หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
leaderinshadow
Joined: พุธ ต.ค. 26, 2005 12:28 pm
1765
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - leaderinshadow
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: สถานการณ์รถยนต์
อุตสาหกรรมยานยนต์ ไทยยิ้มรับ ยอดผลิตโต 20.62% ยอดขายในประเทศโต 26.8% ด้านส่งออกโต 2.75% ปิกอัพนำทัพโต 30.15% หากเทียบกับปีก่อน สรุปประเด็นแถลงข่าวยอดผลิตรถยนต์ ต.ค.61 วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 เดือนตุลาคม 2561 ผลิตรถยนต์ 197,203 คัน สูงสุดรอบ 63 เดือน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 20.62 ขายในประเทศ 86,931 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.8 ส่งออก 93,338 คัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.75 https://www.autostation.com/news/industries-thailand-growup-to-20-percent
โดย
leaderinshadow
อังคาร พ.ย. 20, 2018 8:09 pm
0
0
Re: สถานการณ์รถยนต์
ยอดขายรถยนต์เวียดนามประจำเดือน ตุลาคม 61 เพิ่มขึ้น 79.3% เมื่อเทียบเเดือนตุลาคมปีที่แล้ว แบ่งเป็นยอดขายรถประกอบใน จำนวน 17,599 คัน เพิ่มขึ้น 2% ส่วนยอดขายรถนำเข้า มีจำนวน 11,300 คัน เพิ่มขึ้นถึง 46% เมื่อเทียบกับเดือนกันยายนที่ผ่านมา ค่ายรถยอดนิยมยังคงเป็น Toyota ที่มียอดขาย 8,426 คัน เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว ตามมาด้วย กลุ่ม Thaco ที่เป็นผู้ประกอบและจัดจำหน่าย Mazda, Kia, Hyundai Peugeot และรถเพื่อการพานิชย์ ทำยอดขายไป 8175 คัน เพิ่มขึ้น 29.2% เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว - ทางด้าน Ford ยอดขาย 2574 คัน เพิ่มขึ้น 9.2% Honda ยอดขาย 3475 คัน เพิ่มขึ้น 12.4% เมื่อเทียบกับเดือนที่แล้วเช่นกัน รวมทั้งสิ้น 10 เดือนที่ผ่านของปี 2018 นี้ ยอดขายรถยนต์ที่เวียดนามมีจำนวน 223,326 คัน เพิ่มขึ้นเพียง 1% เมื่อเทียบ10เดือนแรกของปีที่แล้ว จากสาเหตุการตั้งกำแพงนำเข้ารถยนต์เมื่อต้นปี ซึ่งส่งผลให้แทบไม่มีการนำเข้ารถยนต์ในไตรมาสแรก ก่อนกฏดังกล่าวจะผ่อนคลายลงในเวลาไม่กี่เดือนต่อมา ที่มา : https://www.retailnews.asia/vietnams-2018-monthly-car-sales-highest-in-october/ https://www.facebook.com/344194015998298/posts/608184769599220/
โดย
leaderinshadow
อังคาร พ.ย. 20, 2018 8:01 pm
0
1
Re: “Carry Trade” หนึ่งในตัวการที่ทำให้...เศรษฐกิจพัง
ทำไมไม่มองว่า ทำไมตุรกี ถึงให้ดอก 17% หละครับ ทำไมถึงขาดดุล ทำไมถึงปล่อยให้เกิดฟองสบู่ โดยไม่ควบคุม
โดย
leaderinshadow
อังคาร ต.ค. 30, 2018 7:21 pm
0
0
Re: สถานการณ์รถยนต์
ดัชนี อุตฯ มี.ค. ยังพุ่ง แตะระดับ 90.7 ยอดขายรถ 2.37 แสนคันโตถึง 12.6% https://www.prachachat.net/economy/news-148176 ดัชนี อุตฯ มี.ค. ยังพุ่ง แตะระดับ 90.7 ยอดขายรถ 2.37 แสนคันโตถึง 12.6% ดัชนี อุตฯ มี.ค.ยังพุ่ง แตะระดับ 90.7 ยอดขายรถ 2.37 แสนคันโตถึง 12.6% “สุพันธ์” ยังห่วงสงครามการค้าสหรัฐฯ-ค่าบาท-ค่าแรงฉุด นายสุพันธ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม จากการสำรวจผู้ประกอบการเดือน มี.ค.2561 ทั้ง 45 กลุ่มอุตสาหกรรม พบว่า ความเขื่อมั่นอยู่ที่ระดับ 90.7 ปรับตัวเพิ่มขึ้น จากระดับ 89.9 จากเดือน ก.พ. เป็นผลมาจากการเร่งผลิตสินค้าเพื่อชดเชยในข่วงเทศกาลสงกรานต์เดือน เม.ย. ที่มีวันหยุดมาก และยังเป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายจากอุตสาหกรรมยานยนต์ ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องปรับอากาศ อาหาร ร้องเท้า และการพิมพ์ จึงคาดการณ์ว่าดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 3 เดือนข้างหน้า จะอยู่ที่ระดับ 100.9 ปรับตัวลดลงจากระดับ 102.2 ในเดือน ก.พ. ด้วยความกังวลของผู้ประกอบการส่งออกต่อมาตรการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อการส่งออกของไทยในระยะต่อไป อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการยังมีความกังวลถึงการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ปัญหาสภาพคล่องของ SMEs รวมถึงปัญหาค่าเงินบาทที่ส่งผลกระทบต่อการบริหารต้นทุนของผู้ประกอบการส่งออก “ภาพรวมในเดือน มี.ค.ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี ความเชื่อดัชนี อุตฯ เป็นบวก ทั้งผู้ประกอบการรายเล็ก กลาง ใหญ่ รวมถึงระดับภูมิภาคทั้งหมด มีเพียงภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบเรื่องราคายางพารา และอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ไม้อัดที่มียอดสั่งซื้อลดลง เราจึงประเมินว่าความเชื่อมั่นในอีก3 เดือนจะลดด้วยวันหยุดช่วงสงกรานต์ และใกล้เปิดเทอม บวกกับราคาน้ำมันที่ผันผวน ขณะที่การค้ากับต่างประเทศต้องหาตลาดใหม่สำรองตลาดเดิม” สำหรับข้อเสนอแนะต่อภาครัฐทาง ส.อ.ท. ต้องการให้ 1. แก้ไขปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุน และสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ให้กับผู้ประกอบการ SMEsเพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องในการดำเนินกิจการ 2.สนับสนุนการหาตลาดส่งออกใหม่ๆ เพื่อขยายการค้าการลงทุน และป้องกันความเสี่ยงจากสงครามการค้า ที่อาจส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย 3.ส่งเสริมการฝึกอบรมแบบไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อพัฒนาศักยภาพแรงงาน และลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการ 4.สนับสนุนการให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ในการดำเนินธุรกิจผ่าน E-Commerce เพื่อเพิ่มช่องทางการค้า นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า สำหรับยอดผลิตรถยนต์ปี 2561 ทั้งหมด 2,000,000 คัน ขายในประเทศตั้งเป้าไว้ที่ 900,000 คัน ส่งออก 1,100,000 คัน คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งชิ้นส่วน รถจักรยานยนต์กว่า 1 ล้านล้านบาท และยังพบว่ายอดขายรถกระบะเพิ่มขึ้นมีอัตราการเติบโตถึง 11% บวกกับจากงานมอเตอร์โชว์ที่ทำให้รถนั่งส่วนบุคคล (เก๋ง) ยอดขายจำนวนมาก และโครงการขนาดใหญ่จากทางภาครัฐที่หากสามารถเดินหน้าการก่อสร้างได้โอกาสที่รถยนต์ขนาดใหญ่จะโตตามไปด้วย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะดันให้ยอดขายรถยนต์ปีนี้ถึงเป้า สำหรับยอดการผลิต 3 เดือน (ม.ค.-มี.ค.) จำนวน 539,690 คัน เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วเพิ่มขึ้น 11.15% ผลิตเพื่อส่งออก 300,717 คัน เพิ่มขึ้น 4.31% ผลิตเพื่อขายในประเทศ 238,973 คัน เพิ่มขึ้น 21.15% รถจักรยานยนต์ 695,618 คัน เพิ่มขึ้น 5% เป็นยอดขายรถยนต์ในประเทศ 237,093 คัน เพิ่มขึ้น 12.6% รถจักรยานยนต์ยอดขาย 465,093 คัน เพิ่มขึ้น 0.7% การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 295,230 คัน เพิ่มขึ้น 3.84% มีมูลค่าการส่งออก 153,214 ล้านบาท รถจักรยานยนต์ส่งออก 252,986 คัน ลดลง 0.06% มีมูลค่า 16,402 ล้านบาท
โดย
leaderinshadow
อังคาร พ.ค. 15, 2018 2:49 pm
0
2
Re: สถานการณ์รถยนต์
ค่ายรถญี่ปุ่นเฮ! เวียดนามคลายกฎนำเข้า https://www.prachachat.net/motoring/news-138225 ค่ายรถโล่ง “เวียดนาม” ผ่อนคลายมาตรการนำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปจากไทย หลัง ม.ค.-ก.พ.ยอดส่งออกยานยนต์และส่วนประกอบไปตลาดเวียดนามวูบหนัก 30% “ฮอนด้า” ส่งลอตแรก 2,000 คัน “มาสด้า-โตโยต้า” จ่อคิวไม่เกินไตรมาส 2 ส่งทั้งรถยนต์นั่งและปิกอัพ “อีซูซุ” เล็งส่งรถบรรทุกทำตลาดปีหน้า ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า หลังรัฐบาลเวียดนามออกกฎระเบียบเงื่อนไขเกี่ยวกับการผลิต การค้า และการนำเข้ารถยนต์ (Decree 116) มีผลบังคับใช้ 1 ม.ค. 2561 ส่งผลให้รถยนต์ที่นำเข้าทุกการขนส่ง (shipment) ต้องตรวจไอเสีย และความปลอดภัย รวมถึงมีเอกสารรับรองจากหน่วยงานของประเทศผู้ส่งออก โดยให้เหตุผลว่าเป็นระเบียบที่กำหนดเพื่อควบคุมความปลอดภัยของรถยนต์จากทุกประเทศสร้างความกังวลใจผู้ประกอบการไทย และทำให้การส่งออกยานยนต์และส่วนประกอบของไทยไปยังตลาดเวียดนามในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-กุมภาพันธ์) ปรับตัวลดลง จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 30% ทำให้รัฐบาลไทยและเวียดนามผลักดันการแก้ไขอุปสรรคดังกล่าวนี้มากว่า 3 เดือน ล่าสุด กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ฮอนด้าได้ทดลองส่งออกรถยนต์ลอตแรกไปเวียดนามแล้ว 2,000 คัน อยู่ระหว่างติดตามผลการดำเนินการตรวจสอบ นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการติดตามแก้ไขปัญหาการบังคับใช้กฎระเบียบ Decree 116 ตามที่ได้รับการประสานจากเอกชนไทย โดยผลักดันประเด็นนี้ในทุกเวทีการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการหารือในคณะกรรมการด้านอุปสรรคทางเทคนิค (TBT) ภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) ซึ่งฝ่ายไทยได้หยิบยกประเด็นความกังวลนี้ขึ้นมาสอบถามรัฐบาลเวียดนาม และได้รับคำตอบว่า จะดูแลการบังคับใช้ระเบียบนี้ เพื่อไม่ให้กลายเป็นอุปสรรคทางการค้าในการประชุมระดับรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ซึ่งนางสาวชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์ ที่ผ่านมา ได้หยิบประเด็นนี้ไปหารือด้วย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์) ยังมีหนังสือถึงเวียดนาม หลังหารือระดับนายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ที่เวียดนาม เมื่อ พ.ย. 2560 “เท่าที่ทราบทางเวียดนามยอมรับมาตรฐานการตรวจสอบของไทย และการรับรองของหน่วยงานราชการไทย มีแนวโน้มผ่อนคลายการตรวจสอบ ช่วงแรกเอกชนกังวลไม่กล้าส่งออก แต่ตอนนี้ไม่กังวลแล้ว” รายงานข่าวระบุว่า การส่งออกยานพาหนะอุปกรณ์และส่วนประกอบในช่วง 2 เดือนแรก ปี 2561 มีมูลค่า 6,581 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัว 29.2% เป็นการส่งออกไปตลาดเวียดนาม ซึ่งมีสัดส่วน 1.98% ของการตลาดส่งออกทั้งหมด ที่มีมูลค่า 126.96 ล้านเหรียญสหรัฐ ติดลบ 30.12% ด้านนายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ฮอนด้าเริ่มส่งรถยนต์ลอตแรกไปยังเวียดนามได้แล้ว 2,000 คัน หลังจากปลายปีที่ผ่านมามีปัญหาจนต้องชะลอการส่งออกรถยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ไปยังเวียดนาม ซึ่งรถยนต์ที่ผลิตจากไทยหรือที่จะส่งเข้าไปยังเวียดนามต้องได้รับการตรวจสอบจากภาครัฐของเวียดนาม โดยสุ่มตรวจสอบ 1 รุ่น 1 คัน ใน 1 ลอต เชื่อว่าจากนี้ค่ายรถยนต์อื่นก็จะเริ่มส่งไปขายที่เวียดนามได้ นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การส่งออกรถยนต์มาสด้าไปจำหน่ายในเวียดนามเริ่มคลี่คลายแล้ว ส่วนของมาสด้าคาดว่าจะกลับมาส่งออกได้ภายในไตรมาส 2 ปีนี้ ปัจจุบัน มาสด้าส่งออกรถยนต์นั่งมาสด้า 2 และปิกอัพ บีที-50 ไปจำหน่ายทั้งคันหรือซีบียู 5,000 คันต่อปี แหล่งข่าวระดับบริหารจากบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า โตโยต้าส่งออกรถยนต์ไปเวียดนาม 10,000 คันต่อปี โดยไตรมาสแรกไม่สามารถส่งออกได้ คาดว่าในไตรมาส 2 จะกลับมาส่งออกรถไปยังเวียดนามได้ทั้งรถยนต์นั่งโตโยต้า ยาริส และไฮลักซ์ รีโว่ นายโทชิอากิ มาเอคาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด เปิดเผยว่า อีซูซุมีการส่งออกรถปิกอัพอีซูซุดีแมคซ์ไปเวียดนามไม่มาก และปีหน้าจะส่งรถบรรทุกอีซูซุคิงส์ ออฟ ทรัคส์ เข้าไปจำหน่าย สำหรับบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าว แต่ค่ายรถที่ส่งออกรถยนต์นั่งจะได้รับผลกระทบมากกว่า
โดย
leaderinshadow
อังคาร พ.ค. 15, 2018 2:38 pm
0
1
Re: 'ล้ง(ผลไม้)จีน'อีกกรณี 'มะพร้าวน้ำหอม' เสี่ยง!'ฟองสบู่แต
สรุปปัญหาคือ supply มะพร้าวออกมาตลาดทั้งปี แต่ demand (จากจีน) มีฤดูกาล คือหน้าร้อนจะ peak หน้าหนาวจะหาย
โดย
leaderinshadow
พุธ ต.ค. 05, 2016 4:11 pm
0
0
Re: รถที่ไม่ต้องใช้คนขับ/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
Elon Musk เผยแผนการขั้นสุดยอดของ Tesla ต่อไปรถจะวิ่งทำงานหาเงินให้เจ้าของได้ https://www.blognone.com/node/83740 ไม่กี่วันก่อน Elon Musk โพสต์บทความลงบนบล็อกของ Tesla เขาเรียกมันว่า “แผนการขั้นสุดยอด ตอนที่ 2” หรือ “Master Plan, Part Deux” (Deux แปลว่า 2 ในภาษาฝรั่งเศส) เป็นแนวทางที่ Tesla ต้องการมุ่งหน้าไป อีกทั้งยังมีการเปิดเผยข้อมูลผลิตภัณฑ์ใหม่ด้วย ผมอ่านแล้วคิดว่าทำให้เห็นภาพรวมระยะยาวของ Tesla ได้ดีมาก เลยแปลมาลงอีกทีครับ ก่อนจะมาถึงแผนการขั้นที่ 2 ก็ต้องมีขั้นที่ 1 ก่อน ซึ่ง Elon เคยเขียนไว้เมื่อ 10 ปีที่แล้ว สรุปออกมาได้ 4 ข้อ ดังนี้ โดยในวงเล็บเป็นข้อความของผมเอง ผลิตรถยนต์จำนวนน้อยๆ และขายแพง (Tesla Roadster) ใช้เงินที่ได้จากข้อ 1 มาพัฒนารถยนต์ที่จะขายได้มากขึ้น และราคาถูกลง (Tesla Model S, Model X) ใช้เงินที่ได้จากข้อ 2 มาพัฒนารถยนต์ที่จะผลิตได้จำนวนมาก และคนส่วนใหญ่สามารถซื้อได้ (Tesla Model 3) ให้บริการด้านพลังงานแสงอาทิตย์ (SolarCity) เส้นทางความเป็นมาของข้อ 1 ถึง 3 ผมเคยเขียนไว้ครั้งนึงแล้วตอนที่ Tesla Model 3 เปิดตัว ลองกดเข้าไปอ่านกันได้ Elon Musk บอกว่าการที่เขาต้องเริ่มจากข้อ 1 (ผลิตจำนวนน้อย) เพราะมันเป็นทุกสิ่งที่เขาทำได้จากการขาย PayPal ให้ eBay ไปในราคา 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตอนนั้นเขาคิดว่าโอกาสที่ Tesla จะไปรอดนั้นต่ำมาก เลยไม่อยากไปขอเงินทุนจากคนอื่นมา ทำให้ต้องใช้เงินตัวเอง โดยบริษัทรถยนต์หน้าใหม่ก็แทบจะไม่มีใครไปรอด และในปี 2016 มีบริษัทรถยนต์ในสหรัฐฯ เพียง 2 เจ้าที่ไม่ล้มละลาย คือ Ford และ Tesla นั่นเอง Elon บอกว่าการตั้งบริษัทรถยนต์ก็โง่พออยู่แล้ว และการตั้งบริษัทรถยนต์ไฟฟ้ายิ่งโง่ยกกำลัง 2 เลย การผลิตรถยนต์ในจำนวนน้อย แปลว่าโรงงานก็ไม่ต้องใหญ่มาก ซับซ้อนน้อยลง ถึงแม้ว่าการผลิตเกือบทั้งหมดต้องทำด้วยมือก็ตาม และแน่นอนว่าพอผลิตจำนวนน้อยก็ต้องขายแพง ไม่เกี่ยงว่าสิ่งที่ผลิตจะเป็นรถยนต์ซีดานหรือรถสปอร์ต (แล้วทำไมต้องผลิตรถยนต์ธรรมดาขายล่ะ?) เขาบอกว่ามีคนที่พร้อมจะจ่ายหนักสำหรับรถสปอร์ต แต่ไม่มีใครอยากจ่ายเงิน 1 แสนดอลลาร์เพื่อ Honda Civic พลังงานไฟฟ้าหรอก ต่อให้มันจะดูเท่แค่ไหนก็เถอะ เหตุผลหนึ่งที่ Elon เขียนแผนการขั้นที่ 1 ไว้ก็เพื่อป้องกันข้อครหาว่า Tesla ผลิตรถยนต์สำหรับคนรวยเท่านั้น เช่นตั้งบริษัทอินดี้มาเพราะรู้สึกว่ายังมีแบรนด์รถสปอร์ตไม่เพียงพอ ฯลฯ อย่างไรก็ตาม เขาบอกว่ายังมีบทความโจมตี Tesla ออกมามากมายนับไม่ถ้วนอยู่ดี เหตุผลหลักของแผนการขั้นที่ 1 คืออธิบายการกระทำต่างๆ ของ Tesla ในภาพรวม หลักๆ แล้วก็คือการเร่งให้คนหันมาใช้พลังงานที่ยั่งยืน ทำให้มนุษย์สามารถจินตนาการถึงอนาคตได้ไกล และยังดำรงชีวิตได้อยู่ (ไม่ใช่คิดว่าอีก 10 ปี 100 ปี น้ำมันหมดโลก อยู่กันไม่ได้) เขาย้ำว่า “ความยั่งยืน” ไม่ใช่ของงี่เง่า หรืออินดี้แต่อย่างใด แต่มันสำคัญกับทุกคน Elon บอกว่าเมื่อถึงจุดหนึ่ง เราก็ต้องเปลี่ยนไปใช้พลังงานที่ยั่งยืน หรือไม่อย่างนั้นแหล่งเชื้อเพลิงฟอสซิลก็จะหมดลง และมนุษยชาติก็จะล่มสลาย ยังไงเราก็ต้องเลิกใช้น้ำมัน และนักวิทยาศาสตร์ทั้งหมดก็เห็นด้วยว่าปริมาณคาร์บอนในชั้นบรรยากาศและในมหาสมุทรเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ ยิ่งเราหันมาใช้พลังงานที่ยั่งยืนได้เร็วแค่ไหน ก็ยิ่งดีเท่านั้น เพื่อให้พวกเราเข้าถึงพลังงานที่ยั่งยืนได้เร็วขึ้น Elon เปิดเผยแผนการขั้นที่ 2 ดังนี้ รวมการกำเนิดพลังงานและการเก็บพลังงานเข้าด้วยกัน สร้างโซลาร์เซลล์ที่รวมระบบเข้ากับแบตเตอรี่แบบไร้รอยต่อสำหรับบ้านแต่ละหลัง จากนั้นก็ขยายสเกลไปทั่วโลก สั่งครั้งเดียว, ติดตั้งครั้งเดียว, ติดต่อบริการที่เดียว, ใช้แอพแอพเดียว โซลูชันแบบนี้ไม่สามารถทำได้ถ้า Tesla และ SolarCity เป็นคนละบริษัทกัน (Tesla เพิ่งเสนอเข้าซื้อ SolarCity ไปเดือนก่อน) ขณะนี้ Tesla พร้อมแล้วที่จะขยายการผลิต Powerwall และ SolarCity ก็พร้อมที่จะผลิตแผงโซลาร์เซลล์ที่แตกต่างจากคนอื่นเช่นกัน ตอนนี้ถึงเวลาที่จะนำทั้งสองมารวมกันแล้ว Tesla Powerwall ชาร์จไฟเก็บไว้ตอนกลางวัน เอามาใช้ตอนกลางคืน ขยายตัวเพื่อให้ครอบคลุมการขนส่งทางบกส่วนใหญ่ ขณะนี้ Tesla มีคำตอบสำหรับรถเก๋งแบบพรีเมี่ยมและรถ SUV แล้ว (Model S และ X) แต่สองอย่างนี้ยังเป็นเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้น ซึ่งการมาของ Model 3 จะช่วยให้ทำตลาดได้กว้างขึ้น โดย Elon บอกว่ารถยนต์ที่ราคาถูกกว่า Model 3 จะไม่จำเป็นแล้ว เหตุผลอยู่ในย่อหน้าถัดๆ ไป (ใครหวังว่าจะมี Tesla ราคาถูกมากๆ ก็อดไปนะครับ) สิ่งจำเป็นอย่างมากสำหรับการเร่งการมาถึงของอนาคตที่ยั่งยืนคือต้องขยายความสามารถในการผลิตให้เร็วที่สุด เขาบอกว่า Tesla โฟกัสอย่างหนักไปที่การสร้างเครื่องจักรที่ผลิตเครื่องจักร พวกเขาต้องการเปลี่ยนตัวโรงงานเองให้เป็นสินค้า ทฤษฎีฟิสิกส์พื้นฐานด้านการผลิตยานพาหนะบอกไว้ว่าการพัฒนาไปอีก 5-10 เท่า (จากของเดิม) จะเกิดขึ้นที่เวอร์ชันที่ 3 หรือภายในรอบ 2 ปี ซึ่งขณะนี้โรงงานผลิต Model 3 อยู่ที่เวอร์ชัน 0.5 ซึ่งต้องรอถึงปี 2018 กว่าจะถึงเวอร์ชัน 1.0 นอกจากรถยนต์ที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว เรายังต้องการรถยนต์ไฟฟ้าอีก 2 ประเภท คือรถบรรทุกสำหรับงานหนัก (heavy-duty) และรถประเภทรถเมล์ที่จุคนได้มาก โดยทั้งสองอย่างยังอยู่ในขั้นแรกของการวิจัย และน่าจะพร้อมสำหรับการเปิดตัวภายในปีหน้า ซึ่ง Elon Musk เรียกรถบรรทุกไฟฟ้าว่า Tesla Semi เขาเชื่อว่ามันจะลดค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งลงได้ ในขณะที่มีความปลอดภัยสูงขึ้น รวมถึงการควบคุมก็สนุกอีกด้วย ส่วนเรื่องรถเมล์แบบใหม่ เขาบอกว่ามันเข้าท่าที่จะลดขนาดรถบัสในปัจจุบันลง แล้วเอาคนขับออกไปทำงานเป็นผู้ควบคุมกลุ่มยานพาหานะแทน (fleet manager) ปัญหารถติดน่าจะลดลง เนื่องจากรถจะเร่งและเบรคตามจังหวะการไหลของรถคันอื่นๆ (รถคันข้างหน้าขยับแล้วก็เคลื่อนตามทันที ไม่เว้นห่างหรือออกตัวช้า) อีกทั้งรถเมล์แบบใหม่นี้จะส่งผู้โดยสารทุกคนถึงจุดหมาย ไม่มีเส้นทางเดินรถตายตัว ใช้การเรียกรถผ่านแอพแทน (ระบบน่าจะคำนวณให้ว่าคนที่จะไปบริเวณนี้ควรส่งรถคันไหนมารับ) ส่วนคนที่ไม่มีสมาร์ทโฟนก็สามารถกดปุ่มเรียกรถได้จากป้ายรถเมล์เช่นกัน อีกทั้งยังออกแบบให้รองรับวีลแชร์, รถเข็นเด็ก และจักรยานอีกด้วย การขับอัตโนมัติ เมื่อเทคโนโลยีก้าวไปข้างหน้า รถยนต์ Tesla ทุกคันจะติดตั้งฮาร์ดแวร์สำหรับการขับอัตโนมัติเต็มรูปแบบ (fully self-driving) พร้อมความสามารถรองรับความล้มเหลวในระบบได้ (fail-operational capability) กล่าวคือถึงแม้จะมีระบบใดๆ ก็ตามในรถเกิดเสีย แต่รถจะยังสามารถขับต่อไปได้เองอย่างปลอดภัย Elon Musk ย้ำว่าการปรับแต่งซอฟต์แวร์จะใช้เวลานานกว่าการแค่เอากล้อง, เรดาร์, โซนาร์ และอุปกรณ์คิดคำนวณมาติดตั้งเข้ากับรถ ถึงแม้ซอฟต์แวร์จะถูกปรับแต่งมาให้ทำงานได้ดีกว่ามนุษย์มากแล้ว เราก็ยังต้องรอให้รัฐรับรองการขับอัตโนมัติเต็มรูปแบบอีกนานอยู่ดี ทาง Tesla คาดว่าหน่วยงานรัฐทั่วโลกต้องการเห็นผลงานการขับอัตโนมัติเป็นระยะทางถึง 6 พันล้านไมล์ หรือ 1 หมื่นล้านกิโลเมตรเลยทีเดียว โดยขณะนี้มีการเรียนรู้ของรถอยู่ที่ 5 ล้านกิโลเมตรต่อวัน Elon ระบุว่าที่ Tesla เปิดระบบ Autopilot ให้ใช้กันตอนนี้เพราะเมื่อใช้งานอย่างถูกต้อง ก็ปลอดภัยมากกว่าการขับด้วยมือแล้ว รวมถึง Tesla จะไม่หยุดการใช้งาน Autopilot เพราะกลัวสื่อมวลชนแย่ๆ อีกด้วย ตามรายงานของ National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) เมื่อปี 2015 ระบุว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ร้ายแรงถึงชีวิตเพิ่มขึ้น 8% คือเสียชีวิต 1 คนทุกๆ ระยะทาง 89 ล้านไมล์ ซึ่งสถิติของ Autopilot กำลังจะดีขึ้นเป็น 2 เท่าของตัวเลขนั้นและจะดีขึ้นทุกๆ วัน โดยเขาบอกว่ามันไม่มีเหตุผลที่จะปิดระบบ Autopilot ดังที่มีคนพยายามเรียกร้อง เหมือนกับการที่เราไม่ควรเลิกใช้ระบบ Autopilot ในเครื่องบินนั่นเอง นอกจากนี้ Elon ยังบอกว่าที่ Tesla ใส่คำว่า beta ให้กับระบบ Autopilot เพราะต้องการลด “ความคาดหวัง” ของลูกค้า และทำให้พวกเขาคิดว่าระบบยังพัฒนาต่อได้อีก ซึ่งจริงๆ แล้วระบบนี้ไม่ได้เป็นซอฟต์แวร์ขั้น beta อยู่แล้ว ก่อนการปล่อยอัพเดตจะมีการทดสอบภายในอย่างเข้มข้น และ Tesla จะปลดคำว่า beta ออกก็ต่อเมื่อสถิติทั้งหมดชี้ว่ามันปลอดภัยกว่ายานพาหนะในสหรัฐอเมริกา 10 เท่า การแบ่งปัน เมื่อการขับอัตโนมัติเต็มรูปแบบถูกรับรองโดยหน่วยงานรัฐ แปลว่าเจ้าของรถจะสามารถเรียกรถให้ขับมาหาจากที่ไหนก็ได้ พอเราก้าวขึ้นรถ เราสามารถนอนหลับ, อ่านหนังสือ หรือทำอะไรก็ได้จนถึงจุดหมายปลายทาง ในอนาคต Tesla จะจัดให้มีกลุ่มรถยนต์เพื่อการแบ่งปัน เจ้าของรถ Tesla ทุกคนสามารถเอารถตัวเองเข้าร่วมโครงการได้ผ่านแอพ และปล่อยให้รถสร้างรายได้โดยการวิ่งรับส่งคนขณะที่เราทำงาน, ไปเที่ยวต่างประเทศ หรือเวลาใดๆ ที่ไม่ได้ใช้รถ เขาระบุว่าน่าจะสร้างรายได้ได้มากกว่าค่าผ่อนรถรายเดือนเสียอีก การทำแบบนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าของรถลงได้มาก จนถึงจุดที่เกือบทุกคนสามารถซื้อ Tesla มาใช้ได้ (ช่วงที่ไม่ใช้รถก็เอาไปวิ่งหาเงิน แล้วใช้เงินที่ได้มาไปช่วยผ่อนรถ) ซึ่ง Elon บอกว่าโดยปกติคนทั่วไปใช้รถเพียง 5-10% ของเวลาใน 1 วันเท่านั้น เอาเวลาที่ไม่ใช้ไปวิ่งหาเงินดีกว่า สำหรับเมืองที่มีความต้องการสูงกว่าปริมาณรถที่มีคนเอารถเข้ามาร่วม ทาง Tesla จะจัดรถมาเสริมให้ด้วย สรุป แผนการขั้นสุดยอด ตอนที่ 2 แยกได้เป็น 4 หัวข้อหลัก คือ สร้างโซลาร์เซลล์สำหรับบ้าน และรวมระบบเข้ากับแบตเตอรี่สำหรับเก็บไฟ ขยายไลน์การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้ครอบคลุมการขนส่งทางบกส่วนใหญ่ พัฒนาระบบขับอัตโนมัติที่ปลอดภัยกว่าการขับเอง 10 เท่า ผ่านระบบเรียนรู้ด้วยตัวเอง (รถสอนรถ) ทำให้รถวิ่งหารายได้ให้เจ้าของตอนที่ไม่มีการใช้งาน ผมอ่านแล้วคิดว่าหลังจากนี้เราคงไม่อาจเรียก Tesla ว่าเป็นบริษัทรถยนต์ได้อีกแล้วนะครับ
โดย
leaderinshadow
อังคาร ก.ค. 26, 2016 3:54 pm
0
5
Re: รถที่ไม่ต้องใช้คนขับ/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
Tesla Model S เปิดโหมด Autopilot เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงเป็นครั้งแรก คนขับเสียชีวิตทันที รถยนต์ไฟฟ้า Tesla ได้รับอัพเดตเพิ่มฟีเจอร์ขับอัตโนมัติ หรือ Autopilot มาตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว มีคนใช้มากมาย ล่าสุดเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจากการใช้ฟีเจอร์นี้เป็นครั้งแรก ส่งผลให้คนขับเสียชีวิตทันที อุบัติเหตุนี้เกิดขึ้นบริเวณทางแยกบนทางหลวงในเมือง Williston รัฐฟลอริดา ผู้ขับรถ Tesla Model S คือนาย Joshua D. Brown อายุ 40 ปี ก่อนเขามาถึงทางแยก มีรถบรรทุกขนาดใหญ่กำลังเลี้ยวขวางถนนอยู่ รถยนต์ Tesla ของ Brown แยกแยะระหว่างด้านข้างของรถบรรทุกซึ่งเป็นสีขาว กับท้องฟ้าที่ค่อนข้างสว่างไม่ออก ทำให้ไม่ได้เบรก พุ่งชนและลอดใต้รถบรรทุกไป ชายล่างของตัวเทรลเลอร์ฉีกหลังคารถ Tesla ออกทั้งแผ่น รถของ Brown ไปจอดนิ่งห่างจากจุดเกิดอุบัติเหตุไปหลายร้อยฟุต เขาเสียชีวิตทันที คนขับรถบรรทุก Frank Baressi อายุ 62 ปี กล่าวว่าหลังจากชน เขาไปดูรถ Tesla พบว่าบนหน้าจอกำลังเล่นภาพยนตร์ Harry Potter อยู่ แต่ไม่เป็นที่แน่ชัดว่ารถ Tesla อนุญาตให้ชมภาพยนต์ขณะรถกำลังวิ่งอยู่ได้หรือไม่ และในรายงานของตำรวจก็ไม่มีการกล่าวถึงภาพยนตร์นี้ด้วย ภายหลังจากอุบัติเหตุ Tesla Motors ออกแถลงการณ์บนบล็อกของบริษัท แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งชี้แจงว่าระบบ Autopilot ยังต้องการความสนใจจากคนขับตลอดเวลา และต้องเตรียมพร้อมที่จะเข้าควบคุมรถได้ทุกเมื่อ โดยรถจะตรวจสอบเรื่อยๆ ว่ามือของผู้ขับยังจับพวงมาลัยอยู่หรือไม่ หากไม่จับจะส่งสัญญาณเสียงเตือน พร้อมกับขึ้นข้อความบนหน้าจอ และหากยังไม่จับ รถจะชะลอความเร็วลงเรื่อยๆ จนกว่าจะมีปฏิกิริยาจากผู้ขับขี่ นาย Brown เป็นผู้ที่ชื่นชอบรถ Tesla มาก เขาอัพโหลดวิดีโอการใช้งานรถขึ้น ช่อง YouTube ส่วนตัวอยู่บ่อยครั้ง และชมว่าเป็นรถที่ดีที่สุดเท่าที่เขาเคยเป็นเจ้าของมา โดยวิดีโอล่าสุดของเขามีผู้ชมเกือบ 2 ล้านวิว เป็นเหตุการณ์ที่มีรถเครนขนาดเล็กปาดเข้ามาในเลน ซึ่งรถของเขาได้หักหลบและชะลอความเร็วลงเพื่อป้องกันอุบัติเหตุได้อย่างน่าประทับใจ วิดีโอนี้ดังมากจน Elon Musk ซีอีโอของบริษัทเคยเอาไปทวีตบนบัญชีทวิตเตอร์ส่วนตัวด้วย https://www.blognone.com/node/82888
โดย
leaderinshadow
จันทร์ ก.ค. 04, 2016 1:43 pm
0
3
Re: สถานการณ์รถยนต์
ตลาดรถมือสองแนวโน้มดีขึ้น ผู้ประกอบการ อัดโปรโมชั่นหลังฟื้นตัว ก็นับว่าเป็นสัณญานที่ดีครับสำสำหรับธุรกิจรถยนต์มือสองของพวกเราที่ในขณะนี้ก็มีสัณญานที่ดี ก็เรียกว่าเกือบจะดีขึ้นแล้ว หลังจากวิกฤติโครงการรถคันแรก ก็เรียกได้ว่าหนักที่สุดในหลายรอบปีเลยทีเดียว ในช่วงนี้ก็มีงานมหกรรมรถยนต์มือสอง ครั้งที่ 8 ฟังเสียงจากทางผู้จัดงานและผู้ประกอบการรถมือสองกันครับว่ามีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับตลาดรถมือสองในขณะนี้ มหกรรมรถยนต์มือสอง ครั้งที่ 8 จาตุรนต์ โกมลมิศร์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ในฐานะประธานมหกรรมรถยนต์มือสอง ครั้งที่ 8 กล่าวว่า ภาพรวมตลาดรถยนต์มือสองปีนี้ คาดว่าจะมีปริมาณการซื้อขายหมุนเวียนในตลาดเพิ่มขึ้นเป็น โดยจากเมือปีที่แล้วนั้น 1 ล้านคันต่อปี แต่ในปีนี้คาดว่าจะมีการซื้อขายรถหมุนเวียนในตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 ล้นคันต่อปี จากแนวโน้มราคารถมือสองที่มีการฟื้นตัวกลับสู่สภาวะปกติ และนอกจากนี้ผู้ประกอบการรถมือสองก็อาศัยจะจังหวะนี้จัดโปรโมชั่นและมอบข้อเสนอพิเศษต่างๆ เพื่อทำการกระตุ้นตลาด ซึ่งก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีของผู้บริโภคในช่วงนี้ด้วย ทั้งนี้ บริษัทได้จัดงานมหกรรมรถยนต์มือสอง ครั้งที่ 8 ขึ้นระหว่างวันที่ 28 มี.ค.-3 เม.ย. 2559 ที่ศูนย์แสดงสินค้าฯ ฮอลล์ 1-4 อิมแพ็ค เมืองทองธานี บนพื้นที่ 2 หมื่นตารางเมตร เพื่อกระตุ้นตลาดในช่วงฟื้นตัว โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมงานมากกว่า 1 แสนคน ซึ่งคาดว่ายอดขายในงานจะอยู่ในระดับเดียวกับปีที่ผ่านมาที่ 6,000 คัน และก็ยังกล่าวต่ออีกว่า ในปีนี้คาดว่าตลาดรถยนต์มือสองในปีนี้จะมีอัตราเติบโตราว 5-10% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากปัจจัยบวกที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหลายปัจจัย ทั้งเรื่องของการแข่งของผู้ประกอบและราคาที่เริ่มฟื้นตัว” ด้าน ไพโรจน์ ชื่นครุฑ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ทิศทางราคาเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2558 จากผู้ประกอบการเริ่มซื้อขายอีกครั้ง พร้อมทั้งบริษัทได้ปรับรูปแบบการอนุมัติสินเชื่อให้เหมาะสมกับสถานะลูกค้าใน ปัจจุบันเพื่อให้สามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ได้ตามเหมาะสม ขณะที่ภาพรวมสินเชื่อรถยนต์ในตลาดมีมูลค่าอยู่ที่ 5-6 แสนล้านบาท/ปี แบ่งเป็น สินเชื่อรถยนต์ใหม่ 60% สินเชื่อรถยนต์มือสอง 35% และสินเชื่อรถจักรยานยนต์ 5% โดยในช่วง 2 เดือนแรก (ม.ค.-ก.พ.) ของปี 2559 สินเชื่อรถยนต์ใหม่มีความผันผวนสูงจากสถานการณ์ชะลอตัวของตลาด ซึ่งหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าปีนี้ตลาดรถยนต์ในประเทศจะอยู่ที่ 7.2 แสนคัน จากปีก่อน 8 แสนคัน จึงต้องติดตามใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ปี 2558 ธนาคารมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 20% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 1-1.2 แสนล้านบาท แบ่งเป็น สินเชื่อรถยนต์ใหม่ 50% สินเชื่อรถยนต์มือสอง 45% และสินเชื่อรถจักรยานยนต์ 5% โดยปี 2559 ตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาดเติบโตโตขึ้น 1-4% จากปัจจุบัน ซึ่งในช่วงแรกของปีการปล่อยสินเชื่อยังเป็นไปตามเป้าหมาย “ธนาคารอยู่อับดับหนึ่งในตลาดสินเชื่อรถยนต์ โดยในปีที่ผ่านมามีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 20% จากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 17% ล่าสุดได้เข้าร่วมงานมหกรรมรถยนต์มือสอง โดยได้จัดรายการส่งเสริมการขาย (โปรโมชั่น) อาทิ ดอกเบี้ย 0% ทราบผลอนุมัติเร็วภายใน 15 นาที และโปรแกรมขยายการรับประกันอะไหล่ 1 ปี หรือ 2.5 หมื่น กม.” ไพโรจน์ กล่าว สมชาย ตระกูลภิรมย์ ผู้จัดการทั่วไป มาสเตอร์ เซอร์ทิฟายด์ ยูสคาร์ ในเครือบริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) หรือเอ็มจีซี กล่าวว่า ตลาดรถยนต์มือสองปีนี้คาดว่าจะเติบโต 10% หรืออยู่ที่ 1.5 ล้านคันซึ่งมองว่าระดับราคาขายจะสู่สภาวะปกติและจะยังคงทรงตัว แม้ว่าการคาดการณ์ตลาดรถยนต์มือสองในช่วงไตรมาส 2 จะขาดตลาดจากผลกระทบของรถยนต์ใหม่ปรับลดกำลังการผลิตและใช้ระยะเวลารอรถนาน ผู้บริโภคจึงต้องใช้รถคันเดิมไปก่อนจึงยังไม่เข้าสู่ตลาดรถยนต์มือสอง ขณะที่สถานการณ์การแข่งขันของตลาดรถยนต์มือสอง ปัจจุบันผู้ประกอบการรายเล็กมีการรวมตัวกันสร้างมาตรฐาน พร้อมการรับประกันคุณภาพสินค้าเพื่อสร้างความเชื่อถือต่อผู้บริโภค พร้อมทั้งไฟแนนซ์มีการเพิ่มวงเงินจัดสินเชื่อขึ้นราว 10% ส่งผลกระตุ้นความต้องการได้ “ไฟแนนซ์มีผลต่อตลาดรถยนต์มือสองอย่างมาก ซึ่งความผ่อนคลายการเพิ่มวงเงินสินเชื่อในบางรุ่นส่งผลดีต่อตลาด จึงคาดว่าในปีนี้จะเติบโตได้ โดยปีนี้ปริมาณหมุนเวียนของรถยนต์มือสองจะอยู่ที่ 1.5 ล้านคัน/ปี หรือ 1.5 เท่าของรถยนต์ใหม่” สมชาย กล่าว พร้อมกันนี้ ปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 1,600 คัน สูงขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ 1,400 คัน จากปัจจัยดังกล่าวข้างตนจึงคาดว่าจะบรรลุเป้าหมายได้ พร้อมกันนี้ ปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 1,600 คัน สูงขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ 1,400 คัน จากปัจจัยดังกล่าวข้างตนจึงคาดว่าจะบรรลุเป้าหมายได้ จะเห็นได้ว่า ขณะนี้การแข่งขันของตลาดรถยนต์มือสองในและสถาบันการเงินได้ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันนี้เพื่อผู้บริโภค http://news.unseencar.com/tag/%E0%B9%81%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2
โดย
leaderinshadow
ศุกร์ มิ.ย. 03, 2016 4:44 pm
0
1
Re: สถานการณ์รถยนต์
เม.ย.ยอดผลิตรถยนต์พุ่ง11.51% เดือนเมษายน 2559 ผลิตรถยนต์ จำนวน 138,237 เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ร้อยละ 11.51 ขายในประเทศ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 มูลค่าการส่งออก เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.18 http://www.thansettakij.com/2016/05/26/56742 ยอดขายรถยนต์เดือนเมษายน 2559 วุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนเมษายน 2559 มีปริมาณการขายทั้งสิ้น 54,986 คัน เพิ่มขึ้น 1.7% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 20,687 คัน ลดลง 11.9% รถเพื่อการพาณิชย์ 34,299 คัน เพิ่มขึ้น 12.1% รวมทั้ง รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนต์นี้ จำนวน 27,628 คัน เพิ่มขึ้น 22.2% http://www.thairath.co.th/content/630336
โดย
leaderinshadow
ศุกร์ มิ.ย. 03, 2016 4:42 pm
0
0
Re: สถานการณ์รถยนต์
อุตุฯส่งซิกไทยพ้นวิกฤติแล้ง พายุฝนจ่อเข้าปลายพ.ค./ใต้ระวังหนักเท่าไต้ฝุ่นเกย์ http://www.thansettakij.com/2016/05/10/50987
โดย
leaderinshadow
ศุกร์ มิ.ย. 03, 2016 4:39 pm
0
0
Re: สถานการณ์รถยนต์
ผู้ผลิตรถยนต์ไทยรวยทันที 9,000 ล้าน 4 เดือนเวียดนำเข้ากว่า 10,000 คัน ปิกอัพนำหน้าครองแชมป์ MGRออนไลน์ - ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามนำเข้ารถยนต์ที่ผลิตในประเทศไทย รวมจำนวนกว่า 10,000 คัน และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เม.ย.เดือนเดียวทะลุ 2,300 คัน ทิ้งห่างแชมป์เก่าคือ รถยนต์จากจีน และเกาหลี แบบเท่าตัว ทั้งนี้ เนื่องจากสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่เวียดนามจัดเก็บต่ำลงตามความตกลงประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน แต่ในขณะเดียวกัน ก็ทำให้การขาดดุลการค้าของเวียดนามต่อไทยห่างออกไปอีก ตามตัวเลขของกรมใหญ่ศุลกากร (General Department of Customs) เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา มีการนำเข้ารถยนต์อีกกว่า 9,300 คัน ซึ่งในนั้นรถจากไทยคิดเป็นประมาณ 25% และได้ทำให้จำนวนรถที่นำเข้าในช่วง 4 เดือนแรกเพิ่มขึ้นเป็นทั้งหมด 29,054 คัน รวมมูลค่า 732.7 ล้านดอลลาร์ ในนั้นเป็นรถยนต์จากไทย 10,155 คัน กรมใหญ่ศุลกากร ระบุว่า การนำเข้ารถยนต์เพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งจำนวน และมูลค่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว เดือน เม.ย.เดือนเดียวอัตราการขยายตัวสูงถึง 130% เมื่อคำนวณจากตัวเลขข้างต้นก็จะพบว่า รถยนต์ที่เวียดนามนำเข้าจากไทยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2559 คิดเป็นประมาณ 34.95% ของทั้งหมดในด้านจำนวน และมีมูลค่าราว 256.07 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 8,834 ล้านบาท ตามมาเป็นอันดับ 2 แบบห่างๆ ในช่วง 4 เดือน เป็นรถยนต์นำเข้าจากเกาหลี จำนวน 5,369 คัน จีน 4,261 คัน ญี่ปุ่น 2,528 คัน รถยนต์จากอินเดียอีก 2,363 คัน หนังสือพิมพ์แถ่งเนียนในนครโฮจิมินห์ รายงานตัวเลขในเว็บไซต์ข่าวภาษาเวียดนาม สถิติยังระบุว่า รถยนต์ที่นำเข้าจากไทยมากที่สุดเป็นรถบรรทุกเล็กขนาด 1 ตัน หรือปิกอัพ ซึ่งได้รับสิทธิประโยชน์จากพิกัดภาษีศุลกากรอัตราพิเศษตามพันธกรณีที่เวียดนามให้แก่ความตกลงประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน รวมทั้งภาษีสรรพสามิต ภาษีผู้บริโภคพิเศษ ซึ่งเก็บในอัตราที่ต่ำกว่ารถยนต์นั่ง 4-7 คน แถ่งเนียน กล่าว อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เป็นพันธกรณีของประเทศสมาชิกประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนทุกชาติ ซึ่งรวมทั้งประเทศไทยด้วย เมื่อมองดูตัวเลขการนำเข้า และส่งออก ระหว่างไทยกับเวียดนาม ก็จะพบว่า ในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนาม ขาดดุลเพิ่มขึ้น โดยช่วงดังกล่าวเวียดนามส่งออกสินค้าชนิดต่างๆ เข้าสู่ตลาดไทยมีมูลค่าเพียง 836 ล้านดอลลาร์ แต่นำเข้าเป็นมูลค่าถึง 1,800 ล้านดอลลาร์ ทำให้เวียดนามขาดดุลเกือบ 1,000 ล้านดอลลาร์ นับเป็นการขาดดุลมากที่สุดระหว่างเวียดนามกับสมาชิกอาเซียนชาติหนึ่ง ไม่เพียงแต่จะนำเข้ารถยนต์จากไทยเพิ่มขึ้นเท่านั้น หากเป็นที่น่าสังเกตว่า สินค้าอุปโภคบริโภค ที่นำเข้าจากไทยก็เพิ่มขึ้นด้วย รวมทั้งอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน เครื่องจักรเครื่องกล ชิ้นส่วน และเครื่องมือต่างๆ ด้วย. http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9590000051802
โดย
leaderinshadow
ศุกร์ มิ.ย. 03, 2016 4:36 pm
0
1
Re: สถานการณ์รถยนต์
มกราคม ยอดขายรถวูบกว่า 13% ค่ายรถ ชูรุ่นใหม่กระตุ้นตลาด ยอดขายรถ ม.ค.วูบ กว่า 13% เหลือแค่ 5.1 หมื่นคัน เหตุคนรีบซื้อก่อนสิ้นปี กลัวภาษีใหม่ ฮอนด้าไม่หวั่น เร่งกระตุ้นตลาดเปิดตัว แอคคอร์ดใหม่ ไมเนอร์เชนจ์ เคาะราคาเริ่มต้นที่ 1.385 ล้านบาท นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนมกราคม 2559 มีจำนวนทั้งสิ้น 51,715 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว 13.4 % และลดลงจากเดือนธันวาคม 49.03 % ยอดขายภายในประเทศลดลงเนื่องจากเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจภายในประเทศยังไม่ฟื้นตัว ราคาสินค้าเกษตรยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ การลงทุนของภาคเอกชนชะลอตัว ประกอบกับลูกค้าบางส่วนได้ตัดสินใจซื้อรถยนต์ในช่วงปลายปีที่แล้วก่อนปรับราคาขึ้นตามโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ ส่วนรถจักรยานยนต์ มียอดขาย 161,070 คัน เพิ่มขึ้น 12.7 % ในด้านการผลิต จำนวนรถยนต์ทั้งหมด ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม 2559 มีทั้งสิ้น 147,651 คัน ลดลง 11.67% แบ่งออกเป็นรถยนต์นั่ง เดือนมกราคม 2559 ผลิตได้ 57,376 คัน ลดลง 13.92% รถยนต์โดยสารขนาดต่ำกว่า 10 ตัน และมากกว่า 10 ตันขึ้นไป ผลิตได้ 13 คัน ลดลง 60.61% รถกระบะขนาด 1 ตันผลิตได้ทั้งหมด 88,621 คัน ลดลง 9.48 %โดยแบ่งเป็น รถกระบะบรรทุก 30,754 คัน ลดลง 5.11% รถกระบะดับเบิลแค็บ 40,931 คัน ลดลง 28.07% รถกระบะ PPV 16,936 คันเพิ่มขึ้น 97.23% รถบรรทุกขนาดต่ำกว่า 5 ตัน – มากกว่า 10 ตัน ผลิตได้ 1,641 คัน ลดลง 36.32% เดือนมกราคม 2559 ผลิตรถจักรยานยนต์ได้ทั้งสิ้น 206,843 คัน ลดลง 5.53% แยกเป็นรถจักรยานยนต์สำเร็จรูป (CBU) 159,434 คัน ลดลง 8.3% และชิ้นส่วนประกอบรถจักรยานยนต์ (CKD) 47,409 คัน เพิ่มขึ้น 5.18% นายสมภพ ปฏิภานธาดา ผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาด บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ฮอนด้าเปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์รวมในเดือนมกราคมที่ผ่านมามีตัวเลขการขายอยู่ที่ 5.1 หมื่นคัน ลดลง 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเซกเมนต์รถยนต์นั่งมียอดขาย 1.83 หมื่นคัน หดตัวลงกว่า 33% ขณะที่ตัวเลขการขายของฮอนด้าทำได้ 5,613 คัน โดยตัวเลขการขายที่ลดลงเป็นผลมาจากกำลังซื้อส่วนใหญ่ถูกดึงไปตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ประกอบกับเดือนแรกของปีส่วนมากมักจะมียอดขายไม่สูงอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม บริษัทมั่นใจว่า การมีรถรุ่นใหม่จะมีส่วนผลักดันให้ยอดขายเติบโต และการเปิดตัวรุ่นใหม่จะมีผลทำให้ตลาดรวมมีความคึกคัก โดยในช่วงต้นปีบริษัทมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ ตั้งแต่ ฮอนด้า บีอาร์-วี ฮอนด้า แอคคอร์ด และฮอนด้า ซีวิค ใหม่ นายสมภพ กล่าวเพิ่มเติมว่า รุ่นใหม่ที่ได้เปิดตัวสู่ตลาดล่าสุดคือ ฮอนด้า แอคคอร์ด ที่มาพร้อมกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ ไฟดีไซน์ใหม่แบบ LED ทั้งไฟหน้าและ Daytime Running Lights,ไฟตัดหมอกคู่หน้าและไฟท้าย, ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศกุญแจรีโมท, ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสใหม่ รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlayTM หรือเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ผ่านระบบ MirrorLink สามารถเชื่อมโยงเครือข่าย WIFI หรือ Hotspot เพื่อใช้งานเบราว์เซอร์ ฮอนด้า แอคคอร์ดใหม่ มีเครื่องยนต์เบนซินให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่ 2.4 ลิตร DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 174 แรงม้าที่ 6,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 225 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที พัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม, เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร SOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 155 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 190 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที โดยเครื่องยนต์ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด และรองรับพลังงานทางเลือก E85 สนนราคาฮอนด้า แอคคอร์ด ในรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ที่มี 2 รุ่นย่อยได้แก่ รุ่น 2.0 E ราคา 1.385 ล้านบาท รุ่น 2.0 EL ราคา 1.445 ล้านบาท และเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร ได้แก่ รุ่น 2.4 EL ราคา 1.635 ล้านบาท นายสมภพ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันฮอนด้า แอคคอร์ด มีส่วนแบ่งทางการตลาดรถในกลุ่มดี-เซกเมนต์ที่ 40% หรือเป็นอันดับ 2 ของรถในกลุ่มนี้ การมีรุ่นใหม่ออกมาก็คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า โดยบริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ไว้ที่ 8 พันคันต่อเดือน ขณะที่แผนงานของแอคคอร์ด ไฮบริดนั้นคาดว่า จะได้เห็นในช่วงกลางปี จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,133 วันที่ 21 – 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 http://www.thansettakij.com/2016/02/22/32233
โดย
leaderinshadow
ศุกร์ มิ.ย. 03, 2016 4:35 pm
0
0
Re: รถที่ไม่ต้องใช้คนขับ/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
รู้สึกว่าปัญหาที่เกิดจากรถคันอื่น รถไร้คนขับยังแก้ไขได้ไม่ดีเท่าที่ควร ตรงนี้อาจจะต้องให้เวลาเค้าปรับปรุงหน่อย อุบัติเหตุครั้งแรก รถยนต์ไร้คนขับของ Google วิ่งไปชนรถประจำทาง https://www.blognone.com/node/78488 อุบัติเหตุครั้งแรก รถยนต์ไร้คนขับของ Google วิ่งไปชนรถประจำทาง เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ไร้คนขับของ Google ชนเข้ากับรถประจำทางคันหนึ่งในมลรัฐแคลิฟอร์เนียเมื่อวันที่ 14 ก.พ. ที่ผ่านมา จุดเกิดเหตุอยู่ไม่ไกลจากสำนักงานใหญ่ของ Google รถของ Google ขับมาด้วยความเร็ว 3 กม./ชม. พยายามวิ่งเข้ามาในเลนและชนเข้ากลางคันรถประจำทางที่กำลังวิ่งอยู่ในเลน วิศวกรที่นั่งควบคุมรถของ Google กล่าวว่าเขาคิดว่ารถประจำทางที่วิ่งมาด้วยความเร็ว 24 กม./ชม. จะชะลอรถ เพื่อให้รถของ Google วิ่งแทรกเข้ามาในเลนได้ เขาจึงไม่ได้แทรกแซงระบบขับเคลื่อนด้วยตัวเองของรถ เหตุการณ์นี้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ อุบัติเหตุครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่รถของ Google เป็นต้นเหตุ ก่อนหน้านี้รถยนต์ไร้คนขับของ Google ทำผลงานได้ดีมาโดยตลอด แม้เคยเกิดอุบัติเหตุมาแล้วหลายครั้ง แต่ล้วนเป็นอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อย และทั้งหมดเป็นความผิดของรถคันอื่น Google ยอมรับว่าครั้งนี้เป็นความผิดพลาดของตัวรถของ Google เอง เพราะถ้ารถไม่เคลื่อนเข้าไปในเลนก็จะไม่เกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากระบบคิดว่ารถประจำทางจะชะลอเพื่อให้รถของ Google เข้ามาในเลน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็จะมีพื้นที่เหลือพอที่จะแทรกเข้าไปได้ เหตุการณ์นี้ทำให้ Google ต้องกลับไปปรับปรุงชุดคำสั่งของระบบขับเคลื่อนด้วยตนเองใหม่ หลังจากนี้ระบบจะระวังรถบัสและรถขนาดใหญ่มากขึ้น เนื่องจากรถประเภทนี้มีแนวโน้มไม่ให้ทางมากกว่ารถชนิดอื่น และคาดว่าระบบจะรับมือกับเหตุการณ์ในอนาคตได้ดีขึ้น อุบัติเหตุครั้งนี้อาจทำให้ความพยายามผลักดันรถยนต์ไร้คนขับต้องชะงักลงไปอีก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียง 4 วันหลังจากที่หน่วยงานรับผิดชอบด้านความปลอดภัยบนทางหลวงแห่งสหรัฐ (US National Highway Traffic Safety Administration) กำลังพิจารณาให้ระบบขับเคลื่อนด้วยตนเอง เทียบเท่ากับคนขับที่เป็นมนุษย์ ซึ่งจะปูทางไปสู่การผลิตรถยนต์ไร้คนขับแบบไม่มีอุปกรณ์ควบคุม เช่น พวงมาลัย และคันเหยียบต่างๆ
โดย
leaderinshadow
อังคาร มี.ค. 01, 2016 1:26 pm
0
2
Re: รถที่ไม่ต้องใช้คนขับ/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โอ้ๆ ขอบคุณมากๆครับ ยังไม่ได้เคยดูจริงๆ :D
โดย
leaderinshadow
อังคาร ม.ค. 19, 2016 9:02 pm
0
1
Re: รถที่ไม่ต้องใช้คนขับ/ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
ผมมองว่าประเทศต้นแบบที่จะทำ รถที่ไม่ต้องใช้คนขับ สำเร็จประเทศแรกๆ ต้องเป็นประเทศที่ระบบขนส่งดีๆ แล้วคนในประเทศต้องมีวินัยสูงในระดับนึงครับ เพราะรถพวกนี้มีความสามารถในการตัดสินใจแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ต่ำมาก สมมุติเจอหลุ่ม เจอบ่อ เจอรถปาด ฝนตกถนนลื่น กิ่งไม้หักขวางทาง เจอตำรวจตั้งด่านกั้น ปิดเส้นนั้นเส้นทางนี้ เค้าก็ไปไม่ถูกได้นะครับ รถพวกนี้ลดอุบัติเหตุ รถปัญหารถติดได้ก็จริง แต่ถ้ามาวิ่งกับคนขับรถจริงๆ แล้วขับรถกันแบบบ้านเรา ผมก็นึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่าจะเป็นยังไง แต่ถ้ามีเมืองต้นแบบ ที่รถส่วนใหญ่ขับโดนหุ่นยนต์ อันนี้แน่นอนครับ ว่าจะลดอุบัติเหตุ ลดปัญหาการจราจรได้มหาศาลแน่ๆ
โดย
leaderinshadow
อังคาร ม.ค. 19, 2016 6:38 pm
0
3
Re: ส่อเค้าแล้ว วิกฤตครั้งใหม่เริ่มที่ไหน
ซาอุ ยังมีพอร์ตลงทุนอีกมหาศาลนะครับ คิดว่าคงมีกระสุนพอเล่นเกมส์ได้ยาวพอควร แต่ประเทศอื่นๆ ในอาหรับน่าจะไปก่อน หลายๆประเทศไม่ได้แข็งแรงแบบซาอุ
โดย
leaderinshadow
อาทิตย์ ต.ค. 25, 2015 11:07 pm
0
12
Re: สถานการณ์รถยนต์
สรรพสามิตไฟเขียวปั๊มรถตุนสต๊อก ดีลเลอร์ใหญ่ออร์เดอร์เพิ่ม 40% รับภาษีใหม่ปีหน้า updated: 12 ต.ค. 2558 เวลา 13:05:00 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ สรรพสามิตไฟเขียวค่ายรถผลิตตุนเป็นสต๊อกไว้ขายปีหน้า ย้ำชัดภาษีใหม่บังคับใช้ 1 ม.ค. 59 แน่นอน ชี้ตั้งราคาขายเพิ่มกำไรมากขึ้น ก็ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงตาม นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ตามที่โครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ที่ปรับปรุงใหม่จะใช้บังคับในวันที่ 1 ม.ค. 2559 เป็นต้นไปนั้น กรณีที่มีผู้ผลิตรถยนต์บางรายมีแนวคิดจะเสียภาษีตั้งแต่ปีนี้ เพื่อไปขายรถยนต์ปีหน้า ในราคาที่ปรับขึ้นตามโครงสร้างภาษีใหม่ ก็สามารถทำได้ ไม่ได้มีข้อห้ามไว้ เพียงแต่จะต้องเสียภาษีในปีนี้อย่างครบถ้วน "ภาระภาษีสรรพสามิตรถยนต์จะเกิดขึ้น ณ หน้าโรงงานอุตสาหกรรมอยู่แล้ว ฉะนั้นก็ได้ ถ้าคุณจะเสียภาษีไว้ตามอัตราเดิม แล้วก็แบกต้นทุนไปเอง" นายสมชายกล่าว ทั้งนี้ กรณีที่ผู้ประกอบการคิดจะดำเนินการเช่นนั้น อธิบดีกรมสรรพสามิตเชื่อว่า ผู้ประกอบการรายดังกล่าว น่าจะทราบดีว่าปีหน้าจะเสียภาษีสูงขึ้นกว่าเดิมแน่ ซึ่งสามารถคำนวณได้ โดยขณะนี้ผู้ผลิตรถยนต์รุ่นต่าง ๆ กว่า 90% มีการส่งให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) พิจารณาตรวจวัดค่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) แล้ว "เขาส่ง สมอ.แล้ว สามารถคำนวณได้ว่า ของเขาจะต้องเสียเท่าไหร่ แน่นอนว่าบางรุ่นต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น ถ้าเป็นอย่างนั้น เขาก็เลยจะรีบเสียภาษีก่อน อย่างเช่น รถกระบะบางตัวที่เดิมเสียภาษี 3% ก็จะเพิ่มเป็น 5% เพราะลด Co2 ไม่ได้ตามเกณฑ์ ก็ต้องชำระเพิ่ม" นายสมชายกล่าว อธิบดีกรมสรรพสามิตกล่าวด้วยว่า สถานการณ์จัดเก็บรายได้ภาษีรถยนต์ขณะนี้ยังคงชะลอตัว ขณะที่มาตรการที่นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ให้มาศึกษาเรื่องการส่งออกรถยนต์มือสอง ไปยังประเทศเพื่อนบ้านนั้น ยังอยู่ระหว่างประชุมหารือ โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เป็นเจ้าภาพ และ รมว.คลังจะนัดประชุมร่วมกันอีกครั้งในวันที่ 9 ต.ค.นี้ นางสาววิไล ตันตินันท์ธนา ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ภาษีสรรพสามิต กรมสรรพสามิต กล่าวว่า กรณีที่มีผู้ผลิตรถยนต์บางส่วนจะใช้วิธีเสียภาษีตามโครงสร้างภาษีเก่าไว้ตั้งแต่ปีนี้ แล้วไปตั้งราคาขายรถยนต์ตามโครงสร้างภาษีใหม่ในปีหน้านั้น ในด้านข้อกฎหมายไม่ได้มีข้อห้ามไว้ อย่างไรก็ดี การที่ผู้ประกอบการชำระภาษีแล้วจะตุนรถยนต์ไว้ ก็ย่อมมีต้นทุน ซึ่งจะสะท้อนอยู่ในผลประกอบการอยู่แล้ว และหากนำรถยนต์ไปจำหน่ายในราคาที่สูงขึ้น ก็จะมีรายได้มากขึ้น ดังนั้น ผู้ประกอบการก็ต้องเสียภาษีอื่น ๆ เพิ่มขึ้น คือ ภาษีเงินได้นิติบุคคล แหล่งข่าวจากกรมสรรพสามิตกล่าวเสริมว่า รถยนต์ที่มีขนาดเครื่องยนต์ 2,000 ซีซีขึ้นไป ส่วนใหญ่จะต้องปรับราคาขึ้นตามอัตราภาษีที่เสียเพิ่ม โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 50,000-100,000 บาทต่อคัน รวมถึงรถยนต์ไฮบริดที่จะมีราคาเพิ่มประมาณ 100,000 บาทต่อคัน เนื่องจากยังปล่อย Co2 เกินกว่า 100 กรัม/กิโลเมตร ก่อนหน้านี้ "ประชาชาติธุรกิจ" เคยรายงานเรื่องค่ายรถชิงธงแห่เพิ่มกำลังผลิต เก็บตุนรถเข้าสต๊อกไว้ขายปีหน้าก่อนภาษีใหม่ทำราคาแพงขึ้น มีการบี้ซัพพลายเออร์ให้รับออร์เดอร์เพิ่ม เพราะมีกลุ่มรถหลายประเภท อาทิ ปิกอัพ-เอสยูวี-พีพีวี ที่จะต้องมีต้นทุนทางด้านภาษีที่เพิ่มขึ้น โดยผู้บริหารกลุ่มบริษัทไทยซัมมิท ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่ ยืนยันว่าปัจจุบันมีออร์เดอร์การผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้นประมาณ 10-15% และนายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ระบุว่าจนถึงสิ้นปียอดผลิตรถเพื่อรองรับตลาดในประเทศจะเพิ่มขึ้นอีกเฉียดหมื่นคันต่อเดือน ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" สำรวจไปยังตัวแทนจำหน่ายรถยนต์รายใหญ่ กล่าวยอมรับว่า ขณะนี้บริษัทเริ่มพิจารณาถึงความพร้อมของบริษัท และจำนวนรถยนต์ในสต๊อกเพื่อเตรียมรับกับราคารถยนต์ที่จะปรับขึ้น โดยในช่วงเวลา 2 เดือนที่เหลือนี้เพิ่มขึ้นอีก 30-40% หรือจากเดิมมีสต๊อกอยู่ที่ 400 คัน ก็อาจจะเพิ่มเป็น 500-600 คัน "รถที่เราต้องเตรียมไว้ในสต๊อกนั้นมีหลากหลาย ตั้งแต่รถยนต์นั่งขนาดกลาง รถพีพีวี เอสยูวี จะยกเว้นก็พวกอีโคคาร์" แหล่งข่าวยังกล่าวต่อไปว่า รถยนต์ที่เตรียมไว้รองรับความต้องการของลูกค้าที่บริษัทตัดสินใจสต๊อกไว้ในปีนี้นั้น แล้วไปจำหน่ายในปีหน้า ไม่ได้ถือว่าผิดกติกาแต่อย่างใด เพราะไม่มีข้อกำหนดห้ามไว้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัทว่าจะจำหน่ายตามราคาเดิม หรือโครงสร้างภาษีใหม่ หรืออาจจะนำส่วนต่างของราคามาสนับสนุนส่งเสริมการขายในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อคืนให้กับผู้บริโภคก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน "ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์โตโยต้ารายใหญ่กล่าวว่า การปรับขึ้นราคาไม่เฉพาะปิกอัพและพีพีวีเท่านั้น อย่างโตโยต้า อัลฟาร์ดเองเท่าที่ทราบอาจจะมีการปรับขึ้นสูงถึง 8 แสนบาท ตรงนี้ก็ทำให้ดีลเลอร์และลูกค้าบางกลุ่มเริ่มมองหาและตัดสินใจซื้อรถประเภทนี้ไว้เร็วขึ้น และในเร็ว ๆ นี้บริษัทแม่เตรียมทำแคมเปญเพื่อกระตุ้นตลาดครั้งใหญ่ก่อนปรับภาษีด้วย" เช่นเดียวกับดีลเลอร์รถยนต์นิสสันกล่าวเสริมว่า ช่วงเดือนที่ผ่านมาบริษัทแม่ได้มีนโยบายมายังตัวแทนจำหน่ายรถยนต์นิสสันทั่วประเทศ ให้เตรียมความพร้อมเพื่อรับกับสถานการณ์ของราคาจำหน่ายรถยนต์ที่จะเพิ่มขึ้น ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2559 โดยบริษัทแม่มีแผนจะเพิ่มสัดส่วนการผลิตรถยนต์บางกลุ่มที่ได้รับผลกระทบด้านราคาค่อนข้างมากอย่างนิสสัน นาวาร่า และนิสสัน เอ็กซ์-เทรล โดยจะขยับเพิ่มสัดส่วนการผลิตเล็กน้อยสำหรับรถทั้ง 2 รุ่น และให้ดีลเลอร์ทั่วประเทศเตรียมสั่งและสต๊อกรถ http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1444629919
โดย
leaderinshadow
พฤหัสฯ. ต.ค. 15, 2015 2:03 pm
0
6
Re: สถานการณ์รถยนต์
ค่ายรถตุนสต๊อกรับภาษีใหม่ ปีหน้า"PPV-SUV" พุ่งคันละแสน 29 ก.ย. 2558 เวลา 20:06:17 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ค่ายรถชิงธงแห่เพิ่มกำลังผลิต เก็บตุนรถเข้าสต๊อกไว้ขายปีหน้าก่อนภาษีใหม่ทำราคาแพงขึ้นบี้ซัพพลายเออร์รับออร์เดอร์เพิ่ม ปิกอัพ-เอสยูวี-พีพีวีทะลัก ผลิตเพิ่มเดือนละเฉียดหมื่นคัน เก๋งขนาดกลางไม่น้อยหน้า โตโยต้า-มิตซูบิชิออกแรงเต็มที่ กลุ่มฮอนด้ายันยังไม่มีนโยบาย ค่ายมาสด้าปืนไวขายราคาใหม่ล่วงหน้า ผลกระทบจากโครงสร้างสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ที่เริ่มใช้วันที่1 มกราคม 2559 ซึ่งปรับเปลี่ยนอัตราภาษีจากเดิมที่จัดเก็บตามปริมาตรกระบอกสูบและประเภทของรถยนต์มาเป็นคิดอัตราตามปริมาณการปล่อยCO2 โดยรถที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์น้อย จะเสียภาษีต่ำกว่ารถที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์มาก เพื่อให้สอดรับกับการบังคับใช้ระบบป้ายข้อมูลรถยนต์ "ECO STICKER" ซึ่งแสดงข้อมูลอัตราสิ้นเปลือง และระดับการปล่อยไอเสีย ทำให้ขณะนี้ค่ายรถยนต์เกือบทุกยี่ห้อพยายามดิ้นเพื่อสต๊อกการผลิตของตัวเองไว้ระดับหนึ่งก่อน โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์ที่จะมีต้นทุนภาษีสูงขึ้นมาก อาทิ กลุ่มรถเอสยูวี, พีพีวี (รถยนต์ดัดแปลง), รถเก๋งขนาดกลางและขนาดใหญ่ ออร์เดอร์ชิ้นส่วนทะลัก 10-15% นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทไทยซัมมิท ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่ กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กรณีการปรับโครงสร้างภาษีใหม่ในปีหน้า มีผลทำให้ค่ายรถยนต์มีการเพิ่มออร์เดอร์การผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้นประมาณ 10-15% เพื่อตุนรถไว้ขายช่วงต้นปีหน้า แต่ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ และรถปิกอัพดัดแปลงที่มีผลกระทบต่อราคา เช่น โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์, อีซูซุ มิวเอ็กซ์ และมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต แต่กรณีรถปิกอัพไม่ได้มีผลกระทบด้านราคาอย่างมีนัยสำคัญ เช่นเดียวกับแหล่งข่าวซัพพลายเออร์ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รายกลาง กล่าวยอมรับว่า ช่วงนี้มีคำสั่งซื้อจากผู้ผลิตรถยนต์เข้ามามากขึ้น โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนสิ้นปี 2557 แต่ละยี่ห้อจะเพิ่มกำลังการผลิตกันค่อนข้างมาก ซึ่งนอกจากจะเป็นการขยายตลาดในประเทศและตลาดส่งออกแล้ว เชื่อว่าน่าจะเป็นการผลิตเพิ่มเติมเพื่อเก็บสต๊อกไว้ในขณะที่ยังมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าเอาไว้ขายปีหน้า การเพิ่มกำลังการผลิตของค่ายรถยนต์แต่ละยี่ห้อสอดรับกับนายสุรพงษ์ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวยอมรับกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า โครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่จะทำให้ยอดผลิตจากเดิมที่มีต่อเดือนราว ๆ 60,000 คัน เชื่อว่าจนถึงสิ้นปียอดผลิตเพื่อรองรับตลาดในประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 67,000-68,000 คันต่อเดือน "แน่นอนว่า ทุกค่ายต้องเร่งผลิตในปีนี้ให้ได้จำนวนมากขึ้นเพื่อลดต้นทุน เพราะรถที่ผลิตในปีนี้ยังใช้ภาษีเดิมได้อยู่ แม้ว่าลูกค้าจะสั่งจองและได้รถในปีหน้าก็ตาม" นายสุรพงษ์กล่าว แหล่งข่าวจากผู้ผลิตรถยนต์โตโยต้ากล่าวเพิ่มเติมว่า ประเด็นโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ที่มีผลต่อราคารถยนต์โตโยต้าได้มีการพูดคุยกันมาตั้งแต่กลางปี แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน เพราะการผลิตรถยนต์ 1 คัน มีกระบวนการขั้นตอนค่อนข้างมาก ทั้งในส่วนของโรงงานผลิต ซัพพลายเออร์ผู้ผลิตชิ้นส่วน หลังจากคลอดเป็นรถออกมาแล้วยังจะต้องมาพิจารณาเพิ่มเติมกันอีกว่าจะเก็บสต๊อกที่ไหน หรือจะผลักดันไปไว้กับดีลเลอร์ ซึ่งจุดนั้นจะต้องมีการช่วยเหลือดีลเลอร์ เช่น ดอกเบี้ย ให้อินเซนทีฟเพิ่มมาร์จิ้นเพิ่มหรือยืดเครดิตเทอม รวมถึงการสนับสนุนด้านแคมเปญ ทุกอย่างคงต้องรอความชัดเจนอีกที แต่ยอมรับว่าโตโยต้ามีรถเข้าข่ายค่อนข้างเยอะ ทั้งพีพีวี เก๋งขนาดกลางและใหญ่ ซึ่งแต่ละรุ่นมียอดขายเป็นจำนวนมากซึ่งมีโอกาสทำได้ทั้งนั้น "ตรงนี้ไม่ได้ข้อห้ามใด ๆ ทุกค่ายสามารถทำได้และไม่ผิดกติกาและเงื่อนไขที่รัฐบาลกำหนด เพียงแต่ขณะนี้ตลาดอยู่ในช่วงภาวะซบเซา แล้วการที่สต๊อกรถจะคุ้มหรือไม่คงจะต้องพิจารณากันให้ดี" มิตซูบิชิตุนปาเจโรเพิ่ม นายโมะริคาซุชกคิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตอนนี้มิตซูบิชิได้เพิ่มกำลังการผลิตรถปิกอัพดัดแปลงอีกประมาณเดือนละ 1,000 คัน เนื่องจากตลาดมีความต้องการสูงมาก หลังจากที่มิตซูบิชิได้เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา และลูกค้าให้การตอบรับดีมาก ยอดจองเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยขณะนี้มียอดจองไปแล้วถึง 5,000 คัน "เรากำลังคุยกับซัพพลายเออร์เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตไว้รองรับโครงสร้างภาษีใหม่ด้วย" นายชกคิกล่าว ขณะที่ประพัฒน์ เชยชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสการตลาดและการขาย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวยอมรับว่า ประเด็นค่ายรถยนต์เร่งเพิ่มกำลังการผลิตรองรับโครงสร้างภาษีใหม่ปีหน้า รวมถึงตุนเป็นสต๊อกไว้ขายปีหน้า มีความเป็นไปได้มาก โดยเฉพาะกลุ่มรถยนต์ที่ราคาเปลี่ยนแปลงค่อนข้างสูง แต่ในส่วนของนิสสัน แม้จะมีรถบางรุ่นที่ใช้โครงสร้างภาษีใหม่แล้วราคาแพงขึ้น แต่เป็นกลุ่มรถที่ขายไม่เยอะ คิดว่าไม่มีความจำเป็น แต่กำลังการผลิตของนิสสันที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นเพราะนิสสันได้ขยายตลาดส่งออกจนมีออร์เดอร์เพิ่มขึ้นค่อนข้างเยอะ ฮอนด้าเน้นบริหารสต๊อก เช่นเดียวกับนายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ฮอนด้าไม่มีนโยบายผลิตรถยนต์เพื่อเตรียมสต๊อกไว้ขายปีหน้าเพื่อรับกับราคาขายที่ปรับสูงขึ้น "เรามองเรื่องความสมเหตุสมผล แต่ละค่ายรถควรจะหันมาบริหารจัดการรถยนต์ในสต๊อกของตัวเองน่าจะเป็นเรื่องที่เหมาะสมกว่า" นายพิทักษ์กล่าว สอดคล้องกับนายวัลลภ ตรีฤกษ์งาม ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัทซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ก็ยืนยันว่า ซูซูกิไม่มีนโยบายในการผลักดันหรืออัดสต๊อกไปที่ตัวแทนจำหน่าย เพื่อเตรียมรับกับโครงสร้างภาษีใหม่ เพราะรถธงของซูซูกิ คือกลุ่มอีโคคาร์ ซึ่งไม่ได้มีการปรับขึ้นราคาจำหน่าย หรืออาจจะมีการปรับขึ้นก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รวบรวมกลุ่มรถยนต์ที่จะมีการปรับราคาขายเพิ่มขึ้นจากโครงสร้างภาษีใหม่ ส่วนใหญ่ยังคงเป็นกลุ่มเอสยูวี กลุ่มรถยนต์ดัดแปลง (พีพีวี) รถปิกอัพประเภทดับเบิลแค็บ และรถยนต์นั่งขนาดกลางและใหญ่ ซึ่งกลุ่มนี้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีน่าจะมีความต้องการซื้อมากขึ้น รวมถึงค่ายรถยนต์จะเพิ่มน้ำหนักการกระตุ้นตลาดด้วยแคมเปญหลากหลาย เพื่อให้เป็นเจ้าของรถได้ง่ายขึ้น ทั้งลด-แลก-แจก-แถม รวมถึงแคมเปญด้านสินเชื่อ อัดมาร์จิ้นดีลเลอร์เพิ่ม แหล่งข่าวตัวแทนจำหน่ายรถยนต์รายใหญ่กล่าวเพิ่มเติมกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้ได้มีนโยบายจากบริษัทแจ้งมาให้ตัวแทนจำหน่ายเตรียมสั่งซื้อรถ โดยเฉพาะรุ่นที่จะมีการปรับขึ้นราคามาก ๆ เพื่อเก็บไว้ในสต๊อก และยังแจ้งเพิ่มเติมว่า ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2559 บริษัทแม่จะชะลอการผลิต เพื่อรอดูความต้องการของตลาดหลังจากปรับราคาขายใหม่ โดยบริษัทแม่ยังสร้างแรงจูงใจให้กับตัวแทนจำหน่ายที่ยอมแบกสต๊อกรถไว้ด้วยการเพิ่มอินเซนทีฟให้อีกคันละ 20,000 บาท นอกเหนือจากส่วนต่างมูลค่า 30,000-40,000 บาทสำหรับการทำตลาด "แน่นอนการทำแบบนี้ดีลเลอร์ใหญ่ได้เปรียบมากกว่า ส่วนรายเล็กลำบากในการหาเงินจำนวนมากมาตุนรถไว้ในสต๊อก" แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ตอนนี้ปัญหาในตลาดรถยนต์ คือดีลเลอร์ไม่สามารถให้ข้อมูลกับลูกค้าได้ชัดเจนว่า ราคารถยนต์หลังการใช้อัตราภาษีใหม่จะปรับเปลี่ยนไปอย่างไร ทำให้ลูกค้าไม่กล้าตัดสินใจ เนื่องจากยังไม่มีใครกล้าเปิดราคาขาย คงต้องรอค่ายใหญ่ ๆ เปิดราคาก่อนว่าจะมีการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินจากราคาที่เพิ่มขึ้น เพราะภาษีใหม่ให้ลูกค้ามากน้อยแค่ไหน เพราะเกรงว่าถ้าเปิดก่อนแล้วค่ายใหญ่ดัมพ์ราคาออกมาจะขายไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ยังมองว่าสถานการณ์ตลาดรถยนต์ปีหน้ายังไม่ดี เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่มีข่าวดี แหล่งข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่า จริง ๆ แล้วการตุนรถไว้ก่อนเพื่อขายต้นปีหน้า หากไม่ห่วงเรื่องเงินทุนจำนวนที่จะต้องเอามาใช้จ่ายก่อน น่าจะทำให้ตลาดปีหน้าสนุกขึ้น เพราะมีหลายรูปแบบในการทำตลาด โดยบางยี่ห้อที่กล้าให้ความช่วยเหลือด้านการเงิน อาจจะขายราคาเดิมทั้ง ๆ มีการปรับราคาขายไปแล้วก็ตาม มาสด้าชิงธงขายราคาปีหน้า นายฮิเดสึเกะ ทาเกสึเอะ ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า มาสด้าจะขายรถยนต์ราคาใหม่ตามโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ ในเร็ว ๆ นี้ เพื่อเป็นการตอบแทนลูกค้าและกระตุ้นตลาดช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ โดยเฉพาะมาสด้า 2 ซึ่งได้รับสิทธิประโยชน์จากบีโอไอ จะขายในราคาต่ำลงประมาณ 12,000 บาท ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ตามโชว์รูมต่าง ๆ ของมาสด้ามีการทำแคมเปญเปรียบเทียบราคาให้ลูกค้าได้เห็นว่า ราคาใหม่กับราคาเก่าแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน ทำไมต้องซื้อรถปีหน้า โดยระบุว่า มาสด้า 2 ซื้อตอนนี้จะได้ราคาต่ำลง 12,575 บาท, มาสด้า 2 เครื่องยนต์ 1,400 ซีซี ซื้อปีหน้าต้องจ่ายเพิ่มขึ้น 29,854 บาท มาสด้า 2 เครื่องยนต์ 1,500 ซีซี ซื้อปีหน้าต้องจ่ายเพิ่มขึ้น 84,552 บาท, มาสด้า 3 เครื่องยนต์ 1,600 ซีซี ซื้อปีหน้าต้องจ่ายเพิ่มขึ้น 94,401 บาท, มาสด้า 3 เครื่อง 1,800 ซีซี ซื้อปีหน้าต้องจ่ายเพิ่มขึ้น 110,947 บาท, มาสด้า ซีเอ็กซ์ 5 เครื่องยนต์ 2,000 ซีซี ซื้อปีหน้าต้องจ่ายเพิ่มขึ้น 159,546 บาท, มาสด้า ซีเอ็กซ์ 5 เครื่องยนต์ 2,001-2,500 ซีซี ซื้อปีหน้าต้องจ่ายเพิ่มขึ้น 223,640 บาท, บีที 50 ซิงเกิลแค็บ ซื้อปีหน้าต้องจ่ายเพิ่มขึ้น 10,037 บาท และบีที 50 ดับเบิลแค็บ ซื้อปีหน้าต้องจ่ายเพิ่มขึ้น 21,270 บาท http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1443532026
โดย
leaderinshadow
พฤหัสฯ. ต.ค. 15, 2015 1:59 pm
0
4
Re: สถานการณ์รถยนต์
ตลาดรถมือ2 ส่งสัญญาณบวก ราคาขยับ 3-5 หมื่นบาท/คาดสิ้นปีเติบโต 20% อาทิตย์ ที่ 4 ตุลาคม 2558 ฐานเศรษฐกิจ Auto, Business ตลาดรถมือสองเริ่มฟื้นตัว นายกส.รถใช้แล้วชี้ราคาปรับตัวดีขึ้น เฉลี่ย 3 – 5 หมื่นบาท พร้อมยกมือสนับสนุนภาครัฐฯผลักดันนโยบายคืนภาษีสำหรับการส่งออกรถไปยังเพื่อนบ้าน มั่นใจสิ้นปี 58 ตลาดโตอย่างน้อย 20% ด้านสหการประมูลกางแผนรับมือ เตรียมเพิ่มความถี่ประมูลสัญจรและรีแบรนดิ้ง-พัฒนาระบบไอที นายธนบูลย์ จิระไตรลักษณ์ นายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดรถมือสองในช่วงไตรมาส 3 เข้าสู่ไตรมาส 4 สถานการณ์เริ่มดีขึ้น โดยราคารถยนต์มีการปรับตัวสูงขึ้น อาทิ รถในกลุ่มอีโคคาร์ บี-คาร์ ขนาดเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ที่ราคาปรับขึ้นมาเฉลี่ย 3- 5 หมื่นบาท หรือจากราคาเริ่มต้นปลาย 2แสน ตอนนี้ก็ขยับขึ้นมาเป็น 3 แสนบาทแล้ว โดยปัจจัยที่ทำให้ราคามีการปรับขึ้นเป็นผลมาจากการปลดล็อกเรื่องโครงการรถคันแรกของรัฐบาล รวมไปถึงนโยบายของภาครัฐที่จะมีการสนับสนุนเรื่องคืนภาษีสำหรับผู้ส่งออกรถยนต์มือสองไปยังต่างประเทศ “จากการสังเกตตลาดในช่วงที่ผ่านมา ทั้งในตลาดประมูล และตลาดทั่วไป พบว่าราคารถเล็ก 1.5 ลิตรเริ่มดีขึ้น ตรงจุดนี้เองส่งผลดีสำหรับผู้ที่มีรถกลุ่มนี้อยู่ในสต๊อก ก็จะขายได้กำไรมากขึ้น อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยเรื่องไฟแนนซ์ที่มีความเข้มงวด เพราะห่วงเรื่องหนี้เสีย ทำให้ต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ” นายธนบูลย์ กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับความคืบหน้าของนโยบายการคืนภาษีสำหรับผู้ส่งออกรถยนต์มือสองในตอนนี้ว่าทางกระทรวงการคลัง และกรมสรรพสามิตได้มีการพูดคุยกับทางสมาคมเพื่อศึกษาถึงทิศทางและแนวโน้มต่างๆเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาว่าจะลดหย่อนภาษีตรงจุดไหนยังไง และส่งออกไปยังประเทศใด แต่เบื้องต้นที่สมาคมได้มองไว้คือ เมียนมา ลาว เวียดนาม และกัมพูชา ซึ่งรัฐก็ต้องไปดูว่าเงื่อนไขการส่งไปขายยังประเทศเหล่านี้เป็นอย่างไร มีกำแพงภาษีแบบไหน และต้องการรถประเภทใด “ภาครัฐมีการตอบรับที่ดี มีการฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนที่ได้นำเสนอไป และเราก็มองว่าแนวทางการส่งออกเป็นเรื่องที่ดี เพราะทุกวันนี้เรามีแต่เข้าไม่มีออก หากรัฐช่วยหาทางออกด้วยการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดี ถือเป็นการขยายตลาด ช่วยลดมลพิษ ช่วยเรื่องราคารถมือสองในประเทศให้เสถียร” นายธนบูลย์ กล่าวว่า แม้ข้อสรุปจากภาครัฐเกี่ยวกับนโยบายจะยังไม่ได้ข้อสรุป แต่ก็ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ดีให้กับตลาดรถมือสอง โดยประเมินว่าจนถึงสิ้นปีนี้ตลาดจะมีอัตราการเติบโตประมาณ 10-20% เป็นอย่างต่ำ โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯและจังหวัดใกล้เคียงตลาดจะมีเสถียรภาพมากกว่าต่างจังหวัด ที่อาจจะได้รับผลกระทบเรื่องราคาพืชผลทางการเกษตร ด้านนางสาวฐารดา คูประสิทธิ์ นักลงทุนสัมพันธ์ บริษัทสหการประมูล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าภาพรวมตลาดรถมือสองตอนนี้ถือว่าราคาเริ่มนิ่ง ไม่ผันผวนเหมือนช่วงที่ผ่านมา ขณะที่รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ที่ไหลเข้ามาสู่ตลาดประมูลนั้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าในปีนี้จะมีรถที่เข้ามาสู่กระบวนการประมูลมากกว่า 1 แสนคัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าเล็กน้อย “เราได้รถที่จะนำมาประมูลจากพันธมิตรที่เป็นสถาบันการเงินเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ บิ๊กไบค์ รวมไปถึงรถประเภทอื่นๆ อาทิ รถพ่วงบรรทุก รถเพื่อการเกษตร ทำให้เราได้เปรียบผู้เล่นรายอื่นๆในตลาดในแง่ของความหลากหลายของตัวสินค้า และปัจจุบันราคาต้นทุนบวกกับกำไรต่างๆก็มีการขยับเพิ่มขึ้น ยกตัวอย่างปีที่ผ่านมาได้ 7 พันบาท ปีนี้ก็ขยับมาเป็น 8 พันบาท” นางสาวฐารดา กล่าวเพิ่มเติมว่า แผนงานในปีนี้ของบริษัทคือการขยายฐานไปสู่ลูกค้าทั่วไปมากขึ้น จากเดิมสัดส่วนลูกค้าทั่วไปมีประมาณ 10% ก็จะขยับมาเป็น 20% และลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการรถมือสองหรือเต็นท์ที่มาประมูลเพื่อนำไปขายต่ออีกทอดหนึ่ง คิดเป็น 90% ก็จะปรับเป็น 80% ภายในสิ้นปีนี้ โดยการทำตลาดในกลุ่มนี้จะเน้นการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย นอกจากนั้นแล้วจะมีการเพิ่มความถี่ในการประมูลเพิ่มมากขึ้น “แนวโน้มรถที่จะเข้ามายังบริษัทประมูลเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีการวางแผนรับมือด้วยการเพิ่มความถี่การจัดประมูล และมุ่งเข้าหาลูกค้าทั่วไปมากขึ้น นอกจากนั้นแล้วเราจะจัดประมูลโดยเน้นไปที่ภาคอีสานอย่าง อุบลราชธานี และอุดรธานี ที่บริษัทตั้งเป้าหมายว่าจะเป็นฮับการประมูลเพื่อรองรับการเปิดเออีซีในอนาคต” ขณะเดียวกันบริษัทได้มีการรีแบรนดิ้ง และพัฒนาระบบไอทีใหม่ อาทิ เว็บไซต์ เพื่อรองรับกับการเติบโตในอนาคต คาดว่าในเดือนตุลาคมนี้จะพร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ส่วนการขยายเครือข่ายจะมีการเปิดสาขาเพิ่มอีก 4 – 5 แห่ง จากปัจจุบัน 26 แห่งก็จะเพิ่มเป็น 30 แห่งภายในสิ้นปีนี้ โดยบริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ในปีนี้ ด้วยอัตราการเติบโตมากกว่า 10% จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3093 วันที่ 4 – 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558 http://www.thansettakij.com/2015/10/04/12703
โดย
leaderinshadow
พฤหัสฯ. ต.ค. 15, 2015 1:55 pm
0
5
Re: สถานการณ์รถยนต์
เจาะข่าวเด่น มุมมองอุตฯ ยานยนต์ต่อความเชื่อมั่นประเทศไทย ตอน2 (5 ต.ค. 58) pyCc52-zajU
โดย
leaderinshadow
อังคาร ต.ค. 06, 2015 5:51 pm
0
3
Re: สถานการณ์รถยนต์
เจาะข่าวเด่น มุมมองอุตฯ ยานยนต์ต่อความเชื่อมั่นประเทศไทย (2 ต.ค.58) Knzhc9BQMnM
โดย
leaderinshadow
อังคาร ต.ค. 06, 2015 5:50 pm
0
4
Re: Start up Company
TEDTalks โดย Bill Gross กับเหตุผลที่ทำให้ Startups ประสบความสำเร็จ นี้คือคำบอกเล่าของ Bill Gross ที่ได้พูดเอาไว้ในงาน TEDTalks เดือนมีนาคม 2015 เขาพูดถึงเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ Startups ประสบความสำเร็จ Bill Gross เป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง Pacific Investment Management (PIMCO) ซึ่งเป็นบริษัทบริหารเงินลงทุนรายใหญ่ของอเมริกาที่มีพนักงานร่วมกว่า 2,000 คนใน 12 ประเทศ Bill เชื่อว่าองค์กร Startups เป็นหนึ่งในองค์กรที่สามารถเปลี่ยนโลกของเราให้น่าอยู่มากขึ้น ถ้าเกิดว่าคุณรวบรวมเอาเหล่า Startups จากหลายด้านความสามารถมารวมกัน คุณจะปลดล็อกขีดจำกัดของมนุษย์และพวกเขาสามารถจะสร้างสรรค์ผลงานให้เป็นที่จดจำของโลก Bill ยังพูดอีกว่าในเมื่อองค์กร Startups มันดูมีศักยภาพที่จะเติบโต แต่ทำไมถึงมีหลายคนที่ยังล้มเหลวอยู่และนี้คือสิ่งที่เขาอยากจะรู้ ไอเดีย ทีม/execution รูปแบบธุรกิจ เงินทุน จังหวะ/เวลา ช่วงแรก Bill เชื่อว่า ไอเดีย เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่ต่อมาเขาก็เริ่มเปลี่ยนความคิดว่ามันอาจจะเป็น ทีมและ execution ก็ได้เพราะว่าเราต้องพยายามทำให้สินค้าออกมาสู่ตลาดให้ได้ ในส่วนของรูปแบบธุรกิจเขาก็มีมุมมองที่สำคัญว่าจะสามารถสร้างรายได้จากลูกค้าอย่างไร แม้กระทั้งเงินทุนก็ดี ถ้าบริษัทได้รับเงินทุนก้อนใหญ่ก็จะสามารถพัฒนาบริษัทให้ไปข้างหน้า และสิ่งสุดท้ายที่เขาเองก็คิดว่าสำคัญเหมือนกันก็คือ เวลา การหาจังหวะที่ดีในการปล่อยสินค้าออกสู้ตลาดโลก จังหวะที่ดีนั้นเราต้องดูด้วยว่าผู้คนในปัจจุบันพร้อมแล้วหรือไม่สำหรับการใช้งานของสินค้าเรา หรือว่าพวกเขายังต้องศึกษาเกี่ยวกับเทคโนโลยีให้มากขึ้น จึงจะสามารถเข้าใจการใช้งานได้ แต่พอ Bill ได้ทำการค้นคว้าจากหลายบริษัทที่ทั้งประสบความสำเร็จและไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้เขาได้เรียนรู้ว่า จังหวะและเวลา คือสิ่งสำคัญที่สุดในการประสบความสำเร็จของบริษัท ซึ่งถ้าคำนวนออกมาเป็นเปอร์เซ็นจะอยู่ที่ 42% ซึ่งจุดนี้จะสร้างความแตกต่างระหว่างประสบความสำเร็จและล้มเหลวได้เลย จังหวะเวลา 42% ทีม/Execution 32% ไอเดีย 28% รูปแบบธุรกิจ 24% เงินทุน 14% ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคิดโดยพิจารณาจากไอเดียเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญ อย่างไรก็ดี Bill ได้ยกตัวอย่าง Airbnb กับ Uber ให้ฟังถึงความสำคัญของจังหวะและเวลาที่ดี เขาบอกว่ามีหลายคนย่อมไม่อยากจะให้คนแปลกหน้ามาเช่าบ้านที่ตัวเองอยู่ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม Airbnb ได้เข้ามาถูกจังหวะในขณะที่เศรษฐกิจกำลังย่ำแย่และผู้คนก็ลองหาเงินเพิ่มโดยปล่อยบ้านให้นักท่องเที่ยวมาเช่า รวมไปถึง Uber พวกเขาหาจังหวะเข้ามาในตลาดได้ดีมาก เพราะในช่วงที่ Uber เพิ่งมาใหม่ๆพวกเขาต้องการคนขับรถในจำนวนมาก ส่วนคนขับแท็กซี่ปกติก็กำลังมองหารายได้เสริมอยู่พอดี จึงเกิดเป็น demand กับ supply ถ้ามองจากเปอร์เซ็นจะเห็นได้ว่าเงินทุนได้ถูกจัดเอาไว้ในตำแหน่งสุดท้าย แต่เมื่อพูดถึงการทำ Startups ปัจจัยแรกที่เขามาในหัวใครหลายๆ คนก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของเงินทุน เพราะถ้าไม่มีเงินก็ไม่สามารถจะพัฒนาตัวสินค้าหรือว่าแอปได้ Bill ได้ตอบคำถามข้อนี้ว่า ถ้าคุณมีไอเดียที่ดีในสมัยนี้มันไม่ยากเลยที่จะไปขอเงินจากนักลงทุนเพราะว่าสมัยนี้มี VC มากมายที่กำลังมองหาไอเดียดีๆ อยู่ โดย Bill ได้สรุปว่าถึงแม้ Execution จะสำคัญแล้ว ทว่าจังหวะเวลาก็ยังสำคัญกว่าในแง่ของสถิติที่ประสบความสำเร็จของ Startups เห็นอย่างนี้แล้วหลายๆ คนลองเอาวิธีคิดแบบนี้ไปใช้งานกันเผื่อว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสในความสำเร็จให้มากขึ้นนะครับ http://techsauce.co/news/tedtalks-bill-gross-startups-success/
โดย
leaderinshadow
พฤหัสฯ. ส.ค. 27, 2015 4:55 pm
0
1
Re: Start up Company
Venture Capital ไหมล่ะคุณ? / คนขายของ ทุนที่ใช้ในการก่อตั้งบริษัทแบบดั้งเดิม มักเริ่มด้วยการใช้เงินออมของผู้ก่อตั้ง หรือไม่ก็มีบางกรณีที่ ผู้ก่อตั้งใช้ทั้งเงินส่วนตัว และเงินกู้จากธนาคารในการเริ่มต้นกิจการ คำว่า “Venture Capital” (VC) นั้น เพิ่งมาเป็นที่รู้จักกันจริงจังหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นชื่อเรียก “การระดมทุนเพื่อการร่วมลงทุน” ซึ่งโดยมากเน้นลงทุนในธุรกิจที่เพิ่งก่อตั้ง (Startup) โดยกลุ่มทุนนี้จะคอยสนับสนุนเงินทุนให้แก่ ผู้ก่อตั้งบริษัท พร้อมทั้งคอยให้คำแนะนำในการทำธุรกิจ และใช้สายสัมพันธ์ที่มีอยู่ช่วยเกื้อหนุน เพื่อแลกกับการเป็นหุ้นส่วนของบริษัท โดยกลุ่มทุนนี้มักจะรอคอยจนถึงวันที่บริษัทเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แล้วค่อยขายทำเงิน หรือไม่ก็รอถึงวันที่บริษัทขนาดใหญ่มาซื้อไป Instagram เป็น application เพื่อการแชร์รูปถ่ายทางโทรศัพท์มือถือ ก่อตั้งโดยนักศึกษา Standford สองคนนาม Kevin Systrom และ Mike Krieger ในเดือนตุลาคม ปี 2010 ภายใน 3 เดือนมีผู้ใช้งานถึง 1 ล้านคน และกลายเป็น 15 ล้านคนในเดือนมกราคม 2012 เว็ปไซด์ crunchbase.com ได้รวบรวมข้อมูลการระดมทุนของ Instagram ตั้งแต่ก่อตั้งว่ามีอยู่ด้วยกัน 3 รอบ รอบแรกในปี 2010 ได้เงิน 500,000 เหรียญ รอบสองในปี 2011 ได้เงินไป 7 ล้านเหรียญ และรอบสุดท้ายในปี 2012 ได้เงินไป 50 ล้านเหรียญ รวมสาม รอบบริษัทระดมทุนไป 57.5 ล้านเหรียญ หลังจากนั้นไม่นาน Facebookได้ประกาศซื้อกิจการ Instagram ไปเป็นเงินถึง 1 พันล้านเหรียญ สร้างผลตอบแทนจำนวนมหาศาลให้กับ Venture Capital อย่าง Baseline Ventures ซึ่งร่วมลงทุนมาตั้งแต่รอบแรก Rob Hayes หนึ่งในหุ้นส่วนของ “First Round Capital” รู้จัก “Uber” (application เรียกรถแท็กซี่ทางโทรศัพท์มือถือ) โดยบังเอิญเพราะเห็นข้อความที่ Garrett Camp ผู้ก่อตั้ง Uber ได้ทวีตไว้ หลังจากนั้นเขาได้ศึกษากิจการของ Uber มากขึ้นและเป็นกลุ่มแรกๆที่ร่วม ลงทุนกับ Garrett โดยเงินก้อนแรกที่ กองทุน “First Round Capital” ใส่ลงไปมีมูลแค่ 5 แสนเหรียญในปี 2010 นิตยสาร Fortune ประเมินในเดือน มิถุนายน 2014 ว่าเงินตั้งต้น ของผู้ร่วมลงทุนใน Uber โตขึ้นมาถึง 2000 เท่า ซึ่งในตอนนี้ Uber เป็นที่รู้จักกันกว้างขวาง มีผู้ร่วมลงทุนชื่อดัง ถือหุ้นกันมากมาย เช่น Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon.com, Google Ventures, Microsoft และ Baidu ของจีน ถึงแม้ตัวเลขผลตอบแทนจะดูน่าเย้ายวนมาก แต่จากการศึกษา VC โดยอาจารย์ Shikar Ghosh ของมหาวิทยาลัย Harvard ซึ่งทำการศึกษาบริษัท Startup 1,000 บริษัทที่ได้รับเงินอย่างต่ำ 1 ล้านเหรียญจาก VC ในช่วง 2004-2010พบว่าการลงทุนใน Startup นั้นล้มเหลวถึง 75% Diane Mulcahy ได้เขียนบทความเกี่ยวกับ VC ลงใน Harvard Business Review ระบุว่าจากศึกษาการลงทุนของ Kauffman Foundation ที่ลงทุนใน 100 กองทุน VC ในรอบ 20 ปีพบว่า มีถึง 62 กองที่แพ้การลงทุนในดัชนีหุ้นขนาดเล็ก (Small-Cap) แต่ถึงกระนั้นก็ตาม มหาเศรษฐีของโลก เช่น Bill Gates, Richard Branson เจ้าของ Virgin Group และ Jack Ma ผู้ก่อตั้ง Alibaba.com ก็ล้วนแต่มีการลงทุนใน VCทั้งสิ้น ก่อนที่จะลงทุนใน VC นักลงทุนควรทำความเข้าใจก่อนว่าการลงทุนใน VC นั้นเป็นประเภท เสี่ยงสูง และให้ผลตอบแทนสูง จากผลการศึกษาการลงทุนใน Startup มีถึงประมาณ 30-40% ที่ผู้ลงทุน ต้องสูญเสียเงินลงทุนทั้งหมดไปแบบไม่ได้คืน เรื่องกรณีประสบความสำเร็จก็พอมีให้เห็นอยู่ แต่ที่ให้ผล ตอบแทนแบบเป็นร้อยเป็นพันเท่านั้นคิดเป็นเปอร์เซนต์มีไม่มาก หลายบริษัทมีเรื่องราวมีกลยุทธ์เล่า กันได้เป็นวัน แต่เพิ่มทุนหลายรอบและไม่มีกำไรสักที นักลงทุนต้องทนกับการขาดสภาพคล่องเพราะ หุ้นไม่อยู่ในตลาด จะขายต่อก็ยาก ดังนั้นหากท่านใดสนใจลงทุนแนวนี้ก็ขอให้ศึกษาเกี่ยวกับบริษัท ที่ VC ของท่านจะไปลงทุนให้มาก มี Startup หลายบริษัทที่ผู้ก่อตั้งขึ้นเวทีบรรยายแผนงานทางธุรกิจให้แก่นักลงทุนฟัง ถ้าเป็นไปได้ควรเข้าร่วม แต่ถ้าท่านจะลงทุนแบบเสี่ยงโชค ไม่ศึกษาหาข้อมูล ไม่ติดตามข่าวสารการลงทุนของ VC ถ้าเป็นแบบนั้นคงไม่เรียกว่า “การลงทุน” แต่ออกแนวเป็น “การพนัน” มากกว่า http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=59096&p=1688701#p1688701
โดย
leaderinshadow
ศุกร์ ส.ค. 21, 2015 3:57 pm
0
0
Re: Venture Capital ไหมล่ะคุณ? / คนขายของ
ที่อาจจะดูเหมือนประสบความสำเร็จ ก็มีของ intuch ครับ ที่ลงทุนในอุ๊คบี intuch ได้หุ้น 20-30% ใช้เงินประมาณ 50 ล้าน ล่าสุด เพิ่มทุนให้กองทุนของญี่ปุ่น 200 ล้าน โดยขายหุ้นเพิ่มทุนอีก 10% ถ้าคำนวณตรงดีลล่าสุด ก็กำไร 10 เท่าในเวลา 2 ปี หน่อยๆครับ แต่ถ้าถามว่าประสบความสำเร็จแล้วยัง โดยมุมมองคนทั่วไปถือว่าประสบความสำเร็จครับ แต่โดยส่วนตัวยังตอบไม่ได้เพราะ intuch ยังไม่ได้ exit มูลค่าของ อุ๊คบี อาจจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หรือ ล้มหายตายจากไป ก็คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ส่วนผลประการเป็นอย่างไร อืมๆๆ ขาดทุนเติบโตดีมากครับ กำลังรอวันที่กลับมามีกำไร ส่วนกลยุทธทางธุรกิจเค้าตอนนี้คือ เน้นสร้างฐานผู้ใช้ให้มากที่สุดครับ
โดย
leaderinshadow
ศุกร์ ส.ค. 21, 2015 3:54 pm
0
6
Re: จัดเก็ภาษีมรดก มีผลกระทบดีหรือไม่ดีกับประเทศไทย และนักลง
เท่าที่ไปฟังนักวางแผนภาษีมา ค่อนข้างมั่นใจได้เลยว่า ในความเป็นจริง คงแทบจะเป็นเก็บไม่ได้เลย ยกเว้นกลุ่มที่ไม่ได้วางแผนภาษีไว้ ซึ่งคงน้อยมาก ในขณะที่รัฐอาจจะมีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้มากขึ้น ก็คงอาจจะเหมือนๆกับในหลายๆประเทศ ที่ในสุดต้องยกเลิก เพราะเก็บภาษีแทบไม่ได้เลย ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการติดตามภาษีพวกนี้สูงกว่ารายได้จากภาษีที่จัดเก็บได้
โดย
leaderinshadow
พฤหัสฯ. ส.ค. 06, 2015 1:11 am
0
7
Re: สถานการณ์รถยนต์
โตโยต้ายํ้ามั่นใจอุตฯรถยนต์ โตโยต้าไม่หวั่นแม้ยอดขายในประเทศตก เดินหน้าหนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ด้วยการผุด TMAP-EM หวังยกระดับการผลิตและส่งเสริมการถ่ายทอดเทคโนโลยี นายเคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย แปซิฟิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด เปิดเผยว่า ประเทศไทยถือเป็นฐานการผลิตที่สำคัญแห่งหนึ่งของโตโยต้า ดังนั้นบริษัทจึงมีแผนงานลงทุนอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการก่อตั้ง TMAP-EM เพื่อจะยกระดับและส่งเสริมการถ่ายทอดเทคโนโลยีและผลักดันให้ไทยเป็นสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคแห่งนี้ สำหรับ TMAP-EM มีสำนักงานใหญ่ที่บางบ่อ สมุทรปราการ และมีศูนย์พัฒนาทักษะการผลิตภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก ที่โรงงานบ้านโพธิ์ และศูนย์อะไหล่โตโยต้า ภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ที่โรงงานบ้านโพธิ์ ฉะเชิงเทรา โดยมีการลงทุนไปแล้วทั้งสิ้น 1.3 พันล้านบาท มีขอบข่ายงานอาทิ การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ สนับสนุนการผลิตและงานด้านวิศวกรรม บริหารการจัดการด้านชิ้นส่วนและกระบวนการผลิต และอื่นๆโดยมีพนักงาน 2,550 คน "ไทยมีบทบาทที่สำคัญกับโตโยต้า และการก่อตั้ง TMAP-EM ก็เกิดขึ้นหลังจากโครงการไอเอ็มวีประสบความสำเร็จ รวมไปถึงการสร้างโรงงานบ้านโพธิ์ การขยายไลน์การผลิตที่โรงงาน เกตเวย์ ฉะเชิงเทรา และในอดีตที่ผ่านมารถยนต์ทุกรุ่นก็ผ่านการพัฒนาและสนับสนุนจาก TMAP-EM เช่นเดียวกัน" นายเคียวอิจิกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับตลาดที่ TMAP-EM จะดูแลมีจำนวนกว่า 40 ประเทศ ตั้งแต่เอเชีย - แปซิฟิก และตะวันออกกลาง แต่ด้วยศักยภาพการผลิตของโรงงานโตโยต้าในไทยนั้นสามารถส่งออกได้มากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงาน 6 เดือนที่ผ่านมาของโตโยต้าในอาเซียนนั้น พบว่า ฟิลิปปินส์ ทำยอดขายเป็นสถิติใหม่ ด้วยจำนวน 1.2 แสนคัน เช่นเดียวกับเวียดนาม ทำยอดขายได้ 5 หมื่นคัน ส่วนกัมพูชา เมียนมา และลาวก็มียอดขายเพิ่มขึ้น เฉพาะลาวทำได้ 1.3 หมื่นคัน ด้านอินโดนีเซีย และมาเลเซีย มียอดขายอยู่ในอัตราเทียบเท่ากับปีที่ผ่านมา ส่วนตลาดที่หดตัวมีเพียงประเทศไทย ที่โตโยต้ามีตัวเลขการขายลดลง 24.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา "แม้ว่ายอดขายรถยนต์ของโตโยต้าในไทยจะชะลอตัวลง แต่ในแง่ของกำลังการผลิตนั้นบริษัทเพิ่งจะมีการเพิ่มพนักงานเพื่อรองรับกับรถรุ่นใหม่อย่างโตโยต้า รีโว่ โดยเพิ่มขึ้นมาอีก 1 พันอัตราและหากตลาดฟื้นกลับมาและมีความต้องการเพิ่มขึ้น บริษัทก็พร้อมจะเพิ่มการผลิตอีก 1 กะ ปัจจุบันโตโยต้ามีกำลังการผลิตรวมทั้งหมด 7.7 แสนคัน" จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,075 วันที่ 2 - 5 สิงหาคม พ.ศ. 2558 http://203.155.18.81/index.php?option=com_content&view=article&id=287967:2015-07-31-02-15-07&catid=134:than-auto-&Itemid=452
โดย
leaderinshadow
พุธ ส.ค. 05, 2015 2:57 am
0
1
Re: สถานการณ์รถยนต์
ส.อ.ท.ลดเป้าผลิตรถเหลือ 2.05 ล้านคัน ส.อ.ท.ปรับลดเป้าผลิตรถยนต์ ปี 2558 จาก 2.15 ล้านคัน เหลือ 2.05 ล้านคัน แม้ยอดส่งออกยังคงเดิม แต่ยอดในประเทศฟุบ จาก 9.5 แสนคันเหลือ 8.5 แสนคัน ชี้ครึ่งปีแรก ส่งออกเพิ่มขึ้น 2.86% สวนทางเศรษฐกิจซบ โกยเงินกว่า 2.6 แสนล้านบาท นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท.ได้ปรับลดตัวเลขประมาณการการผลิตรถยนต์ใหม่ จากเดิมปีละ 2.15 ล้านคัน แบ่งเป็นการผลิตเพื่อส่งออก 1.2 ล้านคัน และผลิตเพื่อขายในประเทศ 9.5 แสนคัน ลดลงเหลือผลิตรวม 2.05 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 9.04% ผลิตเพื่อส่งออกคงเป้าเดิม 1.2 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 6.94% แต่ผลิตขายในประเทศลดลงเหลือเหลือแค่ 8.5 แสนคัน เพิ่มขึ้น 12.16% ส่วนรถจักรยานยนต์ ประมาณการผลิตในปี 2558 ได้คงเป้าการผลิตเดิมที่ 2 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 8.54% แยกเป็นการผลิตเพื่อการส่งออก 4 แสนคัน เพิ่มขึ้น 38.64% และผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ 1.6 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 2.95% ส.อ.ท. รายงานว่า เดือนมกราคม - มิถุนายน 2558 ไทยส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 576,073 คัน เพิ่มขึ้น 2.86% มีมูลค่าการส่งออก 264,686.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.03% เครื่องยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 14,131.75 ล้านบาท ลดลง 9.54% ชิ้นส่วนรถยนต์อื่นๆ มีมูลค่าการส่งออก 97,715.70 ล้านบาทลดลง 4.25% อะไหล่รถยนต์ มีมูลค่าการส่งออก 10,849.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.72% รวมส่งออก เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ และอะไหล่ รถยนต์เดือนมกราคม - มิถุนายน 2558 มีมูลค่า 387,383.05 ล้านบาท ลดลง 1.39% รถจักรยานยนต์ เดือนมกราคม - มิถุนายน 2558 ส่งออก 498,281 คัน (รวม CBU + CKD) เพิ่มขึ้น 13.98% โดยมีมูลค่า 25,307.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.33% ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 1,782.26 ล้านบาท ลดลง 34.62% อะไหล่รถจักรยานยนต์ มีมูลค่าการส่งออกทั้งสิ้น 641.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.82% รวมการส่งออกรถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วนและอะไหล่รถจักรยานยนต์เดือนมกราคม - มิถุนายน 2558 มีมูลค่าทั้งสิ้น 27,730.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.59% จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,074 วันที่ 30 กรกฎาคม - 1 สิงหาคม พ.ศ. 2558 http://203.155.18.81/index.php?option=com_content&view=article&id=287531:-205-&catid=134:than-auto-&Itemid=452
โดย
leaderinshadow
พุธ ส.ค. 05, 2015 2:51 am
0
0
Re: Start up Company
Startup สาววัย 23 ปี Pitching 3 นาที คว้า 40 ล้านบาท Cindy Wu สาวน้อยชาวเอเชียในอเมริกาฝันอยากสร้างเครื่องมือทางการเงินสนับสนุนนักวิทยาศาสตร์ให้สามารถทำงานวิจัยดีๆ แต่ขาดเงินทุนเพื่อให้โลกได้มีนวัตกรรมทางการแพทย์มารักษาผู้คน ฝันเธอฟังดูสมเหตุสมผลต่อการสนับสนุน แต่ในชีวิตจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เธอผ่านอุปสรรคมากมายจนในที่สุดความพยายามก็บรรลุเป้าหมาย ตอนอายุ 23 ปี เธอสามารถระดมทุน 1.2 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 40 ล้านบาท สำเร็จเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว และเกิดเป็นเว็บไซต์ Crowd funding เพื่อนักวิทยาศาสตร์โดยเอกชนเป็นรายแรกชื่อ Experiment ความพยายามครั้งที่ 1: จุดเริ่มต้นของความฝันเปลี่ยนโลก ย้อนกลับไป 4 ปีก่อน Cindy Wu ในวัย 22 ปีเป็นนักศึกษาเกียรตินิยมของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน มีผลงานทางการแพทย์คือค้นคว้าสารที่ช่วยกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายสามารถตรวจจับเชื้อ Anthrax ได้ ประสบการณ์นั้นทำให้เธอเกิดแรงบันดาลใจที่จะค้นคว้าสารเพื่อนำไปใช้ต่อสู้กับเชื้อโรคอื่นๆต่อไป งานวิจัยถัดไปของ Cindy ต้องการเงินทุน 5,000 เหรียญเป็นค่าสารชีวะและเครื่องมือทดลองต่างๆ เธอทำหนังสือถึงศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยแต่ถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลว่า อายุน้อยกว่าเกณฑ์ ไม่มีปริญญาเอก และงบประมาณที่ต้องการต่ำเกินไป ความพยายามครั้งที่ 2: เดินหน้าต่อสู่หน่วยงานของรัฐ ที่พึ่งที่คาดว่าจะพึ่งพาได้มากที่สุดอย่างสถาบันการศึกษาต้องจบลง แต่ความตั้งใจของ Cindy ยังไม่จบ เธอพุ่งเป้าไปที่หน่วยงานของรัฐที่มีนโยบายให้ทุนสนับสนุนด้านวิทยาศาสตร์และการแพทย์ได้แก่ National Science Foundation และ National Institutes of Health แต่เมื่อศึกษาอย่างละเอียดก็ต้องพบกับความผิดหวังครั้งที่สอง เธอพบว่าหน่วยงานขนาดใหญ่เหล่านี้ให้ความสำคัญกับโครงการใหญ่ๆ ในขณะที่ตัวเธอเล็กเกินไปกว่าที่เข้าถึงและเป็นที่สนใจขององค์กรเหล่านั้น เธอจึงหาวิธีถัดไปนั่นคือการระดมทุนกับเอกชน ความพยายามครั้งที่ 3: เปลี่ยนแผนไประดมทุนกับภาคเอกชน เธอมีแนวคิดที่จะทำการระดมทุนในลักษณะเปิดเป็น Campaign เรี่ยรายเงินจากคนจำนวนมากผ่านเว็บไซต์ที่เรียกว่า Crowd funding เว็บไซต์ Crowd funding ที่ผ่านมาจะเป็นแนวแสวงหากำไร ผู้ระดมทุน Crowd funding จะนำเงินไปพัฒนาสินค้าและบริการ รวมไปถึงงานศิลปะ หรือไม่ก็เป็น Non-profit สุดๆ ไปเลยเช่นช่วยคนเจ็บป่วยตกทุกข์ได้ยากเป็นต้น ดังนั้น เว็บไซต์ Crowd funding เพื่องานวิทยาศาสตร์ของ Cindy จึงถือเป็นเจ้าแรกๆในตลาด ซึ่งเพื่อนนักวิทยาศาสตร์ของเธอเห็นด้วยที่จะให้ทำและพร้อมจะนำโครงการวิจัยไปร่วม Post ลงในเว็บไซต์ทันทีที่เปิดใช้งาน สร้างเว็บไซต์ทำ Prototype เสนอนายทุน Cindy เริ่มต้นสร้างเว็บไซต์ต้นแบบชื่อ Microryza เพื่อนำไปเสนอนายทุนอิสระ หรือ Angel investor ในรัฐ Seattle เธอและเพื่อนๆ ต่างใช้เงินส่วนตัวในช่วงเริ่ม้นพัฒนาเว็บไซต์ หลายอย่างต้องทำด้วยตัวเองแม้กระทั่งการเรียนรู้ Coding เพื่อปั้นเว็บไซต์ให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาและสามารถ Post โครงการวิจัย ทำเป็น Prototype เพื่อนำไปเสนอนายทุน แต่ผลลัพธ์ของการนำเสนอนายทุนต้องประสบความผิดหวัง เพราะนายทุนรายย่อยเหล่านั้นต่างมองไปที่ Exit strategy คือการผลักดันธุรกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มของหุ้นและขายทำกำไรสูงๆ ซึ่ง Cindy ไม่มีแผนนี้อยู่ในใจ Exit strategy เดียวในใจของเธอคือการทำให้คน Exit จากโรคภัยไข้เจ็บ เมื่อเธอคิดเช่นนี้ เธอจึงไม่ได้ความสนใจจากนักลงทุน ความพยายามครั้งสุดท้าย: มุ่งสู่ Silicon Valley ! หลังจากพยายามระดมทุนและผิดหวังถึงสามครั้ง… คราวนี้ Cindy มุ่งหน้าสู่ศูนย์กลางการระดมทุนสตาร์ทอัพตัวพ่อ เธอไปตรงไปที่ Y Combinator ใน Silicon Valley หนึ่งในองค์กรด้านการให้ทุนสตาร์ทอัพระดับโลก Cindy และหุ้นส่วนผ่านการสัมภาษณ์และเข้าเก็บตัว 3 เดือนเพื่อสร้างผลงานเตรียมนำเสนอในวัน Demo Day หรือวันที่ว่าที่สตาร์ทอัพจะมีโอกาสปล่อยของกันให้สุดตัวต่อหน้านักลงทุน เธอใช้เวลาเพียง 3 นาทีในการ Pitch และคว้าเงินลงทุนมาได้ 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 40 ล้านบาท! Elizabeth Iorns นักวิจัยที่มีชื่อเสียงใน Silicon Valley ประเดิมใช้ Microryza ในการระดมทุนงานวิจัยโรคมะเร็ง ในขณะที่ Bill Gates ให้คำนิยมแก่สตาร์ทอัพของเธอว่า “Solution that helps close the gap for potentially promising but unfunded projects” หรือ “สิ่งที่จะมาเติมเต็มให้กับโครงการที่มีค่าแต่ไม่มีใครแลเห็น” วันนี้ของ Cindy Wu ปัจจุบันเธออายุ 26 ปี เว็บไซต์ Microryza เปลี่ยนชื่อเป็น Experiment มีโครงการวิจัยประกาศระดมทุนกว่า 5 พันโครงการ ได้รับทุนตามวัตถุประสงค์ 336 โครงการ และขยายไปสู่โครงการวิจัยเพื่อคุณภาพชีวิตของทั้งคน, สัตว์เลี้ยง, และสัตว์ป่า แต่ละที่ที่เธอมีโอกาสไปพูดบรรยาย เธอมีประโยคท้าทายคนฟังที่เป็นการเตือนให้ฉุกคิดไปในตัวว่า…. “อย่าหยุดเพียงคำพูดว่าวิทยาศาสตร์สำคัญมากแค่ไหน ถ้าคุณคิดว่ามันสำคัญก็โปรดเดินหน้าให้เงินสนับสนุนโครงการเหล่านั้นให้เป็นจริง” Startup สาววัย 23 ปี Pitching 3 นาที คว้า 40 ล้านบาท http://www.theceoblogger.com/1507009/ Woman raised $1.2 million with a spirited 3-minute speech http://nytlive.nytimes.com/womenintheworld/2015/07/08/woman-raised-1-2-million-with-a-spirited-3-minute-speech/ Help fund the next wave of scientific research https://experiment.com/ Here’s the 3-Minute Pitch That Earned One Entrepreneur $1.2 million http://nextshark.com/cindy-wu-3-minute-pitch-experiment/
โดย
leaderinshadow
อาทิตย์ ส.ค. 02, 2015 12:53 am
0
0
Re: Start up Company
สรุปแนวโน้มที่น่าสนใจของวงการไอที จาก KPCB Internet Trends 2015 https://www.blognone.com/node/70689 บริษัท Kleiner Perkins Caufield & Byers (KPCB) ถือเป็นนักลงทุนแบบ Venture Capital (VC) อันดับต้นๆ ของโลกไอที บริษัทเปิดมาตั้งแต่ปี 1972 โดยมีผลงานลงทุนในบริษัทไอทีชื่อดังมากมาย เช่น AOL, Amazon, Google, EA, Lotus, Netscape รวมถึงบริษัทรุ่นใหม่อย่าง Nest, Facebook, Twitter, Uber, Groupon Mary Meeker นักวิเคราะห์คนดังของบริษัทนี้มีธรรมเนียมออกสไลด์ชุด Internet Trends เป็นประจำทุกปี (ทำมาตั้งแต่ปี 2001 ตั้งแต่เธอทำงานกับ Morgan Stanley) เอกสารชุดนี้มีชื่อเสียงมาก เพราะให้ "ภาพมุมกว้าง" ของอุตสาหกรรมไอทีว่ามีแนวโน้มอย่างไร มีผลกระทบต่อธุรกิจอื่นๆ หรือชีวิตประจำวันของคนอย่างไร การเติบโตของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ภาพรวมคือจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตยังเพิ่มขึ้น แต่อัตราการเติบโตเริ่มช้าลง จากสไลด์ด้านล่างจะเห็นว่าอัตราการเติบโตของผู้ใช้เน็ตในปี 2014 คือ 8% เทียบกับปี 2013 คือ 10%, ปี 2012 คือ 11% อย่างไรก็ตาม ในบางภูมิภาคยังมีอัตราการเติบโตที่สูงอยู่ เช่น อินเดียที่เติบโตถึง 33% ถือเป็นอีกภูมิภาคใหม่ที่น่าจับตามอง การเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมเดิม แอพยอดฮิตอย่าง Uber, Airbnb, Instacart เจาะอุตสาหกรรมที่แตกต่างกัน นั่นคือ ที่พัก (housing), คมนาคม (transportation) และอาหารสด (food) แต่ในภาพรวมแล้ว แอพทั้งสามตัวเลือกเจาะตลาดที่มีมูลค่าสูงมาก ทุกครอบครัวต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการเหล่านี้เป็นมูลค่าสูงอยู่แล้ว ถ้าสามารถเจาะได้สำเร็จ นั่นคือครอบครองตลาดที่ใหญ่มาก นอกจากตลาดมีขนาดใหญ่ ยังมีอัตราการใช้งาน (engagement) สูง เช่น คนเราต้องหาที่นอนทุกวัน ต้องเดินทางทุกวัน ต้องซื้อของสดเข้าบ้านทุกสัปดาห์ แถมยังเป็นอุตสาหกรรมที่มีประสบการณ์ใช้งานแย่ (weak user experience) เช่น คิวแท็กซี่ยาว หาที่จอดรถหน้าซูเปอร์มาร์เก็ตยาก เป็นต้น การนำแอพเข้ามาใช้จึงได้เปรียบกว่าคู่แข่งดั้งเดิมในอุตสาหกรรมมากยิ่งขึ้น การเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมดั้งเดิม ทำให้โครงสร้างการกำกับดูแลแบบเดิมๆ เสียไป ในอดีต เราจะเห็นว่ามีสมดุลระหว่างผู้เล่นรายเดิม (incumbents), ผู้เล่นรายใหม่ (innovators), หน่วยงานกำกับดูแล (regulators) https://www.blognone.com/node/70689
โดย
leaderinshadow
เสาร์ ส.ค. 01, 2015 11:02 pm
0
0
Re: Start up Company
ทุก Startup เป็น SME แต่ไม่ใช่ทุก SME จะเป็น Startup RZEJvWVRjqk
โดย
leaderinshadow
เสาร์ ส.ค. 01, 2015 10:26 pm
0
0
Re: เศรษฐกิจไทย/ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ
GDP = C+I+G+(X-M) ครับ
โดย
leaderinshadow
จันทร์ ก.ค. 27, 2015 11:55 pm
0
2
Re: สถานการณ์วิกฤติการเงินกรีซ
กรีซยื่นแผนตามที่เจ้าหนี้ต้องการจริงๆครับ แต่แสบตรงเงื่อนที่พ่วงมาว่า ยอมนะ แต่ต้องลดหนี้ลง 30% ไม่งั้นก็จะไม่จ่ายหนี้ทั้งหมด และพร้อมจะออกจากยูโรโซน
โดย
leaderinshadow
เสาร์ ก.ค. 11, 2015 3:50 pm
0
2
Re: สถานการณ์วิกฤติการเงินกรีซ
กรีซยอมอ่อนข้อรับเงื่อนไขบางข้อของเจ้าหนี้ระหว่างประเทศ นายอเล็กซิส ทซิปราส นายกรัฐมนตรีกรีซบอกว่ากรีซพร้อมจะยอมรับเงื่อนไขบางข้อในข้อตกลงการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินจากเจ้าหนี้ระหว่างประเทศ ตามที่ได้มีการเจรจากันเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนายทซิปราสได้ส่งจดหมายแจ้งการตัดสินใจไปให้กับกลุ่มเจ้าหนี้ระหว่างประเทศว่ากรีซพร้อมจะรับข้อเสนอ หากมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขเล็กน้อย ท่าทีล่าสุดของกรีซครั้งนี้ส่งผลให้ตลาดหุ้นในยุโรปตอบรับในทางบวก อย่างไรก็ตามนางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีกล่าวในรัฐสภาเยอรมนีว่าจะไม่มีการเจรจาเพิ่มเติมใด ๆ จนกระทั่งหลังการลงประชามติในกรีซ ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีกรีซกำหนดให้มีการลงประชามติในวันอาทิตย์นี้ (5 ก.ค.) ด้านคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปชี้ว่าการลงประชามติจะไม่เป็นไปตามมาตรฐานระหว่างประเทศ หากจะมีขึ้นในวันอาทิตย์นี้ เพราะเป็นการจัดขึ้นอย่างเร่งด่วน โดยมีการเตรียมการเพียงระยะสั้น ๆ นอกจากนั้นยังไม่ชัดว่าจะตั้งคำถามอะไรให้ประชาชนตอบ ในวันนี้รัฐมนตรีคลังของอียูจะหารือสถานการณ์ในกรีซอีกรอบ ที่กรีซในวันนี้ ธนาคารกำหนดเพดานการถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มไว้ที่ 60 ยูโรต่อวัน (ราว 2,200 บาท) ธนาคารบางแห่งเปิดทำการให้ผู้เกษียณอายุ ซึ่งตามปกติไม่ใช้บัตรเอทีเอ็ม สามารถถอนเงินได้ โดยกำหนดไว้ที่ 120 ยูโรต่อสัปดาห์ มีคนจำนวนมาเข้าคิวยาวนอกธนาคาร สำนักข่าวเอพีรายงานว่าผู้เกษียณอายุหลายคนไปรอเข้าคิวก่อนรุ่งสาง แต่ทางธนาคารบอกให้กลับไปใหม่ในวันพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ บางคนบอกว่าทางธนาคารแจ้งให้ทราบว่าเงินบำนาญของพวกเขายังไม่เข้าบัญชี https://www.facebook.com/BBCThai
โดย
leaderinshadow
พฤหัสฯ. ก.ค. 02, 2015 1:39 am
0
1
Re: สถานการณ์วิกฤติการเงินกรีซ
ตอนนี้หนี้ของกรีซ ส่วนใหญ่เกินกว่า 80% ถูกปรับโครงสร้าง จากภาคเอกชนไปยังองค์กรระหว่างประเทศอย่าง IMF แล้วนะครับ ถ้างั้นผลกระทบน่าจะถูกจำกัดวงมากกว่าเมื่อก่อนเยอะ ที่เจ้าหนี้ส่วนใหญ่เป็นธนาคารเอกชนในยุโรป
โดย
leaderinshadow
อังคาร มิ.ย. 30, 2015 5:35 pm
0
11
Re: สถานการณ์รถยนต์
ที่ราคารถบ้านเราแพงกว่าเพราะตัวภาษีสรรพสามิตครับ ไม่ใช่แค่รถนะครับ น้ำมันก็ด้วย เติมน้ำมันทีเหมือนเติมภาษี
โดย
leaderinshadow
อังคาร มิ.ย. 30, 2015 5:25 pm
0
0
Re: สถานการณ์รถยนต์
ออสเตียเลีย เป็นตัวอย่างได้ครับ อัตราการมีรถยนต์ต่อประชากรอยู่ที่ประมาณ 1 ต่อ 2 มีค่าเฉลี่ยการเปลี่ยนรถ อยู่ที่ 10 ปี โดยประมาณ ตลาดไม่โต แต่มีการซื้อรถทดแทนของเก่าตลอด ปัจจัยสำคัญคือสภาพเศรษฐกิจ ความเชื่อมั่น (ทำให้เปลี่ยนรถเร็วกว่าปกติ) รถรุ่นใหม่ เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ประหยัดพลังงานกว่า หรือมีประสิทธิภาพสูงกว่า นโยบายการส่งเสริมจากภาครัฐ เช่นรถเก่าแลกรถใหม่ หรือ อื่นๆ ส่วนของประเทศไทย ล่าสุดยอดรถจดทะเบียนอยู่ที่ 35 ล้านคันครับ แต่ๆ เป็นรถจักรยานยนต์ 20 ล้านคัน ที่เหลือเป็นรถยนต์ประมาณ 15 ล้านคัน http://vigportal.mot.go.th/portal/site/PortalMOT/stat/index3URL/ ส่วนประชากรประเทศไทยอยู่ที่ 65 ล้านคน อัตราส่วน รถยนต์ต่อประชากร ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 1 ต่อ 4.3
โดย
leaderinshadow
จันทร์ มิ.ย. 15, 2015 2:07 pm
0
10
Re: สถานการณ์รถยนต์
มอเตอร์ เอ็กซ์โป กำลังซื้อ ‘รถยนต์’จะกลับมา วันศุกร์ที่ 05 มิถุนายน 2015 เวลา 10:52 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=280477:2015-06-05-03-54-53&catid=134:than-auto-&Itemid=452 มหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 32 มอเตอร์ เอ็กซ์โป กำลังซื้อ ‘รถยนต์’จะกลับมา หนึ่งในผู้จัดอีเวนต์ยานยนต์ชั้นนำในบ้านเราต้องยกให้ ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ เจ้าของงาน มหกรรมยานยนต์ หรือ ไทยแลนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์เอ็กซ์โป ครั้งที่ 32 งานใหญ่ที่จัดขึ้นเป็นประจำในช่วงปลายปี โดยปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-13 ธันวาคม 2558 ณ ชาเลนเจอร์ อิมแพ็ค เมืองทองธานี และแม้ว่างานจะจัดขึ้นในช่วงปลายปีแต่ทีมผู้จัดก็มีความคืบหน้ามานำเสนออย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้เปิดขายพื้นที่ให้กับผู้เข้าร่วมงาน รวมไปถึงแสดงทรรศนะเกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปีนี้ว่าจะไปในทิศทางไหน ++กระแสการตอบรับของค่ายรถ การจัดงานในปีนี้ ใช้พื้นที่รวมทั้งสิ้น 8 หมื่นตารางเมตร โดยแบ่งออกเป็น ภายในชาเลนเจอร์ 6 หมื่นตารางเมตร และด้านนอกอาคาร 2 หมื่นตารางเมตร ที่รองรับการจัดแสดงเครื่องเสียงรวมถึงกิจกรรมอื่นๆ และเมื่อวันที่ 3 – 4 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้ทำการเปิดขายพื้นที่ ผลปรากฏว่าค่ายรถ – ค่ายจักรยานยนต์ และอุปกรณ์เกี่ยวเนื่องต่างๆให้การตอบรับเป็นอย่างดี โดยคาดว่าค่ายรถที่จะเข้าร่วมในปีนี้จะใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาที่มี 41 ราย และมีรายใหม่เข้าร่วมประมาณ 2 แบรนด์ ++งบประมาณในการจัดงาน สำหรับงบลงทุนในปีนี้เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาเล็กน้อย โดยใช้ประมาณ 180–200 ล้านบาท ขณะที่ไฮไลต์เกี่ยวกับรถรุ่นใหม่นั้นมีอย่างแน่นอน แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ นอกจากนั้นแล้วยังมีความพิเศษ กล่าวคือเพิ่มงาน AAITF Bangkok 2015 (Automotive Aftermarket Industry and Tuning Trade Fair for Southeast Asia) ซึ่งจับมือกับทาซัส ผู้จัดจากอังกฤษ ที่ประสบความสำเร็จในการจัดงานเกี่ยวกับอาฟเตอร์มาร์เก็ต ล่าสุดคือจัดที่ประเทศจีน และการจัดขึ้นที่ไทยในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก ซึ่งจะจัดขึ้นภายในงานมหกรรมยานยนต์ ระหว่างวันที่ 9-11 ธันวาคม บนพื้นที่ของฮอลล์ 9 เมืองทองธานี โดยจัดแสดงสินค้า อะไหล่ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักรกล และเปิดโอกาสให้มีการจับคู่ธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ ตัวแทนจำหน่าย ผู้นำเข้า ผู้ค้าส่ง และค้าปลีก ในกลุ่มประเทศประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนได้เจรจาธุรกิจกัน ถือเป็นงานลักษณะ B2B โดยผู้เข้าร่วมงาน 70% จะเป็นผู้ประกอบการที่มาจากจีน, ยุโรป , อาเซียน และอีก 30 % เป็นผู้ประกอบการในไทย ++เป้าหมายการจัดงานในปีนี้ ยอดจองรถยนต์ภายในงานคาดว่าจะอยู่ที่ 5 หมื่นคัน หรือคิดเป็นมูลค่าเงินสะพัดภายในงานประมาณ 5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มียอดจอง 4.2 หมื่นคัน ขณะที่ผู้เข้าชมงานจะอยู่ที่ 1.55 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ที่มีจำนวน 1.38 ล้านคน โดยปัจจัยที่จะมีส่วนผลักดันเป้าหมายในครั้งนี้มาจากการปรับตัวที่ดีขึ้นของตลาดรถยนต์ ที่ประมาณการว่าอัตราการเติบโตจะลงลงเหลือ 10 % จากปัจจุบันที่ลดลง 15 % นอกจากนั้นแล้วการจัดแคมเปญในช่วงปลายปีก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจของผู้บริโภค อีกหนึ่งปัจจัยคือ การประกาศใช้โครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ในวันที่ 1 มกราคม 2559 แม้ในเบื้องต้นจะยังมองไม่เห็นผลกระทบกับตลาด เพราะรัฐบาลยังไม่ได้กำหนดชัดเจนว่าจะมีการคิดในรูปแบบไหน โดยรถบางรุ่นได้เปรียบ – บางรุ่นเสียเปรียบ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับรัฐว่าจะใช้เกณฑ์แบบไหน แต่เบื้องต้นที่มีการประเมินมีอยู่ 3 แบบ คือ จัดเก็บจากหน้าโรงงานผลิต ซึ่งจะทำให้ผู้ผลิตรถยนต์มีการวางแผนการผลิตได้ โดยในรูปแบบนี้รัฐบาลอาจจะเสียประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี เพราะผู้ผลิตที่มีกำลังการผลิตเหลือจะเร่งผลิตรถออกมาสต๊อกก่อนเพื่อให้ได้ราคาเดิมก่อนจะปรับขึ้น แบบที่ 2 คือ จัดเก็บในวันทำสัญญา กล่าวคือทำสัญญาการซื้อขายก่อนวันที่ 1 มกราคม 2559 แต่วิธีนี้มีช่องโหว่คืออาจจะมีการทำย้อนหลังได้ และแบบที่ 3 คือ จัดเก็บในวันโอนรถ กล่าวคือโอนก่อนวันที่ 31 ธันวาคม 2558 วิธีนี้รัฐต้องเตรียมความพร้อมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับกับการจดทะเบียนของลูกค้าจำนวนมากที่จะแห่ไปจด ++วิเคราะห์ตลาดรถยนต์ปีนี้ เดิมทีคาดการณ์กันว่าตลาดรถยนต์ปีนี้น่าจะถึง 9 แสนคัน แต่ผ่านไปไตรมาสแรกก็เริ่มประเมินใหม่ โดยมองว่าน่าจะอยู่ที่ 8 แสนคัน ส่วนยอดผลิตก็น่าจะอยู่ที่ 2 ล้านคัน ขณะที่ภาพรวมตลาดในกลุ่มเอ ลบขึ้นไปหรือเซ็กเมนต์บนนั้นยังคงขายได้ ด้านกลุ่มกลาง และล่าง โดยเฉพาะกลุ่มอีโคคาร์ ยังได้รับผลกระทบ สืบเนื่องมาจากรถคันแรก แต่อย่างไรก็ตามก็มองว่าในกลุ่มนี้ก็จะเริ่มฟื้นตัว เพราะรถคันแรกมีอายุ 3- 4 ปีแล้วบางส่วนผ่อนใกล้หมด ก็จะมีกำลังซื้อกลับมา นอกจากนั้นแล้วกลุ่มนักศึกษาที่จบและกำลังเริ่มทำงานก็จะมีการซื้อรถรุ่นใหม่ขับ จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,059 วันที่ 7 - 10 มิถุนายน พ.ศ. 2558
โดย
leaderinshadow
ศุกร์ มิ.ย. 12, 2015 2:59 am
0
0
Re: สถานการณ์รถยนต์
เพราะเศรษฐกิจ เราแย่กว่าที่คิดไว้ครับ กลายเป็นโรงไฟฟ้าที่กำลังเสร็จตามแผนเดิมต้องกลายเป็นสำรอง เพราะไม่มีคนใช้ แถมตอนนี้เลยต้องพยายามเลื่อนโรงไฟฟ้าที่กำลังจะเสร็จออกไป โดยภาครัฐต้องจ่ายค่าชดเชย แต่ภาพใหญ่ ความมั่นคงพลังงานเรายังมีปัญหาไม่เปลี่ยนแปลงครับ เพราะปัจจุบันเราใช้ไฟฟ้าจากแก๊ส 60-70% ซึ่งแหล่งแก๊สในอ่าวไทย ก็กำลังจะหมดในอีกไม่กี่ปี หมดเมื่อไหร่ เราอาจจะต้องนำเข้าแทน ถึงตอนนั้นมีการประมาณการณ์กันว่า ค่าไฟจะขึ้นทันทีประมาณ 40% ครับ ถ้าค่าไฟขึ้น ต้นทุนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าก็เพิ่มขึ้นแน่นอน อีกเรื่อง ระหว่างรถยนต์พลังงานไฟฟ้ากับรถยนต์พลังงานไฮโดรเจน สุดท้ายเราจะไปทางไหนกันครับ? ตอบตามตรง อันนี้ผมก็ไม่ทราบครับ แต่ถ้าเป็นญี่ปุ่น เค้ามองว่าพลังงานไฮโดรเจน มีโอกาสมากกว่าในระยะยาว ส่วนรถยนต์ไฟฟ้า ก็มีโอกาส แต่ความหวังอาจจะไม่เท่าพลังงานไฮโดรเจน แต่ก็มีช่วงเปลี่ยนผ่าน เค้าเลยทำพวกไฮบริดครับ ระหว่างที่กำลังรอให้เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าพัฒนา แต่เทรนที่แน่นอนชัวร์ๆ คือ เทคโนโลยีการประหยัดพลังงานครับ ไม่ว่าจะเป็นรถใช้น้ำมัน Bio fuel ไฟฟ้า เซลเชื้อเพลิง หรือแหล่งพลังงานอะไร สุดท้ายก็ต้องออกแบบมาให้ประหยัดพลังงานที่สุดครับ
โดย
leaderinshadow
ศุกร์ พ.ค. 29, 2015 2:45 pm
0
7
Re: สถานการณ์รถยนต์
ตอนนี้ผมมองว่าอุปสรรคใหญ่สุดของการเกิดรถยนต์ไฟฟ้าในบ้านเราคือ ปัญหาโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าครับ ถ้าเรามีปัญหาในการขึ้นโรงไฟฟ้าใหม่ หรือ ปัญหาที่แก๊สในอ่าวไทยใกล้หมด ซึ่งปัจจุบันมีเหลือให้ใช้อีกไม่เกิน 10 ปี ถ้าไม่มีการประมูล หรือขุดพบเพิ่ม สถานการณ์ด้านความมั่งคงด้านพลังงานไฟฟ้าตอนนี้ เราค่อนข้างมีปัญหามากๆ ทีนี้พอโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้ามีปัญหา ก็คงแทบไม่ต้องพูดถึงการสร้างสถานีจ่ายไฟเลย ถ้าตรงนี้ยังแก้ไม่ได้ เรื่องรถยนต์ไฟฟ้าคงเกิดได้ยาก หรือถ้าเกิด ก็คงมีปัญหาตามมามากมาย เอกชนญี่ปุ่นเอง ก็เพิ่งประกาศไปว่า ไม่มีแผนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ใน 2 ปีนี้ (อนาคตหลังจากนั้นก็คงไม่แน่) ส่วนการส่งเสริมจากภาครัฐที่ประกาศไป เรื่องสนับสนุนผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ตอนนี้เท่าที่ทราบ ไม่มีผู้ผลิตรถรายใดสนใจลงทุนเลย แต่การเปลี่ยนแปลงสำคัญจะเกิด ต้องจับตาดูสองอย่างครับ อันแรกคือเทคโนโลยีด้านแบตเตอรี่ อันที่สอง คือ เทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้า ที่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ในปริมาณมากๆ และราคาถูก สองส่วนนี้ถ้าพัฒนาถึงจุดๆหนึ่ง น่าจะส่งเสริมให้เกิดความนิยมรถยนต์ไฟฟ้าอย่างมากครับ และทำให้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถแข่งขันกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันได้
โดย
leaderinshadow
ศุกร์ พ.ค. 29, 2015 1:16 am
0
2
Re: สถานการณ์รถยนต์
ประเทศที่จะมีรถยนต์ไฟฟ้าได้ คือต้องมีความมั่นคงทางไฟฟ้า และโครงสร้างพื้นฐานตรงนีดีพอควรครับ เช่นมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ หรือ มีโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่จ่ายไฟได้เสถียรพอ สำหรับประเทศไทย มีงานวิจัยออกมาว่า ถ้า มีรถยนต์ชาร์จไฟ พร้อมกันซักแค่ 2 หมื่นคัน ก็เกิดไฟตกได้ทั้งประเทศแล้วครับ แล้วปัญหาอีกข้อคือ ถึงแม้ปัจจุบันจะพัฒนาให้แบต มีความจุมากพอแล้วก็จริง แต่ยิงติดปัญหาการเสื่อมสภาพของแบต ที่ค่อนข้างเร็วครับ แค่ปีที่สอง ประสิทธิภาพก็เหลือ 75% แล้ว แต่ที่ญี่ปุ่น รัฐบาลเค้าให้เงินอุดหนุนตรงนี้ครับ อารมณ์คล้ายๆโซล่าร์ฟาร์มบ้านเรา ที่เห็นสร้างกันเยอะๆ เพราะได้รัฐบาลอุดหนุนครับ แต่ต่อให้ทั้งโลกเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้าจริง แต่อะไหล่ และชิ้นส่วนหลายๆอย่าง ก็ยังเหมือนเดิม จะเปลี่ยนก็ตรงเครื่องยนต์ซะมากกว่าครับ
โดย
leaderinshadow
พฤหัสฯ. พ.ค. 28, 2015 12:07 am
0
6
Re: สถานการณ์รถยนต์
จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนเมษายน 2558 มีทั้งสิ้น 123,968 คัน ลดลงจากเดือนเมษายน 2557 ร้อยละ 2.18 ยอดการส่งออกรถยนต์ในเดือนเม.ย.58 ว่า มียอดส่งออกถึง 82,130 คัน เพิ่มขึ้น 17.66% ขณะที่ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนเม.ย.58 มีจำนวนทั้งสิ้น 54,058 คัน ลดลง 26.2% demand ยอดส่งออก+ขายในประเทศ = 82,130+54,058 = 136,188 Supply ผลิต 123,968 แต่ขายได้ 136,188 แสดงว่า stock รถ ลดลงไปประมาณ 12,220 คัน :roll: ยอดผลิตที่ลดลง ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการเปลี่ยน model กระบะรุ่นใหม่ของโตโยต้า ด้วยมั้งครับ ทำให้มีการหยุดการผลิตใน model รุ่นเก่า ส.อ.ท.เผยยอดส่งออกรถยนต์เดือนเม.ย.58 พุ่งถึง82,130คัน เพิ่มขึ้น17.66% จากช่วงเดียวกันปีก่อน วันนี้ (25พ.ค.58) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงยอดการส่งออกรถยนต์ในเดือนเม.ย.58 ว่า มียอดส่งออกถึง 82,130 คัน เพิ่มขึ้น 17.66% เนื่องจากมีการส่งออกรถยนต์อีโคคาร์เพิ่มขึ้นในตลาดยุโรป และตลาดอเมริกาเหนือ ประกอบกับตลาดออสเตรเลียและตลาดเอเซียเริ่มฟื้น โดยมีมูลค่าการส่งออก 39,102.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.21% จากเม.ย.57 ส่งผลให้การส่งออกรถยนต์ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ มียอดส่งออก 410,362 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 13.58% คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 185,987.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9.78% ยอดการผลิตนั้น จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนเม.ย.58 มีทั้งสิ้น 123,968 คัน ลดลง 2.18% จากเม.ย.57 เละลดลง 30.44 % เนื่องจากเดือนเม.ย.มีวันทำงานน้อย สำหรับจำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในช่วง 4 เดือนแรก มีจำนวน 648,508 คัน เพิ่มขึ้น 0.67% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนเม.ย.58 มีจำนวนทั้งสิ้น 54,058 คัน ลดลง 26.2% จากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรยังตกต่ำส่งผลให้เกษตรกรไม่มีอำนาจซื้อ รัฐบาลยังไม่เร่งรัดในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การเบิกจ่ายงบประมารการลงทุนแม้จะดีขึ้นแต่ยังต่ำกว่าเป้าหมาย สถาบันการเงินเข้มงวดการอนุมัติสินเชื่อจากหนี้ครัวเรือนสูงและเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รวมทั้งการลงทุนภาคเอกชนที่ยังไม่ฟื้นตัวมาก ส่วนยอดประมาณการการผลิตรถยนต์ในเดือนพ.ค.-ก.ค.58 คาดว่า จะมีจำนวน 490,559 คัน เปรียบเทียบกับยอดผลิตจริงเดือนก.พ. - เม.ย.58 ซึ่งมีจำนวน 481,343 คัน เพิ่มขึ้น 9,216 คัน หรือ 1.91% และเมื่อเปรียบเทียบกับยอดผลิตจริงเดือนพ.ค. - ก.ค. 57 ซึ่งมีจำนวน 459,222 คันแล้ว เพิ่มขึ้น 31,337 คัน หรือ 6.82% http://www.tnnthailand.com/news_detail.php?id=66747&t=news
โดย
leaderinshadow
อังคาร พ.ค. 26, 2015 12:22 am
0
4
Re: สถานการณ์รถยนต์
ส่งออกรถยนต์ มี.ค.สถิติสูงสุด สวนทางยอดขายภายในเหลือแค่ 7 หมื่นคัน ยอดส่งออกรถยนต์เดือน มี.ค. ทะลุ 1.27 แสนคัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ดันยอดรวม 3 เดือนโต 12.6% แต่ยอดขายในประเทศร่วง 11.8% หวังยอดขายรวมโตตามเป้า 2.15 ล้านคัน ขณะที่ “ฉัตรชัย” เผยส่งออกสินค้าไทย มี.ค. ร่วง 4% คาดทั้งปีโตไม่ต่ำกว่า 1% พร้อมสั่ง รมช.พาณิชย์ เดินสายแจงอียู ไทยแก้ปัญหาประมงต่อเนื่อง นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงยอดขายรถยนต์ว่า ในเดือน มี.ค.58 มียอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 127,619 คัน เพิ่มขึ้น 12.63% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นปริมาณการส่งออกสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ไทยเริ่มส่งออกรถยนต์ในปี 31 ส่วนช่วง 3 เดือน (ม.ค.-มี.ค.) 58 ส่งออกได้แล้ว 328,232 คัน เพิ่มขึ้น 12.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นมูลค่า 146,884 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.74% โดยตลาดหลักอยู่ในภูมิภาคเอเชีย สัดส่วน 22.94% ออสเตรเลีย 22.61% ตะวันออกกลาง 22.24% อเมริกากลางและใต้ 12.02% ยุโรป 11.75% อเมริกาเหนือ 4.72% และแอฟริกา 3.72% สาเหตุที่ยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเพิ่มขึ้นมาก เพราะตลาดโลกต้องการรถอีโคคาร์สูงมาก ทำให้ไตรมาส 1 การส่งออกไปตลาดยุโรปเพิ่มขึ้น 71.84% อเมริกาเหนือ เพิ่ม 126.02% อเมริกากลางและใต้ เพิ่ม 12.03% ออสเตรเลียโตเพิ่ม 29% ขณะที่เอเชียกลับมาเป็นบวกที่ 6.42% แต่ตลาดหลักอย่างตะวันออกกลาง ยังลด 11.09% แอฟริกาลด 26.48% เพราะมีสงคราม และราคาน้ำมันโลกที่ลดลง ทำให้รายได้จากการขายน้ำมันลดลง และฉุดกำลังซื้อลดลงตาม ส่วนตลาดในประเทศเดือน มี.ค.58 มียอดขาย 74,117 คัน ลดลง 11.7% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ทำให้ยอดขายในประเทศไตรมาสแรก มี 197,787 คัน ลดลงจากปีก่อน 11.8% สาเหตุที่ยอดขายลดลงมาจากการลงทุนและการเบิกจ่ายจากภาครัฐต่ำกว่าเป้าหมาย ราคาสินค้าเกษตรยังไม่ดีขึ้น หนี้ครัวเรือนสูง ทำให้สถาบันการเงินเข้มงวดปล่อยสินเชื่อ รวมทั้งการลงทุนภาคเอกชนยังชะลอตัว โดยกลุ่มรถบรรทุกที่ผลิตเพื่อขายในประเทศ มีจำนวน 1,744 คัน เพิ่มขึ้น 29.71% สะท้อนให้เห็นว่าภาคเอกชนเริ่มมั่นใจโครงการลงทุนภาครัฐที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จึงลงทุนเพิ่ม นายสุรพงษ์กล่าวต่อถึงยอดจำหน่ายรถจักร-ยานยนต์ในไตรมาสแรกของปีนี้ว่า มียอดขายภายในประเทศ 478,942 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10.91% สะท้อนว่าตลาดรากหญ้าเริ่มฟื้นตัว ส่วนการส่งออกรถจักรยานยนต์ไตรมาสแรก 264,276 คัน เพิ่มขึ้น 19.8% “กำลังรอดูตัวเลขการจำหน่ายรถยนต์ที่ชัดเจน อีก 2 เดือน จึงจะสรุปได้ว่าจะลดเป้าหมายหรือไม่ แต่มองว่าหากยอดส่งออกรถยนต์เติบโต 10% โดยเฉลี่ยทั้งปี จะทดแทนยอดขายภายในประเทศที่ลดลงได้ และอาจทำให้ยอดขายรวมทั้งปีอยู่ในเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 2.15 ล้านคัน จากปีก่อนที่มียอดขาย 1.88 ล้านคัน” พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า มูลค่าการส่งออกของไทยในเดือน มี.ค. 58 ติดลบประมาณ 4% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นอัตราติดลบที่ต่ำกว่าเดือน ก.พ.58 ที่ติดลบ 6% แต่จะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการวันที่ 28 เม.ย.นี้ แต่ได้สั่งการให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศหารือกับภาคเอกชนในสินค้า 10 กลุ่ม หาทางผลักดันให้มูลค่าการส่งออกในปีนี้ขยายตัวได้มากที่สุดแล้ว โดยในเดือน มิ.ย.นี้ จะเดินหน้าเจาะตลาดเป็นรายสินค้า คาดว่ามูลค่าการส่งออกปีนี้ขยายตัวไม่ต่ำกว่า 1% http://www.thairath.co.th/content/495598
โดย
leaderinshadow
จันทร์ พ.ค. 04, 2015 1:24 am
0
5
Re: สถานการณ์รถยนต์
สินเชื่อ-ราคารถมือสองกระเตื้อง สมาคมรถเก่าฟันธงคืนภาวะสมดุล-ปีนี้พร้อมโต 16 เม.ย 2558 เวลา 14:03:53 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ "ส.รถใช้แล้ว" ชี้ตลาดรถมือสองเริ่มนิ่ง หลังระดับราคาปรับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ช่องว่างราคายังต่างรถใหม่เยอะ-ไฟแนนซ์เริ่มคลายความเข้มงวด เป็นโอกาสของผู้ซื้อ เผยปี57 ตลาดหดตัว 40% ทำเต็นท์รถหายจากตลาด 20% เชื่อปีนี้ทิศทางตลาดดีขึ้น นายไพรัตน์ สกุลศรีประเสริฐ รองนายกสมาคมผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้ว เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงภาพรวมตลาดรถยนต์มือสองว่า ปีนี้เป็นปีที่ระดับราคาจำหน่ายรถยนต์มือสองเริ่มปรับเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากที่ผ่านมาระดับราคาต่ำเกินกว่าความเป็นจริง เนื่องจากในช่วง 1-2 ปีก่อนหน้านี้ มีรถที่ถูกยึดจากสถาบันการเงินเป็นจำนวนมากทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคา จำหน่ายที่ต่ำกว่าราคาที่ควรจะเป็น แต่ในปีนี้จำนวนรถยึดในท้องตลาดมีน้อยลง หลังจากสถาบันการเงินคัดคุณภาพลูกค้ามากขึ้น ทำให้จำนวนรถยึดน้อยลงไป ส่งผลให้ระดับราคาเริ่มกลับสู่สภาวะปกติ แต่ก็มองว่ายังเป็นระดับราคาที่คุ้มค่าสำหรับผู้บริโภค เนื่องจากส่วนต่างราคารถมือสองและรถใหม่ยังแตกต่างกันมาก ประกอบกับในปีนี้สถาบันการเงินเริ่มคลายความเข้มงวดในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อลง จากเดิมที่อาจจะไม่รับพิจารณาลูกค้าที่เครดิตไม่ดี แต่จากนี้ไปเริ่มหันมาพิจารณาแล้วแต่อาจจะมีการให้ลูกค้าช่วยเพิ่มเงินดาวน์มากขึ้น "ยกตัวอย่างรถยนต์โตโยต้า วีออส ที่ใช้งานไปเพียงปีเดียว ราคารถใหม่อยู่ที่ 5.9 แสนบาท ก่อนหน้านี้ราคาซื้อขายอยู่ที่ 3.4-3.5 แสนบาท แต่ในปีนี้ราคาเริ่มปรับขึ้นมาเป็น 3.9-4 แสนบาท ซึ่งสะท้อนราคาที่ควรจะเป็น แต่ก็ยังเป็นราคาที่ดี สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อรถมือสอง" นายไพรัตน์กล่าว ทำให้ปีนี้ตลาดรถมือสองน่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติและเริ่มมีทิศทางที่ฟื้นตัวขึ้น หลังจากปีที่ผ่านมายอดขายหายไปกว่า 35-40% แต่ปีนี้ยอดขายน่าจะเริ่มดีขึ้นอาจจะเติบโตได้ประมาณ 5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ประกอบกับจำนวนคู่แข่งที่ลดลง หลังจากก่อนหน้านี้ผู้ประกอบการบางส่วนที่ไม่สามารถบริหารจัดการสต๊อกและยอดขายได้ก็หายไปจากตลาดราว 20% จากจำนวนเต็นท์รถทั่วประเทศกว่า 5,000 ราย ทำให้ผู้ประกอบการที่เหลืออยู่เป็นผู้ประกอบการที่ค่อนข้างมีคุณภาพ และการแข่งขันในแง่ของราคาจำหน่ายรถก็รุนแรงน้อยลง จะมีเพียงแค่การแข่งขันในแง่ของการหารถมาจำหน่ายเท่านั้นที่ยากขึ้น เนื่องจากรถยึดที่จำนวนน้อยลงไป ซึ่งในปีนี้กลุ่มรถมือสองที่คาดว่า จะได้รับความนิยมน่าจะเป็นกลุ่มรถปิกอัพแบบซิงเกิลแค็บที่ราคาประมาณ 3-5 แสนบาท ซึ่งเป็นรถที่ถูกนำไปใช้งานที่น่าจะเป็นเซ็กเมนต์ขายดี รวมถึงกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็ก หรืออีโคคาร์ที่ปัจจุบันราคาจำหน่ายเริ่มต้นอยู่ที่ต่ำกว่า 3 แสนบาท จึงได้รับการตอบรับดี ส่วนกลุ่มรถขนาดใหญ่และมีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสูงจะเป็นกลุ่มที่ได้รับความนิยมลดลง ทั้งนี้ก็ยังมีปัจจัยที่ต้องพิจารณาในปีนี้ ซึ่งปัจจัยบวกคือ ราคาที่คงที่ไม่ขึ้น-ลงรวดเร็ว ทำให้สถาบันการเงินสามารถทำราคาอ้างอิงหรือบลูบุ๊กง่ายขึ้น และสถาบันการเงินเองก็ลดความเข้มงวดในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อลง ส่วนปัจจัยที่ลบที่อาจจะกระทบ อาทิ การเข้าสู่ฤดูแล้งในเดือนเมษายน-พฤษภาคม ที่อาจทำให้ราคาพืชผลการเกษตรไม่ดีนัก และภาคการท่องเที่ยวที่อาจจะยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ทั้งสองปัจจัยอาจทำให้ตัวเลขจีดีพีไม่เป็นไปตามเป้าที่ภาครัฐประเมินและทำ ให้ผู้บริโภคไม่มีกำลังซื้อหรือไม่มีความมั่นใจในการจับจ่าย http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1429167891
โดย
leaderinshadow
พฤหัสฯ. เม.ย. 16, 2015 3:38 pm
0
1
Re: ศ.ก. ของประเทศไทยที่ตกต่ำทุกวันนี้ เนื่องมาจากการผูกขาด
ปัญหา ศ.ก. ของประเทศไทยเกิดจากการสร้างสภาพแวดล้อมให้มีการผูกขาด ... ธุรกิจพลังงาน โดย ปตท และ กลุ่ม ปตท ราคาน้ำมันที่คนไทยบริโภคแพงกว่ามาเลเซีย มากกว่า 10บาทต่อลิตร เออๆๆ พูดแบบนี้ คนจะเข้าใจผิดได้นะครับ สาเหตุที่ราคาน้ำมันสำเร็จรูปบ้านเราต่างกันมาก เป็นเพราะภาษีสรรพสามิตน้ำมันและการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันครับ ไม่ใช่เรื่องของการผูกขาด แล้วบ้านเราก็นำเข้า ส่งออกน้ำมันเสรีครับ ถ้าราคาต่างกันขนาดนั้นจริง จะมีคนนำเข้ามันจากมาเลเซีย มาขายแข่งขัน PTT ครับ แต่ที่ทำกันอยู่ในภาคใต้ เป็นพวกน้ำมันเถื่อนครับ (ซึ่งลักลอบนำเข้าและหลบภาษี) เพราะถ้ารวมภาษีสรรพสามิต ในราคาเนื้อน้ำมัน (ที่ไม่รวมเงินอุดหนุนของรัฐบาลมาเลย์) ราคาเนื้อน้ำมันสำเร็จรูปบ้านเรา แทบไม่ต่างกับมาเลเซียเลยครับ
โดย
leaderinshadow
พุธ เม.ย. 15, 2015 11:09 pm
0
28
Re: คิดยังไงกับภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างครับ
ล่าสุดท่านสมหมาย ภาษี ยังออกมาให้ข่าว เหมือนจะไม่ยอมถอยนะครับ นายสมหมาย ภาษี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังที่นายกฯ สั่งชะลอ ร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างว่า ยังดีที่เป็นการชะลอร่างกฎหมายภาษีฉบับนี้ ไม่ใช่การยกเลิก ทำให้มีโอกาสที่จะเสนอกฎหมายนี้ได้ใหม่ เมื่อทุกอย่างนิ่งแล้ว http://money.sanook.com/263549/
โดย
leaderinshadow
จันทร์ มี.ค. 16, 2015 1:55 pm
0
0
Re: สถานการณ์รถยนต์
การผลิตรถยนต์ในเดือนม.ค.2558 ที่ผ่านมามียอดการผลิตรถยนต์รวม 166,260 คัน + 2.22% โดยจำนวนนี้เป็นการส่งออก 92,440 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค.2557 + 14.09% สำหรับยอดขายภายในประเทศนั้นมีจำนวน 59,669 คัน -12.9% http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/636486
โดย
leaderinshadow
ศุกร์ ก.พ. 27, 2015 1:51 am
0
4
Re: สถานการณ์รถยนต์
มองทิศทางอุตฯยานยนต์ไทย ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปีที่ผ่านมา แม้จะไม่เติบโตเพราะได้รับผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะมีอะไรบ้าง และทิศทางในปีนี้รวมไปถึงในอาเซียนจะเป็นอย่างไร จะขับเคลื่อนไปทางไหน เพียงใจ แก้วสุวรรณวันนี้ "ฐานเศรษฐกิจ" ได้มีโอกาสพูดคุยกับ นางเพียงใจ แก้วสุวรรณ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และพ่วงอีกหนึ่งตำแหน่งอย่างประธานสหพันธ์อุตสาหกรรมยานยนต์อาเซียน ที่จะมาฉายภาพให้เห็น ภาพรวมของอุตสาหกรรมรถยนต์ในปี 2557 ปี 2557 มีการคาดการณ์ว่าจะผลิตรถยนต์ได้ 2.1 ล้านคัน แบ่งออกเป็นผลิตเพื่อส่งออก 1.2 ล้านคัน และผลิตเพื่อป้อนตลาดในประเทศ 9 แสนคัน อย่างไรก็ตามเมื่อจบปีพบว่าตัวเลขการผลิตทั้งหมดทำได้ 1.8 ล้านคัน ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ 10% โดยแบ่งออกเป็นยอดขายในประเทศ 8.8 แสนคัน และส่งออก 1.13 ล้านคัน ซึ่งปัจจัยเสี่ยงที่มีผลต่อการเติบโตก็มาจากภาพรวมของเศรษฐกิจโลก ไม่เฉพาะเศรษฐกิจในไทยและในเอเชีย แต่หมายรวมถึงเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว นอกจากนั้นแล้วปัจจัยในประเทศคือราคาพืชผลทางการเกษตร อาทิ ข้าว ,ยาง ที่ตกต่ำ ทำให้ผู้บริโภคไม่มีรายได้ และเศรษฐกิจไม่หมุนเวียน ขณะที่การปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน มีความระมัดระวังและเข้มงวดในการอนุมัติ ทั้งนี้เพื่อลดหนี้เสีย ส่วนปัจจัยต่อมาคือ การเบิกจ่ายงบจากภาครัฐที่ยังไม่สามารถเบิกจ่ายได้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามโดยภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ถือว่าตกลงไปเพียงเล็กน้อย -ประเมินสถานการณ์อุตสาหกรรมยานยนต์ในปี 2558 หลายหน่วยงานมีการประเมินว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ในปีนี้จะดีกว่าปีที่ผ่านมา คาดว่าจะเติบโต 3 – 4 % ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะถูกขับเคลื่อนไปทางไหน ซึ่งช่วงที่ผ่านมาทางบีโอไอ มีการออกนโยบายใหม่เพื่อสนับสนุนและช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และได้รับการตอบรับเกินกว่าที่คาดการณ์กันเอาไว้ ตรงจุดนี้เองทำให้ประเมินว่าถ้าธุรกิจเห็นประโยชน์จากการลงทุนก็น่าจะส่งผลในภาพบวกต่ออุตสาหกรรมโดยรวม นอกจากนั้นแล้วการเบิกจ่ายงบรวมไปถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐก็มีผล โดยหากมีเม็ดเงินหมุนเวียนเข้ามาในระบบเร็ว ก็จะมีผลทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์อาจจะโตได้ 5 – 10% หรือคิดเป็นยอดผลิต 2.1 – 2.2 ล้านคัน แบ่งออกเป็นตัวเลขการขายในประเทศ 9 แสน – 1 ล้านคัน และส่งออก 1.2 ล้านคัน สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ในไทย มีการลงทุนสูง และมีมูลค่าการลงทุนแต่ละครั้งอยู่ในหลักพันล้านบาทขึ้นไปจนถึงหลักหมื่นล้านบาท มีการวางแผนงานระยะยาวมากกว่า 5 ปี และมีการขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องรวมไปถึงการมีโครงการใหม่ๆออกมา โดยเฉพาะอีโคคาร์ที่จะมาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ -ปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่ในปี 59 สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมได้มีการทำฐานข้อมูลขึ้นมาเพื่อให้สอดคล้องกับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ระบบใหม่ อีกทั้งยังต้องการยกระดับการผลิตรถยนต์ในไทยให้ดีขึ้น โดยรถทุกคันที่ออกจากโรงงานผลิตตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 จะมีป้ายติดรถหรือฉลากติดรถยนต์ทุกคัน ซึ่งป้ายดังกล่าวจะบอกข้อมูลว่ารถคันนี้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เท่าไร,กินน้ำมันในปริมาณแค่ไหน ,สเปกรถมีอะไรบ้าง ทั้งนี้เพื่อเป็นการแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับข้อมูลรถแต่ละคัน ขณะที่ความพร้อมของผู้ผลิตรถยนต์นั้นแต่ละค่ายได้มีการเตรียมการเพื่อให้ได้ตามเกณฑ์ที่ได้ระบุไว้ โดยรถปิกอัพจะได้รับผลกระทบ เพราะค่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงและน้ำหนักรถที่มากกว่ารถยนต์นั่ง ทำให้การจัดเก็บภาษีจะสูงกว่า อย่างไรก็ตามการปรับเปลี่ยนโครงสร้างในครั้งนี้ผู้ที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดก็คือผู้บริโภคนั่นเอง ความคืบหน้าของโครงการอีโคคาร์ 2 สำหรับอีโคคาร์ มีสัดส่วนยอดขายคิดเป็น 13% ของตลาดรวมรถยนต์ และรัฐบาลก็มีการเปิดโครงการอีโคคาร์ 2 โดยหลายค่ายทั้งค่ายเดิมและค่ายใหม่ๆให้ความสนใจเข้าร่วมลงทุน ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจในไทยมีการขับเคลื่อน โดยอีโคคาร์ 2 จะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้นก็ต้องดูจังหวะและโอกาสรวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่ออกมาว่าจะตอบโจทย์หรือไม่อย่างไร ส่วนค่ายที่เปิดตัวก่อนอย่างมาสด้า 2 ถือว่ามีความพร้อมด้านโปรดักต์ที่ตรงกับเงื่อนไขที่รัฐระบุไว้ ทำให้ช่วยลดขั้นตอนต่างๆ อย่างไรก็ตามต้องดูผลการตอบรับว่าผู้บริโภคคนไทยจะชื่นชอบเครื่องยนต์ดีเซลหรือไม่ เพราะถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ และราคาอาจจะสูงเมื่อเทียบกับอีโคคาร์รุ่นแรกๆ -โปรดักต์แชมเปี้ยนตัวที่ 3 ความคืบหน้าของโปรดักต์แชมเปี้ยนตัวที่ 3 ตอนนี้คงต้องรอให้โครงการอีโคคาร์ 2 เสร็จสิ้นก่อน ขณะที่รถไฟฟ้า ที่เคยนำเสนอนั้น ในส่วนของนิสสันมีความพร้อมเพราะมีการเปิดขายแบบแมสในตลาดโลก ซึ่งการตอบรับถือว่าพอสมควร แต่ไม่ได้บูมมากเท่าไร เพราะราคาของรถไฟฟ้ามีต้นทุนสูง เนื่องจากราคาแบตเตอรี่ไฟฟ้าค่อนข้างแพง นอกจากนั้นแล้วประเทศต่างๆจะต้องมีการสนับสนุน ยกตัวอย่างในญี่ปุ่น มีการให้เงินกับลูกค้าที่ซื้อรถไฟฟ้า 7 – 8แสนเยนต่อคน อีกทั้งยังมีการติดตั้งควิก ชาร์จเจอร์ ที่พร้อมให้บริการ โดยผู้ผลิตรถยนต์ได้เคยนำเสนอรมต.อุตสาหกรรม ซึ่งก็เห็นด้วยกับรถไฟฟ้า แต่ก็ต้องมีการพูดคุยร่วมกันจากหลายฝ่ายไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรม, คลัง และพลังงานที่จะต้องทำงานและวางแผนว่าจะสนับสนุนอย่างไรให้สอดคล้องกัน ซึ่งประเมินว่าความเป็นไปได้ของรถไฟฟ้าในไทยน่าจะมีความเคลื่อนไหวและได้เห็นภายใน 5 ปีนี้ ทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ในอาเซียน JAMA หรือ สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่น พยายามที่จะเข้ามาช่วยกำหนดมาตรฐานยานยนต์รวมไปถึงการเป็นตัวกลางในการช่วยเหลือประเทศต่างๆในอาเซียน ทั้งนี้เพราะแต่ละประเทศมีความหลากหลายและใช้มาตรฐานยานยนต์ที่แตกต่างกัน ยกตัวอย่างไทยใช้มาตรฐานยูโร 4 แต่ประเทศอื่นๆใช้ยูโร 2 ซึ่ง JAMA จะเซตเงื่อนไขขึ้นมาเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกันและประเทศอื่นๆในอาเซียนเริ่มมีการปรับ ยกตัวอย่างมาเลเซียที่รัฐบาลให้การสนับสนุนเป็นอย่างดีและรวดเร็ว ส่วนอินโดนีเซียหลังจากเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ แต่การวางนโยบายเกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ถือว่ามีความชัดเจนกว่า ซึ่งทุกประเทศในตอนนี้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อรับกับการเปิดเออีซี ขณะที่ไทยถือว่ายังช้าเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ตรงจุดนี้เองก็ต้องฝากรัฐบาลที่สนับสนุนนโยบายอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศด้วยเพื่อจะได้มีความชัดเจนและพร้อมปฏิบัติ จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,026 วันที่ 12 - 14 กุมถาพันธ์ พ.ศ. 2558 http://www.thanonline.com/index.php?option=com_content&view=article&id=264901:2015-02-11-03-53-53&catid=134:than-auto-&Itemid=452
โดย
leaderinshadow
พุธ ก.พ. 18, 2015 3:47 am
0
7
Re: 'สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด'คาดจีดีพีปีนี้โต6%
Real GDP หรือ Nominal GDP ครับ GDP ที่เราๆพูดถึง มักจะเป็น Real GDP ซึ่งจะเอา Nominal GDP มาหักด้วยเงินเฟ้อ แต่บางทีในรายงานการวิเคราะห์ มักใช้ Nominal GDP ในการรายงาน ซึ่งบางทีข่าวที่นักข่าวเอามาอ้าง โดยไม่ได้ให้รายละเอียดไว้ ซึ่งตรงนี้อาจจะสับสนกันได้
โดย
leaderinshadow
พุธ ม.ค. 21, 2015 11:30 pm
0
2
Re: กองทุนร่วมลงทุน/วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ
VC ของทาง ICT ของเดิมก็มีอยู่แล้ว แต่ 7 ปี ปล่อยกู้ไปได้แค่ 2 Case ! ปัญหาของ VC ภาครัฐคือเอาข้าราชการมาบริหารนี่แหละครับ เพราะ mind set ของข้าราชการนั้น เค้าจะเน้น protect ตัวเอง เพราะถ้าทำดี ก็เสมอตัว แต่ถ้าทำไม่ดี หน้าที่การงานเค้าเสีย รัฐบาลจะจัดตั้งใหญ่แค่ไหน ตราบใดที่ให้ข้าราชการบริหาร ผมค่อนข้างมั่นใจว่าล้มเหลวแน่นอน model ที่ work คือ model ของอิสราเอลครับ รัฐจะไปใส่เกินใน VC ของเอกชนแทนที่จะมาบริหารเอง ส่วนภาคเอกชนไทยเราก็มีปัญหาเรื่องดึงคนเก่งทำอยู่ในทีม VC เพราะ VC เก่งๆ ไม่ใช่แค่เป็นผู้ลงทุนนะครับ แต่ต้องเป็นพี่เลี้ยงธุรกิจได้ด้วย และส่วนใหญ่ในทีม ก็มักจะมีผู้ประสบความสำเร็จในด้านๆนั้น รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ทั้งทางธุรกิจ การเงิน เทคโลโลยี กฎหมาย อยู่ในทีมของ VC และการที่จะดึงมืออาชีพ ระดับเทพๆพวกนี้มาทำงาน ที่ต่างประเทศ เค้ามี profit sharing ให้ครับ แต่เมืองไทยทำไม่ได้ เพราะกองทุน profit sharing เป็นกองทุนผิดกฎหมาย หรือที่เราๆเรียกว่า hedge fund VC หลายเจ้าในเมืองไทย มักไปจดทะเบียนในต่างประเทศ และจ้างมืออาชีพด้านนี้ ในรูปแบบพิเศษ หรือ ในรูปแบบนอมินี่ เพื่อทีจะจ่ายผลตอบแทนในรูปแบบ profit sharing ได้ เพราะถ้าไม่จ่ายผลตอบแทนแบบนี้ได้ เค้าจะดึงคนเก่งมาร่วมทีมได้ยาก เพราะผลประโยชน์ไม่จูงใจ เลยทำให้ VC บ้านเรามีข้อจำกัดในการโตและการทำงานพอควร
โดย
leaderinshadow
จันทร์ ธ.ค. 01, 2014 2:39 pm
0
4
775 โพสต์
of 16
ต่อไป
ต่อไป
Verified User
ชื่อล็อกอิน:
leaderinshadow
กลุ่ม:
สมาชิก
ที่อยู่:
ใต้ฟ้า เหนือแผ่นดิน
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
เว็บไซต์:
เข้าชมเว็บไซต์
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
พุธ ต.ค. 26, 2005 12:28 pm
ใช้งานล่าสุด:
เสาร์ มิ.ย. 19, 2021 4:40 pm
โพสต์ทั้งหมด:
1765 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.09% จากโพสทั้งหมด / 0.25 ข้อความต่อวัน)
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว