หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
echelon
Joined: อาทิตย์ เม.ย. 24, 2011 10:56 pm
158
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - echelon
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: ขนาดของพอร์ต VS ผลตอบแทน/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ขอบคุณครับ พอพูดถึงเทคนิคการสวิตซ์หุ้นไปมา ทำให้นึกถึงเทคนิคของคุณ Yoyo เลย :D https://www.facebook.com/yoyoinvestingway/posts/1247747608640759
โดย
echelon
อาทิตย์ พ.ย. 12, 2017 7:41 pm
0
1
Re: ขนาดของพอร์ต VS ผลตอบแทน/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ขอบคุณครับ อยากชวนเพื่อนๆ ในห้องมาร่วมแสดงความคิดเห็นกันครับ คำพูดของวอเร็น บัฟเฟตต์ที่ว่า "ถ้าเขาบริหารเงินจำนวนน้อย ๆ อย่างสมัยก่อนที่เขาเพิ่งจะเริ่มลงทุน การสร้างผลตอบแทนถึงปีละ 50% ก็เป็นไปได้" ผมคิดว่าคำพูดนี้ไม่น่าจะมองผลตอบแทนแค่ 1-2 ปี แต่น่าจะมั่นใจว่าสามารถได้ผลตอบแทนประมาณนี้ยาวถึงกรอบ 10 ปีได้เลย ถ้าบริหารเงินจำนวนไม่มาก คำถามคือ ด้วยเงื่อนไขนี้วอเร็น บัฟเฟตต์จะซื้อหุ้นแนวไหน ??? เช่น turn around, growth stock,value stock.. โดยอิงจากลักษณะนิสัยการซื้อหุ้นเดิมวอเร็น - ทำไมหุ้นถึงจะสามารถทำ perfomance ขนาดนั้นได้?? - ถ้าซื้อหุ้นเติบโต ก็น่าจะราคาแพงหน่อยแล้ว(มีสตอรี่โตตั้งปีล่ะ 50 %) pe คง 30+ เรื่อง valuation ทำไง??
โดย
echelon
อาทิตย์ พ.ย. 12, 2017 6:34 pm
0
1
Re: มีเงิน50000 มีโบรคไหนรับเปิดพอร์ตหุ้นเวียดนามบ้าง
ktzimico ได้ครับ
โดย
echelon
พุธ ต.ค. 18, 2017 11:38 pm
0
0
Re: ***เปิดจอง 9.00***Vietnam Investment Forum I (HCMC)
จอง
โดย
echelon
จันทร์ ก.ย. 11, 2017 9:01 am
0
0
Re: พี่น้อง VI ใครชอบตีเเบตบ้างครับ
อยู่เเถว งามวงวาน ปกติไปตีวันไหนบ้างครับ อยากไปเเจมด้วยคัรบ ก๊วนที่ตีด้วยกันแถวงามวงศ์วาน ตอนนี้แตกแล้วครับ ย้ายที่ทำงานกันหมด :? ผมเลยไปแปะตีกับก๊วนอื่น ไปตีกันไกล แถวๆ สามย่านเลย :D
โดย
echelon
พุธ ก.ค. 01, 2015 3:49 pm
0
0
Re: พี่น้อง VI ใครชอบตีเเบตบ้างครับ
ชอบเหมือนกันครับ ผมอยู่แถวๆ งามวงศ์วาน :D
โดย
echelon
จันทร์ มิ.ย. 29, 2015 8:57 am
0
1
Re: ประสบการณ์ชีวิต ของพี่ WEB พรชัย รัตนนนทชัยสุข ครับ
แอบสงสัยเรื่องอายุเล็กน้อย เคยอ่านประวัติพี่เว็บว่าจบเภสัชปี 2537 อายุ 29 น่าจะปี 2545 บทความนีเขียนตั้งแต่เมื่อ 12 ปีก่อนเลยหรอครับ :shock:
โดย
echelon
เสาร์ ต.ค. 18, 2014 11:20 pm
0
0
Re: แกะงบการเงินสไตล์ VI ( ผู้เขียน :สรรพงศ์ ลิมป์ธำรงกุล )
วิเคราะห์งบการเงินและอัตราส่วนการเงินของหุ้นอสังหาริมทรัพย์จะดูอะไรบ้าง มีคำถามว่าถ้าจะดูหุ้นอสังหาริมทรัพย์จะดูอะไรบ้าง ในที่นี้จะเริ่มจากงบการเงิน แล้วค่อยเชื่อมโยงกับปัจจัยภายนอก เป็นการวิเคราะห์ในแนวทาง Bottom up ซึ่งหากใครจะมองแบบ Top down ก็เพียงกลับทิศทางกันเท่านั้น บางครั้งTop down บ่งชี้ว่ายังไม่ใช้จังหวะเราก็อาจรอดูทั้งกลุ่ม เพียงแต่เมื่อทิศทางมาทั้งกลุ่ม เราก็ค่อยเลือกลงทุนในตัวที่วิเคราะห์แล้วดูเข้าตาก็ได้ Bottom up นั้นเมื่อเจอตัวหุ้นที่ดีก็ ดูมูลค่าที่ต่ำพอที่ลงทุนได้ ก็ทยอยซื้อเก็บลงทุนไป เมื่อพูดถึงกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เมื่อก่อนจะรวมกลุ่มรับเหมาก่อสร้างไว้ด้วย แม้จะดึงออกมาไม่รวมแล้ว แต่ในกลุ่มอสังหาฯ ก็ยังมีความหลากหลาย มีทั้งสร้างที่อยู่อาศัย (บ้านและคอนโด) ขาย สร้างอาคารพาณิชย์ให้เช่า พัฒนาพื้นที่ทำนิคมอุตสาหกรรม สร้างคลังสินค้าขายหรือให้เช่า เป็นต้น ดังนั้น การเปรีบยเทียบและวิเคราะห็ต้องระมัดระวังอย้างมากในการวิเคราะห์และนำมาเปรียบเทียบ ในที่นี้ขอมุ่งเน้นที่สร้างที่อยู่อาศัย (บ้านและคอนโด) ขาย เป็นหลัก โครงสร้างหรือรายการในงบการเงินที่สำคัญ v รายการในงบดุลให้สังเกตรายการงาน สินค้าคงเหลือ ต้นทุนโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย v เงินมัดจำค่าซื้อที่ดิน v เงินจ่ายล่วงหน้าค่าสินค้า/วัสดุก่อสร้าง v ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ (และสิทธิการเช่า) v หนี้สิน-เงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงิน เงินกู้ระยะยาว หุ้นกู้ v รายได้ ---- > รายได้ อสังหาฯ รับรู้เมื่อโอนฯ v ต้นทุน v ดอกเบี้ยจ่าย 1. ในโครงสร้างงบการเงินนี้คือรายการสาระสำคัญที่ทำให้เราสามารถมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ชัดเจน (หากตีความได้เป็นและถูกต้องตามกิจกรรมของธุรกิจ) รายการที่มีสาระสำคํญที่สุด มีจำนวนที่มาก คิดแล้วมีมูลค่ากว่า 90% ของสินทรัพย์ทั้งหมด คือ ต้นทุนโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ในการวิเคราะห์ที่ถูกต้องนั้น ต้องมองว่ารายการนี้คือ สินค้าคงเหลือของธุรกิจนี้ แต่เป็นสินค้าที่ต้องถือรอบนาน เพราะกว่าจะก่อสร้างเสร็จและขายได้ต่างจากการผลิตสินค้าเพื่อขายทั่วไป 2. ลูกหนี้ในธุรกิจนี้แทบจะไม่มีเลยเพราะ เมื่อสร้างเสร็จ หากลูกค้าที่ซื้อบ้านหรือคอนโด รับโอนก็จะจ่ายเงินทันที โดยส่วนมากเกือบทั้งหมด (>90-95%) จะขอสินเชื่อธนาคาร ดังนั้นธนาคารจะเป็นผู้ชำระค่าบ้านให้ทันที จึงไม่มียอดลูกหนี้ 3. เนื่องจากธุรกิจนี้พึ่งพิงกับสถาบันการเงินสูง ส่วนมากแทบทุกโครงการจะมีสถาบันการเงินเป็นผู้ให้เงินกู้เพื่อขึ้นโครงการ เมื่อคนซื้อบ้านต้องการซื้อบ้าน ทางโครงการหรือบริษัทมักแนะนำธนาคารเพื่อขอสินเชื่อให้ (ซึ่งมักจะง่ายกว่าที่ผู้ซื้อบ้านไปขอที่ธนาคารอื่นเอง) บริษัทก็จะเอาเงินที่โอนขายบ้านได้จากธนาคารคืนเงินกู้ธนาคารไป ที่เหลือก็คือกำไร ถ้าคนซื้อไม่ผ่านอนุมัติเงินกู้สินเชื่อ ก็จะเกิดปัญหาแน่นอน เพราะขานบ้านไม่ได้ รายได้ไม่เกิด เงินกู้ธนาคารก็คืนไม่ได้ ตรงนี้แหละครับคือประเด็นที่เกี่ยวพันกับภาวะเศรษฐกิจ ตามปกติธนาคารจะกำหนดเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อโดยรวมตามภาวะเศรษฐกิจ โดยทั่วไปมักจะมียอดขยายสินเชื่อราวๆ 1.5-2.5 เท่าของ GDP และกระจายตามกลุ่มธุรกิจเพื่อป้องกันหรือเป็นการบริหารความเสี่ยงวิธีหนึ่งของธนาคาร ถ้าเศรษฐกิจดี พอร์ตสินเชื่อบ้านก็จะเพิ่มมากตามไปด้วย บริษัทอสังหาก็ขายง่ายขึ้น ถ้าเศรษฐกิจหดตัวก็ขายยากขึ้น เพราะลูกค้าบ้านได้รับการอนุมัติยากขึ้น โอนขายยากก็รับรู้รายได้น้อยลง 4. ภาวะดอกเบี้ยเป็นปัจจัยที่สอง คือเมื่อในช่วงดอกเบี้ยกำลังเริ่มขึ้นใหม่ (มักเกิดในตอนกำลังโตขึ้น) มักเป็นผลดีเพราะกำลังซื้อคนยังสูง การตัดสินใจคนซื้อจะง่ายขึ้น ยอดขายจึงโตเร็ว ส่วนในภาวะเศรษฐกิจถ้าโตมาระดับหนึ่งแล้วและดอกเบี้ยยังคงขึ้นต่อเนื่องตามวงจรเศรษฐกิจ ช่วงนี้จะเริ่มเป็นแรงกดดันการตัดสินใจซื้อ จะส่งผลให้การเติบโตยอดขายของอสังหาฯไม่สูงดังที่เกิดขึ้น ซึ่งหากอำนาจซื้อโดยทั่วไปเริ่มลดลงเพราะแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อด้วยแล้ว ยิ่งมีผลสูง 5. จากที่กล่าวในข้อแรกว่ารายการหลักในงบการเงินคือ ต้นทุนโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย ดังนั้นหากวิแคราะห์อัตราส่วน current ratio จะไม่ได้ความหมายอะไร ช่วงดีก็เกิน 1 ใกล้ล้มละลายก็เกิน 1 ขาดสภาพคล่องก็เกิน 1 แล้วจะดู Liquidity อย่างไร เพราะธุรกิจนี้หากใครสภาพคล่องดี สายป่านดี ถือเป็นจุดแข็งที่ได้เปรียบข้อหนึ่งของธุรกิจ (Strength) กิจการที่สภาพคล่องไม่ดีจะพึ่งเงินกู้ระยะสั้นสูง จะมีต้นทุนการเงิน (ดอกเบี้ยจ่าย) สูงเป็นเงาตามตัว อ้ตราส่วนสภาพคล่องควรใช้ Modified Current Ratio = CFO/Current Liabbility แทน โดย CFO คือ กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (หักการจ่ายดอกเบี้ยเป็นเงินสดแล้ว) หารด้วย หนี้สินหมุนเวียนเฉลี่ย ค่าที่ได้ควรสูงกว่า 1 จึงจะถือว่าสถาพคล่องดี ถ้า CFO ต่ำหรือติดลบ แสดงว่าธุรกิจปัจจุบันดำเนินไปประจำวันด้วยเงินกูล้วนๆ แบบนี้ช่วงเศรษฐกิจดีก็ไม่น่าห่วง แต่ช่วงไม่ดีน่าห่วง เพราะล้มง่ายเกิดปัญหาง่าย 6. ต่อมาคือวัดรอบการหมุนเวียนของสินค้าคงเหลือ สินค้าคงเหลือคือต้นทุนโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายนั่นเอง (ถ้ามีรายการสินค้าคงเหลืออีกบรรทัดให้เอามารวมกัน) ใช้สูตรเดียวกับ Inventory Turnover คือ ต้นทุนขายหารสินค้าคงเหลือเฉลี่ย แน่นอนรอบจะต่ำมาก บางบริษัมได้ 0.6 รอบต่อปี หาเป็นวันได้ 600 วัน หมายความว่า โดยเฉลี่ยโครงการหนึ่งนับแต่เริ่มขึ้นเสาเข็มจนสร้างเร็จแล้วโอนขายได้ ใช้เวลา ราว 1 ปี 8 เดือน เราสามารถนำค่านี้ไปพิจารณาความเหมาะสมได้ แต่ต้องระวังด้วยเพราะโครงการของแต่ละบริษัทอาจแตกต่างกันไปตามกลุ่มเป้าหมาย เช่นบางบรษัมเน่นลูกค้าระดับกล่างถึงกลางสูง กับบางบริษัทเน้นกลุ่มระดับสูงระยะเวลาอาจต่างกัน ซึ่งเราต้องอาศัยประสบการณ์และการสังเกต การพูดคุยหาข้อมูลเพื่อให้มั่นใจ แต่ถ้าจะพิจารณาให้เเร็วด้วยการเปรียบเทียบ บรฺษัทที่มีกลุ่มหรือภาพรวมโครงการคล้ายกัน ก็น่าจะใกล้เคียงกัน 7. เนื่องจากธุรกิจนี้ก่อหนี้สูงโดยสภาพธุรกิจ การพิจารณาเพียง D/E อาจจไม่พอที่จะได้ภาพชัดเจน จึงควรวิเคราะห์ควาสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยด้วย ปกติใช้ ICR (Interest Coverage Ratio = EBIT/I) แต่เนื่องจากธุรกิจนี้ จะมีการบันทึกต้นทุนการกู้ยืมบางส่วนเข้าในต้นทุนโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (Interest Capitalization) ดอกเบี้ยจ่ายที่เห็นในงบกำไรขาดทุนจึงแสดงดอกเบี้ยจ่ายจริงเพียงบางส่วนเท่านั้น เพื่อหาความสามารถในการจ่ายดอกเบี้ยที่แท้จรงจึงควรใช้ MICR (Modified Interest Coverage Ratio = (CFO+I)/I ) โดยการเอา CFO (ซึ่งหักดอกเบี้ยจ่ายเงินสดแล้ว) บวกกลับด้วยดอกเบี้ยจ่ายเงินสด หารด้วยดอกเบี้ยจ่ายเงินสด ทั้งหมดหาตัวเลขได้จากงบกระแสเงินสด ค่าที่ได้ควรมากกว่า 1 หากน้อยกว่าหรือติดลบ แสดงถึงสภาวะที่ไม่ดีของธุรกิจ ยิ่งหากเกิดในช่วงเศรษฐกิจชลอตัวยิ่งต้องระวัง 8. อัตราส่วนที่ใช้พิจารณาอีกตัวเกี่ยวกับหนี้สินคือ Modified Payback Period = ภาระหนี้ที่จ่ายดอกเบี้ยทั้งหมด / CFO อัตราส่วนนี้บอกว่า ในภาระหนี้ที่ต้องจ่ายดอเกบี้ยทั้งหมดถ้าจ่ายด้วยกระแสเงินสดที่ได้รับ (หลังหักดอกเบี้ยจ่ายแล้ว) เงินต้นทั้งหมดจะหมดในกี่ปี ยิ่งสั้นยิ่งดี แต่ติดลบไม่ดีแปลว่าไม่มีเงินจ่ายเงินต้น ค่าที่พอรับได้ น่าจะอยู่ไม่เกิน 5 ปี เพราะปกติการกู้ยืมสถาบันการเงินจะได้ term ราว 3-5 ปี ถ้ายาวกว่านั้น แสดงว่าต้องมีการ refinance แน่นอน กิจการอยู่ได้โบการหมุนเงินกู้วันไหนแบงค์ล้มบริษัทล้มแน่นอน (เหมือนปี 40 ที่มีอสังหาจำนวนมากล้มตามสถาบันการเงิน ทุกที่ล้วนมีอัตราส่วนตัวนี้ยาวทั้งสิ้น) อีกแง่หนึ่งอาจบอกได้ว่า แนวโน้มเพิ่มทุนสูง ยิ่งค่าติดลบ บรษัทจะมี D/E สูงกว่าอัตสาหกรรม และโอกาสต้องเพิ่มทุนยิ่งสูง 9. GM (Gross Margin) และ NM (Net Margin) พิจารณาเชิงแนวโน้มจะได้ภาพที่ชัดเจน หากแนวโน้มคงที่รักษาระดีบได้ดี แสดงถึงการรักษาความได้เปรียบการแข่งขัน (Sustainable Competitive Advantage) อย่าดูเพียงค่าสูงหรือต่ำอย่างเดียว เพราะแต่ละบริษัทมีกลุ่มลูกค้าต่างกัน กลุ่ม High-end ย่อมมี GM สูงกว่าผู้จับตลาดกลุ่ม Middle-end เพราะเมื่อดู NM แล้วอาจใกล้เคียงกัน กลุ่ม High-end มักมีค่าใช้จ่ายขายและบริหารสูงกว่า การวิเคราะห์หาหุ้นดีในกลุ่มนี้จึงควรดู GM และ NM แบบแนวโน้มประกอบจึงชัดเจนกว่า 10. สุดท้ายก็คงเป็นค่ามาตราฐานที่ใช้ดูหลักๆในทุกกลุ่มคือ ROA และ ROE บริษัทที่มากกว่า และสูงกว่าย่อมดีกว่า แต่บางครั้ง ทำมาทุกข้อ 1-9 บางตัวสูงบางตัวต่ำเราก็เลือกสุดท้ายที่ค่านี้เพื่อเอาตัวที่เข้า win เขียนมา 10 ข้อคงพอควรระดับหนึ่งที่ครอบคลุมพอควร ปลีกย่อยมีอีกบ้างแต่ที่เขียนมาคือหลักใหญ่ครับ
โดย
echelon
อังคาร ก.ย. 30, 2014 9:12 am
0
3
Re: แกะงบการเงินสไตล์ VI ( ผู้เขียน :สรรพงศ์ ลิมป์ธำรงกุล )
เป็นมือหนึ่งจริงหรือเปล่าผมไม่ทราบเหมือนกัน แต่ถามว่าเก่งไหมผมแน่ใจว่าเก่งมากครับ ในเฟสบุ๊คของท่านจะมีเขียนบทความรู้ทางการเงิน การลงทุน และการบัญชี ให้อ่านด้วยลองตามไปอ่านกันดูครับ ตัวอย่างบทความครับ คุณภาพกำไร Quality of Earning Quality of Earning = CFO / Net Income บางทีเรียกย่อๆ ว่า QE เป็นคนละ QE กับที่รัฐบาลธนาคารกลางอเมริกาออกนะครับ อัตราส่วนนี้นำกำไรสุทธิมาหารด้วยเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานสุทธิ และต้องเป็นเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานที่หักการจ่ายดอกเบี้ยเงินสดแล้ว ดังนั้นเวลาดึงข้อมูลกระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานสุทธิมาใช้ต้องตรวจสอบดูสักนิดว่าหักดอกเบี้ยจ่ายเงินสดหรือยัง ง่ายๆ คือดูที่กิจกรรมดำเนินงานว่ามีการหักดอกเบี้ยจ่ายเงินสดหรือไม่ ไม่ใช่รายการบวกลับดอกเบี้ยจ่ายเพราะนั้นเป็นการบวกรายการทางบัญชีกลับทั้งก้อนก่อนลบออกด้วยรายการเงินสดดอกเบี้ยจ่าย หรืออาจดูในกิจกรรมจัดหาเงินว่ามีลบด้วยรายจ่ายเงินสดดอกเบี้ย (ต้นทุนทางการเงิน) หรือไม่ ถ้ามีแสดงว่าเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานยังไม่ลบดอกเบี้ยจ่ายเงินสดออก ITD หน่วยล้านบาท 2555 2554 เงินสดสุทธิได้มาจาก (ใช้ไปใน) กิจกรรมดำเนินงาน 2,100.3 3,970.2 กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน จ่ายดอกเบี้ย (2,297.2) (2,344.0) CK หน่วยล้านบาท เงินสดจาก (ใช้ไปใน) กิจกรรมดำเนินงาน (1,273.6) (3,046.6) จ่ายดอกเบี้ย (1,391.2) (1,080.7) จ่ายภาษีเงินได้ (770.7) (266.1) เงินสดสุทธิจาก (ใช้ไปใน) กิจกรรมดำเนินงาน (3,435.5) (4,393.5) CFO ของ ITD จะเท่ากับ (196.9) และ 1,626.2 สำหรับปี 2555 และ 2554 ตามลำดับที่จะนำมาใช้ในการคำนวนอัตรส่วนคุณภาพกำไร ส่วนCFOของ CK ใช้ได้เลย เคยเขียนมาก่อนหน้าว่า เป้าหมายกิจการคือการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกิจการ ไม่ใช่เพียงกำไรเท่านั้น ในเป้าหมาย Shareholders’ value creation กิจการต้องมุ่งทำให้สมดุลทั้งสามด้านคือ Make Profit, Generate Cash Flow และ Stay Solvency ซึ่งหลายกิจการมีกำไรสุทธิแต่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นลบ กิจการเหล่านี้ถ้าสังเกตให้ดีกิจการที่มีกำไรแต่กระแสเงินสดดำนินงานเป็นลบ ล้วนแต่จะมีภาระหนี้เพิ่มขึ้น และมักหนีไม่พ้นต้องเพิ่มทุนเพื่อลดภาระหนี้ ในทางการเงินถือว่าไม่เป็นการเพิ่มทุนที่ดี เพราะการเพิ่มทุนควรสร้างผลกำไรจากการลงทุนที่ให้ ROE ที่สูงขึ้นจากโครงการใหม่ ไม่ใช่ผลตอบแทนจากการลดดอกเบี้ยเพราะเท่ากับได้ ROE จากทุนใหม่เพียงผลตอบแทนเงินกู้เท่านั้น เรื่องนี้ถ้าเข้าใจหลักการเรื่อง Capital Budgeting ใน Finance ก็จะเข้าใจไม่ยาก กำไรที่แสดงในงบกำไรขาดทุนเป็นผลมาจากการรับรู้ด้วยหลักเกณฑ์ค้างรับหรือเกณฑ์สิทธิ (Accrual Basis) ซึ่งถือว่าถูกต้องในการวัดผลทางกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แต่บางครั้งกำไรที่เห็นอาจจะไม่ได้สะท้อนถึงมูลค่าที่เป็นจริงได้ หากกำไรนั้นไม่สามารถเปลี่ยนกลับมาในรูปเงินสดที่แท้จริง เช่นเมื่อขายสินค้า 100 บาท ต้นทุนสินค้าที่ซื้อมาเท่ากับ 80 บาท ณ จุดที่ขายเวลานั้นกำไรเกิดขึ้นเท่ากับ 20 บาท ถ้ากิจการซื้อเงินสดขายเงินสด กิจการจะมีเงินสดเพิ่มขึ้นทันที 20 บาท แต่ถ้ากิจการขายโดยให้เครดิต 10 วัน ในทางบัญชีวันนั้น รับรู้กำไร 20 บาทแปลความว่า กิจกกรมที่ทำในวันนั้น ทำให้มูลค่ากิจการเพิ่มขึ้น 20 บาท มูลค่าหรือสินทรัพย์ที่เพิ่มนั้นคือประโยชน์เชิงเศรษฐกิจนั่นเองเพียงแต่ประโยชน์ดังกล่าวเป็นสิทธิเรียกร้องได้ไม่ได้อยู่ในรูปตัวเงินเท่านั้น หากรับรู้กำไรตามเกณฑ์เงินสด ผลงานจะไปเกิดขึ้นในอีก 10 วันหลังขาย กิจกรรมการขายได้จบสิ้นไปแล้ว เพียงแต่ในทางปฏิบัติเราซื้อขายทุกวัน จ่ายเงินเก็บเงินทุกวัน จึงทำให้ดูเหมือนมีเงินเข้าออกทุกวัน ความจริงเงินนั้นมาจากการขายก่อนหน้าไม่ใช่จากกิจกรรมปัจจุบัน ดังนั้นทุกครั้งที่การขายเกิดขึ้นแล้วเสร็จเครดิตการค้าที่เราให้ลูกหนี้ก็เหมือนกับการที่ลูกหนี้ได้เก็บกำไรกิจการไว้ช่วงหนึ่งนั่นเอง แต่มูลค่ากิจการวัดจากกระแสเงินสดที่เกิดจริง ดังที่กล่าวไว้ว่าการรับเงินทุกวันทำให้ดูเหมือนกับขายแล้วได้เงินสดมาทุกวัน ดังตัวอย่างขาย 100 บาท กำไร 20 บาท ถ้าเช่นนี้ทุกวัน 10 วันให้หลังกิจการจะมีกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นวันละ 20 บาทต่อเนื่องตลอด มูลค่าของกิจการก็จะใช้กระแสเงินสดรับเข้าสุทธิวันละ 20 บาทเป็นตัวคำนวณมูลค่า ถ้าสมมติว่า การเก็บเงินมีปัญหาสะดุดบางช่วง กำไรจะยังคงเดิมอยู่แต่กระแสเงินสดจะเปลี่ยนไป เมื่อรูปแบบกระแสเงินสดเปลี่ยน ย่อมกระทบต่อมูลค่าธุรกิจ ในการวิเคราะห์งบการเงินกำไรที่เห็นกับกระแสเงินสดจากการดำเนินงานควรจะเปรียบเทียบกันได้ จากตัวอย่างง่ายๆ ที่ยกมากิจการมีกำไรวันละ 20 บาท เงินสดได้วันละ 20 บาท ถือได้ว่ากำไรที่เห็นมีคุณภาพกำไรทางบัญชีที่ผ่านมาเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ตามปกติ โดยมีข้อสมมติว่าดำเนินกิจกรรมตามหลักการดำรงอยู่ต่อเนื่อง กำไรในอดีตคือเงินสดในวันนี้ และกำไรในวันนี้ก็จะเป็นเงินสดในวันหน้า ถ้าเงินสดได้รับน้อยกว่ากำไรที่เกิดขึ้น อาจจะกำลังสะท้อนปัญหาบางอย่างในกิจการที่บ่งชี้ถึงคุณภาพกำไรในอนาคตว่าจะมีปัญหาในการเปลี่ยนกำไรเป็นเงินสดสุทธิเข้ามาในกิจการ เช่น บริษัทในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง SCCC หน่วยล้านบาท 2555 2554 2553 จ่ายดอกเบี้ย (205.4) (187.4) (188.9) จ่ายภาษีเงินได้ (1,088.6) (1,444.2) (1,118.8) เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน 4,250.9 4,159.0 4,082.1 กำไรสำหรับปี 3,637.3 3,291.4 2,696.3 QE 1.17 1.26 1.51 บริษัทรับเหมาก่อสร้าง ITD หน่วยล้านบาท 2555 2554 2553 เงินสดสุทธิได้มาจากกิจกรรมดำเนินงาน 2,100.3 3,970.2 748.7 กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน จ่ายดอกเบี้ย (2,297.2) (2,344.0) (1,973.6) เงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงาน (196.9) 1,626.2 (1,224.9) กำไรสำหรับปี 91.5.0 (1,642.1) 317.9 QE (Quality of Earning) (2.15) (0.99) (3.85) อัตราส่วนที่ดีคือ > 1 ยิ่งสูงยิ่งดีและถ้ามีความผันผวนน้อยจะแสดงคุณภาพกำไรที่แปลงเป็นเงินสดเข้าบริษัทมาก ส่วนภ้าต่ำกว่า 1 บ่งชี้ถึงคุณภาพที่ต่ำ ยิ่งน้อยยิ่งไม่ดี ส่วนกรณที่ติดลบถือว่าคุณภาพยิ่งแย่มากวึ่งจะกระทบต่อการจ่ายปันผล เพราะQE ลบหมายถึง มีกระแสเงินสดแต่ไม่มีกำไร ก็จะจ่ายปันผลไม่ได้ (แม้จะมีกำไรสะสมก็จ่ายไม่ได้ถ้าวงดนั้นขาดทุน เพราะกฎหมายให้จ่ายปันผลได้เมื่อมีกำไรเท่านั้น) หากจะจ่ายได้ (รวมกำไรสะสมด้วย) ต้องรอในปีที่มีกำไรเท่านั้น ส่วนกรณีมีกำไรแต่เงินสดจากการดำเนินงานติดลบ แสดงว่าถ้าจะจ่ายก็ต้องกู้เงินมาจ่ายเท่านั้น (หรือขายสินทรัพย์เท่านั้น) ดังนั้นจึงไม่แปลกใจว่าทำไม ITD จึงมี D/E สูง และต้องมาเพิ่มทุน เพราะปีที่มีกำไรเงินสดจากการดำเนินงานกลับติดลบ และต้องมาจ่ายปันผล (ข้อมูลการจ่ายปันผลจะเหลื่อมปีกับปีที่แสดงกำไรเพราะการประกาศจ่ายเกิดในปีถัดไปหลังปิดบัญชีประจำปี) SCC 2552 2553 2554 2555 ราคาล่าสุด(บาท) 235 234 258 420 อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน(%) 4.68 4.7 4.26 3.1 DPS 11.00 11.00 10.99 13.02 ITD ราคาล่าสุด(บาท) 2.94 4.64 3.62 4.2 ตอบแทน(%) N.A. N.A. 1.38 N.A. DPS 0.0 0.0 0.0 0.0 ข้อสังเกต อัตราส่วนคุณภาพกำไรคำนวณจากกระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานหารด้วยกำไรสุทธิ คำถามที่อาจเกิดขึ้นกรณีที่ใช้งบการเงินรวมคือ กำไรสุทธิควรใช้กำไรสุทธิก่อนหรือหลังหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยออก ถ้าพิจารณาจากสูตรและวัตถุประสงค์ของการสื่อความหมายของค่าที่ได้ที่จะใช้บอกถึงกำไรจากการดำเนินงานและเงินสดจากการดำเนินงาน กำไรสุทธิควรเป็นกำไรของส่วนเจ้าของทั้งหมดก่อนการแบ่งระหว่างผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่และผู้ถือหุ้นส่วนน้อย เพราะกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แสดงในงบกระแสเงินสดไม่ได้แสดงแยกออกว่าเป็นเงินสดของกลุ่มใดเท่าไร แม้ว่าการนำเสนอแบบทางออ้อมที่นิยมใช้จะเริ่มต้นด้วยกำไรสุทธิบรรทัดสุดท้ายในงบกำไรขาดทุนที่เป็นส่วนหลังจากหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยออกแล้ว แต่การเปลี่ยนแปลงของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยจะนำไปปรับปรุงในกิจกรรมการลงทุนเพื่อกระทบยอดเงินสดทั้งหมดโดยรวมให้ถูกต้อง ดังนั้นกระแสเงินสดจากกิจกรรมการดำเนินงานจึงเป็นกระแสเงินสดของบริษัทโดยรวมที่มาจากการดำเนินงานทั้งหมด กำไรที่จะนำมาเปรียบเทียบจึงควรเป็นกำไรก่อนหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย (กำไรสุทธิรวม ไม่ใช่กำไรของบริษัท)
โดย
echelon
อังคาร ก.ย. 30, 2014 9:09 am
0
7
Re: แกะงบการเงินสไตล์ VI ( ผู้เขียน :สรรพงศ์ ลิมป์ธำรงกุล )
เพิ่มรูปหนังสือครับ
โดย
echelon
จันทร์ ก.ย. 29, 2014 8:06 pm
0
3
Re: ชัยชนะของมวยรอง / คนขายของ
ตอนนี้ผมกำลังอ่านหนังสือเรื่อง "หลักคิดเรื่องกลยุทธ์และการแข่งขัน" ซึ่งจะอธิบายหลักการของ Porter เขียนโดย Joan Magretta ก็เขียนไว้ว่าบริษัทที่น่าสนใจจริงๆ คือบริษัทที่เน้นการสร้างคุณค่าแบบที่เป็นเอกลักษณ์ต่างหาก สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่บริษัทเจาะจง ไม่ใช้บริษัทที่เน้นการเป็นบริษัทที่ดีที่สุด เพราะลูกค้าอาจจะไม่ได้มีความต้องการสิ่งที่ดีที่สุดเสมอไป
โดย
echelon
เสาร์ ก.ย. 06, 2014 10:42 am
0
7
Re: ในไทยวีไอมีตั้งกลุ่ม line บ้างมั้ยครับ
เข้าด้วนครับ :D id: para_p
โดย
echelon
อังคาร ก.ย. 02, 2014 1:53 pm
0
0
Re: กบง.มีมติลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน
ยกเลิกกองทุนน้ำมันครับ เลิกได้แล้วระบบนี้ ทำไมถึงควรยกเลิก มันมีผลเสียยังไงบ้างหรอครับ :?:
โดย
echelon
เสาร์ ส.ค. 30, 2014 5:54 pm
0
1
Re: ไม่เข้าใจที่มาของสูตรนี้ครับ
21 คงเป็น 20 1.1 น่าจะมาจากให้ ABC มี eps ปีต่อไปโต 10% เลยคูณ 1.1 1.25 ก็คงให้ XYZ โต 25 % เลยคูณ 1.25 (โต 30% ตอนแรกคงเป็นเฉพาะปีที่ผ่านมา) รอคุณแซนมายืนยันให้อีกทีนะครับ แต่จริงๆ แล้วถ้าจะใช้ PEG ในการหามูลค่า น่าจะใช้ค่า g เฉลี่ยไปในอีก 3-5 ปีข้างหน้า จะปลอดภัยขึ้นครับ
โดย
echelon
อังคาร ก.ค. 01, 2014 9:31 am
0
1
Re: แนวโน้ม.... เอาพลังงานคืนมา! ... ทวงคืนปตท.?
http://clip.thaipbs.or.th/file-12258 ดูจากในรายการ ม.ล. กรกสิวัฒน์ บอกว่า ราคาที่หน้าโรงกลั่นประเทศไทย (CIF) = FOB + ค่าประกัน+ค่าขนส่ง+ค่าใช้จ่ายอื่นๆ >>> เรียกว่า Import Parity Price (IPP) ค่าประกัน+ค่าขนส่ง+ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่บวกเพิ่มจาก FOB เป็นค่าใช้จ่ายเทียม เพราะบวกเพิ่มไปในต้นทุนน้ำมันดิบแล้ว ผมก็เลยลองคิดดูว่า ถ้าเป็นโรงกลั่นที่สิงคโปร์ ส่วนต่างที่ได้ก็ = FOB-ราคาน้ำมันดิบ ส่วนไทยก็เป็น = FOB + ค่าประกัน+ค่าขนส่ง+ค่าใช้จ่ายอื่นๆ-(ราคาน้ำมันดิบ+ค่าประกัน+ค่าขนส่ง+ค่าใช้จ่ายอื่นๆ) ส่วนต่างที่ได้ระหว่างทั้งคู่จะเท่ากัน มันก็ดูสมเหตุสมผลอยู่นะคับ นึกไม่ออกว่าทำไม ม.ล. กรกสิวัฒน์ บอกว่าเป็นค่าใช้จ่ายเทียม ผมไม่เข้าใจ :| ทั้งเรื่องสัมปทานอีก เคยตามไปอ่านที่นี้มา http://goo.gl/g7fXSA เหมือนหนังคนละเรื่องเลย :?:
โดย
echelon
อาทิตย์ มิ.ย. 15, 2014 9:07 pm
0
2
Re: ปรึกษาปัญหากู้ยืมเงินครับ
แนะนำให้ปรึกษาทนายเลยคับ เรื่องพวกนี้มันลื่นไหลได้ มีช่องของมันอยู่ :B
โดย
echelon
ศุกร์ มิ.ย. 13, 2014 1:44 pm
0
2
Re: รบกวนถามถึงแนวทางการลงทุน
สวัสดีคับคุณ cc_gardener อายุใกล้ๆ กับผมเลย(ผมอายุ 25 ปี ) ออกตัวก่อนว่าผมก็เป็นมือใหม่ที่กำลังศึกษาเหมือนกันนะคับ ของผมหลังจากอ่านหนังสือเกี่ยวกับแนวคิดด้าน vi แล้ว สิ่งที่ทำต่อคือ 1. ศึกษาวิธิอ่านงบการเงินเพื่อที่จะได้เข้าใจภาพของบริษัทอย่างถูกต้องแบบที่ควรจะเป็น หนังสือที่แนะนำก็ อ่านงบการเงินเบี้ยงต้น ของ ดร.ภาพร และก็ติดตามบทความความรู้ทางงบการเงิน ของ อ.สรรพงศ์ ลองไปตามอ่านดูครับ อาจารย์โพสให้อ่านแบบไม่มีกั๊กเลย https://www.facebook.com/sanpong.limthamrongkul?fref=ts 2. ศึกษาเกี่ยวกับวิธีในการประเมินมูลค่าหุ้น ส่วนนี้ผมก็ลงเรียนในคอร์สของอ.สรรพงศ์ (ผมไม่ใช่หน้าม้าของอาจารย์นะ :wink: ) ตอนนี้ก็นั่งอ่านรายงานประจำปีของบริษัทที่สนใจไปเรื่อยๆ ตั้งเป้าว่าจะทำความเกี่ยวกับธุรกิจประกันให้ได้คับ
โดย
echelon
พฤหัสฯ. พ.ค. 01, 2014 3:51 pm
0
2
Re: มาม๊า สรุปผลการลงทุนในปี 2556 กัน
+6.6% รวมปันผลแล้วครับ
โดย
echelon
เสาร์ ธ.ค. 28, 2013 10:59 am
0
5
Re: แชร์เรทค่าเช่าคอนโด
ค่าที่คุณมานะว่าน่าจะรวมอยู่ในนี้แล้วนะครับ(ใช้ 9 เดือนคูณแทน 12 เดือน) 4. Yield ผมขอใช้สูตร (ค่าเช่าต่อเดือน*9/ราคาต่อ ตรม.) ที่คูณ 9 เพราะ หัก 1. ค่าส่วนกลาง 2. ค่า Agent 3. Waiting Period
โดย
echelon
พฤหัสฯ. ธ.ค. 05, 2013 11:43 pm
0
3
Re: หากต้องการดูความคิดเห็นเฉพาะเจาะจงหุ้นต้องทำอย่างไร?
ตามนี้เลยครับ http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=52567
โดย
echelon
เสาร์ พ.ย. 30, 2013 3:07 pm
0
0
Re: แนะนำหนังสือ "อ่านงบการเงิน เพื่อลงทุนหุ้น" ดีมาก จุงเบย
ขอบคุณที่แนะนำครับ หนังสือนี้ดีมากสำหรับมือใหม่ที่หัดอ่านงบการเงินแบบผมจริงๆ คนเขียนก็เหมือนจะอยู่ใน thaivi เหมือนกันนะครับ เพราะเห็นมีเขียนแนะนำห้องร้อยคนร้อยหุ้นด้วย ถ้าท่านผู้เขียนเข้ามาอ่านก็อยากบอกว่าผมรอเล่มต่อๆ ไปอยู่นะครับ ^__^
โดย
echelon
เสาร์ พ.ย. 23, 2013 11:38 pm
0
2
Re: รวมไฟล์ 56-1 ปี 2012
ขอบคุณครับ :P
โดย
echelon
อังคาร ต.ค. 08, 2013 9:17 pm
0
0
Re: ธุรกิจกวดวิชาพากันรวย! แค่ ม.ปลายดูดเงินผู้ปกครองกว่า 8
อ่าคับ igcse เทียบกับ ม.3-4 ส่วน A-lv นี้ ม.5-6
โดย
echelon
จันทร์ ก.ย. 16, 2013 9:15 pm
0
0
Re: ธุรกิจกวดวิชาพากันรวย! แค่ ม.ปลายดูดเงินผู้ปกครองกว่า 8
ส่งลูกเรียนอินเตอร์ช่วยได้ไหมครับ ขอแชร์มุมมองส่วนตัวนะครับ พอดีก่อนหน้านี้ผมรับจ๊อบสอนพิเศษอยู่พอดี เท่าที่สอนมาและคุยกับกลุ่มติวเตอร์ด้วยกันรู้สึกว่าเด็ก ร.ร.อินเตอร์ จะเก่งกว่าเด็กทั่วไปเฉพาะเรื่องภาษาอย่างเดียวครับ แต่ว่าความรู้คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์จะต่างกันค่อนข้างมาก อย่างที่ผมเคยสอนฟิสิกส์หลักสูตร igcse เนื้อหาก็จะค่อนข้างเยอะแต่จะไม่เจาะลึกเหมือนจะตั้งใจแค่ให้เห็นว่ามันมีอะไรบ้าง แตกต่างกับฟิสิกส์ของไทยในระดับ ม.ปลายที่เรียนแต่ละเรื่องก็จะเจาะเข้าไปในเรื่องนั้นอย่างจริงจังคำนวณโดยใช้เครื่องมือทางคณิตศาสตร์ทั้งหมดที่เรียนในระดับนั้น ฉะนั้นถ้าถ้านำมาวัดกันตอนสอบเข้ามหาลัยรัฐโดยทั่วไปเด็ก ร.ร.รัฐบาลจะได้เปรียบมากกว่าครับ คำแนะนำในการเลือก ร.ร. ผมก็เลยอยากแนะนำเป็น ร.ร.รัฐบาล ที่มีชื่อเสียงมากกว่า ร.ร. อินเตอร์ ครับ ขอกลับมาที่เรื่องกวดวิชา ผมขอเสนอทางเลือกอื่นนอกจากการส่งลูกไปเรียนกวดวิชาให้สำหรับพี่ๆ จะได้เอาไปให้ลูกลองศึกษาดูด้วยตัวเองนะครับ 1. http://www.clipvidva.com/ จะมีสอนวิชาคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ในระดับ ม.ปลาย สอนโดยน้องๆ จากวิศว ฬ ทำออกมาได้ค่อนข้างดีเลยครับถ้าดูและฝึกฝนตามก็พอเพียงที่จะใช้สอบเข้ามหาลัยต่อได้ 2.http://krookook.com/index.php/home/8-Broadcast.html อันนี้เป็นวิชาเคมีครับ
โดย
echelon
อาทิตย์ ก.ย. 15, 2013 3:22 pm
0
1
Re: MoneyTalk Weekly (ตารางรายการ บริษัทและผู้บริหาร)
ขอบคุณสำหรับสิ่งดีๆ ที่นำมาแบ่งปันครับ :D
โดย
echelon
อาทิตย์ ก.ย. 08, 2013 2:41 pm
0
1
Re: สรุปความรู้จากการร่วมงาน 10ปี Thaivi 60 ปีปูชนียาจารย์ 1
ขอบคุณครับ :D
โดย
echelon
จันทร์ ส.ค. 19, 2013 4:20 pm
0
0
Re: แจก EPS16YEAR (งบดุล ย้อน 19 ปี,ราคา,Ratio,แบบเครดิตภาษี
รบกวนขอไฟล์ด้วยครับ
[email protected]
ขอบคุณครับ :o
โดย
echelon
พฤหัสฯ. ก.ค. 25, 2013 11:06 am
0
0
Re: แจก EPS16YEAR (งบดุล,ราคา,19ปี,Ratio ต่างๆ,แบบเครดิตภาษี
ขอไฟล์ EPS16YEAR ด้วยครับผม
[email protected]
ขอบคุณครับ :P
โดย
echelon
ศุกร์ มี.ค. 22, 2013 11:30 am
0
0
Re: ประกันภัยต่อกับน้ำท่วม
ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันครับ
โดย
echelon
พฤหัสฯ. ธ.ค. 29, 2011 9:54 pm
0
0
Re: อยากทราบเกี่ยวกับสมาร์โฟนทั้งหมดเลยครับ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ที่นำมาแบ่งปันครับ :D
โดย
echelon
จันทร์ ส.ค. 08, 2011 3:16 pm
0
0
Re: EPS16YEAR เริ่มต้น อับเดทงบดุล Q1 2011 แล้วครับ
รบกวนขอด้วยครับ
[email protected]
ขอบคุณครับ
โดย
echelon
จันทร์ เม.ย. 25, 2011 6:08 pm
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
ชื่อล็อกอิน:
echelon
ระดับ:
Verified User
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
อาทิตย์ เม.ย. 24, 2011 10:56 pm
ใช้งานล่าสุด:
อังคาร พ.ค. 18, 2021 9:11 pm
โพสต์ทั้งหมด:
158 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.01% จากโพสทั้งหมด / 0.03 ข้อความต่อวัน)
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว