หน้าแรก
เว็บบอร์ด
หลักสูตรออนไลน์
Marketplace
สินค้าสมาคม
ทดลองใช้ฟรี 30 วัน
เข้าสู่ระบบ
เมนูลัด
แสดงกระทู้ที่ยังไม่มีการตอบ
แสดงกระทู้ที่เปิดดูแล้ว
ค้นหา
รายชื่อสมาชิก
ทีมงาน
FAQ
ไอเดียหุ้นเด้ง
โพสต์ยอดนิยม
หุ้นที่ติดตาม
ผู้เขียนที่ติดตาม
sailom
Joined: อังคาร ก.ค. 29, 2003 5:19 pm
60
โพสต์
|
0
กำลังติดตาม
|
0
ผู้ติดตาม
ส่งข้อความ
ดูประวัติส่วนตัว - sailom
กระทู้ที่ตั้ง
โพสต์ที่ตอบ
โพสต์ที่ตอบ
คอมเมนต์
ไลค์
Re: แจก EPS16YEAR (งบดุล,ราคา,19ปี,Ratio ต่างๆ,แบบเครดิตภาษี
ขอบคุณอาจารย์ล่วงหน้าครับ
[email protected]
โดย
sailom
พุธ ส.ค. 29, 2012 9:09 am
0
0
แจก EPS16YEAR (งบดุล ย้อน 19 ปี,ราคา,Ratio,แบบเครดิตภาษี)
[email protected]
ขอบคุณครับ
โดย
sailom
พุธ พ.ย. 28, 2007 12:46 pm
0
0
แจก EPS16YEAR (งบดุล ย้อน 19 ปี,ราคา,Ratio,แบบเครดิตภาษี)
รบกวนพี่ครรชิตด้วยครับ
[email protected]
โดย
sailom
ศุกร์ ส.ค. 31, 2007 12:50 pm
0
0
ต่างชาติทำไมซื้อเยอะจัง
ถ้าคิดว่าต่างชาติมีต้นทุนอยู่ที่ค่าเงิน 37 บาทต่อดอลลาร์ เท่ากับว่าตอนนี้ขาดทุนจากค่าเงินไปประมาณ 10% ยิ่งถ้าขายแบบถอนการลงทุน ค่าเงินจะยิ่งอ่อนและขาดทุนมากขึ้น เลยต้อง wait & see ถ้าดูในเชิง (เด็ก) เทคนิค ดัชนีกำลังอยู่ในช่วงวัดใจว่าจะทะลุกรอบสามเหลี่ยมขึ้นหรือลง หลังจากปรับฐานมา 2 ปี
โดย
sailom
ศุกร์ มิ.ย. 24, 2005 1:04 pm
0
0
ผมสนใจ SLC ไม่ทราบว่ามีเพื่อนๆทำงานด้านคอมพิวเตอร์ซอฟแวร์
[quote= 2.เปรียบเทียบกับบริษัทจดทะเบียนที่มีธุรกิจใกล้เคียงกันในตลาดเช่น MFEC AIT IRCP โซลูชั่นจะมีขนาดเล็กว่า แต่มีมาร์จินสูงสุด เพราะเน้นการพัฒนาซอฟแวร์ ในขณะที่รายอื่นจะมีรายได้จากส่วนฮาดแวร์ซึ่งมีกำไรน้อยมากกว่า :o[/quote] MFEC และ IRCP เป็นบริษัทที่มีจุดแข็งทางด้านซอฟต์แวร์ครับ และเป็นบริษัทที่เติบโตมาจากซอฟต์แวร์ ก่อนที่จะขยายมาขาย Solution ซึ่งแน่นอนว่าต้องขายฮาร์ดแวร์และ Infrastructure ด้วยทำให้ Margin ลด แต่ข้อดีก็คือจะได้เงินสดหมุนเวียนเร็วขึ้นมากกว่างานซอฟต์แวร์ ผมไม่แน่ใจว่าโซลูชั่นนี้จะเป็นบริษัทเดียวกับที่เมื่อก่อนอยู่ในเครือดาต้าแมทหรือเปล่า (ยังไม่ได้อ่าน 56-1 ครับ) แต่ถ้าดูในเรื่องโครงสร้างเงินทุนกับความน่าเชื่อถือของบริษัทและผู้บริหาร ผมมองว่า MFEC และ IRCP น่าสนใจกว่า (อันนี้เป็น Bias ล้วน ๆเพราะผมรู้จักผู้บริหารของสองบริษัทที่ว่า แต่ไม่รู้จักผู้บริหารของโซลูชั่นครับ)
โดย
sailom
ศุกร์ มิ.ย. 24, 2005 12:46 pm
0
0
เรื่อง Megaproject
เอ...หรือจะเหมือนอย่างสิงคโปร์ก็ไม่รู้นะครับ คนรวยหรือนักธุรกิจจะอยู่ในตัวเมืองชั้นใน คนชั้นกลางและพนักงานบริษัทอยู่รอบ ๆเมือง แล้วก็คนรวยมาก ๆถึงจะซื้อบ้านอยู่ชานเมืองได้ 8) 8) 8) 8)
โดย
sailom
อังคาร มิ.ย. 14, 2005 3:37 pm
0
0
เฮ้อ ....
:arrow: *** เฮ้อ....เสียงใคร ถอนหายใจ ให้เหนื่อยอ่อน หลับตานอน ก็ไม่หลับ กลับซ้าย-ขวา หุ้นถูกแขวน SP ที่ผ่านมา รอเวลา ปลดล๊อค ป๊อกเด้งกัน จะเด้งขึ้น เด้งลง คงได้เห็น อาจต้องเผ่น หมื่นลี้ หนีอาสัญ ฟ้าอาจสี เขียวขจี ชื่นชีวัน และกับมัน แดงดุเดือด เลือดท่วมจอ*** :lol: :lol: :lol: :lol: :lol: สงสัยเฮียปรัชญาเป็นพวกมวยไฟเตอร์ ถอยหลังเป็นหกล้ม
โดย
sailom
ศุกร์ มิ.ย. 10, 2005 11:04 pm
0
0
ทำไม LH ถึงไม่รวมกับ QH
มี AP อีกรายครับ
โดย
sailom
ศุกร์ มิ.ย. 10, 2005 10:11 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
sailom
ศุกร์ มิ.ย. 10, 2005 4:10 pm
0
0
สรุปแล้วครับ การทุจริต CTX สุวรรณภูมิ
ผมขอสรุปประเด็นในมุมมองของผมนะครับ 1. ทำไม NBIA (บทม) ต้องซื้อระบบจาก ITO -> ไม่มีทางเลือกเนื่องจาก ITO เป็น Prime Contractor สำหรับงานก่อสร้างทั้งหมด ซึ่งประมูลได้ตั้งหลายปีมาแล้ว 2. ทำไม ITO ไม่ซื้อตรงจาก Invision -> แล้วจะให้ ITO ติดตั้งและบำรุงรักษาเองเหรอครับ มันเป็นไปไม่ได้ ITO เป็นบริษัทก่อสร้างไม่ใช่ SI ส่วน Invision ก็ไม่มีสาขาในไทยที่จะรับงานโดยตรง ขืนจ้างฝรั่งทำ MA ก็จ่ายกันอาน 3. การเลือกเครื่อง CTX เหมาะสมหรือไม่ -> ตรงนี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ NBIA เป็นคนใช้ของ อยากใช้อะไรย่อมมีสิทธิเลือก 4. งบเพิ่มเติมเหมาะสมหรือไม่ -> คนที่ตอบได้คือคนที่อยู่ในวงการเท่านั้น แต่ตรงนี้ก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญ การตั้งงบสูงไม่ได้หมายความว่าทุจริต งานใหญ่ ๆบางครั้งต้องขอเผื่อไว้ เพราะถ้าขอน้อยเกินไปถ้ามีปัญหาแล้วจะยุ่ง (ราชการขอเงินเพิ่มยากมาก) 5. ITO บวกกำไรเหมาะสมหรือไม่ -> งานโครงสร้างผมไม่ชำนาญ แต่ถ้า NBIA รู้ว่า ITO บวกไว้เท่าไร และรู้ว่ามากเกินไปแต่ไม่ทำอะไร อันนี้น่าสงสัย เพราะที่จริงแล้วงานนี้ ITO ต่างหากที่เป็น Broker ไม่ใช่ Patriot 6. Patriot บวกกำไรเหมาะสมหรือไม่ -> มาร์จิน 600 ล้าน ประมาณ 30% ก็ไม่ได้มากจนน่าเกลียด แต่จะให้ต่ำกว่านี้ได้หรือไม่ ก็น่าจะได้ถ้ามีการประกวดราคาแข่งกัน 7.Patriot มีความรู้ความชำนาญในระบบนี้หรือไม่ -> เป็นคำถามที่ไม่มีใครเคยถามหรือตรวจสอบตัวบริษัท ถ้าคำตอบคือไม่ แสดงว่า Patriot อาจเป็นแค่ Lobbyist ไม่ใช่ตัวแทนจำหน่าย คนที่ทำงานจริง ๆไม่ใช่ Patriot 8.งานนี้มีการให้ผลประโยชน์แก่เจ้าหน้าที่หรือไม่ -> ไปตรวจสอบธุรกรรมการเงินก็รู้แล้ว ส่วนตัวผมเชื่อ 80% ว่ามี แต่ให้ถึงระดับไหนไม่แน่ใจ
โดย
sailom
ศุกร์ มิ.ย. 10, 2005 1:34 am
0
0
spali เป็นยังไงบ้างครับ ในสายตาเพื่อนๆพี่ๆ
ผมเคยตามอยู่พักหนึ่งตอนปี 46 เจ้าของเค้าชอบขายแม่ซื้อลูก ขายลูกซื้อแม่เพื่อทำกำไรจากส่วนต่าง หลังจากขายไปแล้วก็ไม่ได้ตามอีกเลย สถานการณ์บ.สร้างบ้านตอนนี้เข้าใจว่าน่าจะ bottom ไปเมื่อปีที่แล้ว ปีนี้แม้จะไม่หวือหวาแต่ไม่น่าเลวร้ายไปกว่าเดิม หลายบริษัท P/E, P/B ต่ำน่าสนใจมาก ถ้าดูยอดขายรายไตรมาสแล้วจะเห็นว่าส่วนใหญ่จะต่ำสุด Q2 47
โดย
sailom
ศุกร์ มิ.ย. 10, 2005 12:45 am
0
0
ม๊ VI คนไหนถือCEI อยู่บ้างครับ
สมมติว่าบริษัทเลือกชำระบัญชีเพื่อปิดกิจการ น่าจะมีเงินสดเหลืออยู่สักกี่บาทต่อหุ้นครับ ใครมีความรู้ทางบัญชีช่วยอธิบายวิธีคิดหน่อยครับ
โดย
sailom
พฤหัสฯ. มิ.ย. 09, 2005 5:41 pm
0
0
ข่าวคราว CEI
ถ้าให้แทง ผมเลือกข้างย้ายธุรกิจไปจีน จากนี้ไป CEI จะแสดงผลการดำเนินงานขาดทุนไปเรื่อย ๆ สภาพคล่องจะถูกโยกย้ายไปยังจีน (แต่ผ่านช่องทางไหน ต้องจับตา) อาจมีข่าวดีมาให้เก็งกำไรเป็นระยะ เพื่อแปลงสินทรัพย์เป็นทุน (ของผู้ถือหุ้นใหญ่) ข้างบนนี้ผมเผลอหลับแล้วก็ฝันไป ขออย่าให้เป็นจริงเล้ย :cry:
โดย
sailom
อังคาร พ.ค. 31, 2005 12:54 am
0
0
มีบริษัทไหนบ้างครับ ที่เพื่อนๆถือหุ้นแล้วสบายใจ
TMD ครับ ถือมา 2 ปี ซื้อเพิ่มบ้างตามโอกาส ราคายังไม่เคยต่ำกว่าที่ซื้อเลย ผลประกอบการก็ OK
โดย
sailom
อังคาร พ.ค. 31, 2005 12:41 am
0
0
รบกวนขอรายชื่อหุ้นที่มีลักษณะเป็น Monopoly ด้วยครับ
ขอส่ง BAFS เข้าประกวดครับ
โดย
sailom
ศุกร์ พ.ค. 27, 2005 5:37 pm
0
0
TMD กำไร Q1 3.24
ที่ บช.ง.24/2548 วันที่ 13 พฤษภาคม 2548 เรื่อง ชี้แจงผลการดำเนินงานของไตรมาสที่ 1/2548 เรียน กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สิ่งที่ส่งมาด้วย งบการเงินและงบการเงินรวม สำหรับงวดสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2548 และ 31 ธันวาคม 2547 จำนวน 1 ชุด บริษัทขอส่งงบการเงิน สำหรับงวดไตรมาสที่ 1/2548 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2548 ที่ผ่านการ สอบทานจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาตแล้ว บริษัทขอเรียนชี้แจงผลการดำเนินงานของไตรมาสที่ 1/2548 ซึ่งบริษัทและบริษัทย่อยมี กำไรสุทธิ 48.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.39 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 42.29 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกัน ของปีก่อน และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 3.24 บาท ซึ่งในไตรมาสนี้บริษัทได้รับเงินค่าทดแทนที่ดิน ส่วนเพิ่มของที่ดินที่ถูกเวนคืนในปี พ.ศ.2545 จากการอุทธรณ์ของบริษัทเป็นจำนวนเงิน 12.32 ล้านบาท และเมื่อหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินการอุทธรณ์และค่าภาษีเงินได้นิติบุคคลแล้ว ทำให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น โดยมิได้เกิดจากการประกอบธุรกิจตามปกติของบริษัท จำนวน 8.31 ล้านบาท บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายจำนวน 359.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จำนวน 48.71 ล้านบาท หรือเท่ากับร้อยละ 15.67 รายได้ค่าเช่าและค่าบริการเพิ่มขึ้นจาก 7.31 ล้านบาท เป็น 9.70 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีต้นทุนขายต่อรายได้จากการขายของบริษัทและ บริษัทย่อย เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 77.72 ในปี พ.ศ.2547 เป็นร้อยละ 80.54 ในปี พ.ศ.2548 ดอกเบี้ย จ่ายเพิ่มขึ้น 0.57 ล้านบาท เป็น 1.14 ล้านบาท ในปี พ.ศ.2548 จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ ขอแสดงความนับถือ (นายสมชาย จองศิริเลิศ) กรรมการผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ
โดย
sailom
ศุกร์ พ.ค. 13, 2005 12:05 pm
0
0
แจก EPS16YEAR (งบดุล ย้อน 19 ปี,ราคา,Ratio,แบบเครดิตภาษี)
ขอบคุณล่วงหน้าครับ
[email protected]
โดย
sailom
จันทร์ พ.ค. 09, 2005 1:21 pm
0
0
ขอโทษผิดคำพูดว่าไม่ post แต่อยากพูดเรื่องเบียช้าง เพราะทนไม่
เห็นด้วยกับคุณเพื่อนครับ เหตุผลที่ฝ่ายสนับสนุนและคัดค้านนำมาหักล้างกันนั้นผมว่ามันคงหาข้อสรุปได้ยาก เพราะทั้งสองฝ่ายยืนอยู่บนทัศนคติต่อโลกที่แตกต่างกัน ถ้าเราตอบคำถามที่ว่าเราต้องการให้สังคมเราเป็นแบบใดได้ ประเด็นที่ถกเถียงกันก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญ เรามีอุดมคติต่อชีวิตและสังคมอย่างไร เราต้องการให้สังคมของเรามีค่านิยมอย่างไร ถ้าเราไม่ส่งเสริมอบายมุข แล้วบริษัทสุราต้องการขยายตลาดด้วยแรงส่งเสริมจากทุนนอก เราไม่มีทางป้องกันเลยหรือครับ ถ้าบริษัทสุราจดทะเบียนในต่างประเทศแล้วมาโกยเงินตรากลับไป เราเสียดายหรือครับ ถ้ามีคนพยายามหยิบยื่นยาพิษให้เรา เราต้องป้องกันตัวด้วยการส่งเสริมการผลิตยาพิษของเราเองหรือครับ
โดย
sailom
พุธ มี.ค. 23, 2005 1:02 pm
0
0
ขอโทษผิดคำพูดว่าไม่ post แต่อยากพูดเรื่องเบียช้าง เพราะทนไม่
ถ้าเบียร์ช้างเข้าตลาด ผมก็จะติดตามดูว่าน่าลงทุนหรือไม่ ถ้าเบียร์ช้างไม่ได้เข้าตลาด ผมก็ซื้อขายหุ้นไปตามปกติ แต่ผมไม่สนับสนุนให้เบียร์ช้างเข้าตลาด ไม่เฉพาะเบียร์ช้าง คาสิโน หวย ยาสูบ ซ่องประเวณี (ถ้าถูกกฎหมาย) ผมก็ไม่สนับสนุนให้เข้าตลาด เพราะกิจการที่ถูกกฎหมายไม่ใช่สิ่งที่บ่งบอกว่าถูกศีลธรรมและควรสนับสนุน การใด ๆที่ไม่เป็นไปเพื่อจรรโลงศีลธรรม เป็นอบาย แม้เป็นสิ่งที่สังคมจำเป็นต้องมี แต่ก็ควรจำกัดไว้เพียงแค่ความจำเป็น หามีเหตุผลใดจะต้องสนับสนุนให้เกินไปกว่านั้นไม่
โดย
sailom
อังคาร มี.ค. 22, 2005 4:13 pm
0
0
มีใครถือ SINGHA บ้างครับ
ทางบริษัทจะมีปริมาณการสั่งซื้อวัตถุดิบ80%จากอเมริกา ส่วนที่เหลือจะเป็นการสั่งซื้อจาก สเปน,เดนมาร์ค และ เยอรมันครับ ด้านรายได้จากการขายจะเป็นเงินสกุลEUROประมาณ85%ของยอดขายทั้งหมด และเป็นเงินสกุลUS Dollarประมาณ7%ของยอดขายทั้งหมดครับ ถ้าเป็นอย่างนี้กำไรก็คงเพิ่มแน่ เพราะจ่ายเป็นดอลลาร์แต่รับเป็นยูโร ผมเองตอนแรกที่ถือหุ้นตัวนี้เพราะเห็นว่ากำไรเติบโตดี แม้ว่า eps จะโดน dilute ไปมาก แต่สักสองปีน่าจะกลับมาดีกว่าเดิมได้ การที่มีคนมาไล่ราคาแบบนี้จะต้องมีข่าวรองรับแน่นอน ไม่งั้นเจ้ามืออาจเสียเงินได้ ดังนั้นตอนนี้ก็คงต้องรอให้ฝุ่นหายตลบซะก่อนละครับค่อยตัดสินใจว่าจะเอายังไง
โดย
sailom
พุธ ธ.ค. 15, 2004 1:49 pm
0
0
มีใครถือ SINGHA บ้างครับ
ถืออยู่ครับ แต่ขึ้นแบบนี้ไม่ชอบเลย หนาว :?
โดย
sailom
อังคาร ธ.ค. 14, 2004 11:01 am
0
0
มีใครถือ SINGHA บ้างครับ
ขอบคุณคุณ Buglife และคุณ CK ครับ
โดย
sailom
พฤหัสฯ. ต.ค. 14, 2004 10:14 am
0
0
นอกเรื่องหุ้น - อยากซื้อ printer แบบ all-in-one รุ่นไหนดี
ถ้า 80% เป็นการใช้งาน Office ผมแนะนำ HP Laserjet 3xxx ราคาตั้งแต่ 9xxx ขึ้นไป เหตุผลที่ผมแนะนำ Laser เพราะว่า 1. คุณภาพของงานพิมพ์ขาวดำกับกระดาษธรรมดาดีกว่ามาก 2. ความเร็วในการพิมพ์ ถ่ายเอกสาร และรับแฟกซ์เร็วกว่า 3. ประหยัดหมึก และราคาหมึกไม่แพง 4. ไม่มีปัญหาเรื่องหัวพิมพ์อุดตัน (สำหรับเครื่อง Multi-function ส่วนใหญ่ถ้าหัวพิมพ์ตันต้องส่งเข้าศูนย์ ล้างเองไม่ได้ครับ เข้าศูนย์ก็รอนานไม่ต่ำกว่า 1 สัปดาห์) ทีนี้ถ้าอยากพิมพ์สีบ้างเล็กน้อยจะทำอย่างไร - ลองหาดู Ink Jet ตัวเล็ก ๆราคาไม่กี่พัน ผมคิดว่าน่าจะพอใช้ได้ครับ :lol: :lol: :lol: ขออภัยที่คิดต่าง :lol: :lol: :lol:
โดย
sailom
ศุกร์ ส.ค. 06, 2004 11:29 am
0
0
เพิ่งเห็นหายนะ N-PARK
โปรดใช้วิจารณญานในการอ่านเนื่องจากไม่ลงชื่อผู้เขียน (คัดลอกมาจากกระทิงเขียวครับ) เบื้องหลังปัญหาหุ้น N-PARK (น่าสนใจมาก) ผู้เขียน: N-PARK เรื่อง พฤติกรรมนักแบล็คเมล์หญิง ตัวอันตรายของประเทศไทย ยิ่งโกง...ยิ่งรวย...... เรียน ท่านผู้อ่านทุกท่าน นักแบล็กเมล์หญิงตัวอันตรายของประเทศไทยยิ่งโกง..ยิ่งรวย จนได้รับการกล่าวขวัญว่าหล่อนรวยหุ้นเป็นอันดับที่ 13 ของประเทศไทย ทั้งที่อดีตหล่อนมีหนี้สินถึง 1000 ล้านบาท ปัจจุบันหล่อนโกงมาได้หลายพันล้านบาท โดยสังคมหารู้ไม่ว่า เงินที่ร่ำรวยของหล่อนมาจากการฉ้อฉล แบล็กเมล์ หล่อนชอบแอบอ้างในวงสังคมทั้งหลายว่ารู้จักกับผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองมากมายไม่ว่าจะเป็นนายกทักษิณฯ คุณหญิงอ้อฯ คณะรัฐมนตรี ข้าราชการตุลาการระดับสูงสุด คณะผู้พิพากษาชั้นผู้ใหญ่ทุกศาลนั้นยังไม่พอ ซ้ำร้ายกว่านั้นหล่อนยังบังอาจแอบอ้างเบื้องสูงและข้าราชบริพารระดับสูงในสำนักพระราชวัง หล่อนมักคุยโวโอ้อวดว่าหล่อนจะดำเนินงานเกี่ยงข้องกับธุรกิจประเภทใดก็มักจะได้รับการอำนวยความสะดวกจากบุคคลดังกล่าวข้างต้นช่วยเบิกทางให้ธุรกิจการโกงของหล่อนดำเนินการไปได้ด้วยดี และอาชีพที่หล่อนถนัดที่สุดก็คือเข้าไปซื้อหุ้นในบริษัทต่างๆที่พอสามารถหาประโยชน์ได้ แล้วใช้ฐานะผู้ถือหุ้นทำการแบล็กเมล์กับบริษัทที่หล่อนซื้อหุ้นมาทุกบริษัท หรือแม้บางครั้งที่หล่อนประสบปัญหาทางคดี หล่อนก็จะคุยโวว่าหล่อนมีผู้ใหญ่ระดับดังกล่าวมาข้างต้นสามารถเคลียร์เรื่องให้หล่อนได้เบ็ดเสร็จกับระดับสูงของทุกศาลในแผ่นดิน ท่านทราบไหมว่าหล่อน....(นางมารร้ายตนนี้).....คือใคร? นางมารร้ายนักแบล็กเมล์ในสังคมตนนี้คือ ชื่อนางสว่าง มั่นคงเจริญ ผู้ถือหุ้นใหญ่ N-PARK ในปัจจุบัน......อดีตหล่อนเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ไทยรุ่งเรืองทรัสต์จำกัด ผลงานคือหล่อนได้บริหารจนขาดทุนย่อยยับประมาณ 2000 ล้านบาท จนบริษัทต้องปิดกิจการลงในปี 2540 ในขณะนั้นหล่อนมีหนี้สินประมาณ 1000 ล้านบาท โอ้.....โห..... นรกส่งหล่อนมาเกิดคนเดียวยังไม่พอยังได้แถมปีศาจอีกตนให้ปรากฎบนแผ่นดินไทยให้หล่อนได้พบเจอ นายทศพล จารุพงศ์ทวี ทั้งสองได้ร่วมกันประกอบธุรกิจเยี่ยงโจร วิธีการที่นางสว่างและนายทศพลใช้ฟื้นฟูกิจการบริษัทแนชเชอรัล ปาร์ค (มหาชน) จำกัด คืออุปโลกเอาบริษัทริชชี่ เวนเจอร์ ของตนเองมาบังหน้า โดยบริษัทริชชี่ฯแสร้งทำตัวเป็นผู้ลงทุนเข้ามาเทคโอเวอร์บริษัทแนชเชอรัล ปาร์ค ปล่อยให้เจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นทั้งหมดของบริษัทแนชเชอรัลปาร์ค เสียหายหมดตัว ส่วนนางโจรสว่างและปีศาจทศพล กอบโกยทุกอย่างไปได้สำเร็จ ได้บริษัท แนชเชอรัล ปาร์ค ไปพร้อมสินทรัพย์ทุกรายการ ของที่ปล้นมาได้อาทิเช่น จำนวนหุ้นมูลค่า 3 พันล้านบาท โรงแรมโมนาร์ค ลี การ์เด้น สนามกอล์ฟ และที่ดินอีกหลายแปลง โดยอาศัยช่องทางในการฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลาง และศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการของนางสว่าง ซึ่งต่อมาเจ้าหนี้ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2544 ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายกลาง ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2546 พิพากษาว่า "เมื่อแผนฟื้นฟูกิจการมีรายการไม่ครบถ้วน มีการกำหนดชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้โดยไม่เท่าเทียมและเป็นธรรม ทั้งเมื่อดำเนินการตามแผนแล้ว เจ้าหนี้จะได้รับชำระหนี้น้อยกว่ากรณีที่ศาลมีคำพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย อีกทั้งพฤติการณ์แห่งคดีส่อแสดงว่ามีการจัดทำแผนโดยไม่สุจริต แผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้จึงไม่ชอบด้วยกฏหมายที่ศาลล้มละลายมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผน ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย พิพากษากลับว่า มีคำสั่งไม่เห็นชอบด้วยแผน และมีคำสั่งให้ยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/58 วรรคสาม" แต่นางสว่าง ได้ใช้อำนาจเงินร่วมกับศาลล้มละลายกลาง แอบเปิดคำพิพากษาศาลฏีกาออกมาดูก่อนเมื่อเห็นว่าศาลฏีกาพิพากษาให้ยกเลิกการฟื้นฟูกิจการ นางสว่างจึงได้ร่วมมือกับศาลล้มละลายกลาง ไม่ให้อ่านคำพิพากษาของศาลฏีกาแต่ให้เก็บไว้เป็นเวลา 6 เดือน จนถึงวันที่ 1 กันยายน 2546 ค่อยให้ศาลล้มละลายกลางอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา สาเหตุที่นางสว่างต้องการให้ศาลล้มละลายกลางเก็บคำพิพากษาของศาลฎีกาไว้โดยยังไม่ให้อ่าน ก็เพราะว่าต้องรอให้นางสว่างรีบชำระหนี้ให้หมดโดยเร็ว ซึ่งเป็นข้อพิรุธสงสัยอย่างมากว่าทำไมถึงต้องรีบชำระหนี้ เพราะในแผนกำหนดเวลาชำระหนี้มีถึง 6 ปี กำหนดชำระหนี้แล้วเสร็จทั้งหมดในปี พ.ศ. 2549 คำตอบเรื่องนี้คือหากศาลล้มละลายกลางอ่านคำพิพากษาเมื่อใด แผนการฟื้นฟูบริษัทแนชเชอรัล ปาร์ค จำกัดก็จะถูกยกเลิกไปโดยทันที และนางสว่างก็จะโกงเอาบริษัทแนชเชอรัล ปาร์ค ไปจากผู้ถือหุ้นและเจ้าหนี้ไม่สำเร็จ แต่นางสว่างจอมมารร้ายได้ใช้อำนาจเงินร่วมมือกับศาลล้มละลายกลางให้ดึงการอ่านคำพิพากษาไว้นานถึง 6 เดือน ซึ่งปกติแล้ว หากไม่มีกรณีนางสว่างเข้ามาเกี่ยวข้อง ศาลล้มละลายกลางคงจะใช้เวลาไม่ถึง 1 เดือน ก็จะนัดฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาแล้ว เมื่อนางสว่างชําระหนี้หมดแล้ว จึงค่อยให้ศาลล้มละลายกลางอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาด้วยอำนาจเงิน และศาลล้มละลายกลางได้สั่งในรายงานกระบวนพิจารณา ในคดีหมายเลขดำที่ 21/2543 คดีหมายเลขแดงที่ 22/2543 เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2546 ว่า "เจ้าหนี้ทั้งหลายได้รับชำระหนี้ครบถ้วนตามแผนไว้ก่อนวันที่ศาลฎีกามีคำสั่งไม่เห็นชอบด้วยแผนและให้ยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการดังกล่าว ดังนั้นคำสั่งของศาลฎีกาจึงไม่มีผลเป็นการลบล้างหรือกระทบถึงการกระทำใดๆ ของลูกหนี้ผู้ร้องขอที่ได้กระทำไปแล้วตามแผนโดยผู้ทำแผนหรือผู้บริหารแผนของลูกหนี้ ก่อนที่ศาลฎีกามีคำสั่งดังกล่าว" ซึ่งคำสั่งดังกล่าวสอดคล้องกับแผนการของนางสว่างที่วางไว้ทุกประการ เพราะนางสว่างได้รีบชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ทุกรายด้วยจำนวนเงินเล็กน้อยตามแผนฟื้นฟูกิจการของนางสว่างเองจนเสร็จสิ้น พวกท่านคงเข้าใจนางสว่างจะไม่รีบชำระได้อย่างไร ในเมื่อแผนฟื้นฟูของนางสว่างระบุให้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้เพียง ร้อยละ 0.05 และ ร้อยละ 1 หรืออย่างมากสุดก็ร้อยละ 2 ซึ่งเป็นแผนการชำระหนี้ที่อัปยศที่สุด ศาลฎีกาจึงพิพากษาไว้ว่าแผนฟื้นฟูกิจการของนางสว่าง มีรายการไม่ครบถ้วน เมื่อดำเนินการตามแผนแล้วเจ้าหนี้จะได้รับชำระหนี้น้อยกว่ากรณีที่ศาลมีคำพิพากษาให้ลูกหนี้ล้มละลาย อีกทั้งพฤติการณ์แห่งคดีส่อแสดงว่ามีการจัดทำแผนไม่สุจริตแผนฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย การกระทำดังกล่าวของนางสว่างและศาลล้มละลายกลางเป็นการร่วมมือกันปล้นประชาชนอย่างน่าเกลียดที่สุดถือได้ว่าคดีนี้เป็นผลงานชิ้นโบว์ดำของศาลยุติธรรมเลยก็ว่าได้ จากกรณีดังกล่าว ขณะนี้มีเจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นเดิมที่โดนปล้นไปกำลังเริ่มอุทธรณ์และฎีกาเพื่อรักษาสิทธิ์ที่ตัวเองถูกโกง เพราะคดีนี้ไม่มีอายุความ ก็หวังว่าทุกท่านจะช่วยกันกำจัดโจรในคราบนักธุรกิจ และขอท่านประธานศาลฎีกาได้โปรดตรวจสอบคดีดังกล่าวโดยละเอียดด้วยเพราะเชื่อเหลือเกินว่าประชาชนเริ่มขาดความเชื่อมั่นต่อศาลยุติธรรมแล้ว อีกทั้งนางสว่าง ยังกล่าวอ้างแก่คนทั่วไปว่า "ศาลซื้อได้" โดยไม่ละอาย ท่านประธานศาลฎีกาก็เพิ่งได้รับพระราชทานเครื่องราชฯชั้นตติยจุลจอมเกล้าวิเศษ ในอนาคตท่านคงเป็นองคมนตรี ทำให้ใครต่อใครไม่อยากจะเชื่อในคำกล่าวอ้างของนางสว่างเลย ที่เที่ยวพูดพ่นฟุ้งให้ใครต่อใครหลายคนได้ยินคำพูดว่าใกล้ชิดสนิทสนมกับท่านอย่างมากและสามารถสั่งได้แม้กระทั่งประธานศาลฎีกาคนปัจจุบัน พฤติกรรมนางสว่าง-นายทศพลยังเหิมเกริมไม่พอ จึงได้ตั้งแก๊งฮั้วประมูลใช้แผนสกปรกเตรียมหลอกเงินเกือบพันล้านบาทมาเข้ากระเป๋า โดยจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่มาบังหน้าชื่อบริษัทริชฟิวด์ หลอกบรรดาสี่บริษัทรับเหมาก่อสร้างเข้าร่วมมือกันประมูลงานรับเหมาแบบเบ็ดเสร็จเทิร์นคีย์โครงการอื้อฉาวถนนวงแหวนด้านใต้ ในวงเงิน 16900 ล้านบาท โดยอาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัวที่แนบแน่นลึกซึ้งระหว่างปีศาจ ทศพลกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมสมัยนั้น และอธิบดีกรมทางหลวงในขณะนั้น ช่วยกันผลักดันโครงการดังกล่าว ฝ่าคำทัดทานจากหลายฝ่ายมาอย่างน้ำขุ่นๆ จนสำเร็จผ่านฉลุยในสมัยรัฐบาลนายกฯชวน แต่โชคไม่เข้าข้าง คณะรัฐมนตรีชุดใหม่โดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม คนปัจจุบัน ได้มีมติให้กรมทางหลวงยกเลิกงานโครงการอื้อฉาวถนนวงแหวนด้านใต้ดังกล่าวและจัดประมูลใหม่ ร้อนถึงนางสว่าง ผู้อยู่เบื้องหลังบริษัทริชฟิวด์แค้นที่เสียผลประโยชน์อย่างมากถึงกับกล่าวประกาศสงครามดิ้นรนทำทุกอย่าง และถล่มกุเรื่องใส่ร้ายให้นายสุริยะฯ (รัฐมนตรี) ต้องเสี่อมเสียชื่อเสียงเกียรติยศ และอาฆาตถึงกับป่าวประกาศหลายแห่งว่าจะเอานายสุริยะฯออกจากตำแหน่งให้ได้ ต่อมานางสว่างได้ขอนายกฯทักษิณให้ปลดนายสุริยะฯ ตามความต้องการของหล่อน แต่นายกฯทักษิณไม่เล่นด้วย จึงสร้างความโกรธแค้นให้แก่นางสว่างอย่างยิ่ง ถึงขนาดแก้แค้นนายกฯ ด้วยการนำข้อมูลที่ดินบริเวณศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยซึ่งคุณหญิงอ้อฯประมูลซื้อได้ มากุให้เป็นเรื่องราว แล้วส่งข้อมูลให้ฝ่ายค้านอภิปรายโจมตีในสภา คราวอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีครั้งล่าสุด นอกจากนี้นางสว่าง ยังได้บังอาจก้าวล่วงแสวงหาประโยชน์จากที่ดินทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์บริเวณถนนราชดำริ ซอยมหาดเล็กหลวง ที่ดินผืนนี้พร้อมสิ่งปลูกสร้างมีมูลค่าประมาณ 600 ล้านบาท แต่หล่อนคุยฟุ้งว่าสามารถวิ่งเต้นเจรจาผ่านท่านเลขาธิการสำนักพระราชวังได้ ในราคาเพียง 100 ล้านบาทเศษ ซึ่งเรื่องนี้ทางสำนักงานทรัพย์สินฯก็จะเสียรายได้เป็นมูลค่าเงินถึง 400 ล้านบาทเศษ เรื่องนี้จะเท็จจริงอย่างที่หล่อนคุยหรือไม่ ขอ...ท่านเลขาธิการสำนักพระราชวัง และท่านผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินฯ โปรดอย่าได้หลงมนต์มาร ท่านทั้งสองโปรดอยู่ห่างไกลจากนางสว่างมารร้ายภัยสังคมตนนี้ด้วยเถิด มิฉะนั้นบ้านเมืองจะเสียหายอันตรายกระทบกระเทือนต่อสถาบันเบื้องสูงเป็นเรื่องมิบังควรเลย ขอทุกท่านที่ได้อ่านไม่ว่าจะเป็นท่านนายกฯ ท่านประธานศาลฏีกา ท่านเลขาธิการสำนักพระราชวัง ท่านผู้อำนวยการสำนักงานทรัพย์สินฯ ท่านรัฐมนตรี ท่านผู้พิพากษา ท่านผู้ใหญ่ระดับบริหารในบ้านเมือง และข้าราชการระดับสูงอย่าได้เปิดโอกาสให้นางสว่างและนายทศพลมีโอกาสมาใกล้ชิดสนิทสนม มิฉะนั้นท่านอาจต้องเสื่อมเสียเกียรติยศชื่อเสียงของตัวท่าน ครอบครัว และสถาบัน จากพฤติกรรมที่นางสว่างและนายทศพล นำมาแอบอ้างหาประโยชน์ในสังคมอย่างไม่รู้จักจบสิ้นต่อไป ขอแสดงความนับถือ กลุ่มผู้ถือหุ้น บริษัท แนชเชอรัล ปาร์ค จำกัด (มหาชน)
โดย
sailom
พุธ ส.ค. 04, 2004 3:27 pm
0
0
กรณี KTB
ขอตามเรื่องนี้ต่อหน่อยครับ สนุกกว่าดูหนังเจ้าพ่อ ที่มา http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9470000029941 ผู้จัดการรายวัน - เผยสินเชื่อกรุงไทยที่ถูกแบงก์ชาติ จับตา "กฤษดานคร-เอ็นพาร์ค" อนุมัติโดย "สุชาย เชาว์วิศิษฐ" สมัยเป็นประธานบอร์ดบริหาร เป็นเหตุ ให้บิ๊กแบงก์ชาติอ้างเรื่องความเสี่ยงจับผิด หวังแก้แค้นอดีตขุนคลังพี่ชาย พร้อมทำลายคู่แข่งทางธุรกิจ อย่างกลุ่มแนเชอรัล พาร์ค ตลาดหุ้นวานนี้ หุ้นที่เกี่ยว พันกับข่าวกรุงไทย ร่วงระนาว เผยสาเหตุนอกจากปัจจัยร่วมเรื่องน้ำมันแพงแล้ว ยังเป็นเพราะคู่กรณีต่างเทขายหุ้นฝ่ายตรงข้ามเพื่อล้างแค้น แหล่งข่าวระดับสูงจากธนาคารกรุงไทย เปิดเผยกรณีที่ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่าการปล่อยสินเชื่อของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) มีความหละหลวม โดยมีลูกหนี้ 2-3 รายที่อาจมีความเสี่ยงเรื่องความสามารถในการชำระหนี้นั้น ลูกหนี้รายที่ว่านี้หมายถึงกลุ่ม บริษัทกฤษดามหานคร (KMC) และแนเชอรัล พาร์ค (N-PARK) ซึ่งได้รับการอนุมัติสินเชื่อโดย ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ สมัยที่ ร.ท.สุชาย เป็นประธานกรรมการบริหารของธนาคารกรุงไทย (ระหว่างเดือนเมษายน 2544-เมษายน 2546) เนื่องจากมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้ง 2 ราย โดยเฉพาะกับ บ.กฤษดามหานคร "ตอนที่มีการประชุมบอร์ด คุณสุชายอ้างชื่อผู้บริหารบริษัทเทเลคอมที่ใกล้ชิดกับนายกรัฐมนตรีว่า โครงการนี้ได้คุยกันเรียบร้อยแล้ว จึง ให้ที่ประชุมอนุมัติให้ทั้งๆ ที่ยังไม่มีการวิเคราะห์รายละเอียดความเป็นไปได้ของโครงการ" แหล่งข่าวจากธนาคารกรุงไทยกล่าว นอกจากนั้น การอนุมัติสินเชื่อดังกล่าว มีขึ้นในขณะที่นายวิโรจน์ นวลแข กรรมการผู้จัดการธนาคารกรุงไทย ในตอนนั้นไม่ได้ร่วมประชุม เพราะเดินทางไปต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม หนี้ 2 กลุ่มดังกล่าวยังไม่เป็นเอ็นพีแอลและมีความแตกต่างในการจัดชั้นหนี้ โดยบริษัทกฤษดามหานคร ซึ่งกู้เงินผ่านบริษัทโกลเด้น เทคโนโลยี่ อินดัสเทรียล พาร์ค อยู่ในชั้นหนี้สงสัยจะสูญ ทีมตรวจสอบของธปท. ระบุว่าไม่ได้มีการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการและเงินกู้นำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ส่วนแนเชอรัล พาร์คเป็นหนี้ปกติ แต่ทีมตรวจสอบธปท.สั่งจับตาอย่างใกล้ชิดและกันสำรองเผื่อความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพราะไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับกระแสเงินสดจาก การดำเนินงานและแหล่งเงินที่จะนำมาชำระหนี้ "หนี้แนเชอรัล พาร์คยังไม่เป็นเอ็นพีแอล แต่ ได้เกิดความเสียหายจากการเปิดเผยข้อมูลของผู้ไม่หวังดี ทำให้บริษัทไม่สามารถนำหลักทรัพย์ไปขอกู้จากสถาบันการเงินอื่นอีก" แหล่งข่าวกล่าว แก้แค้นสุชาติ-ทำลายคู่แข่ง แหล่งข่าวธนาคารกรุงไทยตั้งข้อสังเกตกรณี ที่ผู้บริหารของธปท.ให้ข่าว ที่เป็นผลลบกับธนาคารกรุงไทยและลูกหนี้ 2 กลุ่มดังกล่าวไม่ได้ เป็นการทำหน้าที่ตรวจสอบธนาคารพาณิชย์ตามปกติ แต่มีวัตถุประสงค์ส่วนตัวที่ต้องการเล่นงาน ร.ท.สุชายน้องชายร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ รองนายก รัฐมนตรี เนื่องจากสมัยที่ร.อ.สุชาติเป็นรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการคลังไม่สนองผลประโยชน์ เช่น การของานที่ปรึกษากองทุนรวมวายุภักษ์ กองทุนรวมที่มีมูลค่าหลายแสนล้านแต่ไม่ได้เพราะกระทรวง การคลังเลือกกลุ่มฟินันซ่าเป็นที่ปรึกษาแทน "ตอนกระทรวงการคลังจะจัดตั้งกองทุนวายุภักษ์ก็ไปขอความช่วยเหลือจากเขา แต่พอเลือกที่ปรึกษากองทุนฯที่มีรายได้มหาศาล กลับไปเลือกฟินันซ่า ซึ่งกลุ่มแนเชอรัล พาร์ค เป็นพันธมิตรและถือหุ้น แทนที่จะเลือกบริษัททรีนีตี้ วัฒนา ซึ่งบริษัทคอมลิงค์ถือหุ้นอยู่ ทำให้เขาไม่พอใจมาก" แหล่งข่าวกล่าว ต่อมาฟินันซ่าได้ขยายธุรกิจและขายหุ้นให้แนเชอรัล พาร์ค ขณะนี้กำลังยื่นขอเป็นธนาคาร พาณิชย์โดยควบรวมกับบริษัทเงินทุนกรุงเทพธนาทร (BFIT) ได้กลายเป็นคู่แข่งของกลุ่มคอม-ลิงค์เต็มตัว ความขัดแย้งระหว่างผู้บริหารธปท. และ ร.อ.สุชาติ อีกเรื่องหนึ่งคือ ความขัดแย้งเรื่องการ ควบรวมกิจการธนาคารที่กระทรวงการคลังนำบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ไอเอฟซีที) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่ฐานะแข็งแกร่งไปควบรวมกับธนาคารทหารไทยแทนไทยธนาคารตามที่ธปท.เสนอ "แบงก์ชาติเสนอให้ไอเอฟซีทีมาควบรวมกับไทยธนาคาร เพราะคอมลิงค์ถือหุ้นใหญ่ไทยธนาคาร โดยนับตั้งแต่คลังเลือกทหารไทย ม.ร.ว. ปรีดิยาธรออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับคลังเรื่องควบรวมแบงก์อีกต่อไป" ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เป็นผู้ร่วมก่อตั้งคอมลิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทที่รับสัมปทานองค์การโทรศัพท์แห่ง ประเทศไทยในการติดตั้งและบำรุงรักษาโครงข่าย เคเบิลใยแก้วนำแสง ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 1,000 ล้านบาท คอมลิงค์ชนะคดีพิพาทในการฟ้องร้องเรียกค่าเช่าเคเบิลใยแก้วจากองค์การโทรศัพท์ฯเป็นเงินประมาณ 3,000 ล้านบาท ต่อมาคอมลิงค์ขยายการลงทุนไปยังธุรกิจที่ปรึกษาการ เงินและธนาคาร โดยถือหุ้นใหญ่ในทรีนีตี้และธนาคารไทยธนาคาร แหล่งข่าวจากธนาคารกรุงไทย เชื่อว่าการเปิดเผยรายงานการตรวจสอบคุณภาพหนี้ของธนาคารกรุงไทยโดยระบุชื่อลูกค้าสินเชื่ออย่างชัดเจนต่อสาธารณะ ซึ่งผิดพ.ร.บ.ธนาคารพาณิชย์ นั้น น่าจะมาจากฝ่ายตรวจสอบของธปท. โดยการ รู้เห็นเป็นใจของผู้บริหารระดับสูง ทุบหุ้นกลุ่มโยงหนี้กรุงไทย ราคาหุ้นของธนาคารกรุงไทย และบริษัทซึ่ง ตกเป็นข่าวว่าเป็นหนี้เอ็นพีแอลของธนาคารปรับ ตัวลดลงอย่างมาก อันเป็นผลมาจากข่าวการถูกจับตาจากธปท. นอกเหนือจากปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันที่ทำให้ราคาหุ้นส่วนใหญ่ลดลง โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ผันผวน ลดลงเกือบหลุดระดับ 625 จุด ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญ ก่อนดีดกลับมาปิดที่ 631.42 จุด มูลค่าการซื้อขายซบเซาเพียง 11,121.62 ล้านบาท โดยหุ้นกลุ่มแบงก์ร่วงทั้งกระดาน โดยเฉพาะหุ้น KTB ซึ่งได้รับแรงกดดัน เรื่องการให้ข่าว NPL ธปท.เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ได้ถูกแรงเทขายออกมาอีก จนราคาวูบไปต่ำสุด ที่ 8.50 บาท ซึ่งเท่ากับราคาขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชน เมื่อวันที่ 9 ต.ค.46 แต่มีแรงซื้อเข้าดีดกลับมาปิดตลาดที่ 8.65 บาท มูลค่าการซื้อ ขาย 820.5 ล้านบาท ทั้งๆ ที่นักวิเคราะห์หลายค่ายก็ยังมีมุมมองที่ดีต่อ KTB ในเรื่องของผลการดำเนินงานที่ดี N-PARK ราคาทรุดลงไปลึกถึง 1.88 บาท ก่อนจะกลับมาปิดที่ 1.95 บาท ลดลง 0.05 บาท หรือ 2.5% ด้วยจำนวนหุ้นที่ซื้อขายสูงถึง 48,381,400 หุ้น มูลค่า 94.311 ล้านบาท KMC ราคาทรุดหนักกว่า N-PARK ลงไปต่ำสุดที่ 5.60 บาท แต่ดีดขึ้นมาปิดที่ 5.65 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือลดลง 4.24% มูลค่าการซื้อ ขาย 10.6 ล้านบาท FNS ราคาได้ลดลงไปต่ำสุดที่ 34.25 บาท และปิดที่ 34.75 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ 2.11% แต่มูลค่าการซื้อขายน้อยเพียง 3.533 ล้านบาท ส่วนหุ้น TNITY ราคารูดหนักกว่าใคร โดยมีแรงขายออกมาจนทำให้ราคาทรุดติด 1 ใน 10 หุ้นที่ราคาตกมากที่สุด โดยราคาเปิดที่ 22 บาท จากนั้นลงไปต่ำสุดที่ 19.70 บาท และปิดที่ 20.10 บาท ลดลง 2.20 บาท หรือลดลง 9.87% มูลค่าการซื้อขาย 50.54 ล้านบาท รายงานข่าวจากห้องค้าหลักทรัพย์ ระบุว่า วานนี้นับว่าเป็นวันแรกที่มีแรงเทขายออกมาในหุ้นที่เกี่ยวพันกับข่าว KTB พร้อมกันหมด ไม่ว่าจะ N-PARK KTB FNS ทั้งยังมี TNITY ที่มีกลุ่มคอมลิงค์ถือหุ้นใหญ่อยู่จนเป็นที่ร่ำลือกันในห้องค้าหุ้นว่า มีรายการถล่มหุ้นซึ่งกันและกันเกิดขึ้นระหว่างผู้ได้รับผลกระทบจากกรณี KTB นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยง นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ข่าวที่เกิดขึ้นกระทบกับบรรยากาศการลงทุน ต้องรอเวลาเพื่อ ให้นักลงทุนเข้าใจมากกว่านี้จึงจะมีแรงซื้อจริงกลับเข้ามาอีกครั้ง ด้านราคาของหุ้นในกลุ่มธนาคารตอนนี้ถือว่าลดลงมามากแล้ว KTB ลดลงไปมาก โดยราคาเป้าหมายตามปัจจัยพื้นฐานที่ บล.ฟิลลิปคาดไว้อยู่ที่ 12 บาท" นายวิชัย ทองแตง นักลงทุนในตลาดหลัก- ทรัพย์ กล่าวว่า หุ้น KTB ถูกทุบด้วยข่าว และนักลงทุนรายใหญ่เทขายออกมามากด้วย ทำให้นักลงทุนทุกคนต้องขาย KTB เพื่อความปลอดภัย ประกอบกับ KTB มาร์เกตแคปใหญ่ด้วย "สำหรับผม KTB ยังเป็นหุ้นที่น่าลงทุนอยู่ และสถานะ KTB ก็แตกต่างจากในอดีตมาก" นายวิชัยกล่าว
โดย
sailom
ศุกร์ ก.ค. 30, 2004 2:29 pm
0
0
คนสวนคน
การเลือกจังหวะที่จะสวนนั้นค่อนข้างยากเอาการ ต้องอาศัยประสบการณ์และการวิเคราะห์ที่ดี ยอดฝีมือทางด้านนี้ผมยกให้เฮีย 2ค แห่งพันธ์ทิพ ทฤษฏีเกี่ยวกับข่าวดีเกินจริงและข่าวร้ายเกินจริงที่เฮียแกเขียน นับว่าเข้าท่า อยู่ที่ว่าใครจะฝึกปรือได้ดีกว่ากัน
โดย
sailom
พฤหัสฯ. ก.ค. 29, 2004 1:08 pm
0
0
กรณี KTB
คุณฉัตรชัยคิดว่างานนี้วงแชร์ N-Park มีสิทธิ์ม้วนเสื่อไหมครับ ใจผมอยากให้เช็คบิลล์ซะตั้งแต่ตอนนี้ ดีกว่ารอให้ล้มเองแบบ FIN-1 แค่นี้ก็ไม่รู้ว่ามีแมงเม่าหุ้น เสียเงินให้กับเจ้ามือไปเท่าไรแล้ว
โดย
sailom
พฤหัสฯ. ก.ค. 29, 2004 12:56 pm
0
0
ความหมายของ EV/EBITDA
รอฟังผู้รู้ครับ
โดย
sailom
ศุกร์ ก.ค. 09, 2004 10:39 am
0
0
FTA - พระเอก หรือ ผู้ร้ายแห่งโลกทุนนิยม
ข้างบนน่ะผมเอง
โดย
sailom
พุธ ก.ค. 07, 2004 2:25 pm
0
0
FTA - พระเอก หรือ ผู้ร้ายแห่งโลกทุนนิยม
เหอ เหอ แล้วทีภาคการเงินละ ทำไมยังต้องอุ้มกันอยู่ ต้องรออีกตั้งหลายปีกว่าจะเปิดเสรี อันนี้เรียก Double standard ได้รึเปล่า ผมคิดว่าการเปิดเสรีภาคบริการ เป็นสิ่งที่แตกต่างจากการเปิดเสรีภาคการผลิต เนื่องจากทุนและเทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญของภาคบริการ และเป็นจุดอ่อนอย่างมากของประเทศขนาดเล็กอย่างเรา ดังนั้นค่อย ๆคิด ค่อยๆทำ จะดีกว่า แต่จะต้องมี Roadmap และ Timeframe ที่ชัดเจน พูดก็พูดเถอะ ถ้าถามผมว่าระหว่างเปิดเสรีให้ธนาคารต่างชาติเข้ามาโกยเงินกลับไป กับให้ท่านเจ้าสัวโกยเงินอยู่ในประเทศ ผมเลือกอย่างหลัง เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนว่า อย่างไรเสีย คนไทยด้วยกันก็ยังคุยกันเข้าใจง่ายกว่า
โดย
sailom
อังคาร ก.ค. 06, 2004 7:10 pm
0
0
FTA - พระเอก หรือ ผู้ร้ายแห่งโลกทุนนิยม
FTA เป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ --- เมื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ---> ต้องมีผู้ได้ผลประโยชน์ ---> ต้องมีผู้เสียผลประโยชน์ ถ้าตัดเรื่อง Conflict of Interest ซึ่งอาจจะจริง ไม่จริง หรือจริงเพียงบางส่วน การทำ FTA มีผลประโยชน์แน่นอนสำหรับผู้บริโภค 1. บริโภคสินค้าคุณภาพดี ในราคาที่ถูกลง 2. กระตุ้นในเกิดการพัฒนาคุณภาพสินค้า 3. มีทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้น วันนี้ผมอ่านข่าวเรื่องเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมจะประชุมกันเพื่อหาทางพัฒนาการเลี้ยงเพื่อรับมือกับ FTA ก็ได้แต่คิดในใจว่า แล้วเวลาที่ผ่านมาไปทำอะไรกันอยู่ ถึงไม่คิดจะพัฒนา :( :( สำหรับในเรื่องผลประโยชน์ของประเทศในรูปของรายได้จากภาษีที่ต้องเสียไป ดุลการค้า ดุลการชำระเงิน ผมไม่ค่อยสันทัด คงให้ท่านอื่นวิจารณ์
โดย
sailom
อังคาร ก.ค. 06, 2004 7:00 pm
0
0
เราควรมีมาตรการประท้วงการกระทำของตลท.
ข้อมูลสำหรับติดต่อ: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 62 ถนนรัชดาภิเษก เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 โทร. 0-2229-2000, 0-2654-5656 โทรสาร. 0-2229-2030, 0-2654-5649 สอบถามข้อมูลและบริการทั่วไป: โทร. 0-2229-2222 โทรสาร. 0-2654-5426-7 E-mail:
[email protected]
สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์: โทร. 0-2229-2222 โทรสาร. 0-2654-5426-7 E-mail:
[email protected]
แนะนำติชม: โทร. 0-2229-2222 โทรสาร. 0-2654-5426-7 E-mail:
[email protected]
สอบถามข้อมูลและบริการด้านเทคนิค: โทร. 0-2229-2222 โทรสาร. 0-2654-5426-7 E-mail:
[email protected]
สื่อมวลชนสัมพันธ์: โทร. 0-2229-2036-7 โทรสาร. 0-2359-1005-6 E-mail:
[email protected]
[/url]
โดย
sailom
อังคาร ก.ค. 06, 2004 6:47 pm
0
0
ไม่มีหัวข้อ
โดย
sailom
ศุกร์ ก.ค. 02, 2004 12:17 pm
0
0
ใครใช้ out look เป็นบ้าง
ถ้าเป็น MS Outlook ให้เข้าไปที่เมนู Tools แล้วเลือกหัวข้อ Options ที่หน้า Preferences คลิกที่ปุ่ม E-mail Options... แล้วเข้าไปคลิกที่ปุ่ม Advance E-mail Options จะมีเกี่ยวกับการเตือนเมื่อได้รับเมล์
โดย
sailom
ศุกร์ พ.ค. 21, 2004 12:33 pm
0
0
ผมนึกว่าหุ้นอสังหาฯ โดนเวนคืนพร้อมกันหมดทั้งกรุงเทพฯ
ผมคิดว่ากำไรปีนี้น่าจะพอ ๆกับปีที่แล้ว เหตุผลของผมก็คือปีที่แล้วถือเป็นปีพิเศษเนื่องจากมีการเร่งโอนบ้านกันใน Q4 ทำให้ยอด Q1 47 ตกลงไปมาก แต่เมื่อเลย Q2 ไปยอดขายน่าจะกลับมาเติบโตปกติ (10-15%) ทั้งนี้ผมมีสมมติฐานว่าวงจรธุรกิจน่าจะยังไม่ถึงจุดสูงสุด เพราะ 1. ยังไม่มีปัญหา Over Supply 2. เงินทุนของบริษัทส่วนใหญ่ยังรองรับการขยายตัวได้ (D/E ยังต่ำ) และผู้ประกอบการมีความระมัดระวังในการลงทุน 3. ปัญหาราคาน้ำมันจะทำให้ที่อยู่อาศัยในเมืองได้รับความนิยมมากขึ้น เมื่อวานอ่านบทวิเคราะห์บริษัทขายบ้านแห่งหนึ่ง บอกว่ายอดขายเดือนเมษาเท่ากับยอดขายทั้ง Q1 ผมเลยค่อนข้างแน่ใจว่า ณ ราคาระดับนี้ ไม่แพงแล้วละครับ
โดย
sailom
ศุกร์ พ.ค. 21, 2004 12:13 pm
0
0
แจกข้อมูลปี 2546 หุ้นรายตัว asset, debt, d/e ratio ครับ *ยก
ขอบคุณครับ
[email protected]
โดย
sailom
ศุกร์ มี.ค. 19, 2004 10:56 am
0
0
CEI ไตรมาสสองขาดทุนครับ
ใครที่ถือตัวนี้หรือกำลังสนใจ ขอให้ใช้ความระมัดระวังหน่อยก็ดี ผมกลัวจะเหมือนกรณี CAPE ที่มีการย้ายฐานการลงทุนแล้วไซฟ่อนเงินไปไว้ที่ประเทศจีน สุดท้ายผู้ถือหุ้นรายย่อยตายลูกเดียว
โดย
sailom
พุธ มี.ค. 17, 2004 10:54 am
0
0
มาเปิดประเด็นเรื่อง N-PARK SYNTEC SIRI ครับ
ไม่ทราบว่ายังมีใครจำกลุ่ม Fin 1 กับวิธีการทำธุรกิจด้วยการใช้เงินต่อเงินเหมือนแชร์ลูกโซ่ได้ไหม ผมไม่ได้กำลังจะบอกว่ากลุ่ม N-Park ใช้วิธีเดียวกัน แต่คล้ายกันมาก เพียงแต่เปลี่ยนจาก Finance มาเป็น Property เท่านั้น วงจรอุบาทว์เริ่มจากการใช้เงิน (ของใครก็ไม่รู้) ซื้อธุรกิจ ตั้งบริษัทลูก ควบรวมกิจการ ถือหุ้นไขว้กันจนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร สร้างข่าวโปรโมท เพื่อผลสุดท้ายคือสร้างมูลค่าเพิ่มของกิจการในอนาคต (อีกเมื่อไหรไม่รู้) จนดึงดูดนักลงทุนเข้ามาซื้อหุ้น ทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น ผู้ถือหุ้นใหญ่ตัวจริง (ใครก็ไม่รู้) ขายหุ้นเก็บกำไร+ทุนเข้ากระเป๋า ธุรกิจไปไม่รอด เพราะไม่มีความชำนาญจริง ราคาหุ้นร่วง หาคนอื่นมาซื้อกิจการต่อ (เพื่อคืนทุนส่วนที่เหลือ) สุดท้ายนักลงทุนรายย่อยเจ๊ง ขออย่าให้เป็นเหมือนกันเลยครับ
โดย
sailom
ศุกร์ ก.พ. 20, 2004 5:18 pm
0
0
PF ครับตอนนี้ PER ต่ำ อยู่ที่3.58
ส่วนตัวผมชอบ NOBLE ครับ PE ประมาณ 9 มีปันผล กำไรเติบโตไม่น้อยกว่า 15% และที่สำคัญไม่มีลูก ๆรอแบ่งสมบัติ 8)
โดย
sailom
อังคาร ม.ค. 20, 2004 11:43 am
0
0
เก่งหรือเฮง
เรื่อง Forest Gump นี่ผมดูหลายรอบ ชอบมาก ลักษณะของ Gump ทางการแพทย์จะเรียกว่า ออทิสติก ซึ่งมีเด็กเป็นจำนวนมากที่เป็น (รวมถึงคุณภูมิของทูลกระหม่อมหญิงฯ) ออทิสติกไม่ใช่คนโง่หรือฉลาดกว่าปกติ แต่เป็นคนที่มีความสนใจผิดปกติ คือมักจะหมกหมุ่นอยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งเพียงอย่างเดียว โดยไม่สนใจเรื่องอื่นเลย ทำให้เป็นคนที่มีพัฒนาการทางสังคม (เช่น พูด อ่าน เขียน กิจกรรมในชีวิตประจำวัน เข้าสังคม) ช้าถึงช้ามาก ๆ สมัยก่อนมักจะคิดกันว่าเป็นคนโง่หรือปัญญาอ่อน แต่ปัจจุบันพบแล้วว่าถ้าเลี้ยงดูอย่างถูกวิธี ด้วยความอดทน และกระตุ้นพัฒนาการในทางที่ถูก เด็กจะเติบโตและใช้ชีวิตได้เกือบเท่าคนปกติ ลักษณะพิเศษของเด็กออทิสติก คืออาจจะมีความสามารถพิเศษในบางเรื่องเช่น ดนตรี กีฬา คณิตศาสตร์ เพราะเวลาที่แกสนใจจะทุ่มเทความสนใจอย่างจริงจังในเรื่องนั้น ตรงนี้จึงเป็นจุดดีที่มาทดแทนข้อบกพร่องเรื่องอื่น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องได้รับการกระตุ้นและพัฒนาอย่างถูกทางด้วย ที่ผมสนใจเรื่องนี้เพราะตอนที่มีลูกคนแรก กังวลมาก เลยหาหนังสือเกี่ยวกับเด็กมาอ่านเยอะไปหมด
โดย
sailom
พุธ ต.ค. 29, 2003 2:16 pm
0
0
ผมลบหุ้นในโครงการร้อยคนร้อยหุ้น ที่ข้อมูล...
ที่นั่น เขาต้องการขายโปรแกรมวิเคราะห์หุ้น เพราะฉนั้น ข้อมูลเหล่านี้ไปขัดขวางผลประโยชน์เขานะคุณเจ๋ง ผมเคยว่าดีนะดีอยู่หรอก แต่ไปขวางทางใครหรือเปล่า เขาไม่พูดแต่เขาลบไปเรื่อยๆ คนเขียนก็เหนื่อยและต้องหยุดกันไปเอง ทีกระทู้ปั่นๆเขาชอบ จะได้ซื้อโปรแกรมดูแนวรับแนวต้านไง สัมนากี่ครั้งก็คนเต็มตลอด อิอิ คุณนทีแกคงไม่ได้ตั้งใจหรอกครับ ผมรู้จักกับคุณนทีมานานพอสมควร ถึงแม้จะไม่ได้สนิทกัน และแกก็อาวุโสกว่าผมอยู่ แกเป็นคนตรงไปตรงมา และค่อนข้าง conservative ครับ เว็บตลาดหุ้นนี่ก็เกิดขึ้นมาจากไอเดียของผู้ช่วยคุณนที เมื่อเดือนก่อนคุยกัน คุณนทีก็เล่าให้ฟังว่าเว็บไม่ได้ช่วยเพิ่มลูกค้าให้แกเลยครับ อัตราการเพิ่ม/ลดของลูกค้ายังเป็นปกติ ขึ้นกับภาวะตลาดหุ้นมากกว่า แถมแกยังบอกว่าโดน Host ไล่มาหลายที่เพราะปริมาณข้อมูลเกินกว่ากำหนด ยังไงก็อย่าไปว่าแกเลยครับ สงสัยอะไรสอบถามกับคุณนทีเลยดีกว่า
โดย
sailom
พุธ ก.ย. 24, 2003 1:47 pm
0
0
PE ตลาด อยู่ที่เท่าไร ควรเลิกเล่นหุ้น
ฟองสบู่แตก... ..หุ้นร่วง ..แบงค์ล้ม ..บริษัทปิด แต่..ทองแท้ (ไม่ต้องมีพาน).. ย่อมไม่กลัวไฟ ซื้อทองครับแน่นอนสุด เปลี่ยนเป็นเงินได้ทุกเวลา ทนทานต่อเงินเฟ้อ มูลค่าไม่เคยตก (กลัวอย่างเดียว ตอนธนาคารชาติระบายทอง หรือเจอเหมืองทองขนาดใหญ่)
โดย
sailom
พฤหัสฯ. ก.ย. 18, 2003 1:31 pm
0
0
รบกวนทุก ๆ ท่าน ช่วยแสดงความเห็นด้วย
การลงทุน เป็นการทำงานเพื่ออนาคต ซึ่งอาจจะเป็น 10, 20 หรือ 30 ปีข้างหน้า ผลตอบแทนจากการลงทุนควรนำไปลงทุนต่อ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการลงทุนเร็วขึ้น ถ้าน้องทำงานประจำ น้องจะมีรายได้จากงานประจำมาใช้จ่าย และมีเงินเหลือไปลงทุนต่อ สามารถใช้เวลาว่างมาศึกษาข้อมูล และทำงานเป็นนักลงทุนแบบไม่เต็มเวลา VI ไม่จำเป็นต้องเฝ้ากระดาน ซึ่งจะทำให้เสียสมาธิ กระทบงานประจำ ถ้าน้องไม่ทำงานประจำ ผลตอบแทนการลงทุนจะต้องถูกดึงออกมาใช้จ่าย เป้าหมายการลงทุนที่เราต้องการก็จะช้าออกไป หากมีทรัพย์มรดกมากพอ จะเลือกทำงานเป็นนักลงทุนเต็มเวลาก็ได้ แต่ผมแนะนำให้ใช้เวลาไปศึกษาต่อเพิ่มเติมจะดีกว่า การทำงานแล้วมีปัญหา ถ้าเราสู้และแก้ไขได้ เราจะเติบโตขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง แต่ถ้าแก้ไม่ได้จริง ๆ ยังมีงานอีกมากรอคุณอยู่ วัยของคุณยังทดลองอะไรได้อีกมาก 8)
โดย
sailom
อังคาร ก.ย. 16, 2003 5:26 pm
0
0
โอ้ยขายเพชรไปซื้อพลอย
ผมค่อย ๆปรับพอร์ตมาถือ SCB เมื่อสองอาทิตย์ก่อน แต่ดันไปรับของแพงเพิ่มเมื่อวันจันทร์ แถมเจ้าตัวที่ปล่อยไปก็ดันขึ้นมาซะอีก เฮ้อ ตอนแรกที่คิดว่าตัดสินใจถูก ตอนนี้เลยชักไม่แน่ใจ :? ว่าแต่ทำไมคุณ genie เลือก BT ละครับ จำไม่ได้ว่าโบรกฯไหนเค้าว่า IFCT น่าจะได้ประโยชน์จากการรวมมากกว่านะครับ 8)
โดย
sailom
พุธ ส.ค. 27, 2003 1:43 pm
0
0
VI เพื่ออะไร
ผมว่าจะเป็น VI VS หรือ ไม่มีV มันไม่สำคัญหรอกครับ แต่ที่สำคัญมากๆและมากที่สุดคือ คุณเข้าใจหรือเปล่าว่าคุณกำลังจะทำอะไรอยู่ และเหตุผลและความเสี่ยงที่จะลงมือนั้นคุณรับได้หรือไม่ สิ่งนี้สิครับที่สำคัญกว่า ผมเห็นด้วยครับ การเก็งกำไรเป็นธรรมชาติของการลงทุน หากไม่คิดว่าลงทุนแล้วกำไร เราก็คงไม่ลงทุน จริงไหมครับ ที่สำคัญก็อย่างที่คุณ genie บอกคือ ต้องรู้ตัวอยู่ตลอดว่ากำลังทำอะไร (สติ) และต้องศึกษาในสิ่งที่ตัวเองกำลังทำให้ถ่องแท้ (ปัญญา) ผมเองไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการลงทุน เพียงแต่กำลังเริ่มต้นที่จะลงทุนอย่างมีการศึกษา และกำลังหาแนวทางที่เหมาะกับจริตของตัวเอง ที่ทำแล้วมีความสุข ซึ่งแนวทาง VI ก็เป็นแนวทางหนึ่งที่ผมพยายามเรียนรู้อยู่ แต่บอกตรง ๆว่า บางครั้งอวิชชา (ไม่รู้ + โลภ) ก็มาบังตาเป็นพัก ๆเหมือนกัน ต้องเหยียบเบรกกันแทบแย่
โดย
sailom
อังคาร ส.ค. 26, 2003 2:52 pm
0
0
ธนาคารไทยกำลังจะกลับมา ?
ทฤษฎีของคุยดัชนีไทยที่ว่า "ตลาดหุ้นเป็นตัวนำเศรษฐกิจ" ผมอยากจะเพิ่มอีกข้อครับ "ตลาดหุ้นเป็นตัวนำนักวิเคราะห์" ขำๆๆๆ :P บทวิเคราะห์ส่วนใหญ่มักจะมาจากโบรกฯ ทีนี้โบรกฯเองก็ซื้อขายหุ้นด้วย ทีนี้มันก็เลยมองได้ว่าอาจจะมี "ผลประโยชน์ทับซ้อน" เท่าที่ผมสังเกตุดูบทวิเคราะห์ส่วนใหญ่ โดยเนื้อหาก็ O.K. แต่มักจะออกมาไม่ค่อยถูกเวลาเท่าไร เช่น บอกให้ซื้อตอนที่หุ้นใกล้ถึงดอย หรือบอกให้ทยอยสะสมตอนที่หุ้นตกหาแนวรับไม่เจอ แต่ผมก็อ่านนะครับ อย่างน้อยข้อมูลเชิงตัวเลขก็เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ และมักจะเป็นข้อมูลที่เราหาได้ยาก 8)
โดย
sailom
อังคาร ส.ค. 26, 2003 12:02 pm
0
0
อยากคุยเรื่องประกัน
ขอให้ข้อมูลเฉพาะประกันวินาศภัยนะครับ เบี้ยประกันอัคคีภัย ปีแรกมักจะถูกบังคับจากธนาคารที่ปล่อยกู้ให้ทำเสมอ และคิดจากราคาประเมินของสินทรัพย์ ส่วนปีต่อๆไปก็ขึ้นอยู่กับสัญญากู้ครับ ประกันอัคคีภัย อัตราการ claim ต่ำ แต่เบี้ยก็ต่ำ ประกันทางทะเล เบี้ยจะขึ้นอยู่กับความเสี่ยงเรื่องภาวะสงคราม ประกันรถยนต์ ความเสี่ยงสูงที่สุด มีการแข่งขันทางด้านราคาสูง เพราะมีผู้เล่นในตลาดเยอะ ความสามารถในการทำกำไรขึ้นอยู่กับการบริหารพอร์ตการลงทุนมากกว่าจากรายรับเบี้ยประกัน เนื่องจากอัตราการเติบโตของรายรับเบี้ยประกันไม่สูงมากนัก ส่วนใหญ่กิจการ - เงินสดเยอะ - หนี้น้อย - มีกำไรและมีปันผลสม่ำเสมอ - สภาพคล่องของหุ้นต่ำถึงต่ำมาก หุ้นส่วนใหญ่อยู่ที่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ - ราคาไม่ค่อยลง และซึ้อยาก
โดย
sailom
ศุกร์ ส.ค. 01, 2003 1:07 pm
0
0
หน้า
1
จากทั้งหมด
1
Verified User
ชื่อล็อกอิน:
sailom
กลุ่ม:
สมาชิก
ความถนัด:
ลูกจ้าง
ที่อยู่:
สวนธนฯ บางมด
ติดต่อสมาชิก
PM:
ส่งข้อความส่วนตัว
สถิติสมาชิก
ลงทะเบียนเมื่อ:
อังคาร ก.ค. 29, 2003 5:19 pm
ใช้งานล่าสุด:
พุธ ส.ค. 29, 2012 9:28 am
โพสต์ทั้งหมด:
60 |
ค้นหาเจ้าของโพสต์
(0.00% จากโพสทั้งหมด / 0.01 ข้อความต่อวัน)
GO_TO_SEARCH_ADV
ไปที่
การลงทุนแบบเน้นคุณค่า
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้น
↳ ห้องร้อยคนร้อยหุ้นต่างประเทศ
↳ ไอเดียหุ้นเด้ง
↳ หลักสูตรการลงทุนออนไลน์
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์ [กระทู้รับชมออนไลน์]
↳ ศาสตร์ของหุ้นเติบโต โดยอ.เบส ลงทุนศาสตร์
↳ ThaiVI GO Series
↳ คลังกระทู้คุณค่า
↳ Value Investing
↳ บทความ
↳ ความรู้งบการเงิน
↳ ร้อยคนร้อยเล่ม / Multimedia Forum
↳ mai Corner
↳ Alternative Investing
เรื่องทั่วไป
↳ นั่งเล่น / กีฬา / สุขภาพ
↳ Asking Staff
↳ CSR
×
บันทึกไม่สำเร็จ
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
×
บันทึกสำเร็จแล้ว