หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
nantawat999
Joined: จันทร์ พ.ค. 09, 2011 9:54 am
32
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - nantawat999
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: น่าจะเป็นport หุ้น warren buffet ล่าสุด
ถ้ารวมบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ พวกร้านซีส์แคนดี้ ,ร้านเฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ และเงินสด รวมทั้งพันธบัตรต่างๆนี่ ..... ไม่อยากประเมินครับ อิจฉา (55 )
โดย
nantawat999
อาทิตย์ ก.ย. 16, 2012 5:16 pm
0
0
Re: น่าจะเป็นport หุ้น warren buffet ล่าสุด
จำได้ว่าปู่เคยมีหุ้นเบียร์ บัดไวเซอร์และเอสโซ่ แต่ไม่พบว่าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แล้ว
โดย
nantawat999
เสาร์ ก.ย. 15, 2012 9:18 am
0
0
Re: น่าจะเป็นport หุ้น warren buffet ล่าสุด
..... รู้สึกจะผิดห้อง.....
โดย
nantawat999
ศุกร์ ก.ย. 14, 2012 7:30 pm
0
0
Re: จะมีกองทุนที่ลงทุนแบบ VI บ้างไหม
กองทุนเปิดกรุงศรีสเปซิฟิกเฟล็กซิเบิ้ลฟันด์
โดย
nantawat999
ศุกร์ ก.ย. 14, 2012 8:42 am
0
0
Re: ขอเสียงคนอยู่แถวบางนาหน่อยค้าบ
รามคำแหงสอง
โดย
nantawat999
พุธ ก.ย. 12, 2012 1:10 pm
0
0
Re: "ปิ่นจักกะพาก"อดีตพ่อมดการเงิน กลับเมืองไทยแล้ว
ขอบคุณมากครับสำหรับบทความ (อยากกดlike ให้ แต่กดไม่ได้ )
โดย
nantawat999
พฤหัสฯ. ส.ค. 30, 2012 5:39 am
0
0
Re: เหนือกว่าวอลสตรีท พิมพ์ขายใหม่แล้วครับ
ซื้อมาแล้วครับ หนังสือสวยมาก (จนไม่กล้าอ่าน)
โดย
nantawat999
อังคาร ส.ค. 14, 2012 12:40 pm
0
0
Re: ขออนุญาตศึกษาต่อยอด พอร์ตของคุณ peter eric dennis
กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันจันทร์นี่ โดยเฉพาะ คอลัมน์ถนนนักลงทุน และในsection bizweek นี่ ผมติดตามอ่านมาตลอด ติดงอมแงมเลย ........... ใครเป็นเหมือนผมมั่งมั้ย
โดย
nantawat999
พฤหัสฯ. ส.ค. 09, 2012 9:29 am
0
2
Re: Warren Buffett ซื้อหุ้นแล้วไม่ขาย พอเวลาวิกฤติหุ้นตก แล้
buffett น่าจะมีport หุ้นส่วนตัวนอกเหนือจาก berkshire แต่ไม่ได้ปรากฏรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ รอผู้รู้มาตอบด้วยครับ
โดย
nantawat999
พุธ ก.ค. 18, 2012 11:59 am
0
0
Re: Moneyball หนังดีที่น่าดู
กลางเรื่องที่ลูกสาวดีดกีต้าร์ร้องเพลงให้พ่อ(แบรด พิตต์) นี่เป็นฉากดีที่สุดของหนังครับ
โดย
nantawat999
อังคาร มิ.ย. 12, 2012 8:46 pm
0
1
Re: กลยุทธ์การลงทุน กรณีเริ่มต้นเงินทุนน้อยๆ
เริ่มต้นแรกๆ 1000 bht ครับ sicco โครงการออมหุ้น ก็เพิ่มสัดสัดส่วนเงินลงทุนมาเรื่อยๆ 1000/2000/5000 /10000ฯลฯ เงินเดือนตนนั้น 7-8000 บ. เพิ่งล้านแล้วจ้าเมื่อ มค 2555 ครับ อยากบอกว่า ตื้นตันใจมากๆครับ
โดย
nantawat999
เสาร์ มิ.ย. 09, 2012 10:17 pm
0
2
Re: กลยุทธ์การลงทุน กรณีเริ่มต้นเงินทุนน้อยๆ
1000 บ.ด้วยครับ ...ของsicco ที่เป็นโครงการออมหุ้น
โดย
nantawat999
พฤหัสฯ. ก.พ. 09, 2012 7:09 pm
0
0
Re: ถามคอหนังกันมั่ง หนังเรื่องไหนที่คนบอกห่วย แต่คุณดูแล้วช
paul hot fuzz
โดย
nantawat999
ศุกร์ ก.พ. 03, 2012 9:20 am
0
0
Re: ถ้ามีห้อง ซื้อ-ขายหุ้นหน่วยย่อย(odd lot)ในthaivi จะดีมั
^ ^ เฮ้อ....
โดย
nantawat999
พุธ ก.พ. 01, 2012 6:55 pm
0
0
Re: ถ้ามีห้อง ซื้อ-ขายหุ้นหน่วยย่อย(odd lot)ในthaivi จะดีมั
229 ครับ
โดย
nantawat999
อังคาร ม.ค. 31, 2012 10:19 pm
0
0
Re: ถ้ามีห้อง ซื้อ-ขายหุ้นหน่วยย่อย(odd lot)ในthaivi จะดีมั
เรื่องของเรื่อง =>อยากขายbki 12 หุ้น ตั้งไว้สองวันแล้วของน้องสาวน่ะครับ จะสลับไปซื้อตัวอื่น เผื่อพี่ๆคนไนหสนใจ (กระทู้ผมนี่ ถ้าผิดกฏ ลบได้เลยนะครับ )
โดย
nantawat999
อังคาร ม.ค. 31, 2012 4:14 pm
0
0
Re: อยากรู้ ใครถือหุ้น search ได้
ขอบคุณมากครับ
โดย
nantawat999
เสาร์ ม.ค. 28, 2012 2:53 pm
0
0
Re: สารคดีชีวิตสัตว์โลก:: Friday The 13th
ภาพเลือด ทำสมจริงมาก
โดย
nantawat999
จันทร์ ม.ค. 16, 2012 2:01 pm
0
0
Re: 1000 พอร์ตบุคคล,รวมตระกูล(30/12/10 คุณ ทองมา ที่ 1, ที่
อันดับ 18 19 20 หน้าแรก ซ้ำกัน mrs arunee chan
โดย
nantawat999
พุธ ธ.ค. 14, 2011 11:24 pm
0
0
Re: หุ้นค้าปลีกสมัยใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โลกในมุมมองของ Value Investor 15 กรกฎาคม 54 ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร หุ้นกลุ่มหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ที่แทบไม่เคยสร้างความผิดหวังให้แก่นักลงทุนระยะยาวเลยในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาก็คือ หุ้นค้าปลีกสมัยใหม่ที่เรียกว่า Modern Trade เนื่องจากหุ้นในกลุ่มนี้แทบทุกตัวให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจทั้งในด้านของเงินปันผลและราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นเรื่อย ๆ ต่อเนื่องมาตลอด ที่สำคัญ แม้ในยามที่ตลาดหุ้นเกิดวิกฤติ หุ้นส่วนใหญ่มีราคาตกลงมามากมาย หุ้นกลุ่มค้าปลีกก็ไม่ได้ตกลงมามากนัก และเมื่อภาวะวิกฤติผ่านไป ราคาก็กลับมาที่เดิมและปรับตัวสูงขึ้นไปอีก ถ้าจะพูดไป หุ้นค้าปลีกในช่วงเร็ว ๆ นี้ เป็นทั้งหุ้น Defensive หรือหุ้นที่ทนทานต่อภาวะเศรษฐกิจที่เลวร้าย และเป็นหุ้น Growth หรือหุ้นที่เติบโต อยู่ในตัวเดียวกัน นอกจากนั้น หุ้นหลายตัวในกลุ่มเองก็ให้ปันผลในอัตราที่สูงและเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กลายเป็น Dividend Stock หรือ “หุ้นปันผล” ที่จ่ายปันผลงดงามทุกไตรมาศ และนี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้หุ้นกลุ่ม Modern Trade ส่วนใหญ่มีราคาที่สูงเมื่อเทียบกับกำไรของบริษัท หรือมี PE สูงมากโดยเฉพาะในช่วงหลัง ๆ ก่อนที่ผมจะพูดว่าทำไมหุ้นค้าปลีกสมัยใหม่จึงได้ราคาที่สูงกว่าหุ้นในกลุ่มอื่น ๆ ผมอยากจะทำความเข้าใจก่อนว่าหุ้นที่อยู่ในข่าย Modern Trade คือหุ้นในกลุ่มไหน เนื่องจากหลายคนอาจจะบอกว่านี่คือหุ้นในกลุ่มพาณิชย์ แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เสียทีเดียว เพราะหุ้นค้าปลีกสมัยใหม่ในนิยามของผมนั้น จะต้องเป็นหุ้นของบริษัทที่ขายสินค้าอุปโภคบริโภคแก่ประชาชนทั่วไปทั้งประเทศ การขายจะขายผ่านเครือข่ายร้านสาขาที่มีอยู่ทั่วประเทศ ราคาสินค้าที่ขายก็มักจะเท่ากันไม่ว่าจะขายในร้านหรูในกรุงเทพหรือร้านค้าที่อยู่ต่างจังหวัด ตัวสินค้าเองก็มีความหลากหลายและใกล้เคียงกันในแต่ละสาขา ระบบการทำงานของสาขาทั้งหมดมักจะต่อถึงกันผ่านสำนักงานใหญ่ ดังนั้น ข้อมูลการขายสินค้าจะเป็นระบบรวมศูนย์ที่ทำให้การบริหารงานขายมักเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเทียบกับร้านค้าแบบ “ดั้งเดิม” ที่มักจะมีร้านเพียงร้านเดียวหรือมีสาขาน้อยมาก หุ้นค้าปลีกสมัยใหม่ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในหุ้นกลุ่มพาณิชย์เริ่มตั้งแต่หุ้น BIGC ซึ่งขายสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาถูกที่เรียกว่า Discount Store แบบที่เป็นร้านค้าขนาดใหญ่มากที่ขายสินค้าที่ต้องกินต้องใช้ประจำวันและสินค้าราคาถูกอื่น ๆ อีกมาก หุ้น CPALL เจ้าของร้านสะดวกซื้อ 7-11 ที่ขายสินค้าปริมาณเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เน้นความสะดวกเนื่องจากอยู่ใกล้ชุมชน หุ้น HMPRO ซึ่งขายสินค้าปรับปรุงและตกแต่งบ้าน หุ้น GLOBAL ซึ่งขายวัสดุก่อสร้าง หุ้น IT ซึ่งขายสินค้าคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ไฮเท็คต่าง ๆ หุ้น MAKRO ซึ่งขายสินค้าให้กับร้านค้าโชห่วยและกิจการอื่น ๆ เช่นร้านอาหารหรือโรงแรม หุ้น ROBINS ซึ่งทำห้างสรรพสินค้าโรบินสัน นอกจากนี้ยังมีหุ้นที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มพาณิชย์เช่น หุ้น SE-ED ซึ่งเป็นร้านขายหนังสือ หุ้น JMART ที่ขายโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ยังมีหุ้นที่อาจจะเรียกว่าเป็น Modern Trade ได้เหมือนกันแต่ขายเฉพาะสินค้าจากโรงงานหรือบริษัทของตนเองเป็นหลัก อย่างหุ้น DCC ซึ่งขายกระเบื้องก่อสร้าง หุ้น JUBILY ขายเครื่องประดับเพชร และหุ้น BGT ซึ่งขายเสื้อผ้า เป็นต้น จุดเด่นของกิจการค้าปลีกสมัยใหม่นั้น มีหลายประการ เริ่มตั้งแต่ข้อแรกคือ มักเป็นกิจการที่มีความสม่ำเสมอของผลการดำเนินงานทั้งยอดขายและกำไร เหตุผลก็คือ บริษัทมีการขายสินค้าให้กับคนจำนวนมาก มักจะเป็นแสนหรือล้าน ๆ ราย ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของยอดขายในแต่ละปีจะไม่มาก สินค้าที่ขายก็มักจะเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของคนซึ่งมักจะไม่เปลี่ยนแปลงในระยะเวลาอันสั้น นอกจากนั้น บริษัทสามารถกำหนดราคาขายให้อิงกับต้นทุนของบริษัทได้ค่อนข้างจะทันที เพราะเป็นกิจการที่ซื้อมา-ขายไป ทำให้กำไรของบริษัทผันแปรไปตามยอดขายเสมอ ข้อสอง กิจการ Modern Trade มักมีความเสี่ยงในการล้มละลายต่ำเนื่องจากบริษัทขายสินค้าเป็นเงินสด แต่จ่ายค่าสินค้าเป็นเงินเชื่อหลายเดือน ทำให้บริษัทมีเงินสดมากในขณะที่มักจะมีหนี้เงินกู้น้อย หลายบริษัทไม่มีหนี้เงินกู้จากธนาคารเลยและทำให้บริษัทสามารถจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้สูงเมื่อเทียบกับกำไรที่ทำได้ บางบริษัทจ่ายถึง 100% และจ่ายทุกไตรมาศ ข้อสาม เนื่องจากกิจการ Modern Trade ในตลาดหลักทรัพย์มักจะเป็นผู้นำในกลุ่มสินค้าที่ตนเองขาย เป็นกิจการที่มีขนาดใหญ่ ดังนั้น บริษัทจึงมีความได้เปรียบคู่แข่งโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับร้านค้าแบบดั้งเดิม บริษัทจึงมักจะได้ส่วนแบ่งทางการตลาดของสินค้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้บริษัทสามารถจะเติบโตไปได้เรื่อย ๆ อย่างยาวนานทั้ง ๆ ที่ตัวอุตสาหกรรมโดยรวมก็อาจจะไม่ได้เติบโตมากนัก การเติบโตของกิจการค้าปลีกสมัยใหม่นั้น นอกจากจะเติบโตจากร้านสาขาเดิมแล้ว ยังมักจะเติบโตจากการเปิดสาขาใหม่ด้วย ดังนั้น หุ้นในกลุ่มนี้หลาย ๆ ตัวจึงเป็นหุ้นที่ “เติบโต” ระยะยาว แม้ว่าอัตราการเติบโตของบางบริษัทอาจจะไม่สูงนัก หุ้นค้าปลีกนั้น มีผลงานที่ดีและให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างดีมาตลอด แต่ในช่วงเร็ว ๆ นี้ดูเหมือนว่าจะได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นไปอีกหลังจากที่ประเทศไทยผ่านการเลือกตั้งและกำลังมีรัฐบาลที่มีนโยบายในการเพิ่มรายได้ให้กับคนมีรายได้ต่ำโดยการเพิ่มเงินเดือนและการ “ประกัน” ราคาสินค้าการเกษตรในระดับที่สูง ผลจากนโยบายนี้จะทำให้การบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้นพร้อม ๆ กับอัตราเงินเฟ้อที่จะเร่งตัวขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อยอดขายของกลุ่มค้าปลีกสมัยใหม่ให้เพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ นอกจากนั้น การลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% ในเวลาเดียวกันก็จะช่วยลดต้นทุนของบริษัทลง จริงอยู่ที่ต้นทุนค่าแรงของบริษัทอาจจะเพิ่มขึ้น แต่บริษัทก็น่าจะส่งผ่านต้นทุนนี้ให้กับผู้ซื้อสินค้าได้ เพราะทุกบริษัทก็ต้องจ่ายค่าแรงที่เพิ่มขึ้นด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้น หากเป็นไปตามภาพดังกล่าวนี้ กิจการค้าปลีกสมัยใหม่ส่วนใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก็น่าจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้น และนี่น่าจะเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มนี้ปรับตัวขึ้นในช่วงนี้ ประเด็นที่ต้องคำนึงสำหรับหุ้นในกลุ่มค้าปลีกสมัยใหม่ไม่ใช่เรื่องของผลประกอบการหรือความเข้มแข็งของตัวธุรกิจ แต่น่าจะอยู่ที่ราคาหุ้นที่มีการปรับตัวขึ้นมามากและทำให้หุ้นในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มีราคาที่ “ไม่ถูก” แล้ว ว่าที่จริง ถ้ามองจากค่า PE และค่า PB ผมคิดว่าน่าจะเป็นหุ้นกลุ่มที่ “แพงที่สุด” ในตลาดหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ก็อาจจะพูดได้เหมือนกันว่ามันเป็นหุ้นกลุ่มที่ “ดีที่สุด” ในตลาดหลักทรัพย์ได้เช่นกัน ดังนั้น การลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ในช่วงเวลานี้จึงจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ในความคิดของผม หุ้นกลุ่มค้าปลีกสมัยใหม่ในเวลานี้ ถ้าจะลงทุนก็คงไม่ใช่แนวทางแบบ เบน เกรแฮม ที่เน้นหาหุ้นถูกเป็นหลัก แต่อาจจะเป็นแนวทางแบบ วอเร็น บัฟเฟตต์ ที่เน้นลงทุนในหุ้นแบบ “ซุปเปอร์สต็อก” คือลงทุนในหุ้นที่ดีสุดยอด ในราคาที่ยุติธรรม ว่าที่จริง บัฟเฟตต์เองก็ซื้อหุ้น วอลมาร์ท ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกสมัยใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อไม่นานมานี้ ในราคาที่ไม่ถูกเลย
โดย
nantawat999
เสาร์ ก.ค. 16, 2011 7:35 pm
0
0
Re: หุ้นค้าปลีกสมัยใหม่/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โลกในมุมมองของ Value Investor 15 กรกฎาคม 54 ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร หุ้นกลุ่มหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ที่แทบไม่เคยสร้างความผิดหวังให้แก่นักลงทุนระยะยาวเลยในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาก็คือ หุ้นค้าปลีกสมัยใหม่ที่เรียกว่า Modern Trade เนื่องจากหุ้นในกลุ่มนี้แทบทุกตัวให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจทั้งในด้านของเงินปันผลและราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นเรื่อย ๆ ต่อเนื่องมาตลอด ที่สำคัญ แม้ในยามที่ตลาดหุ้นเกิดวิกฤติ หุ้นส่วนใหญ่มีราคาตกลงมามากมาย หุ้นกลุ่มค้าปลีกก็ไม่ได้ตกลงมามากนัก และเมื่อภาวะวิกฤติผ่านไป ราคาก็กลับมาที่เดิมและปรับตัวสูงขึ้นไปอีก ถ้าจะพูดไป หุ้นค้าปลีกในช่วงเร็ว ๆ นี้ เป็นทั้งหุ้น Defensive หรือหุ้นที่ทนทานต่อภาวะเศรษฐกิจที่เลวร้าย และเป็นหุ้น Growth หรือหุ้นที่เติบโต อยู่ในตัวเดียวกัน นอกจากนั้น หุ้นหลายตัวในกลุ่มเองก็ให้ปันผลในอัตราที่สูงและเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กลายเป็น Dividend Stock หรือ “หุ้นปันผล” ที่จ่ายปันผลงดงามทุกไตรมาศ และนี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้หุ้นกลุ่ม Modern Trade ส่วนใหญ่มีราคาที่สูงเมื่อเทียบกับกำไรของบริษัท หรือมี PE สูงมากโดยเฉพาะในช่วงหลัง ๆ ก่อนที่ผมจะพูดว่าทำไมหุ้นค้าปลีกสมัยใหม่จึงได้ราคาที่สูงกว่าหุ้นในกลุ่มอื่น ๆ ผมอยากจะทำความเข้าใจก่อนว่าหุ้นที่อยู่ในข่าย Modern Trade คือหุ้นในกลุ่มไหน เนื่องจากหลายคนอาจจะบอกว่านี่คือหุ้นในกลุ่มพาณิชย์ แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เสียทีเดียว เพราะหุ้นค้าปลีกสมัยใหม่ในนิยามของผมนั้น จะต้องเป็นหุ้นของบริษัทที่ขายสินค้าอุปโภคบริโภคแก่ประชาชนทั่วไปทั้งประเทศ การขายจะขายผ่านเครือข่ายร้านสาขาที่มีอยู่ทั่วประเทศ ราคาสินค้าที่ขายก็มักจะเท่ากันไม่ว่าจะขายในร้านหรูในกรุงเทพหรือร้านค้าที่อยู่ต่างจังหวัด ตัวสินค้าเองก็มีความหลากหลายและใกล้เคียงกันในแต่ละสาขา ระบบการทำงานของสาขาทั้งหมดมักจะต่อถึงกันผ่านสำนักงานใหญ่ ดังนั้น ข้อมูลการขายสินค้าจะเป็นระบบรวมศูนย์ที่ทำให้การบริหารงานขายมักเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเทียบกับร้านค้าแบบ “ดั้งเดิม” ที่มักจะมีร้านเพียงร้านเดียวหรือมีสาขาน้อยมาก หุ้นค้าปลีกสมัยใหม่ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในหุ้นกลุ่มพาณิชย์เริ่มตั้งแต่หุ้น BIGC ซึ่งขายสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาถูกที่เรียกว่า Discount Store แบบที่เป็นร้านค้าขนาดใหญ่มากที่ขายสินค้าที่ต้องกินต้องใช้ประจำวันและสินค้าราคาถูกอื่น ๆ อีกมาก หุ้น CPALL เจ้าของร้านสะดวกซื้อ 7-11 ที่ขายสินค้าปริมาณเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เน้นความสะดวกเนื่องจากอยู่ใกล้ชุมชน หุ้น HMPRO ซึ่งขายสินค้าปรับปรุงและตกแต่งบ้าน หุ้น GLOBAL ซึ่งขายวัสดุก่อสร้าง หุ้น IT ซึ่งขายสินค้าคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ไฮเท็คต่าง ๆ หุ้น MAKRO ซึ่งขายสินค้าให้กับร้านค้าโชห่วยและกิจการอื่น ๆ เช่นร้านอาหารหรือโรงแรม หุ้น ROBINS ซึ่งทำห้างสรรพสินค้าโรบินสัน นอกจากนี้ยังมีหุ้นที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มพาณิชย์เช่น หุ้น SE-ED ซึ่งเป็นร้านขายหนังสือ หุ้น JMART ที่ขายโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ยังมีหุ้นที่อาจจะเรียกว่าเป็น Modern Trade ได้เหมือนกันแต่ขายเฉพาะสินค้าจากโรงงานหรือบริษัทของตนเองเป็นหลัก อย่างหุ้น DCC ซึ่งขายกระเบื้องก่อสร้าง หุ้น JUBILY ขายเครื่องประดับเพชร และหุ้น BGT ซึ่งขายเสื้อผ้า เป็นต้น จุดเด่นของกิจการค้าปลีกสมัยใหม่นั้น มีหลายประการ เริ่มตั้งแต่ข้อแรกคือ มักเป็นกิจการที่มีความสม่ำเสมอของผลการดำเนินงานทั้งยอดขายและกำไร เหตุผลก็คือ บริษัทมีการขายสินค้าให้กับคนจำนวนมาก มักจะเป็นแสนหรือล้าน ๆ ราย ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของยอดขายในแต่ละปีจะไม่มาก สินค้าที่ขายก็มักจะเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของคนซึ่งมักจะไม่เปลี่ยนแปลงในระยะเวลาอันสั้น นอกจากนั้น บริษัทสามารถกำหนดราคาขายให้อิงกับต้นทุนของบริษัทได้ค่อนข้างจะทันที เพราะเป็นกิจการที่ซื้อมา-ขายไป ทำให้กำไรของบริษัทผันแปรไปตามยอดขายเสมอ ข้อสอง กิจการ Modern Trade มักมีความเสี่ยงในการล้มละลายต่ำเนื่องจากบริษัทขายสินค้าเป็นเงินสด แต่จ่ายค่าสินค้าเป็นเงินเชื่อหลายเดือน ทำให้บริษัทมีเงินสดมากในขณะที่มักจะมีหนี้เงินกู้น้อย หลายบริษัทไม่มีหนี้เงินกู้จากธนาคารเลยและทำให้บริษัทสามารถจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้สูงเมื่อเทียบกับกำไรที่ทำได้ บางบริษัทจ่ายถึง 100% และจ่ายทุกไตรมาศ ข้อสาม เนื่องจากกิจการ Modern Trade ในตลาดหลักทรัพย์มักจะเป็นผู้นำในกลุ่มสินค้าที่ตนเองขาย เป็นกิจการที่มีขนาดใหญ่ ดังนั้น บริษัทจึงมีความได้เปรียบคู่แข่งโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับร้านค้าแบบดั้งเดิม บริษัทจึงมักจะได้ส่วนแบ่งทางการตลาดของสินค้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้บริษัทสามารถจะเติบโตไปได้เรื่อย ๆ อย่างยาวนานทั้ง ๆ ที่ตัวอุตสาหกรรมโดยรวมก็อาจจะไม่ได้เติบโตมากนัก การเติบโตของกิจการค้าปลีกสมัยใหม่นั้น นอกจากจะเติบโตจากร้านสาขาเดิมแล้ว ยังมักจะเติบโตจากการเปิดสาขาใหม่ด้วย ดังนั้น หุ้นในกลุ่มนี้หลาย ๆ ตัวจึงเป็นหุ้นที่ “เติบโต” ระยะยาว แม้ว่าอัตราการเติบโตของบางบริษัทอาจจะไม่สูงนัก หุ้นค้าปลีกนั้น มีผลงานที่ดีและให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างดีมาตลอด แต่ในช่วงเร็ว ๆ นี้ดูเหมือนว่าจะได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นไปอีกหลังจากที่ประเทศไทยผ่านการเลือกตั้งและกำลังมีรัฐบาลที่มีนโยบายในการเพิ่มรายได้ให้กับคนมีรายได้ต่ำโดยการเพิ่มเงินเดือนและการ “ประกัน” ราคาสินค้าการเกษตรในระดับที่สูง ผลจากนโยบายนี้จะทำให้การบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้นพร้อม ๆ กับอัตราเงินเฟ้อที่จะเร่งตัวขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อยอดขายของกลุ่มค้าปลีกสมัยใหม่ให้เพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ นอกจากนั้น การลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 23% ในเวลาเดียวกันก็จะช่วยลดต้นทุนของบริษัทลง จริงอยู่ที่ต้นทุนค่าแรงของบริษัทอาจจะเพิ่มขึ้น แต่บริษัทก็น่าจะส่งผ่านต้นทุนนี้ให้กับผู้ซื้อสินค้าได้ เพราะทุกบริษัทก็ต้องจ่ายค่าแรงที่เพิ่มขึ้นด้วยกันทั้งสิ้น ดังนั้น หากเป็นไปตามภาพดังกล่าวนี้ กิจการค้าปลีกสมัยใหม่ส่วนใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก็น่าจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้น และนี่น่าจะเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มนี้ปรับตัวขึ้นในช่วงนี้ ประเด็นที่ต้องคำนึงสำหรับหุ้นในกลุ่มค้าปลีกสมัยใหม่ไม่ใช่เรื่องของผลประกอบการหรือความเข้มแข็งของตัวธุรกิจ แต่น่าจะอยู่ที่ราคาหุ้นที่มีการปรับตัวขึ้นมามากและทำให้หุ้นในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มีราคาที่ “ไม่ถูก” แล้ว ว่าที่จริง ถ้ามองจากค่า PE และค่า PB ผมคิดว่าน่าจะเป็นหุ้นกลุ่มที่ “แพงที่สุด” ในตลาดหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ก็อาจจะพูดได้เหมือนกันว่ามันเป็นหุ้นกลุ่มที่ “ดีที่สุด” ในตลาดหลักทรัพย์ได้เช่นกัน ดังนั้น การลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ในช่วงเวลานี้จึงจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ในความคิดของผม หุ้นกลุ่มค้าปลีกสมัยใหม่ในเวลานี้ ถ้าจะลงทุนก็คงไม่ใช่แนวทางแบบ เบน เกรแฮม ที่เน้นหาหุ้นถูกเป็นหลัก แต่อาจจะเป็นแนวทางแบบ วอเร็น บัฟเฟตต์ ที่เน้นลงทุนในหุ้นแบบ “ซุปเปอร์สต็อก” คือลงทุนในหุ้นที่ดีสุดยอด ในราคาที่ยุติธรรม ว่าที่จริง บัฟเฟตต์เองก็ซื้อหุ้น วอลมาร์ท ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกสมัยใหม่ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อไม่นานมานี้ ในราคาที่ไม่ถูกเลย
โดย
nantawat999
เสาร์ ก.ค. 16, 2011 7:31 pm
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
nantawat999
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
จันทร์ พ.ค. 09, 2011 9:54 am
ใช้งานล่าสุด:
เสาร์ พ.ย. 03, 2012 2:52 pm
โพสต์ทั้งหมด:
32 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.00% จากโพสทั้งหมด / 0.01 ข้อความต่อวัน)
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว