-
-
hongvalue
สนใจเรื่องบัญชี กลยุทธ์ลงทุน fundflow แจมได้ที่ blog ผมJoined: ศุกร์ ก.ค. 08, 2005 4:22 pm
http://hongvalue.wordpress.com/
-ติดตาม twitter เรื่องหุ้นของผมได้ที่
http://twitter.com/hongvalue
my book
http://wp.me/pzSOv-hP - ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - hongvalue
-
- โพสต์ที่ตอบ
- คอมเมนต์
- ไลค์
-
- 0
- 4
-
- 0
- 2
-
- 0
- 1
-
-
Re: รบกวนสอบถามคุณ hongvalue ครับ พี่ฮง ชอบๆ ขอบคุณครับ ผมมาตอบเพิ่มให้อีกแล้วกัน - ถ้าไม่รบกวนเกินไป พี่พอจะยกตัวอย่างการใช้ค่าต่างๆ ที่เน้นๆ สัก 2 ตัวอย่างให้ดูหน่อยได้ไหมครับ ผมคิดว่า yield curve กับ อัตราดอกเบี้ยน่าจะเป็น indicator ที่แม่นยำมากที่สุด -สมมุติมีวิกฤติรอบใหม่ ขึ้นมา ถ้าเราจะดูว่า fundflow (สภาพคล่อง) จะมาหรือยัง ดูจากอะไรบ้างครับ ผมคิดว่าไม่มีคำตอบว่ารอบหน้าจะต้องดูอะไรเพราะเราไม่รู้ว่ารอบหน้าวิกฤติจะเกิดจากที่ไหน อย่างไร อย่างต้มยำกุ้ง ปัญหาเกิดจากการที่เราไป fix ค่าเงินที่ 25 บาท ตอนนั้นคนไปเอาเงินข้างนอกประเทศมาฝากดอกเบี้ยไทยกินส่วนต่างได้สบายๆ การที่เรา fix ค่าเงินแต่ดันมีดอกเบี้ยที่สูงจนทำให้มีคนเอาเงินเข้ามาฝากได้เรื่องแบบนี้ค่อนข้างผิดหลักการทางเศรษฐศาสตร์ ราคาที่ดินในตอนนั้นก็ฟองสบู่ถ้าอ่านที่คุณตันเคยให้สัมภาษเขาก็เจ๊งที่ดินมาก่อนน่าจะเป็นช่วงนั้นนะถ้าผมจำไม่ผิด พอลอยตัวค่าเงินบริษัทใหญ่ๆก็ล้มทันทีเพราะหนี้ต่างประเทศเพิ่มสูงมากบริษัทอย่าง tpi หรือ irpc ในตอนนี้ก็เคยเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่มากในช่วงก่อนเกิดวิกฤติ ประเด็นคือตอนนั้นปัญหาเกิดในบ้านเรา เราจะไปดูตัวเลข ted-spread แบบรอบ subprime ได้อย่างไร จริงไหมครับ การที่เราคิดว่ารอบหน้าจะดูอะไรนั้นเราตอบไม่ได้เลย เพราะวิกฤติแต่ละรอบมักจะไม่เหมือนกันและถ้าไม่เหมือนกันจะไปดูตัวเลขอะไรคล้ายๆกันก็คงไม่ได้ test63.png ตอนวิกฤติต้มยำกุ้ง gdp เราเคยติดลบ 10% แต่ตอน subprime gdp เราไม่ได้แย่มาก คือมันแย่มากใน q4 แต่เนื่องจากปัญหาไม่ได้เกิดจากเรา กำไรของบริษัทจดทะเบียนเราแข็งแกร่งก็ทำให้เราฟื้นตัวได้เร็ว รอบ 1998 npl เราเยอะมาก มี finance ปิดไป 50 กว่าเจ้า แต่รอบ subprime เราไม่ได้แย่เท่าไหร่ npl ก็ไม่ได้เยอะอะไร ผมคิดว่าวิกฤติรอบหน้าอาจจะมาจากจีนก็ได้นะ(เดาเอานะ) จริงๆแล้วรอบ subprime ผมคิดว่าถ้า fed ไม่ปล่อย lehman ล้ม set อาจจะไม่หลุด 600 ก็ได้นะ เพราะ lehmam มันใหญ่มากทำให้ effect มันเยอะ สมัยก่อนตอน world com ,enron มีปัญหาเรื่องโกงงบหุ้นบ้านเราก็ลงพอควรนะ แต่ตอน lehman asset มันใหญ่กว่า world com,enron ตั้งเยอะ test64.png พอหุ้นลงเยอะๆ fed ก็ลดดอกจนต่ำสุดในประวัติศาสตร์ที่ 0-0.25 และหลังจาก fed ออก qe อะไรๆก็ดีขึ้นเยอะ ปัญหาของ subprime ที่ทำให้หุ้นลงเยอะคือเงินตึงตัว (ดูได้จาก libor) พอลดดอกมากๆเงินตึงตัวก็ดีขึ้น จะเห็นได้ว่าถ้าเรารู้ว่าปัญหาคืออะไรและอะไรคือทางแก้ปัญหาเราอาจจะพอรู้ว่าจุดต่ำสุดได้ผ่านไปแล้ว อย่างเรื่องกรีซ ผมคิดว่า imf ก็อาจจะรู้รึเปล่าว่าให้กรีซกู้ก็โอกาศได้เงินคืนไม่ครบก็สูงแต่ถ้าไม่ให้กู้เกิดเป็นแบบ lehman อีกจะทำไง ผมว่าจริงๆแล้วเราศึกษาเรื่องในอดีตเยอะๆแล้วก็ตามข่าวสารปัจจุบันเรื่อยๆ วิกฤติครั้งหน้าเราคงพอรู้ตัวนะครับ ลองคิดดูว่าถ้ามันมี indicator ที่จะบอกวิกฤติได้จริงจะมีใครขาดทุนจากวิกฤติล่ะ ทุกคนก็ดู indicator ตัวนั้นแล้วก็ขายหุ้นออกมาหมดพร้อมกันแล้ว แค่นั้นไม่พอ short ซ้ำอีกต่างหาก คำตอบคือไม่มีคำตอบครับ เพราะโลกทุนนิยม ต้องปรับตัว ต้องพลิกแพลงเป็น ข่าวสารไวขึ้น คนมีความรู้มากขึ้น ถ้ายึดติดกับทฤษฏีเดิมๆ คงถูกโลกทุนนิยมทิ้งไว้ข้างหลัง ทุกวันนี้ผมเป็น full time investor แต่ผมแทบไม่มีเวลาว่าง ผมอ่านหนังสือกับบทวิเคราะห์ทั้งวัน ตลาดทุกปีก็มักจะมีหุ้น theme ใหม่ๆมาให้เล่น ถ้าไม่ขยาย circle of competence ให้สูงๆตลอดเวลา ซักวันนึงก็จะโดนนักลงทุนรุ่นใหม่แซง โดย hongvalue ศุกร์ ก.ค. 08, 2011 12:58 am
- 0
- 5
-
-
-
Re: รบกวนสอบถามคุณ hongvalue ครับ ไม่รู้พี่ ฮง จะมาเห็นกระทู้นี้ไหม ช่วยเด็กใหม่ดด้วยครับ แนว fundflow ด้วยครับ Unemployment Rate Non-Farm Payrolls Industrial Production ISM Manufacturing - Inventories ISM Manufacturing - Employment MoM Change in Non-Farm Payrolls ISM Manufacturing - New Orders ISM Manufacturing Consumer Confidence Industrial Production (MoM Change, %) ดัชนีข้างต้นที่พี่เคยเขียน จะช้ากว่า พวกค่า TED spread, VIX , Gold price, libor, Yield Curves, Federal Funds Rate, USD/THB ใช่ไหมครับ เพราะมันเป็นตัวสะท้อนอารมณ์และพฤติกรรมของมนุษย์โดยทันที - พี่พอจะแนะนำ พวกค่าต่างๆ เรียงลำดับจากไวที่สุดไปช้าที่สุดให้หน่อยครับ - ค่าไหนที่พี่ใช้บ่อย แล้วพิสูจน์มาแล้วจากการใช้จริงว่า แม่นยำพอควร - พี่ช่วยแนะนำดัชนีชี้นำอื่นๆ หรือ พวกค่า ต่างๆ ที่ผมไม่ได้เขียนในที่นี้อีก ที่พี่คิดว่ามันมีความสำคัญ จำเป็นที่ผมยังไม่ได้กล่าวถึง - ถ้าไม่รบกวนเกินไป พี่พอจะยกตัวอย่างการใช้ค่าต่างๆ ที่เน้นๆ สัก 2 ตัวอย่างให้ดูหน่อยได้ไหมครับ -สมมุติมีวิกฤติรอบใหม่ ขึ้นมา ถ้าเราจะดูว่า fundflow (สภาพคล่อง) จะมาหรือยัง ดูจากอะไรบ้างครับ ไม่คิดว่าจะขุดกระทู้นี้ขึ้นมา ออกตัวก่อนว่าผมไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจเป็นเพียงคนนึงที่เคยศึกษาเรื่องพวกนี้ หลายคำถามยากเกินที่ความรู้ของผมจะตอบได้ ผมขอแชร์เพียงมุมมองที่มีซึ่งอาจจะผิดหรือถูกก็ได้ครับ ไม่รู้พี่ ฮง จะมาเห็นกระทู้นี้ไหม ช่วยเด็กใหม่ดด้วยครับ แนว fundflow ด้วยครับ Unemployment Rate Non-Farm Payrolls Industrial Production ISM Manufacturing - Inventories ISM Manufacturing - Employment MoM Change in Non-Farm Payrolls ISM Manufacturing - New Orders ISM Manufacturing Consumer Confidence Industrial Production (MoM Change, %) ดัชนีข้างต้นที่พี่เคยเขียน จะช้ากว่า พวกค่า TED spread, VIX , Gold price, libor, Yield Curves, Federal Funds Rate, USD/THB ใช่ไหมครับ เพราะมันเป็นตัวสะท้อนอารมณ์และพฤติกรรมของมนุษย์โดยทันที ความเห็นของคนไม่สู้ข้อเท็จจริง มาดูข้อเท็จจริงดีกว่า test61.png อันนี้เป็นตารางว่าวิกฤติรอบก่อนๆที่เกิดขึ้นถ้าเรารอสัญญาณอะไรจะมีค่าเสียโอกาศกี่เดือน หมายความว่า set จะ bottom ไปก่อนแล้วสัญญาณเหล่านี้ค่อย bottom ตาม หรืออีกนัยนึงคือสัญญาณเหล่านี้ bottom set ก็ขึ้นมาจากจุดต่ำสุดแล้วกี่เดือน โดยสถิติแล้วค่าที่ช้าที่สุดคือ umemployment rate TED spread, VIX เป็น indicator ที่รอบ subprime ถือว่าให้สัญญาณเร็วพอๆกับดัชนีหุ้น test62.png จะเห็นว่า ted-spread ถึงจุดสูงสุดในเดือน oct 08 ซึ่ง set bottom ตอนนั้น แสดงว่า ted-spread เป็น coincident ไม่ใช่ lagging ted-spread เป็นดัชนีที่ผมใช้ในการหนีตายตอน subprime ปี 2008 ส่วนเรื่อง yield curve กับ fed fund rate ผมได้เขียนในบล็อกผมแล้วว่ามันบอกอะไรกับเราได้ http://hongvalue.wordpress.com/ ผมคิดว่าความรู้แนว fundflow ช่วยเราในการมองภาพใหญ่ของการลงทุนได้ในระดับนึง แต่คงไม่ถึงกับต้องไล่ล่าตัวเลขต่างๆมาก เพียงแต่เราอาจจะแบ่งเวลามาติดตามตัวเลขภาพกว้างบ้างว่าตอนนี้มีปัจจัยอะไรที่มีความเสี่ยงบ้างไหม ผมให้เวลากับเรื่องเหล่านี้ประมาณ 5-10% ของเวลาที่ผมดูหุ้นทั้งหมดครับ ตัวเลขสถิติย้อนหลังเกี่ยวกับวิกฤติรอบก่อนผมเก็บเอาไว้หมด ผมคิดว่ามันเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจมาก ถ้าเราเข้าใจเรื่องพวกนี้และเราศึกษาว่าหุ้นอะไรที่ฟื้นตัวแรงมากหลังเกิดวิกฤติ ผมคิดว่าวิกฤติรอบหน้านอกจากเราจะเจ็บตัวน้อยแล้วขาขึ้นเรากำไรเยอะด้วย ตัวเลขพวกนี้เป็นการบอกได้แต่เพียงว่า ดัชนีเศรษฐกิจและ indicator ต่างๆอะไรเร็วอะไรช้า ตอนเกิดวิกฤติค่าต่างๆเป็นอย่างไรและหลังวิกฤติค่าต่างๆเป็นอย่างไร แต่เรื่องพวกนี้ยังไม่สมบูรณ์ ผมถึงได้ทำ project หุ้นสิบเด้งเพื่อศึกษาต่อว่าหุ้นลักษณะไหนที่ขึ้นได้ 10 เท่าตัวหลังจากเกิดวิกฤติโดยหุ้นที่ผมเอามาศึกษาจะต้องขึ้นภายใน 27 เดือนเท่านั้น สรุปว่า ศึกษาภาพ macro ได้ครับว่าเวลาเกิดวิกฤติเราดูจากอะไรบ้างแต่อย่าลืมศึกษา super stock หลังวิกฤติด้วยครับ เพราะการที่เราขาดทุนน้อยในช่วงวิกฤติคงจะไม่ดีมากถ้าตอนตลาดฟื้นตัวเราไม่กำไรเยอะๆครับ ส่วนคำถามอื่นๆขออนุญาติไม่ตอบแล้วกันนะครับ เพราะคงต้องไปค้นเอกสารเยอะมากเพื่อที่จะเอามาให้ดู พอดีช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาน่ะครับกำลังทำ project อันใหม่อยู่ครับ โดย hongvalue พฤหัสฯ. ก.ค. 07, 2011 9:51 pm
- 0
- 4
-
-
-
Re: สารคดีชีวิตสัตว์โลก :: เปลี่ยนม้ากลางศึก ขอบคุณมากครับสำหรับแง่คิด เวลาเราลงทุนจริงๆแล้วคุยกับเพื่อนนักลงทุนด้วยกันหลายคนลงทุนสไตล์ไม่เหมือนเรา บางทีเรารู้ว่าเขาได้ผลตอบแทนเยอะกว่าก็รู้สึกอึดอัดใจ อย่างช่วงก่อนหน้านี้หุ้น ipo ขึ้นเยอะ คนรู้จักหลายคนของผมกำไรไปเยอะแต่ผมไม่ได้กำไรเลย ก็ต้องทำใจว่ามันไม่ใช่ของๆเรา เล่นหุ้นบางทีเล่นคนละสไตล์มันก็มีช่วงที่ผลตอบแทนแต่ละคนเริ่มวิ่งไม่เหมือนกัน ถ้าเอาไปเปรียบเทียบกับคนที่เล่นแล้วได้กำไรดีในช่วงที่เรากำไรน้อยก็จะรู้สึกเครียดและรู้สึกว่าซึ่งที่เราทำคงมีอะไรผิดทั้งๆที่จริงๆไม่ได้มีอะไรผิดซะหน่อย พี่เม่าเซเลปเขียนการ์ตูนแต่ละเรื่องสะท้อนถึงความเข้าใจสัจธรรมการลงทุนได้ดีเลยนะครับ น่าจะอยู่ในตลาดมานานแล้ว โดย hongvalue อังคาร มิ.ย. 21, 2011 11:19 am
- 0
- 1
-
-
-
Re: มุมมองของวิกฤติหนี้สินกรีซ ลำพังกรีซเอง ถ้าเจ๊งคนเดียวก็ยังไม่เท่าไร ขนาดเศรษฐกิจค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับกลุ่มยูโร แต่เกรงว่า ถ้ากรีซ default จะทำให้ความเชื่อมั่นในกลุ่มยูโรสั่นคลอน สถาบันการเงินย้ายเงินออก ประชาชนลดการใช้จ่าย เศรษฐกิจชะลอตัวก็ตามมา และที่น่ากลัว คือโดมิโน่default โปรตุเกส ไอร์แลนด์...สเปน อิตาลี ถ้าสเปน อิตาลี ล้มตามไปด้วยเนี่ย lehman ก็ lehman เถอะ :evil: แต่ก็เป็นไปได้ยากครับ สเปน อิตาลีเนี่ย ต้อง worst-case สุดๆแล้ว ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงหุ้นคงลงแรงมาก แต่นั้นจะทำให้เรามีโอกาศทำกำไรหลายๆเท่าตัวในเวลาไม่นานอีกครั้งนะครับ (มองโลกในแง่ดี) :D โดย hongvalue จันทร์ มิ.ย. 20, 2011 2:12 pm
- 0
- 1
-
-
-
Re: $$ รวมหุ้น Turnaround $$ ฮงตกรถแจ๊ส แต่รอขึ้นรถเบนซ์ แทน :ep: :ep: :ep: ตลาดแย่ๆแบบนี้ ไม่มีปัญญานั่งเบนซ์นะครับ 555 ขึ้นรถเมล์แทน :D โดย hongvalue จันทร์ มิ.ย. 20, 2011 11:11 am
- 0
- 0
-
-
- 0
- 0
-
-
Re: $$ รวมหุ้น Turnaround $$ ส่วนตัวมองว่า ถ้าบริษัทฯฟื้นตัวได้เต็มที่แล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่ตลาดจะให้ค่า pe ต่ำกว่าบริษัทฯอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกันนะครับ สรุปว่า คงต้องดูตามเหตุปัจจัย ณ เวลานั้นๆอ่ะนะขอรับ ก่อนโพสบอกก่อนว่าเนื้อหาส่วนใหญ่ผมเห็นด้วยแต่ตรงไหนที่ผมคิดอีกอย่าง ผมก็โพสนะครับ เดี่ยวกลัวบางคนจะบอกว่าฮงนี้แย้งจังเลย ส่วนตัวผมมองเรื่องนี้อีกมุมนะครับ ยกตัวอย่างหุ้น electronic ถ้าเราไปดูหุ้น hana delta ปี 2008 ไม่ขาดทุน แต่ kce ขาดทุนเละเทะถ้า kce กลับมาทำกำไรได้ผมมองว่านักลงทุนส่วนใหญ่ไม่น่าให้ pe kce สูงเท่า hana delta เพราะอะไร ถ้าเปรียบเทียบแล้วเหมือนมีบริษัมสองพวก พวกแรกแม้วิกฤติก็ยังกำไรและทำ roe ได้ในระดับที่ดีและหลังวิกฤติก็ดีต่อเนื่อง พวกที่สองคือพอวิกฤติเน่าเลยแล้วก็กลับมาได้ ถ้าหุ้นสองกลับนี้ pe เท่ากันและแนวโน้ม growth เท่ากันผมก็เลือกหุ้นกลุ่มแรกเพราะมันสะท้อนว่าในภาวะวิกฤติมันทำได้ดีกว่า แต่หุ้นกลุ่มที่สองถ้ามีเหตุการณ์อะไรไม่ดีมันอาจจะกลับไปขาดทุนใหม่หรือเปล่า อย่างน้อยนักลงทุนก็เคยเห็นภาพความเลยร้ายของหุ้นตอนขาดทุนหนักๆ ผมยกตัวอย่างเพิ่ม ถ้าเปรียบเทียบกับการที่ผู้บริหารตัดสินถูกต้องบ่อยมากๆในการลงทุนอะไรใหม่ๆกลับอีกบริษัทนึงตัดสินใจพลาดมาเยอะแล้วช่วงหลังๆค่อยตัดสินใจดีขึ้น ถ้าเรามองย้อนหลังเราก็บอกว่าคนที่ตัดสินใจถูกมายาวนานน่าจะปลอดภัยกว่าอะไรแบบนี้ โดย hongvalue จันทร์ มิ.ย. 20, 2011 11:04 am
- 0
- 1
-
-
-
Re: $$ รวมหุ้น Turnaround $$ คุณฮง คิดว่า ในอนาคตอีก 5 ปี jas มีโอกาสเป็นไปได้ไหมคับ แต่ผมไม่รู้ว่ามันจะยาวไปสำหรับนักลงทุน หรือเปล่านะ แค่ถามความเห็นคับ ผมแถบไม่ได้ตาม jas แบบละเอียดเลยครับ ผมเอาเวลาไปขุดหุ้น commodity อย่างเดียว ผมตกรถ jas ด้วยนะครับ :oops: โดย hongvalue จันทร์ มิ.ย. 20, 2011 10:54 am
- 0
- 0
-
-
-
Re: $$ รวมหุ้น Turnaround $$ บริษัทฯส่วนใหญ่ที่พี่เลือกลงทุนนั้น ส่วนมากพี่มักจะรู้สึกรัก ผูกพัน กับบริษัท รวมทั้งพี่มักจะเชื่อมือและเชื่อใจผู้บริหารเอาเสียมากๆ ดังนั้น ถ้าราคาไม่เว่อร์จริงๆ หรือไม่เจอบริษัทฯอื่นที่เข้าตาจริงๆ พี่มักจะไม่ค่อยขายนะครับ รอให้หุ้น Turnaround มันค่อยๆกลายเป็นหุ้นปันผล และถ้ามันทำได้ดีมากพอ มันอาจจะกลายเป็นหุ้น Growth ที่ดีในอนาคตก็ได้นะครับ ส่วนตัวผมมองต่างมุมในเรื่องนี้นะครับ ผมคิดว่าบริษัทที่ขาดทุนนั้นสะท้อนว่ามันเคยเป็นบริษัทที่ไม่ดี เพราะช่วงวิกฤติบริษัทดีๆหลายบริษัทก็ยังไม่ขาดทุนเลย แต่การลงทุนในตลาดหุ้นนั้น ถึงจะเป็นบริษัทแย่ๆแต่ถ้ากลับมาดีได้ หุ้นก็ขึ้นได้ แต่ผมจะไม่ฝากความเชื่อไว้กับบริษัทที่เคยแย่มากๆ ผมคิดว่าบริษัทที่เคยแย่ถ้ากลับมาได้แล้วโอกาศที่จะกลายเป็นบริษัทดีมากๆ เป็นไปได้น้อย ดังนั้นถ้าเป็นผมจะไม่หวังว่าราคาจะเวอร์เลยกลับหุ้น turnaround เนื่องจากบริษัทที่เคยแย่แล้วกลับมาดี ถ้าเทียบกับบริษัทที่ดีและดียิ่งกว่าเดิม ผมคิดว่าหุ้นที่ฟื้นตัวไม่น่าจะได้รับ premium จากตลาดให้เทรดใน pe ที่สูง และผมคิดว่าเมื่อหุ้นได้ฟื้นตัวมาแล้ว risk/reward ของการลงทุนต่อจากนั้นจะน้อยลงมากๆเมื่อเทียบกับตอนเพิ่งเริ่มฟื้นตัว ดังนั้นเราขอถามว่า ในอดีตมีหุ้นบริษัทไหนที่ขาดทุนเยอะๆแล้วนอกจากจะ turn around กลับมาทำกำไรได้แล้วยังไม่พอยังกลายเป็นหุ้น growth ที่ปันผลเยอะๆได้บ้างไหมครับ เท่าที่ผมศึกษาหุ้น turnaround มาบ้างไอ้ที่ขาดทุนหนักๆแล้วกลับมาทำกำไรได้หลังจากเศรษฐกิจฟื้นตัวก็น่าจะมี thai kce vng ซึ่งผมก็ดูแล้วหุ้นพวกนี้ก็ไม่ได้เทรด pe หรือ pbv ที่มี premium เท่าไหร่ ช่วงเวลาที่ลงทุนแล้วดีที่สุดคือช่วงขาดทุนน้อยลงหรือเริ่มกลับมามีกำไรไตรมาสแรก แต่หลังจากโชว์กำไรได้ดีแล้ว การลงทุนต่อจากนั้นไม่ค่อยให้ return ที่ดีเท่าไหร่ ก็เปรียบเหมือนที่ผมบอกว่า หุ้นที่เคยแย่แค่กลับมาได้ระดับปกติก็ถือว่าดีแล้วการจะให้มัน growth มากๆต่อจากนั้นอาจจะยากสำหรับบริษัทที่เคยแย่ ประเด็นนี้เรามาถกกันต่อดีกว่าครับ :D โดย hongvalue อาทิตย์ มิ.ย. 19, 2011 11:20 pm
- 0
- 1
-
-
-
Re: ขอตัวอย่างหุ้น 10 เด้ง หน่อยครับ อ่านๆดูแล้ว เงื่อนไขต้องผ่านวิกฤตถึงจะมี 10 เด้ง ซะส่วนใหญ่ เริ่มเล่นปีแรกก้อฝึกไปทีละเด้งก่อน อิอิ ขอบคุณครับ เท่าที่ผมติดตามหลังวิกฤติจะทำให้หุ้น commodity หลายตัว กำไรโตได้ระดับ 10 เท่าตัวภายในเวลาเพียง 2-3 ปี ซึ่งในภาวะปกติจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน แล้วิกฤติก็ทำให้หุ้นบางตัวที่ไม่แกร่งมากยอดขายหายไปเยอะ ขาดทุนบักโกรกพอกลับมาได้เป็นปกติ บางทีคู่แข่งก็ตายไป ทำให้ใหญ่กว่าเดิม สำหรับผมถ้าเกิดวิกฤติรอบหน้าผมมอง commodity ก่อนเพื่อนเลย (แนวคิดส่วนตัวนะครับ) โดย hongvalue อาทิตย์ มิ.ย. 19, 2011 1:48 am
- 0
- 2
-
-
-
Re: ทฤษฎีลงทุน 10 เด้ง 'สถาพร งามเรืองพงศ์' เซียนหุ้นวัย 25 "ผมโชคดีที่เล่นหุ้นตั้งแต่เรียนปี 1 ม.กรุงเทพ กว่าจะจับจุดได้ (รู้ความลับตลาดหุ้น) ใช้เวลานาน 2-3 ปี ผมจะยึดอาชีพนักลงทุนเลี้ยงตัวเองไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เรียนจบก็ไม่เคยไปทำงานบริษัท ทุกวันนี้ผมมีเงินทำอะไรได้หลายๆ อย่าง อย่างที่เพื่อนๆ ไม่มี " เซียนหุ้นวัยเบญจเพส กล่าวทิ้งท้าย มุมมองส่วนตัวนะครับ ผมคิดว่าประโยคนี้ อันตรายพอสมควรครับ หากเกิดแนวคิดเอาอย่างตามมากๆ แต่จะมีสักกี่คนที่จะประสบความสำเร็จเท่าชายผู้นี้หละครับ เกรงว่าจะเป็นนักขาดทุนกัน เยอะคับ แต่ถ้าไม่ทำงานจริงๆบ้างเลย ชีวิตจะขาดอะไรไปหลายๆอย่างรวมทั้งประสบการณ์อะไรๆ ทักษะชีวิตอะไรๆอีกมากนะคับ ปล.มุมมองส่วนตัวคับ เห็นด้วยครับ เด็กจบใหม่ที่อ่านตัวอย่างคนเก่งๆต้องระวังให้จงหนักทีเดียว เพราะต้นทุนชีวิตของแต่ละคนไม่เท่ากันนะครับ บางคนกว่าจะเก็บเงินได้เท่าที่คุณฮงมีตอนปีหนึ่ง ก็ต้องทำงานมากว่าสองสามปี ของอย่างนี้ต้องใช้เวลา อย่าด่วนใจร้อนเด็ดขาด พูดตรงๆเลยนะครับ คำพูดนี้ผมไม่คิดว่าเขาจะเอามาลงในหนังสือพิมพ์ ผมให้สัมภาษในร้านกาแฟบรรยากาศค่อนข้างเป็นกันเอง เขาถามอะไร ผมก็ตอบหมด แต่บางประโยคก็ไม่คิดว่าเขาจะเอามาลง ผมไม่ได้มีเจตนาจะชักชวนให้ทุกคนมาเป็นนักลงทุนแล้วออกจากงานประจำ ผมเพียงแต่คิดว่าผมไม่ได้มีความสามารถด้านอื่น ผมชอบการลงทุนและคิดว่า ทำได้ดีกว่าการไปทำงานข้างนอกหรือทำธุรกิจต่อจากที่บ้าน ผมก็เลยบอกว่า ผมจะเป็นนักลงทุนต่อไป เท่านั้นเองครับ อีกเรื่องนึงที่ผมเสียดายก็คือว่าจริงๆแล้วผมอยากจะให้เขาลงเกี่ยวกับเรื่องหุ้นสิบเด้งว่ามันมีวิธีดูยังไงมากกว่านี้ แต่รู้สึกว่าเนื้อหาส่วนนั้นจะน้อยมาก (ผมจำได้ว่าบอกรายละเอียด case study เรื่องหุ้นสิบเด้งไปเยอะมาก) ถ้าบทสัมภาษของผมทำให้บางท่านรู้สึกไม่ดี ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆครับ ต่อไปผมจะระมัดระวังในการพูดการออกสื่อให้ดี และจะคิดก่อนพูดเยอะๆครับ :bow: :bow: :bow: ขอบคุณทุกความเห็นครับไม่ว่าจะติหรือชม โดย hongvalue อาทิตย์ มิ.ย. 19, 2011 1:26 am
- 1
- 3
-
-
-
Re: $$ รวมหุ้น Turnaround $$ เรียนพี่ pak ผมได้ไปฟังพี่ในงานเฮฮาแล้วได้ความรู้เยอะมาก อยากจะขอรบกวนพี่ช่วยตอบคำถามผมเล็กน้อยเป็นวิทยาทานได้ไหมครับ 1.พี่ pak บอกว่าหุ้น turn นั้นดูจากเชิงปริมาณแทบไม่ได้เนื่องจากว่ามันยังขาดทุนอยู่เลยควรดูที่ปัจจัยเชิงคุณภาพแทนถูกไหมครับ ผมอยากถามพี่ประมาณนี้ครับ 1.1การที่ราคาหุ้นขาดทุนนั้นหุ้นย่อมเทรดต่ำกว่า pbv เป็นส่วนใหญ่ถูกไหมครับ หุ้น turnaround ส่วนใหญ่จะให้ risk reward ที่สูงมากๆ (upside สูงมากเมื่อเทียบกับ downside) ผมมีความเห็นว่าบริษัทที่เคยขาดทุนและเริ่มกลับมาดีขึ้น เมื่อเริ่มดีขึ้นราคาไม่ควรจะต่ำกว่า bv ไม่ทราบว่าพี่มีความเห็นอย่างไรครับ ถ้าหุ้นที่พี่ซื้ออยู่ต่ำ bv มากๆและเริ่มขึ้นมาถึง bv จะเป็นสัญญาณที่น่าลดหุ้น น่าขายออก ได้ไหมครับ เนื่องจากบริษัทที่กำไรไม่ดีเท่าไหร่ กำไรบ้าง ขาดทุนบ้าง โอกาศที่ราคาจะสูงกว่า bv มากๆน่าจะน้อย 1.2 บางครั้งการที่เราให้ค่า pe สูงจะเป็นเพราะว่าบริษัทมีฐานะทางการเงินที่ดีสม่ำเสมอด้วย เช่น บริษัทที่มี roe สูงกว่า 20% ต่อเนื่องหรือบริษัทที่ แทบไม่มีหนี้ธนาคารและมีเงินสดอยู่เยอะจะทำให้ค่า pe ของหุ้นตัวนั้นค่อนข้างสูงถ้าเทียบกับหุ้นตัวเดียวกันในกลุ่ม ประเด็นคือหุ้น turn around นั้นไม่ได้อัตราส่วนทางการเงินที่สวยๆ ถ้าหุ้นมันกลับมามีกำไรหลังจากเหตุผลอะไรก็ตาม เราก็ไม่ควรจะให้ค่า pe ของมันเทียบกับบริษัทคู่แข่งที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันหรือไม่ครับ? คำถามพวกนี้อยากทราบเนื่องจาก น่าจะทำให้เข้าใจในจุดขายของหุ้นฟื้นตัวมากยิ่งขึ้นครับ คำถามข้อ สองนะครับ 2.1 หุ้นที่ฟื้นตัวในช่วงปี 2009-2010 ที่พี่ pak เล่นนั้น อาจจะเจอเยอะเนื่องจากเป็นการฟืั้นตัวจากวิกฤติเลยอาจทำให้มีหุ้นที่แย่แล้วกลับมาดีได้ แต่หลังจากนี้เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัวมาได้เยอะแล้ว ในมุมมองของพี่ หลังจากนี้เราน่าจะหาหุ้น turnaround เล่นได้ยากขึ้นไหมครับ หรือว่าไม่น่าเกี่ยวเพราะว่าหุ้นที่พี่เล่นส่วนใหญ่ดูจาก business model ที่เปลี่ยนไป มากกว่า 2.2เรื่องหุ้น bata (คงถามได้เนื่องจากหุ้นไม่มีในตลาดแล้วคงไม่เข้าข่ายชี้นำใดๆ) กำไรในปี 2552 กำไรต่อหุ้น 1.67 และมีการทำ tender ไปที่ 17.50 อยากถามว่าถ้าไม่มีการทำ tender แล้วราคาขึ้นไปถึง 17.50 แล้วยังไม่เจอหุ้นตัวใหม่ๆเลย (สมมุติ) ที่ราคา 17.5 จะถือต่อไหมครับ เนื่องจากว่า ก็เป็น pe 10 เท่าแล้ว ซึ่ง pe ระดับนี้ก็น่าจะใกล้ fair value สำหรับหุ้นฟื้นตัว และ pe ระดับนี้หุ้นก็ไม่น่าจะให้ yield สูงเท่าไหร่นัก ในเบื้องต้นขอถามเท่านี้ก่อนนะครับ ขอบคุณมากครับ โดย hongvalue เสาร์ มิ.ย. 18, 2011 4:54 pm
- 0
- 1
-
-
-
Re: เซียนหุ้นอัจฉริยะ 'สถาพร งามเรืองพงศ์' ยอดเยี่ยมครับสำหรับข้อคิดดีๆผมมือใหม่ขาดทุนไปก็เยอะผมจะพยายามสู้ต่อไปครับ(อ่านแล้วชื้นใจจริงๆ) เพราะคุณฮงกว่าจะมาถึงขนาดนี้ได้ก็ต้องผ่านความยากลำบากมาก่อน ขอบคุณจากใจจริงครับ :oops: เปิดอบรมบอกด้วยนะครับ เรื่องกำลังใจเป็นสิ่งที่ให้กันได้นี้ครับ คนเราเป็นสิ่งมีชีวิตไม่ใช่เครื่องจักรบางทีคุยแต่หลักการมากเกินไป คนก็ดูเหมือนไม่มีความรู้สึก ผมเองก็เป็นคนต้องการกำลังใจจากคนรอบข้าง เมื่อก่อนตอนผมขาดทุนผมก็ต้องนัดเจอเพื่อนที่ร้านอาหารประเภทมีดนตรีสด แล้วก็กินเบียร์พร้อมกับระบายความในใจ เคยพูดกับเพื่อนสมัยขาดทุนหนักๆว่า "gu เหนื่อยมาก gu เล่นหุ้นแล้วไม่ได้ตังค์ซะที ที่บ้าน gu ยิ่งไม่เห็นด้วยอยู่ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปคงแย่" เพื่อนมันก็บอกว่าเออ gu เชื่อว่ามึงน่าจะทำได้เพราะมึงพยายามกูให้กำลังใจมึงอะไรทำนองนี้ ตอน subprime ผมก็โดนท้อแท้ก็นัดเจอเพื่อนตลอดอยากได้กำลังใจ อยากได้ยินคำพูดประมาณว่ากูเชื่อว่าซักวันมึงต้องทำได้ ฟังแล้วก็รู้สึกดีแม้จะไม่รู้ว่าอนาคตมันจะดีหรือจะแย่ลง แต่ยังไงคำพูดแบบนี้ก็ยังดีกว่าเจอบอกว่า กูไม่เห็นใครรวยจากหุ้นมึงเลิกเล่นหุ้นเถอะ เล่นไปก็ไม่รวย มึงเหนื่อยมาตั้งนานไม่เห็นได้ตังค์เลย ขืนเจอพูดแบบนี้คงเลิกเล่นไปแล้ว จริงๆแล้วผมไม่ได้เป็นคนเก่งอะไระเลยเป็นคนอึดมากกว่า ที่ผมผ่านช่วงเลวร้ายมาได้ผมก็ใช้วิธีว่าผมจะคอยจดว่าผมขาดทุนเพราะผมคิดยังไงแล้วผมก็จะไม่ใช่วิธีแบบนั้นอีก ผมเคยขาดทุน gold หนักมากเกือบ 50% ผมซื้อ 10 บาทเพราะมีคนบอกว่า nav ของสินทรัพย์ที่ gold ถืออยู่จริงๆมันเกือบ 20 บาทซื้อไปไม่นานก็ลงไปเหลือ 5 บาทกว่า ตอนนั้นผมจำได้ว่าผมเดินออกจากบ้่านแล้วผมถึงกับซึม ผมเครียดว่าเมื่อไหร่หุ้นจะกลับขึ้นมาซะที แล้วผมก็เลยเลิกเล่นหุ้นด้วยการดู asset ไปเลย ประสบการณ์แบบเดียวกันผมก็เจอกับ tpipl ตอนนั้น ซื้อ 25 หุ้น bv 40 กว่าบาท ตอนนั้นได้ยินจากใครซักคนว่าปูนกลางสนใจจะซื้อ tpipl ผมก็ซื้อ tpipl ไป 25 บาทซื้อไม่นานหุ้นก็เหลือ 10 บาทผมก็คัทอีกโดนไปอีกเกิน 50% ด้วยซ้ำ กำไรจากตัวอื่นๆเจอสองสามตัวนี้ตอดจนกระทั่งผมเซ็งมากๆเซ็งจนไม่รู้จะพูดยังไง ผมเล่าเรื่องนี้ขึ้นมาหวังว่าจะเป็นประโยชน์อะไรบ้างว่าถ้าเราขาดทุนเราก็ควรดูว่าเราขาดทุนเพราะเราวิเคราะห์ผิดพลาดยังไงแล้วก็อย่าไปทำแบบนั้นอีก ถ้าเครียดก็โทรหาคนที่ให้กำลังใจเก่งๆแล้วออกไปกินเบียร์ก็ได้ อีกเรื่องนึงที่ผมอยากแชร์เผื่อจะเป็นประโยชน์ก็คือว่า บางครั้งถ้าเราจับหุ้นถูกตัวในจังหวะหลังวิกฤติเศรษฐกิจมันอาจจะทำให้พอร์ตเราโตได้อย่างเหลือเชื่อแบบที่เราก็ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ ผมคิดว่าถ้าเรายังอยู่ในตลาดหุ้นอีกหลายสิบปีเราจะต้องเจอกับการขึ้นครั้งใหญ่อีกแน่นอนซึ่งถ้าตอนนั้นเงินเราเพิ่มขึ้นและเรามีความรู้มากขึ้น ภายในเวลาไม่กี่ปีเราก็สามารถพอร์ตโตได้เยอะมากๆถ้าเทียบกับการลงทุนในภาวะปกติ ประเด็นคือเราควรประคองตัวให้รอดไปได้เรื่อยๆในระยะยาวอย่าให้เลิกต้นเสียไปมาก และศึกษาหุ้นที่ฟื้นตัวจากวิกฤติรอบก่อนให้ดีว่าเป็นอย่างไรบ้าง ก็น่าจะช่วยเราได้นะครับ จริงๆผมเกรดเฉลี่ย 2.2 นะครับ ตอนเรียนมหาลัย ผมพูดอย่างไม่อายเลยว่าผมเป็นคนเรียนแย่มาก สมัยม.ต้นผมเกรดเฉลี่ยไม่ถึง 1.5 ตอน ม.4 ผมเกือบเรียน รด ไม่ได้ต้องให้พ่อช่วยโดนด่าเละเลย ผมว่าคนส่วนใหญ่เก่งกว่าผมทั้งนั้นแหละครับ ถ้าพยายามและอดทนทำไมจะทำไม่ได้ครับ โดย hongvalue พุธ มิ.ย. 15, 2011 1:45 am
- 0
- 7
-
-
-
Re: เซียนหุ้นอัจฉริยะ 'สถาพร งามเรืองพงศ์' ขออีกคำถามครับ จากจำนวนการเข้าซื้อหุ้นแต่ละตัวทั้งหมด จำนวนการเข้าซื้อแล้วตอนขายได้กำไรคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของการเข้าซื้อทั้งหมด และที่ต้องcut loss เป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของการเข้าซื้อทั้งหมดครับ เอาประมาณการก็ได้ครับ ไม่ต้องเป๊ะ เช่น นับถึงปัจจุบัน ซื้อหุ้นทั้งหมด 100 ตัว ซื้อแล้วได้กำไร 90 ตัว ซื้อแล้วต้อง cutloss 10 ตัว อย่างนี้น่ะครับ ไหนๆจะถามแล้วขออีกข้อครับ สุดท้าย ในการลงทุนใช้ fund flow เป็นตัวกำหนดtimingการเข้าซื้อใช่ไหมครับ แต่การเลือกหุ้นก็ใช้การวิเคราะห์พื้นฐานดังที่กล่าวไว้ใช่ไหมครับ ในการใ้ช้ fund flow มีหลักการอย่างไรครับ ถ้าผมได้คำตอบทั้ง3ข้อนี้ ผมว่าผมน่าจะพัฒนาขึ้นไปได้อีก เพราะความมั่นใจจากสถิติที่ได้นี้ล่ะครับ (ความกลัวจะลดลง) ขอบคุณมากครับ เรื่องการ cut loss เนี้ยอยู่ที่ภาวะตลาดค่อนข้างเยอะนะครับ ตอนปี 2010 ผมเคยใช้การดูกราฟแบบ canslim และเข้าซื้อเก็งกำไรโดยใช้เกณฑ์ว่าผิดทาง 5% cut แล้วกำไร 7-21% ขาย ผมเคยซื้อแล้วกำไรติดกัน 15 ตัวโดยใช้เศษของพอร์ตมาร์จิ้นหัดเล่นตอนดูกราฟใหม่ๆพอผมซื้อตัวที่ 16 ก็ผิดทาง อันนั้นคือตอนตลาดดีๆนะครับ ผมเก็งกำไรได้เป็นเท่าตัวและเพิ่งจะโดน ตัวที่ต้อง cut ตัวแรก 5% แต่ตอนตลาดไม่ดีเป็นไงบ้างผมเล่นไปก็เคยคัทติดกัน 7 ตัวอะครับ ตัวละ 5% นะครับ ดีนะใช้เศษมาร์จิ้นที่เหลือไปเล่น ถ้าผมใช้เงินทั้งพอร์ตมาเล่นแล้วเจอขาดทุน 5% ติดกัน 7 ครั้งพอร์ตผมจะลดไปอย่างน่าใจหายทีเดียวครับ ผมว่าประเด็นว่าซื้อแล้วคัทเนี้ยส่วนนึงจะขึ้นอยู่กับภาวะตลาด อีกส่วนอยู่ที่พื้นฐานหุ้นถ้าอ่านบทสัมภาษผมบอกว่าผมให้น้ำหนักพื้นฐาน 70% และให้กราฟเพียงแค่ 30% ที่ผมยกตัวอย่างข้างบนเป็นการเทรดแบบดูกราฟอย่างเดียวซึ่งผมใช้เศษมาร์จิ้นก็คือมาร์จิ้นที่เหลือไม่เยอะในพอร์ตเล่นอย่างเดียว โดยผมไม่สนใจพื้นฐาน และผมก็พบว่าเวลาตลาดไม่ดีมันขาดทุนติดๆกันได้เยอะมาก ส่วนพอร์ตหลักผมก็ต้องเลือกหุ้นที่กำไรโตอย่างโดดเด่นและกราฟสวยด้วยครับ ถ้าเลือกดีๆก็ไม่ค่อยได้คัทลอสเลยครับ ผมเคยซื้อ sta ตอน 36 บาทผมจำได้ว่าตอนนั้นราคายางพารามันอยู่แถว 100 เศษๆ เชื่อไหมว่าซื้อแล้วแป๊ปเดียวราคายางขึ้นไป 150 เลยด้วยซ้ำ แต่หุ้น sta มันดันลงมา 33 ก่อนแล้วค่อยขึ้นไป 41 แล้วลงมาเหลือ 25-26 ผมก็คัทลอทนะ ผมงงมากว่าราคายางขึ้นตั้งเยอะหุ้นมันลง ผมไม่แน่ใจว่าเพราะอะไรก็ต้องขายไว้ก่อน อะไรแบบนี้ก็เคยเจอ ส่วนเรื่องฟันโฟลผมดูเป็นภาพใหญ่ๆอะครับอย่างสองปีมานี้สภาพคล่องทะลักโลกหุ้นก็ขึ้นกันเยอะแต่พอหมด qe ก็ต้องจับตาดูให้ดี ผมเชื่อว่าหุ้นที่กำไรโดดเด่นจริงๆ ราคาหุ้นจะขึ้นได้มากแม้ตลาดจะไม่ขึ้น ดังนั้นผมก็ให้น้ำหนักเรื่องหุ้นรายตัวมากกว่า แต่ช่วงนี้ต้องยอมรับว่าผมเริ่มกลับไปตามฟันโฟลมากขึ้นเนื่องจาก เริ่มรู้สึกว่าตลาดหุ้นต่างประเทศมีอาการแปลกๆ และตัวเลขเงินเฟ้อของบางประเทศก็สูงในระดับที่น่ากลัวตอนผมศึกษา fundflow สมัยก่อนจำได้ว่าถ้าเงินเฟ้อสูงเกิน 4% เมื่อไหร่การลงทุนในตลาดหุ้นช่วงหลังจากนั้นจะให้ผลตอบแทนเป็น negative ด้วย probability ที่สูงก็ลองตามๆดูครับถ้าช่วงไหนเงินเฟ้อสูงขึ้นเร็วๆก็ไม่ค่อยจะดีสำหรับตลาดหุ้นครับ ช่วงนี้ usd index ก็ไม่ได้ขึ้นแต่น้ำมันลง commodity ตัวอื่นก็ลง ผมรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆอยู่บ้างเลยเริ่มไล่อ่านว่า broke ต่างประเทศมองว่าไงกันบ้างและเริ่มตามภาพใหญ่ๆหลายอย่างดูก็ยังไม่แน่ใจเพราะออกแนวเสียงแตกว่าดีหรือไม่ดีก็เลยเอาชัวเลยเลิกใช้มาร์จิ้นไปแล้วเพราะถ้าตลาดเกิดแย่ขึ้นมาผมคงต้องคืนกำไรที่ทำมาในรอบสองปีนี้ไปเยอะแน่ๆถ้าผมเล่นมาร์จิ้น ผมลองตั้งข้อสังเกตุแบบนี้นะ เป็นข้อสังเกตุส่วนตัว กระทิงครั้งใหญ่รอบนี้ขึ้นมา 2 ปีกว่าแล้ว หนังสือต่างประเทศบอกว่าตลาดกระทิงการปรับฐานจาก peak ไปสู่จุดต่ำมักจะไม่เกิน 12% แล้วทำนิวไฮใหม่ซึ่งผมลองดูตามคร่าวๆก็ประมาณนั้น ที่นี้การปรับฐานรอบนี้มีจุด peak ที่ 1100 และลงไปถึงประมาณ 1000 ก็ประมาณ 11% แล้วเด้งขึ้นมาได้แล้ว ถ้าตลาดไม่หลุด 1000 ก็น่าจะโอเคในความเห็นผม คือเป็น condition ตลาดกระทิงปรับตัวลงไม่เกิน 12% โดยเฉลี่ยและทำนิวไฮได้เรื่อยๆ ที่นี้ถามว่าใช้ฟันโฟลกำหนดการเข้าซื้อไหมคำตอบก็คือไม่สมมุติผมเล่นหุ้นคอมโมดิตี้มันก็อยุ่ที่ demand supply ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับเม็ดเงินเท่าไหร่ ความเห็นส่วนตัวของผมคือเรื่องภาพเศรษฐกิจเราก็ศึกษาไว้ให้พอรู้แต่อย่าถึงขนาดจะเอามาเล่นรอบกับตลาดหุ้นเพราะว่ามันน่าจะยากเกินไป เอาเป็นภาพ macro ใหญ่ๆของเราถูกก็พอแล้วมั้งครับ โดย hongvalue พุธ มิ.ย. 15, 2011 1:24 am
- 0
- 5
-
-
-
Re: เซียนหุ้นอัจฉริยะ 'สถาพร งามเรืองพงศ์' ขอบคุณค่ะ ผมตอบทาง pm ไปแล้วนะครับ อยากให้น้องจัดสัมนาอีกครับ คราวที่แล้วพลาดไปเสียดายมาก ในเร็วๆนี้ผมกับหมอเคจะมี trip เกี่ยวกับเรื่องหุ้นซึ่งรับจำนวนจำกัดมาก และจะมีบรรยายเนื้อหา project ของผมในส่วนที่ไม่ได้จัดสัมนา 230 คน ส่วนหมอเคจะพูดเรื่องที่ไม่เคยมีใครพูดมาก่อนซึ่งน่าสนใจมาก และตอนนี้กำลังทาบทามผู้เชี่ยวชาญการเล่นหุ้นในรูปแบบต่างๆไปด้วยอยู่ แนะนำให้เข้าไปดูที่บล็อกหมอเคกับผม เรื่อยๆแล้วกันครับ โดย hongvalue อังคาร มิ.ย. 14, 2011 7:01 pm
- 0
- 0
-
-
-
Re: เซียนหุ้นอัจฉริยะ 'สถาพร งามเรืองพงศ์' หุ้นบางตัวเป็นหุ้นโรงกลั่นที่กำลังฝันผวนมาก เล่นยากมากทีเดียว ตอนผมให้สัมภาษเขาไปก็เกือบเดือนแล้วตอนนี้พอร์ต ผมยังจะมีหุ้นในแบบที่หนังสือพิมพ์ลงไหม ผมบอกไม่ได้เพียงแต่อยากบอกว่า เขาจะลงว่าผมมีหุ้นอะไรก็อย่าสนใจเลย มันเป็นบทสัมภาษของเกือบเดือนแล้ว ถ้าอยากดูให้ดูที่เนื้อหาที่ให้สัมภาษดีกว่า หลังๆผมก็เลิกโพสในร้อยคนร้อยหุ้นไปแล้ว โพสในหน้านี้ก็โพสเชิงหลักการอย่างเดียว เห็นบทสัมภาษมีลงเรื่องหุ้นในพอร์ตก็เลยอยาก พูดดังๆว่า อย่าไปสนใจมันเลยครับ ผมอาจจะซื้อผิด ซื้อเกิน fair value หรืออะไรก็ได้ทั้งนั้น ไม่ได้ออกมาทุบหุ้นและเชียร์หุ้นแต่ไม่อยากให้ใครไปซื้อตามเฉยๆครับ ผมกลัวจะไม่มีใครฟังเหตุผลน่ะซิ ถ้าคนแนว CI (ยืมคำอาจารย์นิเวศน์มาใช้หน่อย) ที่จ้องเล่นตามมาอ่านเจอ เห็นคุณฮงพูดถึง แล้วซื้อ BCP ตามเมื่อวาน วันนี้คง Happy ยกย่องคุณฮงอยู่ ว่าเจ๋งว่ะ...เล่นตามวันเดียวเห็นผล ไม่เกี่ยวมั้งครับ set มันตั้ง 19 ขึ้นหุ้นมันก็คงขึ้นเกือบทุกตัวแหละ ยังไงก็ขอออกตัวอีกทีว่าหุ้นที่เขาสัมภาษผมอย่าไปซื้อตามโดยไม่ได้ศึกษาด้วยตัวเอง ผมอาจจะคิดผิด ผมอาจจะขายไปแล้ว อาจจะมีปัจจัยอะไรก็ได้ที่มาเปลี่ยนพื้นฐาน มันได้ตลอดเวลา กรุณาอย่าซื้อตามเพียงเพราะหนังสือพิมพ์ลงว่าผมถือหุ้นอะไรเลยครับ โดย hongvalue อังคาร มิ.ย. 14, 2011 6:38 pm
- 0
- 0
-
-
- 0
- 0
-
-
Re: pak มาแล้ว พฤหัส 16มิย สึ่ทุ่ม moneytalk tnn2 พี่ pak น่าจะเปิดสัมนาการหาหุ้น turnaround แบบเต็มวันนะครับ เพราะเวลาที่จะพูดในงานเฮฮาค่อนข้างน้อย แต่พี่ pak ของเยอะ หุ้น turnaround เป็นอะไรที่หาคนเจาะลึกค่อนข้างยากมากเลย ฝากไว้พิจรณาหน่อยได้ไหมครับ :D แล้วจะติดตามชมทางรายการ money talk นะครับ โดย hongvalue อังคาร มิ.ย. 14, 2011 10:54 am
- 0
- 0
-
-
-
Re: เซียนหุ้นอัจฉริยะ 'สถาพร งามเรืองพงศ์' ผมออกตัวก่อนเลยนะครับ ว่าบทสัมภาษรอบสองของเมื่อวานที่เขาถามว่าผมมีหุ้นตัวไหนบ้าง อย่าไปซื้อตามนะครับ หุ้นบางตัวเป็นหุ้นโรงกลั่นที่กำลังฝันผวนมาก เล่นยากมากทีเดียว ตอนผมให้สัมภาษเขาไปก็เกือบเดือนแล้วตอนนี้พอร์ต ผมยังจะมีหุ้นในแบบที่หนังสือพิมพ์ลงไหม ผมบอกไม่ได้เพียงแต่อยากบอกว่า เขาจะลงว่าผมมีหุ้นอะไรก็อย่าสนใจเลย มันเป็นบทสัมภาษของเกือบเดือนแล้ว ถ้าอยากดูให้ดูที่เนื้อหาที่ให้สัมภาษดีกว่า หลังๆผมก็เลิกโพสในร้อยคนร้อยหุ้นไปแล้ว โพสในหน้านี้ก็โพสเชิงหลักการอย่างเดียว เห็นบทสัมภาษมีลงเรื่องหุ้นในพอร์ตก็เลยอยาก พูดดังๆว่า อย่าไปสนใจมันเลยครับ ผมอาจจะซื้อผิด ซื้อเกิน fair value หรืออะไรก็ได้ทั้งนั้น ไม่ได้ออกมาทุบหุ้นและเชียร์หุ้นแต่ไม่อยากให้ใครไปซื้อตามเฉยๆครับ ส่วนเรื่องหุ้น commodity ผมก็เล่นมาแถบจะทุก commo แล้วกำไรบ้างขาดทุนบ้าง ก็พิสูจน์ความเชื่อมาหลายอย่างแล้วตั้งแต่ ราคาสินค้าขึ้นเยอะแต่ราคาขายในประเทศกลับไม่ขึ้น ราคาสินค้าขึ้นราคาหุ้นไม่ขึ้นส่วนนึงเพราะดันเพิ่มทุนบ้าๆบอๆตั้ง 20% กว่าๆทำไมไม่รู้ ผมแค่อยากบอกว่าหลังๆผมเล่น commodity มาทุกรูปแบบแล้วก็คิดว่าการใช้ money management กับการคัทลอทอะไรต่างๆสำคัญมากสำหรับการเล่นหุ้นคอมโม (ความเห็นส่วนตัว) และที่เขาลงว่าผมดูงบด้วยวิธี ""โดยเฉพาะในส่วนของความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดของกิจการ (EBITDA) ต้องมีตัวเลขใกล้เคียงกับกำไรสุทธิ ขณะที่อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ต้องไม่เกิน 1 เท่า และควรเป็นหนี้สิน (หมุนเวียน) ที่ไม่มีดอกเบี้ย "" อันนี้ผมคิดว่าเป็นแค่คุณสมบัติที่บริษัทที่งบการเงินแกร่งๆจะมีกัน แต่เวลาผมหาหุ้นผมไม่ได้ดู d/e มากนักครับ ผมเน้นแค่ว่ากำไรต้องกระโดดเยอะมากๆก็พอ d/e นั้นบอกเราได้ในแง่ที่ว่าโครงสร้างทางการเงินเป็นอย่างไร แต่ไม่ได้บอกถึง growth d/e ใช้ดูประกอบก็คือถ้า d/e เยอะจะยากต่อการขยายงานและปันผลก็จะน้อยแค่นั้นเองครับ ในมุมของผม ส่วนที่เขาลงว่าผมพูดว่าวีไอต้องไม่คัทลอท ความหมายก็คือถ้าพื้นฐานไม่เปลี่ยนและหุ้นลง วีไอจะไม่คัทลอทแน่นอนแต่สำหรับผมบางครั้งผมก็ลดพอร์ตเพราะผมจะมองว่าเราเองต่างหากอาจจะมองไม่ขาดและกำลังมี smart money รู้ดีกว่าเราเลยขายหุ้นออกมาก่อน อันนี้ไม่มีใครผิดใครถูกครับ โดย hongvalue อังคาร มิ.ย. 14, 2011 9:49 am
- 0
- 5
-
-
-
Re: เซียนหุ้นอัจฉริยะ 'สถาพร งามเรืองพงศ์' การมีกลุ่มเพื่อนพ้อง ช่วยลงทุนอีก มหามิตรของผมที่ช่วยผลักดันผมมาตลอด ช่วยสนับสนุนผมทุกเรื่องคือหมอเคครับ ขอฝากบทความล่าสุดของหมอเคให้เพื่อนๆอ่านกันครับ http://crazyrisk.wordpress.com/2011/06/13/%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B9%8C-rpg-%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%99/#comment-341 เมื่อก่อนผมเคยคิดว่าเป็นหมอป่าเดียวดายมันเท่ดีไม่เห็นต้องรวมกลุ่มกับใคร แต่จริงๆแล้วการมีเพื่อนพ้องสำคัญมากเลยครับ การรวมกลุ่มเพื่อช่วยเหลือกันเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ โดย hongvalue อังคาร มิ.ย. 14, 2011 12:48 am
- 0
- 0
-
-
- 0
- 0
-
-
Re: เซียนหุ้นอัจฉริยะ 'สถาพร งามเรืองพงศ์' ขอเขียนอะไรเรื่อยเปื่อยซักนิดนึงล่ะกัน จริงๆแล้วผมคิดว่าการที่ผมเป็นเด็กนี้ก็มีข้อดีตรงที่ว่าตอนผมเริ่มศึกษาใหม่ๆผมไม่มี ego ที่หนังสือพิมพ์ลงว่า ผมไปยืนถามวิทยากรแล้วเขาไม่ตอบ ตอนนั้นผมก็โกรธนะว่าทำไมไม่ตอบ(ว่ะ)ผมจำได้ผมสมัยก่อนผมไปฟัง ด็อกเตอร์ นิเวศน์เสร็จผมก็จะรีบวิ่งไปมุงด็อกเตอร์นิเวศน์แล้วก็จะมีคนรุมถามด็อกเตอร์ผมก็ได้ถามบ้าง แล้วก็ได้ฟังคนอื่นถามบ้าง ตอนนั้นประทับใจที่ด็อกเตอร์ตอบเด็กอย่างผมเป็นอย่างดี แต่พวกโบรกเกอร์กลับเมินผมในตอนที่ผมยังเป็นเด็กมหาลัยแล้วไปถามพวกเขา ชีวิตผมก็โดนเมินมาตลอดสมัยก่อนเวลาไปสัมนาที่ไหนก็แบบนี้ ตอนผมเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นตอนมหาลัยปีหนึ่งด้วยเงิน 100000 ผมเข้าไปในห้องค้าเขามาติดชื่อป้ายเอาไว้ว่าคอมที่ดูกราฟได้ของลูกค้าชื่ออะไร ผมยังดูไม่ทันเสร็จเลยพอเจ้าของคอมมา มาร์เก็ตติ้งก็มาไล่ผม ผมก็รู้สึกว่าอะไร(ว่ะ)ผมก็เสียตังค์แต่ดันไม่มีคอมไว้ดูกราฟ แถมเวลาไปห้องค้าขอบทวิเคราะห์รายวันบ่อยๆก็โดนมาร์เก็ตติ้งคนอื่นแซวว่าขอตลอดเลย ผมก็งงว่าอ้าวแล้วเป็นลูกค้าแล้วขอไม่ได้หรือไง แถมสมัยก่อนเวลาจะไปอบรมอะไรที่ต้องเสียตังค์บางทีก็แพง เสียที course ละ 3000 บ้าง 4500 บ้างตอนนั้นไม่ค่อยมีเงินขอเงินแม่ไปอบรมบ่อยๆก็อึดอัดใจเพราะแม่ไม่ค่อยสนับสนุนให้เล่นหุ้นแต่ดันขอตังค์ไปอบรมครั้งละ 4000-5000 สมัยเล่นหุ้นใหม่ๆผมเคยถอดใจเกือบเลิกเล่นหุ้นไปก็ตั้งหลายครั้ง บางทีกำไรแล้วกลับมาขาดทุนผมรู้สึกท้อจับใจ กว่าจะจับจุดเล่นหุ้นได้ผมเลือดตาแทบกระเด็น ผมเชื่อในคำว่า คนเราไม่มีล้มเหลว มีแต่ล้มเลิกนะ เพียงแต่ใครจะทนได้มากกว่ากัน ถ้าใครเพิ่งเข้ามาเล่นหุ้นใหม่ๆแล้วรู้สึกท้อแท้หรือยังจับทางไม่ถูกก็อย่าคิดมากเลยครับ ผมว่าใช้เวลาไปซักพักเดี่ยวก็เล่นได้แหละ ขอเพียงอึดเข้าไว้รอจนกว่าจะถึงเวลาที่ความทุ่มเทของเราออกดอกออกผลดีกว่าครับ ถ้าคนเราพยายามจริงๆยังไงก็ต้องมีวันของเราครับ โดย hongvalue เสาร์ มิ.ย. 11, 2011 7:25 pm
- 0
- 5
-
-
-
Re: เซียนหุ้นอัจฉริยะ 'สถาพร งามเรืองพงศ์' บอกผมด้วยนะผมจะไปฟังด้วยคน อย่าคิดแพงนะผมไม่ค่อยมีกะตังค์ :) :) :) งานสัมนาผมไม่เคยเก็บตังค์แพงอยู่แล้วครับ ผมไปเช่าโรงแรมทั้งวัน โรงแรมบริเวณสุขุมวิทด้วย ค่าสัมนาก็ไม่ได้เก็บแพงเท่าไหร่ เพราะไม่ได้จะหากินกับ การจัดงานสัมนาอยู่แล้ว แต่ส่วนตัวรู้สึกว่าพอได้จัดงานสัมนา ที่เป็นเนื้อหาที่ทำขึ้นเองไม่มีที่ไหนมาก่อน และมีคนให้ความสนใจ ก็รู้สึกดีครับ จริงๆก็อยากจัดอีกนะเพราะมีคนถามเยอะมาแต่จริงๆทำแล้ว มันเหนื่อยมาก เนื้อหาตอนผมทำมีสองภาค ภาคแรกสัมนา 230 คน เหนื่อยมาก ภาคสองเลยสอนแค่ 8 คนไม่ต้องเหนื่อย :D ผมเองพอลองทำแล้วรู้เลยว่าการ deal สถานที่และรับคนระดับ 200 คนมันเหนื่อยขนาดไหน ผมไม่แปลกใจว่าทำไมงานของ tvi ในครั้งนี้เขาต้องเข็มงวดเรื่องคนที่ลงชื่อว่าถ้าลงชื่อแล้วไม่มาจะแจกใบแดงไม่ให้มาร่วมงานในครั้งต่อไป อันนี้ก็เข้าใจทีมงานเลยครับ โดย hongvalue เสาร์ มิ.ย. 11, 2011 6:57 pm
- 0
- 1
-
-
-
Re: เซียนหุ้นอัจฉริยะ 'สถาพร งามเรืองพงศ์' น้องฮงเป็นคนเก่งครับ ผมชอบฟังมุมมองการวิเคราะห์ของน้องฮง เข้าขั้นเทพในร่างเซียนครับ :D :D :D :D :D :D :D ไม่ถึงขนาดนั้นครับพี่เคน พี่เคนเป็นคนที่ประสบความสำเร็จสูงมากและอายุมากกว่าผมไม่กี่ปีเอง :P แถมฝีมือการลงทุนก็ไม่ธรรมดาด้วยครับ :D โดย hongvalue เสาร์ มิ.ย. 11, 2011 6:49 pm
- 0
- 1
-
-
- 0
- 3
-
-
Re: เซียนหุ้นอัจฉริยะ 'สถาพร งามเรืองพงศ์' ถ้าน้องฮง เปิดสอนอีกเมื่อไหร่ บอกกันด้วยนะครับ พี่จะได้มีโอกาสเข้าไปนั่งฟังด้วยคน ที่ผ่านมา พลาดไปอ่ะนะขอรับ เสียดายจัง เพราะพี่เองชอบฟังมุมมองที่หลากหลายอ่ะนะครับ อย่าลืมนะ จัดอีก...บอกด้วยเด้อครับ (^_^) ถ้าจัดอีกเดี่ยว pm ไปบอกนะครับ :P ระดับเซียนหุ้น turnaround ให้ความสนใจรู้สึกเป็นเกียรติครับ :D โดย hongvalue ศุกร์ มิ.ย. 10, 2011 12:28 pm
- 0
- 0
-
-
-
Re: คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ บอกแล้วว่าหล่อกว่าตัวจริง รูปนี้โกนเคราไม่เกลี้ยงอะ :oops: โดย hongvalue ศุกร์ มิ.ย. 10, 2011 10:31 am
- 0
- 0
-
-
-
Re: คิดว่าไง ทำ venn diagram ดูครับ แบ่ง common characteristics / unique characteristics จะเห็นว่ามีปัจจัยหลายอย่างที่ต่างกัน สมองเรา process ข้อมูลที่เรามีทั้งหมด ทำให้เกิด believe ว่าอะไร work อะไรไม่ work ครับ คนสามสี่คนคนซื้อหุ้นตัวเดียวกัน ได้กำไรเหมือนๆกัน บนคนละเหตุผลก็เยอะแยะ ดู pbv ล้วนๆอาจจะใช้ได้ก็ได้ มันขึ้นอยู่กับ วิธี validate ของเรา ...สำคัญที่สุดครับ ถ้า validation framework เราผิด ทุกอย่างออกมา make sense โดนสมองหลอกนะครับ แล้วจะรู้ได้ว่า validation framework เราถูก ??? มองปลายทางวิธีเดียวที่จะ validate ได้ คือการใช้วิธีเดิมทำซ้ำแล้วเห็นผลซ้ำ บนจำนวนครั้งที่มากพอ ไม่มีมากกว่านั้นครับ นักวิเคราะห์มากมายจึงทำ back test แต่ผลที่ได้จาก back test นั้นมีแนวโน้มที่จะ conflict กับ hindsight ของมนุยษ์อย่างมาก ในเชิงปฏิบัติ การทำและทดสอบผลที่เกิดในอนาคตจะแม่นยำและของจริงสุดครับ สูตรสำเร็จคงไม่มี มีแต่ framework ที่จะบอกเราว่าควรทำยังไงกับตัวแปรอะไร เยี่ยมเลยครับเป็นความเห็นที่ดี ผมเองได้ไปเจอกับสุดยอดนักเทรดเดอร์มา ส่วนตัวคิดว่าคนนี้เป็นสุดๆของนักเทรดจริงๆ เขาบอกผมว่าจริงๆแล้วความเชื่อที่คนใช้ในการเทรดหุ้นเช่นบอกว่าเมื่อ xx ตัดแล้วให้ซื้อ อะไรแบบนั้นเรื่องจริงไม่ได้เป็นแบบนั้นแต่ว่าบางครั้งเขาหยิบหุ้นมาแค่ตัวเดียวแล้วก็ใส่สัญญาณเข้าไปว่าจะเอาจุดซื้อจุดขายแบบไหนแล้วก็ทำย้อนหลังแค่ไม่นานแล้วมาอ้างว่าเมื่อ xx ตัดขึ้นก็เป็นสัญญาณซื้อที่ดี ซึ่งในความเห็นของเขาแล้วจริงๆมันต้องทำอย่างน้อยเป็น 10 ปีแล้วต้องใช้ monte Carlo เพื่อทำการซุ้มเป็นพันครั้งอย่างน้อยควรจะไม่ต่ำกว่า 2000 ครั้งแล้วดูผลลัพธ์ที่ได้ออกมาว่าระบบนั้นเป็นอย่างไร มี maximum drawdown สูงแค่ไหน pay-off ratio เท่าไหร่ win lose ratio เท่าไหร่ แล้วผลตอบแทนแต่ละปี stable แค่ไหน นี้คือเทรดเดอร์ของจริงที่ผมได้เจอ แต่เทรดเดอร์มั่วๆก็อาจจะเป็นคนที่เชื่อตามๆกันมาว่า xx ตัดขึ้นแล้วให้ซื้อซึ่งพอลองเข้า monte carlo แล้วผลลัพธ์ออกมาห่วยมากแทบจะไม่ชนะตลาดแต่คนกลับเอาแค่การเทรดเพียงหนึ่งถึงสองครั้งมาบอกว่าถ้า xx ตัดขึ้นให้ซื้อ โดยส่วนตัวผมคิดว่าการเล่นหุ้นเชิงพื้นฐานไม่เหมือนการเทรดหุ้น ถ้าเราเขียนระบบการเล่นว่าเมื่อหุ้นทะลุแนวต้านให้ซื้อแล้วเมื่อหลุดเส้น 10 วันให้ขายเราก็สามารถใช้โปรแกรมเช่น trade sum ในการ run monte carlo ดูว่าผลลัพธ์เป็นยังไง แต่การเล่นหุ้นเชิงพื้นฐานต้องคาดการณ์อนาคตงบการเงินที่ออกมาว่าดีแล้วมีความสำคัญน้อยกว่าอนาคตบริษัทจะดีต่อไหมหรือดียิ่งขึ้นไหม และงบที่ออกมามีคุณภาพมากน้อยแค่ไหน ผมคิดว่านักเล่นหุ้นเชิงพื้นฐานสามารถมี bias ได้ง่ายมาก ทั้งในทางดีและทางร้าย การมองโลกในแง่ดีเกินไป การไม่ยอมรับความจริงอะไรต่างๆ ผมเองใช้พื้นฐานมากกว่าเทคนิค ผมก็ต้องมั่นตรวจสอบตลอดเวลาว่าผม bias อะไรหรือไม่ โดย hongvalue พฤหัสฯ. มิ.ย. 09, 2011 1:53 am
- 0
- 2
-
-
-
Re: เซียนหุ้นอัจฉริยะ 'สถาพร งามเรืองพงศ์' น้องฮงตัวเป็นๆ เหมือนกัน ช่วยแสดงตัวด่วนค่ะ อยากรู้จักบ้าง อะไรบ้าง ยังไงก็เข้ามาเขียนบ่อยๆ นะคะ มาแสดงตัวแล้วคร้าบ ถ้ามีเนื้อหาอะไรที่เป็นประโยชน์จะมาเขียนเรื่อยๆนะคร้าบ ทำgarmentเหมือนผมเลย แต่กำลังจะเลิกแล้วเอาทุนทั้งหมดมาลงทุนในหุ้นนี่แหล่ะครับ แต่ความสามารถผมยังคงห่างไกลนัก หลังๆผมกลับคิดว่าถ้ายังมีธุรกิจก็น่าจะทำไปด้วยเล่นหุ้นไปด้วยมากกว่าจะเป็น full time investor นะครับ เพราะเราไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไง มีรายได้ที่แน่นอนหรือหลายทางไว้ก่อนย่อมดีกว่า โดย hongvalue พุธ มิ.ย. 08, 2011 10:13 pm
- 0
- 1
-
-
- 0
- 0
-
-
Re: เซียนหุ้นอัจฉริยะ 'สถาพร งามเรืองพงศ์' สุดยอดครับ :bow: ช่วงนั้นผมติดธุระเลยพลาดงานสัมมนาในวันที่ 15 พ.ค. :wall: :'O :wall: ไม่ทราบว่าใครมี DVD หรือจะมีการ re-run ทางช่องทางใดบ้างไหมครับ ขอความอนุเคราะห์ด้วยครับ :oops: หมายถึงงานสัมนาอันนี้ใช่ไหมครับ ที่ผมทำร่วมกับ reiter crazyrisk P1020274.JPG P1020366.JPG P1020459.JPG ถ้าใช่ก็ต้องบอกว่าไม่มีอัด vdo ไว้นะครับแต่ผมจะช่วยได้นิดหน่อยก็คือว่า test33.jpg ผมมีเอกสารที่เหลือเพราะ zerox ไว้เกินประมาณ 10 ชุดถ้าพี่ไปงานเฮฮาก็ไปเอาด้วยครับ เดี่ยวผมจะหยิบไปด้วย 10 ชุดแล้วกันครับ มีประมาณ 60 สไลครับ หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างครับ :D โดย hongvalue พุธ มิ.ย. 08, 2011 10:05 pm
- 0
- 1
-
-
-
Re: เซียนหุ้นอัจฉริยะ 'สถาพร งามเรืองพงศ์' ไม่ทราบว่า พี่ฮงไปอัดเทป สกูป รายการมือใหม่ทาง Money channel แล้วยังครับ ออกอากาศเมื่อไหร่ จะรอชม รวมทั้งของพี่หมอเคด้วย :mrgreen: ส่วนของผม เริ่มออกอากาศวันนี้วันแรก ปล. ได้ข่าวว่ารายการนี้ จะ re-run เทปเก่าๆของ มือเก๋า ในวันเสาร์ด้วยนะครับ มีพี่ Blueblood พี่วิบูลย์ เสี่ยป๋อง เสี่ยปู่ และอีกหลายๆท่าน :wink: เขาบอกว่าผมจะได้รายการจะออกประมาณวันที่ 20-30 ครับไม่แน่ใจว่าเป็นช่วงไหน ยังไงก็ขอบคุณมากครับที่ถามไถ่มา :D โดย hongvalue พุธ มิ.ย. 08, 2011 9:58 pm
- 0
- 0
-
-
-
Re: คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ เห็นไปทำหน้าหล่ออยู่ในกรุงเทพธุรกิจBizweekเมื่อวานนี้นะ หน้าหล่อมานานแล้วไม่ได้ไปทำ 5555 ได้ดีแล้วอย่าลืมกันหละ ตอนนี้ต้องเรียกว่า"เสี่ยฮง".....ฮา แหม จะลืมได้ไงเพิ่งไปกินข้าวด้วยกันมาเอง พี่เสี่ยกว่าผมตั้งเยอะ 5555 ปล.ทำไมรูปดูดีกว่าตัวจริง สงสัยบก.สั่งแต่งรูปอย่างหนัก แอบไปให้สัมภาษณ์เมื่อไหร่เนี่ย ตัวจริงกับในรูปก็เหมือนกันแหม มาบอกว่ารูปดูดีกว่าได้ไง :P เพิ่งไปให้สัมภาษ 2-3 สัปดาห์ก่อน โดย hongvalue พุธ มิ.ย. 08, 2011 9:40 am
- 0
- 0
-
-
-
Re: คิดว่าไง -ถามเรื่องหุ้น commodity, ถ้าเราคิดว่าcommodityของหุ้นที่เราซื้อจะมีราคาสูงขึ้น เราควรหาหุ้นที่ P/S ต่ำๆ เข้าใจว่าถ้า sale เท่าเดิมแต่ margin ดีขึ้นจากการที่ราคาcommoขึ้น earningจะขึ้นได้เร็วและจะไปทำให้ราคาหุ้นขึ้นได้เร็วกว่าพวกที่ P/S สูงๆ เข้าใจอย่างนี้ถูกต้องรึเปล่า เวลาผมดูหุ้น commodity ผมไม่ได้ดูอัตราส่วน p/s เลยครับ ถ้านิวจำได้ตอนไปเรียนกับผมเรื่องหุ้นสิบเด้งผมได้ยกตัวอย่างเอาไว้ว่าทำไม psl ถึงขึ้นได้ 20 เท่าและเรามีวิธีประมาณการกำไรอย่างไร นิวลองดูเอกสารหน้า 5 ครับ จะเห็นว่าถ้าค่าเช่าเรือของ psl ต่อวันต่อลำอยู่ที่ 5800 และค่าใช้จ่ายเดินเรือต่อวันต่อลำอยู่แถวๆ 2500 บริษัทจะมีกำไรระดับ 400 ล้าน แต่พอค่าเช่าเรือขึ้นมากำไรก็ขึ้นมาแบบทวีคูณ ผมสนใจเรื่องว่า spread เท่าไหร่เป็นระดับคุ้มทุนและระดับไหนของส่วนต่างที่จะทำให้กำไรวิ่งแบบบ้าเลือดและราคาหุ้นก็จะวิ่งแบบ parabolic ครับ สรุปคือผมสนใจระดับที่จะทำให้กำไร break even ได้ครับ ส่วน p/s อาจจะมีนักเล่นหุ้นคอมโมคนอื่นดูก็ได้แต่ผมไม่ได้ดูครับ โดย hongvalue อังคาร มิ.ย. 07, 2011 2:30 pm
- 0
- 2
-
-
-
Re: คิดว่าไง 2.ถ้าเกิดวิกฤติครั้งหน้าแล้วหาหุ้นที่ pbv ถูกที่สุดโดยไม่สนใจพื้นฐานแล้วไล่ซื้อจะเป็นไง -ถ้าวิกฤตนั้นแย่ลงเรื่อยๆจนถึงขั้นบริษัทในตลาดหุ้นบ้านเราเจ๊งกันเยอะๆ หุ้นที่ pbv ถูกที่สุดอาจจะเจ็บตัวน้อยที่สุด แต่ถ้าผ่านวิกฤตมาได้แล้วตลาดปรับขึ้นหุ้นที่ pbv ถูกสุดอาจจะไม่ได้ขึ้นมากสุด จริงครับ อย่างเช่น commodity บางตัวที่ไม่ได้ต่ำ bv เท่าหุ้นเรืออย่าง rcl แต่ขึ้นได้หลายเท่าแล้วแต่ rcl ยังแย่อยู่เลย 3.หุ้นที่ pbv ต่ำแบบไหนที่ฟื้นตัวได้ดีเมื่อ set กลับมาแต่แบบไหนที่ไม่ค่อยฟื้นเพราะอะไร -จังหวะฟื้นตัวขึ้นนักลงทุนน่าจะให้น้ำหนักของ pbv จะน้อยลง แต่จะให้น้ำหนักกับโอกาสของธุรกิจในการทำกำไรได้เร็วๆ เช่น ฟื้นจากวิกฤตปี42โอกาสเป็นของพวก kk spl แต่ฟื้นจากวิกฤต52 กลับเป็นพวกอิเล็คทรอนิคส์ พวกหุ้นที่ออกจากห้อง icu ได้นี้จะเข้าข่ายโคตรเทพไปเลย พี่รู้สตอรี่ kk spl แสดงว่าเป็นมือเก่าในตลาดหุ้นเลยนะครับ kk ตอนที่รอดจากการโดนปิดได้ก็เทพมาก ผมสังเกตุว่าบริษัทที่มี d/e สูงเวลาเกิดวิกฤติราคาจะโดน discount สูงมาก เช่น sat เคยถูก discousnt เหลือ tailing pe ที่ 1.5 test31.png ถามว่าทำไมผมใช้ eps ในอดีตเพราะผมมองว่ากำลังซื้อที่อั้นเอาไว้ยังไงพอเศรษฐกิจกลับตัวยอดขายก็ต้องกลับมาแล้วถามต่อว่าแล้วรู้ได้อย่างไรว่าบริษัทจะไม่เจ๊งไปก่อนคำตอบก็คือดูจากยอดรถรายเดือน test32.png ตอนนั้นยอดรถกลับมาแล้วดังนั้นด้วยพื้นเดิมที่มี roe สูงแต่ถูก discount เนื่องจาก pe กลับเป็นโอกาศซื้อเมื่อยอดรถกลับมา จริงๆเรื่อง sat ผมทำไว้เยอะกว่านี้แต่คงโพสภาพทั้งหมดไม่ไหวและส่วนนึงก็ได้พูดในงานสัมนาหุ้นสิบเด้งไปแล้ว จะเห็นได้ว่าจริงๆแล้วหุ้นอย่าง ah นั้นมี pbv ที่ต่ำกว่า sat แต่เวลาตลาดฟื้นหุ้นอย่าง sat ก็ขึ้นได้ดีกว่าซึ่งก็ตรงกับที่บอกว่าจังหวะฟื้นตัว pbv จะมีผลน้อยลงและตลาดจะดูกำไรมากกว่า ป.ล.ผมชอบการแลกเปลี่ยนความเห็นกันแบบนี้จริงๆแล้วการมาตั้งกระทู้แล้วเล่าอยู่คนเดียวเป็นเรื่องที่น่าเบื่อและไม่สนุกเลย การได้แชร์ความเห็นกันแบบนี้ต่างหากที่สนุกกว่าเยอะ ที่สไลของผมหลังๆจะมีแถบเหลืองๆติดชื่อผมเอาไว้เพราะกันคน copy ไปแล้วไปอ้างว่าทำขึ้นมาเองเนื่องจากหลังๆมีปัญหาว่าบางเว็บนำรูปภาพของเว็บอื่นไปแล้วเอาชื่อเว็บของตัวเองไปแปะซะงั้น ก็เลยต้องกันเอาไว้หน่อยน่ะครับ โดย hongvalue อังคาร มิ.ย. 07, 2011 1:10 am
- 0
- 2
-
-
-
Re: คิดว่าไง 1.แนวคิดที่ว่าซื้อหุ้นโดยดูจาก pbv อย่างเดียวแล้วให้ผลลัพธ์ดี หรือ ไม่ดี เป็นแนวคิดที่ถูกต้องไหม -แนวคิดนี้น่าจะผิดตรงคำว่า ดูจาก pbv อย่างเดียว pbv น่าจะเป็นคงองค์ประกอบนึงในการซื้อ อ่านดูแล้วก็ไม่ใช่มือใหม่สมกับที่บอกเลยครับ มีคำกล่าวว่า bv ก็เปรียบเหมือนสินทรัพย์(หักหนี้แล้ว) บริษัทที่มีสินทรัพย์สูงย่อมดีกว่าบริษัทที่มีสินทรัพย์ต่ำ ถ้าผู้หญิงคนนึงจะแต่งงานกับผู้ชายที่ร่ำรวยแต่หาเงินไม่เก่ง แต่รวยเพราะได้มรดกนั้นน่าจะเข้าข่าย หุ้น pbv ต่ำ(bvสูง) แต่ roe ต่ำ ส่วนผู้ชายที่หาเงินเก่งแต่ไม่มีมรดกตกทอดน่าจะเทียบได้กับหุ้น pbv สูง แต่ roe สูงครับ แล้วแต่ว่าผู้หญิงจะเลือกแบบไหน ผู้หญิงบางคนบอกว่าจะขอเลือก pbv สูงครับแต่มีข้อมูลคือต้องเป็นผู้ชายแก่ๆนะครับ เพราะเมือคนแก่ตายไปเขาจะได้เอา bv ผู้ชายมาเป็นของตัวเอง อันนี้พูดเล่นๆเป็นโจ๊กขำๆนะครับ แต่ผมเคยไปสอนเรื่องงบแล้วมีผู้หญิงตอบผมมาแบบนี้จริงๆ ตอนที่ผมถามว่าจะเลือกแบบไหนก็เลยมาเล่าให้ฟัง โดย hongvalue อังคาร มิ.ย. 07, 2011 12:55 am
- 0
- 1
-
-
-
Re: คิดว่าไง อันนี้ผมนอกเรื่องเลย..วันนี้ดูพี่ฮง..ชักจะดังใหญ่ คุยกับเจ๊มดดำ..ทางช่อง9..รายการบอกเล่าเก้าสิบ เห็นแล้วต้องบอกว่านับวันยิ่งสุดยอดจริงๆ :bow: .. :oops: :oops: ดูด้วยเหรอครับ อายจัง ผมว่าเนื้อหามันน้อยไปหน่อยอะครับ จริงๆอยากจะพูดให้แง่คิดอะไรมากกว่านี้ แต่ไม่มีเวลา โดย hongvalue อังคาร มิ.ย. 07, 2011 12:49 am
- 0
- 0
-
-
-
Re: คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ สวัสดีครับพี่วิบูลย์ผู้รักสุขภาพ (เน้นกินผัก) วันนี้มาเรื่องมาถามหน่อยครับว่าผมเข้าใจถูกไหม ก่อนหน้านี้ถามเกี่ยวกับ top ไปเยอะถึงความเกี่ยวพันกับ px และโรงกลั่นตอนนี้ขอถามเกี่ยวกับ bcp บ้าง 1.กรณีของ top esso ที่มีโรงกลั่นสาย px ด้วยเป็นการทำให้บริษัทครบวงจรมากขึ้น ในทางกลับกัน bcp ก็ทำให้ตัวเองครบวงจรมากขึ้นด้วยการที่ไปถือหุ้น อิบล เอทานอล เท่าที่ผมเข้าใจ bcp มีขายน้ำมัน e 20 ซึ่งคือส่วนที่ผสมกับเบนซิน 80% และใช้เอทานอล 20% จึงเรียกว่า e 20 ซึ่งการที่บริษัทถือหุ้นในอุบลเอทานอลทำให้เอาเอทานอลมาผสมเพื่อทำ e 20 ขายได้อันนีผมเข้าใจถูกใช่ไหม 2.แล้วกรณี lanna ขายหุ้น tae หรือ thai agro energy ให้กับ bcp ผมงงว่าธุรกิจถ่านหินเกี่ยวอะไรกับ เอทานอลด้วยเหรอครับ มันใช้เกื้อหนุนอะไรกันได้ 3.แล้วกรณีที่ bcp ทำ solar farm จริงๆแล้วธุรกิจนี้ก็ไม่ได้เกื้อหนุนอะไรกับโรงกลั่นเลยหรือเปล่าครับ มันแทบจะไม่เกี่ยวกันเลย เพียงแต่น่าจะเป็น stable income ได้เฉยๆ หรือจริงๆแล้ว solar farm มันเกี่ยวอะไรกับโรงกลั่นอ้อมๆครับ(ผมนึกไม่ออก) โดย hongvalue เสาร์ มิ.ย. 04, 2011 11:44 pm
- 0
- 0
-
-
-
Re: คิดว่าไง แล้วอย่างหุ้นหลักทรัพย์บางตัวที่ต่ำกว่า book มากมายแถมเงินสดล้นหละครับ แค่เงินสดก็เกือบเท่า market cap แล้ว กำไรก็ยังเรื่อยๆไม่ได้ขาดทุน ปันผลเกือบหมด น่าสนใจมั๊ยครับ :D ผมคิดว่ามีหุ้นหลายตัวที่เคยเข้าข่ายนั้น พี่ฉัตรชัยเคยลงทุนในหุ้นโรงแรมแมนดาริน เพราะอ่านข่าวเจอว่ามีกำไรจากการขายที่(ถ้าจำไม่ผิด) แล้วได้เงินสดมาก้อนนึงซึ่งเยอะมากๆแล้วก็ปันผลออกมาเยอะ ทำให้หุ้น ceiling ตั้งหลายวัน แต่หุ้นที่จ่ายปันผลออกมาแบบนั้นผมแทบจะไม่เคยเห็นเท่าไหร่เลย ธุรกิจหลักทรัพย์ผมเข้าใจว่าเขาต้องมีเงินสดไว้สำหรับให้คนกู้ไปเล่นมาร์จิ้น เงินตรงนั้นคงไม่ตกถึงผู้ถือหุ้นครับ สำหรับหุ้นที่มีเงินสดในมือมากกว่า market cap ที่ classic อีกตัวที่ผม cover เอาไว้ในเอกสารของผมก็คือ kye ครับ test27.png kye ตอน bottom ก่อนจะขึ้น 10 เด้งมี net cash จากงบในตอนนั้นมากกว่า market cap สองเท่าตัว และมี ca-tl มากกว่า mkp cap ถึง 2.4 เท่าตัว นับว่าเป็นหุ้นที่ถูกมากๆและต่อมาได้เกิดจุดปลดล็อกความถูกขึ้นก็คือว่า ปกติ kye จะขาดทุนจากตู้เย็นแล้วกำไรจาก mcp หุ้นแอร์แทนแต่ถึงจุดนึงตู้เย็นกำไรด้วย และไตรมาสหลังจากเกิดวิกฤติก็มีจุดเปลี่ยนบางอย่างทำให้หุ้นวิ่งขึ้นมหาศาล test28.png ส่วนตัวผมไม่คิดว่าหุ้น kye ขึ้นเพราะเงินสดเยอะ แต่ขึ้นเพราะตัวถ่วงธุรกิจอย่างตู้เย็นกลับมาทำกำไรได้ในปี 2552 ต่างหาก ผมว่าการมีเงินสดเยอะสะท้อนว่าบริษัทน่าจะจ่ายปันผลได้เยอะ โดยเฉพาะถ้านับเป็น net cash แล้วการที่บริษัทกำไรโตน่าจะทำให้นักลงทุนได้ปันผลสมน้ำสมเนื้อมากกว่า ความเห็นส่วนตัวนะครับ อาจจะผิดหรือถูกก็ได้ โดย hongvalue พฤหัสฯ. มิ.ย. 02, 2011 10:09 am
- 0
- 3
-
-
-
Re: คิดว่าไง จริงๆแล้ว ผมลองตั้งข้อสังเกตุส่วนตัวขึ้นมาก็คือว่า ราคาหุ้นจะตามผลประกอบการไม่ได้ตาม bv แต่หุ้นที่ bv ต่ำมากๆถ้าผลประกอบการจากขาดทุนพลิกกลับมาได้ น่าจะเป็นหุ้นที่ให้ return สูง ตัวอย่างที่ผมพอจะคิดออกก็คือกรณีของ rcl ทุกวันนี้ยังต่ำ 10 บาทก็ยังต่ำบุคอยู่มาก แต่ซื้อไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าค่าระวางไม่ใช่ขาขึ้น หรือหุ้นบัตรเครดิตที่ต่ำบุคเช่นกันและเหมือนจะกลับมา ทำกำไรได้แต่ก็ไม่ฟื้นเท่าไหร่หุ้นเลยลงไปใหม่ ถามว่าเราดูกำไรมากกว่าดู bv อันนี้ผมเห็นด้วยไหม เห็นด้วย แต่ถามว่าทำไมผมถึงทำตารางนี้ขึ้นมาเหตุผลเพราะว่า ผมคิดว่าหุ้นที่ ไม่ได้ขาดทุนทำกำไรได้ปกติ ไม่ได้มีปัญหาเรื่องธรรมภิบาลอะไร โดยทั่วไปไม่ควรเทรดต่ำกว่า bv ดังนั้นหุ้นที่ขาดทุนและราคาลงไปที่ pbv 0.20 เท่า ถ้าบริษัทพลิกขาดทุนมาทำกำไรได้ตามปกติบริษัทก็ไม่ควรเทรด ต่ำกว่า bv ซึ่งหมายความว่าหุ้นน่าจะขึ้นได้ 400% จาก pbv 0.20 มาเทรดที่ pbv 1 เท่า ไม่น่าแปลกที่หุ้นใน list ที่ใส่มามีบางตัวขึ้นไป 8-13 เท่าเพราะว่าบริษัทกลับมาทำกำไรได้ เนื่องจากบางครั้งบริษัทขาดทุนอย่างหนักเป็นปัญหาเพียงชั่วคราว แต่หุ้นที่ต่ำบุคบางตัวตั้งแต่สมัย set ต่ำกว่า 400 จุด ทุกวันนี้ set เกิน 1000 หุ้นก็ยังต่ำบุคอยู่ เพราะกำไรไม่มาก็เป็นตัวสะท้อนได้ว่า กำไรสำคัญกว่าบุค แต่ไม่ใช่ว่าบุคไม่สำคัญเลย ความเห็นส่วนตัวของผมเฉยๆครับ โดย hongvalue พุธ มิ.ย. 01, 2011 11:56 pm
- 0
- 2
-
-
-
Re: คิดว่าไง แล้วจะรู้ได้ไงครับ ว่าช่วงเวลานั้น มันต่ำสุด เมื่อราคามันเปลี่ยนตลอด ค่าก็จะเปลี่ยนตาม เรื่องนี้ผมแก้ปัญหาด้วยการที่ผมเลือกช่วงเวลาปลายเดือนพฤจิกายนที่ถือว่าเซทแย่สุดๆของสุดๆ ซึ่งน่าจะเป็นช่วงที่หุ้นหลายตัวราคาใกล้เคียงจุดต่ำสุดครับและก็ใช้งบในช่วงนั้น ราคาต่ำสุดของหุ้นแต่ละตัวไม่เท่ากันบางตัวอาจจะถึงจุดต่ำสุดกว่าช้าหน่อย แต่ถ้าดูรูปแรกที่ผมให้ดู ผมได้เขียนไว้ว่าผมเอาราคาวันที่เท่าไหร่มาคำนวนน่ะครับ ถ้าใช้ราคาคนละช่วงกันก็ทำได้ครับแต่ผมไม่ได้ทำเนื่องจากว่ามันยุ่งยากไปหน่อย โดย hongvalue พุธ มิ.ย. 01, 2011 11:41 pm
- 0
- 1
-
-
-
Re: คิดว่าไง 2.ถ้าเกิดวิกฤติครั้งหน้าแล้วหาหุ้นที่ pbv ถูกที่สุดโดยไม่สนใจพื้นฐานแล้วไล่ซื้อจะเป็นไง -- ลองทำดูดิครับ ว่า ถ้าเราไม่ดูพื้นฐานเลย กลุ่มที่ PBV ต่ำๆ แล้วทำสถิติเทียบกับ กลุ่มที่ มี PBV เฉลี่ยพอๆ กับตลาด แล้ว มันได้ผลตอบแทนดีกว่าหรือไม่ มีนัยยะหรือป่าว โดยส่วนตัวผมไม่ได้ให้ความสำคัญกับ pbv มากเท่าไหร่ แต่ผมคิดว่าจากตารางหุ้น 10 ตัวที่ pbv ต่ำสุดในช่วง subprime ถ้าเราซื้อ 10 ตัวนั้นแล้วถือไว้สองปีผลตอบแทนก็ชนะ set ได้อย่างมีนัยยะนะครับ เพราะมีตัวที่ขึ้น 13 เท่า และอีกหลายตัวขึ้น 7 เท่า ความเห็นผมคือถ้าเกิดวิกฤติครั้งหน้าผมก็จะดูว่าตัวไหนที่ต่ำบุคสุดๆ แล้วดูว่าตัวไหนมีแนวโน้มที่จะกลับมาเป็นผู้เป็นคนได้มากกว่ากันแล้วค่อยซื้อ แต่คงไม่ซื้อแบบเหมายกเข่งกับหุ้น lowest pbv ในช่วงวิกฤติน่ะครับ โดย hongvalue พุธ มิ.ย. 01, 2011 7:38 pm
- 0
- 2
-
-
-
Re: คิดว่าไง It's earnings that count ครับฮง :) สวัสดีครับว่าที่เจ้าบ่าวคนหล่อ :D ผมลองดูหุ้นที่ขึ้นมากที่สุดจากตาราง pbv คือ kce test26.png ผมไม่ได้คิดว่าขึ้นเพราะมัน pbv ต่ำ แต่มันขึ้นเพราะกำไรมันทำนิวไฮจะเห็นได้ว่า kce ทำกำไร q3/52 นิวไฮได้ในรอบ 9 ปี ทำได้ทั้งๆที่ตอนนั้นบริษัทปิดโรงงานบางปูไป แสดงว่ากำไรต้องดูมากซึ่งสะท้อนที่ gm ที่สูงระดับ 24-25% ในช่วงนั้น ในอีกแง่นึงหุ้นอย่าง rcl ที่ pbv ถูกมากเหมือนกันติด 1 ใน 10 อันดับแรกทุกวันนี้ก็ยังไม่ฟื้นไข้ขึ้นมาได้แค่นิดเดียว ในทางกลับกันหุ้น commodity ที่ี pbv ไม่ได้ถูกมากขนาด rcl อีกหลายๆตัวก็ขึ้นมาได้หลายเท่าตัวมากๆ ดังนั้นการซื้อหุ้น commodity ที่ pbv ถูกแต่ cycle ไม่ได้คำตอบน่าจะเป็นการเสียเวลารออย่างลมๆแล้งๆ โดย hongvalue พุธ มิ.ย. 01, 2011 7:35 pm
- 0
- 2
-
-
-
Re: คิดว่าไง ผมเคยทำค้นคว้าอิสระตอนเรียนเรื่องหุ้น net-net เอาเฉพาะสินทรัพย์หมุนเวียนหักด้วยหนี้สินมาเรียงลำดับผลคือผลตอบแทนไม่สูงอย่างที่คิด (ใน 1 ปีนะ) คนยังดูกำไรและแนวโน้มอนาคตกันมากกว่า ดูเหมือนว่ามีสินทรัพย์เยอะก็จริงแต่ไม่รู้ว่าจะปลดล็อคยังไง ส่วนใหญ่บริษัทพวกนี้จะ volume ต่ำแล้วก็กำไรบางมากครับ ปล. วิชานี้ได้เกรด B+ :oops: test24.png เรื่องมูลค่าเลิกกิจการผมก็ได้ทำออกมาเหมือนกันครับใน project นี้ แต่เฉพาะกลุ่ม deveoper เท่านั้นนะครับ test25.png ลองดูแล้วหุ้นที่มูลค่าเลิกกิจการเทียบกับ market cap แล้วสูงมากๆอย่าง noble และ pf เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวก็ให้ return สูงหุ้นอย่าง ps spali lpn ไม่ได้ โดย hongvalue พุธ มิ.ย. 01, 2011 7:26 pm
- 0
- 2
-
-
-
Re: คิดว่าไง ผมมองว่า ฮง มองจากฝัง winner เลยทำให้ดูดีไปหน่อย ถ้าซื้อต่ำว่า bv แล้ว lose เอามาเทียบกัน อาจจะเห็นว่า มี win 10 lose 10 ก็ได้นะ ตัวเลขที่นำมาคือ the lowest pbv ครับ เรียงจาก 1-10 ซื้อต่ำกว่า bv แล้ว loss คงมีบ้าง แต่ผมสนใจหุ้นแบบว่าถ้าต่ำ pbv สุดๆไปเลยว่าจะมีผลลัพธ์เป็นไงเลยได้ 10 ตัวตามตารางออกมาครับ โดย hongvalue พุธ มิ.ย. 01, 2011 7:17 pm
- 0
- 2
-
-
-
Re: หมอมะเร็งกับมะเร็งหุ้น โดยหมอ reiter ทาง moneytalk tnn2 ขอโทษที่ให้รอนานครับ :oops: :oops: :oops: http://blip.tv/sorawut/money-talk-หมอมะเร็งกับมะเร็งหุ้น-5228943 ปล. ต้อง copy url เอาเองนะครับ รู้สึก webboard ไม่ support link ภาษาไทย :B :B :B ขอกรี๊ดดดดดดด โดย hongvalue พุธ มิ.ย. 01, 2011 1:46 pm
- 0
- 0
-
-
-
Re: คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ test20.png ถามหน่อยครับ รูปนี้เอามาจาก top เขาบอกว่าค่าการกลั่นของเขาเมื่อรวมกับ tpx tlb จะทำให้ค่าการกลั่นไตรมาสล่าสุดจากเฉพาะโรงกลั่น 12.3 สูงขึ้นเป็น 15.6 คำถามคือ esso ที่มี px เหมือนกันเราก็ควรดู gim ไม่ใช่ grm ถูกไหมครับเพราะโรงกลั่นที่มี px ด้วยจะทำให้ค่าการกลั่นออกมาสูงกว่า แต่กรณี esso ไม่มี lube base เหมือน top ดังนั้น gim สุทธิ์แล้วไม่น่าจะสูงเท่ากัน 2.ทำไม bcp ถึงไม่หันมาทำ px บางล่ะครับค่าการกลั่นจะได้สูงๆเหมือน top บ้าง โดย hongvalue อังคาร พ.ค. 31, 2011 11:57 am
- 0
- 0
-