หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
margoods
Joined: พฤหัสฯ. ต.ค. 27, 2005 2:00 pm
29
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - margoods
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
อยากซื้อหุ้นทางเน็ตครับ
ถ้าสนใจของ บล.เอเซีย พลัส ติดต่อพี่ได้ครับ หมื่น2หมื่นก็เล่นได้แล้ว อีเมล์พี่
[email protected]
ครับ ซื้อขายยผ่านเนต cash balance ค่าคอม 0.15% มีบทวิเคราะห์ไทยและต่างชาติส่งให้ทุกวันครับ
โดย
margoods
พฤหัสฯ. ก.ย. 20, 2007 9:31 pm
0
0
เปิดบัญชีซื้อขายที่ไหนดีครับ?
การซื้อ-ขายหุ้น ผ่านอินเตอร์เนต ค่าคอมมิชชั่น0.20% เองครับ ถูกกว่าธรรมดาถึง0.05% อีกทั้งยังสามารถสั่งซื้อขายผ่านอินเตอร์เนตด้วยตนเองหรือโทรสั่งมาร์เกตติ้ง มีข้อมูลบนเว็บไซต์ให้ดูมากมาย
โดย
margoods
อังคาร เม.ย. 17, 2007 12:33 am
0
0
ATS clearing
ถ้าตัดไม่ผ่าน เย็นนั้นจะมีเจ้าหน้าที่โทรแจ้งครับ เราต้องโอนเงินเข้าบัญชีบริษัท แต่ถ้าไม่โอนภายในวันนั้น ก็จะมีค่าปรับพร้อมดอกเบี้ยครับ แล้วแต่เกณของบริษัทนั้นๆ
โดย
margoods
พฤหัสฯ. มี.ค. 22, 2007 8:13 pm
0
0
การจับคู่ออเดอร์
ถ้าเรา คียร์ซื้อ 11 บาท 1000หุ้น แต่ที่ 10บาทมีคนวางขาย 200 หุ้น ที่11 บาทมีคนวางขาย 2000หุ้น เราก็จะได้ราคา 10 บาท มา200หุ้น และที่ราคา 11 บาท 800หุ้นครับ
โดย
margoods
อาทิตย์ ต.ค. 08, 2006 6:25 pm
0
0
บัญชีโบรก
โบรกให้วงเงินจาก - ยอดBook Bankล่าสุดที่โชว์ - ใบสรุปยอดหุ้นคงเหลือ(พอร์ตจากโบรกอื่น) พวกตัวเงินฝากต่างๆ ก็ใช้ประกอบได้นะครับ ยังไงถ้าสนใจเปิดพอร์ตเทรดผ่านได้ทั้งมาร์และInternetด้วยตัวเอง ติดต่อผมได้นะครับ
[email protected]
ผมจะส่งเอกสารไปให้ครับ
โดย
margoods
อาทิตย์ ต.ค. 08, 2006 6:13 pm
0
0
ไม่ทราบว่าท่านใดเล่น msn บ้าง
เข้ามาคุยกันได้นะ
[email protected]
:D
โดย
margoods
อาทิตย์ มิ.ย. 04, 2006 2:51 pm
0
0
สนใจทำธุรกิจเนิสเซอรี่ครับ
:D
โดย
margoods
อาทิตย์ เม.ย. 09, 2006 4:04 pm
0
0
ใครเล่น msn บ่อยๆ มาคุยเรื่องการลงทุนกันดีมั้ยครับ?
ด้วยคนนะครับ
[email protected]
:!: :!: :!: :!: :!:
โดย
margoods
เสาร์ ธ.ค. 10, 2005 7:30 pm
0
0
ช่วยแนะนำแหล่งข้อมูลหน่อยครับ
ขอบคุณครับ
โดย
margoods
เสาร์ ธ.ค. 10, 2005 4:13 pm
0
0
SSI น่าสนใจมั้ยครับ?
SSI เผย Q3/48 ขาดทุนสุทธิ 657 ลบ.ส่วนงวด 9 เดือนยังมีกำไร 892 ลบ. SSI : สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อยไตรมาสที่3(F45-3) สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อยไตรมาสที่3(F45-3) บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) สอบทาน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน (หน่วย : พันบาท) ไตรมาสที่ 3 งวด 9 เดือน ปี 2548 2547 2548 2547 กำไร (ขาดทุน) สุทธิ (657,013) 1,143,195 892,807 4,137,529 กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) (0.05) 0.09 0.07 0.32 ประเภทรายงานของผู้สอบบัญชีในงบการเงิน ไม่มีเงื่อนไขและไม่มีข้อสังเกต
โดย
margoods
อาทิตย์ พ.ย. 13, 2005 1:26 am
0
0
SSI น่าสนใจมั้ยครับ?
SSI เผย Q3/48 ขาดทุนเพราะบริษัทและบริษัทย่อยมีขาดทุนขั้นต้นจากการขายและบริการ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน)(SSI) ชี้แจงสาเหตุของความ แตกต่างของผลการดำเนินงานสำหรับไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2548 และ 2547 ดังต่อไปนี้ 1) บริษัทมีรายได้จากการขายเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน จำนวน 9,489.7 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่ายอดขาย ในงวดเดียวกันของปี 2547 ซึ่งมีจำนวน 9,609.3 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทมีรายได้จากการขายเศษ เหล็กจำนวน 191.5 ล้านบาท เปรียบเทียบ กับยอดขายในงวดเดียวกันของปี 2547 ซึ่งมีจำนวน 68.4 ล้านบาท บริษัทและบริษัทย่อย มีขาดทุนขั้นต้นจากการขายและบริการ จำนวน 215.0 ล้านบาท (ซึ่งรวมค่าเผื่อการลด มูลค่าวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปของบริษัทจำนวน 596.8 และ 327.4 ล้านบาท ตามลำดับ) เปรียบเทียบกับกำไรขั้นต้นจากการขายและบริการจำนวน 1,353.1 ล้านบาท ในงวดเดียว กันของปี 2547บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้อื่นจำนวน 158.4 ล้านบาท (ซึ่งรวมกำไรจาก อัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 143.0 ล้านบาท) เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2547 ซึ่งมี รายได้อื่นจำนวน 27.2 ล้านบาท (ซึ่งรวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 3.4 ล้านบาท) 2) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (ไม่รวมดอกเบี้ยจ่าย) ของบริษัทและบริษัท ย่อย มีจำนวน 286.0 ล้านบาท เปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายในงวดเดียวกันของปี 2547 จำนวน 116.3 ล้านบาท 3) บริษัทย่อยมีหนี้สงสัยจะสูญโอนกลับจำนวน 10.8 ล้านบาท เปรียบเทียบกับ หนี้สงสัยจะสูญโอน กลับของบริษัทและบริษัทย่อยจำนวน 17.2 ล้านบาท ในงวดเดียวกัน ของปี 2547 4) บริษัทและบริษัทย่อยมีขาดทุนก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้นิติบุคคล จำนวน 331.8 ล้านบาท เปรียบเทียบกับกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้นิติบุคคล ในงวดเดียวกันของปี 2547 ซึ่งมี จำนวน 1,281.3 ล้านบาท 5) ดอกเบี้ยจ่ายสำหรับเงินกู้ระยะสั้นและระยะยาวมีจำนวน 281.6 ล้านบาท ( ซึ่งประกอบด้วยดอกเบี้ย จ่ายของบริษัทและบริษัทย่อยจำนวน 279.3 และ 2.3 ล้านบาท ตามลำดับ) เปรียบเทียบกับดอกเบี้ย จ่ายในงวดเดียวกันของปี 2547 จำนวน 100.8 ล้าน บาท (ซึ่งประกอบด้วยดอกเบี้ยจ่ายของบริษัท และบริษัทย่อยจำนวน 97.3 และ 3.5 ล้าน บาท ตามลำดับ) 6) ภาษีเงินได้นิติบุคคลของบริษัทย่อย มีจำนวน 16.5 ล้านบาท เปรียบเทียบกับ ภาษีเงินได้นิติบุคคล ของบริษัทย่อยในงวดเดียวกันของปี 2547 จำนวน 9.8 ล้านบาท 7) บริษัทและบริษัทย่อยมีขาดทุนก่อนหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย จำนวน 630.0 ล้านบาท เปรียบเทียบ กับกำไรก่อนหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยในงวดเดียวกันของปี 2547 จำนวน 1,170.6 ล้านบาท 8) หลังจากหักส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยแล้ว บริษัทและบริษัทย่อยมีขาดทุน สุทธิจำนวน 657.0 ล้านบาท เปรียบเทียบกับกำไรสุทธิในงวดเดียวกันของปี 2547 จำนวน 1,143.2 ล้านบาท จากเหตุผลดังกล่าวทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทสำหรับไตรมาสสิ้นสุด วันที่ 30 กันยายน 2548มีขาดทุนสุทธิเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิในงวดเดียวกันของปี 2547 เกินร้อยละ 20
โดย
margoods
อาทิตย์ พ.ย. 13, 2005 1:24 am
0
0
ขอบทวิเคราะห์หุ้น NFS, TOC, BAY, ACL จากพี่ ๆด้วยครับ
ASL ผู้ถือหุ้นรายใหญ่1.นายอำนาจ คิ้วคชา 25,299,915 หุ้น 7.85%2.นายฤทธิ์ คิ้วคชา 20,800,000 หุ้น 6.45%3.บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 12,590,213 หุ้น 3.91%4.นายสมศักดิ์ คุปตเมธี 8,726,100 หุ้น 2.71%5.นายพายัพ ชินวัตร 7,774,400 หุ้น 2.41%คณะกรรมการ1.นายอุดม วิชยาภัย ประธานกรรมการ 2.นางอาภา คิ้วคชา กรรมการผู้จัดการใหญ่3.ดร.ศัลยา จารุจินดา กรรมการ 4.นางสาวอมรา เตชะรัตนไชย กรรมการ5.นายวันชัย หงษ์เหิน กรรมการ ดูเหมือนว่าตัวเลขผลประกอบการไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2548 ซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 69.73 ล้านบาท หรือ 0.22 บาทต่อหุ้น จากช่วงเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 18.65 ล้านบาท หรือ 0.06 บาทต่อหุ้น เท่ากับเป็นการย้ำเตือนว่าทิศทางการดำเนินงานของบริษัทยังไม่กระเตื้องขึ้นจากก่อนหน้านี้สักเท่าไหร่ เนื่องจากเมื่อรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ASL มีผลขาดทุนสุทธิสูงถึง 159.75 ล้านบาท หรือ 0.50 บาทต่อหุ้น จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 43.11 ล้านบาท หรือ 0.14 บาทต่อหุ้น ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของบริษัทดูย่ำแย่ลงไปเป็นกอง แม้ว่าที่ผ่านมาราคาหุ้น ASL จะปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง รวมทั้งมีนักลงทุนหลายรายให้ความสนใจเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก แต่นั้นเป็นผลมาจากกระแสการเข้ามาเล่นเก็งกำไรสั้นๆ หาใช่เกิดจากพื้นฐานของบริษัทที่ดีขึ้น รวมทั้งที่ผ่านมามีข่าวคราวเกี่ยวกับการเทคโอเว่อร์กิจมาโดยตลอด เลยทำให้นักลงทุนเข้ามาไล่ราคาหุ้นกันอย่างเอาเป็นเอาตาย โดยไม่สนใจใยดีว่าข่าวดังกล่าวจะเป็นจริงที่ร่ำลือกันหรือไม่ ขณะที่ข่าวเรื่องแก๊งปั่นหุ้นเข้ามาเล่นหุ้น ASL เป็นอีกฉวนเหตุที่ทำให้มีแรงเก็งกำไรไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก จนทำให้ตลาดหลักทรัพย์สั่งห้ามการซื้อขายแบบหักลบกลบหนี้และเล่นมาร์จิ้นในทันที เนื่องจากเห็นว่าวิธีการเล่นหุ้นดังกล่าวอาจสร้างความเสียหายแก่นักลงทุน และทำให้ภาพพจน์ของตลาดหุ้นเป็นแหล่งมั่วสุมการพนันมากกว่าเป็นการพัฒนาตลาดทุนเพื่อเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ASL ในพักหลังลดความร้อนแรงอย่างเห็นได้ชัด ถึงกระนั้นราคาหุ้นก็ยังสามารถทรงตัวอยู่ในระดับสูงได้อยู่ดี ซึ่งถือเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก เพราะที่ผ่านมาหุ้นที่มีปัญหาเรื่องการขาดทุนเรื้อรังมักจะโดนเทขายทิ้งทันทีที่หุ้นหมดสตอรี่ใหม่ๆ มาหล่อเลี้ยง การที่ ASL ยังคงยืนหยัดและแกว่งตัวไปมาที่บริเวณ 9 บาทได้ ถือเป็นความเสี่ยงของนักลงทุนที่คิดจะเข้าซื้อหุ้นตัวนี้ เพราะราคาหุ้นมีโอกาสอ่อนตัวลงอย่างรวดเร็ว หากนักลงทุนขาใหญ่เทขายหุ้นออกมาเพื่อโยกเงินไปเล่นหุ้นตัวอื่นๆ เป็นการทดแทน หากจะพิจารณาสาเหตุของการขาดทุนบานเบะจะพบว่า เกิดจากรายได้ค่านายหน้าลดลงเหลือเพียง 408.43 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 641.99 ล้านบาท ในขณะที่ต้นทุนค่าใช้จ่ายกลับทรงตัวอยู่ถึงในระดับ 635.18 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 633.55 ล้านบาท ประเด็นเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า เป็นการยากที่บริษัทจะพลิกฟื้นกลับมาทำกำไรได้ในเร็ววันเพราะการสร้างรายได้เป็นจำนวนมากในภาวะที่ธุรกิจแข่งขันกันรุนแรงเป็นเรื่องเพ้อฝันเกินความเป็นจริงอย่างมากนั่นเอง เพียงแต่ปัญหาการขาดทุนที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้ฐานะของบริษัทย่ำแย่จนน่าวิตกกังวลเหมือนที่ใครๆ เข้าใจ หลังบริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นสูงถึง 3,782.75 ล้านบาท และมูลค่าทางบัญชียังอยู่สูงถึงระดับ 11 บาท ทั้งนี้อย่าลืมว่ามูลค่าทางบัญชีอาจปรับตัวลดลงอีก หากบริษัทยังขาดทุนเรื้อรังเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ
โดย
margoods
อังคาร พ.ย. 08, 2005 7:48 am
0
0
ขอบทวิเคราะห์หุ้น NFS, TOC, BAY, ACL จากพี่ ๆด้วยครับ
ผมหาให้2ตัวล่ะกันครับ :wink: ........................................ TOC ผู้ถือหุ้นรายใหญ่1. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 410,570,440 หุ้น 50.00%2. บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) 35,530,085 หุ้น 4.33%3. บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) 29,096,690 หุ้น 3.54%4. OMAN OIL COMPANY S.A.O.C. 25,109,100 หุ้น 3.06%5. บริษัท วีนิไทย จำกัด (มหาชน) 22,437,535 หุ้น 2.73%คณะกรรมการ1. นายมนู เลียวไพโรจน์ ประธานกรรมการ 2. นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ รองประธานกรรมการ3. นายอดิเทพ พิศาลบุตร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ 4. นายพละ สุขเวช กรรมการ5. นายชลณัฐ ญาณารณพ กรรมการ บริษัท ไทยโอเลฟินส์ จำกัด(มหาชน) จำกัด หรือ TOC ผู้ผลิตและจำหน่ายเอทิลีนและโพรพิลีนเป็นปิโตรเคมีภัณฑ์ต้นน้ำ ที่ใช้ในการผลิตเม็ดพลาสติกต่างๆ รวมทั้งเป็นผู้ผลิตโอเลฟินส์รายใหญ่อันดับสามของประเทศ ยังคงโชว์ผลการดำเนินงานได้อย่างน่าประทับใจ แม้ผลประกอบการไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2548 ของ TOC จะทำกำไรสุทธิได้เป็นจำนวน 2,048 ล้านบาท หรือ 2.50 บาทต่อหุ้น ปรับลดลง 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2,475 ล้านบาท หรือ 3.01 บาทต่อหุ้น แต่นั้นถือเป็นผลการดำเนินงานที่ดีมากๆ ในภาวะเช่นนี้ เนื่องจากถ้ามองผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนจะพบว่า TOC มีกำไรสุทธิรวม 6,333 ล้านบาท หรือ 7.71 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 53% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 4,127ล้านบาท หรือ 5.03 บาทต่อหุ้น โดยกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นมาจากยอดรายได้จากการขายที่เพิ่มมาที่ 26,994 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 64% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 16,448 ล้านบาท เนื่องมาจากกำลังการผลิตที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับยอดขายโอลิฟินส์ที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังได้รับผลประโยชน์จากอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสูงถึง 134 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งประสบผลขาดทุนสูงถึง121 ล้านบาท ด้านต้นทุนขายก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 19,350 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีเพียง 11,632 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น 85% เนื่องจากการขยายกำลังการผลิตที่เพิ่มมากขึ้นขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายสูงเพิ่มไปด้วย ส่วนภาระดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นถึง 68% มาอยู่ที่ระดับ 384 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีเพียง 228 ล้านบาท ล้วนเกิดจากยอดเงินกู้ยืมระยะยาวที่มีเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีภาระดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นตามไปด้วย สำหรับสภาพคล่องในการดำเนินงานพบว่า ดีมากๆ หลังบริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียนเพิ่มขึ้นเป็น 17,859 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันมีเพียง 8,672 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็น 2 เท่าตัว ขณะที่มีหนี้สินมหุนเวียนมีอยู่เพียง 7,929 ล้านบาท ส่งผลให้ค่าCurrent Ratio ออกมาเท่ากับ 2.25 เท่า จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1.56 เท่าแสดงให้เห็นว่า บริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนคล่องตัวเป็นอย่างมาก ส่วนหนี้สินรวมที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 23,688 ล้านบาท จากก่อนหน้านี้มีเพียง 12,259ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการเงินกู้ยืมเพื่อใช้ลงทุนสำหรับการขยายงานและเพิ่มกำลังการผลิต ทางด้านส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 29,286 ล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ระดับ 25,915.62 ล้านบาท คือแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ ค่า D/E Ratio ทรงตัวอยู่ที่ระดับ 0.80 เท่าทั้งที่ภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก ประกอบกับเร็วๆ นี้ TOC และ NPC จะมีการควบรวมกิจการเพื่อความคล่องตัวในการดำเนินงาน ย่อมเป็นข่าวดีสำหรับคนที่ถือหุ้นเพื่อนำไปแลกเป็นหุ้นใหม่ หลังเห็นกันชัดๆว่า ภายหลังการควบรวมประสิทธิภาพในหการทำกำไรจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
โดย
margoods
อังคาร พ.ย. 08, 2005 7:47 am
0
0
bh ราคาปัจจุบันไม่แพงไปหรือคับ
สำหรับนักลงทุนแบบVI กลุ่มโรงพยาบาล ผมชอบ KDH น่าสนใจกว่าตัวอื่นๆครับ
โดย
margoods
จันทร์ พ.ย. 07, 2005 7:49 pm
0
0
UBC จะออกจากตลาดหรือครับ
TRUE ส่ง K.I.N.เข้าเทคโอเวอร์ UBC โดยซื้อหุ้นต่อจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ MIH พร้อมเตรียมทำ เทนเดอร์ ออฟเฟอร์ ที่ราคา 26.50 บาท/หุ้น และถอน UBC ออกจากตลาดหุ้น "ศุภชัย"เผยใช้เงินลงทุนครั้งนี้ 313 ล้านเหรียญ เผยจะขอกู้จากดอยช์แบงก์ 290 ล้านเหรียญ ยืนยันไม่ทำหนี้ TRUE พุ่ง หวังผลช่วยต่อยอดธุรกิจของทั้งคู่ดีขึ้น แต่วงการตั้งคำถามทำไม MIH ถึงขายทั้งที่กิจการของยูบีซีกำลังฟื้นตัวและจะจ่ายปันผลได้ในสิ้นปีนี้ ประเมินหุ้น TRUE เปิดเทรดวันนี้โดนยำเละ นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทรูคอร์ปอเรชั่น (TRUE) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 5/2548 เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2548 มีมติอนุมัติให้บริษัท เค.ไอ.เอ็น. (ประเทศไทย) จำกัด (K.I.N.) (ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ) เข้าซื้อหุ้นใน UBC จำนวน 231,121,441 หุ้น จาก MIH (UBC) HOLDINGS B.V. (MIH) ในราคารวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 150 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือประมาณ 0.649 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น) และเสนอซื้อหุ้นใน UBC ที่เหลือจากผู้ถือหุ้นของ UBC อื่นๆโดยการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์เพื่อการขอเพิกถอนหุ้นสามัญของ UBC ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในราคาเสนอซื้อที่ 26.50 บาทต่อหุ้น พร้อมกันนี้ อนุมัติให้ K.I.N.ซื้อใบสำคัญแสดงสิทธิตามโครงการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิให้แก่พนักงานของUBC ซึ่งได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่1/2543 ของ UBC ซึ่งปัจจุบันคงเหลืออยู่จำนวนทั้งสิ้น 14,481,600 หน่วย โดยประมาณจากพนักงานผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิผู้ประสงค์จะขาย ในราคาหน่วยละ 16.50 บาท ซึ่งเป็นส่วนต่างระหว่างราคาเสนอซื้อที่ K.I.N. จะเสนอซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้น (26.50 บาท) และราคาที่พนักงานดังกล่าวจะต้องชำระให้แก่ UBC ในการแปลงใบสำคัญแสดงสิทธิดังกล่าวเป็นหุ้น UBCรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 238,946,400 บาท "การเข้าซื้อหุ้น UBC มีเป้าหมายเพื่อต่อยอดธุรกิจของ TRUE ซึ่งหลังซื้อกิจการแล้วจะสามารถผสานธุรกิจเข้าด้วยกันโดยเฉพาะด้านธุรกิจบรอดแบนด์ TRUE จะนำขีดความสามารถของ TRUE และ UBC มาเสริมสร้างสิ่งใหม่และเติมเต็มไลฟ์สไตร์ของลูกค้าซึ่งในปัจจุบันนี้ธุรกิจด้านการสื่อสารกับธุรกิจด้านสื่อบันเทิงจะมารวมเป็นธุรกิจเดียวกันซึ่งเป็นไปตามแนวทางที่เกิดขึ้นกับทั่วโลกและการตัดสินใจซื้อหุ้นครั้งนี้จะทำให้กลุ่ม TRUE เติบโตได้เร็วขึ้น เนื่องจากสามารถขยายเครือข่ายและฐานลูกค้าไปพร้อมๆ กันและยังเชื่อว่าจะทำให้ลูกค้า UBC มีจำนวนเพิ่มขึ้น" เขากล่าาวต่อว่าการเข้าซื้อหุ้น UBC ในครั้งนี้ถือว่า win-win โดยราคาที่เทนเดอร์ออฟเฟอร์ ถือเป็นราคาที่ค่อนข้างดีที่ 26.50 บาท/หุ้น ทั้งนี้ทำให้ TRUE ขยายบริการเข้าไปสู่การเป็นผู้นำด้านบริการ เนื้อหาเสียงข้อมูลและภาพทำให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงคอนเทนท์ที่หลากหลายสู่เทคโนโลยีสื่อสารที่ล้ำสมัย ทั้งนี้ ผู้บริหารของ TRUE ยืนยันว่าได้ขอเจรจาซื้อ UBC จาก MIH 30.59% ตั้งแต่กลางปี 2548 และในที่สุดได้รับการตอบรับจาก MIH คิดเป็นมูลค่า 150 ล้านเหรียญสหรัฐ และภายหลังจากนี้ TRUE จะทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์หุ้น UBC จากผู้ถือหุ้นอื่นๆ อีกประมาณ 30% รวมดีลการเทคโอเวอร์ในครั้งนี้ TRUE จะต้องใช้เงินทั้งหมด 313 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะกู้เงินจาก ดอยช์แบงก์ 290 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนที่เหลือจะใช้เงินสดของ TRUE เอง ซึ่งในส่วนของเงินกู้ดังกล่าวจะมีระยะเวลา 12 เดือน "ผู้ถือหุ้นไม่ต้องกังวล หลังจากใช้เงินกู้ครั้งนี้ไม่ได้ทำให้ D/E ของ TRUE เปลี่ยนแปลงไป แต่น่าจะทำให้ตัวเลขดีขึ้น เพราะ UBC เองเริ่มทำกำไรแล้ว ตั้งแต่ปี 2547 ทั้งนี้หลังจากนำ UBC ออกจากตลาดหลักทรัพย์แล้ว บริษัทฯจะเปลี่ยนระบบการกู้เงินครั้งนี้ ใหม่เป็นให้ทาง UBCเป็นผู้กู้แทน โดยจะกู้จำนวน 190 ล้านเหรียญสหรัฐ และจะใช้เงินสดของ UBC จำนวน 100 ล้านเหรียญสหรัฐและกำหนดระยะเวลาการกู้ 12 เดือนเช่นเดียวกัน" ส่วนสาเหตุที่ต้องถอน UBC ออกจากตลาดหลักทรัพย์ เพราะหลังจาก MIH ขายหุ้นที่ถือให้กับ K.I.N ทั้งหมด และทำกลุ่ม TRUE กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ซึ่งถือหุ้นประมาณร้อยละ 70.74 ซึ่งหลังการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของบริษัทตามกฎหมายจะยิ่งทำให้หุ้นของบริษัทขาดสภาพคล่องในการซื้อขาย ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทขาดคุณสมบัติในการเป็นบริษัทจดทะเบียน และต้องเข้าข่ายต้องเพิกถอนหลักทรัพย์ ดังนั้นเพื่อไม่ให้บริษัทต้องขาดคุณสมบัติในการเป็นบริษัทจดทะเบียนดังกล่าวข้างต้นจึงเห็นควรจะทำการขอเพิกถอนหลักทรัพย์จากตลาดหลักทรัพย์โดยสมัครใจ **ทำไม MIH ขาย UBC ทั้งที่กำลังจะถึงจุดคุ้มทุนสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ตามการดำเนินการเทคโอเวอร์ UBC ในครั้งนี้ได้สร้างความคลางแคลงใจให้กับวงการหุ้นอย่างมากโดยนักวิเคราะห์รายหนึ่งได้ตั้งข้อสัง เกตุว่า ไม่เข้าใจเหตุผลที่ MIH ตัดสินใจขายหุ้น UBC ให้กับกลุ่ม TRUE ทั้งที่อนาคตของกิจการเริ่มดีขึ้นตามลำดับ และในปีนี้ก็จะสามารถล้างขาดทุนสะสมได้หมด และมีโอกาสที่จะจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นสูงมาก ขณะเดียวกันจำนวนสมาชิกก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง น่าจะเป็นฐานสร้างรายได้ให้กับ UBC อย่างต่อเนื่องในอนาคต ในส่วนของฐานะการเงินก็แข็งแกร่งมาก โดยมีเงินมือเกือบ 5 พันลบ.ส่วนภาระหนี้ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท ทำให้บริษัทมีสถานะเป็น Net Cash นอกจากนั้นในประเด็นที่ผู้บริหารระบุว่าต้องการที่จะผสานประโยชน์ของทั้ง 2 ธุรกิจให้ลงตัว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องดำเนินการถึงขั้นเข้าไปเทคโอเวอร์ เนื่องจาก UBC ถือหุ้นใหญ่อยู่แล้วประมาณ 40% น่าจะสามารถเจรจากับ MIH ได้หากสามารถสร้างผลตอบแทนเพิ่มให้กับ UBC **ฟันธงวันนี้ TRUE โดนถล่ม เหตุกู้เงินมาเทคโอเวอร์ ดันยอดหนี้พุ่งกระฉูด นักวิเคราะห์หลักทรัพย์อีกรายหนึ่ง กล่าวว่าในการเปิดซื้อขายหุ้น TRUE วันนี้ คาดว่าจะเจอกับแรงขายทำกำไรของ นักลงทุนเนื่องจากการเทคโอเวอร์ ในครั้งนี้เป็นการใช้เงินกู้จากสถาบันการเงินส่วนใหญ่และอยู่ในภาวะที่ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น ซึ่งจะทำให้ภาระหนี้สินของกลุ่ม TRUE เพิ่มสูงขึ้นมาก แม้ว่าการกู้เงินครั้งนี้จะไม่ดำเนินการโดย TRUE แต่ก็เป็นกลุ่มของ TRUE อยู่ดี ซึ่งทำให้ภาพโดยรวมไม่ค่อยสดใสมากนัก(ปัจจุบันอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E) ของ TRUE สูงถึง 22 เท่าอยู่แล้ว) ด้านความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น UBC คาดว่าจะสามารถวิ่งขึ้นไปที่ราคาทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ที่ 26.50 บาท ได้ อย่างไรก็ตามมองว่าการลงทุนครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อ TRUE ในระยะแรกเท่านั้น แต่จะเป็นผลดีในระยะยาว เนื่องจากไตรมาส 4/48 นี้ UBC จะสามารถล้างขาดทุนสะสมและเริ่มจ่ายปันผลได้ และธุรกิจที่ UBC ทำอยู่ก็จะสามารถต่อยอดธุรกิจบรอดแบนด์ของ TRUE ได้ ส่วน TRUE เองก็จะเริ่มมีรายได้เพิ่มขึ้นเนื่องจากต้นปี 2549 นี้ TAO จะถึงจุดคุ้มทุนและสร้างรายได้ให้ TRUE มากขึ้น สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในหุ้น TRUE แนะซื้อลงทุน ราคาเป้าหมายที่ 9.60 บาทส่วนผู้ที่มีหุ้นอยู่แนะให้ถือต่อ **บล.กิมเอ็ง ประเมิน TRUE จะบันทึกผลขาดทุนสุทธิ 728 ลบ.ในไตรมาส 3/48 ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ระบุว่าด้วยผลกระทบจากสงครามราคาในธุรกิจบริการโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่รวมถึงระดับรายได้เฉลี่ยต่อเลขหมาย (ARPU) ที่ลดลงอย่างต่อเนื่องของธุรกิจโทรศัพท์พื้นฐาน และโทรศัพท์สาธารณะ ผลประกอบการของ TRUE ได้ถดถอยลงตั้งแต่ไตรมาส 2/48 เป็นต้นมา และเนื่องจากโปรโมชั่นที่ราคาถูกที่สุดของ ทีเอออเรนจ์ (TAO-ถือหุ้นโดย TRUE 83%) จะหมดอายุในสิ้นปีนี้ เราประมาณการว่าผลประกอบการของ TRUE จะยังคงอ่อนแอในไตรมาส 3/48 ด้วยขาดทุนปกติ 910 ล้านบาทใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ดี ด้วยประมาณการกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 182 ล้านบาท เราประมาณการว่า TRUE จะบันทึกผลขาดทุนสุทธิ 728 ล้านบาทในไตรมาส 3/48 แม้ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่มีแนวโน้มฟื้นตัวตามฤดูกาลในไตรมาส 4/48 อุตสาหกรรมโดยรวมยังอยู่ในช่วงชะลอตัว ดังนั้นมองว่าหุ้น TRUE เต็มมูลค่า แล้วด้วยราคาเหมาะสมตามวิธี sum-of-the-parts ที่ 8 บาท/หุ้น
โดย
margoods
จันทร์ พ.ย. 07, 2005 7:38 pm
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
Verified User
ชื่อล็อกอิน:
margoods
กลุ่ม:
สมาชิก
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
พฤหัสฯ. ต.ค. 27, 2005 2:00 pm
ใช้งานล่าสุด:
พฤหัสฯ. ก.ย. 20, 2007 9:36 pm
โพสต์ทั้งหมด:
29 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.00% จากโพสทั้งหมด / 0.00 ข้อความต่อวัน)
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว