หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
birdduckwater
Joined: อาทิตย์ มิ.ย. 12, 2011 12:59 am
25
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - birdduckwater
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: หนังสือ Warren Buffet Invest Like A Girl แปลไทยแล้วนะครั
โอ่ววว...รูปมันใหญ่มากกก = =''
โดย
birdduckwater
เสาร์ มี.ค. 10, 2012 7:52 pm
0
0
Re: ลอกคราบ วอเรน บัฟเฟต (Warren Buffet)
เป็นบทความที่เขียนได้เนียนดีทีเดียวคับ...พยายามจับโน่นโยงนี่เพื่อสร้างเหตุผลให้ผู้อ่านคล้อยตาม...แต่ผมเชื่อว่า คนเขียนอาจจะไม่ใช่แฟนตัวยงของปู่เท่าไหร่ หุหุ = ='' จากที่อ่านมาขอแสดงความเห็นซัก 3-4 ข้อ ดังนี้คับ 1. Centralize ในเชิงการเงิน แต่ De-centralize ในเชิงบริหาร อันนี้เห็นภาพครับ...ชอบมาก เป็นการแสดงตัวตนที่แท้จริงของปู่เลย 2. Holding company เป็นกาฝากในระบอบทุนนิยม...อันนี้ไม่เห็นด้วยคับ เพราะบริษัทเหล่านี้ ก็ทำหน้าที่ไม่ต่างอะไรกับผู้ถือหุ้นรายย่อย "คือถือหุ้น" ที่คอยสนับสนุนบริษัทด้วยการเข้าถือหุ้น ถ้าบริษัทเหล่านี้คือกาฝาก ผู้ถือหุ้นทั้งมวลก็ไม่ต่างอะไรกับกาฝากคับ = ='' 3. ปู่สร้างภาพ ด้วยการบริจาคเงิน...เรื่องนี้ผมคิดว่า ถ้ามันเป็นการสร้างภาพจริง ก็ปล่อยให้ปู่เค้าสร้างไปเหอะคับ เพราะเงินก็ไปถึงผู้ยากไร้จริง เรื่องนี้ผมไม่อยากมองที่ objective แต่อยากให้ดูที่ outcome มากกว่า และ 4. ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้คนนึงของปู่บัฟคับ ผมไม่คัดค้านในสิ่งที่ผู้เขียนได้เล่ามา เพียงแต่ผมไม่เห็นด้วยไปซะทั้งหมด และถึงแม้ปู่จะมีภาพของนักลงทุนที่พยายามทุกวิถีทางเพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง...แต่สิ่งสำคัญสุด ก็ต้องไม่ลืมคับว่า นี่เป็นเกมการเงิน ในประเทศทุนนิยมสุดขั้วอย่างอเมริกา...กฎของมันก็คือ ใครเก่งกว่า เก๋ากว่า ก็อยู่รอด... และสุดท้าย...ผมก็ไม่เห็นว่า เรื่องนี้มันจะทำให้ใครเดือดร้อน นอกจาก คุณทักษ์ศิล เจ้าของบทความ = =''
โดย
birdduckwater
จันทร์ ธ.ค. 05, 2011 11:36 pm
0
0
Re: รับปรึกษาปัญหาเหงือกและฟัน แลกกับความรู้การลงทุนค้าบ
หวัดดีคร้าบคุณ mentalist ผมก็เรียนมาทางนี้เหมือนกันครับ ตอนนี้ผมยังเป็นนักศึกษาทันตแพทย์ ปี 6 อยู่ที่ ม.สงขลานครินทร์ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับผม
โดย
birdduckwater
จันทร์ ส.ค. 22, 2011 1:20 am
0
0
Re: (หนังสือ) snow ball
ขอบคุณมากครับ แต่ผมได้ UK มาล่ะครับ หนา...มว้ากกกครับ พอดีที่ร้านที่ผมโทรไปมีแต่ของ UK ก็เลยไม่มีทางเลือกครับ แต่ก็ขอขอบคุณ คุณ Euclid มากครับผม~
โดย
birdduckwater
พุธ ส.ค. 10, 2011 10:12 pm
0
0
Re: สงสัยเรื่องการดูการเติบโตของบริษัทครับ
เอ่อ...โทดครับ เน็ตช้า มันเบิ้ล รบกวน admin ช่วยลบด้วยครับ = =''
โดย
birdduckwater
อาทิตย์ ส.ค. 07, 2011 4:16 am
0
0
Re: ดัดฟันแต่ถอดรี ก่อนกำหนด
ออกตัวก่อนเลยว่า ผมเป็นนักศึกษาทันตแพทย์ปีสุดท้ายครับ แต่ก็พอจะมีความรู้เรื่องการจัดฟันอยู่บ้าง อาจไม่มากเท่ากับ ทพ. ที่จบไปทำงานแล้ว หรือ ทพ.เฉพาะทาง แต่ก็พอจะให้คำแนะนำได้ในระดับหนึ่งนะครับ ^^ ก่อนอื่นเลย เริ่มจากเรื่องของการจัดฟันก่อนนะครับ การจัดฟัน มันก็คือการเคลื่อนตำแหน่งของฟัน ไปจากตำแหน่งเดิมของมันครับ โดยส่วนของรากฟัน มันจะมีพวก ligament และกระดูกรอบรากฟัน มาทำหน้าที่ในการยึดตำแหน่งของฟันเอาไว้ครับ ในส่วนของ ligament ผมอยากให้นึกถึงภาพของยางเส้นที่ดึงรากฟันเอาไว้น่ะครับ คราวนี้ พอเราเริ่มเคลื่อนฟันไปจากแรงที่ใส่เข้าไปโดยเหล็กจัดฟัน ฟันก็จะอัดเข้ากับกระดูก ทำให้กระดูกด้านที่ถูกเคลื่อนเข้าหาเกิดการละลายตัว ด้านที่ฟันเคลื่อนออกไป ก็จะมีการสร้างกระดูกมาทดแทน แต่เจ้ายางเส้นที่ว่า มันยังคงมีแรงดึงอยู่นะครับ พอฟันเคลื่อนไปได้ในตำแหน่งที่เราต้องการแล้ว ผลจากการสร้างกระดูกใหม่ที่อาจยังไม่แข็งแรงดี ก็อาจทำให้ฟันโยกได้เล็กน้อย หรืออาจเป็นผลจากการอักเสบของเหงือกรอบๆฟันก็ได้ครับ เพราะการจัดฟัน มันต้องใส่เหล็ก ทำให้ทำความสะอาดได้ค่อนข้างยาก เหงือกอาจอักเสบได้ เพราะฉะนั้นคนที่จัดฟันจึงต้องแปรงฟันให้ดีเป็นพิเศษ กลับมาดูที่ยางเส้นต่อครับ แม้ว่ากระดูกจะถูกปรับเปลี่ยนรูปร่างให้เหมาะกับการรองรับฟันในตำแหน่งใหม่ไปแล้ว แต่เจ้ายางเส้นมันยังคงมีแรงดึงอยู่ครับ เพราะฉะนั้น จึงต้องมีการใส่รีเทนเนอร์ เพื่อให้เวลาที่ผ่านไป ช่วยลดแรงดึงของยางเส้นเหล่านี้ โดยปกติ ตามตำราที่ผมได้เรียนมาบ้าง เค้าแนะนำว่า ควรใส่ รีเทนเนอร์ ให้นานเท่ากับช่วงที่ใส่เหล็ก เช่น ใส่เหล็กจัดฟันมา 4 ปี ก็จำเป็นต้องใส่รีเทนเนอร์ต่อไปอีก 4 ปี (ดูหนักหนาสาหัสทีเดียว อิอิ) หรืออาจน้อยกว่านั้น อันนี้ตามคำแนะนำของ ทพ.ครับ เพราะเจ้ายางเส้นที่ผมว่าเนี่ย มันมีแรงดึงจากหลายทิศทาง แล้วก็ขึ้นกับว่าฟันมีการเคลื่อนที่มากน้อยแค่ไหนด้วย ถ้าเคลื่อนไปมากๆ บางคนใส่รีเทนเนอร์ตลอดชีวิตก็มีนะครับ (อันนี้สาหัสยิ่งกว่า หุหุ) เพราะฉะนั้นผลที่ตามมาของ การถอดรีเทนเนอร์ก่อนกำหนด ก็จะเป็นเรื่องของแรงจากยางเส้นที่ว่านี่ล่ะครับ ยางมันยังไม่หมดแรง มันก็มีแนวโน้มจะดึงฟันของเรากลับไปยังตำแหน่งเดิม ปล่อยไว้นานๆกระดูกก็ปรับสภาพให้ฟันกลับไปอยู่ที่เดิม ในที่สุดฟันก็กลับมาซ้อนเกแม้อาจจะไม่ซ้อนเท่าเดิมแต่ก็ไม่ดีเท่าตอนจัดเสร็จใหม่ๆ เค้าเรียกกันว่า relapse ไงล่ะครับ การรักษาก็อาจไม่ success อย่างที่ต้องการครับ เพราะฉะนั้น เชื่อหมอฟันที่จัดฟันให้เราเถอะครับ ถ้ารีเทนเนอร์หายก็กลับไปทำให้ 3-5 พันบาท ถ้ายังไม่หาย ก็เอามาใส่ครับ อย่าให้มัน relapse เลย เสียดายครับ ค่าจัดฟันหมดไปตั้งหลายหมื่น เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่ายนะครับ อ้อ แล้วก้ออย่าลืมแปรงฟันดีๆนะครับ เพราะอย่างที่ผมบอก คือตอนจัดฟันมันแปรงยาก เหงือกจะอ่อนแอได้ง่าย ตอนนี้แปรงได้แล้ว ต้องช่วยๆฟื้นฟูสภาพมันหน่อยนะครับ~
โดย
birdduckwater
เสาร์ ส.ค. 06, 2011 8:08 pm
0
0
Re: แผลร้อนใน ในช่องปาก แก้ไงดีครับ
kenalog เป็นชื่อทางการค้าครับ ถ้าทางร้านขายยาไม่รู้จริงๆ ก็บอกเค้าไปว่า เอา triamcinolone acetonide ชนิดป้ายปาก (0.1%) วิธีใช้ก็อย่างที่พี่หมอนิวได้แนะนำไปครับ แปรงฟันให้เรียบร้อย เช็ดบริเวณแผลให้แห้งครับแล้วค่อยทา ถ้าทาตอนที่แผลยังเปียกๆ ยามันจะติดมือเรากลับมาครับ ไม่โปะอยู่บนแผล โปะเช้าโปะเย็น เด๋วก็จะดีขึ้นครับ หลอดนึงประมาณ 50 บาท ครับ มี 5 กรัม หรือจะซื้อเป็นซองก็ได้ครับ (แต่ผมไม่แน่ใจราคาแบบซองนะครับ) ถ้าอยากซื้อได้ถูก แนะนำให้ไปหาซื้อที่คณะทันตแพทย์ครับ ที่คณะผมขายหลอด 5 กรัม 20 บาทเอง หุหุ สาเหตุการเกิดแผลร้อนในมีได้หลายสาเหตุครับ ถ้ามั่นใจว่า เป็นร้อนในธรรมดา ก็จัดยาข้างบนไปได้เลยครับ แล้วทานน้ำเยอะๆ พักผ่อนมากๆ พยายามอย่าเครียดครับ เพราะปัจจัยเหล่านี้กระตุ้นให้เกิดแผลร้อนในได้ครับ แต่ถ้าเป็นๆหายๆ หลายๆครั้งในรอบเดือนสองเดือน หรือมีแผลร้อนในเกิดขึ้นหลายตำแหน่งพร้อมๆกัน แต่ละตำแหน่งอาจใหญ่กว่า 5 mm อาจเป็นร้อนในแบบไม่ธรรมดา อิอิ (Recurrent apthous stomatitis) กรณีแบบนี้ น่าจะลองไปพบ ทพ.นะครับ เค้าอาจจะจ่าย triam ชนิดบ้วนให้ครับ หรือถ้าเป็นโรคอื่น ก็จะได้รู้กันไป แล้วจะได้ใช้ยาได้ถูกต้องครับ
โดย
birdduckwater
เสาร์ ส.ค. 06, 2011 7:34 pm
0
0
Re: (หนังสือ) snow ball
จะสั่งทางไปรษณีย์ครับ ไม่มีโอกาสได้เห็นเล่มจริง เห็นราคาแตกต่างกันพอสมควร ทั้งที่สารบัญก็เหมือนกัน จึงอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติม รบกวนด้วยครับ
โดย
birdduckwater
เสาร์ ส.ค. 06, 2011 5:50 pm
0
0
Re: (หนังสือ) snow ball
สงสัยครับว่า เวอร์ชั่น US กับ UK นอกจากเรื่องปกจะไม่เหมือนกันแล้ว อย่างอื่นมีอะไรแต่กต่างกันรึเปล่าครับ UK https://bookweb.kinokuniya.co.jp/guest/cgi-bin/bookseaohb.cgi?ISBN=0747596492&AREA=07&LANG=E US https://bookweb.kinokuniya.co.jp/guest/cgi-bin/bookseaohb.cgi?ISBN=0553384619&AREA=07&LANG=E
โดย
birdduckwater
เสาร์ ส.ค. 06, 2011 5:48 pm
0
0
Re: (หนังสือ) snow ball
ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมจะลองโทรถาม Asiabook ดูครับ ^/\^
โดย
birdduckwater
จันทร์ ส.ค. 01, 2011 11:30 pm
0
0
Re: (หนังสือ) snow ball
สวัสดีครับ ผมอยากได้หนังสือเล่มนี้ มีร้านไหนในเมืองไทย รับสั่งซื้อมั่งรึเปล่าครับ รบกวนด้วยครับ
โดย
birdduckwater
อาทิตย์ ก.ค. 31, 2011 5:47 pm
0
0
Re: แนวทาง VI มีการตั้ง cut loss กันมั้ยครับ
โอ้ววว ขอบคุณทุกความเห็นครับ ได้แนวคิดดีๆ แล้วผมจะลองนำไปปรับใช้ + หาความรู้เพิ่มเติมครับ ขอบคุณมากครับ ^/\^
โดย
birdduckwater
อาทิตย์ ก.ค. 31, 2011 2:02 am
0
0
Re: [หนังสือ] สามก๊ก
ผมอ่านฉบับนักบริหารของ ศ.เจริญ ครับ ผมว่าชุดนี้ เหมาะกับผู้อ่านครั้งแรกนะครับ อ่านง่ายดี อ่านจบแล้ว ก็ไปดูชุดที่เป็น series ที่รัฐบาลจีนทำด้วย ภาพอาจไม่คมชัด เพราะถ่ายทำมานานแล้ว แต่เนื้อหาแน่นทีเดียวครับ จบชุดนั้นแล้ว ผมก็อ่านฉบับของยาขอบต่อ ชุดที่รวมสองเล่มน่ะครับ ของยาขอบจะเขียนเป็นตอนๆครับ เล่าเรื่องตามตัวละครไป อ่านเล่มหนึ่งจบไปแล้ว เล่มสองอ่านไปได้เกือบครึ่งเล่มล่ะครับ ตอนนี้อยู่ในช่วงเบรคระหว่างตัวละครครับ ส่วนของ วรรณไว พัทธโนทัย ผมลองเปิดผ่านๆดูแล้วครับ เค้าทำน่าอ่านมาก มีรูปลายเส้นสวยๆประกอบทั้งเล่ม ทราบมาว่าสำนวนการแปลก็ดีด้วย ผมจึงนำมา stock ไว้บนชั้นแล้วครับ รออ่านครับ สำหรับฉบับเจ้าพระยาพระคลัง ชุดนี้ผมซื้อไว้นานมากแล้วครับ เป็นหนังสือวรรณกรรมที่ได้รับการยกย่องเรื่องสำนวนภาษา แต่เนื่องจากว่า ภาษาค่อนข้างจะเป็นภาษาเก่าไปนิด ส่วนตัว ผมว่าอ่านยากครับ ถ้าจะอ่านต้องอาศัยความอดทนและพยายามมากครับ
โดย
birdduckwater
เสาร์ ก.ค. 30, 2011 10:36 am
0
0
Re: EPS16YEAR อับเดทงบดุล Q1 2011 เสร็จแล้ว ครับ
ขอด้วยคร้าบบบ
[email protected]
ขอบคุณมากคร้าบ -/\-
โดย
birdduckwater
พุธ มิ.ย. 29, 2011 12:41 am
0
0
Re: แอบผิดหวังงาน SET in the city ที่หาดใหญ่
ผมก็ไปมาครับ คาดหวังว่าจะไปหาหนังสือของท่านสุมาอี้ คืนก่อนหน้านั้นผมทำงานดึกได้นอนเพียงแค่ 2 ชม. แล้วก็ต้องทำงานต่อทั้งวัน จนบ่ายสามโมง ผมพยายามปลีกตัวออกจากงานเพื่อจะเข้าไปดู ปรากฎว่า เจอแต่บูธ ของโบรกเกอร์เต็มไปหมด ไม่เจอซุ้มหนังสือใหญ่ๆ อย่างที่คาดหวังไว้ ทั้งงานมีเครื่องถ่ายเอกสารอยู่เครื่องเดียว เห็นว่าเครื่องเสียด้วย ขัดใจมากคับ เหอะๆ ยิ่งกว่านั้น ผมไม่รู้ว่า ดร.นิเวศน์มาด้วย เก๊าะเลยไม่ได้เข้าไปฟัง กำลังง่วงๆ เห็นงานดูเล็กๆ ไม่คิดว่า ดร.จะมาด้วย เลยเดินผ่านมา แล้วก็เดินผ่านไป T T
โดย
birdduckwater
พุธ มิ.ย. 29, 2011 12:27 am
0
0
Re: การประเมินมูลค่าหุ้นคร่าวๆสำหรับมือใหม่และMOS
จากที่อ่านข้างบน ขอสรุปสิ่งที่ผมเข้าใจนะครับ ว่า 37% มันมาได้ยังไง จาก p/e เป็น 10 เท่า ดังนั้น e/p จึงคิดเป็น 1/10 = 10% ซึ่ง 10% เป็นอัตราการเติบโตของตลาดในทุกๆปีอยู่แล้ว ดังนั้นหากมองเผินๆ p/e 10 เท่า จึงแทบจะไม่มี MOS เพราะมันโตได้เท่ากับตลาด แต่ถ้าคาดว่า ธุรกิจจะโตเพิ่มอีกปีละ 6% แสดงว่าธุรกิจจะโตจริงๆ 16% ซึ่งจะโตมากกว่าตลาดอยู่ 6% เมื่อคำนวณเอาส่วนต่างคือ 6% เท่ากับการโตของธุรกิจทั้งหมดได้เป็น 6/16 = 37.5 หมายความว่า ถ้ากำไรก็หายไป 37.5% จริงๆ ผู้ถือหุ้นบริษัทก็ยังคงปลอดภัยอยู่ เพราะที่เหลืออยู่คือการเติบโตเท่ากับตลาด เรียกว่า ยังไม่เข้าเนื้อ เพราะฉะนั้น ที่ผมเข้าใจก็คือ ถ้า p/e ต่ำกว่า 10 ตัวมันเองก็จะมี MOS ตามความต่างของอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจโดยอัตโนมัติ (+ อัตราเติบโตของบริษัท MOS ก็จะเพิ่มขึ้นไปอีก)แต่ถ้า p/e = 10 ค่าที่จะเป็น MOS สำหรับธุรกิจ ก็คือ อัตราการเติบโตของบริษัท เมื่อเทียบกับอัตราเติบโตของทั้งตลาดและบริษัท หรือ MOS(%) = 100 x อัตราโตของบริษัท/(อัตราโตของตลาด+อัตราโตของบริษัท) หากผิดพลาดประการใด รบกวนผู้รู้ชี้แจงด้วยครับ
โดย
birdduckwater
อังคาร มิ.ย. 14, 2011 12:56 am
0
0
Re: การประเมินมูลค่าหุ้นคร่าวๆสำหรับมือใหม่และMOS
มีประโยชน์มากครับ ขอบคุณครับ~ ว่าแต่การที่เราจะบอกว่าธุรกิจตัวไหน มีโอกาสหรือแนวโน้มที่จะเติบโตกี่เปอร์เซ็นต์ จะประเมินได้ยังไงครับ (ผมเองก็พอจะเข้าใจครับว่าผลงานในอดีตอาจไม่ได้สะท้อนถึงอนาคตเสมอไป แต่อย่างน้อยผมก็ยังอยากได้ข้อมูลที่เป็นพื้นฐานได้) อย่างเช่นว่าถ้าจะประเมินอัตราการเติบโตเทียบกับปีก่อนๆหน้า ไม่ทราบว่าจะประเมินได้ยังไงครับ ควรใช้ค่าอะไรในการประเมินครับ ผมเรียนทางสายวิทยาศาสตร์สุขภาพครับ เรื่องเศรษฐกิจ ผมยังเป็นมือใหม่อยู่มากครับ แทบจะไม่มีประสบการณ์เลย จะให้ใช้ความรู้สึกส่วนตัวในการวิเคราะห์ ผมคิดว่ามันเสี่ยงเกินไปครับ รบกวนรุ่นพี่ VI ช่วยชี้แนะด้วยครับ
โดย
birdduckwater
อาทิตย์ มิ.ย. 12, 2011 1:34 am
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
birdduckwater
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
อาทิตย์ มิ.ย. 12, 2011 12:59 am
ใช้งานล่าสุด:
อาทิตย์ มิ.ย. 20, 2021 8:19 am
โพสต์ทั้งหมด:
25 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.00% จากโพสทั้งหมด / 0.00 ข้อความต่อวัน)
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว