พัฒนานิคมไฮเทคฉะกนอ. นายทวิช เตชะนาวากุล เลขาธิการสมาคมนิคมอุตสาหกรรมไทย และกรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยอินดัสเตรียล เอสเตท จำกัด ผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า(ไฮเทค) กล่าวว่า นิคมแห่งนี้เป็นหนึ่งในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม และมั่นใจว่าในขณะนี้น้ำจะยังไม่ท่วมโรงงาน และยังอยู่ในสถานการณ์ที่รับมือได้ จึงไม่เข้าใจว่าทำไมกนอ.จึงออกมาขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า(ไฮเทค)หยุดประกอบกิจการ โดยที่ไม่ปรึกษาผู้พัฒนานิคมฯก่อน ทั้งที่มาตรการต่างๆยังรับมือได้ และช่วงที่น่าจะเป็นห่วงก็ควรจะเป็นช่วงระหว่างวันที่ 13-18 ตุลาคมมากกว่า ขณะนี้บางโรงงานก็ยืนยันที่จะผลิตต่อไป "เวลานี้มีโรงงานอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ภาคกลางทั้งในและนอกนิคมอุตสาหกรรมมี 4,000-5,000 โรงงาน ถ้ากระทบทั้งหมดก็จะเสียหายเป็นเงิน 300,000-400,000 ล้านบาท และจะไม่กระทบทั้งหมดเพราะส่วนใหญ่จะมีโรงงานขนาดใหญ่กระจายอยู่ทั่วไปโดยเฉพาะในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ส่วนใหญ่จะดูแลความเสี่ยงไว้แล้วยกเว้นนิคมอุตสาหกรรมที่มีพื้นที่ต่ำมากอย่างนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ทั้งนี้ข้อมูลจากอุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แจ้งว่า เฉพาะที่อยุธยามีโรงงานอุตสาหกรรมที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการทั้งหมดจำนวน 2,131 โรงงาน(รวมทั้งในและนอกนิคมฯ) เป็นเงินทุนรวม 330,845.25 ล้านบาท มีการจ้างงาน 246,849 คน (ดูตาราง) ++สภาท่องเที่ยวชี้สูญพันล้าน นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานฝ่ายนโยบาย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ สทท. กล่าวว่าเบื้องต้นประเมินค่าเสียโอกาสจากการท่องเที่ยวในประเทศราว 1,000 ล้านบาท (ประเมินความเสียหาย 20 วันที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน) เนื่องจากในปีหนึ่งมีจำนวนนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางราว 95 ล้านคนต่อครั้ง ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยราว 4,000 บาทต่อคนต่อทริป ส่วนของนักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่มีการยกเลิกเดินทาง แต่ สทท. ยังหวังช่วง 2 เดือนสุดท้ายว่านักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยจะถึง 19 ล้านคน มีความเป็นไปได้ นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาเยียวยาในเรื่องการให้การสนับสนุนสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทำให้ขาดกระแสเงินสดหมุนเวียน แต่ไม่ใช่ให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแต่ให้เข้ามาช่วยเหลือเรื่องการจ้างแรงงาน ++ยันไม่ย้ายจัดเวิลด์เอ็กซ์โป ส่วนกรณีการเสนอใช้ ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นสถานที่จัดงานมหกรรมโลก เวิลด์เอ็กซ์โปปี 2020 นายอรรถพล สรสุชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือสสปน. กล่าวว่า จะไม่ย้ายสถานที่จัดงาน เพราะบางไทร น้ำท่วมน้อยที่สุด อีกทั้งการจัดงานได้เสนอระหว่างเดือนมกราคม-มิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงที่ระดับน้ำต่ำมาก สำหรับตลาดไมซ์ผลกระทบจากน้ำท่วมที่น่าเป็นห่วงคงเป็นเรื่องการจัดโปรแกรมพรี-โพสทัวร์หรือท่องเที่ยวก่อนและหลังจากจัดงาน เนื่องจากเส้นทางท่องเที่ยวหลายแห่งได้รับผลกระทบ ++วิริยะอ่วมรถจมบาดาลอื้อ นายพันธ์เทพ ชัยปริญญา ผู้จัดการฝ่ายสินไหมทดแทน บริษัทวิริยะประกันภัยฯ กล่าวว่า 2 เดือนที่เกิดน้ำท่วมส่งผลให้เกิดความเสียหาย มีรถยนต์ที่ทำประกันทั้งระบบเสียหายไปแล้วกว่า 1,000 คัน ในส่วนนี้เป็นรถที่ทำประกันกับทางบริษัท วิริยะฯ 600-700 คัน คาดว่าจะมีการจ่ายสินไหมรวม 70-80 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีรถยนต์ที่ไม่ได้ทำประกันอีกกว่า 100 คัน ซึ่งจะไม่ได้รับความคุ้มครอง ทั้งนี้หากน้ำยังท่วมต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจะสูงกว่านี้หลายเท่า ++คลังตั้งงบเพิ่มรับวิกฤติน้ำท่วม นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ทางกรมบัญชีกลางได้ประมาณการสถานการณ์ อุทกภัย ในช่วง 3 เดือนหลังจากนี้ถึงสิ้นปี 2554 นั้น ยังมีพื้นที่เสี่ยงที่จะประสบภัยพิบัติอุทกภัยโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ และช่วงปลายปียังมีภัยหนาวต่อเนื่องด้วย โดยได้ประมาณการใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ กรณีฉุกเฉิน เดือนตุลาคม-ธันวาคม 2554 ไว้ทั้งสิ้นจำนวน 1,534 ล้านบาท เป็นเหตุการณ์อุทกภัย 1,500 ล้านบาท และเหตุการณ์ภัยหนาว 34 ล้าน(พ.ย.10 ล้านบาทและธ.ค. 24 ล้านบาท) ล่าสุดการเบิกจ่ายเงินทดรองจ่ายประจำปีงบประมาณ 2555 เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ตั้งแต่วันที่ 3-7 ตุลาคม 2554 เป็นเงินจำนวน 359,245,007 ล้านบาท สำหรับผลการเบิกจ่ายเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ กรณีฉุกเฉินเหตุอุทกภัย ในปีงบประมาณ 2554(11ต.ค.53-31ก.ย.54) พบว่า มีวงเงินสูงถึง 17,834.15 ล้านบาท แบ่งเป็น 3อันดับคือ ภัยแล้ง วงเงิน 1,787.17 ล้านบาท สัดส่วน 10.02% โรคระบาดด้านพืช วงเงิน 3,322.92ล้านบาท คิดเป็น 18.63% ส่วนใหญ่เป็นเหตุอุทกภัยมียอดสูง 10,367.42 ล้านบาท คิดเป็น 58.13%ของงบที่เบิกจ่ายทั้งหมดและเพิ่มขึ้นจากปี 2553 มากถึง 144.63%ซึ่งเบิกจ่ายจำนวน 4,239.99 ล้านบาท และปีงบประมาณ 2552 มีวงเงินเบิกจ่าย 4,846.31 ล้านบาท "จังหวัดใดคาดการณ์ได้ว่าจะใช้เงินเกินกว่าวงเงิน 50 ล้านบาท ก็สามารถขอตกลงมาก่อนได้ ผ่านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยอำนาจของกรมบัญชีกลาง สามารถอนุมัติเพิ่มเติมได้อีกจังหวัดละไม่เกิน 200 ล้านบาท แต่หากจังหวัดใดใช้เงินเกินกว่า 200 ล้านบาท จะเป็นอำนาจอนุมัติของปลัดกระทรวงการคลัง" จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,677 9 - 12 ตุลาคม พ.ศ. 2554
โดย
kloysri
อังคาร ต.ค. 11, 2011 9:27 pm
0
0
Re: น้ำท่วมกดดัน บริษัท หรือ sector ไหนบ้าง
Home ข่าวหน้า1 Big Stories รง.ล่มภาคผลิตเจ๊งยับ กระทบออร์เดอร์เลื่อนส่งออกช้ากว่ากำหนด Air conditioners รง.ล่มภาคผลิตเจ๊งยับ กระทบออร์เดอร์เลื่อนส่งออกช้ากว่ากำหนด วันอาทิตย์ที่ 09 ตุลาคม 2011 เวลา 08:50 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ ข่าวหน้า1 - Big Stories User Rating: / 0 แย่ดีที่สุด วิกฤติน้ำท่วมเกิดโดมิโนเอฟเฟกต์กระทบภาคการผลิตทั้งระบบ 2 ยักษ์อิเล็กทรอนิกส์โลก "มินีแบ-เวสเทิร์นดิจิตอล" ลุ้นระทึกรายวัน วิ่งปรับแผนจ้าละหวั่น ชี้กระทบแค่2ค่ายจะสูญเงินมหาศาล ร่อนหนังสือ แจ้งลูกค้าทั่วโลกกว่า 1,000 ราย ส่งมอบสินค้าล่าช้ากว่ากำหนด นิคมฯสหรัตนนครปิดไม่มีกำหนด วิริยะอ่วมรถยนต์จมบาดาลอื้อ "คลัง"ตั้งงบ อีก 1.5 พันล้านรับวิกฤติภัยน้ำท่วม-ภัยหนาว ใน 3 เดือน สถานการณ์น้ำท่วมในประเทศยังคงวิกฤติและไม่มีวี่แววจะคลี่คลาย ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดน้ำท่วมฉับพลันในอีกหลายจังหวัด ซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายยิ่งขึ้นสร้างความเสียหาย ส่งผลกระทบเศรษฐกิจหนักโดยมูลค่าความเสียหายครอบคลุมทั้งพื้นที่เกษตรกรรม ท่องเที่ยวและภาคอุตสาหกรรมและการผลิตเชื่อมโยงในจังหวัดต่างๆ รวมแล้วหลายแสนล้านบาท ++มินีแบชี้แจงลูกค้าทั่วโลก นายวุฒิชัย อุดมกาญจนนันท์ กรรมการบริษัทเอ็นเอ็มบี มินีแบ ไทย จำกัด หรือ"มินีแบ"ทุนรายใหญ่ด้านอิเล็กทรอนิกส์สัญชาติญี่ปุ่น เปิดเผย"ฐานเศรษฐกิจ"ว่าขณะนี้โรงงานผลิตชิ้นส่วนตลับลูกปืน และตลับลูกปืน(แบริ่ง)สำหรับเครื่องบินซึ่งตั้งอยู่ที่อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา และโรงงานมินีแบที่ลพบุรีที่ผลิตอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมทั้งหมดแล้ว โดยเฉพาะที่ อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ที่เครื่องจักรตั้งอยู่ในพื้นที่ชั้นล่างทั้งหมด มีการผลิตแบริ่งจำนวน 50 ล้านชิ้น/เดือน ใช้แรงงานในสายการผลิตทั้งสิ้นประมาณ 10,000 คน ทั้งนี้หากโรงงานทั้ง 2 ส่วนนี้กระทบจากน้ำท่วมก็จะทำให้มินีแบเสียหายเป็นเงินมากกว่า 20,000 ล้านบาท โดยผลกระทบนี้ยังไม่รวมถึงโรงงานที่อยู่ในพื้นที่อ.บางปะอินและโรงงานที่ตั้งอยู่ในสวนอุตสาหกรรมโรจนะผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ล่าสุดทั้ง 2 แห่งนี้ก็ยกระดับเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมไปแล้ว โดยโรงงานทั้งหมดใช้แรงงานทั้งสิ้น 32,000 คน และบริษัทเตรียมรับมือโดยการกั้นคันดินและตุนกระสอบทรายไว้รอบโรงงานและเตรียมแผนอพยพหาที่อยู่ให้พนักงานบางส่วนแล้ว อย่างไรก็ตามผลที่เกิดขึ้นในขณะนี้แม้โรงงานจะยังไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทันทีในช่วงนี้แต่ก็รับผลกระทบในทางอ้อมไปแล้ว เนื่องจากแผนการผลิตเกิดการสะดุดเนื่องจากพนักงานที่อยู่ในจ.พระนครศรีอยุธยาบ้านอยู่อาศัยถูกน้ำท่วม ทำให้พนักงานมาทำงานไม่เต็มจำนวน เริ่มลดจำนวนลงเรื่อยๆ ประกอบกับเข้าทำงานล่าช้าไป 2-3 ชั่วโมง เนื่องจากเส้นทางถูกน้ำท่วม และการจราจรติดขัด "ฝ่ายขายของมินีแบเตรียมชี้แจงลูกค้าทั่วโลกมากกว่า 1,000 ราย ผ่านทางโทรศัพท์และเป็นลายลักษณ์อักษรกรณีอาจจะมีการส่งมอบสินค้าล่าช้า ก็อาจทำให้มินีแบเสียโอกาสทางการค้าได้เนื่องจากลูกค้าบางรายรอไม่ได้เพราะต้องเดินเครื่องตลอด 24 ชั่วโมง" ++บิ๊กWDเสี่ยงทั้ง2โรงงาน แหล่งข่าวจากบริษัท เวสเทิร์นดิจิตอล (ประเทศไทย)จำกัด หรือ WD ทุนสัญชาติอเมริกัน ตั้งโรงงานอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน และในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ซึ่งทั้ง 2 แห่งนี้มีขนาดกำลังการผลิตมากกว่า 30% ของตลาดโลกที่มีความต้องการใช้ฮาร์ด ดิสก์ ไดรฟ์/ปีประมาณ 650 ล้านชิ้น มีการใช้แรงงานทั้งสิ้น38,000 คน ผลิตเพื่อการส่งออกไปทั่วโลก 100% ที่มีการคาดการณ์ว่าถ้าไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้โรงงานจะได้รับผลกระทบเป็นมูลค่าความเสียหายที่เป็นตัวเลขหลักหมื่นล้านบาทขึ้นไป ล่าสุดWDยังไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม แต่นับจากนี้ไปยังต้องเฝ้าระวังและเตรียมมาตรการรับมือน้ำท่วมอย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง เพื่อให้พ้นจากวิกฤติ โดยติดตามปริมาณน้ำต่อวัน มีการกันแนวเขื่อนดินและกระสอบทรายเสริมให้สูงขึ้นเกือบเมตร และเสริมความสูงของถนนอีก 50 เซนติเมตรให้สูงขึ้นจากแนวปกติ" "ฐานเศรษฐกิจ"ได้ต่อสายตรงไปยังดร.สัมพันธ์ ศิลปะนาฎ รองประธานบริษัท เวสเทิร์น ดิจิตอล(ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งติดภารกิจอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้รับการชี้แจงว่า ขณะนี้โรงงานเป็นพื้นที่เสี่ยงทั้ง 2 แห่ง แต่โชคดีที่พื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินเป็นพื้นที่สูง แต่ก็ต้องเฝ้าระวัง โดยบริหารความเสี่ยงทุกขณะเพื่อไม่ให้กระทบต่อการผลิตฮาร์ดดิสก์ ไดรฟ์ บริษัทจึงจำเป็นต้องวางแผนรับมือตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้กระทบถึงลูกค้าทั่วโลก ++ฮอนด้าขนรถหนี4-5พันคัน นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การเตรียมความพร้อมของโรงงานประกอบรถยนต์ของฮอนด้า ในเขตนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา ในขณะนี้ได้ร่วมมือกันทุกภาคส่วนเพื่อเพิ่มคันดินให้สูงขึ้นเพื่อกันไม่ให้น้ำเข้า ขณะเดียวกันได้สั่งให้พนักงานหยุดงานตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา เนื่องจากผู้ผลิตชิ้นส่วนที่ป้อนให้กับโรงงานฮอนด้าถูกน้ำท่วมและไม่สามารถส่งชิ้นส่วนมาประกอบได้ "เบื้องต้นเราได้เคลื่อนย้ายรถยนต์ที่เตรียมส่งมอบให้กับลูกค้าทั้งหมดออกจากบริเวณโรงงาน โดยได้รับความช่วยเหลือให้ไปจอดที่ ท่าอากาศยานดอนเมือง โดยฮอนด้าได้เคลื่อนย้ายที่รอส่งมอบให้กับลูกค้าจำนวน 4,000-5,000 คัน ไปจอดที่บริเวณอาคารคลังสินค้า 2 ที่สนามบินดอนเมืองแล้ว " ++เคอรี่ปรับแผนหลังลูกค้าจมน้ำ นายดุสิต บุญกาวิน ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจอาวุโส บริษัท เคอรี่ โลจิสติคส์(ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์กล่าวว่า มีลูกค้าอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนครกว่า 30 รายที่กระทบ และหนึ่งในนั้นก็มีลูกค้ารายใหญ่จากทุนญี่ปุ่นที่เข้ามาตั้งโรงงานมากถึง 8 โรงงาน ที่ขณะนี้ยังจมอยู่ในน้ำทั้งหมด โดยบริษัทดังกล่าวผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ให้กับค่ายฮอนด้า ที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ และรถค่ายอื่นที่มีฐานการผลิตอยู่ที่ระยองด้วย จากผลกระทบนี้ทำให้เคอรี่ โลจิสติคส์ ต้องปรับแผนรับมือจากขนส่งสินค้าและวัตถุดิบจากโรงงานไปท่าเรือหรือจากท่าเรือไปโรงงานก็ปรับเป็นให้บริการช่วยเหลือลูกค้าขนของหนีน้ำแทนโดยเคอรี่ โลจิสติคส์ จะมีคลังสินค้าขนาดใหญ่รองรับอยู่ 4 จุด ที่บางนา ศรีราชา แหลมฉบัง ระยอง โดยคาดว่าปีนี้จะมีลูกค้าใหม่ 50-60 ราย จากที่บริษัทมีลูกค้าทั่วประเทศมากกว่า 500 ราย ที่ให้บริการขนส่งทางบก ++สหรัตนนครเสียหาย3หมื่นล. ด้านนางมณฑา ประณุทนรพาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า ปริมาณน้ำในปีนี้ค่อนข้างมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยวิกฤติน้ำท่วมเฉียบพลันในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ตั้งแต่ 4 ตุลาคม 2554 มีโรงงานได้รับผลกระทบ 43 โรงงาน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้ต้องปิดโรงงานเป็นระยะเวลา 5 วัน หรือจนกว่าปริมาณน้ำจะลดลง ทั้งนี้ คาดว่านิคมฯสหรัตนนครใช้งบประมาณป้องกันน้ำท่วมไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท และมีโครงการยกคันดินถาวรเพิ่มความสูงเป็น 7 เมตร ลงทุนเพิ่มเติมประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มดำเนินการให้ทันภายในปี 2555 ++นิคมไฮเทคปิดชั่วคราว5วัน ส่วนนิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) ที่สถานการณ์น่าเป็นห่วงมาก ขณะนี้กนอ. ได้ขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการหยุดประกอบกิจการเป็นการชั่วคราว 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 7-11 ตุลาคม 2554 เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดความเสียหายจากน้ำท่วมที่ปัจจุบันมีปริมาณน้ำเหนือไหลหลากและมีฝนตกต่อเนื่องส่งผลให้ระดับน้ำมีแนวโน้มสูงขึ้นเป็นลำดับ พร้อมกันนี้ กนอ. ได้ตั้งศูนย์บัญชาการน้ำท่วมที่สำนักงานนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนอุดมสรยุทธ ตำบลคลองจิก อำเภอบางปะอินแล้ว บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมาว่าจากสถานการณ์น้ำท่วมล่าสุดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยที่บริษัทฮานา เซมิคอนดักเตอร์ (อยุธยา) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท มีโรงงานตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรม ไฮเทค อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ดังนั้นเพื่อลดความสูญเสียที่อาจจะเกิดจากเหตุการณ์น้ำท่วม บริษัทฮานา เซมิคอนดักเตอร์(อยุธยา)ฯ ได้ปิดทำการผลิตชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2554 ไปจนกว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลาย ทั้งนี้ลูกค้าทั้งหมดได้รับแจ้งถึงเหตุจำเป็นของวิกฤตการณ์ในครั้งนี้รวมถึงการเปลี่ยนแปลงในการส่งมอบสินค้า ++กนอ.ขอซอฟต์โลนฟื้นรง. นายนราพจน์ ทิวถนอม รองผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ออกมาระบุ ว่า หลังปัญหาน้ำท่วมคลี่คลาย ทาง กนอ.เตรียมจะเสนอไปยังรัฐบาลเพื่อขอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือ ซอฟต์โลนแก่ผู้ประกอบการ-โรงงานที่เดือดร้อนผ่านทางธนาคารธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอี แบงก์)โดยเฉพาะโรงงานภายในนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนครที่เสียหาย รวมถึงโรงงานในนิคมฯ อื่นๆ ส่วนอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมต้องรอหลังน้ำลด สำหรับปัญหาโรงงานหยุด 3-5 เดือน จุดนี้ได้รับการยืนยันว่าจะไม่มีการเลิกจ้างหรือเอาคนออกแน่นอน และระหว่างที่หยุดงานก็จะมีการจ่ายเงินชดเชยตามความเหมาะสม ++ผู้พัฒนานิคมไฮเทคฉะกนอ. นายทวิช เตชะนาวากุล เลขาธิการสมาคมนิคมอุตสาหกรรมไทย และกรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยอินดัสเตรียล เอสเตท จำกัด ผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า(ไฮเทค) กล่าวว่า นิคมแห่งนี้เป็นหนึ่งในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม และมั่นใจว่าในขณะนี้น้ำจะยังไม่ท่วมโรงงาน และยังอยู่ในสถานการณ์ที่รับมือได้ จึงไม่เข้าใจว่าทำไมกนอ.จึงออกมาขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า(ไฮเทค)หยุดประกอบกิจการ โดยที่ไม่ปรึกษาผู้พัฒนานิคมฯก่อน ทั้งที่มาตรการต่างๆยังรับมือได้ และช่วงที่น่าจะเป็นห่วงก็ควรจะเป็นช่วงระหว่างวันที่ 13-18 ตุลาคมมากกว่า ขณะนี้บางโรงงานก็ยืนยันที่จะผลิตต่อไป "เวลานี้มีโรงงานอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ภาคกลางทั้งในและนอกนิคมอุตสาหกรรมมี 4,000-5,000 โรงงาน ถ้ากระทบทั้งหมดก็จะเสียหายเป็นเงิน 300,000-400,000 ล้านบาท และจะไม่กระทบทั้งหมดเพราะส่วนใหญ่จะมีโรงงานขนาดใหญ่กระจายอยู่ทั่วไปโดยเฉพาะในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ส่วนใหญ่จะดูแลความเสี่ยงไว้แล้วยกเว้นนิคมอุตสาหกรรมที่มีพื้นที่ต่ำมากอย่างนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ทั้งนี้ข้อมูลจากอุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แจ้งว่า เฉพาะที่อยุธยามีโรงงานอุตสาหกรรมที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการทั้งหมดจำนวน 2,131 โรงงาน(รวมทั้งในและนอกนิคมฯ) เป็นเงินทุนรวม 330,845.25 ล้านบาท มีการจ้างงาน 246,849 คน (ดูตาราง) ++สภาท่องเที่ยวชี้สูญพันล้าน นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานฝ่ายนโยบาย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ สทท. กล่าวว่าเบื้องต้นประเมินค่าเสียโอกาสจากการท่องเที่ยวในประเทศราว 1,000 ล้านบาท (ประเมินความเสียหาย 20 วันที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน) เนื่องจากในปีหนึ่งมีจำนวนนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางราว 95 ล้านคนต่อครั้ง ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยราว 4,000 บาทต่อคนต่อทริป ส่วนของนักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่มีการยกเลิกเดินทาง แต่ สทท. ยังหวังช่วง 2 เดือนสุดท้ายว่านักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยจะถึง 19 ล้านคน มีความเป็นไปได้ นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาเยียวยาในเรื่องการให้การสนับสนุนสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทำให้ขาดกระแสเงินสดหมุนเวียน แต่ไม่ใช่ให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแต่ให้เข้ามาช่วยเหลือเรื่องการจ้างแรงงาน ++ยันไม่ย้ายจัดเวิลด์เอ็กซ์โป ส่วนกรณีการเสนอใช้ ศูนย์ศิลปาชีพบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นสถานที่จัดงานมหกรรมโลก เวิลด์เอ็กซ์โปปี 2020 นายอรรถพล สรสุชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ หรือสสปน. กล่าวว่า จะไม่ย้ายสถานที่จัดงาน เพราะบางไทร น้ำท่วมน้อยที่สุด อีกทั้งการจัดงานได้เสนอระหว่างเดือนมกราคม-มิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงที่ระดับน้ำต่ำมาก สำหรับตลาดไมซ์ผลกระทบจากน้ำท่วมที่น่าเป็นห่วงคงเป็นเรื่องการจัดโปรแกรมพรี-โพสทัวร์หรือท่องเที่ยวก่อนและหลังจากจัดงาน เนื่องจากเส้นทางท่องเที่ยวหลายแห่งได้รับผลกระทบ ++วิริยะอ่วมรถจมบาดาลอื้อ นายพันธ์เทพ ชัยปริญญา ผู้จัดการฝ่ายสินไหมทดแทน บริษัทวิริยะประกันภัยฯ กล่าวว่า 2 เดือนที่เกิดน้ำท่วมส่งผลให้เกิดความเสียหาย มีรถยนต์ที่ทำประกันทั้งระบบเสียหายไปแล้วกว่า 1,000 คัน ในส่วนนี้เป็นรถที่ทำประกันกับทางบริษัท วิริยะฯ 600-700 คัน คาดว่าจะมีการจ่ายสินไหมรวม 70-80 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีรถยนต์ที่ไม่ได้ทำประกันอีกกว่า 100 คัน ซึ่งจะไม่ได้รับความคุ้มครอง ทั้งนี้หากน้ำยังท่วมต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจะสูงกว่านี้หลายเท่า ++คลังตั้งงบเพิ่มรับวิกฤติน้ำท่วม นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ทางกรมบัญชีกลางได้ประมาณการสถานการณ์ อุทกภัย ในช่วง 3 เดือนหลังจากนี้ถึงสิ้นปี 2554 นั้น ยังมีพื้นที่เสี่ยงที่จะประสบภัยพิบัติอุทกภัยโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ และช่วงปลายปียังมีภัยหนาวต่อเนื่องด้วย โดยได้ประมาณการใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ กรณีฉุกเฉิน เดือนตุลาคม-ธันวาคม 2554 ไว้ทั้งสิ้นจำนวน 1,534 ล้านบาท เป็นเหตุการณ์อุทกภัย 1,500 ล้านบาท และเหตุการณ์ภัยหนาว 34 ล้าน(พ.ย.10 ล้านบาทและธ.ค. 24 ล้านบาท) ล่าสุดการเบิกจ่ายเงินทดรองจ่ายประจำปีงบประมาณ 2555 เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ตั้งแต่วันที่ 3-7 ตุลาคม 2554 เป็นเงินจำนวน 359,245,007 ล้านบาท สำหรับผลการเบิกจ่ายเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ กรณีฉุกเฉินเหตุอุทกภัย ในปีงบประมาณ 2554(11ต.ค.53-31ก.ย.54) พบว่า มีวงเงินสูงถึง 17,834.15 ล้านบาท แบ่งเป็น 3อันดับคือ ภัยแล้ง วงเงิน 1,787.17 ล้านบาท สัดส่วน 10.02% โรคระบาดด้านพืช วงเงิน 3,322.92ล้านบาท คิดเป็น 18.63% ส่วนใหญ่เป็นเหตุอุทกภัยมียอดสูง 10,367.42 ล้านบาท คิดเป็น 58.13%ของงบที่เบิกจ่ายทั้งหมดและเพิ่มขึ้นจากปี 2553 มากถึง 144.63%ซึ่งเบิกจ่ายจำนวน 4,239.99 ล้านบาท และปีงบประมาณ 2552 มีวงเงินเบิกจ่าย 4,846.31 ล้านบาท "จังหวัดใดคาดการณ์ได้ว่าจะใช้เงินเกินกว่าวงเงิน 50 ล้านบาท ก็สามารถขอตกลงมาก่อนได้ ผ่านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยอำนาจของกรมบัญชีกลาง สามารถอนุมัติเพิ่มเติมได้อีกจังหวัดละไม่เกิน 200 ล้านบาท แต่หากจังหวัดใดใช้เงินเกินกว่า 200 ล้านบาท จะเป็นอำนาจอนุมัติของปลัดกระทรวงการคลัง" จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,677 9 - 12 ตุลาคม พ.ศ. 2554
โดย
kloysri
อังคาร ต.ค. 11, 2011 9:26 pm
0
0
Re: น้ำท่วมกดดัน บริษัท หรือ sector ไหนบ้าง
Home การตลาด การตลาด Marketing เครื่องใช้ไฟฟ้ากะอักพิษน้ำท่วม Air conditioners เครื่องใช้ไฟฟ้ากะอักพิษน้ำท่วม วันศุกร์ที่ 07 ตุลาคม 2011 เวลา 10:04 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ การตลาด Marketing - การตลาด Marketing User Rating: / 0 แย่ดีที่สุด ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า กร่อย น้ำท่วม ส่งผลยอดขายสะดุด พานาโซนิค พ้อเจอ 3 เด้ง สึนามิ อากาศแปรปรวน น้ำท่วม แต่ยังฮึด มั่นใจดันยอดโตตามเป้า 10% โซนี่-แอลจี รอประเมินความเสียหายเตรียมให้ความช่วยเหลือ ซ่อมฟรีค่าบริการ และจัดสินค้าราคาพิเศษ สำหรับลูกค้าที่ต้องการสินค้าทดแทน นายธันยเชษฐ์ เอกเวชวิท ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวกับ "ฐานเศรษฐกิจ" โดย เชื่อว่าผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมจะไม่ใช่ปัญหาระยะยาว แต่ตอนนี้ผู้บริโภคเริ่มชะลอกำลังซื้อ เนื่องจากได้รับความลำบากจากปัญหาน้ำท่วม ขณะเดียวกันร้านค้า หรือตัวแทนจำหน่าย ก็ไม่ซื้อสินค้าเพิ่ม ทำให้เกิดการชะลอตัวทั้ง 2 ส่วน ซึ่งยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้ เนื่องจากเหตุการณ์ยังไม่คลี่คลาย คงต้องอีกสักระยะ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้แอลจีได้เตรียมมาตรการให้ความช่วยเหลือทั้งกับดีลเลอร์ และผู้บริโภค ที่ประสบปัญหา เช่น การฟรีค่าซ่อมแซ่ม และลดค่าอุปกรณ์ที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งโดยภาพรวมแล้ว จะไม่ส่งผลกระทบกับงบประมาณ เพราะเป็นงบส่วนหนึ่งของการทำตลาดอยู่แล้ว ส่วนแผนกระตุ้นการขายไตรมาสสุดท้าย ไม่มีการปรับเพิ่มแต่อย่างใด เพราะช่วงปลายปี บริษัทมีกิจกรรมส่งเสริมการขายอยู่แล้ว และคาดว่าจะสามารถผลักดันให้ยอดขายเติบโตได้ตามเป้าแน่นอน นายฮิโรทากะ มุราคามิ ซีอีโอของกลุ่มบริษัทพานาโซนิคฯในประเทศไทย กล่าวว่า ผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม ยังอยู่ระหว่างประเมินผล จากยอดตัวแทนจำหน่ายหรือดีลเลอร์รายใหญ่ของพานาโซนิคกว่า 300 ราย แบ่งเป็นตัวแทนในพื้นที่ต่างจังหวัดประมาณ 70% ซึ่งขณะนี้มีกว่า 50 จังหวัดที่เจอปัญหาน้ำท่วม และมีหลายจุดที่หยุดส่งของ ดีลเลอร์ที่ได้รับผลกระทบมีมาก แต่ละพื้นที่มีความรุนแรงต่างกัน ซึ่งยังบอกจำนวนชัดเจนยาก เพราะความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยยังขยายไปเรื่อยๆ ตอนนี้ต่างจังหวัดที่ได้รับผลกระทบคือ ไม่สามารถส่งสินค้าได้ สิ่งที่พานาโซนิคเตรียมการตอนนี้คือ การเร่งให้ความช่วยเหลือผู้เดือดร้อน ส่วนพื้นที่ที่ไม่เดือดร้อนก็เร่งแผนส่งเสริมการขาย เพื่อสร้างยอดทดแทน "พานาโซนิค ปีนี้เจอวิกฤติถึง 3 ครั้ง ทั้งเรื่องของสึนามิที่ญี่ปุ่น ปัญหาอากาศแปรปรวน อากาศไม่ร้อนในประเทศไทย ทำให้ยอดขายเครื่องปรับอากาศตก แล้วยังเจอภาวะน้ำท่วม แต่บริษัท ไม่ได้ปรับลดเป้าหมายการขาย" นายมุราคามิ กล่าวและว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายครึ่งปีแรกในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านไว้ที่ 10% ขณะนี้เติบโตไปแล้ว 5% ส่วนกลุ่มเอวี หรือกลุ่มเครื่องเสียงและภาพ ตั้งเป้าโต 10% ขณะนี้เติบโตประมาณ 11% อย่างไรก็ตาม ถึงสิ้นปีบัญชีนี้ (มีนาคม 2555) มั่นใจว่าจะสร้างยอดขายเติบโตตามเป้า 10% โดยมียอดรายได้รวมประมาณ 22,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเอวีประมาณ 11,600 ล้านบาท และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน (เอชเอ) 10,400 ล้านบาท สำหรับปีนี้ ซึ่งเป็นปีฉลองครบ 50 ปีของพานาโซนิคในประเทศไทย บริษัทมีแคมเปญการตลาดต่อเนื่อง จากที่ผ่านมามีทั้งแคมเปญ เครื่องปรับอากาศ และตู้เย็น ล่าสุดเปิดตัวเครื่องทำน้ำอุ่นรุ่นใหม่ "พานาโซนิค เมจิค เฮลท์" ด้วยเทคโนโลยี e-CYCLE ระบบควบคุมการจ่ายน้ำร้อนสลับน้ำเย็น ระดับราคาต่ำสุดอยู่ที่ 2,990 บาท สูงสุดที่ 6,990 บาท โดยใช้งบการตลาด 10% ของยอดขายเพื่อทำโฆษณาและกิจกรรมการตลาด ตั้งเป้าสิ้นปีมีส่วนแบ่งการตลาดเครื่องทำน้ำอุ่นเพิ่มขึ้นเป็น 50% จากปัจจุบันอยู่ที่ 46-47% ของตลาดรวมเครื่องทำน้ำอุ่นในปีนี้ 5 แสนเครื่อง เติบโตประมาณ 10-11% และสำหรับปลายปี จะมีแคมเปญใหญ่ ของกล้องลูมิค และทีวี อย่างต่อเนื่อง ด้าน นายโทรุ ชิมิซึ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด กล่าวว่า ภาวะน้ำท่วมจะส่งผลกระทบกับยอดขายรวมแน่นอน ซึ่งจะมีสินค้าทั้งกลุ่มกล้องดิจิตอล และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ อาทิ ทีวี โดยผู้ได้รับผลกระทบจะมีทั้งลูกค้า และตัวแทนจำหน่าย ตอนนี้กำลังเตรียมการว่าจะให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับความเดือดร้อนอย่างไรบ้าง ซึ่งแน่นอนจะมีเรื่องของการซ่อมแซ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เสียหาย ที่จะให้บริการฟรีค่าซ่อม และลดค่าอะไหล่ และยังมีการจัดสินค้าราคาพิเศษ สำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าของผู้บริโภคที่เสียหายซ่อมแซมไม่ได้ ซึ่งขณะนี้บริษัทกำลังประเมินความเสียหายอยู่ จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,677 9 - 12 ตุลาคม พ.ศ. 2554
โดย
kloysri
อังคาร ต.ค. 11, 2011 9:23 pm
0
0
Re: น้ำท่วมกดดัน บริษัท หรือ sector ไหนบ้าง
AREA ระบุ น้ำท่วมเป็นตัวเร่งวิกฤตตลาดอสังหาริมทรัพย์เร็วขึ้น 1 ปีในปี 2555 ที่จะถึงนี้Share ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (AREA) ระบุว่า น้ำท่วมใหญ่ในปีนี้อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างรุนแรงจนใกล้เคียงกับ ปี พ.ศ.2540 ทุกฝ่ายควรมีแผนตั้งรับ ความเสียหายของนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนครที่มีโรงงาน 44 แห่ง และนิคมอุตสาหกรรมโรจนะที่มีโรงงานอีก 150 แห่ง เป็นลางร้ายสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงแผนการป้องกันน้ำท่วมที่อ่อนแอ ที่ทุกฝ่ายมุ่งเน้นช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วม จนอาจหลงลืมการวางแผนป้องกันภาคธุรกิจเอกชน ที่เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชาติ ปล่อยให้ภาคเอกชนดำเนินการตามอัตภาพเอง การป้องกันน้ำท่วมให้กับนิคมอุตสาหกรรมของภาคเอกชน ไม่ใช่หมายถึงการช่วยเหลือ ‘นายทุน’ แต่หมายถึงการปกป้องกลไกเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ บางท่านอาจคิดเห็นว่าควรให้น้ำท่วมกรุงเทพมหานครเพื่อ ‘เฉลี่ยทุกข์’ ซึ่งอาจเป็นการคิดตามอำเภอใจหรือเป็นไปตามอารมณ์ความรู้สึกในห้วงน้ำท่วม แต่หากในเร็ววันนี้เกิดน้ำท่วมใหญ่เข้าสู่เขตชั้นในของกรุงเทพมหานคร เมื่อนั้นก็จะทำให้โครงสร้างพื้นฐานของมหานครแห่งนี้ที่สร้างสมมาเป็นมูลค่านับล้านล้านบาท เสียหายลงได้ ซึ่งเป็นการทำลายสมองหรือศูนย์รวมประสาทของประเทศ ทำให้การทำการหน้าที่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหยุดชะงักลง ก่อความเสียหายให้กับประเทศชาติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากนักลงทุนต่างชาติที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมย้ายฐานการผลิต หรือฐานสำนักงานสาขาไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม มาเลเซีย หรืออื่น ๆ ก็จะยิ่งทำให้เศรษฐกิจของไทยเสื่อมทรุดลง ทั้งนี้เพราะเศรษฐกิจของไทยขึ้นอยู่กับการส่งออก ไม่ใช่การใช้สอยกันภายในประเทศแบบ ‘อัฐยายซื้อขนมยาย’ ตามคำโฆษณาชวนเชื่อ ดังนั้นที่บางท่านอาจให้ข้อสังเกตว่าหลังน้ำท่วมใหญ่ กิจการก่อสร้าง ซ่อมแซมสาธารณูปโภคจะเติบโตขนานใหญ่ แต่กิจการเหล่านี้ก็มีการหน้าที่เพียงเพื่อ ‘ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ’ ไปเท่านั้น ไม่ได้มีบทบาทในการเพิ่มความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจแต่อย่างใด ผลกระทบของน้ำท่วมครั้งนี้ อาจส่งผลให้เศรษฐกิจเสื่อมทรุดลงทันที โดยทั้งนี้คนทำงานในกรุงเทพมหานครและคนงานโรงงานต่าง ๆ อาจตกงานหรือได้ค่าจ้างลดลงจากความสามารถในการส่งออกที่ลดลงไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง รายได้หลักของครัวเรือนในชนบทมักได้จากการผลิตภาคการเกษตรเพียงส่วนน้อย แต่ส่วนมากได้จากการส่งเงินจากลูกหลานผู้ทำงานในภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลไปยังชนบท รวมทั้งเงินตราจากการทำงานในต่างประเทศอีกส่วนหนึ่ง หากมีคนตกงานหรือมีรายได้ลดลงนับแสน ๆ คน ก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นทำเลที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมอาจเปลี่ยนไปเป็นภาคตะวันออกหรือบริเวณอื่นที่ไม่ใช่ที่ราบลุ่ม ทำให้ทำเลซื้อที่อยู่อาศัยอาจเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน ที่ดินบริเวณที่ต่อไปอาจเป็นพื้นที่น้ำท่วม ‘ซ้ำซาก’ อาจมีราคาลดลงได้ ดังนั้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่เหล่านี้จึงอาจได้รับผลกระทบเชิงลบได้โดยตรง ที่สำคัญที่สุดก็คือ หากเศรษฐกิจตกต่ำลง การผิดนัดสัญญาโอนบ้าน การผิดนัดสัญญาผ่อนส่งบ้าน ก็จะเกิดขึ้น สถาบันการเงินที่ต่างแข่งขันกันอำนวยสินเชื่อกันอย่างประมาท ณ ระดับ 100% ของมูลค่าตลาดในช่วง 2-3 ปีหลังมานี้ ก็อาจได้รับความเสียหายไปด้วย หากบริษัทผู้ประกอบการประสบปัญหาในการขายบ้านและปิดกิจการลง สถาบันการเงินก็อาจสะดุดหยุดลงเช่นกัน จากประสบการณ์ใน พ.ศ.2540 ปรากฏว่า ผู้ผ่อนบ้านหลายรายยินดีที่จะทิ้งการผ่อนส่งบ้าน แต่ไม่ทิ้งการผ่อนส่งรถเพื่อเก็บไว้เป็นเครื่องมือการผลิต เช่น การ ‘เปิดท้ายขายของ’ เป็นต้น ในสถานการณ์นี้ ผู้ซื้อบ้านที่ดีที่จองซื้อบ้านกับโครงการต่าง ๆ โดยไม่ได้รับมาตรการการคุ้มครองผู้ซื้อเพราะไม่มีการนำพระราชบัญญัติคุ้มครองคู่สัญญา (Escrow Account) มาใช้ ก็อาจจะได้รับความเดือดร้อนไปด้วย อาจซ้ำรอยเมื่อ พ.ศ.2540 ที่เกิดกรณีซื้อบ้านแล้วได้แต่กระดาษ (สัญญาซื้อบ้าน) หรือได้แต่เสาบ้าน (สร้างบ้านไม่เสร็จตามสัญญา) ดังนั้นจึงอาจเกิดข้อกังวลว่า ธุรกิจที่อยู่อาศัยที่กำลังได้รับความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นอย่างสูงจากบรรดาผู้ประกอบการในขณะนี้ อาจพังทลายลงตามภาวะเศรษฐกิจที่สะดุดลงอย่างกะทันหันด้วยวิกฤติน้ำท่วมที่รุนแรงและทอดระยะเวลายาวนานเกินความคาดหมาย ดังนั้นวิกฤตตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ทาง AREA คาดการณ์ไว้ว่าจะเกิดขึ้นใน พ.ศ.2556 อาจเกิดขึ้นเร็วกว่ากำหนด 1 ปี ในสถานการณ์ขณะนี้ ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จึงควรทบทวนแผนกลยุทธ์ของบริษัทของตนเองเสียใหม่ โอกาสที่จะเพิ่มการผลิตปีละ 20-30% อาจมีความเป็นไปได้น้อยลง วิกฤติเศรษฐกิจ พ.ศ.2540 ได้ให้ข้อสรุปแก่ผู้ประกอบการว่า หากสามารถคาดเดาถึงวิกฤติได้ล่วงหน้า การหยุดการผลิตเพิ่ม การเร่งขายสินค้าที่ยังมีอยู่ในมือ การใช้หนี้ให้หมดโดยเร็ว อาจเป็นทางออกสำคัญในการป้องกันปัญหาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ ดร.โสภณกล่าวด้วยว่า หวังว่าตนเองจะคาดการณ์สถานการณ์นี้ผิด เพื่อให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังเติบโตต่อเนื่องตามที่ควรจะเป็น http://www.prachachat.net/news_detail.p ... &subcatid=
โดย
kloysri
อังคาร ต.ค. 11, 2011 9:08 pm
0
0
Re: 'อสังหาฯ'เสี่ยงวิกฤติลูกโซ่หวั่นน้ำท่วมฉุดเศรษฐกิจ!!!!!!
AREA ระบุ น้ำท่วมเป็นตัวเร่งวิกฤตตลาดอสังหาริมทรัพย์เร็วขึ้น 1 ปีในปี 2555 ที่จะถึงนี้Share ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (AREA) ระบุว่า น้ำท่วมใหญ่ในปีนี้อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างรุนแรงจนใกล้เคียงกับ ปี พ.ศ.2540 ทุกฝ่ายควรมีแผนตั้งรับ ความเสียหายของนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนครที่มีโรงงาน 44 แห่ง และนิคมอุตสาหกรรมโรจนะที่มีโรงงานอีก 150 แห่ง เป็นลางร้ายสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงแผนการป้องกันน้ำท่วมที่อ่อนแอ ที่ทุกฝ่ายมุ่งเน้นช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วม จนอาจหลงลืมการวางแผนป้องกันภาคธุรกิจเอกชน ที่เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชาติ ปล่อยให้ภาคเอกชนดำเนินการตามอัตภาพเอง การป้องกันน้ำท่วมให้กับนิคมอุตสาหกรรมของภาคเอกชน ไม่ใช่หมายถึงการช่วยเหลือ ‘นายทุน’ แต่หมายถึงการปกป้องกลไกเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ บางท่านอาจคิดเห็นว่าควรให้น้ำท่วมกรุงเทพมหานครเพื่อ ‘เฉลี่ยทุกข์’ ซึ่งอาจเป็นการคิดตามอำเภอใจหรือเป็นไปตามอารมณ์ความรู้สึกในห้วงน้ำท่วม แต่หากในเร็ววันนี้เกิดน้ำท่วมใหญ่เข้าสู่เขตชั้นในของกรุงเทพมหานคร เมื่อนั้นก็จะทำให้โครงสร้างพื้นฐานของมหานครแห่งนี้ที่สร้างสมมาเป็นมูลค่านับล้านล้านบาท เสียหายลงได้ ซึ่งเป็นการทำลายสมองหรือศูนย์รวมประสาทของประเทศ ทำให้การทำการหน้าที่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหยุดชะงักลง ก่อความเสียหายให้กับประเทศชาติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากนักลงทุนต่างชาติที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมย้ายฐานการผลิต หรือฐานสำนักงานสาขาไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม มาเลเซีย หรืออื่น ๆ ก็จะยิ่งทำให้เศรษฐกิจของไทยเสื่อมทรุดลง ทั้งนี้เพราะเศรษฐกิจของไทยขึ้นอยู่กับการส่งออก ไม่ใช่การใช้สอยกันภายในประเทศแบบ ‘อัฐยายซื้อขนมยาย’ ตามคำโฆษณาชวนเชื่อ ดังนั้นที่บางท่านอาจให้ข้อสังเกตว่าหลังน้ำท่วมใหญ่ กิจการก่อสร้าง ซ่อมแซมสาธารณูปโภคจะเติบโตขนานใหญ่ แต่กิจการเหล่านี้ก็มีการหน้าที่เพียงเพื่อ ‘ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ’ ไปเท่านั้น ไม่ได้มีบทบาทในการเพิ่มความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจแต่อย่างใด ผลกระทบของน้ำท่วมครั้งนี้ อาจส่งผลให้เศรษฐกิจเสื่อมทรุดลงทันที โดยทั้งนี้คนทำงานในกรุงเทพมหานครและคนงานโรงงานต่าง ๆ อาจตกงานหรือได้ค่าจ้างลดลงจากความสามารถในการส่งออกที่ลดลงไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง รายได้หลักของครัวเรือนในชนบทมักได้จากการผลิตภาคการเกษตรเพียงส่วนน้อย แต่ส่วนมากได้จากการส่งเงินจากลูกหลานผู้ทำงานในภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลไปยังชนบท รวมทั้งเงินตราจากการทำงานในต่างประเทศอีกส่วนหนึ่ง หากมีคนตกงานหรือมีรายได้ลดลงนับแสน ๆ คน ก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นทำเลที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมอาจเปลี่ยนไปเป็นภาคตะวันออกหรือบริเวณอื่นที่ไม่ใช่ที่ราบลุ่ม ทำให้ทำเลซื้อที่อยู่อาศัยอาจเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน ที่ดินบริเวณที่ต่อไปอาจเป็นพื้นที่น้ำท่วม ‘ซ้ำซาก’ อาจมีราคาลดลงได้ ดังนั้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่เหล่านี้จึงอาจได้รับผลกระทบเชิงลบได้โดยตรง ที่สำคัญที่สุดก็คือ หากเศรษฐกิจตกต่ำลง การผิดนัดสัญญาโอนบ้าน การผิดนัดสัญญาผ่อนส่งบ้าน ก็จะเกิดขึ้น สถาบันการเงินที่ต่างแข่งขันกันอำนวยสินเชื่อกันอย่างประมาท ณ ระดับ 100% ของมูลค่าตลาดในช่วง 2-3 ปีหลังมานี้ ก็อาจได้รับความเสียหายไปด้วย หากบริษัทผู้ประกอบการประสบปัญหาในการขายบ้านและปิดกิจการลง สถาบันการเงินก็อาจสะดุดหยุดลงเช่นกัน จากประสบการณ์ใน พ.ศ.2540 ปรากฏว่า ผู้ผ่อนบ้านหลายรายยินดีที่จะทิ้งการผ่อนส่งบ้าน แต่ไม่ทิ้งการผ่อนส่งรถเพื่อเก็บไว้เป็นเครื่องมือการผลิต เช่น การ ‘เปิดท้ายขายของ’ เป็นต้น ในสถานการณ์นี้ ผู้ซื้อบ้านที่ดีที่จองซื้อบ้านกับโครงการต่าง ๆ โดยไม่ได้รับมาตรการการคุ้มครองผู้ซื้อเพราะไม่มีการนำพระราชบัญญัติคุ้มครองคู่สัญญา (Escrow Account) มาใช้ ก็อาจจะได้รับความเดือดร้อนไปด้วย อาจซ้ำรอยเมื่อ พ.ศ.2540 ที่เกิดกรณีซื้อบ้านแล้วได้แต่กระดาษ (สัญญาซื้อบ้าน) หรือได้แต่เสาบ้าน (สร้างบ้านไม่เสร็จตามสัญญา) ดังนั้นจึงอาจเกิดข้อกังวลว่า ธุรกิจที่อยู่อาศัยที่กำลังได้รับความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นอย่างสูงจากบรรดาผู้ประกอบการในขณะนี้ อาจพังทลายลงตามภาวะเศรษฐกิจที่สะดุดลงอย่างกะทันหันด้วยวิกฤติน้ำท่วมที่รุนแรงและทอดระยะเวลายาวนานเกินความคาดหมาย ดังนั้นวิกฤตตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ทาง AREA คาดการณ์ไว้ว่าจะเกิดขึ้นใน พ.ศ.2556 อาจเกิดขึ้นเร็วกว่ากำหนด 1 ปี ในสถานการณ์ขณะนี้ ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จึงควรทบทวนแผนกลยุทธ์ของบริษัทของตนเองเสียใหม่ โอกาสที่จะเพิ่มการผลิตปีละ 20-30% อาจมีความเป็นไปได้น้อยลง วิกฤติเศรษฐกิจ พ.ศ.2540 ได้ให้ข้อสรุปแก่ผู้ประกอบการว่า หากสามารถคาดเดาถึงวิกฤติได้ล่วงหน้า การหยุดการผลิตเพิ่ม การเร่งขายสินค้าที่ยังมีอยู่ในมือ การใช้หนี้ให้หมดโดยเร็ว อาจเป็นทางออกสำคัญในการป้องกันปัญหาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ ดร.โสภณกล่าวด้วยว่า หวังว่าตนเองจะคาดการณ์สถานการณ์นี้ผิด เพื่อให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังเติบโตต่อเนื่องตามที่ควรจะเป็น http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1318249494&grpid=&catid=07&subcatid=
โดย
kloysri
อังคาร ต.ค. 11, 2011 9:07 pm
0
0
Re: น้ำท่วมกดดัน บริษัท หรือ sector ไหนบ้าง
อสังหาริมทรัพย์ วันที่ 11 ตุลาคม 2554 09:00'อสังหาฯ'เสี่ยงวิกฤติลูกโซ่หวั่นน้ำท่วมฉุดเศรษฐกิจ โดย : โต๊ะข่าวธุรกิจการตลาด เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในจังหวัดภาคกลางขณะนี้ สร้างความกังวลต่อเนื่องในหลายมิติ ขณะที่ทุกฝ่ายต่างมุ่งช่วยเหลือทางมนุษยธรรม แก่ชาวบ้านที่ประสบภัยน้ำท่วม ในอีกมุมหนึ่ง ก็มีเสียงเรียกร้องว่า รัฐควรมีการวางแผนป้องกันภาคธุรกิจเอกชน ที่เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชาติไม่เช่นนั้น ปัญหาเศรษฐกิจครั้งร้ายแรงอาจเกิดตามมา นายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียล เอสเตท แอฟแฟร์ส กล่าวว่า น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างรุนแรงใกล้เคียงกับ พ.ศ. 2540 เลยทีเดียว โดยเฉพาะความเสียหายที่เกิดกับ นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร ที่มีโรงงาน 44 แห่ง และ สวนอุตสาหกรรมโรจนะมีโรงงานอีก 150 แห่ง ได้รับผลกระทบ หากทำให้นักลงทุนต่างชาติที่ได้รับความเสียหาย ตัดสินใจย้ายฐานการผลิต หรือฐานสำนักงานสาขาไปอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม มาเลเซีย ฯลฯ จะยิ่งทำให้เศรษฐกิจของไทยทรุดลง เนื่องจากเศรษฐกิจไทยขึ้นอยู่กับการส่งออกเป็นหลัก ส่วนกรณีที่บางท่านให้ข้อสังเกตว่า หลังน้ำท่วมใหญ่ กิจการก่อสร้าง ซ่อมแซมสาธารณูปโภคจะเติบโตแต่กิจการเหล่านี้ก็มีการหน้าที่เพียงเพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอไปเท่านั้น ไม่ได้มีบทบาทในการเพิ่มความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจของประเทศได้ ที่น่ากลัวคือผลกระทบน้ำท่วมครั้งนี้ อาจส่งผลให้เศรษฐกิจทรุดทันที มีคนตกงานจำนวนมาก ความสามารถในการส่งออกลดลง ทำเลที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมอาจเปลี่ยนไป เป็นภาคตะวันออก หรือบริเวณอื่นที่ไม่ใช่ที่ราบลุ่ม ทำให้ทำเลซื้อที่อยู่อาศัยอาจเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ที่ดินบริเวณที่ต่อไปอาจเป็นพื้นที่น้ำท่วม ‘ซ้ำซาก’ อาจมีราคาลดลง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่เหล่านี้ จึงอาจได้รับผลกระทบเชิงลบโดยตรง ที่สำคัญ หากเศรษฐกิจตกต่ำลง การผิดนัดสัญญาโอนบ้าน การผิดนัดสัญญาผ่อนส่งบ้านจะเกิดขึ้น สถาบันการเงินที่ต่างแข่งขันกันอำนวยสินเชื่อกันอย่างประมาท ที่วงเงิน 100% ของมูลค่าตลาดในช่วง 2-3 ปีหลังมานี้ อาจได้รับความเสียหายไปด้วย หากบริษัทผู้ประกอบการประสบปัญหาในการขายบ้านและปิดกิจการลง สถาบันการเงิน ก็อาจสะดุดหยุดลงเช่นกัน นายโสภณ กล่าวว่า จากประสบการณ์ใน พ.ศ. 2540 ช่วงที่เกิดปัญหาเศรษฐกิจ ผู้ผ่อนบ้านหลายรายยินดีที่จะทิ้งการผ่อนส่งบ้าน แต่ไม่ทิ้งการผ่อนส่งรถเพื่อเก็บไว้เป็นเครื่องมือการผลิต ซึ่งสถานการณ์นี้ ผู้ซื้อบ้านที่ดีที่จองซื้อบ้านกับโครงการต่างๆ โดยไม่ได้รับมาตรการการคุ้มครองผู้ซื้อเพราะไม่มีการนำพระราชบัญญัติคุ้มครองคู่สัญญา (Escrow Account) มาใช้ ก็อาจจะได้รับความเดือดร้อนไปด้วย อาจซ้ำรอยเมื่อ พ.ศ. 2540 ที่เกิดกรณีซื้อบ้านแล้วได้แต่กระดาษ (สัญญาซื้อบ้าน) หรือได้แต่เสาบ้าน (สร้างบ้านไม่เสร็จตามสัญญา) ธุรกิจที่อยู่อาศัยที่กำลังได้รับความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นอย่างสูงจากผู้ประกอบการในขณะนี้ อาจพังทลายลงตามภาวะเศรษฐกิจที่สะดุดลงกะทันหันด้วยวิกฤติน้ำท่วมรุนแรงและต่อเนื่องยาวนานเกินคาด ดังนั้นวิกฤติตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่ เอเจนซี่ ฟอร์ เรียล เอสเตทฯ เคยคาดการณ์ไว้ว่าจะเกิดขึ้นใน พ.ศ. 2556 อาจเกิดขึ้นเร็วกว่ากำหนด 1 ปี "สถานการณ์ขณะนี้ ผู้ประกอบการอสังหาฯ จึงควรทบทวนแผนกลยุทธ์ของตนเองใหม่ เพราะโอกาสที่จะเพิ่มการผลิตปีละ 20-30% อาจมีความเป็นไปได้น้อยลง เรียนรู้จากวิกฤติเศรษฐกิจ พ.ศ. 2540 เมื่อคาดเดาถึงวิกฤติได้ล่วงหน้า ควรหยุดผลิตเพิ่ม หันมาเร่งขายสินค้าในมือ ใช้หนี้ให้หมดโดยเร็ว จะเป็นทางออกที่ดีเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต" http://bit.ly/pzWyLS
โดย
kloysri
อังคาร ต.ค. 11, 2011 8:30 pm
0
0
Re: 3G เลื่อนอีกแล้ว น่าเบื่อจริงๆ###################
AIS-DTAC-TRUEป่วน! ไอซีทีสรุปเลิกสัมปทาน ไอซีทีเล็งส่งสรุปผลยกเลิกสัญญาสัมปทานเข้า ครม. อย่างเร็วสัปดาห์หน้า ระบุยึดมติตามคณะกรรมการมาตรา 22 น.อ.อนุดิษฐ์ ส่ง จีราวรรณ เป็นประธานที่ปรึกษาดูภาพรวมการใช้งานโครงข่ายร่วมทีโอที-กสทฯ ลั่นดำเนินการได้ทันที กสทช. เผย 2 ภารกิจเร่งด่วน ตารางบริหารความถี่วิทยุแห่งชาติ-แผนแม่บทโทรคมนาคม ข่าวหุ้น 10/10/2011
โดย
kloysri
จันทร์ ต.ค. 10, 2011 8:04 am
0
0
Re: Thailand’s Floods Threaten Capital Bangkok, : BLOOMBERG
เจอดับเบิ้ลแบล็กมันเดย์ จับตากรีซอาจล้มละลาย ทั้งวิกฤตฟองสบู่ทองคำ! รอให้สะเด็ดน้ำค่อยเก็บ หุ้นไทยอยู่ในภาวะ "ดับเบิ้ลแบล็กมันเดย์" แต่ถือว่าปรับฐานลงมาใกล้เคียงกับตลาดต่างปท.แล้ว แนะจับตาวิกฤตกรีซ ที่หากเจอภาวะล้มละลาย เพราะยุโรปไม่ช่วย พ่วงฟองสบู่ทองคำ อาจได้เห็นร่วงแรงอีก 20% จึงควรรอให้สะเด็ดน้ำก่อน แล้วค่อยเข้าไปเก็บของ วันที่ 3 ต.ค. 2554 นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ "ไทยอินไซเดอร์" และนักลงทุนรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวผ่านรายการ "อินไซด์ตลาดหุ้น" ทางช่อง Spring News ว่า ตลาดหุ้นที่ผ่านมาจนถึงเวลานี้ เป็นช่วง "ดับเบิ้ลแบล็กมันเดย์" (Double Black Monday) แล้วยังโดนกรณีปลั๊กหลุด วันนี้ก็โดนเยอะ ปิดตลาดภาคเช้าก็ลงไป 40.98 จุด หรือคิดเป็น -4.47% แต่ถ้าเทียบกับตลาดหุ้นทั่วโลก ถือว่าปรับฐานมาใกล้เคียงกับต่างประเทศที่ลงมาแล้ว 20% นายเอกยุทธ กล่าวด้วยว่า แต่ของไทย ยังมีปัญหาเรื่องค่าเงินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยบางวันลงแรง เพราะกองทุนที่ถือเงินบาท ก็ต้องป้องกันตัวเอง ก็เลยมีการเปลี่ยนสถานะกันไปเยอะ เดิมทีที่คาดว่าจะมี "วินโดรว์ เดรสซิ่ง" ก็มีเพียง 2-3 ชั่วโมง แต่แล้วก็พังกันหมด "โอกาสเป็นช่วงขาลงมากแล้วในขณะนี้ อย่างวันนี้ที่ยุโรปจะประชุมเพื่อช่วยเหลือกรีซ แต่เยอรมันก็บอกแล้วว่าจะไม่ให้เงินเพิ่มอีกแล้ว ถ้าไม่มีใครลงเพิ่ม และกรีซกู้เงินเพิ่มไม่ได้ ก็อาจจะเจอสถานะล้มละลาย ถึงเวลานั้น ก็จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก โดยรอบนี้อาจมีลงถึง 20% เพราะเป็นฟองสบู่ทองคำด้วย โดยจากราคาที่ก่อนจะประกาศล้มละลาย สมมติดัชนีหุ้นไทยอยู่ที่ระดับ 880 จุด ก็อาจเห็นอีกร่วง 20% คืออาจหล่นไปที่ระดับ 680-740 จุด คิดว่าค่อนข้างมีความเป็นไปได้สูง นักลงทุนต้องระวังให้ดี"นายเอกยุทธกล่าว นายเอกยุทธ กล่าวต่อว่า แต่ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุะนระยะยาว ที่ทยอยซื้อสะสมมาตลอด เพราะ ณ วันนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปเยอะ เดิมทีมีแนวโน้มที่ยุโรปจะร่วมมือกัน แต่วันนี้อาจจะแตกกัน หากเกิดวิกฤตจริง จะมีธนาคารหลายแห่งล้มเหมือนที่เกิดขึ้นที่อเมริกาเคยล้ม จึงอย่ารีบซื้อเมื่อมีเหตุการณ์ ถ้าหุ้นเริ่มตก อย่าเพิ่งไปรีบซื้อ เพราะมันยังลงได้อีก และฝรั่งเศสก็จะหนัก ตามด้วยเยอรมัน และอังกฤษ ดังนั้นที่รมว.คลังบอกไทยไม่กระทบ มันเป็นไปไม่ได้ "อย่าลืมว่า ตลาดทุนเป็นตลาดคาดหวัง พื้นฐานเป็นเพียงข้ออ้างอิง เป็นจิตวิทยาเท่านั้น การปลอบใจว่าพื้นฐานดี ก็ต้องระวัง ตลาดบ้านเราจะถูกฟอร์ตเซลล์ สำหรับคนเล่นมาร์จิ้น สัปดาห์ก่อนโดนไปหลายหมื่นล้านบาท และผู้ลงทุนที่อยู่ในกองทุนต่างๆ ก็จะ Panic (ตื่นตระหนก) ใครถอนได้ก็จะถอน และเหตุการณ์นี้ก็จะเกิดในบ้านเรา อย่างก่อนหน้านี้ หลายคนแนะนำให้ซื้อทอง ผมก็บอกแล้ววว่า เสี่ยงมากแล้ว และมันก็ลงมาจริงๆ คนขาดทุนก็อาจเริ่มทยอยขาย และหาเงินสดเก็บไว้ เพราะสิ้นปีคงเตรียมการกันไว้เยอะ ช่วงนี้คงแย่แล้ว"นายเอกยุทธกล่าว เมื่อถามว่า ข้อมูลจากกรีซ ที่ออกมาตรการรัดเข็มขัด ตัดลดงบประมาณ ให้ดูจริงจัง เพื่อขอรับความช่วยเหลือ นายเอกยุทธ ตอบว่า มีหลายประเทศมองอยู่ เพราะหลายประเทศก็กำลังดูว่า โครงสร้างการชำระหนี้ที่เขียนมาเป็นอย่างไร แต่รัฐบาลกรีซก็ต้องเอาใจประชานิยม และเขียนแผนโครงสร้างชำระหนี้ให้ดูดี ซึ่งโอกาสจะแตกและเสี่ยงมีแน่นอน เพราะกรีซจะต้องผิดนัดชำระหนี้ ขณะที่ไอร์แลนด์-อิตาลี-โปรตุเกส ก็จะมีผลกระทบตาม และธนาคารที่ซื้อพันธบัตรพวกนี้ไว้ จะเจ็บตัว และต้องล้ม ถึงเวลานั้น...อะไรจะเกิดขึ้น นายเอกยุทธ กล่าวย้ำด้วยว่า แม้โครงสร้างทางเศรษฐกิจไทย จะไม่เกี่ยวกับต่างประเทศมากนัก โดยเฉพาะที่ยุโรป แต่ถ้าพูดถึงจิตวิทยาการลงทุน มันไปแล้ว เพราะเป็นความเชื่อของคน อย่างทองคำที่ขึ้น คนก็เชื่อจะไปถึง 2,200 เหรียญ แต่ 100 คนไม่ใช่จะกำไรหมด วันนี้ลงต้องลงอีกแน่ บางคนก็ต้องตัดใจ ถ้ามีเงินสดในมือ แนะนำว่า ให้วิกฤตกรีซ "สะเด็ดน้ำก่อน" ถ้าแตกแล้ว โอกาสลงอีกเยอะ จึงควรรอให้ข่าวกรีซจบก่อน แล้วค่อยเก็บของ ดูว่าลมแรงแค่ไหน รอข่าวสะเด็ดน้ำสัก 2-3 สัปดาห์ ก็คงไม่สายที่จะเข้าไปเก็บของ แต่ถ้า ณ วันนี้ใครมีกำไรขายเลย หรือว่าขาดทุนนิดหน่อย ก็ Cut Lost (ยอมขาดทุน) ไปเลย เพราะวันนี้ต้องปรับมุมมองใหม่ โอกาสได้เห็น 1,200 จุดเมื่อสิ้นปี คงยากแล้ว "ท้ายสุดขอฝากถึงรมว.คลัง อย่าเพิ่งพูดหลายๆ เรื่องอะไรออกมาที่จะกระทบจิตใจ เพราะสถานการณ์เวลานี้ รอดีกว่า เพราะกระทบจิตใจนักลงทุน ต่างประเทศก็กังวลอีก ถือว่าพูดไม่ได้จังหวะ ถ้าจะทำจริงๆ แล้วค่อยพูดดีกว่า"นายเอกยุทธกล่าวทิ้งท้าย ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
โดย
kloysri
จันทร์ ต.ค. 10, 2011 4:11 am
0
0
Re: Thailand’s Floods Threaten Capital Bangkok, : BLOOMBERG
เจอดับเบิ้ลแบล็กมันเดย์ จับตากรีซอาจล้มละลาย ทั้งวิกฤตฟองสบู่ทองคำ! รอให้สะเด็ดน้ำค่อยเก็บ หุ้นไทยอยู่ในภาวะ "ดับเบิ้ลแบล็กมันเดย์" แต่ถือว่าปรับฐานลงมาใกล้เคียงกับตลาดต่างปท.แล้ว แนะจับตาวิกฤตกรีซ ที่หากเจอภาวะล้มละลาย เพราะยุโรปไม่ช่วย พ่วงฟองสบู่ทองคำ อาจได้เห็นร่วงแรงอีก 20% จึงควรรอให้สะเด็ดน้ำก่อน แล้วค่อยเข้าไปเก็บของ วันที่ 3 ต.ค. 2554 นายเอกยุทธ อัญชันบุตร ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ "ไทยอินไซเดอร์" และนักลงทุนรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวผ่านรายการ "อินไซด์ตลาดหุ้น" ทางช่อง Spring News ว่า ตลาดหุ้นที่ผ่านมาจนถึงเวลานี้ เป็นช่วง "ดับเบิ้ลแบล็กมันเดย์" (Double Black Monday) แล้วยังโดนกรณีปลั๊กหลุด วันนี้ก็โดนเยอะ ปิดตลาดภาคเช้าก็ลงไป 40.98 จุด หรือคิดเป็น -4.47% แต่ถ้าเทียบกับตลาดหุ้นทั่วโลก ถือว่าปรับฐานมาใกล้เคียงกับต่างประเทศที่ลงมาแล้ว 20% นายเอกยุทธ กล่าวด้วยว่า แต่ของไทย ยังมีปัญหาเรื่องค่าเงินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยบางวันลงแรง เพราะกองทุนที่ถือเงินบาท ก็ต้องป้องกันตัวเอง ก็เลยมีการเปลี่ยนสถานะกันไปเยอะ เดิมทีที่คาดว่าจะมี "วินโดรว์ เดรสซิ่ง" ก็มีเพียง 2-3 ชั่วโมง แต่แล้วก็พังกันหมด "โอกาสเป็นช่วงขาลงมากแล้วในขณะนี้ อย่างวันนี้ที่ยุโรปจะประชุมเพื่อช่วยเหลือกรีซ แต่เยอรมันก็บอกแล้วว่าจะไม่ให้เงินเพิ่มอีกแล้ว ถ้าไม่มีใครลงเพิ่ม และกรีซกู้เงินเพิ่มไม่ได้ ก็อาจจะเจอสถานะล้มละลาย ถึงเวลานั้น ก็จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก โดยรอบนี้อาจมีลงถึง 20% เพราะเป็นฟองสบู่ทองคำด้วย โดยจากราคาที่ก่อนจะประกาศล้มละลาย สมมติดัชนีหุ้นไทยอยู่ที่ระดับ 880 จุด ก็อาจเห็นอีกร่วง 20% คืออาจหล่นไปที่ระดับ 680-740 จุด คิดว่าค่อนข้างมีความเป็นไปได้สูง นักลงทุนต้องระวังให้ดี"นายเอกยุทธกล่าว นายเอกยุทธ กล่าวต่อว่า แต่ถือเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุะนระยะยาว ที่ทยอยซื้อสะสมมาตลอด เพราะ ณ วันนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปเยอะ เดิมทีมีแนวโน้มที่ยุโรปจะร่วมมือกัน แต่วันนี้อาจจะแตกกัน หากเกิดวิกฤตจริง จะมีธนาคารหลายแห่งล้มเหมือนที่เกิดขึ้นที่อเมริกาเคยล้ม จึงอย่ารีบซื้อเมื่อมีเหตุการณ์ ถ้าหุ้นเริ่มตก อย่าเพิ่งไปรีบซื้อ เพราะมันยังลงได้อีก และฝรั่งเศสก็จะหนัก ตามด้วยเยอรมัน และอังกฤษ ดังนั้นที่รมว.คลังบอกไทยไม่กระทบ มันเป็นไปไม่ได้ "อย่าลืมว่า ตลาดทุนเป็นตลาดคาดหวัง พื้นฐานเป็นเพียงข้ออ้างอิง เป็นจิตวิทยาเท่านั้น การปลอบใจว่าพื้นฐานดี ก็ต้องระวัง ตลาดบ้านเราจะถูกฟอร์ตเซลล์ สำหรับคนเล่นมาร์จิ้น สัปดาห์ก่อนโดนไปหลายหมื่นล้านบาท และผู้ลงทุนที่อยู่ในกองทุนต่างๆ ก็จะ Panic (ตื่นตระหนก) ใครถอนได้ก็จะถอน และเหตุการณ์นี้ก็จะเกิดในบ้านเรา อย่างก่อนหน้านี้ หลายคนแนะนำให้ซื้อทอง ผมก็บอกแล้ววว่า เสี่ยงมากแล้ว และมันก็ลงมาจริงๆ คนขาดทุนก็อาจเริ่มทยอยขาย และหาเงินสดเก็บไว้ เพราะสิ้นปีคงเตรียมการกันไว้เยอะ ช่วงนี้คงแย่แล้ว"นายเอกยุทธกล่าว เมื่อถามว่า ข้อมูลจากกรีซ ที่ออกมาตรการรัดเข็มขัด ตัดลดงบประมาณ ให้ดูจริงจัง เพื่อขอรับความช่วยเหลือ นายเอกยุทธ ตอบว่า มีหลายประเทศมองอยู่ เพราะหลายประเทศก็กำลังดูว่า โครงสร้างการชำระหนี้ที่เขียนมาเป็นอย่างไร แต่รัฐบาลกรีซก็ต้องเอาใจประชานิยม และเขียนแผนโครงสร้างชำระหนี้ให้ดูดี ซึ่งโอกาสจะแตกและเสี่ยงมีแน่นอน เพราะกรีซจะต้องผิดนัดชำระหนี้ ขณะที่ไอร์แลนด์-อิตาลี-โปรตุเกส ก็จะมีผลกระทบตาม และธนาคารที่ซื้อพันธบัตรพวกนี้ไว้ จะเจ็บตัว และต้องล้ม ถึงเวลานั้น...อะไรจะเกิดขึ้น นายเอกยุทธ กล่าวย้ำด้วยว่า แม้โครงสร้างทางเศรษฐกิจไทย จะไม่เกี่ยวกับต่างประเทศมากนัก โดยเฉพาะที่ยุโรป แต่ถ้าพูดถึงจิตวิทยาการลงทุน มันไปแล้ว เพราะเป็นความเชื่อของคน อย่างทองคำที่ขึ้น คนก็เชื่อจะไปถึง 2,200 เหรียญ แต่ 100 คนไม่ใช่จะกำไรหมด วันนี้ลงต้องลงอีกแน่ บางคนก็ต้องตัดใจ ถ้ามีเงินสดในมือ แนะนำว่า ให้วิกฤตกรีซ "สะเด็ดน้ำก่อน" ถ้าแตกแล้ว โอกาสลงอีกเยอะ จึงควรรอให้ข่าวกรีซจบก่อน แล้วค่อยเก็บของ ดูว่าลมแรงแค่ไหน รอข่าวสะเด็ดน้ำสัก 2-3 สัปดาห์ ก็คงไม่สายที่จะเข้าไปเก็บของ แต่ถ้า ณ วันนี้ใครมีกำไรขายเลย หรือว่าขาดทุนนิดหน่อย ก็ Cut Lost (ยอมขาดทุน) ไปเลย เพราะวันนี้ต้องปรับมุมมองใหม่ โอกาสได้เห็น 1,200 จุดเมื่อสิ้นปี คงยากแล้ว "ท้ายสุดขอฝากถึงรมว.คลัง อย่าเพิ่งพูดหลายๆ เรื่องอะไรออกมาที่จะกระทบจิตใจ เพราะสถานการณ์เวลานี้ รอดีกว่า เพราะกระทบจิตใจนักลงทุน ต่างประเทศก็กังวลอีก ถือว่าพูดไม่ได้จังหวะ ถ้าจะทำจริงๆ แล้วค่อยพูดดีกว่า"นายเอกยุทธกล่าวทิ้งท้าย ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
โดย
kloysri
จันทร์ ต.ค. 10, 2011 4:10 am
0
0
Re: Thailand’s Floods Threaten Capital Bangkok, : BLOOMBERG
Bloomberg China Cuts Fuel Prices for First Time in 2011 as Oil Costs Fall October 08, 2011, 10:05 PM EDT By Bloomberg News Oct. 9 (Bloomberg) -- China cut fuel prices for the first time this year after crude oil costs plunged as the global economy slowed. Ex-factory gasoline was reduced by 300 yuan ($47.20) a metric ton, or 3.5 percent, starting today, and diesel was also lowered by 300 yuan, or 3.9 percent, the National Development and Reform Commission, the nation’s top economic planner, said in a statement on its website yesterday. The upper limit for retail gasoline dropped as much as 3.3 percent and diesel by 3.6 percent. Oil traded in New York fell about 24 percent since China last adjusted prices on April 6, while Brent crude, the benchmark for about half the world’s oil, slid 13 percent. China last reduced oil-product prices in June 2010 and has increased them four times, by about 20 percent, since then. “China hadn’t raised fuel prices enough when crude climbed to records in late-April and early May, amid concerns of inflation,” and this delayed any move to cut prices before now, the NDRC said in a separate statement on its website, citing comments from an official it didn’t identify. China adjusts gasoline, diesel and kerosene rates when the moving average of three crude grades comprising Brent, Dubai and Cinta changes more than 4 percent over 22 working days. The government may increase the frequency of fuel price adjustments and change the global crude price benchmarks it monitors, the NDRC said yesterday, without being specific. “China is unlikely to cut fuel prices further should the crude prices stay at the current levels,” Yin Xiaodong, the chief oil analyst at Beijing-based Citic Securities Co., said today by phone. Containing Inflation Lower fuel prices may help the country contain inflation. Consumer price growth eased from a three-year high to 6.2 percent in August, while industrial output slowed for a second month, giving policy makers more room to pause on monetary tightening as the economy cools and a global slowdown threatens exports and jobs. Chinese refiners will still face losses after the cut and the government has told oil companies to ensure supply, the planning agency said. China Petroleum & Chemical Corp. and PetroChina Co. are the country’s largest refiners. China is cutting fuel prices as tightness in domestic fuel supply eases. The government reduced fuel-oil import tariffs in July. It also pressured privately held refineries to increase processing, the official Xinhua News Agency said on Aug. 8, citing an unidentified NDRC official. --Dingmin Zhang, Bloomberg News, with assistance from Helen Yuan in Shanghai. Editors: Paul Tighe, Neil Western To contact Bloomberg News staff for this story: Dingmin Zhang in Beijing at
[email protected]
; Bloomberg News in Shanghai at
[email protected]
To contact the editor responsible for this story: Paul Gordon at
[email protected]
http://www.businessweek.com/news/2011-10-08/china-cuts-fuel-prices-for-first-time-in-2011-as-oil-costs-fall.html
โดย
kloysri
อาทิตย์ ต.ค. 09, 2011 2:19 pm
0
0
Re: Thailand’s Floods Threaten Capital Bangkok, : BLOOMBERG
Belgium’s Ratings Under Review by Moody’s QBy Dave Liedtka - Oct 8, 2011 4:01 AM GMT+0700 . Belgium’s Aa1 local- and foreign- currency ratings were placed under review for a downgrade by Moody’s Investors Service because of rising funding risks for euro region nations with high levels of debt and additional bank support measures which are likely to be needed. The review will focus on the vulnerabilities of the Belgian public debt in the current euro area sovereign crisis and potential costs and contingent liabilities that the government may incur in supporting Dexia SA (DEXB), Moody’s said in a statement today. Moody’s will also assess how the risks for the growth outlook of the economy and the government’s fiscal and economic plans may impact the country’s debt trajectory. The downgrade warning comes as France, Belgium and Luxembourg seek to protect their local banking units of Dexia from the debt crisis threatening the heart of Europe’s financial system. Belgian Prime Minister Yves Leterme said he’ll do whatever it takes to safeguard the bank in Belgium. Dexia’s troubled assets may total as much as 190 billion euros ($256 billion).
โดย
kloysri
อาทิตย์ ต.ค. 09, 2011 1:31 pm
0
0
Re: Thailand’s Floods Threaten Capital Bangkok, : BLOOMBERG
http://www.bloomberg.com/news/2011-10-07/thailand-floods-reach-crisis-level-threaten-bangkok-prime-minister-says.html
โดย
kloysri
อาทิตย์ ต.ค. 09, 2011 1:06 pm
0
0
Re: $$ รวมหุ้น Turnaround $$
PT http://www.set.or.th/dat/news/201108/11031000.pdf EPS ทั้งปีของ 2553 ทำได้ 0.20 bht แต่ EPS หกเดือนแรกของปี 2554 ทำได้ถึึง 0.18 แล้ว
โดย
kloysri
เสาร์ ก.ย. 24, 2011 7:47 am
0
2
Re: $$ รวมหุ้น Turnaround $$
PT http://www.set.or.th/dat/news/201108/11031000.pdf
โดย
kloysri
เสาร์ ก.ย. 24, 2011 7:39 am
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
kloysri
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
เสาร์ ก.ย. 24, 2011 6:39 am
ใช้งานล่าสุด:
จันทร์ ต.ค. 17, 2011 12:48 am
โพสต์ทั้งหมด:
125 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.01% จากโพสทั้งหมด / 0.03 ข้อความต่อวัน)
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว